“โจวจงฮวยแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่? เขาถึงขั้นอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เก้าแล้ว คราครั้งนี้ฉินหยุนสมควรรู้สึกสํานึก เสียใจแล้วกระมัง”
“หากคิดหนีตอนนี้ ก็ยังพอทําได้อยู่!”
ฉินหยุนทราบว่าโจวจงฮวยอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ย้อนกลับไป
ก่อนหน้า เป็นผู้ก่วยแนะนําให้เขายอมปล่อยวาง การประลองครั้งนี้ด้วยซํ้า
ตอนนี้ เมื่อเขาได้เห็นโจวจงฮวยปล่อยขุมพลังภายในขั้นสูง เขายังอึ้ง มี
เพียงผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า และอยู่ ระหว่างทางสู่ขอบเขตวร
ยุทธ์เด้ จึงสามารถปล่อยพลังภายใน ออกมานอกกายอย่างโจวจงฮวยได้!
โจวจงฮวยก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าได้นานแล้ว เป็นเขากําลัง
ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต่ในอีกไม่นาน!
“หรือจะเป็น มันคิดต้องการหยิบยืมโทเทมของเราช่วยเหลือ ก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋า?” ฉินหยุนกําหมัดแน่นขณะกัดฟันดัง กรอด
“ต้องทําลายมารร้ายตนนี้และล้างแค้นให้พี่ฮั่ว!”
“การประลองยุทธ์ เริ่มต้นได้!” เมื่อกรรมการชราได้เห็นนาฬิกา ทราย
พร้อม เขาจึงประกาศเสียงดัง นับตั้งแต่เริ่ม โจวจงฮวยปลดปล่อยพลัง
ภายในน่าสะพรึงออก หลังประกาศเริ่มต้นการประลอง เสียงคํารามดัง
สนั่นบังเกิด คล้ายกับว่าเสียงคํารามนี้น่ากลัวเทียบเท่าราชสีห์สวรรค์ ทว่า
เสียงคํารามของโจวจงฮวยเป็นของพยัคฆ์
ฉินหยุนโดนผลักดันกลับหลายสิบเมตรเพราะคลื่นเสียง โจวจง ฮวย
ปลดปล่อยคลื่นเสียงพร้อมสายลมรุนแรง ร่างนั้นทะยาน เข้าหาด้วยฝีเท้า
ดังกึกก้องบนลานประลองทองแดง! เพียงพริบตา โจวจงฮวยปรากฏ
ตรงหน้าฉินหยุน ด้วยฝ่ามือยื่นออก คล้ายอุ้งตีนพยัคฆ์ตัวหนึ่ง ทว่าแท้จริง
คมกริบดังกรง เล็บเหยี่ยว ด้วยอุ้งตีนที่มีกรงเล็บคมกล้า มันเข้าคว้าคล้าย
เหยี่ยวเล็งเหยื่อ ฉินหยุนตระหนกขณะหลบเลี่ยง เพียงตอนนี้ เขาค่อย
ตระหนัก ได้ ว่าโจวจงฮวยกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ แขนนั้นแปรเปลี่ยน
เป็นขนฟูปรากฏผ่านแขนเสื้อ ลายพยัคฆ์และขนสีทองปรากฏ ที่ใบหน้า
ชัดเจนว่าวิญญาณยุทธ์ของเขา คือวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์
ทางด้านฉินหยุน เขาพบว่าวิญญาณยุทธ์ของโจวจงฮวยไม่ใช่ เพียงแต่
พยัคฆ์ มันยังมีร่างของสัตว์อื่นผสมปนเป แต่ไม่อาจ สังเกตได้อย่างเด่นชัด
“ไม่ใช่แค่วิญญาณยุทธ์พยัคฆ์ แต่ยังมีอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย ต้อง ระวังให้
มาก” ขณะฉินหยุนคิดเช่นนี้ โจวจงฮวยโจมตีเข้าใส่อีก ครั้ง เขาปลดปล่อย
วัชระกําลังภายในออกยามโจมตี ด้วยกรงเล็บฟาดเข้ามา สายลมรุนแรง
จึงบังเกิด!
ฉินหยุนร่างถอยกลับเพราะกรงเล็บ เขาใช้วัชระกําลังภายใน ปลดปล่อย
วิชาคลื่นยักษ์ กําลังภายในแปรเปลี่ยนเป็นคลื่น กระแทก ฉีกกระชากกรง
เล็บของคู่ต่อสู้
“คลื่นกระแทกเก้าระลอก เป็นเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ที่ถึงขั้น สมบูรณ์แล้ว!”
หยางฉีเย่ว์ลอบอุทานออก
เคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ เป็นเคล็ดวิชายุทธ์ระดับลึกลํ้า ชื่อเสียงโด่ง ดังยิ่ง เมื่อ
ฉินหยุนใช้เมื่อครู่ มันเกิดเป็นคลื่นกระแทกเก้าครั้ง โหมเข้าใส่โจวจงฮวย
เมื่อฉินหยุนปลดปล่อยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ เขายิ่งเพ่งสมาธิกับการโจมตี
ทางจิตไปยังโจวจงฮวย ทว่ามันไร้ผล พลังจิตของเขา ที่ส่งออกไป กลับ
ต้องเผชิญพลังประหลาดสะท้อนกลับมา โจวจงฮวยลงมือโจมตีหลายครั้ง
ครา ทว่าก็ยังพลาด เป็นเขามี โทสะจึงคํารามร้องออกอย่างกราดเกรี้ยว
ราวกับสัตว์ดุร้าย ร่างนั้นทะยานเข้าหาฉินหยุนอย่างบ้าคลั่ง
ครั้งนี้ โจวจงฮวยไม่คิดใช้อุ้งตีนเข้าโจมตี กลับกัน เมื่อเข้ามา ใกล้ เขาพลัน
พ่นสายฟ้ากระแสหนึ่งออกมา คลื่นแม่เหล็ก มัน พุ่งเข้าใส่ศีรษะของฉิน
หยุนโดยทันที ฉินหยุนร่างกระเด็นถอยกลับ เส้นผมยุ่งหยิง เป็นเขาไม่
คาดคิด ว่าโจวจงฮวยจะพ่นเอาสายฟ้าน่าสะพรึงนี้ออกจากปากได้ ขณะ
ร่างเกือบสัมผัสพื้น โจวจงฮวยพลันทะยานร่างจากบนฟ้า ลงที่กายเขา
ตู้ม! ด้วยสัมผัสถึงอันตราย ฉินหยุนกลิ้งกับพื้นไปด้านข้าง หลบ เลี่ยงการ
กระทับลงมา หากไม่แล้ว เมื่อครู่เขาคงบาดเจ็บหนัก! โจวจงฮวยคําราม
กราดเกรี้ยว ปากอ้าออกอีกครั้งขณะยิงสายฟ้าใส่ฉินหยุน ฉินหยุนเร่งรีบ
หลบ กระโดดไปมาหน้าหลัง เมื่อโจวจงฮวยได้เห็นว่าไม่อาจโจมตีฉินหยุน
เขาโกรธเคือง ขณะทะยานกายเข้ามาใกล้
แขนราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุนพลันสั่นเทิ้ม ลําแสงทองม่วง สว่างวาบ
ปรากฏขึ้นเป็นกรงเล็บราชสีห์! เป็นกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ที่ปรากฏออกมา!
ด้วยการใช้กรงเล็บราชสีห์สวรรค์แทนอาวุธ เขาเผชิญหน้า กับโจวจงฮวยที่
ทะยานกายเข้ามา พร้อมปลดปล่อยวิชาวายุ สังหารออก วายุฟาดฟัน
คลื่นทลาย แยกภูผา แยกพสุธา แยก นที และอสนีบาต!
ทั้งหกกระบวนท่าผ่านกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ มันร่ายรําผ่าน อากาศราว
สายฟ้า เกิดเป็นคลื่นอากาศลูกแล้วลูกเล่า ฟ้า คํารามและสายฟ้าสว่างวูบ
วาบเสียงดังสนั่น ปกคลุมสู่ร่างของ โจวจงฮวย!
“อ๊าก!” ทั่วทั้งร่างของโจวจงฮวย ปกคลุมด้วยบาดแผลและ รอยเชือด
เฉือน! พอทุกคนได้เห็นดังนี้ พวกเขาล้วนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง! ฉินหยุนทํา
โจวจงฮวยบาดเจ็บ นี่ต้องถูกส่งเข้าห้องขังแล้ว!
“ฉินหยุน นี่เจ้ากล้าทําร้ายอาฮวยบาดเจ็บหรือ!” ผู้อาวุโส ตําหนักทิศใต้
คํารามกราดเกรี้ยว
“ไม่เห็นหรือว่าอาฮวยเจ็บ?”
“หุบปาก! หากข้าไม่ทํามันเจ็บ เจ้าคิดปล่อยให้มันทําร้ายข้า หรือ? หาก
เจ้าไม่อยากให้มันถูกทําร้าย เช่นนั้นจงอย่าได้มาประ มือกับข้า บอกมันให้
กลับบ้านไปดูดนมเจ้า!” ฉินหยุนคํารามใส่ ผู้อาวุโส ทุกคนพอได้ยิน ล้วน
อดไม่ได้จนระเบิดเสียงหัวเราะออก
ในการแข่งขัน การบาดเจ็บถือเป็นเรื่องปกติ แต่แล้วผู้อาวุโส ท่านนี้ กลับ
ไม่คิดให้ผู้อื่นทําร้ายคนของตนเอง นี่ถือเป็นเรื่อง อะไร? ผู้อาวุโสตําหนัก
ทิศใต้ใบหน้าแดงกําด้วยความโกรธ เสียงเขา คํารามใส่โจวจงฮวย
“อาฮวย อย่าได้สน สังหารมันเสีย! ตราบ เท่าที่มันตาย เชี่ยวเย่ว์หลานก็
เป็นของเจ้า ไม่อยากได้นางแล้วหรือยังไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าย่อมอยากได้นาง ข้าต้องการทรมานนางสารเลว นั่นให้ตายที
ละน้อย!” โจวจงฮวยปล่อยเสียงหัวเราะตํ่าช้าออก พลังภายในตอนนี้พลัน
ระเบิด เมื่อโจวจงฮวยใช้วิชายุทธ์ เขานํากําลังภายในมหาศาล ปลดปล่อย
ออก ยิ่งทําให้วิชายุทธ์ที่กําลังคิดปลดปล่อยนี้ทวี ความน่าสะพรึง เพียงชั่ว
อึดใจ โจวจงฮวยที่ร่างเต็มไปด้วยบาดแผล พลัน ปรากฏเหนือศีรษะฉิน
หยุน ฝ่ามือฟาดฟันลง ปะทะเข้าใส่แขน ของฉินหยุน!
ฝ่ามือนี้ผู้คนหนาวสันหลัง มันส่งเสียงหวีดหวิวของการกรีด ผ่านอากาศ
ฝ่ามือนี้ราวกับภูตผีร่ําไห้ เสียงนี้ปกคลุมทั้งสนาม ประลอง หลายคนถึงกับ
ขนลุก!
“ฝ่ามือวิญญาณสัมบูรณ์!”
“โจมตีใส่ฉินหยุน!”
“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว?” ไหล่ซ้ายของฉินหยุนโดนฝ่ามือเข้าปะทะ ร่างล้มกับ
พื้น เป็นเขา โดนโจวจงฮวยที่ร่างโชกเลือดโจมตีสะกดลงมา ใบหน้าเสวี่ย
ซือเยี่ยซีดเผือด นางเผยสีหน้าสะพรึงกลัวออก หยางฉีเย่ว์และหลันเพิ่งจิน
ต่างต้องชักสีหน้า “ฉินหยุน เป็นอะไรหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์ตะโกนถามจาก
ที่นั่ง คนดู
“เร็วเข้า สะบัดมันออกแล้วรีบลงจากลานประลองยุทธ์” ตู้ก๋วย อยู่แถว
หน้า เสียงตะโกนนี้ดังไม่น้อย
โจวจงฮวยที่ร่างโชกเลือดมองอย่างดุดัน เขาคําราม และ คํารามซํ้า ขณะ
กรงเล็บพยัคฆ์ปรากฏ มันสับฟันเข้าใส่ฉินหยุน! เพียงพริบตา ทั่วทั้งสนาม
ประลองจึงปกคลุมด้วยเสียงร้อง โหยหวนของสายลมจากฝ่ามือที่เข้า
โจมตี ราวกับทั่วทั้งสนาม ประลองกลับกลายเป็นโลกหลังความตายที่
วิญญาณชั่วร้ายถูก กักขัง เสียงโหยหวนของสายลมทําเอาผู้คนขนลุกชี้
ชัน! การโจมตีต่อเนื่องของฝ่ามือวิญญาณสัมบูรณ์ ลั่นใส่อย่าง โหดเหี้ยม
ต่อร่างฉินหยุน ทุกฝ่ามือล้วนทรงพลังน่าสะพรึง
ทุกคนทราบ ตราบเท่าที่โดนฝ่ามือนั้นแม้สักครั้ง วิญญาณยุทธ์ พวกเขาจะ
บาดเจ็บสาหัส! สําหรับฉินหยุน ด้วยโดนหลายครั้ง เพียงนั้น ผลลัพธ์ล้วน
คาดเดาได้
“ฮ่าฮ่า ต่อให้ฉินหยุนมันไม่ตาย ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงของ อาฮวย
ยังไงมันก็ต้องถูกส่งเข้าห้องขัง!” ผู้อาวุโสตําหนักทิศใต้ หัวเราะดังลั่น
“อาฮวย หลังได้รับรอยสักโทเทมของมัน ปล่อย ให้ชีวิตไร้ค่าของมันได้อยู่
ต่อ ให้มันได้ดื่มตํ่า!”
พอฝูงชนได้ยินเสียงของผู้อาวุโสท่านนี้ พวกเขาต่างตระหนัก โจวจงฮวย
กําลังจะยึดครองรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์ของฉัน
หยุนแล้ว! เท้าหนาใหญ่ของโจวจงฮวยเหยียบที่แผ่นหลังฉินหยุน ด้วยการ
ฉีกเสื้อผ้าท่อนบนออกเป็นชิ้น ฉับพลันนี้เอง แสงสว่างทองม่วง พลัน
ปรากฏจากหน้าท้องและปกคลุมขนสัตว์หนา
โฮก!
แสงหลากสีสันปรากฏ มันปกคลุมพยัคฆ์ทองม่วงเอาไว้ พยัคฆ์ ตัวนี้ดูไป
ประหลาดยิ่ง มันมีเศษเสี้ยวของมังกร ร่างนั้นปกคลุม ด้วยผังจารึกนานา
ชนิด!
“เป็นวิญญาณยุทธ์มังกรพยัคฆ์!” คนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่าง แตกตื่น
หลันเฟิ งจินเองก็อยู่ใกล้ชิดลานประลอง นางคิดอยากเข้าไป ห้าม แต่ก็
ต้องโดนสกัดเอาไว้โดยม่านพลัง แขนราชสีห์สวรรค์ส่องแสงระยับ ราวกับ
โทเทมราชสีห์สวรรค์ ที่แขนของเขากําลังเคลื่อนไหว
“ฮ่าฮ่าฮ่า โทเทมราชสีห์สวรรค์ของเจ้าตอนนี้ตกแก่ข้า! เจ้าไม่ คู่ควรได้
ครอบครองรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์ มีแต่ข้าจึง คู่ควรและทําให้มัน
เปล่งประกายได้!” โจวจงฮวยยินดียิ่ง เป็นเขาหัวเราะออกราวคนบ้า
“เห็น หรือไม่? โทเทมราชสีห์สวรรค์ของมันกําลังมาหาข้า ฉินหยุน เจ้าคน
อ่อนแอ โทเทมเพียงแต่เลือกติดตามผู้ที่แข็งแกร่ง เท่านั้น”
“ฉินหยุน รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!” หยางฉีเย่ว์มาถึงข้างลานประลอง นางตะโกน
ออกด้วยความเป็นกังวล
“โทเทมของเจ้า ย่อมเป็น พลังของเจ้า!”
“ข้าทําลายวิญญาณยุทธ์มันไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า กระทั่งขยับมันยัง ทําไม่ได้!”
โจวจงฮวยหัวเราะ ผู้คนอึ้งไปวูบขณะหันมองฉินหยุน ผู้ซึ่งแน่นิ่งกับพื้น ฉิน
หยุนจบสิ้นที่เท่านี้หรือ? อย่างกะทันหัน แขนของฉินหยุนขยับโจวจงฮว
ยเองก็หันควับมอบฉินหยุน เท้าของเขายังคงเหยียบ
ที่แผ่นหลัง ทว่า เขากลับรู้สึกถึงพลังชวนสะพรึงโหมเข้าใส่! เป็นพลัง
ภายใน เป็นพลังภายในที่ทรงอํานาจยิ่งด้วย! แก่นภายในตะวันทมิฬของ
ฉินหยุน กําลังหมุนวนเร็วรี่ พลัง ภายในตอนนี้ควบแน่นทะลักไปยังแขน!
โจวจงฮวย ผู้ที่เมื่อครู่หัวเราะบ้าคลั่ง ขณะนี้สีหน้าซีดเผือด เป็นเขาโดน
กําลังภายในของฉินหยุนระเบิดร่างกระเด็นไป!
ฉินหยุนทะยานขึ้นจากพื้น ด้วยแขนราชสีห์สวรรค์ปลดปล่อย สายฟ้าออก
เสียงคํารามสะเทือนแผ่นดินดังขึ้น มันเข้า ปะทะโจวจงฮวย พลังภายในที่
เขารวบรวมไว้ในแขน ฉับพลัน นี้จึงระเบิดออก!
วิชาระเบิดปราณขั้นสมบูรณ์แบบถูกใช้งานออกมา! หมัดฉินหยุนต่อยออก
เผยซึ่งคลื่นเปลวเพลิงทองม่วงมวล มหาศาล มันปกคลุมร่างโจวจงฮวย
และวิญญาณยุทธ์โทเทม มังกรพยัคฆ์ที่เขาปลดปล่อยออกมา
หน้าอกโจวจงฮวยปะทะกับหมัด เกิดขึ้นเป็นรูขนาดใหญ่ ร่าง นั้นกระเด็น
ออกจากลานประลอง ปะทะกับกําแพงหินด้านล่าง ที่นั่งผู้ชม ทั้งร่างจมลึก
ในหลุม พร้อมกันนี้ ฉินหยุนเร่งรีบกลืนกินวิญญาณยุทธ์โทเทมมังกร
พยัคฆ์สู่แก่นภายในตะวันทมิฬ ด้วยพลังภายในตะวันทมิฬ เขา สามารถ
สะกดวิญญาณยุทธ์มังกรพยัคฆ์ที่บ้าคลั่งเอาไว้ได้ ยอดฝีมือวรยุทธ์เฝ้ล้วน
สะท้าน พวกเขาไม่อาจสงบใจได้อีก พวกเขาล้วนเห็นกับตาว่าเป็นโจวจง
ฮวยที่ร่างกระเด็นออกมา!
ฉินหยุน แท้จริงคือผู้พลิกกระดาน นอกจากนี้ หมัดที่ปล่อยออก เมื่อครู่ยัง
ชวนสะพรึง เป็นเขาใช้งานมันด้วยขุมพลังภายในขั้น สูงเพียงอย่างเดียว!
เรื่องที่ควรทราบคือ กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต่า ยังไม่ อาจใช้ขุม
พลังภายในขั้นสูงเพียงอย่างเดียวเพื่อปลดปล่อยวิชา ยุทธ์
แต่ฉินหยุนสามารถกระทํา!
ความเป็นไปไม่ได้ที่เรียบง่ายนี้ เกินกว่าที่ผู้อื่นจะเข้าใจได้! หยางฉีเย่ว์เดิม
คิดอยากตะโกนออก แต่เสียงของนางต้องชะงัก หันมองโจวจงฮวยที่ร่าง
แน่นิ่งติดอยู่ในกําแพงหิน เป็นนางลิ้ง จนกล่าวคําใดไม่ออก ตู้ก่วย ผู้ซึ่ง
เพิ่งเดินลงจากบันได ร่างกายก็แข็งที่อไปเช่นกัน เขาคิดว่าฉินหยุนจบสิ้น
แล้ว ที่ไม่คาดคิดก็คือ จะเป็นฉินหยุนที่ ปลดปล่อยการโจมตีตอบโต้อย่าง
กะทันหัน ทั้งยังเป็นพลัง อํานาจที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสตําหนักทิศ
ใต้ทะยานกายออกอย่างไม่อาจเชื่อ พยายามดึงร่างที่ตายแล้วของโจวจง
ฮวยออกจากกําแพง เสียง ร้องยังดังไม่หยุด
“อาฮวย อาฮวย!” ทั่วทั้งสนามประลอง ถูกกลบด้วยเสียงกราดเกรี้ยวของ
ผู้อาวุโส ตําหนักทิศใต้ หลันเฟิ งจินหลังได้สติจากอาการตื่นตกใจ นางมอง
ฉินหยุน และกล่าวคําออก “วิชาระเบิดปราณ ขั้นสมบูรณ์แบบ พละกําลัง
ชวนสะพรึงนักยามเมื่อใช้แต่ขุมพลังภายในขั้นสูง ปล่อยการระเบิด
ออกมา!”
ตอนที่ 250 โทเทมมังกรพยัคฆ์
ในสนามประลอง คนของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม จํานวนมาก
พวกเขาล้วนคุ้นเคยกับวิชาระเบิดปราณเป็นอย่าง ดี ดังนั้นแล้ว จึง
สามารถพบได้ว่าเมื่อครู่ฉินหยุนใช้วิชาอันใด ออกมา ไม่ช้า เสียงฮือฮา
เรื่องฉินหยุนใช้วิชาระเบิดปราณแพร่กระจาย ทั่วสนามประลอง เป็นผลให้
หลายคนหลุดจากอาการงงงัน หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจโล่งอก ยิ้มให้ฉิน
หยุนก่อนกลับที่นั่งผู้ชม ของตนเอง สําหรับเรื่องที่จะตามมาถัดจากนี้
หลันเฟิ งจินจะ เป็นผู้จัดการเอง ฉินหยุนใช้วิชาระเบิดปราณได้ถึงขั้น
สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้ถือว่า ชวนตื่นตะลึงที่สุด
ทุกคนทราบ ว่าหากผู้หนึ่งเชี่ยวชาญวิชายุทธ์จนถึงขีดจํากัด มันจะเสมือน
กับการระเบิดพลังออกมา จนเหนือลํ้ายิ่งกว่า ระดับการฝึกฝนของผู้ใช้
ยกตัวอย่าง ครั้งที่ฉินหยุนยังไม่ได้ใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงก่อน หน้านี้ เขา
เพียงแต่ใช้วัชระกําลังภายในปลดปล่อยมังกรหลอม หกกระบวน เป็นเขา
เคยลองใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงผ่านมังกร หลอมหกกระบวน เขาสามารถ
ใช้งานได้เพราะรู้และเข้าใจ ระดับสูงลํ้า
ทว่ามันเป็นภาระต่อร่างกายของเขาหนักหนา จนเกินไป แต่ด้วยฉินหยุนมี
แขนราชสีห์สวรรค์ มันสามารถทานทนขุม พลังดังกล่าวได้ “หลังผ่านการ
ยืนยันตรวจสอบ โจวจงฮวยสิ้นชีพแล้ว ศิษย์ ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ฉินหยุนขัดต่อกฎของสนามประลอง อย่างร้ายแรง จะต้องถูกจําคุกเป็น
เวลาห้าสิบปี”
ชายชราจาก สนามประลองเดินออกมาจากข้างกายโจวจงฮวย
ผู้อาวุโสจากตําหนักทิศใต้มีโทสะ โพล่งกล่าวตะโกนขึ้น “ห้า สิบปีเพื่อ
อะไร? ฆ่ามันเสีย!”
“ตาเฒ่าบัดซบ! หากข้าไม่ถูกกระตุ้นโดยโจวจงฮวยที่คิดกลืน กินโทเทมข้า
ก็คงไม่สังหารมันทิ้ง! ผิดหรือที่ข้าสังหารมันที่คิด กลืนกินโทเทมข้าว แล้ว
ผิดหรือที่ข้าจะตอบโต้? สารเลว!”
ฉิน หยุนสบถต่าผู้อาวุโสตําหนักตวงดาว ผู้อาวุโสนี้ยิ่งโกรธแค้น ขณะ
ทะยานร่างออกด้วยโทสะ เขาพลัน ได้ยินเสียงหลันเฟิ งจินดังขึ้น
“ฉินหยุนคือศิษย์ข้า หากเขาโดน กักขัง อาจารย์เช่นข้าจะไม่ได้รับรางวัล
จากสถาบันเทียนเจียว เพราะเหตุนี้ข้ายินดีใช้ห้าร้อยล้านเหรียญผลึกของ
ข้าไถ่ถอนตัว เขาออกมา”
“เจ้า! เจ้า!” ผู้อาวุโสตําหนักทิศใต้ ไม่คาดคิดว่าหลันเฟิ งจิ นจะออกหน้า
ช่วยเหลือฉินหยุน ถึงขั้นนี้ เขาทําได้แต่มองหน้าห ลันเฟิ งจิน ไม่อาจกล่าว
คําใดอีกแม้ครึ่งคํา “แม้เจ้าใช้ห้าร้อยล้านเหรียญผลึกไถ่ตัวเขา ฉินหยุนก็
สังหาร คนไปจริง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องถูกกักขังอย่างน้อยสิบเดือน!”
ผู้จัดการสนามประลองกล่าวนํ้าเสียงจริงจัง “โดยหลักแล้วก็ เพื่อเตือนเขา
ว่าอย่าได้แหกกฏอีกครั้ง”
“สิบเดือน? สิบเดือนหรือ?” ฉินหยุนผายมือออก เผยสีหน้าเฉยชา
กลุ่มชายชราจากตําหนักทิศใต้ล้วนใจสลาย พวกเขาสูญเสีย ศิษย์ที่มีรอย
สักโทเทม ทั้งยังเสียโอกาสที่จะได้ให้เขาเรียนรู้ ศึกษาโทเทมทั้งสอง
ทั้งหมดนี้ก็เพราะฉินหยุน! หลายคนยินดีต่อความโชคร้ายนี้ ตําหนักทิศใต้
เดิมคิดอยากให้ โจวจงฮวยยึดครองโทเทมของฉินหยุน แต่ตอนนี้ พวกเขา
ทํา พลาด ขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียชีวิตไปอีก ด้วยความสูญเสีย ใหญ่
หลวง ตําหนักทิศใต้จึงต้องเจ็บปวดหัวใจกันไปอีกหลายปี เลยทีเดียว ผู้มา
จากตําหนักทิศใต้ ทําได้เพียงจ้องมองกินเลือดเนื้อฉินหยุน ที่ถูกคุ้มกันโดย
กลุ่มคนออกไป ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
สามารถควบคุมสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน และสถาบันยุทธ์เทียน เสวียน แต่
ไม่อาจควบคุมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน สาเหตุหลักก็เพราะ พละกําลังของ
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่ใช่ ธรรมดา
ลําพังตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังไม่อาจต่อกร สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน คุกใต้ดินซึ่งกักขังฉินหยุน อยู่ภายใต้สนามประลอง เป็นเขาถูก
กักขังในห้องหินแยกเดี่ยว กว้างและยาวกว่าสิบ เมตร นับว่าเพียงพอให้
เขาได้ติดตั้งอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน ประตูห้องหินเปิดได้แต่จาก
ด้านนอก ช่องทางทั้งหมดถูกปิดกั้น และเสริมพลังเอาไว้ กระทั่งเป็นผู้ฝึก
ตนวรยุทธ์เต๋ายังยากหาก คิดหลบหนีจากที่นี่ ประตูดินด้านนอก มีผู้ฝึกตน
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า พวกเขาจะเดินตรวจตรากันทั้งวันและคืน
ฉินหยุนนําแผ่นหนังสัตว์ของอาคมวิญญาณบรรจบเก้า ตะวันออกมา เป็น
เขาขัดเกลามันร่วมกับหลันเฟิ งจิน และใช้ เพียงน้อยครั้ง ตอนนี้ถือเป็น
โอกาสอันดีที่จะใช้งาน ครึก ครึก ครึก... ประตูหินพลันเปิดออก หลันเฟิ ง
จินและเสวี่ยซือเยี่ยเดินเข้ามา หลันเฟิ งจินสวมใส่ชัด รัดรูปสีนํ้าเงิน ไม่
ปกปิดรูปร่างเย้ายวนของนางแม้แต่น้อย ด้วย ผมเปียยาวลงมาจนถึง
หน้าอก ยิ่งขับเสน่ห์ให้นางมากยิ่งขึ้น อีกทางหนึ่ง เสวี่ยซือเยี่ยสวมใส่ชุด
กระโปรงสีม่วง แม้ไม่มี รอยยิ้มที่ใบหน้า แต่ดวงตาเผยความอ่อนโยน
“ท่านมาที่นี่จ่ายเหรียญผลึกไปเท่าใดกัน?” ฉินหยุนเร่งรีบลุก ขึ้นยืน เดิน
เข้าหา และยิ้มเอ่ยถาม
“ใช่! พวกเราเพิ่งจ่ายไปคนละห้าแสนเหรียญผลึก” หลันเฟิ งจิ นหันมอง
รอบและหัวเราะ
“สภาพแวดล้อมที่เป็นอย่างไร? คิด อยากมีเพื่อนร่วมห้องหรือไม่?”
“ท่านจะอยู่กับข้าที่นี่หรือ? วิเศษไปเลย!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
“ฝันไปเถอะ!” หลันเฟิ งจินหัวเราะ “เจ้าควรฝึกฝนอยู่ที่นี่ให้ดี หลังผ่านไป
สิบเดือน พวกเราจะรอคอยเจ้ากลับไป” สถาบันเทียนเจียว จะจัดการ
ทดสอบขึ้นในช่วงสิ้นปี หากแสดง ศักยภาพได้ดี ทั้งอาจารย์และศิษย์จะ
ได้รับรางวัลอย่างงาม และด้วยพละกําลังของฉินหยุนตอนนี้ ถือว่าเขา
แข็งแกร่งยิ่งใน สถาบันเทียนเจียว ด้วยเขาอยู่ ไม่แปลกที่หลันเพิ่งจินจะ
ได้รับ อันดับต้นในการทดสอบสิ้นปี
“ท่านไม่คิดใหม่หรือ? ไม่สนใจอยู่กับข้าที่นี่หรือ? ที่นี่ข้าเหงา มากเลยนะ!”
ฉินหยุนเผยสีหน้าห่อเหี่ยวและขื่นขม
“เจ้าอยากให้ข้าอยู่ที่นี่ และให้เจ้าเอารัดเอาเปรียบหรือ?” หลันเฟิ งจินนําก
ล่องขนาดใหญ่ออกมา และยิ้มให้ “นี่เป็นของ หวานที่ข้าทําเอง ใช้เวลาที่มี
ละเมียดละไมมันเสียละ”
เสวี่ยซือเยี่ยเองก็นําเอากล่องอาหารว่างออกมาให้ฉินหยุน ด้วย ความ
ยากลําบาก นางพยายามเผยรอยยิ้มให้ “ฉินหยุน ในอีก สิบเดือน พวกเรา
จะได้พบกันใหม่ ถึงตอนนั้นข้าจะแข็งแกร่งให้ ยิ่งขึ้นกว่านี้!”
“ซื่อเยี่ย ขอบคุณเจ้าแล้ว!” ฉินหยุนรับกล่องไว้และกล่าว ขอบคุณนาง
“เจ้าหนูสารเลว คําขอบคุณของข้าหายไปไหน? ของหวาน พวกนี้เป็นข้า
ทํามันอย่างตั้งใจไม่ใช่น้อย”
หลันเฟิ งจินแค่น เสียงอึดฮัดใส่ “ขอบคุณพี่หลันมากแล้วขอรับ!”
ฉินหยุนฉีกยิ้ม “ว่าแต่ หาก ท่านมีเวลา ช่วยข้าดูแลชเม่ยเหลียนด้วย นาง
เป็นน้องสาวแสน ดีของข้า เป็นข้ากังวลว่านางจะถูกรังแกเพราะข้า ต้อง
รบกวน ท่านแล้ว!”
“ไม่มีปัญหา พวกเราไปละ!” หลินเฟิ งจินโบกมือให้ฉินหยุน และนําเสวี่ยซื
อเยี่ยออกพ้นประตูหินไป
“จริงด้วย หากเหล่ามู่หรงกับเหล่าฮั่วกลับมา อย่าให้พวกเขา มาเจอข้า จะ
เป็นการเสียเหรียญผลึกโดยเปล่าประโยชน์” ฉิน หยุนตะโกนดัง
ประตูหินปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉินหยุนยังถือกล่องใหญ่สอง กล่องไว้ใน
มือ เดินไปมาที่ตรงกลางของค่ายอาคมวิญญาณ บรรจบเก้าตะวันอย่าง
สุขใจ เขาเปิดกล่องสีนํ้าเงินออก หยิบเอาอาหารขึ้นมาชิ้นหนึ่งและ กล่าว
ชม “พี่หลันเป็นหญิงเถื่อนเช่นนั้น แต่กลับทําอาหารได้ดี ระดับนี้ ไม่เลว
เลย!”
เขาจึงได้กินอาหารจากทั้งหลันเฟิ งจินและเสวี่ยซือเยี่ย ทั้งสอง ต่าง
เชี่ยวชาญกันไปคนละแบบ
“ต้องเก็บไว้ อย่างไรแล้วเราก็ต้องถูกขังอยู่อีกสิบเดือน ต้อง สํารองอาหาร
เอาไว้” ฉินหยุนเก็บสองกล่องดังกล่าวและ หลับตาลง จากนั้นจึงตั้งจิตที่
แก่นภายในตะวันทมิฬเพื่อ ตรวจสอบวิญญาณยุทธ์โทเทมมังกรพยัคฆ์
“วิญญาณยุทธ์นี้พิเศษนัก ไม่อาจใช้เหมือนอย่างวิญญาณยุทธ์ อื่น จะใช้
มันอย่างไรดี?” พอพยายามสัมผัสมันอย่างจริงจัง เขา จึงตกตะลึงที่พบว่า
วิญญาณยุทธ์นี้ มีขุมพลังภายในขั้นสูงในตัว มันเอง
การค้นพบนี้ทําเอาฉินหยุนยินดี จากนั้นเขาจึงควบคุมแก่น ภายในตะวันท
มินให้หมุนขณะเริ่มย่อยสลายพลังจากวิญญาณ ยุทธ์โทเทมมังกรพยัคฆ์
ไม่นานนัก เศษเสี้ยวขุมพลังภายในขั้น สูงจึงถูกบังคับนํ้าออกจาก
วิญญาณยุทธ์ ตอนนี้ เขาต้องการขุมพลังภายในขั้นสูง เขายังมีพลังธาตุ
ของ วิญญาณยุทธ์อีกสองรอคอยการแปรเปลี่ยนเป็นวัชระแก่น ภายใน
“พลังภายในของวิญญาณยุทธ์โทเทมนี้ บางทีอาจเพียงพอให้ แปรเปลี่ยน
พลังธาตุเป็นวัชระแก่นภายในได้!”
ฉินหยุนลอบ ยินดีขณะเร่งรีบโคจรเส้นสายขุมพลังภายในขั้นสูง สู่พลังธาตุ
ที่ หัวใจของตนเอง พลังธาตุสั่นไหว และแก่นภายในตะวันทมิฬ พวกมันมี
อํานาจ การป้องกันตัวเองสูงลํ้า ฝ่ามือวิญญาณสัมบูรณ์ของโจวจงฮวย ไม่
มีผลต่อฉินหยุน เพราะวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ และ วิญญาณยุทธ์สั่น
ไหวของเขาปะทุกําลังภายในออกป้องกัน อํานาจของฝ่ามือวิญญาณ
สัมบูรณ์ด้วยตัวของพวกมันเอง
เป็นเพราะเขาได้รับขุมพลังภายในขั้นสูงจากวิญญาณยุทธ์โท เทมมังกร
พยัคฆ์ ฉินหยุนจึงเกิดความยินดี เขาขัดเกลา วิญญาณยุทธ์ทุกวี่วัน และ
ดูดกลืนขุมพลังภายในขั้นสูงสู่หัวใจ ตนเอง เพื่อขัดเกลาพลังธาตุสั่นไหว
ภายในหัวใจ ระหว่างขั้นตอนการดูดกลืนพลังภายใน ทุกอย่างเป็นไป
อย่าง สะดวกสบาย ความเร็วการดูดกลืนถือว่ารวดเร็วยิ่ง ฉินหยุนรู้สึกได้
ว่าวิญญาณยุทธ์โทเทมมังกรพยัคฆ์คล้ายคลึง กับเม็ดยาวิญญาณรวม
พลังงาน มันเปธรจุเอาไว้ซึ่งขุมพลัง ภายในขั้นสูงพร้อมให้เขานําออกมาใช้
งาน
เป็นผลให้เขา สามารถแปรสภาพพลังธาตุสู่วัชระแก่นภายใน ความ
แตกตื่น หนึ่งเดียวก็คือ การย่อยสลายพลังจากวิญญาณยุทธ์โทเทมต้อง
ใช้ระยะเวลานานมากกว่า ไม่เหมือนอย่างเม็ดยาวิญญาณรวม พลังงาน
ที่ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น สองเดือนผันผ่าน ฉินหยุนนั่งอยู่แต่ในค่าย
อาคมวิญญาณ บรรจบเก้าตะวัน หัวใจของเขากําลังเต้นรัวเร็วขณะปล่อย
แสง สีทองสลัว ซึ่งควบแน่นออกมาผ่านผิวหนังบริเวณที่หัวใจคงอยู่
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขานั่งนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวอยู่ ภายในค่าย
อาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน เป็นเขาค่อย ๆ ขัด เกลาวิญญาณยุทธ์โท
เทม เส้นผมของเขายาว หนวดเคราก็เริ่ม ขึ้น ทว่าเขาหาได้รู้สึกถึงพวกมัน
ไม่ ฉินหยุนผู้กําลังนั่งขัดสมาธิ ฉับพลันจึงเอนหลังกับพื้น คลื่น อากาศ
ปลดปล่อยออกจากหน้าอก คลื่นพลังนี้ผ่านร่างกายของ เขาลงสู่ดิน เป็น
ผลให้ผืนแผ่นดินเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ทั่วทั้งสนามประลองสั่นไหว
เล็กน้อยเช่นกัน
นักสู้ด้านบนสนามประลอง พวกเขามีสัมผัสดีเยี่ยม จึงตรวจ พบเรื่องนี้ได้
อย่างรวดเร็ว ยอดฝีมือวรยุทธ์เฝ้ในสนามประลอง ก็สัมผัสได้ถึงความ
แปลก ประหลาดนี้ แต่พวกเขาไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร พลังสั่น
ไหวในกายฉินหยุน มันปะทุออกอย่างแปลกประหลาด โดยไร้ซึ่งออร่าใด
คลื่นสะเทือนนี้ยิ่งห่างไกล เป็นผลให้พื้นดิน เกิดอาการสั่นไหวเล็กน้อย
“เป็นเช่นนี้ วิญญาณยุทธ์สั่นไหวต้องการผสานรวมกับพลัง ภายในจึงเกิด
ผลกระทบนี้ขึ้น” ฉินหยุนนอนอยู่บนแผ่นหนัง สัตว์ ลืมตาขึ้น คลื่นสะเทือน
นี้จึงหยุดชะงัก หัวใจของเขาที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง เริ่มช้าลง
“ในที่สุดก็แปรสภาพพลังธาตุสั่นไหวเป็นวัชระแก่นภายใน ยังมี แก่น
ภายในอีกหนึ่งให้ต้องลงมือ!”
เขานั่งลงด้วยความตื่นเต้น ยินดี วางมือสัมผัสกับพื้น จากนั้นจึงเรียกใช้ขุม
พลังภายในขั้น สูง ปลดปล่อยพลังสั่นไหวผ่านวิญญาณยุทธ์สั่นไหว พลัง
สั่นไหวทะลวงแผ่นหินหนา เข้าสู่พื้นดินส่วนลึก ก่อนเกิด การระเบิดที่เบื้อง
ลึกลงไป เมื่อครู่ สนามประลองสั่นไหวเพียงเล็กน้อย แต่คราวนี้มันยิ่ง
สั่นสะเทือนรุนแรง หากเป็นแรงสั่นไหวเล็กน้อยเช่นก่อนหน้า ก็เป็นผลให้
เพียงแค่ นํ้าในแก้วเกิดคลื่นวงนํ้า แต่ตอนนี้ นํ้าถึงขั้นกระฉอกออกมา คุก
ใต้ดินที่ฉินหยุนอยู่ คือสถานที่ซึ่งสั่นสะเทือนรุนแรงที่สุด
“พอแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะถูกพบเห็น!” ฉินหยุนหัวเราะ ขณะดึงพลัง
สั่นไหวกลับคืน ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ประสบกับความน่าหวาดกลัวของ
วิญญาณยุทธ์ในตํานาน!
ผู้คนในสนามประลองล้วนสงสัย เหตุใดเกาะแห่งนี้จึงสั่นไหว นี่ ก็เพราะ
เรื่องราวแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเกิดขึ้นเพราะ การประลองยุทธ์
จริง ทั้งสนามประลองคงส่งเสียงฮือฮากันดัง ลั่นไปแล้ว ทว่า ในสนาม
ประลองหาได้มีเหตุการณ์ใดที่น่าจะเป็นต้นตอไม่ ฉินหยุน ผู้ซึ่งเป็นต้น
กําเนิดแผ่นดินไหว กําลังนอนทอดกายบน แผ่นหนังนุ่มค่ายอาคม
วิญญาณบรรจบเก้าตะวัน เขากําลัง สํารวจหัวใจของตนเอง เพราะเขา
รู้สึกได้ว่าตอนนี้มันแตกต่าง ออกไปแล้ว เขาไม่ทราบจนกระทั่งสํารวจจึง
ได้พบเห็นสิ่งนี้ เขาตื่นตะลึง! นี่ ก็เพราะพื้นผิวหัวใจของเขา มันมีรอยสักโท
เทมมังกรพยัคฆ์ ปรากฏขึ้น!
เดิมที เขาคิดขัดเกลาโทเทมมังกรพยัคฆ์ แต่มันก็น่าเสียดายที่ ต้องใช้โท
เทมในลักษณะนี้! แต่พอตอนนี้ รอยสักโทเทมกลับปรากฏ มันถูกวาด
เอาไว้บน พื้นผิวหัวใจของเขา!
ตอนที่ 251 แก่นภายในทั้งสาม
ฉินหยุนตระหนักขณะลุกขึ้นนั่ง เขาสํารวจมองใกล้ชิด ที่พบ เห็นคือรอย
สักโทเทมมังกรพยัคฆ์ พวกมันกระจ่างชัดอยู่บน พื้นผิวหัวใจของเขา
“นี่ถือเป็นเรื่องแย่หรือดีกันเนี่ย?” ตําแหน่งที่โทเทมปรากฏออกจะแปลก
เกินไป มันถึงกับไปอยู่ เหนือหัวใจ!
แน่นอนว่า หัวใจของฉินหยุนไม่ใช่หัวใจทั่วไป แต่มันถูกหล่อ เลี้ยงด้วยวิถี
หัวใจเหลืองดํา ความคงทนถือเป็นที่สุด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางนํา
วิญญาณยุทธ์สั่นไหวใส่ไว้ได้แน่ “เพื่อทําความรู้และเข้าใจวิชายุทธ์โทเทม
หนึ่งคือต้องรอ โอกาส เรื่องนี้ไม่อาจบังคับฝืน!”
ฉินหยุนมองที่รอยสักโทเทมมังกรพยัคฆ์ แม้เขาต้องการรู้และ เข้าใจวิชา
ยุทธ์ แต่พอนึกถึงกรณีของรอยสักราชสีห์สวรรค์ที่ แขนซ้าย เขาจึง
ตัดสินใจว่าอย่างแรกควรต้องแปรเปลี่ยนพลัง ธาตุอสนีบาตอัคคี สู่วัชระ
แก่นภายในก่อนจึงค่อยคิดถึงเรื่องอื่น ตอนนี้ฉินหยุนใช้จิตวิญญาณต้น
กําเนิด เพื่อชักนําพลังจาก ภายนอกเข้ามา ด้วยค่ายอาคมวิญญาณ
บรรจบเก้าตะวัน เขา ดูดกลืนพลังเก้าตะวันปริมาณมหาศาลสู่ร่างกาย
ค่อยก่อเกิดขึ้น เป็นขุมพลังภายในขั้นสูง
ตราบเท่าที่เขายังคงดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันต่อเนื่องสู่ ร่างกาย
วัชระไขกระดูกของเขาจะก่อเกิดพลังภายในไม่สิ้นสุด มันจะทําให้เขา
นําไปใช้เพื่อขัดเกลาพลังธาตุได้ แก่นภายในสั่นไหว และแก่นภายในตะวัน
ทมิฬ ทั้งสองกักเก็บ ขุมพลังภายในขั้นสูงและพลังภายในเอาไว้ ทว่า
เพราะแก่น ภายในเพียงเพิ่งก่อตัวขึ้น มันยังอ่อนแอ ปริมาณขุมพลัง
ภายใน ขั้นสูงที่กักเก็บไว้มีอย่างจํากัด ฉินหยุนสํารวจมองแก่นภายใน
ทั้งสองที่เต็มไปด้วยพลังภายใน เขารู้และสัมผัสได้ถึง ความสําเร็จ พลัง
ภายในตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของแก่นภายใน ด้วยวิญญาณ ยุทธ์ที่สานเข้า
ด้วยกัน มันจึงเกิดขึ้นเป็นแกนกลางของแก่น ภายใน ขณะของเหลวที่
เหลือเกิดขึ้นเป็นวัชระกําลังภายใน ในตอนนี้ ฉินหยุนเข้าใจว่าเหตุใด
วิญญาณยุทธ์โทเทมมังกร พยัคฆ์ที่เขาได้รับจึงมีพลังภายในมหาศาล
เพราะสาเหตุนี้ นี่เอง วัชระแก่นภายในของโจวจงฮวยเกิดขึ้นมานานแล้ว
มันย่อม ผ่านการสะสม จึงมีพลังภายในอยู่มหาศาล ทุกครั้งที่ฝึกฝนในชั่ว
ระยะเวลาหนึ่ง ฉินหยุนจะกดมือลงกับพื้น ใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงเรียก
วิญญาณยุทธ์สั่นไหว และ วิญญาณยุทธ์สั่นไหวก็จะปลดปล่อยพลัง
ภายในสู่พื้นแผ่นดิน เป็นผลให้สนามประลองเกิดสั่นไหว
นี่ก็แค่การหาเรื่องสนุกทํา เพราะเขาอยู่ที่นี่มีแต่จะเบื่อ
ราวกระพริบตา ฉินหยุนถูกขังเอาไว้ในห้องหินแห่งนี้ทั้งสิ้นเจ็ด เดือนแล้ว
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่น่าเบื่อ ก็เหมือนอย่างเคย เขาโคจรพลังสั่น ไหวสู่พื้นดิน
เป็นผลให้ทั้งสนามประลองสั่นไหวจนผู้คนแตกตื่น อย่างกะทันหัน คนผู้
หนึ่งผลักประตูเปิดพรวดเข้ามา เป็นผลให้ เขาเร่งรีบเก็บพลังสั่นไหวแทบ
ไม่ทัน
ผู้ที่เข้ามาเป็นหญิงสาวร่างสูง นางมีผ้าคลุมปกปิดใบหน้า ทั้ง ยังสวมใส่
ชุดราตรีสีดําพร้อมมัดผมหางม้า เดิมนางมีความเย็น เยือกและสายตามี
จิตสังหาร ฉับพลันนี้กลับอ่อนโยนลง หลังประตูห้องหินปิดลง หญิงสาว
ปลดผ้าคลุมหน้าออก เผยซึ่ง ใบหน้างดงามแท้จริง นางยิ้มให้และกล่าว
“สามีซุกซน เป็น เจ้าก่อเรื่องนี้ เบื่อมากนักหรืออย่างไร!”
“เย่ว์หลาน เหตุใดเจ้าต้องเสียเหรียญผลึกเข้ามาด้วย? ข้าใกล้ จะได้ปล่อย
ตัวออกไปอยู่แล้ว” แม้เขากล่าวเช่นนั้น แต่ภายใน ใจยินดียิ่งนักแล้ว
“ข้าเป็นภรรยา ย่อมต้องมาพบเจอสามีตัวเองบ้าง” เชี่ยวเย่ว์ หลาน
หัวเราะเบา
“เจ้าไม่ทราบ หลายวันมานี้ สนามประลอง ต้องก่อสร้างตกแต่งใหม่หลาย
ต่อหลายครั้ง จนถึงขั้นแทบจะรื้อ สร้างใหม่ที่อื่นแทน” เชี่ยวเย่ว์หลาน
ทราบว่าฉินหยุนมีวิญญาณยุทธ์สั่นไหว และ แผ่นดินไหวแปลกประหลาด
ก็เกิดขึ้นตั้งแต่ฉินหยุนถูกขังในคุก ใต้ดิน
ฉินหยุนยิ้มรับ “พวกนั้นรับห้าร้อยล้านเหรียญผลึกจากพี่หลัน ไปแล้ว แต่
ยังต้องการขังข้าเอาไว้นานเพียงนี้ ข้าแค่หาอะไรทํา แก้เบื่อ!”
“ทําได้ดี!” เชี่ยวเย่ว์หลานหยิกแก้มฉินหยุน ยิ้มกล่าวคํา
“ถือ ว่าสมแล้วที่เป็นสามีของเชี่ยวเย่ว์หลานผู้นี้ สิ่งที่เจ้าทํา ช่าง พอเหมาะ
กับที่ข้าคิดอยากทํา! เป็นข้าต้องการสังหารแมลง โสโครกโจวจงฮวยผู้นั้น
มานานแล้ว แต่ข้าไม่พบโอกาสได้ลงมือ มันไม่กล้าเผชิญหน้ากับข้า จึงคิด
มาหาเรื่องต่อเจ้า ถือว่า รนหาที่ตายโดยแท้!”
ฉินหยุนนําเก้าอี้ออกมา เชื้อเชิญให้เชี่ยวเย่ว์หลานนั่ง เขายิ้ม กล่าว “เย่ว์
หลาน ภายนอกผ่านไปเจ็ดเดือนแล้ว สถานการณ์ เป็นอย่างไรบ้าง? อยู่
ที่นี่ข้าเบื่อจนแทบแย่”
พอเซี่ยวเย่ว์หลานนั่งลง นางจึงไขว้ขาขึ้นมาและเอ่ยคํา “ก็ ทั่วไป ไม่มีอะไร
ให้ต้องกล่าวถึงมาก ตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามก่อตั้งสถาบันฉีข่าย
ถือว่าสมควรให้ความสนใจอยู่”
“สถาบันฉีข่าย?” ฉินหยุนคิ้วขมวด “แตกต่างกับสถาบันเทียน เจียว
อย่างไร?”
เชี่ยวเย่ว์หลานตอบกลับ “สถาบันฉีข่าย ได้รับการสนับสนุน โดยเชี่ยวห
ยางหลง เป็นเขานําคนจากสถาบันเทียนเจียว ครึ่งหนึ่งกลับตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม ตอนนี้ ยังมีอีก ครึ่งหนึ่งอยู่ที่สถาบันเทียนเจียว
มีอาจารย์อยู่ยี่สิบห้าคน กับ ศิษย์สี่คนต่ออาจารย์หนึ่งคน ข้าได้ยินว่าใน
อีกสามถึงสี่เดือน สถาบันฉีข่ายจะจัดการประลองครั้งใหญ่ขึ้นกับสถาบัน
เทียน เจียว หากเจ้าชนะ ศิษย์ทั้งหมดของสถาบันจะได้รับหนึ่งร้อย ล้าน
แต้มเสวียน!”
“หากไม่มีการแทรกแซง สถาบันเทียนเจียวของเราย่อมต้อง ชนะ!” ฉิน
หยุนรับคํามั่นใจ
“หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน ถือว่าไม่ น้อยเลยทีเดียว”
“มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น สถาบันฉีข่ายตั้งอยู่ในตําหนักตะวันตก เมื่อถึงเวลา
พวกเขาจะแลกเปลี่ยนศิษย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้าเข้าไป!”
เชี่ยวเย่ว์หลานแบ่งเก้าอี้ครึ่งหนึ่ง ดึงฉิน หยุนเข้ามานั่ง นางเอ่ยถาม “เจ้า
ก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้าหรือยัง?”
“กล่าวได้ว่าข้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า อธิบายแบบ นี้ดีกว่า เดิม
ข้ามีพลังธาตุสามแห่ง ตอนนี้สองในสามเป็นวัชระ แก่นภายในแล้ว”
ฉินหยุนหัวเราะคิกคักภูมิอกภูมิใจ ขณะเขยิบ เข้าไปใกล้เชี่ยวเย่ว์หลานคิด
ให้นางนั่งบนตักตนเอง เชี่ยวเย่ว์หลานนั่งบนต้นขาฉินหยุน เอนกายพิง
หน้าอก นาง ค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย
“เจ้ามีสามวิญญาณยุทธ์จริงหรือ นี่? หนึ่งในนั้นเป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว
อีกหนึ่งเป็นวิญญาณ ยุทธ์อสนีบาตอัคคี แล้วอีกหนึ่งเล่า?”
“ความลับ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าเพียงทราบว่าเจ้ามีวิญญาณ ยุทธ์พลังจิต
และวิญญาณยุทธ์มังกร พวกเราถือว่าเสมอกัน!”
“เหอะ เจ้านี่นะ!” เชี่ยวเย่ว์หลานทุบเข้าที่หน้าอกของเขา
“เจ้าเพิ่งอายุราวสิบหกสิบเจ็ด แต่กลับยังดูเป็นเด็กหนุ่ม เช่นนี้!” เชี่ยวเย่ว์
หลานแก่กว่าฉินหยุน นางอายุสิบแปด ทว่าก็ยังเป็น โฉมงามที่สง่าและ
งดงาม นางเพียงแก่กว่าฉินหยุนหนึ่งปี ดังนั้น ในสายตาของนาง ฉินหยุน
จึงเป็นเด็ก
“เย่ว์หลาน เจ้าคือภรรยาข้า พวกเราควรทําเรื่องที่สามีภรรยา ควร
กระทํา!” ฉินหยุนคว้ามีอขาวของเชี่ยวเย่ว์หลานขึ้นมา ยิ้ม กว้างและเอ่ย
คํา ? เชี่ยวเย่ว์หลานเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มทรงเสน่ห์เผยออกขณะ จูบ
เข้าที่ริมฝีปาก
“เช่นนี้หรือ?”
“ขออีก!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคักพร้อมเลียริมฝีปาก
เกินคาด เชี่ยวเย่ว์หลานจูบเขาอีกครั้งหนึ่ง ถัดจากนั้น ทั้งสอง พลันกอด
กันคล้ายไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ ทั้งสองกอดกันแน่น ทั้ง ยังแลกเปลี่ยนกัน
จูบชวนกระดากใจ.. ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินหยุนจึงค่อยพอใจ ใบหน้างดงาม
ของเชี่ยวเย่ว์หลานแดงกํ่าขณะคลายจากอ้อม กอดฉินหยุน นางกล่าวคํา
“บางทีหลังเวลาผ่านไป ท่านป้าอาจ มาหาตัวเจ้า! ส่วนเย่ว์เหม่ยจะมา
ด้วยหรือไม่นั้น ข้าไม่มั่นใจ นัก”
“เหตุใดนางจึงมาหาข้า?” ฉินหยุนสงสัย
“สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยเสียงจริงจัง
“นางต้องการให้เจ้าร่วมเดินทางสู่สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว!”
“เหตุใดปุบปับนางคิดอยากไปสุสานราชวงศ์เทียนเซี่ยว? แล้ว เจ้าไม่ไปกับ
ข้าหรือ?” ฉินหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกไปแล้วจึง เอ่ยถาม เชี่ยวเย่ว์หลาน
ตอบ
“เป็นข้าต้องวุ่นวายในตําหนักศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณสีคราม ข้าต้องวิ่งไปมา
สังหารสัตว์อสูรทั่วทุกหนแห่ง ตอนนี้บังเอิญผ่านมาที่นี่ เพราะแบบนั้นจึง
มาพบเจ้า! ท่านป้า คิดไปตรวจสอบสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว นางบอกว่า
มีเรื่อง หนึ่งต้องการยืนยัน”
“เย่ว์หลาน หากได้พบพี่ใหญ่เซีย ช่วยข้าถามต่อเขาว่าหากมี เวลาว่าง ข้า
ยินดียิ่งที่จะให้เขาร่วมทางไปยังสุสานราชวงศ์ เทียนเชี่ยว! เขาเองก็ทราบ
เรื่องกุญแจสุสานราชวงศ์ นอกจากนี้พวกเรายังมีเป้าหมายไปด้วยกัน
ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ด้วย” ฉินหยุนบอกกล่าว
“เขาคงไม่มีเวลาขนาดนั้น ข้ายังไม่มีแม้เวลาให้ร่วมทาง ลําพัง อะไรกับ
เขา! พี่ใหญ่เซี่ยของเจ้า ถือว่าน่าซึ่งนัก กระทั่งว่ามี เพียงแขนเดียว เขา
กลับแข็งแกร่งที่สุดในตําหนักศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณสีคราม เพราะแบบนั้น
เขาจึงเป็นผู้ต้องแบกรับปัญหามากที่สุด”
เซี่ยวเย่ว์หลานกล่าว เชี่ยวเย่ว์หลานเดินไปที่ประตูแล้ว ฉับพลันหัน
กลับมา “ในช่วง อีกราวหนึ่งปีกว่า เจ้าจะท้าประลองเซี่ยวหยางหลง ไม่ว่า
เจ้า จะสามารถสังหารมันได้หรือไม่ ทั้งหมดล้วนอยู่ที่เจ้า! ไม่ว่าจะด้วย
กรณีใด ข้าไม่มีโอกาสได้ลงมือต่อมัน เป็นมันตั้งระวังต่อข้า ทุกการ
เคลื่อนไหว มันเกรงว่าข้าจะสังหารมันยิ่งกว่าผู้ใด”
“อย่าได้ห่วง ข้าจะต้องชนะมันแน่นอน” ฉินหยุนยิ้ม เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มให้
เคาะประตูหิน บอกกล่าวต่อคนด้านนอก ให้เปิดประตู ฉินหยุนรีบกลับไป
ยังค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน นั่ง ลงที่ตรงกลาง สํารวจการ
ฝึกฝนของตนเอง เป็นเขาใช้ค่าย อาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันอยู่
หลายเดือน ตอนนี้จึง ควบแน่นพลังภายในไปได้มหาศาล เขาเกือบจะ
แปรเปลี่ยน พลังธาตุอสนีบาตอัคคีเป็นแก่นภายในได้อยู่แล้ว พอนึกย้อน
ถึงรสจูบที่เชี่ยวเย่ว์หลานมอบให้ระหว่างการฝึกฝน เขาแทบสะกด
ความรู้สึกหอมหวานภายในใจเอาไว้ไม่ได้จนต้อง ยิ้มออกราวคนบ้าผู้หนึ่ง
หลังฉินหยุนฝึกฝนขุมพลังภายในขั้นสูงระยะเวลาหนึ่ง เขาผ่อน คลายและ
ปล่อยให้พลังธาตุอสนีบาตอัคคี ทําการดูดกลืนและย่อยขุมพลังภายในขั้น
สูง ในตอนนี้ เขาคิดเริ่มฝึกฝนวิชายุทธ์ที่ มีให้เชี่ยวชาญ
หากเทียบกับอัจฉริยะผู้อื่น วิชายุทธ์ของเขาถือว่าไม่มาก โดยเฉพาะกับ
อัจฉริยะที่ฝึกฝนหนักหนา พวกเขามีวิชายุทธ์ หลายสิบจนถึงระดับหลาย
ร้อย พวกเขาเชี่ยวชาญวิชายุทธ์และ เคล็ดวิชาจํานวนมาก ทั้งยังรวมถึง
เคล็ดวิชาตัวเบา เป็นผลให้ พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของคู่ต่อสู้
ทําให้มีตัวเลือก ใช้วิชายุทธ์ออกไปอย่างทันท่วงที เคล็ดวิชาตัวเบา ฉิน
หยุนมีเพียงก้าวอัคคีเมฆา ด้วยเพราะความรู้เข้าใจระดับสูงลํ้า เป็นผลให้
เขาสามารถบินกลางอากาศ ได้ตั้งแต่ฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์ ตอนนี้ เขา
ฝึกฝนก้าวอัคคีเมฆา ความเร็วสามารถเพิ่มขึ้น มหาศาลด้วยวัชระกําลัง
ภายใน ผสานกับเศษเสี้ยวขุมพลัง ภายในขั้นสูง แต่เดิมเขาไม่อาจวิ่งด้วย
ความเร็วหนึ่งร้อยเมตร ต่อวินาที แต่ตอนนี้เขาสามารถวิ่งได้เกือบสองร้อย
เมตรต่อ วินาทีแล้ว
หากเขาใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงออกผ่านก้าวอัคคีเมฆา เขาจะ สามารถขึ้น
ถึงขีดสุดของขั้นสมบูรณ์ ความเร็วจะระเบิดออก ด้วยสองร้อยเมตรต่อ
วินาที ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ถือว่ารวดเร็วยิ่ง
“เหมือนว่า ถ้าเราคิดอยากฝึกฝนวิชายุทธ์ให้เหนือกว่าขั้น สมบูรณ์ ก็
จําเป็นต้องมีขุมพลังภายในขั้นสูงให้เพียงพอ เสียก่อน” ฉินหยุนตอนนี้
เข้าใจถึงความจริงในเคล็ดวิชายุทธ์
ส่วนใหญ่แล้ว ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้ขุมพลังภายในขั้นสูง ได้อย่าง
บริสุทธิ์ เขาจะสามารถก้าวถึงความสมบูรณ์แบบ ฉินหยุนตอนนี้ถือว่า
ได้รับพื้นฐานตรงนี้โดยง่ายดายกว่าผู้อื่น พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่คิดจะก้าว
สู่วิชายุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบได้ โดยง่าย ๆ ความรู้ความเข้าใจทางวิชายุทธ์
ไม่ใช่เพียงแค่การกินเม็ดยา เข้าไป ดังนั้นแล้ว มันจึงเป็นปัญหาส่วนใหญ่
ของบรรดา อัจฉริยะหลายต่อหลายคน
ฉินหยุนเองก็เป็นคนที่อดทนฟันฝ่าความโดดเดี่ยวผู้หนึ่ง เมื่อ เขาอายุสิบปี
เขาถูกทําให้พิการ ต้องอดทนต่อความโดดเดี่ยว ถึงห้าปีด้วยกัน ตอนนี้
เขาถูกกักขังอยู่เป็นเวลาสิบเดือน แทบไม่นับเป็นอะไร สําหรับเขา
นอกจากนี้แล้ว เขายังมีวิชายุทธ์จํานวนมากให้ ศึกษาและฝึกฝน ไม่ช้า อีก
สามเดือนได้ผ่านพ้น ฉินหยุนอยู่ในคุกใต้ดินทั้งสิ้นสิบ เดือนแล้ว ในที่สุด
เขาก็จะได้ออกสู่ภายนอก ในขณะที่ไม่รู้จะฝึกฝนอะไรดี ฉินหยุนพลันรู้สึก
ประตูหินกําลัง เปิดเข้ามา
“ใครมาพบเรากัน?” เขาคิดกับตนเอง
“ฉินหยุน การลงโทษของเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว!” ชายคนที่ เปิดประตู
เข้ามาตะโกนขึ้น
ตอนที่ 252 ฉีข่ายและเทียนเจียว
ฉินหยุนสงสัยไปวูบ เขาไม่คิดว่าสิบเดือนจะผ่านไปรวดเร็ว เพียงนี้ เขา
มองที่แขนซ้ายตนเอง พบว่าพลังอสนีบาตอัคคี ภายใน มันเพิ่งแปรเปลี่ยน
เป็นวัชระแก่นภายในเมื่อกว่าสิบวัน ก่อน ตอนนี้ เขาถือเป็นผู้ฝึกตน
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ผู้ซึ่ง ครอบครองวัชระแก่นภายในถึงสาม
แก่น! เขาเก็บค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันบนพื้น จากนั้นจึง หัน
มองรอบห้องหินและยิ้มกล่าว
“ลาก่อน ข้าจะไม่กลับเข้ามา อีก” ฉินหยุนก้าวเดินออกจากห้องหิน
ตามหลังชายวัยกลางคนออก จากคุกใต้ดิน จากด้านล่างของคุกใต้ดินขึ้น
สู่ด้านบน ก็ยังนับเป็นอยู่ภายใน สนามประลอง
เขาเร่งรีบไปยังโถงกลางของสนามประลอง เช่า ห้องแห่งหนึ่ง อาบนํ้าชําระ
กาย เปลี่ยนสวมใส่ชุดสีขาวสะอาด ตัดผมตัวเองให้เรียบร้อย หลังถูก
กักขังนานถึงสิบเดือน ผิวของเขาซีดขาวกว่าก่อนหน้า ไม่ใช่น้อย หลัง
เปลี่ยนเป็นชุดประณีตสีขาวงดงาม เขาจึงยิ่งดู หล่อเหลา สงบนิ่ง และมี
พลัง ฉินหยุนออกจากห้องกลับไปยังโถงสนามประลอง อย่าง กะทันหัน
เขาได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น ภายในสนามประลอง บ่อยครั้งจะมีศึก
ประลองยุทธ์ดําเนิน เป็นผลให้ผู้คนไม่น้อยส่ง เสียงโห่ร้อง
เขาเร่งรีบเดินไปที่ทางออกของที่นั่งผู้ชม ทันทีเมื่อเดินออกสู่ ภายนอก เขา
จึงได้เห็นสามคนบนลานประลองยุทธ์ ทั้งยังเป็น ใบหน้าที่คุ้นเคย เป็นชั่ว
จง มู่หรงต้าเหริน และเสวี่ยซือเยี่ย
ทั้งสามกําลังร่วมมือกันต้านการโจมตีจากเด็กหนุ่มสี่คนอยู่บน ลาน
ประลองยุทธ์ ฉินหยุนมองทางด้านข้างลานประลอง เขาค่อยตระหนักได้
ว่ามี ศิษย์หลายคนของสถาบันเทียนเจียวได้รับบาดเจ็บ! นี่หมายความถึง
ศึกประลองระหว่างสถาบันเทียนเจียวและ สถาบันฉีข่ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ฉินหยุนเดิมวางแผนมาดูว่าเป็นใครต่อสู้กันอยู่ เขาไม่คิดเลยว่า นี่จะเป็น
ศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย เขาเร่งรีบเดินไปยังด้านข้าง ลานประลอง ยืนข้าง
กายหลันเพิ่งจิน หลันเฟิ งจินตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด นางมองที่ลาน
ประลอง ยุทธ์ ไม่ทันรู้ตัวด้วยซํ้าว่าฉินหยุนเข้ามาใกล้ ทั้งศิษย์และอาจารย์
ของสถาบันเทียนเจียว พวกเขาล้วนเผย ความผิดหวังออก ยามได้เห็นฉิน
หยุนปรากฎกาย ฉับพลันนี้เอง ความหวังจึงเผยประกายในดวงตาพวกเขา
“พี่หลัน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ฉินหยุนมองศิษย์ ของ
สถาบันฉีข่าย พวกเขาเหล่านี้อยู่ด้านนอกลานประลองยุทธ์ มีน้อยนิดที่
ได้รับบาดเจ็บ พอหลันเฟิ งจินได้เห็นฉินหยุน นางยินดี เร่งรีบตะโกนบอก
ฮั่ว จงและคณะ
“ฉินหยุนออกมาแล้ว พวกเจ้า รีบออกจากลาน ประลองเร็ว!” คณะของฮั่ว
จงบาดเจ็บไม่มากก็น้อยตามร่างกาย นอกจากนี้ พวกเขายังดูเหนื่อยล้า
ราวกับประสบกับศึกประลองยุทธ์มา หลายนัด เมื่อพวกเขาได้ยินคําของห
ลันเฟิ งจิน จึงเร่งรีบออก จากลานประลองยุทธ์ แต่ละคนดูเหนื่อยล้ายิ่ง
จนถึงขนาดหอบ หายใจ
ฉินหยุนอึนงงไปวูบ ไม่มีศิษย์แม้สักคนของสถาบันเทียนเจียว อยู่ในสภาพ
พร้อมสู้ พวกเขาเหล่านี้ล้วนบาดเจ็บขนาดที่ต้อง นั่งหลบอยู่ข้างลาน
ประลองยุทธ์ ส่วนทางด้านศิษย์ของสถาบันฉีข่าย ส่วนใหญ่ยังเปี่ยมด้วย
ท่าที สง่าและมีกําลังวังชา
“ฉินหยุน สถานการณ์ค่อนข้างไม่ดีนัก!” ใบหน้าของหลันเฟิง จินสงบ
ขณะกล่าว “พวกเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยพวกมัน เป็นพวกมันที่เริ่มโดย
การส่งขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า จํานวนหนึ่งออกมา และพวกเราไม่
ทันระวังรู้ตัว เป็นผลให้ หลายหน่วยต้องพ่ายแพ้ต่อพวกมัน”
หลันเฟิ งจินเร่งรีบอธิบายสถานการณ์ให้ฉินหยุนฟัง หลังได้รับรู้เรื่องราว
ฉินหยุนพบว่าตอนนี้ยากรับมือ ในช่วงเริ่มต้นการประลอง แต่ละหน่วยจะ
ถูกส่งขึ้นบนลาน ประลอง ตราบเท่าที่ชนะ พวกเขาสามารถยืนหยัดบน
ลาน ประลองยุทธ์ต่อไปได้ ผู้แพ้จะไม่มีสิทธิ์ได้ยืนบนลานประลอง ยุทธ์อีก
ด้วยวิธีการนี้ ฝ่ายใดที่เหลือคนยืนหยัดบนลานประลอง ย่อม ได้รับชัยชนะ
ในการแข่งขัน และถึงตอนนั้นศิษย์ในสถาบันทุก คน จะได้รับคนละหนึ่ง
ร้อยล้านแต้มเสวียน สถาบันเทียนเจียวและสถาบันฉีข่าย ทั้งสองต่างมี
ยี่สิบห้า หน่วยเท่ากัน
ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดจากสถาบันเทียนเจียวล้วนพ่ายแพ้ อีก ทางหนึ่ง มี
เพียงสิบหน่วยจากสถาบันฉีข่ายที่พ่ายแพ้ นอกจากนี้พวกเขาส่วนใหญ่ยัง
ถูกจัดการโดยหน่วยของฮั่วจง ถือว่าไม่ใช่งานง่าย โชคยังดี หลังคู่ต่อสู้
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าทั้งหน่วย เหนื่อยล้า พวกเขาตัดสินใจออก
จากลานประลอง หมายความ ว่า นับจากนี้จะไม่มีขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เก้าขึ้นบนลาน ประลองอีกแล้ว
“ฉินหยุน มีแต่เจ้าแล้วที่ยังไม่ได้ขึ้นบนลานประลอง เจ้ายังมี สิทธิ์ขึ้นไปได้!
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าสถาบันเทียนเจียว จะชนะได้หรือไม่”
หลันเฟิ งจินทราบว่าฉินหยุนฝึกฝนจนใกล้ ถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เก้าก่อนถูกขัง เขาตอนนี้ย่อม ก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว
อย่างแน่นอน อาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามา
“ฉินหยุน เหลือแต่หน่วยเจ้าจาก สถาบันเทียนเจียวที่สามารถคว้าชัยชนะ
หากสถาบันเทียน เจียวของเราได้รับชัยชนะ พวกเราจะได้รับทั้งสิ้นหนึ่ง
หมื่นล้านแต้มเสวียนมาแจกจ่าย เท่ากับว่าศิษย์ทั้งหมดจะได้รับกันคนละ
หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน”
“และตอนนี้ เหลือแต่หน่วยเจ้าที่สามารถคว้าชัยชนะ หากเจ้า สามารถ
เอาชนะต่อเนื่องได้สิบห้ารอบ หน่วยของเจ้าจะยิ่ง ได้รับแต้มเสวียนเพิ่ม
มากขึ้น หากทําได้ หน่วยของเจ้าจะได้รับ ทั้งสิ้นสองพันล้านแต้มเสวียน
จากนั้นค่อยแบ่งพวกเจ้าสี่คน อย่างเท่าเทียม เท่ากับว่าทุกคนในหน่วยเจ้า
จะได้รับห้าร้อย ล้านแต้มเสวียน”
หลันเฟิ งจินพยักหน้าให้ฉินหยุน “เป็นเช่นนี้! ฉินหยุน หากพวก เราชนะ ไม่
เพียงแต่จะได้รับแต้มเสวียน หน่วยของพวกเรายัง จะได้รับเคล็ดวิชาระดับ
โลก”
ฉินหยุนรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เป็นเขาคิดอยากก้าวขึ้นลาน ประลอง
ยุทธ์โดยทันที เมื่อฝั่งผู้ชมได้เห็นฉินหยุน พวกเขาต่างคาดเดาว่าสถาบัน
เทียน เจียวตอนนี้ ล้วนฝากความหวังเอาไว้กับฉินหยุนเพียงคนเดียวแล้ว
ฉินหยุนต้องชนะต่อเนื่องสิบห้านัดจึงค่อยได้รับชัยชนะใน ท้ายที่สุด
สําหรับแต่ละนัด จะมีคู่ต่อสู้มากถึงสี่คน! เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉินหยุน
จัดการโจวจงฮวยด้วยพลังยุทธ์ กล้าแกร่ง ไม่มีใครคิดกล้าตั้งคําถามต่อ
พละกําลังของเขา แม้ พวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังไม่คิดด่วนสรุป
ตัดสินใจ
“ฉินหยุนถูกขังในคุกใต้ดินมาสิบเดือน บางทีการฝึกฝนคง คืบหน้าขึ้น
แล้ว”
“เป็นไปได้! ก่อนหน้าก็ถือว่าเขาใกล้ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ ที่เก้า! และ
ตอนนี้ฝั่งสถาบันฉีข่ายไม่เหลือกายวรยุทธ์ระดับที่ เก้าแล้ว กล่าวได้ยากว่า
พวกเขาจะเผชิญหน้าฉินหยุนกันได้หรือไม่”
“สามจรัสแสงเป็นหน่วยแข็งแกร่งที่สุดที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปด
กระนั้นพวกเขายังพ่ายแพ้ต่อฉินหยุนสองครั้งครา เรื่องนี้ยากพูดกล่าว
จริง!”
“ฉินหยุนและสถาบันเทียนเจียวย่อมต้องพ่ายแพ้แน่นอน พวก เขาไม่มี
เวลามากพอ ดูที่นาฬิกาทราย เหลือน้อยกว่าหนึ่ง ชั่วโมงแล้ว ตราบเท่าที่
สถาบันฉีข่ายยืนหยัดถ่วงเวลาบนลาน ประลอง ผู้พ่ายแพ้ในท้ายที่สุดจะ
ตกแก่สถาบันเทียนเจียว”
หลันเฟิ งจินเองก็พบว่าเวลาใกล้หมด นางกล่าว “ฝากไว้ที่เจ้า แล้วฉินหยุน
รีบขึ้นไปเร็ว!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับและทะยานขึ้นลานประลอง เขาต้องชนะ หากเขาชนะ
ด้วยฐานะอาจารย์ของหน่วยเขา หลันเฟิ งจินจะ ได้รับรางวัลอย่างงาม เขา
ติดค้างหลันเฟิ งจินหลายร้อยล้านเหรียญผลึกเหลือเกิน หากสามารถช่วย
ให้หลันเฟิงจนได้รับรางวัล หนี้ครั้งก่อน สามารถเป็นโมฆะ นอกจากนี้
หากเขาชนะ จะยังได้รับห้าร้อย ล้านแต้มเสวียนและเคล็ดการฝึกฝนระดับ
โลกา
“ไม่ต้องเน้นที่เอาชนะมัน ถ่วงเวลาบนลานประลองไว้ก็พอ!” เมื่อเซี่ยวห
ยางหลงจากสถาบันฉีข่ายพบเห็นฉินหยุนปรากฏตัว ความเกลียดชังในตัว
เขาแทบทะลักออก แน่นอนว่าเขาคิด อยากสังหารฉินหยุน แต่ตอนนี้ยัง
ไม่ใช่เวลาที่สามารถกระทํา
พละกําลังของฉินหยุนเพิ่มพูนระดับก้าวทะยาน ผู้ฝึกตนเช่น โจวจงฮวย ผู้
ครอบครองวิญญาณยุทธ์โทเทมที่ขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่เก้า ยังถูก
สังหาร กับผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปดยิ่งไม่ต้องกล่าว พวกเขา
ยากเอาชนะยามต้อง เผชิญหน้ากับฉินหยุน เด็กหนุ่มสี่คนจากสถาบันฉี
ข่าย เร่งรีบเคลื่อนไหวบนลานประลอง
นับจากตอนนี้ คือการบั่นทอนกําลังและถ่วงเวลาฉิน หยุน ฉินหยุนยืนนิ่งที่
เดิมโดยไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เมื่อกําลัง ภายในปะทะเข้าใส่กาย ร่าง
ของเขาถูกกระแทก กระนั้นกําลัง ภายในของเขาเหนือกว่า การโจมตี
เหล่านี้ล้วนไม่สะท้าน สะเทือนเขาแต่อย่างใด
“วิ่งไปมาอยู่ได้ น่ารําคาญ!” ฉินหยุนพลันก้าวออก โดยทันที ด้วยความเร็ว
กว่าหนึ่งร้อยเมตรต่อวินาที เขาพลันปรากฏตัว ด้านหลังเด็กหนุ่ม เพียง
พริบตา เขาผลักฝ่ ามือออกฉินหยุนปลดปล่อยพลังภายในออกไป ด้วย
คลื่นพลัง มันปะทะ เข้ากับแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม
“อั๊ก!”
เด็กหนุ่มปากกระอักเลือดกระเซ็น ร่างปลิวกระเด็นออกไปนอกลาน
ประลองยุทธ์ หากคนผู้หนึ่งร่วงหล่นจากลานประลอง ถือว่าพ่ายแพ้ ฉิน
หยุนได้ถามหลันเฟิ งจินแล้ว ในการแข่งขันครั้งนี้ ต่อให้เขา ทําร้ายอีกฝ่าย
ก็ไม่มีการถูกส่งไปขังแต่อย่างใด เป็นเพราะการ ประลองครั้งนี้ เป็นเพียง
การหยิบยืมสถานที่ให้ประลองยุทธ์ ระหว่างสถาบันเทียนเจียวและ
สถาบันฉีข่าย หลังจัดการไปได้คนหนึ่ง
ฉินหยุนค่อยสบายใจมากขึ้น โดยทันที เขาพุ่งทะยานออกเข้าหาเด็กหนุ่ม
อีกคน พุ่งผ่านร่างนั้น หัน กลับ และใช้วิชาวายุสังหารกระบวนท่าทลาย
คลื่น ส่งร่างเด็ก หนุ่มร่วงหล่นจากลานประลอง ตอนนี้บนลานประลอง
ฝ่ายสถาบันฉีข่ายเหลือเพียงสอง นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่เจ็ด ฉินหยุนเพียงลงมือเล็กน้อย ก็เป็นผลให้พวกเขากระอัก
เลือดร่าง กระเด็นออกจากลานประลองแล้ว
“สถาบันเทียนเจียวชนะ ส่งคนที่จะขึ้นลานประลองโดยทันที ด้วย!”
กรรมการชรากล่าว เพราะเวลาคือสิ่งสําคัญ สถาบันฉี ข่ายไม่ได้รับ
อนุญาตให้ถ่วงเวลา แน่นอนว่า หากสถาบันเทียนเจียวคิดอยากเสียเวลา
ย่อมทําได้ พอหลันเฟิ งจินได้เห็นฉินหยุนชนะโดยง่ายนางยิ่งสบายใจมาก
ขึ้น
“ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว? เหตุใด เหมือนการรังแก
เด็ก ชนะได้เพียงลงมือไม่กี่ที!”
“จริงด้วย หากเทียบกับฉินหยุน คนจากสถาบันฉีข่ายเห็นได้ชัด ว่าคนละ
ระดับกันเลย”
“สถาบันฉีขายส่งขึ้นมาใหม่ ทั้งยังเพียงคนเดียว พวกเขาคิด ลากถ่วงเวลา
หรือ?”
ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นลาน ประลอง เขา
มองที่นาฬิกาทราย ทราบว่าสถานการณ์ไม่ดี เพราะยังมีอีกหลายสิบคน
รออยู
“เริ่มได้!” กรรมการชราประกาศ ตั้งแต่เริ่ม ฉินหยุนเป็นฝ่ายลงมือก่อน เป็น
เขารวดเร็วและดุดัน ใช้มือเปรียบดั่งมีด ปลดปล่อยวายุสังหารกระบวนท่า
ทลายภูผา ส่งร่างเด็กหนุ่มกระเด็นฝังในกําแพงหิน
“ขอเตือน ส่งขึ้นมาคนเดียว คนนั้นจะถูกข้าทําให้พิการ!” ฉิน หยุนจ้องมอง
เซี่ยวหยางหลงด้วยรอยยิ้มยะเยือก ศิษย์จากสถาบันฉีข่ายล้วนเป็น
ผู้ติดตามเชี่ยวหยางหลง ฉิน หยุนไม่เคยคิดปราณีอยู่แล้ว ได้เห็นสภาพน่า
สังเวชของศิษย์คนเมื่อครู่ ทําเอาอีกหลายคน ขวัญหาย กระทั่งพวกเขาคิด
สู้เสี่ยงตาย ก็ไม่มีทางจัดการฉิน หยุนได้ อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นการประลอง
ยุทธ์ มันมีข้อจํากัดใน การส่งคนในหน่วยขึ้นไป
เชี่ยวหยางหลงทราบอย่างดี ว่าหากตนส่งเพียงหนึ่งคนขึ้นไป อีก จะไม่มี
ใครกล้าขึ้นอีกต่อไปแน่ ด้วยไร้ทางเลือก เขาได้แต่ ส่งหน่วยขนาดเล็กขึ้น
ไป หน่วยนี้เพียงเพิ่งก้าวทะยานขึ้นมา โดยทันทีก็โดนเป่ากระเด็น ออกพ้น
จากลานประลองโดยกําลังภายในแข็งแกร่งสุดหยั่งของ ฉินหยุน
พวกเขาล้วนบาดเจ็บหนัก ศิษย์จากสถาบันเทียนเจียวเริ่มยินดีเมื่อได้เห็น
พละกําลังชวน สะพรึงของฉินหยุน หากฉินหยุนชนะ พวกเขาอย่างน้อยก็
ได้ คนละหลายสิบล้านแต้มเสวียน สถาบันฉีข่ายไม่คิดชักช้าอีก หากพวก
เขาแพ้ พวกเขาจะต้อง ส่งศิษย์ชุดใหม่ขึ้นภายในห้าวินาที หากไม่แล้ว
หน่วยดังกล่าว จะถูกสั่งแพ้
ศิษย์ด้านล่างลานประลองเผยสีหน้าหวาดกลัว โดยเฉพาะกับผู้ ที่อยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด พวกเขาไม่มีทางเทียบฉิน หยุน
เชี่ยวหยางหลงสบถสาปแช่งฉินหยุนอย่างโกรธแค้นภายในใจ หากฉิน
หยุนถูกขังนานกว่านี้อีกสักวันหนึ่ง ชัยชนะจะตกแก่ พวกเขาแน่นอนแล้ว
แต่ตอนนี้ ฉินหยุนกลับปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสําคัญเสียได้ หน่วยที่
เหลือซึ่งถูกส่งขึ้นไป ไม่อาจยืนหยัดได้แม้สิบวินาทีก่อน จะบาดเจ็บสาหัส
ทางด้านสถาบันฉีข่าย ส่งหน่วยขนาดเล็กขึ้นไปห้าหน่วย พวก เขาล้วน
บาดเจ็บสาหัสกันทั้งสิ้น! แม้ฉินหยุนยืนหยัดชนะ แต่เวลายังเป็นสิ่งกดดัน
อยู่ ตอนนี้ เหลือเวลาไม่มาก เขาไม่ทราบว่าจะสามารถสําเร็จได้ทันเวลา
หรือไม่
ตอนที่ 253 แต้มเสวียน
ตอนนี้ เรื่องราวน่าสนุกได้เกิดขึ้นกับสถาบันฉีข่าย ไม่มีศิษย์ ผู้ใดคิดอยาก
ขึ้นลานประลอง! ไม่ว่าจะด้วยเซี่ยวหยางหลงข่มขู่ หรือก่นด่าเพียงใด ไม่มี
ศิษย์แม้สักคนคิดขึ้นลานประลองเพราะ ความหวาดกลัว อย่างรวดเร็ว
สองหน่วยถูกตัดสินให้แพ้ ตอนนี้สถาบันฉีข่ายเหลือเพียงแปดหน่วย หาก
เป็นแบบนี้ต่อไป ที่ไม่มีหน่วยใดขึ้นบนลานประลองยุทธ์ภายในห้าวินาที
พวก เขาจะถูกตัดสิทธิ์กันไปทีละหนึ่ง
“ฉินหยุน เจ้าไม่มีเวลามาก เอาแบบนี้เป็นไร ข้าส่งทุกหน่วยที่ เหลือ
ทั้งหมดขึ้นคราวเดียว ด้วยวิธีนี้เจ้าจะได้ไม่ต้องกลัวหมด เวลา”
เชี่ยวหยางหลงหันมองนาฬิกาทราย เป็นเขาคิดเดิมพัน เพราะ ไม่มีผู้ใดคิด
ว่าสามารถชนะฉินหยุน และสถาบันเทียนเจียวก็ไม่ มีวี่แววว่าจะชนะได้
ทันเวลาที่นาฬิกาทรายเหลืออยู
“ก็ได้ ส่งทั้งแปดหน่วยนั่นขึ้นมา!” ฉินหยุนกล่าว ตราบเท่าที่ สองฝ่ายตก
ลงกันได้ เรื่องนี้จึงสามารถกระทํา ทั้งแปดหน่วยรวมแล้วทั้งสิ้นสามสิบกว่า
คน ด้วยเหตุนี้พวกเขา จึงไม่เห็นมีอันใดต้องหวั่นเกรง ล้วนกระโดดขึ้นลาน
ประลอง อย่างเต็มใจ ฉินหยุนกําลังต่อสู้กับแปดหน่วยด้วยตัวเอง!
“ไม่ใช่ฉินหยุนมั่นใจเกินไปหรือ? หากเขาไม่ตกลง ก็ไม่มีใคร จากสถาบันฉี
ข่ายคิดขึ้นมาอยู่แล้ว พวกเขาจะถูกตัดสิทธิ์กันไป ที่ละหน่วย ท้ายที่สุด
ย่อมต้องชนะทันเวลา”
“เป็นเช่นนั้น ฉินหยุนอวดโอ่ตนจนเกินไปแล้ว!”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะไม่มีผู้ใดมั่นใจ ว่ากว่าจะถึงศึกสุดท้าย เวลาจะ
เหลือเท่าใด”
“หากฉินหยุนชนะได้ ก็น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”
“อย่างน้อยก็มีขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดห้าคน แม้ที่ เหลืออยู่ระดับ
เจ็ด แต่ร่วมมือกันน่าจะพอทําอะไรได้บ้าง”
“ฉินหยุนสมควรพ่ายแพ้แล้ว คนเพียงหนึ่งไม่อาจเผชิญหน้า กับฝูงหมาป่า
ได้!” หลันเฟิ งจินกัดริมฝีปากขณะจ้องมองฉินหยุน สําเร็จหรือ ล้มเหลว
ตัดสินในคราวเดียวแล้ว!
เชี่ยวหยางหลงเองก็รู้สึก ว่าผลลัพธ์ตัดสินแล้ว ในสายตาของ เขา ต่อให้
เป็นผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ก็ไม่มีทาง จัดการคนจํานวนมาก
เพียงนี้ได้ ต้องทราบว่าศิษย์เหล่านี้ล้วนเหนือลํ้า โดยเฉพาะหลังผ่านการ
ฝึกพิเศษ พวกเขาล้วนก้าวหน้ากันอย่างมหาศาล การประลองยุทธ์นัด
สุดท้าย
เริ่มขึ้นแล้ว! ศิษย์ของสถาบันฉีข่ายเริ่มใช้วัชระกําลังภายใน โจมตีใส่ฉิน
หยุนอย่างไม่สนอะไรอีกต่อไป!
พวกเขากระจายตัวกันทั่วลานประลองกว้างขวาง นี่ก็เพื่อ ป้องกันไม่ให้
พวกเขาเผลอทําพวกเดียวกันเองบาดเจ็บ ทั้งยัง เป็นการป้องกันไม่ให้ฉิน
หยุนโจมตีคนจํานวนมากเพียงครั้ง เดียวด้วย ฉินหยุนก้าวทะยานออก
หลบเลี่ยงคลื่นกําลังภายในจํานวน มากที่เล็งเข้าหาตน!
ครืน! คลื่นกําลังภายในนับไม่ถ้วน ปะทะกันแล้วปะทะกันเล่า เกิดขึ้น เป็น
การระเบิดสว่างวาบปกคลุมทั้งลานประลองยุทธ์ คลื่นกําลังภายในที่
ระเบิดนี้กระทั่งขึ้นสูงในท้องฟ้า ปกคลุมทั้ง สนามประลอง เป็นผลให้ไม่มี
ผู้ใดได้ยินการพูดคุยใด ภาพฉากอันตระการตา เป็นผลให้ผู้ชมพึงพอใจ!
ทุกคนต่างมองหาฉินหยุนที่ทะยานขึ้นกลางอากาศ พวกเขา รู้สึกว่าอีก
ฝ่ายเป็นไอ้หน้าโง่ เพราะอยู่กลางอากาศเป็นเป้านิ่ง ได้ง่าย เป็นการเปิด
ช่องให้คู่ต่อสู้โจมตี
ศิษย์ของสถาบันฉีข่ายที่พื้น พลันเห็นฉินหยุนกําหมัดเอาไว้ แน่นจึงคิด
โจมตีใส่ แต่แล้ว พวกเขากลับได้เห็นฉินหยุนยกแขน ขึ้น และฟาดหวุดลง
กับพื้นด้วยท่าค้อนทรงพลัง! เป็นเขาใช้การโจมตีโดยท่าค้อนวงกว้าง ด้วย
การใช้กระบวนท่า ที่หกของมังกรหลอม สวรรค์ร่วงหล่น!
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เขาใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงปลดปล่อยวิชา คลื่นยักษ์
เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทก ด้วยคลื่นกระแทกที่ใช้ออก ผ่านกระบวนท่าที่หก
ของมังกรหลอม มันยิ่งทวีอํานาจ!
วิชาคลื่นยักษ์ถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เมื่อมันถูกใช้งานออก พื้นแผ่นดิน
สั่นสะเทือน กระทั่งภูเขายังต้องสั่นไหว! เมื่อรวมเข้า กับมังกรหลอม
กระบวนท่าสวรรค์ร่วงหล่น พลังอันไร้สิ้นสุดซึ่ง อยู่ภายในเคล็ดวิชายิ่งบ้า
คลั่ง ราวกับแผ่นดินและภูเขาคิดถล่ม แยกออก ราวกับสวรรค์คัดกําลัง
แยกออกจากโลก! พลังอันแข็งแกร่งจากขุมพลังภายในขั้นสูง มันเพียงพอ
ให้แขน ราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุนยังต้องพบความเจ็บปวด กระทั่งเขามี
วัชระแก่นภายในที่แขน มันยังรู้สึกคล้ายกําลังปริแตกออก ด้วยพลัง
อํานาจนี้ พลังที่ฉินหยุนปลดปล่อยสู่เบื้องล่าง คลื่นกําลังภายในดังกล่าว
ได้แตกกระจายออก แผ่กระจายทั่วทั้งพื้นที่!
ตู้ม! อํานาจทําลายล้างของคลื่นยักษ์ปะทะกับลานประลองทองแดง เป็น
ผลให้พื้นแผ่นดินสะเทือนราวเปลือกโลกแยกตัวออก ทั่วทั้ง สนามประลอง
สั่นไหวรุนแรง! “อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น ศิษย์กว่าสามสิบคนบนลานประลองพลัน
ต้องเผชิญหน้าต่อกําลังอันสะเทือนฟ้าดิน ร่าง ของพวกเขากระเด็นออก
จากหน่วยตนเอง ร่วงหล่นที่ด้านนอก ลานประลองยุทธ์ บาดแผลยังคง
หลั่งโลหิตไหลหยดอย่าง ต่อเนื่อง คลื่นพลังภายในปกคลุมพื้นที่อย่างไม่
ลดละ
คลื่นพลังภายใน รุนแรงเกิดขึ้นซํ้าแล้วซํ้าเล่า ค่ายอาคมวิญญาณของลาน
ประลองต้องก่อตัวขึ้นเพื่อป้องกันสายลมรุนแรง ด้วยมันที่พัด ผ่านแทบทุก
ทิศทาง หลายต่อหลายคนต่างร้องส่งเสียงดังไม่ อาจหยุด ที่น่าสะพรึงกลัว
ที่สุดก็คือ คลื่นกระแทกของวิชาคลื่นยักษ์ ยังคงปะทะกับลานประลองยุทธ์
อย่างต่อเนื่อง คลื่นกระแทก สาดซัดลงมาสําเร็จถึงสิบครั้งที่ลานประลอง
เป็นผลให้เกิดรอย แยกบริเวณพื้นที่รอบลานประลอง
พลังอํานาจสั่นไหวถือมีแรงทะลุทะลวงสูงลํ้า หลังสาดซัดลงที่ พื้น ทั้ง
สนามประลองสั่นไหวจนเริ่มยุบตัว ที่นั่งผู้ชมเริ่มปริ แตกแยกออก ทั้ง
สนามประลองถึงกับตกอยู่ในความโกลาหล อันตรายแผ่กระจายทุกหน
แห่ง ราวกับมันพร้อมถล่มลงมาได้ ทุกเมื่อ ฉินหยุนค่อยลงที่พื้นบางเบา
ใช้มือข้างหนึ่งช่วยจับแขนราชสีห์ สวรรค์เอาไว้ เขาหอบหายใจเล็กน้อย
ขณะเอ่ยถาม “นี่ถือว่า ชนะหรือยัง?”
ภาพฉากที่เห็นตอนนี้คือความโกลาหล หลังเสียงโหยหวนของ สายลม
หยุดลง ผู้คนจึงได้เห็นสภาพสนามประลองที่ยับเยิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะ
ประทับความหวาดกลัวนี้ไว้ในใจ! ผู้ที่อยู่รอบลานประลองยุทธ์ถือว่า
สภาพยํ่าแย่ที่สุด เส้นผมล้วน ยุ่งเหยิงขณะเผยสายตาอึ้งซึ่งมองฉินหยุน
เชี่ยวหยางหลงทั้งตระหนกและกราดเกรี้ยว พละกําลังของฉัน หยุน ทําให้
เขาถึงกับต้องสั่นกลัว! )
“เป็นขุมพลังภายในขั้นสูง! ฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า
แล้ว!”
“แล้วเมื่อครู่นี้คือวิชาคลื่นยักษ์? ตํานานกล่าวว่าเมื่อใช้วิชา ยุทธ์ด้วยขุม
พลังภายในขั้นสูงเพียงอย่างเดียว นั่นถือเป็นเขา สําเร็จขั้นสมบูรณ์แบบ!”
“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ทั้งยังสําเร็จวิชาคลื่นยักษ์ขั้น สมบูรณ์
แบบ พลังนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
อึก!
พวกเขาต้องกลืนนํ้าลายเมื่อพบว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่
เก้า ทั่วทั้งสนามจึงปะทุออกด้วยเสียงตะโกนดัง สนั่นกันอีกครั้งหนึ่ง!
รองอธิการบดีจํานวนหนึ่ง และคณะอาจารย์ที่รับรู้ถึง พวกเขา ล้วน
แตกตื่นขณะมองสนามประลองที่ยุ่งเหยิงด้านล่าง! เหนือสนามประลอง
ยังคงมีขุมพลังภายในขั้นสูงหลงเหลือ นี้ หมายความถึงเมื่อครู่ มีคนใช้ขุม
พลังภายในขั้นสูงปลดปล่อย วิชายุทธ์ออกมา! ดวงตาของหลันเฟิ งจิ
นเบิกกว้าง นางแทบไม่เชื่อสายตาว่าสิ่งที่ เกิดขึ้นต่อหน้าเป็นเรื่องจริง นาง
ได้เป็นประจักษ์พยาน ว่ามีผู้สามารถปลดปล่อยวิชายุทธ์ ระดับลึกลํ้าด้วย
ขุมพลังภายในขั้นสูงบริสุทธิ์ นี่ถือเป็นพลัง อํานาจชวนสะพรึงเกินเทียบ
เปรียบ!
เมื่อผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ ได้เห็นสนามประลองอยู่ในสภาพเช่นนี้ หัวใจพวก
เขาปวดร้าว ทั้งหมดนี้เป็นฉินหยุนลงมือเพียงผู้เดียว!
“สถาบันเทียนเจียวชนะ!” กรรมการชราที่เส้นผมเต็มไปด้วย ฝุ่น ประกาศ
ดังก้องด้วยสีหน้าแตกตื่นไม่แพ้กัน หลังเสียงเงียบลงชั่วขณะ ค่อยเกิด
เสียงฮือฮาระเบิดดังขึ้นอีก รอบหนึ่ง!
ท่ามกลางเสียงเหล่านี้ ศิษย์ของสถาบันเทียนเจียวที่ได้รับ บาดเจ็บถือว่า
โห่ร้องตะโกนได้ดังที่สุด! 10 ในห้วงเวลาสุดท้าย การปรากฏตัวของฉิน
หยุนถึงขั้นสามารถ พลิกกระดานได้!
ส่วนทางด้านคนจากสถาบันฉีข่าย พวกเขาวุ่นวายรับมืออาการ บาดเจ็บ
ของบรรดาศิษย์กันอยู่ ท้ายที่สุด พวกเขากลับ กลายเป็นฝ่ายบาดเจ็บ
สาหัสเสียเอง การได้รอดชีวิตจากวิชา คลื่นยักษ์ระดับนั้น ถือว่ามีแต้มบุญ
มหาศาลมากแล้ว ดวงตาของเซี่ยวหยางหลง เปี่ยมด้วยโทสะไร้สิ้นสุด
ขณะมองที่ ฉินหยุน ผู้ซึ่งยืนเด็ดเดี่ยวบนลานประลองยุทธ์ จิตสังหารน่าสะ
พึงพลันเข้าปกคลุมทั้งสนามประลอง
เดิมสถาบันฉีข่ายเกือบได้รับชัยชนะอยู่แล้ว ถึงตอนนั้น ไม่ เพียงแต่เขา
เชี่ยวหยางหลงที่ได้รับรางวัล กลุ่มศิษย์ของเขายัง จะได้รับรางวัล รวมถึง
อาจารย์ท่านอื่นด้วย!
แต่ตอนนี้ ศิษย์พวกเขาส่วนใหญ่ที่ติดตามเข้าสถาบันใหม่ กลับ ถูกทําลาย
โดยฉินหยุน ทั้งยังต้องสูญเสียรางวัลไป! หากเชี่ยวหยางหลงไม่โกรธก็ถือ
ว่าแปลกเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ หลายคนต่างคิดว่าการที่ฉินหยุนท้าทายเชี่ยวหยาง หลง เป็น
การนําไข่ไปกะเทาะหิน แต่ตอนนี้ ไม่มีใครกล้ากล่าว แล้วว่าผลลัพธ์ใน
ท้ายที่สุดจะเป็นเช่นไร!
ถึงตอนนี้ ฉินหยุนได้เผยพละกําลังชวนสะพรึงแก่พวกเขาแล้ว! เมื่อ
สถาบันเทียนเจียวได้รับชัยชนะ บรรดาศิษย์และอาจารย์แต่ ละท่านล้วน
ได้รับรางวัลกันทั้งสิ้น!
ฉินหยุนเดินลงจากลาน ประลอง กลับไปหาฮั่วจงและคณะ
“น้องหยุนทําได้ดีนัก! ท่ามกลางศิษย์มากมายของสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน
ข้านับถือแต่เจ้าแล้ว!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวขณะ เดินเข้ามา
“น้องหยุน ขอบคุณเจ้าแล้ว ทําให้พวกเราได้รับกันมากถึงคน ละห้าร้อย
ล้านแต้มเสวียน!” ฮั่วจงเองก็ยินดียิ่ง “
ฉินหยุน ตั้งแต่พบเจ้า โชคของข้าดีวันดีคืนนัก!” เสวี่ยซือเยี่ย เผยรอยยิ้ม
เป็นธรรมชาติที่งดงามออกมา นางเอ่ยถามเสียงเบา
“แขนเจ้ายังไหวหรือไม่? พลังที่เจ้าระเบิดไปเมื่อครู่นี้ ไม่น่าใช่ อะไรที่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าสามารถทนได้!”
“ยังสบายดี เป็นแขนราชสีห์สวรรค์!” ฉินหยุนยิ้มเจื่อน
“ข้าไม่ เคยคาดคิด ว่าจะได้รับโซคลาภก้อนใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เป็นอิสระ
จากคุกใต้ดินอันแสนน่าเบื่อ ถึงกับได้รับห้าร้อยล้านแต้มเสวียน เลย
ทีเดียว” ตอนนี้เอง ศิษย์ร่วมสถาบันหลายคน ต่างเดินเข้ามากล่าว
ขอบคุณต่อฉินหยุน และแสดงความยินดีต่อหน่วยของพวกเขา หลันเฟิ งจิ
นยิ้มบางขณะกล่าวกับฉินหยุน
“ห้าร้อยล้านเหรียญ ผลึกของข้าไม่สูญเปล่าแล้ว ในเมื่อเจ้าพยายามอย่าง
หนัก เพื่อให้อาจารย์เช่นข้าได้รับรางวัล ถือว่าพวกเราหายกัน!”
“พี่หลัน รางวัลนั่นแท้จริงคืออะไรกันแน่?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ย ถามอย่าง
สงสัย ฉินหยุนและคณะก็สงสัยเช่นกัน พวกเขาล้วนมองหลันเฟิ งจนอ ย่าง
คาดหวังคําตอบ
“เคล็ดวิชาของวิญญาณยุทธ์ เคล็ดวิชาลึกลับ!” หลันเฟิ งจิน เผยดวงตา
ตื่นเต้นยินดี ฉินหยุนและคณะถึงขั้นสูดลมหายใจเข้าลึก!
เคล็ดวิชาลึกลับ คือเคล็ดวิชาวิญญาณยุทธ์ที่หาได้ยากยิ่ง มี เพียงแต่
บันทึกในตํารา ส่วนที่น่าทึ่งที่สุดคือ ผู้ฝึกฝนสามารถใช้ วิญญาณยุทธ์ของ
ตนเอง เพื่อใช้งานผ่านเคล็ดวิชาลึกลับ และ สามารถใช้งานพลังแปลก
ประหลาดนานาชนิดได้ผ่านเคล็ดวิชา ดังกล่าว ยกตัวอย่าง เคล็ดวิชา
ลึกลับบางชนิด สามารถทําให้วิญญาณ ยุทธ์ไฟ แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้
หลายอย่าง
ตามบันทึกกล่าวไว้ ผู้ฝึกฝนเจ้าของวิญญาณยุทธ์ ผู้ซึ่งใช้เคล็ดวิชาลึกลับ
และแปรเปลี่ยนวิญญาณยุทธ์ไฟ ให้กลายเป็นกิเลนอัคคี เป็นผลให้
สามารถใช้พวกมันเดินทางนับหมื่นลี้ได้ภายในหนึ่งวัน กล่าวก็คือ เคล็ด
วิชาลึกลับ ถือเป็นเคล็ดวิชาที่ทําให้วิญญาณ ยุทธ์มีความลึกลับและทรง
อํานาจมากขึ้น หากเป็นเคล็ดวิชา ลับด้านการต่อสู้ มันจะยิ่งชวนตื่นตะลึง
กว่านี้ ผู้ฝึกตนที่ระดับ พลังเดียวกันซึ่งเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลึกลับ พวกเขา
สามารถ รับมือกับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันได้ถึงสามอย่างไม่ยิ่งหย่อนด้วยซํ้า
“ไม่แปลกใจที่เชี่ยวหยางหลงจะเกลียดชังข้าเพียงนี้!” ฉินหยุน ยิ้มกว้าง
“เคล็ดวิชาลึกลับนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเช่นไร ข้าต้อง กลับไปตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามเพื่อรับมันเสียก่อน” หลันเฟิ งจินกล่าว
“อันที่จริง หลังก่อตั้งสถาบันเทียนเจียวและ สถาบันฉีข่าย ผู้ที่สูญเสียที่สุด
กลับเป็นตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม พวกเขาเพียงคิดว่าผู้ชนะใน
ท้ายที่สุดจะเป็นพวกเขาเอง”
เสวี่ยซือเยี่ยกล่าวคํา “กลับกันเถอะ ที่นี่เหมือนจะฟังได้ทุกเมื่อ
แผ่นดินไหวเมื่อครู่เป็นผลให้สนามประลองสภาพไม่มีชิ้นดี แล้ว”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มรับ “น้องหยุน เจ้าช่างน่าทึ่งนัก ถึงกับทําให้ สนาม
ประลองยุทธ์กว่าพันปีเป็นเช่นนี้ได้ ตาเฒ่าพวกนั้นคง เกลียดเจ้าแทบตาย
แล้ว”
“เหอะ พี่หลันมอบแก่พวกเขาห้าร้อยล้านเหรียญผลึก กระนั้น ยังกักขังข้า
เอาไว้ถึงสิบเดือน โดนเสียบ้างถือว่าดีแล้ว” ฉิน หยุนเผยความไม่ยินดี
จากนั้นเขาจึงนําบัตรผลึกแต้มเสวียน ออกมา รับห้าร้อยล้านแต้มเสวียน
รวมถึงวิชาตัวเบาระดับ โลกาเป็นรางวัล “ก้าวดาราเร้นลับ”
จากนั้นจึงเร่งรีบเดินทาง ทออกจากสนามประลองพร้อมฮั่วจงและคณะ ที่
บ้านพักหลังเล็กในสถาบันเทียนเจียว ฉินหยุนพักผ่อนในห้อง เพียงชั่วลม
หายใจในการประลองก่อนหน้า เป็นเขาใช้พลัง ภายในจนเกือบหมดสิ้น
เป็นผลให้ตอนนี้รู้สึกอ่อนแรงไม่น้อย พอกลับมาถึง เขาล้มกายลงนอนกับ
ที่นอนตนเองผล็อยหลับไป
ตอนที่ 254 ความก้าวหน้าของชี่เม่ยเหลียน
หลังฉินหยุนตื่นขึ้น เขาจึงเดินออกมาที่ห้องโถง หลันเฟิ งจินกําลังหัวเราะ
“ข้านึกว่าสถาบันเทียนเจียวจะเปิด ได้สักสองปี แต่กลับจบรวดเร็วเพียงนี้
ถือเป็นโชคชะตาหาได้ ยากยิ่งที่นําพวกเรามาพบกัน” เสวี่ยซือเยี่ยกล่าว
“หลังกลับไปแล้ว ข้าจะเข้าร่วมตําหนัก ตะวันออก! ฉินหยุน เมื่อใดเจ้าคิด
เข้าร่วมตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม?”
“อีกสักปีหนึ่ง! เมื่อเวลามาถึง ข้าจะท้าทายเชี่ยวหยางหลง และเข้าร่วม
ตําหนักตะวันตก กลายเป็นหัวหน้าศิษย์” ฉินหยุน ยิ้มบาง “ตอนนี้ ล้วนไม่
มีใครสงสัยในพละกําลังของข้าแล้ว!”
“น้องหยุน ทางที่ดีเจ้าต้องระวังตัวให้มาก เชี่ยวหยางหลงไม่ใช่ คนรับมือ
ด้วยได้ง่าย” มู่หรงต้าเหรินเผยสีหน้าจริงจังเอ่ยเตือน ฉินหยุน ฮั่วจงเองก็
พยักหน้า
“พละกําลังของเซี่ยวหยางหลงไม่อาจ ประมาท เป็นมันก้าวสู่ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าได้นานไม่น้อยแล้ว ย่อมต้องมีไพ่เด็ดในครอบครอง!” หลันเฟิ งจิ
นกล่าว
“ฉินหยุน ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ดีที่สุดคือ เจ้ายกระดับพละกําลังตนเอง
ภายในหนึ่งปี! ด้วยขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เก้า มันเป็นเรื่องยากยิ่งที่
เจ้าจะรับมือกับ เชี่ยวหยางหลงได้!”
“เว้นแต่... เว้นเสียแต่ฉินหยุนจะก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ ในหนึ่งปี!”
เสวี่ยซือเยี่ยโพล่งคําขึ้น ฮั่วจงและคณะพลันอึ้ง! หากฉินหยุนก้าวถึง
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ในอีกหนึ่งปี เท่ากับ ว่าเขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าที่อายุสิบแปดปี
“เรื่องนี้ เป็นไปได้หรือ?” มู่หรงต้าเหรินมองที่ฉินหยุน จากนั้นจึงหันมองห
ลันเฟิ งจินและกล่าวถาม
“พี่หลัน ความ ยากลําบากเพื่อก้าวออกจากขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เก้าสู่ ขอบเขตวรยุทธ์เต่นั้นมันเพียงใดกัน?”
“ยากจะกล่าว แต่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้!” หลันเฟิง จินสูดลม
หายใจเข้าลึก จากนั้นจึงเผยสีหน้าจริงจังแนะนําฉิน หยุน
“ฉินหยุน อย่าได้ฝืนบังคับตนเองเลื่อนระดับ หลายคน เผชิญกับปัญหา
ใหญ่หลวงระหว่างการเลื่อนระดับเพราะเร่ง ร้อน ผลลัพธ์คือพวกเขาล้วน
บ้าคลั่งกันทั้งสิ้น!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ เป็นเพราะบิดาของเขา ก็เคยเกิดอาการ ฝึกฝนบ้า
คลั่งจนเกือบเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้จึงเป็นเขาให้ ความใส่ใจอย่างดี
เสมอมา
“เช่นนั้นข้าขอตัว ข้าจะเข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามโดยเร็ว
ที่สุด จะได้เสริมพละกําลังโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทํา ได้” หลังบอกลาต่อฉิน
หยุนและคณะ เสวี่ยซือเยี่ยจึงออกจากบ้านพักและสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ไปพร้อมผู้อาวุโสของนาง
หลันเฟิ งจินหัวเราะ “ข้าเองก็ต้องรีบกลับไปรับเคล็ดวิชาลึกลับ ขอตัวละ
นะ!”
ฮั่วจงและมู่หรง จะกลับไปพร้อมโฮวฉิงเฟิ ง โฮ่วนิ่งเพิ่งเคยเป็น รอง
อธิการบดีของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ดังนั้นเขาจึงอยู่โยงที่นี่ หลายวันจึง
ค่อยเดินทางกลับ
“จริงด้วย ข้าต้องไปสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว พวกท่านสนใจ ไปกับข้า
หรือไม่? พวกเราเคยคุยกันก่อนหน้านี้ ว่าคิดเข้าไป รับชมด้วยกัน” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม ล่าสุด เชี่ยวเย่ว์หลานมาที่คุกใต้ดินเพื่อพบเขา นางบอกต่อ
เขา ว่าเชี่ยวเสวียนฉินจะมาพบเขาเพื่อหารือ เรื่องการเขาสู่สุสาน ราชวงศ์
เทียนเชี่ยว ฮั่วจงตอบ
“ข้าคงไม่อาจไป! หากข้าไปยังสุสานราชวงศ์เทียน เชี่ยว ไม่ทราบเลยว่า
ต้องใช้เวลาเท่าใด ตอนนี้มีหลายเรื่องให้ ข้าต้องทําที่ตําหนักสัตว์ยุทธ์”
มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “น้องหยุน หากเจ้าไป พวกเราก็สบายใจ เจ้า ถือว่า
แข็งแกร่ง แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวให้ดีด้วย”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้าทราบดี ที่เหลือก็เป็นพี่ใหญ่เซียว่าจะ มีเวลา
หรือไม่ หากเขาร่วมทาง ข้าคงสบายใจได้มาก”
“พี่ใหญ่เซี่ยตอนนี้ เป็นบุคคลสําคัญของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ เขา จึงยุ่งมาก
กล่าวกันว่าจ้าวตําหนักศักดิ์สิทธิ์คาดหวังในตัวเขา ไม่ใช่น้อย คิดอยากรับ
เป็นศิษย์คนล่าสุดด้วยซํ้า” ฮั่วจงกล่าว
“เช่นนั้นก็วิเศษแล้ว เมื่อใดที่พี่ใหญ่แข็งแกร่ง หากพวกเราเกิด ปัญหาขึ้น
ในตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามภายหน้า พวกเรา จะได้ขอให้เขา
ช่วยเหลือได้”
ฉินหยุนยิ้มรับ มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงตัดสินใจไม่ไปยังสุสานราชวงศ์
เทียน เชี่ยว พวกเขารู้สึกว่าตนเองยังขาดกําลัง ทั้งยังเป็นกังวลว่าจะ
กลายเป็นตัวถ่วงต่อฉินหยุนในภายหน้า นี่เป็นเพราะสุสานราชวงศ์เทียน
เชี่ยวตั้งอยู่ในป่าลึก สัตว์อสูร ทุกวันนี้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง หากเผชิญหน้ากับ
ฝูงสัตว์อสูรทรง พลังเข้า พวกเขาไม่มีแรงสู้ตอบโต้
ฉินหยุนชักชวนมู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงร่วมกินดื่ม หลังผ่าน อาหารมื้อ
ใหญ่ แต่ละคนค่อยกลับบ้านพักตนเอง
“ห้าร้อยล้านแต้มเสวียน ไม่รู้เลยว่าจะเอาไปใช้ทําอะไรได้ บ้าง!” ขณะฉิน
หยุนเดินทางกลับป่าสมบัติ เขานึกถึงหลาย เรื่องราว เขาไม่ทราบว่าตน
สามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ภายในหนึ่งปีได้หรือไม่ แม้เขามีวัชระ
แก่นภายในถึงสาม แต่ยังคงมีความแตกต่างนัก หากเทียบกับเชี่ยวหยาง
หลงที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เมื่อกลับไปยังป่าสมบัติ เขาพลันรู้สึกได้ถึงออ
ร่าที่คุ้นเคย
“พี่หยุน!” เสียงอ่อนนุ่มและยินดีดังขึ้นจากบนต้นไม้ เป็นเด็ก สาวสวมใส่
ชุดสีเหลือง นางเปรียบดั่งภูติงดงามเคลื่อนคล้อยลง สู่โลก และ
“เสี่ยวเม่ยเหลียน!” ฉินหยุนตะโกนรับด้วยความยินดี ถือว่านานแล้วตั้งแต่
ครั้งล่าสุดที่เขาได้พบชี่เม่ยเหลียน ตอนนี้ ได้เห็นนาง เป็นนางเปลี่ยนไป
มาก ทั้งงดงามขึ้น และยังสูงขึ้น
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยน นั่นก็คือดวงตาของนางยังเปี่ยมด้วยความ บริสุทธิ์ “พี่
หยุน ท่านยอดเยี่ยมนัก ข้าเองก็รับชมศึกในสนามประลอง ด้วย!”
นางพอได้เห็นฉินหยุน อาการยินดีไม่อาจถ่วงรั้ง ใบหน้า ของนางเปี่ยม
ด้วยรอยยิ้มหวานยินดี สําหรับนาง ฉินหยุนเปรียบเสมือนครอบครัวที่
เหลือเพียงหนึ่ง เดียว
“เจ้าสารเลวพวกนั้นอ่อนแอเกินไปต่างหาก!” ฉินหยุนสัมผัส ใบหน้าเนียน
บางเบา และยิ้มกล่าวตอบ เขาพานางเข้าถํ้าของตนเอง เชื้อเชิญให้นั่ง
จากนั้นจึงนํา นํ้าหวานผลไม้ออกมาขึ้นให้แก่นาง ฉินหยุนมองที่น้องสาวผู้
ซึ่งเติบโตขึ้นมาก เมื่อเขาคิดถึงชะตาที่ นางเคยพบเจอ เขายิ่งรู้สึกผิดต่อ
นางอย่างลึกลํ้า เป็นเขาอยาก ปกป้องเด็กสาวแสนบริสุทธิ์คนนี้ ไม่ให้นาง
ต้องเผชิญกับ ความรู้สึกเลวร้ายอีก
“พี่หยุน ด้วยอาจารย์ข้าชี้แนะ ข้าก้าวหน้ารวดเร็วไม่น้อย ตอนนี้ข้าเองก็อยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าเช่นกัน” ชี่เม่ย เหลียนเอ่ยคํา ขณะนี้เองก็
เลียนํ้าผลไม้รอบริมฝีปากไปด้วย ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเข้าที่ใบหน้า
งดงาม เขากล่าว
“เสี่ยวเม่ยเหลียน เรื่องนี้วิเศษนัก เจ้ากําลังจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า พี่หยุนใน
ภายหน้า เมื่อเวลามาถึง ต้องเป็นเจ้าช่วยปกป้องข้า แล้ว” ซี่เม่ยเหลียน
พยักหน้ารับจริงจัง
“ข้าย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก ข้าจะไม่ให้คนเลวที่ไหนมากลั่นแกล้งพี่หยุนข
องข้า!” นางเด็กกว่าฉินหยุนราวหนึ่งถึงสองปี แต่ตอนนี้กลับอยู่ ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เก้า พรสวรรค์ระดับนี้ ถือว่าน่า สะพรึงกลัวกว่าเชี่ยว
เย่ว์หลาน เพียงแต่หลายคนยังไม่ทราบที่ เท่านั้นเอง ฉินหยุนรู้สึกว่า หาก
ตนมีโอกาส เขาคิดอยากขอบคุณอาจารย์ ของซี่เม่ยเหลียน เขาเพียง
ทราบว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นหญิงชรา นางค่อนข้างดุแต่ก็ดีกับชี่เม่ยเหลียน
ไม่น้อย
ด้วยแผนที่หลุมฝังเซียนที่นางครอบครอง ฉินหยุนไม่แปลกใจที่ นางจะ
ฝึกฝนก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ “เสี่ยวเม่ยเหลียน ภายนอกอันตรายนัก หาก
เจ้าไม่มีอาจารย์ ร่วมทาง ดีที่สุดคืออย่าได้ออกไปด้วยตนเอง” ฉินหยุนค
ว้ามือ เล็กของชี่เม่ยเหลียนไว้ มอบยันต์สะกดกายให้จํานวนหนึ่ง
“สิ่ง นี้คือยันต์สะกดกาย พวกมันจะช่วยเจ้าปกป้องตนเองได้!” ได้ยินคํานี้
ชี่เม่ยเหลียนขมวดคิ้วขณะกระซิบ
“พี่หยุน ยันต์ สะกดกายนี้ยากสร้างขึ้นหรือไม่? เป็นข้าคิดอยากให้ท่าน
เก็บไว้ ท่านออกไปภายนอกบ่อยยิ่งนัก”
“ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เจ้าเก็บไว้ได้เลย!” ฉินหยุนยิ้มรับอบอุ่น หัวใจ ชี่เม่ย
เหลียนจึงรับไว้ นางทราบว่าฉินหยุนต้องการให้นาง ปลอดภัยจึงไม่คิด
ปฏิเสธอีก
“เสี่ยวเม่ยเหลียน อาจารย์ของเจ้าแนะนําให้เข้าร่วมตําหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีครามหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขารู้สึกว่าหากชี่เม่ยเหลียนคิด
เข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ก็ สมควรเข้าร่วมตําหนัก
ตะวันออก
“อาจารย์ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ เพียงบอกข้าว่าอย่าได้บอกต่อผู้อื่น ถึงระดับ
การฝึกฝนปัจจุบันของข้า ดังนั้นข้าจึงบอกเพียงแต่ ท่าน” ชี่เม่ยเหลียนยิ้ม
หวานกล่าวต่อ
“อาจารย์ดูแลข้าดีนัก ท่านอย่าได้ห่วงเรื่องข้า”
“แน่นอน!” ฉินหยุนเองก็สามารถบอกได้ว่าชีเม่ยเหลียนมี ความสุขดี
ดังนั้นเขาจึงวางใจ ฉินหยุนพาชี่เม่ยเหลียนบินขึ้นสู่ด้านบนต้นไม้สมบัติ
ตะวันดารา นั่งบนกิ่งไม้หนา สํารวจมองทะเลสาบหมื่นดาราภายนอก
สถาบัน เดิมทะเลสาบหมื่นดาราสงบ แต่ตอนนี้กลับมีคลื่นวงนํ้าปรากฏ
เหมือนมันจะเป็นเช่นนี้เรื่อยมานับตั้งแต่เกิดคลื่นวงนํ้าแรก หลังข่าวคราว
ของทะเลสาบหมื่นดาราแพร่กระจาย หลายต่อ หลายคนต่างหวาดกลัว
แต่ผ่านมาแล้วหลายวัน โลกใบนี้ยังคง สงบดี ผู้คนจึงเริ่มลืมเลือนไป
“พี่หยุน ท่านเคยเห็นทะเลสาบหมื่นดารากลางคํ่าคืนหรือไม่?” อย่าง
กะทันหัน ชี่เม่ยเหลียนกล่าวขึ้น “อาจารย์พาข้าออกไป ช่วงกลางคืนหลาย
ครั้ง บนท้องฟ้า ข้าได้เห็นดวงดาวมากมาย บนพื้นผิวของทะเลสาบหมื่น
ดารา พวกมันกําลังเคลื่อนไหวไป มา แสงดาวเหล่านั้นงดงามยิ่ง”
ฉินหยุนส่ายศีรษะ ยิ้มรับ “ไม่ แต่ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้น ข้า คิดไปรับชมดู
เมื่อเสี่ยวเม่ยเหลียนบอกว่างดงาม เช่นนั้นข้า ย่อมต้องไปรับชมดูสักครั้ง”
ชี่เม่ยเหลียนแลบลิ้นออกอย่างขี้เล่น นางหัวเราะกล่าว “พี่เย่ว์ หลานเองก็
มาพบข้า นางเป็นคนดียิ่ง ไม่ได้น่ากลัวเหมือนดัง ข่าวลือ ท่านอย่าได้รั่งแก
นางในภายหน้า”
“ตราบเท่าที่นางไม่รังแกข้าละก็นะ” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะรับ ชี่เม่ย
เหลียนมองที่ทะเลสาบหมื่นดาราและเอ่ยถามเป็นกังวล “พี่หยุน ตํานาน
ของทะเลสาบหมื่นดาราเป็นเรื่องจริงหรือ?”
“หากเก้าดวงตะวันเลือนหาย จะเกิดอะไรขึ้นกับสวรรค์และโลก? และ
เพราะเรื่องนี้ พวกเราจะร่วงหล่นสู่ความมืดหรือไม่?”
“เรื่องนี้ไม่อาจทราบ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าย่อมปกป้องเจ้า! ข้าจะเป็น
ดวงตะวันให้เจ้า สาดส่องแสงชั่วนิรันดร์ให้แก่โลก” เฉินหยุนยิ้ม และจิ้ม
เข้าที่ใบหน้าน่ารักของนาง
ดวงตางดงามของซี่เม่ยเหลียนเป็นประกายด้วยความยินดี ฉินหยุนพานาง
กลับลงมา ไปเล่นที่ในป่าสมบัติตลอดทั้งวัน จนกระทั่งช่วงเย็น พวกเขาจึง
ค่อยไปรับชมดวงตะวันอัสดงทั้ง เก้าค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยลาลับฟ้า และ
หายไปที่สุดปลายของ ทะเลสาบหมื่นดารา
หลังเล่นกับฉินหยุนอยู่ทั้งวัน ชี่เม่ยเหลียนสนุกสนานไม่น้อย นางออกจาก
ป่าสมบัติ กลับไปพบอาจารย์ของนาง เป็นนางคิด เก็บตัวฝึกฝนอีกครั้ง
หนึ่งแล้ว ไม่ทราบเลยว่ากว่านางจะออกมา อีกครั้งคือเมื่อใด ฉินหยุนเกิด
ความสงสัยอย่างยิ่งต่ออาจารย์ของชี่เม่ยเหลียน เขาจึงไปพบตู้ก่วยในถํ้า
ต้นไม้
ตู้ก๋วยถือก้อนหินจํานวนหนึ่งในห้องโถง พวกมันเหล่านี้คือหิน ทดสอบ
พลังจิต ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนเคยทําพวกมันแตก กระจายไปมากครั้งการ
ทดสอบพลัง
“อาจารย์ขอรับ อาจารย์ของเสี่ยวเม่ยเหลียนคือผู้ใดกัน? เหตุ ใดนางดู
ลึกลับนัก?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ข้าได้ยินว่านางเป็น หญิงชราท่านหนึ่ง พื้นเพนางเป็นเช่นไรกันแน่?”
“อาจารย์ของนางลึกลับจริง ไม่กี่ปีก่อนเมื่อนางมายังสถาบัน ยุทธ์ชิง
เสวียน ได้ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า แม้นางเข้มงวด ไปบ้าง แต่ก็เป็นคน
ดียิ่ง! เจ้าสามารถวางใจ เสี่ยวเม่ยเหลียนจะ ปลอดภัยในสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน” ตู้ก๋วยยิ้มตอบ
“มาแล้วก็ดี ช่วยข้าทําหินพวกนี้หน่อย ใช้เปลวเพลิงของเจ้าเผาพวกมันให้
กลายเป็นสีนํ้าเงิน” หินที่วางบนพื้นทั้งหมดเป็นสีขาว และตอนนี้ก่วยก็
กําลังเผา พวกมันทีละก้อน เรื่องราวเป็นไปอย่างเชื่องช้า ฉินหยุนนําเตา
หลอมออกมา ใส่ก้อนหินสีขาวเหล่านั้นเข้าไป จากนั้นจึงเริ่มจุดเปลวเพลิง
“เจ้าสบายดีหรือไม่?” ตู้ก๋วยเอ่ยถามอย่างสงสัย
“แน่นอนขอรับ!” เพียงไม่นาน ฉินหยุนเปิดเตาหลอม นําเอาหินสีนํ้าเงิน
ร้อนแรงออกมาด้วยมือเปล่า และส่งมอบพวกมันให้แก่ผู้ก่วย
“หากข้าทราบแต่แรก คงให้เจ้าช่วยเผาพวกมันไปแล้ว สมแล้ว ที่เป็น
อาจารย์จารึกระดับต้น ช่างน่าประทับใจนัก!” ตู้ก๋วยยิ้ม และกล่าวยินดี
“เจ้าพวกนี้ทําเอาข้ายุ่งมาหลายสิบวันเลยทีเดียว”
ตอนที่ 255 ท้องฟ้าดาราพราย
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงช่วยเหลือผู้ก่วยไปหลายอย่าง พวกมัน ล้วนเป็น
ก้อนหินทั้งสิ้น เขาต้องง่วนอยู่ทั้งคืนจนกระทั่งถึงช่วง ดึก กว่าจะเสร็จงาน
ที่ตู้ก่วยต้องใช้เวลาทําทั้งเดือน ตู้ก๋วยอึ้งไปวูบ เพราะเขารู้สึกว่าฉินหยุนไม่
น่าใช่อาจารย์จารึก ระดับต้นแล้ว แน่นอนว่า ฉินหยุนตอนนี้คืออาจารย์
จารึกระดับสูง ช่วงกลางดึก ฉินหยุนยังไม่ได้กลับไปพัก กลับกัน เขา
ออกไป ด้านนอกสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ลอยค้างอยู่บนฟ้าเหนือ ทะเลสาบ
หมื่นดารา
เดิม ตอนทะเลสาบหมื่นดาราสงบ มันเสมือนกระจกบานหนึ่ง เมื่อท้องฟ้า
เปี่ยมด้วยดวงดาว ทะเลสาบหมื่นดาราจะเต็มไป ด้วยดวงดาว มีความ
งดงามอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ ทะเลสาบหมื่นดาราหาได้สงบ แต่กลับเต็มไป
ด้วย คลื่นนํ้าตลอดทั้งวัน ที่พื้นผิวของทะเลสาบกระเพื่อมขึ้นลง ต่อเนื่อง
ไม่มีเว้นช่วงสงบแต่อย่างใด
ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆา ลอยขึ้นด้านบนเหนือทะเลสาบหมื่น ดาราราว
หนึ่งหมื่นเมตร เขาได้ยินจากซี่เม่ยเหลียน ว่าทะเลสาบหมื่นดาราแม้มี
สภาพ เช่นตอนนี้ แต่การได้เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้ายามคํ่าคืนสะท้อน
ออกมา มันก็งดงามยิ่งยามมองจากที่สูง “ไม่เห็นดาวเลย มีแต่จุดแสงบน
ผิวนํ้าทะเลสาบเคลื่อนไหวไป มา”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว ภาพที่เขาเห็นไม่ได้งดงามเลยสักนิด กล่าวได้ว่าแทบไม่
เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ด้วยเชื่อในตัวนาง เขามั่นใจว่านางไม่ใช่คนที่
จะพูดอะไรส่งเดช
“หรือจะเป็นเสี่ยวเม่ยเหลียนเห็นสิ่งแตกต่างจากที่เราเห็น?” ฉินหยุนลอย
สูงขึ้นไปอีกขณะรับชมไม่วางตา เขาสํารวจมองอย่างถี่ถ้วน จับจ้องมัน
หลังผ่านไปกว่าสองชั่วโมง เขาพลันตระหนักได้ ไม่ว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
จะ เคลื่อนไหวสักเพียงใด แสงดาวบนพื้นผิวทะเลสาบก็ไม่คล้ายจะ
แปรเปลี่ยน ยกตัวอย่าง ดวงจันทร์ที่สะท้อนบนพื้นผิวทะเลสาบ มันกําลัง
เคลื่อนไหวด้วยความเร็วเชื่องช้ากว่าบนท้องฟ้านานนับชั่วโมง
ถึงตอนที่คลื่นบนพื้นผิวทะเลสาบผันแปร มันยิ่งยากสะท้อน แสงดวงดาว
และดวงจันทร์ในท้องฟ้า ทว่า ทั่วทั้งทะเลสาบ หมื่นดารา มันก็ยังคง
สะท้อนทุกสิ่ง พอฉินหยุนตระหนักได้ เขาจึงคิดว่านี่แปลกเกินไป
ทะเลสาบหมื่นดารา คล้ายลึกลับกว่าที่เขาจินตนาการถึงเอาไว้มาก
“เสี่ยวเม่ยเหลียนจะต้องเห็นทะเลสาบหมื่นดาราที่งดงาม แต่ ทําไมกัน
ละ?” แม้ฉินหยุนพบว่าทะเลสาบหมื่นดารายามคํ่าคืน แปลกประหลาด
แต่เขายังไม่อาจเห็นความงดงามดังที่ขี่เม่ย เหลียนเอ่ยถึง เขาลอยตัว
กลางอากาศขณะครุ่นคิด
“หรือเป็นเพราะพลังจิตของเสี่ยวเม่ยเหลียนแปลกออกไป? ดังนั้นสิ่งที่นาง
เห็น ผู้อื่นจึงไม่อาจมองเห็น?”
ฉินหยุนพลันคิด ได้เช่นนี้ ชี่เม่ยเหลียนมีรอยยิ้มใสซื่อและอ่อนหวาน แม้
นาง ประสบเรื่องราวชวนเจ็บปวดมากมาย แต่นางก็ยังเป็นคนมอง โลกใน
แง่ดีเสมอ ฉินหยุนจึงเกิดความสงสัยขึ้น ว่าวิญญาณยุทธ์ของชี่เม่ยเหลียน
อาจเป็นวิญญาณยุทธ์ที่มีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ทั้งยังอาจทําให้ ผู้คน
สูญเสียความทรงจํา เพราะเสี่ยอูเฟิงและคณะต่างบอกว่า เคยเห็น
วิญญาณยุทธ์ดังกล่าวมาก่อน แต่พวกเขานึกอย่างไรก็ ไม่อาจนึกออก
“ความคิดรบกวนอื่นคงต้องปล่อยไปก่อน ตอนนี้ต้องตั้งใจไปที่ ห้วงนํ้า
เบื้องล่าง จะมองมันยังไงให้งดงามดังที่เสี่ยวเม่ยเหลียน บอก?” ฉินหยุนค
รุ่นคิดกับตนเองก่อนหลับตาลง เขาปล่อยให้ ตัวเองเข้าสู่ห้วงจินตภาพ
พลังจิตของเขาแข็งแกร่ง และเขายังสามารถควบคุมมันได้ดังหลังรู้สึกได้
ว่าอยู่ในอาการสงบแล้ว
เขาจึงลืมตาขึ้น มองไปที่ แสงดาวของทะเลสาบหมื่นดาราซึ่งสะท้อนออก
ภายในใจฉินหยุนพลันอึ้งเพราะความงดงามหาใดเปรียบของ ทะเลสาบ
หมื่นดารา เขาคิดอยากเมินเฉยทุกสิ่ง เพื่อเข้าสู่ทะเล ดาราที่งดงามและ
แช่กายลง
“นี่เป็นแผนผัง แต่มันคือแผนผังของอะไร? มันเกิดขึ้นเป็น อาคมได้ มีผัง
ประหลาดเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกันจํานวน มาก!” ฉินหยุนอ่อนไหวต่อ
ตั้งจารึกเป็นพิเศษ เพียงพบเห็นเขา ก็สามารถบอกได้ ภายใต้แสงดาวเจิด
จ้า ทะเลสาบหมื่นดาราคือผังอาคมขนาดใหญ่
“หนึ่งร้อยแปดจุดเชื่อมต่อ ตําแหน่งการกระจายตัวแม่นยํามาก พวกมัน
ล้วนสอดคล้องกับหมู่ดาวบนท้องฟ้า! นี่คืออาคมที่ คล้ายกับยอดเขาชี้นํา
วิญญาณดารา ทว่าอาคมนั้นมันไม่ได้มี รูปแบบใดซุกซ่อนเอาไว้”
ฉินหยุนสํารวจมองจนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเกิดความสงสัย ว่าอาคม
ดวงดาวนี้ เป็นธรรมชาติสรรสร้างขึ้นจากดวงดาว หรือไม่ อย่างรวดเร็ว
เขานําเอากระดาษออกมา และเริ่มจดบันทึก อักขระที่เขาไม่รู้ความหมาย
ลงไป เขาไม่อาจทราบว่าอาคมดวงดาวนี้ใช้งานเพื่ออะไร แต่มัน น่าสนใจ
อย่างยิ่ง และเป็นเขาคิดอยากสํารวจตรวจสอบ เป็นเพราะอาคมดวงดาว
ขนาดใหญ่มหาศาล เพียงหนึ่งคืนเขา ไม่อาจบันทึกได้มาก พอรุ่งสาง เขา
จึงได้แต่กลับไปพักผ่อนแล้ว ค่อยออกมาอีกครั้งยามคํ่าคืน
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เขามาลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบหมื่น ดาราทุกคํ่า
คืน เพื่อจดบันทึกอาคมขนาดใหญ่ยักษ์ หลังผ่านไป หนึ่งเดือนเต็ม เขา
ค่อยจดบันทึกทุกสิ่งอย่างเอาไว้ได้ครบถ้วน
“ตอนนี้ เราคงไม่มีทางติดตั้งอาคมขนาดใหญ่เช่นนี้ได้” ฉินหยุนมองที่แผ่น
หนังสัตว์ขนาดใหญ่ ลายเส้นแปลก ประหลาดซับซ้อนและเรียงกันแน่น
พวกมันเชื่อมต่อกันและกัน หลายจุดเชื่อมโยง ยามได้เห็นก็ทําเอาเขาต้อง
ปวดหัวไม่ใช่น้อย เขาได้แต่ใช้พู่กันวาดลงบนแผ่นหนังสัตว์ หากเขาคิด
อยาก แกะสลัก ใครจะทราบกันว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด ที่ตรงกลาง
ของทะเลสาบหมื่นดาราคือเกาะขนาดเล็ก ดังนั้น แล้วส่วนตรงกลางของ
อาคมดวงดาวจึงว่างเปล่า
“ส่วนตรงกลางว่างเปล่า แต่อาคมนี้ก็สมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง แปลกยิ่งนัก!”
ฉินหยุนสํารวจมองแผ่นหนังสัตว์ เขาค่อย ตระหนักว่าลายเส้นเหล่านี้ มัน
ลึกลํ้ายิ่งแม้ตรงกลางว่างเปล่า
“บางที นี่อาจไม่ใช่แค่อาคมดวงดาว!” ฉินหยุนพิจารณา สํารวจมองที่
ลายเส้นประหลาดบนผังอาคมอีกครั้งหนึ่ง
พลังจิตของเขาได้รับจากการฝึกฝนด้วยวิญญาณเทวะเก้า ตะวัน เป็นผล
ให้เขามีความรู้ความเข้าใจต่อผังจารึกที่ลึกลับใน ระดับสูง ดังนั้นแล้ว เขา
จึงสามารถมองเห็นรายละเอียดพิเศษ ได้มากกว่าผู้อื่น
“มีแปดเส้นที่เหมือนกัน พวกมันไปยังแปดทิศ ผ่านจุดเชื่อมต่อ ทั้งเก้า และ
ยื่นขยายสู่พื้นที่ว่างเปล่าตรงกลาง มีเพียงแปดเส้น นี้ที่ไม่มีจุดเชื่อมต่อตรง
สุดปลายทาง ทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยัง ศูนย์กลาง”
ฉินหยุนมองเส้นทั้งแปด เขาสัมผัสได้เจือจาง ว่าเส้นทั้งแปดนี้ คือสิ่งที่นํา
มาถึงตรงกลางของทะเลสาบหมื่นดารา “หรือนี่จะเป็นแผนที่?”
ถึงตอนนี้เอง เขาพลันสับสน เขาไม่ ทราบว่าอะไรดลใจให้คาดเดาขึ้นมา
เช่นนี้ เป็นเพราะตํานานของทะเลสาบหมื่นดารา มันมีมังกรวัวกระทิง อยู่
เบื้องล่างทะเลสาบ แบกรับทั้งเกาะตรงกลางเอาไว้
“หรือเราต้องไปตรวจสอบจริง?” ฉินหยุนสํารวจมองแผนผัง บนโต๊ะ หัวใจ
ของเขาพลันไหวหวั่นขณะคิดถึงห้วงลึกดํามืดไร้ ก้นบึงของทะเลสาบ
ภายในใจของเขากลายเป็นถูกความ หวาดกลัวเข้าปกคลุม ยามต้อง
เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรหรือศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาไม่เคย หวาดกลัวเลยแม้สัก
ครั้ง! เขากลืนนํ้าลายอีกใหญ่ จับจ้องลายเส้นบนแผนผังดวงดาว ฟัน
ตอนนี้กัดแน่นขณะพูดกับตนเอง
“มีแต่ต้องไป มันต้องมีความ เกี่ยวข้องกับราชันยุทธ์หลันเซียว หากเราพบ
เจอความลับใด เข้า มันจะทําให้เรารู้และเข้าใจตําหนักดวงดาววิญญาณสี
ครามได้ดีกว่านี้”
ฉินหยุนฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดารา มันเป็นสิ่งที่สืบทอดจาก ราชันยุทธ์หลัน
เซียว และเป็นเพราะเขาฝึกฝนวิถีหัวใจตะวัน ดารา จึงทําให้พลังจิตของ
เขาก้าวกระโดดไปห้วงใหญ่ เป็นผล ให้เขาสามารถรู้และเข้าใจผังจารึก
หลากหลายชนิดได้ดีมากขึ้น หลังตัดสินใจ ฉินหยุนลงมือโดยทันที
ตอนนี้เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ทั้งยังมี พละกําลังไม่
น้อย เขารู้สึกว่าหากตนต้องพบเจอสัตว์ขนาดยักษ์ ที่ก้นบึงทะเลสาบหมื่น
ดารา อย่างน้อยก็ยังพอเอาตัวรอดได้ หลายคนได้ลงสํารวจก้นบึง
ทะเลสาบหมื่นดารา แต่ไม่เคยมีใคร ได้พบเจอสัตว์ยักษ์น่าสะพรึงตัวนั้น
มาก่อน เรื่องนี้ทําเอาฉัน หยุนวางใจได้ไม่น้อย หลังเตรียมการเรียบร้อย
เขาจึงออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
และรอเวลา หลังฟ้ามืด เขาจึงเริ่มค้นหาเส้นทางทั้งแปดใน ท้องฟ้า เมื่อ
พบที่ใกล้ที่สุด เขาจึงเริ่มดํานํ้าลงไป จุดเชื่อมต่อแรกของเส้นทางค่อนข้าง
ใกล้ชายฝั่ง เขาคิดอยาก สํารวจจุดเชื่อมต่อแรกนี้ก่อน เพื่อดูว่าจะมี
สัญญาณใดที่บ่ง บอกถึงเส้นทางใต้ทะเลสาบหรือไม่ ผู้ฝึกตนที่ระดับพลัง
เท่าเขา สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณจาก นํ้าผ่านทางผิวหนังเพื่อรับ
อากาศ ดังนั้นจึงสามารถกลั้นหายใจ ได้นาน กลางคํ่าคืน เบื้องล่าง
ทะเลสาบดํามืดสนิท ไม่มีสิ่งใดให้พบเห็น
ฉินหยุนอาศัยความทรงจําดําลงไปในบริเวณที่คิดว่าใช่ เขาเริ่ม ว่ายไป
รอบเพื่อค้นหาสิ่งพิเศษ เขาแทบลืมเลือนเวลา แต่ความดันนํ้าเบื้องล่าง
มหาศาล หาก ร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดํา
นํ้า ลงลึก
“หรือทะเลสาบหมื่นดาราจะไม่มีก้นบึงจริง?” ฉินหยุนจําได้ ว่า อย่างน้อย
ตนก็ดํานํ้ามาหลายชั่วโมงแล้ว แม้จะรุ่งสางแล้ว แต่ ด้านล่างที่ลึกขนาดนี้
ก็ยังดํามืดสนิท หลังผ่านการดํานํ้ากว่าสิบชั่วโมง เขาพลันพบว่ามีบางสิ่ง
ผิด แปลก ใน แม้ทะเลสาบหมื่นดาราเกิดคลื่นวงนํ้า แต่ก็เพียงแค่พื้นผิวที่
มี การเคลื่อนไหว ในห้วงนํ้าลึก มันยังสงบจนน่าขนลุก และตอนนี้ ฉินหยุน
ก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยความอบอุ่นท่ามกลาง ทะเลสาบเย็นเยียบ โดยทันที
เขาว่ายไปตามสิ่งที่พบ
“เป็นกระแสนํ้า ที่ก้นทะเลสาบ ถึงกับมีกระแสนํ้าอย่างไม่มีที่มา ทั้งยังอุ่น
มากด้วย!” ฉินหยุนยินดี เขารู้สึกว่าตนค้นพบ จุดเริ่มต้นของเส้นทางเข้า
แล้ว หลังจากนั้น เขาจึงเริ่มว่ายตามกระแสนํ้าอุ่นมุ่งตามเส้นทางไป ที่ห้วง
ลึกของทะเลสาบหมื่นดารา มันเย็นเยียบเป็นอย่างยิ่ง ราวกับนํ้าที่ขั้วโลก
หากฉินหยุนไม่มีแก่นภายในอสนีบาตอัคคี เขาคงไม่มีทางต้านทานความ
หนาวเย็นระดับนี้ และตอนนี้ ท่ามกลางกระแสนํ้าอุ่น มันราวกับเขาได้แช่
กายใน นํ้าอุ่นชวนสบายตัว นอกจากนี้แล้ว ในกระแสนํ้าอุ่นไม่มีแรงดัน นํ้า
มหาศาล เป็นผลให้เขาผ่อนคลายได้ไม่น้อย
“มีบางสิ่งซุกซ่อนเอาไว้ใต้ทะเลสาบหมื่นดาราจริง แต่ไม่ใช่ง่าย พบเจอ!”
ท่ามกลางกระแสนํ้าอุ่น ฉินหยุนสามารถสัมผัสได้ว่า มันเล็กยิ่ง อย่างมาก
ก็รองรับได้เพียงหนึ่งคน ท่ามกลาง ทะเลสาบใหญ่ยักษ์เพียงนี้ มันเป็น
เรื่องยากพบเจอถึงความลับ เบื้องลึก
หากเขาไม่ได้เห็นแปดเส้นทางจากแผนผังดวงดาว เขาคงไม่มี ทางทราบ
ว่ามันมีเส้นทาง ทั้งกว่าจะพบเจอกระแสนํ้าอุ่นนี้ยัง ยากลําบาก ฉินหยุน
ว่ายตามกระแสนํ้าไปอย่างเงียบงันโดยคาดการณ์ ระยะทางไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น