“มีจุดเชื่อมต่ออยู่ตรงหน้า!” เขาคาดเดาได้แม่นยํา และจึงว่าย นํ้าออก
จากกระแสนํ้าแรกอย่างรวดเร็วสู่ทะเลสาบเย็นเยือก หากเขาไม่ทราบ
เส้นทาง เขาจะไม่มีทางค้นหากระแสนํ้าได้พบ โชคดียิ่งที่เขาจดจําเส้นทาง
ได้กระจ่าง เขาค้นพบกระแสนํ้าซึ่ง เป็นกระแสนํ้าอุ่นแห่งที่สองอย่าง
รวดเร็วและเริ่มเดินทางต่อ
กระทั่งว่าคนผู้หนึ่งบังเอิญตกสู่กระแสนํ้า หากไม่ทราบเส้นทาง ก็เป็นไป
ไม่ได้ที่จะค้นพบเส้นทางถัดไป ฉินหยุนว่ายไปตามห้วงนํ้าดํามืดที่ก้นของ
ทะเลสาบอยู่หลาย ชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดเชื่อมต่อสุดท้าย ตรงหน้า
ของเขา ตอนนี้เป็นศิลาขนาดใหญ่จํานวนมาก พวกมันคือเสาหินที่ค้ํา ยัน
เกาะขนาดเล็กซึ่งเป็นสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเอาไว้
เสาเหล่านี้ผ่านการสํารวจโดยหลายผู้คน แต่ไม่มีใครค้นพบอัน ใด เหตุผล
ก็เพราะตํานานกล่าวเอาไว้ ว่ามันมีพลังประหลาด อยู่ลึกเข้าไปภายในเสา
หิน ที่ป้องกันไม่ให้ผู้คนว่ายนํ้าลึกเข้าไป
สําหรับฉินหยุน เมื่อเขามาถึงจุดเชื่อมต่อสุดท้าย เขารู้สึกได้ เล็กน้อยถึง
แรงดูดที่ดึงเขาสู่เบื้องล่าง นี่เป็นกระแสนํ้าที่ไหลตรง สู่เบื้องล่าง ฉินหยุน
ตามกระแสนํ้าอุ่นและดําดิ่งลึกลงไป ทุกอย่างกําลัง เป็นไปอย่างลื่นไหลยิ่ง
ตอนที่ 256 ตําหนักผลึกแก้วก้นบึงทะเลสาบ
หลังอยู่ภายในทะเลสาบนานยิ่ง ฉินหยุนสลัดทิ้งความรู้สึกเกรง กลัวต่อก้น
บึงทะเลสาบ หลังดํานํ้าอยู่กว่าสิบชั่วโมง ฉินหยุนรู้สึกว่าร่างกายตนเองยิ่ง
ดํา ดิ่ง หาได้มีแรงดันนํ้าใดต่อเขาอีกไม่
“ในที่สุดก็ได้เห็นแสงสว่าง!” ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามักจะ ปล่อยพลังจิต
ออกสํารวจ แต่ตอนนี้ เขาพบอย่างกะทันหัน ว่า ที่ก้นบึงหาได้ใช่หลุมไร้กัน
แต่กลับกัน เป็นเขาพบว่ามีอะไร บางอย่างอยู่เบื้องล่าง อย่างรวดเร็ว เขา
นําเอาแท่งหินเรืองแสงออกมาและโยนลงไป หลังแท่งหินเรืองแสงร่วงหล่น
ไป แสงสว่างจึงสาดส่องพื้นที่ ด้านล่าง
ฉินหยุนเกิดอาการตื่นตระหนกยามได้เห็นสิ่งที่อยู่ก้นบึง ทะเลสาบ ที่ก้น
บึงของทะเลสาบ มันสะอาดยิ่ง มันคือก้อนผลึกแก้ว ราบเรียบที่แปลก
ประหลาด
“หรือจะเป็นมนุษย์สร้างขึ้น?” ฉินหยุนสํารวจมองพื้นผลึกแก้ว เบื้องล่าง
เขารู้สึกสับสนขึ้นมา เดิมเขาคิดว่าสามารถลงไปที่พื้นผิวผลึกแก้วได้ ใคร
กันจะคิดว่า ร่างกายของเขาจะทะลุผ่านและเข้ามาในผลึกแก้วเสียอย่าง
นั้น
“อะไรกัน? มีลึกกว่านี้อีกหรือ?” ฉินหยุนนึกย้อนถึงข่าวลือ หลายคนต่าง
บอกว่าเผชิญมานพลังยามเมื่อดําลึกลงไป แต่เมื่อครู่ เขารู้สึกว่าตนเองได้
ผ่านม่านพลังดังกล่าวมาแล้ว ผ่านพื้นผลึกแก้วหนา เขาร่วงหล่นลงมายัง
ห้องหินมืดมิด ที่นี่ไม่มีนํ้า ฉินหยุนนําเอาแท่งหินเรืองแสงออกมาส่องสว่าง
ในห้อง เขา พบว่าผนังล้วนทําขึ้นจากก้อนผลึกแก้ว
มีประตูอยู่ในห้องผลึกแก้ว เขาเดินเข้าไปและคิดเปิดมันออก เมื่อเปิด
ประตู ฉินหยุนตื่นเต้นไม่น้อย นี่ก็เพราะประตูนี่ต้องเป็น ความลับของ
ทะเลสาบหมื่นดารา! หลังประตูเปิดออก ภายในคือระเบียงทางเดินผลึก
แก้วที่งดงาม ยิ่ง ภายในกําแพงหินผลึกแก้ว มันส่องแสงระยิบระยับ
ออกมา ทางเดินผลึกแก้วทอดยาว ฉินหยุนก้าวเดินออกไปอย่าง
ระแวดระวัง เขาหวาดเกรงว่าอาจมีกับดักใดอยู่ หลังเดินไป กว่าหลายพัน
เมตรจึงค่อยถึงที่ปลายทาง มันคือประตูผลึกแก้ว อีกบานหนึ่ง
“ความลับของทะเลสาบหมื่นดาราอยู่ด้านใน?” ฉินหยุนสูดลม หายใจเข้า
ลึก หัวใจภายในหน้าอกเต้นรัว มันเปี่ยมไปด้วย ความสงสัย แต่ก็มีความ
หวาดกลัวเจือปนอยู่ด้วย เขาเป็นกังวลวว่าหากตนเปิดประตูบานนี้ เขา
อาจต้องพบเจอ อันตราย หรือบางที อาจเป็นผีเฒ่าชราอายุหลายพันปีอยู่
ด้าน
แต่สุดท้าย เขาก็กลั้นใจผลักประตูผลึกแก้ว!
เป็นเขาคิดกับตนเอง เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว หากไม่คิดเข้าไป รับชม เขาคง
ต้องคิดถึงมันอยู่ทุกวี่วัน ประตูผลึกแก้วถูกผลักเปิดออก ภายในเป็นห้อง
โถงกว้างใหญ่ ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นจากผลึกแก้ว มันส่องแสงงดงาม ที่นี่
คือตําหนักผลึกแก้วที่กว้างกว่าหลายร้อยเมตร และที่ตรง กลาง มีวัว
กระทิงตัวใหญ่สวมใส่ชุดเกราะทองคําอยู่ ร่างของ วัวกระทิงยักษ์ตัวนี้สูง
กว่าสิบเมตร ราวกับเป็นเนินเขาย่อม ๆ ลูกหนึ่ง
ดวงตาของมันปิดอยู่ขณะนอนหลับที่ตรงนั้น เขาของมันไม่ใช่วัวกระทิง
แต่เป็นเขาของมังกร เกล็ดตาม ร่างกายก็เป็นเกล็ดมังกร คือคือมังกรวัว
กระทิงในตํานาน! แน่นอนว่ามันแตกต่างจากตํานานว่าไว้ มังกรวัวกระทิง
ตัวนี้ ไม่ได้ค้ํายันเกาะด้านบน แต่หลับใหลอยู่เบื้องล่าง ในห้องโถงผลึก
แก้วกว้างใหญ่ มีเพียงมังกรวัวกระทิง คล้ายมัน ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่ ฉินหยุ
นพบว่าแปลก มังกรวัวกระทิงตัวใหญ่เพียงนี้ มันถูกดูด เข้ามาที่นี่ได้
อย่างไร?
“แม้ไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่ามังกรวัวกระทิงใน ตํานานมีอยู่
จริง” ฉินหยุนเกิดความสงสัย ใครกันที่สร้าง ตําหนักผลึกแก้วขนาดใหญ่
แห่งนี้เอาไว้ก้นบึงทะเลสาบ?
เขาไม่กล้าเดินเข้าไป เพียงแต่ยืนใกล้ประตู หากมังกรวัวกระทิง ดุร้าย
ขึ้นมา เขายังหลบหนีกลับสู่ระเบียงทางเดินผลึกแก้ว ทันเวลา ระหว่าง
สํารวจมองตําหนักผลึกแก้ว มังกรวัวกระทิงพลันลืม ดวงตาใหญ่ยักษ์ของ
มันขึ้น ฉินหยุนตระหนก เร่งรีบถอยกลับไปยังทางเดิน
“มนุษย์ที่อ่อนแอ... มาที่นี่ได้อย่างไร?” มังกรวัวกระทิงพูดขึ้น นํ้าเสียงนี้
เชื่องช้า ชรา และหยาบกร้าน ฉินหยุนชะงัก สงบใจลง และตอบคําถาม
กลับไป
“ข้า มาจาก ด้านบนของทะเลสาบหมื่นดารา เป็นข้าได้เห็นอาคมและ
พบว่า มีแปดเส้นทาง ข้าจึงเข้าสู่เบื้องล่างของทะเลสาบตามเส้นทาง จน
มาถึงที่นี่”
“เป็นเช่นนั้น เพื่อค้นพบเส้นทาง คนผู้หนึ่งต้องมีความ เหมาะสมไม่ใช่น้อย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อ่อนแอสามารถกระทําได้” มังกรวัวกระทิงคล้ายสับสน
ดวงตามังกรนั้นให้ความรู้สึกตั้ง มังกรจับจ้องที่ฉินหยุน
“บางที่อาจเป็นเพราะโชคขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะแห้ง เขาไม่ คิดประมาท
มังกรวัวกระทิงตรงหน้าแม้แต่น้อย
“แม้วิหารผลึกแก้วนี้ไม่ได้จัดเตรียมแก่เจ้า แต่ก็เป็นโชคชะตาที่ เจ้ามาถึง
ที่นี่ ข้าคิดว่าเจ้าเองก็มีความสามารถอยู่บ้าง” มังกร วัวกระทิงไม่คิดถาม
ว่าเหตุใดฉินหยุนจึงมาที่นี่
“เจ้ารู้เรื่องวิหาร ผลึกแก้วนี้เพียงใด?” ฉินหยุนส่ายศีรษะตอบคํา
“ไม่เลยขอรับ! จากด้านบนของ ทะเลสาบ มีเกาะขนาดเล็กอยู่ และบน
เกาะแห่งนั้นคือสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียน ข้าเป็นศิษย์ของสถาบันดังกล่าว
ขอรับ”
“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน น่าจะถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหนูหลันเซียว เป็นเขา
หมกมุ่นกับวิชายุทธ์เต๋าแห่งดวงดาว พอข้าได้ยินชื่อนี้ ก็ทราบเลยว่าเป็น
เจ้าหนูนั่น” มังกรวัวกระทิงกล่าว
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ถูกสร้างขึ้นโดยราชันยุทธ์หลันเซียวจริง!
หลันเซียวคือราชันยุทธ์ ผู้ซึ่งมีอายุอยู่มานับหมื่นปี กระนั้น ใน สายตาของ
มังกรวัวกระทิงตรงหน้า กลับเป็นแค่เจ้าหนู!
“ผู้อาวุโสมังกรวัวกระทิง ท่านพอจะบอกข้าเรื่องวิหารผลึกแก้ว นี้ได้หรือไม่
ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“มีคลื่นที่ทะเลสาบหมื่นดารา? หากไม่มีคลื่น เจ้าคงไม่มีทาง ค้นพบ
แผนผังดวงดาวแน่” มังกรวัวกระทิงเอ่ยถาม
“ขอรับ นี่ก็เป็นเวลาเกือบปีแล้วตั้งแต่ที่คลื่นแรกปรากฏ” ฉิน หยุนพยัก
หน้า
“เก้าตะวันโบราณในที่สุดก็ใกล้ร่วงหล่น เก้าแดนอ้างว้างจะ ร่วงหล่นสู่
คว้ามมีดชั่วนิรันดร์”
“เหตุใดเก้าดวงตะวันจึงร่วงหล่น? เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับ วิญญาณเท
วะเก้าตะวันและวิญญาณเทวะเก้าจันทราหรือไม่ ขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบ
เอ่ยถาม หากตํานานเป็นจริง ทะเลสาบ หมื่นดารานี้คือผังอาคมพิเศษ ที่
ทําให้สามารถรู้ถึงความ เปลี่ยนแปลงของดวงดาว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเก้าดวงตะวันใกล้ถึงคราวดับสิ้น ทะเลสาบหมื่น ดาราจึง
พบเห็นและแจ้งเตือน “วิญญาณเก้าตะวัน คือสิ่งที่ได้รับจากจิตวิญญาณ
เก้าตะวัน ทว่า ตราบเท่าที่วิญญาณเก้าตะวันยังคงอยู่ มันก็จะไม่ส่งผล
กระทบต่อความปลอดภัยของจิตวิญญาณเก้าตะวัน! สาเหตุว่า ทําไมเก้า
ดวงตะวันตกอยู่ในอันตราย ก็เพราะจิตวิญญาณเก้า ตะวันถูกแยกออก
จากเก้าดวงตะวัน”
มังกรวัวกระทิงเผยเสียง ถอนหายใจยาว “จิตวิญญาณเก้าตะวันของเก้า
ดวงตะวัน คือ รากฐานของเก้าดวงตะวัน มันเปรียบดังวิญญาณยุทธ์ในโท
เทม ของเจ้า ข้าขอถาม หากโทเทมของเจ้าไม่มีวิญญาณยุทธ์จะเกิด อัน
ใดขึ้น?” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก
“เช่นนั้นจิตวิญญาณเก้าตะวันไปที่ ใดกันขอรับ?”
“มีสองความเป็นไปได้ หนึ่งคือดับสิ้น หรือไม่ก็ถูกนําออกไป!” มังกรวัว
กระทิงกล่าว “ยังเป็นไปได้ว่าจิตวิญญาณเก้าตะวัน สัมผัสถึงอันตราย
พวกมันจึงกระจายตัวออกจากแดนอ้างว้าง ทั้งเก้า”
จิตวิญญาณของเก้าดวงตะวัน จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากเขาได้
รับมา พละกําลังของเขาคงก้าวทะยาน
“ผู้อาวุโส ใครกันที่สร้างตําหนักผลึกแก้วแห่งนี้ ถึงขั้นก่อสร้าง ตําหนัก
ผลึกแก้วที่ทรงพลังระดับนี้ เขาต้องแข็งแกร่งยิ่ง” ฉิน หยุนเอ่ยถาม มังกร
วัวกระทิงหัวเราะ
“เขาสร้างตําหนักผลึกแก้วได้แล้ว อย่างไร? ยังห่างไกลจากผู้แข็งแกร่งที่
สร้างทั้งหลุมฝังเซียน เอาไว้มากนัก”
ความเชื่อมโยงระหว่างตําหนักผลึกแก้วหมื่นดาราและหลุมฝัง เซียนทําฉิน
หยุนตระหนก!
หลุมฝังเซียนมีความเกี่ยวข้องใหญ่หลวงถึงเซี่ยฉีโหรว! ด้วย ความข้อง
เกี่ยวกับมารดาของฉินหยุน นางคือผู้ได้รับวิญญาณ เทวะเก้าจันทรา
เพราะนางได้รับแผนที่หลุมฝังเซียน
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงมั่นใจว่าวิญญาณเทวะเก้าจันทรามีการ เชื่อมโยงถึง
หลุมฝังเซียน ตอนนี้ เขายังไม่พบเบาะแสเพราะพละกําลังอ่อนด้อย
นอกจากนี้ สัตว์อสูรยังบ้าคลั่งส่งผลให้เขาไม่อาจข้ามไปสู่อีก ฟากของ
แม่นํ้าเมฆมังกร
“เจ้านายของวิหารผลึกแก้ว เป็นเจ้านายของข้า เขาตายไป แล้ว ข้าอยู่ที่นี่
เพื่อปกป้องทะเลสาบแห่งนี้จากสัตว์อสูร” นํ้าเสียงของมังกรวัวกระทิงเศร้า
โศก
“ผู้อาวุโส สัตว์อสูรที่ภายนอกออกเพ่นพ่านไปทั่ว ทั้งที่ไม่เคยมี สัตว์อสูรใด
ปรากฏตัวมาก่อน เพราะอะไรกันขอรับ?” ฉินหยุน คิดว่ามังกรวัวกระทิง
สมควรทราบคําตอบ
“สัตว์อสูรมาจากแดนอสูรอ้างว้าง พวกมันถือกําเนิดและใช้ ชีวิตอยู่ภายใน
แดนอสูรอ้างว้าง พวกมันคิดอยากค้นหาหลุมฝัง เซียน ดังนั้นพวกมันจึง
ปล่อยสัตว์อสูรจํานวนมากออกมา เจ้านายและข้าต่อสู้กับพวกมันมานาน
ยิ่ง” มังกรวัวกระทิง กล่าว
“บุคคลผู้ซึ่งถูกฝังในหลุมฝังเซียน คือธิดาแห่งแม่มด เป็นนายหญิงน้อย
ของข้า”
ผู้ซึ่งถูกฝังในหลุมฝังเซียน แท้จริงเป็นหญิงสาว กระทั่งเป็นธิดา แห่งแม่มด
ฉินหยุนไม่ทราบว่านางแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่อนึกถึงสัตว์อสูร ที่อยู่อาศัย
ในแดนอสูรอ้างว้าง เขาตระหนักได้ว่า เพื่อค้นหา หลุมฝังเซียน ถึงขั้นยอม
ปล่อยสัตว์อสูรจํานวนมากสู่เทือกเขา เมฆมังกร พวกมันจะต้องออกค้นหา
สิ่งที่สําคัญมากแน่ ด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเพราะแดนอสูร
อ้างว้าง สํานักใหญ่ในแดนยุทธ์อ้างว้างย่อมต้องทราบ พวกเขาสมควร
ต้องเข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร เพื่อสํารวจหาหลุมฝังเซียน
“ธิดาแห่งแม่มดถูกฝังร่างเอาไว้ในหลุมฝังเซียน พร้อมกับ วิญญาณเทวะ
เก้าตะวัน และวิญญาณเทวะเก้าจันทรา เมื่อคํา กล่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ทั้งปีศาจ อสูร และมนุษย์ ล้วนมุ่ง หน้าสู่หลุมฝังเซียน” มังกรวัวกระทิง
กล่าว
หัวใจฉินหยุนคล้ายถูกกระทั่ง วิญญาณเทวะเก้าตะวันอยู่ในมือ เขา
ขณะที่วิญญาณเทวะเก้าจันทราอยู่กับเซี่ยฉีโหรว ย้อนกลับไปตอนนั้น
เป็นเซี่ยฉีโหรวที่มอบวิญญาณเทวะเก้า ตะวันแก่เขา!
“พี่สาวมหาอุปราช นี่ท่านไปได้รับวิญญาณเทวะเก้าตะวันและ เก้าจันทรา
มาอย่างไร? แล้วได้ก้าวเข้าไปในหลุมฝังเซียนหรือ ยัง?” ฉินหยุนเกิด
ความคิดสับสนกับตนเอง ฉินหยุนสํารวจมองห้องโถง เขาพบว่ายังมีประตู
ผลึกแก้วอีก แปดบาน ทั้งยังมีบานประตูสีทองอ่อน เขาเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส
ประตูนั้นนําไปที่ใดกันขอรับ?”
ประตูอีกแปดบานนําสู่ภายนอก ขณะที่ประตูสีทองจะต้องนําไป ที่อื่น “มัน
คือใจกลางของตําหนักผลึกแก้ว กระทั่งเป็นข้า ก็ยังไม่อาจ เปิดมัน เจ้า
สามารถลองดูได้ มาถึงที่นี่ย่อมต้องสงสัยเป็น ธรรมดา” มังกรวัวกระทิง
เอ่ยตอบ
ฉินหยุนพยักหน้า เร่งรีบเดินไปยังประตูสีทองอ่อน ที่หน้าประตู มือของเขา
ผลักออกไปพยายามเปิดมัน “มันไม่ขยับ!”
เขาถอนหายใจ ตัดสินใจปล่อยพลังภายในออก หลังปลดปล่อยพลัง
ภายใน ประตูผลึกแก้วสีทองพลันขยับ “เป็นไปไม่ได้!”
ดวงตาของมังกรวัวกระทิงเบิกออกกว้าง ตะโกนอย่างแตกตื่น “แต่ข้าผลัก
ประตูนี้ไปแล้ว!”
ฉินหยุนเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยขณะ ปลดปล่อยพลังภายในเพื่อผลักประตู
ผลึกแก้วสีทองต่อเนื่อง ขณะเขากําลังผลักเปิดประตูผลึกแก้วสีทอง
วิญญาณเทวะเก้า ตะวันพลันปรากฏที่ข้อมือขวา ไข่มุกดําทั้งเก้าเม็ดกําลัง
ส่อง แสงสีทองอ่อนจางออกมา เป็นเขาเก็บซ่อนวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
เอาไว้ในเลือดเนื้อ ตนเองมานานยิ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่เคยปรากฏ
ปุบปับ แบบนี้มาก่อน
แต่แล้ว พอเขาคิดผลักเปิดประตูตรงหน้า มันกลับปรากฏขึ้น ด้วยตัวของ
มันเอง! “เหตุใดวิญญาณเทวะเก้าตะวันอยู่ในมือเจ้า? เจ้าเข้าหลุมฝัง
เซียนแล้วงั้นหรือ?”
มังกรวัวกระทิงตื่นตระหนกยิ่ง อย่าง กะทันหัน แสงพลันระเบิดออกจาก
ร่างของมัน หลังปกคลุมด้วย แสงสีทอง ร่างใหญ่ยักษ์พลันเริ่มหดขนาด
ไม่ช้า มังกรวัวกระทิงแต่เดิมร่างใหญ่ยักษ์ กลับกลายเป็นชาย ชราร่างเล็ก
สวมใส่ชุดสีทอง ด้วยจมูกใหญ่ เส้นผมสีขาวล้วน บนศีรษะ ทั้งยังมีเขา
มังกรสองเขาปรากฏบนศีรษะ มังกรวัวกระทิงฉับพลันแปลงกายเป็น
มนุษย์ ฉินหยุนถึงขั้นตื่นตระหนก
ตอนที่ 257 นายหญิงน้อย
ฉินหยุนกําลังผลักประตูเปิดออก และเมื่อเขาคิดกําลังเข้าไป ชายชรา
มังกรวัวกระทิงพลันเป็นแสงวาบปรากฏด้านหลังเขา ร่างเขาตอนนี้ถูกปก
คลุมด้วยพลังอํานาจรุนแรงที่อีกฝ่าย ปลดปล่อยออกมา “ผู้อาวุโส ท่านคิด
ทําอะไร?” ฉินหยุนไม่อาจขยับ เขาตระหนัก ได้ว่านี่เป็นเพราะวิญญาณเท
วะเก้าตะวันเผยตัวตน
“เจ้าหนู เจ้าได้รับวิญญาณเทวะเก้าตะวันจากที่ใด? ไม่ต้อง กล่าวถึงเจ้า
กระทั่งเซียนของแดนเซียนอ้างว้างยังไม่อาจเข้า หลุมฝังเซียน เจ้ายิ่งไม่
อาจ จงรีบบอกต่อข้า เจ้าได้รับวิญญาณ เทวะเก้าตะวันมาได้อย่างไร?”
ชายชราคล้ายร้อนใจยิ่งขณะเร่ง รีบเอ่ยถาม
อย่างกะทันหัน เสียงอ่อนโยนพลันดังจากระเบียงทางเดิน เบื้องหลังประตู
สีทอง “ท่านปู่วัวกระทิง อย่าได้สร้างความ ลําบากแก่เขา เป็นข้ามอบ
วิญญาณเทวะเก้าตะวันแก่เขาเอง!”
ร่างผอมบางของมังกรวัวกระทิงสั่นเทิ้ม เร่งรีบคุกเข่าลง “นาย หญิงน้อย!
นายหญิงน้อย ท่านออกมาเมื่อใดกัน? หลังพลังปกคลุมฉินหยุนเลือนหาย
เขาเร่งรีบเข้าสู่ทางเดิน เป็นเขาได้ตระหนกอีกครั้ง นํ้าเสียงอ่อนโยนเมื่อครู่
นี้เป็นของ เซี่ยฉีโหรว
“ท่านปู่วัวกระทิง เรื่องนี้ข้าจะบอกต่อท่านภายหน้า เรื่องราว ซับซ้อนนัก
ท่านกลับไปพักก่อน”
เสียงของเซี่ยฉีโหรวดัง ออกมาจากระเบียงทางเดิน ฉินหยุนเดินเชื่องช้า
ผ่านระเบียงทางเดินสีทอง ประตูผลึกแก้ วสีทองด้านหลังค่อยปิด ชายชรา
มังกรวัวกระทิงไม่ตามเข้ามา มีแต่นํ้าเสียงตอบรับ “รับทราบ!”
ธิดาแห่งแม่มดในยุคนี้ ถูกฝังเอาไว้ในหลุมฝังเซียน และแม่มดผู้ นั้นคือ
เจ้านายของมังกรวัวกระทิง และมังกรวัวกระทิงก็เรียก เซี่ยฉีโหรวเป็น
“นายหญิงน้อย!? นี่หมายความถึง เซี่ยฉีโหรวคือธิดาแห่งแม่มด แต่ไม่ใช่
นางถูก ฝังในหลุมฝังเซียนหรอกหรือ? ฉินหยุนเดินจนถึงสุดทางและเปิด
ประตูออก ภายในเป็นห้อง ผลึกแก้วเย็นเยือก ที่ตรงกลางของห้อง มีเตียง
นอนผลึกแก้วสีทองอ่อน หญิงสาวผู้ หนึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอนหันหลังแก่ฉิน
หยุน เส้นผมยาวของนาง แทบถึงเอว ทั้งยังสวมใส่ชุดสีขาวที่ตัดกันกับ
เตียงผลึกแก้ว
“เสี่ยวหยุน อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” เมื่อสัมผัสได้ว่าฉินหยุนคิดเข้า ใกล้ นาง
ตะโกนเสียงเบา
“ข้าในตอนนี้อันตราย ข้ากังวลว่าจะ ทําร้ายเจ้า”
“พี่สาว นี่เป็นนางสารเลวจักรพรรดินีเย่ทําร้ายท่านหรือ? ข้า สังหารพวก
มันไปหมดสิ้นแล้ว”
“ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ก็เกี่ยวข้องกับพวกมัน โดยสรุป นี่เป็นเศษ เสี้ยวจาก
อดีต” นํ้าเสียงของเซี่ยฉีโหรวเปี่ยมด้วยเสียงหัวเราะ ยินดี
“ข้ายินดีนักที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าเติบโตขึ้นมาก มากกว่าที่ข้า คาดคิดไว้เสียอีก”
“พี่สาว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!” ฉิน หยุนมองที่
สร้อยข้อมือไข่มุกและเอ่ยถาม
“ข้าได้รับชุดผังจารึก จากไข่มุกเม็ดแรก แล้วเม็ดที่สองมีอันใดอยู่กัน?”
“ข้าไม่ทราบ ข้าเพียงแต่เปิดเม็ดแรกได้เท่านั้น เดิมมันก็มีผัง จารึกเหล่านั้น
อยู่แต่แรก ข้าไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้ จึงเหลือมันไว้ ให้แก่เจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะ
เข้าใจพวกมัน ทั้งยังรวดเร็วมากด้วย”
“เป็นเสี่ยวเม่ยเหลียนบอกต่อข้า ว่าคลื่นนํ้าที่ทะเลสาบหมื่น ดารายามคํ่า
คืนงดงาม หลังข้ามาตรวจสอบดู จึงพบว่าเป็น แผนผังดวงดาว” ฉินหยุน
ยิ้มกล่าว “เสี่ยวเม่ยเหลียนก็คิดถึง ท่านเช่นกัน นางเองก็อยากพบท่าน!”
“นางได้เจอข้าในภายหน้าแน่นอน!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “ข้า ยินดีนักที่ได้
เห็นพวกเจ้ามีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน หากมารดาเจ้า ทราบ นางคงยินดี
เช่นเดียวกัน”
“พี่สาว เกิดอะไรขึ้นกับความตายของมารดาข้ากันแน่? ข้า เสี่ยวเม่ย
และเย่ว์หลาน มารดาพวกเราล้วนตายกันทั้งสิ้น ทั้งยังมีแผนที่หลุมฝัง
เซียนกับตัว เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้เรียบง่าย ดังเช่นตอนแรก”
พอฉินหยุนนึกถึงมารดาตนเอง เขาอดไม่ได้ที่ จะเผยความโศกออกมา
“มารดาของพวกเจ้ายังสามารถฟื้นคืนชีพ จิตวิญญาณพวก นางติดอยู่ใน
หลุมฝังเซียน ตราบเท่าที่จิตวิญญาณยังอยู่ เพียง สร้างร่างกายใหม่ใน
ภายหน้าก็สามารถฟื้นคืนชีพ ข้าเองที่เป็น คนทําร้ายพวกนาง หากข้าไม่
ปรากฏตัวที่หมู่บ้านแห่งนั้น หลายเรื่องราวคงไม่เกิดขึ้น”
ฉินหยุนยืนที่ประตู ไม่กล้าเคลื่อนไปแม้เพียงก้าว เขาเชื่อ ฟังเซี่ยฉีโหรว
เซี่ยฉีโหรวเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยคําต่อ “เจ้าควรทราบแล้ว ว่าข้า เป็นธิดาแห่ง
แม่มด!” ฉินหยุนพยักหน้า “แต่ว่า ท่านควรอยู่ที่หลุมฝังเซียนสิ!”
“นั่นก็ถูก แต่จิตวิญญาณข้ากลับมาเกิดที่หมู่บ้านของมารดา เจ้า ในตอน
นั้น ความทรงจําของข้ายังสับสน ข้าเพียงค่อยฟื้น คืนความทรงจําหลัง
ผ่านมาได้หลายปี! ครั้งแรกที่พวกเราได้รับ แผนที่หลุมฝังเซียน พวกเรามี
กันสี่คน พวกเราแต่ละคนล้วน ได้รับเศษเสี้ยวและสมบัติภายใน สองคน
ได้รับวิญญาณเทวะ เก้าตะวันและวิญญาณเทวะเก้าจันทรา มารดาของ
เจ้าและข้า ได้รับสิ่งลํ้าค่าที่สุดของแผนที่หลุมฝังเซียน”
เมื่อนางกล่าวถึงตรงนี้ เซี่ยฉีโหรวถอนหายใจเบา “เป็น ความผิดข้าเองที่
ความทรงจําสับสน หากไม่ใช่เพราะเหตุนั้น มารดาของเสี่ยวเม่ยคงไม่ถูก
ฝังร่างในราชวังหลวง มีเพียงแต่ มารดาของเจ้าและเย่ว์หลานที่มีช่วงเวลา
ที่ดี แต่ท้ายที่สุด ทั้ง สองก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน จิตวิญญาณของพวก
นางถูก แผนที่หลุมฝังเซียนดูดกลืน และส่งไปยังหลุมฝังเซียน”
“เหตุใดจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกัน?” ฉินหยุนกําหมัดแน่น เป็น เขาได้รับฟัง
สาเหตุความตายของมารดาตน “แผนที่หลุมฝังเซียน เป็นมารดาของข้า
สร้างขึ้น หากข้ากลับ ชาติมาเกิดได้สําเร็จ แผนที่หลุมฝังเซียนจะซุกซ่อน
อยู่ใน ดวงดาวที่ร่วงหล่น และเป็นข้าได้รับมัน มันจะทําให้ข้าได้รับ พลัง
ครั้งใหญ่ ทําให้สามารถเปิดหลุมฝังเซียนได้ในภายหน้า” เซี่ยฉีโหรวเสริม
คํา
“แต่ในภายหลัง กลับมีคนค้นพบดวงดาวที่ ร่วงหล่นนั้น บุคคลดังกล่าวไม่
อาจได้รับแผนที่หลุมฝังเซียน ด้วยความโกรธแค้น เขาสาปแช่งมัน เป็นผล
ให้ดวงวิญญาณ ของผู้ได้รับมันถูกดูดกลืนเอาไป”
“มันเป็นใคร?” ฉินหยุนกําหมัดแน่น เชี่ยฉีโหรวตอบ
“ผู้ที่ทรงพลังอํานาจ เขาคือนายเหนือของแดน เซียนอ้างว้าง โดยสรุป ทั้ง
วิญญาณเทวะเก้าตะวันและ วิญญาณเทวะเก้าจันทราไม่ได้อยู่ในหลุมฝัง
เซียนแล้ว แต่จิต วิญญาณมารดาเจ้ายังอยู่ด้านในนั้น ตราบเท่าที่ข้า
ช่วยเหลือ พวกนาง ก็มีหนทางฟื้นคืนชีพให้พวกนางได้”
“พี่สาว เหตุใดท่านจึงถูกฝังในหลุมฝังเซียน? ท่านเป็นเซียน จริงหรือ?”
เมื่อฉินหยุนได้ยินว่ามารดาของตนและเชี่ยวเย่ว์ หลานสามารถถือกําเนิด
ขึ้นใหม่ เขายินดีไม่น้อย เซี่ยฉีโหรวหัวเราะต่อคําถามของฉินหยุน
“กล่าวเช่นนั้นได้! อย่างไรแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องข้า ผ่านไปสักพัก
ข้าจะดี ขึ้นเอง! ส่วนเจ้า อย่าได้เร่งรีบสนใจหลุมฝังเซียน หากไม่มี
พละกําลังเพียงพอ จะเป็นเจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้ายังมีภาระ หนักอึ้ง
อย่างนํามารดาเจ้ากลับคืนสู่ชีวิต อย่าได้เสี่ยง”
“พี่สาว ท่านแข็งแกร่งเพียงใดกัน?” ฉินหยุนรู้สึกว่า บิดาของ เซี่ยฉีโหรว
ต้องทรงพลังไม่น้อย บางทีอาจเป็นบิดาของนางที่ สร้างหลุมฝังเซียนขึ้น
เซี่ยฉีโหรวตอบ
“กล่าวเช่นนั้นก็ได้! มีหลายสิ่งหลงเหลือไว้ เบื้องหลังในหลุมฝังเซียน มี
หลายผู้คนคิดอยากครอบครองพวก มัน แต่ว่านี่เป็นกลลวงหนึ่งของ
ผู้สร้าง เป็นผลให้หลายคนถูก ส่งเข้าไปและตายจาก เกิดขึ้นเป็นจิต
วิญญาณในหลุมฝังเซียน เพื่อให้ค่ายอาคมภายในดูดกลืน”
ฉินหยุนคิดอยากเดินเข้าไป รับชมใบหน้างดงามของนาง แต่ เขาไม่กล้า
“พี่สาว เมื่อใดท่านจะฟื้นตัว?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ตอนนี้ยากจะกล่าว แต่ข้าจะอาการดีขึ้น อย่าได้ห่วง เจ้าต้อง จําเอาไว้
หากเจ้าไม่มีพละกําลังเพียงพอ อย่าได้เข้าใกล้หลุมฝัง เซียน” นางเอ่ยคํา
เตือนเสียงเบา เฉินหยุนพยักหน้ารับหนักแน่น “ข้าจะจดจําเอาไว้!”
“จริงด้วย พี่สาว ตําหนักผลึกแก้วแห่งนี้ มีความเกี่ยวโยงใด ถึงหลันเซียวที่
เป็นผู้ก่อตั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม หรือไม่?”
“เขาเป็นศิษย์ของมารดาข้า เอาแต่หมกมุ่นกับเต๋าวิถียุทธ์แห่ง ดวงดาว
เขาเป็นผู้มีศักยภาพอย่างสูง ข้าไม่ทราบว่าตอนนี้เขา เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
มารดาข้าน่าจะขอให้เขาไปทําอะไรสัก อย่าง ดังนั้นผ่านไปนานหลายปี
เขาจึงยังไม่กลับมา หวังว่าจะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เป็นข้ากังวลว่า
ปัญหาของข้าจะทําร้าย เขาเข้า”
“มันคืออะไรกัน?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม เขาสัมผัสได้ ว่ามี หลายสิ่งที่เซี่ย
ฉีโหรวยังไม่ได้บอกต่อเขา โดยเฉพาะเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับนาง
“อย่าได้ถาม! หากภายหน้าเจ้าแข็งแกร่ง ข้าจะเป็นคนตัดสินใจ เองว่าควร
บอกเจ้าหรือไม่” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะตอบ
“เจ้าหนู น้อย หากเจ้ารู้มากจนเกินไป จะกลายเป็นไม่อาจฝึกฝนได้อย่าง
สงบ”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “พี่สาว ข้ายินดีนักที่ได้พบท่านอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังได้
ทราบว่าเสด็จแม่ยังสามารถฟื้นคืนชีพ ข้าจะ พยายามให้มาก เพื่อให้
แข็งแกร่งขึ้น เพื่อนําชีวิตของเสด็จแม่ กลับคืนมา”
“ข้าเองก็ยินดีที่เจ้ามีหัวใจแน่วแน่! ข้าตั้งใจส่งต่อเคล็ดวิชาให้ เจ้าอยู่บ้าง
แต่ข้ารู้สึกว่าวิญญาณเทวะเก้าตะวันน่าจะมีเคล็ด วิชาการฝึกฝนที่เหมาะ
แก่เจ้ามากกว่า เช่นกัน ข้ากังวลว่าเคล็ดวิชาฝึกฝนของข้าจะนําปัญหามา
สู่เจ้า ไว้ภายหน้าค่อยดูกันว่า เจ้าสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาของข้าได้
หรือไม่” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“ขอรับ!” ฉินหยุนลอบคาดหวัง เขาคิดอยากเปิดไข่มุกเม็ดที่ สองของ
วิญญาณเทวะเก้าตะวัน เพื่อรับชมว่าภายในมีอันใดดี อยู่หรือไม่
“เช่นนั้นรีบไปจากตําหนักผลึกแก้วเสีย! ดีที่สุดภายหน้าอย่าได้ กลับมา ข้า
ต้องการพักผ่อนอย่างสงบ” เซี่ยฉีโหรวกล่าวตอบ กลับมา ภายในใจฉิน
หยุนเต็มไปด้วยความเศร้าโศกขณะกล่าวตอบ
“พี่สาว ครั้งหน้าที่ได้พบกัน ข้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้”
“เช่นนั้นก็ดี ลาก่อนเสี่ยวหยุน!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะเสียงเบาดัง ออกมา
“ลาก่อนขอรับ!” ขณะฉินหยุนออกจากห้อง บานประตูจึงปิด ลงหลังเขา
พ้นออกมา
ขณะเดินออกจากระเบียงทางเดินสีทอง เขาจึงได้เห็นชายชรา มังกรวัว
กระทิงอยู่ด้านนอก “เจ้าหนู นายหญิงน้อยเป็นอย่างไรบ้าง?” มังกรวัว
กระทิงเอ่ย ถามด้วยความสงสัย
“สมควรสบายดีขอรับ ข้าไม่ทราบรายละเอียดใดมาก” ฉิน หยุนเองก็
หงุดหงิด เพราะเชี่ยฉีโหรวไม่ยอมบอกเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับตัวนางเลย
“ท่านปู่วัวกระทิงเข้ามาได้ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน! เสี่ยวหยุนรีบกลับไป
ได้แล้ว!” ชายชรารับคํา ร่างสั่นเดินไปที่ระเบียง ทางเดิน ฉินหยุนลอบถอน
หายใจขณะกลับไปยังทางที่ใช้เดินทางมา กระทั่งว่าเขาทราบเรื่องราวของ
เซี่ยฉีโหรวมากขึ้น เขาก็ยัง คล้ายจมในหมู่เมฆ เหตุใดเซียฉีโหรวจึงถูกฝัง
ไว้ในสุสานที่น่า กลัวเพียงนั้น? และใครกันที่สร้างหลุมฝังศพแห่งนั้น
ขึ้นมา?
หลังใช้เวลาหลายวันที่ก้นบึงทะเลสาบหมื่นดารา ในที่สุดเขาจึง กลับถึง
ต้นไม้สมบัติตะวันดารา เมื่อกลับมาถึง ตู้ก๋วยจึงเดินเขามาพร้อมนกพิราบ
ตัวหนึ่ง
“มี คนส่งข้อความมา พิราบวิญญาณตัวนี้กําลังหาเจ้าอยู่ เอาไป รับชม
ด้วยตนเองแล้วกัน” ฉินหยุนรับพิราบตัวดังกล่าว ปลดกระดาษที่ข้อเท้า
ของมันออก กางอ่านจึงพบลายมือที่สวยงาม
“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน โรงเตี้ยมดาวเหนือ ห้องหมายเลขยี่สิบ ฉิน!” เป็น
ข้อความจากเชียวเสวียนฉินถึงเขา เชื้อเชิญเขาให้เข้าสู่ สุสานราชวงศ์
เทียนเชี่ยว
ตอนที่ 258 สํารวจสุสาน
ฉินหยุนเผากระดาษทิ้ง บอกลาผู้ก่วย จากนั้นจึงเร่งรีบออกจาก สถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียนสู่ภายนอก เป็นเพราะเกาะขนาดเล็กที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ตั้งอยู่ถือว่า ปลอดภัยที่สุด จึงมีโรงเตี้ยม โรงเรือน และอาคารอีกหลาย
แห่ง ตั้งอยู่บนเกาะเกิดขึ้นเป็นเมืองขนาดย่อม ฉินหยุนสอบถามอยู่หลาย
ครั้งกว่าจะพบโรงเตี้ยมดาวเหนือ มัน เป็นโรงเตี้ยมขนาดเล็ก มีคนจํานวน
ไม่มาก เมื่อเข้ามาใน โรงเตี้ยม หาห้องหมายเลขยี่สิบ จึงเคาะประตู อย่าง
รวดเร็ว มีคนเดินมาเปิดประตูให้ ประตูพอเปิดออก ฉินหยุนจึงได้พบหญิง
สาวในชุดดํางามสง่า เป็นเชี่ยวเสวียนฉิน
“ป้าเชี่ยว!” ฉินหยุนยิ้มเผยฟันขาวขณะหัวเราะกล่าว
“รีบเข้ามาก่อน!” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มรับเร่งกล่าวคํา พอฉินหยุนเข้าในห้อง
และนั่งลงแล้ว เชี่ยวเสวียนฉินจึงรินนํ้า ชาให้เขาแก้วหนึ่ง ด้วยการก้มริน
นํ้าชา เส้นผมยาวของนางจึง ลู่ลงมาจนถึงหน้าอก ยิ่งเป็นการขับเน้นเสน่ห์
ของนางให้มาก
“ป้าเชี่ยว ไม่พบกันนาน ท่านคงก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว!”
“นี่ล้วนเป็นเพราะเจ้า หากข้าไม่อาจจัดการปัญหาของ วิญญาณยุทธ์ คง
ไม่ทราบเลยว่าจะได้เลื่อนระดับพลังเมื่อใด กัน”
“ต้องขอบคุณเจ้าอีกครั้ง!” เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ เผยซึ่งฟัน ขาวงดงาม
ยิ่งขับเน้นให้นางงดงามมากยิ่งขึ้น ฉินหยุนมองโฉมงามตรงหน้า อดไม่ได้
ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่ ภายใน เขาจึงก้มหน้าลงดื่มชาเพื่อสงบจิตใจตนเอง
“ป้าเชี่ยว ท่านบอกว่ามีเรื่องสําคัญต้องทํา คิดอยากให้ข้าร่วม ทางไปยัง
สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว มันคือเรื่องอะไรกันแน่?” ฉินหยุนยืนขึ้น เดินไป
ยังหน้าต่างและมองออกไปที่ถนน
“ข้าสงสัยว่า จะมีความลับที่เกี่ยวพันถึงตระกูลเชียวของเราอยู่ ในสุสาน
ราชวงศ์เทียนเชี่ยว! เจ้าไม่คิดว่าแปลกหรือที่ศิษย์ ตระกูลเชี่ยวของเราล้วน
ยอดเยี่ยม?”
ขณะเชี่ยวเสวียนฉิน กล่าว นางนพิณของนางออกมา และเริ่มบรรเลงเพลง
ฉินหยุนหันกลับมองที่พิณดังกล่าว เขาแปลกใจไม่น้อย เพราะ สายพิณ
ไม่ได้โดนปลายนิ้วสัมผัส กระนั้นมันกลับสั่นไหวและส่ง เสียงออก เป็น
เชี่ยวเสวียนฉินใช้พลังจิตเพื่อบรรเลงมัน
“แปลกจริงด้วย” ฉินหยุนกล่าว
“พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกว่าตระกูลเชี่ยวของเรา มีความสัมพันธ์ ลึกลํ้ากับ
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ไม่เช่นนั้นเชี่ยวหยาง หลงคงไม่ได้รับ
ความสําคัญในตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม มันจะต้องมีคนใน
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่บงการเขา อยู่ ด้วยฐานะองค์ชายรัช
ทายาท เขาต้องทราบความลับที่พวก เราไม่รู้”
เชี่ยวเสวียนฉินเก็บพิณและยิ้มบางให้ “ด้วยฐานะลูกหลาน ตระกูลเชี่ยว
ข้าคิดอยากเข้าสุสานบรรพชน เป็นข้าสงสัยนักว่า จะได้รับอะไรกลับมา
บ้างหรือไม่”
“ข้านึกว่าท่านเป็นคนหัวโบราณเสียอีก” ฉินหยุนหัวเราะ “ว่า ไป นาน
ขนาดนี้แล้ว เย่ว์เหม่ยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ “เอาเรื่อง! เด็กน้อยผู้นี้อยู่ในตําหนัก จารึกเทวะ
ยิ่งนานไปนางยิ่งคลั่ง โชคดีที่ไม่ได้ก่อปัญหาใหญ่อัน ใด”
“นับว่าแปลกที่เย่ว์เหม่ยไม่ได้ตามท่านมาด้วย!” ฉินหยุนยิ้ม
“ผู้อื่นอาจปล่อยวางเรื่องนี้ แต่ต้องไม่ใช่กับนางอย่างแน่นอน”
“นางเก็บตัวอยู่! ข้าเพียงมาหารือกับเจ้าตอนนางเริ่มการเก็บ ตัว ข้ากังวล
ว่าหากนางเข้าสุสานราชวงศ์เทียนเซี่ยว นาง อาจจะทําให้เกิดเรื่องวุ่นวาย
ขึ้นได้” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวต่อ
“เดิมข้าไปหาเย่ว์หลาน แต่นางไม่มีเวลาให้ข้าสักเท่าใดนัก ดังนั้นนางจึง
บอกให้เจ้าไปกับข้าแทน จริงด้วย เซี่ยอู่เฟิ งเองก็ บอกว่าไม่มีเวลา เหมือน
จะมีแต่เราสองคนที่ไปได้”
“ขอรับ เช่นนี้เมื่อใดดี?” เขาเองก็คิดอยากสํารวจหาสาเหตุ ว่า เหตุใด
ราชวงศ์เทียนเชี่ยวจึงมีสายเลือดที่แข็งแกร่งนัก เชี่ยวเย่ว์หลานและเชี่ยว
เย่ว์เหม่ย เดิมได้รับสืบทอดแผนที่หลุม ฝังเซียน รวมเข้ากับสายเลือดอัน
ลึกลับของตระกูลเชี่ยว มันยิ่ง ขับเน้นให้ทรงพลังมากขึ้น : เชี่ยวหลาง
เชี่ยวหยางหลง เขี้ยวเสวียนฉิน และผู้อื่นอีกหลาย คน ล้วนเป็นอัจฉริยะ
มากพรสวรรค์ กล่าวได้ว่าพวกเขา ทั้งหมดได้รับสืบทอดกันมาทาง
สายเลือด
“ไปตอนนี้เลยเป็นไร?” เชี่ยวเสวียนฉินตอบ
“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
“ขอรับ ตามท่านสะดวก!” ฉินหยุนพยักหน้า
เชี่ยวเสวียนฉินเปลี่ยนเป็นชุดสีดํารัดรูปรับกับยามคํ่าคืน ทั้งยัง มวยผม
เก็บเรียบร้อย นางหันมากล่าวกับฉินหยุน “ให้เจ้ารอ เสียนาน ไปกัน
ดีกว่า!”
กลางคํ่าคืน ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉนลอยเหนือทะเลสาบ หมื่นดารา มุ่ง
หน้าสู่จักรวรรดิเทียนเชี่ยว เมื่อฉินหยุนผ่านทะเลสาบหมื่นดารา เขาหัน
มองที่พื้นผิว อด ไม่ได้ที่จะนึกถึงเซี่ยฉีโหรวในตําหนักผลึกแก้วเบื้องล่าง
มันเป็น ความลับอันใดที่ลึกลํ้าถึงขนาดพี่สาวผู้งดงามของเขาซุกซ่อน
เอาไว้?
เชี่ยวเสวียนฉินเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ดังนั้นนางจึงไม่ เป็นกังวลที่
ฉินหยุนติดตามมา กระทั่งเผชิญหน้าสัตว์อสูรระดับ วิญญาณ พวกเขา
ย่อมสามารถรับมือได้
“ฉินหยุน เจ้ามั่นใจเพียงใดที่ท้าทายเชี่ยวหยางหลง?” เชี่ยว เสวียนฉินเอ่ย
ถาม
“ไม่เลย!” พอฉินหยุนนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจเขากลายเป็นหนักอึ้ง
“เจ้าควรมั่นใจในตนเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถจัดการมันได้!” เชี่ยวเสวียน
ฉินยิ้มให้แก่ฉินหยุน ดวงตางดงามของนางเผย ประกายให้กําลังใจ ฉินหยุ
นกล่าว
“หลายคนคิดว่าข้าไม่อาจเอาชนะมัน เหตุใด ท่านคิดว่าข้าทําได้?” เชี่ยว
เสวียนฉินหัวเราะ
“เจ้าคือผู้ใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เพียงแค่จุดนี้ ข้าก็เชื่อแล้วว่าเจ้า
แข็งแกร่งเพียงใด! เจ้าเพียงใช้ เวลาสองปีจึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ นี่ถือว่า
เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้ว”
“หากข้าไม่อาจก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าภายในปีนี้ ก็คงไม่มี ทางโค่นล้ม
เชี่ยวหยางหลงได้” ฉินหยุนเป็นกังวลไม่น้อยเช่นกัน เมื่อใดที่เขาก้าวสู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เมื่อนั้นจะไม่มีเม็ดยาใดที่ ช่วยเขาเพิ่มพูนระดับการฝึก
ตนได้อีก เขาได้แต่พึ่งพาตนเอง ค่อยสั่งสมทีละเล็กน้อยเพื่อค้นหา
เส้นทาง และก้าวเดินไปบนวิถียุทธ์!
“อย่าได้นั่นทอนกําลังใจตนเอง เรื่องเช่นนี้ยากพูดกล่าว! มัน ไม่ได้
หมายความว่าเจ้าต้องใช้เวลานานนับจึงก้าวสู่ขอบเขตวร ยุทธ์เต๋า
บางครั้ง เมื่อเจ้ารู้และเข้าใจในวิถียุทธ์แห่งเต๋าของ ตนเอง วัชระแก่น
ภายในของเจ้าจะตื่นรู้ขึ้น และเมื่อพลัง ภายในของเขาได้รับการยกระดับ
มันจะมันให้เจ้าได้ก้าวหน้าใน วิถียุทธ์แห่งเต๋า” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว
ฉินหยุนพยักหน้ารับ จดจําคําเหล่านี้เอาไว้ในใจ ไม่นานจากนั้น พวกเขา
จึงออกพ้นระยะทะเลสาบหมื่นดารา และร่อนลงที่พื้นดิน “ติดตามข้าอย่า
ให้ห่าง หากเกิดอะไรกับเจ้า เย่ว์หลานได้เอาข้า ตายแน่” เซี่ยวเสวียนฉิน
ยิ้มขี้เล่นขณะหยอกล้อฉินหยุน
“ข้าคิดว่าเย่ว์หลานปกป้องข้าจนเกินไป ทําเอาข้าเสียความ มั่นใจ!” ฉิน
หยุนยิ้มแหยตอบ
เชี่ยวเสวียนฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่ดีหรืออย่างไร? สําหรับ เจ้า การมี
หญิงสาวแข็งแกร่งเช่นนางให้ความสนใจไม่เป็นเรื่อง ดีหรือ หลายคน
กระทั่งคิดยังไม่กล้าด้วยซํ้า”
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉนจึงเดินทางกลางคํ่าคืน โดยใช้
เส้นทางภาคพื้นดิน เมื่อเวลาใกล้รุ่งสาง พวกเขาก็เข้าสู่ อาณาเขตของ
จักรวรรดิเทียนเชี่ยวแล้ว เชี่ยวเสวียนฉินพาฉินหยุนมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ป่า
หลังพักผ่อนอยู่ หนึ่งชั่วยาม ค่อยเดินทางต่อเนื่อง สุสานราชวงศ์เทียน
เชี่ยวสร้างขึ้นที่บริเวณภูเขาลูกใหญ่นอก เมือง
พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวัน จึงถึงปลายทางอย่างสุสาน ราชวงศ์เทียน
เชี่ยว “แต่ก่อนเคยมีต้นไม้วิญญาณที่นี่จํานวนมาก แต่ครั้งนี้กลับไม่มี
เลย” เซียวเสวียนฉันยืนบริเวณภายนอกภูเขา นางขมวดคิ้วกล่าว “สถานที่
รกร้างเช่นนี้ สมควรเป็นฝูงสัตว์อสูรเข้าทําลาย ล้าง น่าสงสัยแล้วว่า
ภายในมีฝูงสัตว์อสูรอยู่หรือไม่”
ฉินหยุนตอบ “พวกเราเข้าไปแล้วควรระวังให้ดี ทางที่ดีที่สุดคือ พวกเรา
ควรเข้าไปตอนกลางคืน นี่ก็เที่ยงวันแล้ว สัตว์อสูรส่วน ใหญ่น่าจะออกหา
กินกันอยู่”
“ได้ งั้นรอที่นี่จนฟ้ามืด” เชี่ยวเสวียนฉินมองไปยังภูเขาลูกเล็ก ตรงหน้า
และกล่าวออก “พวกเราขุดลํ้าในภูเขาลูกเล็กนั่น และ ซ่อนตัวในนั้น แบบ
นี้น่าจะปลอดภัยกว่า”
พวกเขาเดินไปยังภูเขาลูกเล็ก และเริ่มขุดถํ้าเพื่อพักผ่อนอย่าง รวดเร็ว ฟ้า
เริ่มมืด สายลมเริ่มแรงขึ้น มันพัดหอบเอาฝุ่นทรายจํานวน มาก เป็นผลให้
ภูเขาตรงหน้าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยฝุ่นทรายมหาศาล
ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินเดินบนทรายอย่างระมัดระวัง พวก เขาตื่นตัว
อย่างถึงที่สุด ทั้งยังใช้พลังจิตสอดแนมพื้นที่โดยรอย
หากมีสัตว์อสูรเคลื่อนไหวใกล้เคียง พวกเขาจะพบเจอพวกมัน โดยทันที
หลังเข้าสู่ภูเขารกร้าง ฝุ่นบางตาลงไปบ้าง พื้นดินค่อนข้างเละ ทั้งยังมี
รอยเท้าสัตว์จํานวนไม่น้อย “ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีสัตว์อสูรมากมายขนาดนี้
ดูเหมือนนี้ สมควรเป็นฝูงสัตว์อสูรแล้ว”
ฉินหยุนสัมผัสถึงออร่ารอบด้าน และหันมองทางภูเขาลูกใหญ่สูงกว่า
หลายพันเมตร “สุสาน ราชวงศ์เทียนเชี่ยวอยู่ที่เชิงเขาลูกนั้น?”
“ใช่ ที่นี่มีภูเขาหลายร้อยลูก พวกมันล้วนกว้างใหญ่ สัตว์อสูร ไม่น่าจะ
เลือกอาศัยอยู่บนเขาหรอกกระมัง?” เชี่ยวเสวียนฉิน เองก็กังวลไม่น้อย
หากพวกเขาต้องเผชิญหน้าสัตว์อสูรเป็นฝูง ย่อมไม่มีทางรับมือได้ไหว
“ไปดูกันดีกว่า!” ฉินหยุนใช้พลังเงาปิดผนึกออร่าตนเอง
เชี่ยวเสวียนฉินพลันไม่อาจพบเห็นฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
ร้องอุทานออกมาเสียงเบา
“ฉินหยุน เจ้าอยู่ที่ใด? เหตุใดจึงหายไปปุบปับ?” ฉินหยุนพลันดึงมือขาว
นวลของนางและยิ้มกล่าว
“ข้ามี ความสามารถซ่อนตัวในความมืด ให้ข้าลองดูว่าสามารถส่ง ถ่าย
พลังแก่ท่านได้หรือไม่ จะได้ให้ท่านซ่อนตัวกลมกลืนไปกับ ความมืด”
เชี่ยวเสวียนฉินกํามือของฉินหยุนเอาไว้แน่น เป็นนางกังวลยิ่ง ว่าฉินหยุน
จะเกิดอุบัติเหตุอันตรายอะไรเข้า! ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงร่องรอยความอุ่น
จากมืออ่อนนุ่ม เขาเองก็ ลอบประหลาดใจ เพราะเชี่ยวเสวียนฉิน
ตระเตรียมขุมพลัง ภายในขั้นสูงเอาไว้ตลอดเวลา เขากระซิบกล่าว “ป้า
เชี่ยว ผ่อนคลายร่างกายหน่อย!”
หลังเชี่ยวเสวียนฉินผ่อนคลาย นางพลันสัมผัสได้ถึงความเย็น จากฝ่ามือ
ของฉินหยุน มันเข้าสู่แขนของนางและกระจายทั่วทั้ง ร่างอย่างรวดเร็ว ไม่
นานจากนั้น นางพบว่าร่างกายของนางกลมกลืนไปกับความ มืด ออร่า
ของนางไม่มีใดปลดปล่อยออกมาอีก เป็นนางถูก เคลือบเอาไว้ด้วยพลัง
ประหลาดเย็นเยือก
“ฮ่าฮ่า สําเร็จ!” ฉินหยุนยิ้ม
“ตอนนี้พวกเราก็ไม่โดนสัตว์อสูร พบเจอตัวแล้ว”
“พลังเช่นนี้นับว่าน่าซึ่งนัก!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจกล่าว ชื่นชม ก่อน
จะถูกฉินหยุนดึงมือเคลื่อนกายขึ้นสู่ภูเขา ขณะที่เชี่ยวเสวียนฉินกุมมือของ
ฉินหยุนเอาไว้ นางอดไม่ได้ที่ จะเกิดความรู้สึกประหลาดในหัวใจ นางไม่
ทราบว่าเพราะอะไร ถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่เป็นมันที่ทําให้นางเกิด
ความรู้สึกไหว หวั่น อีกทางหนึ่ง ฉินหยุนเรียบเฉย เขาเพียงรู้สึกว่ามือของ
เชี่ยว เสวียนฉินยิ่งมายิ่งกําเอาไว้แน่น
หลังปีนขึ้นเนินเขามาแล้ว พวกเขากลับหยุดอย่างกะทันหัน
“ที่ตรงนั้นมีพวกสัตว์อสูร!” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวคําเสียงเบา มองไปยังหุบ
เขาระหว่างภูเขาสองลูกตรงหน้า
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกได้” ฉินหยุนกระซิบตอบ
“จับไว้ให้แน่น เป็นข้ากังวลว่าพลังเงาของเจ้าจะหายไปอย่าง กะทันหัน
เข้า” เชี่ยวเสวียนฉินไม่ได้ปล่อยให้มือฉินหยุนเกาะ กุมอีก กลับกัน เป็นนิ้ว
มือของนางผสานกับมือของฉินหยุน เอาไว้แน่น ด้วยการจับมือลักษณะนี้
เป็นผลให้หัวใจของเชี่ยวเสวียนฉินยิ่ง เต้นเร็ว
“ป้าเชี่ยว ไปกัน!” เพียงได้ยินเสียงของฉินหยุน เชี่ยวเสวียน ฉันค่อยดึงสติ
กลับคืน เชี่ยวเสวียนฉนลอบเม้มริมฝีปาก หยุดเพ้อพกไปเอง นางดึงฉัน
หยุนเข้าสู่หุบเขา ตราบเท่าที่ผ่านหุบเขาแห่งนี้ไปได้ พวกเขา จะถึง
ปลายทางซึ่งเป็นภูเขาลูกที่สูงที่สุด
ตอนที่ 259 องครักษ์แห่งสุสาน
เมื่อเข้าสู่ในช่องเขา สายลมรุนแรงพัดผ่านเกิดเป็นเสียงร้อง ของสายลม
พื้นที่แห่งนี้ทั้งหมองหม่นและชวนขนลุก ที่น่ากลัว ที่สุดคือภายในช่องเขา
มันมีร่างเงาสีดําขนาดใหญ่ เหล่านี้คือ หมีป่าสูงหลายเมตร เชี่ยวเสวียน
ฉินนําฉินหยุนอย่างระแวดระวัง หลบเลี่ยงหมีป่าที่ กําลังหลับพักผ่อน
เพราะที่นี่มืดสนิท พวกเขาจึงไม่อาจเห็นได้ ว่าหมีป่าเหล่านี้หน้าตาเป็น
อย่างไร ทราบแต่เพียงว่าร่างใหญ่ มาก ตรงเข้าไป มีออร่าของสัตว์อสูร
ทรงพลัง มันเป็นสัตว์อสูรระดับ วิญญาณ! ฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่นําโดย
สัตว์อสูรระดับวิญญาณถึงสอง ตัว!
เชี่ยวเสวียนฉินเดิมกังวลมากพอแรงแล้ว ทว่าเมื่อนางพบว่า เกาะกุมมือ
ของฉินหยุนเอาไว้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางสงบใจ ลง ระแวดระวังและ
ผ่านร่างหมีป่าขนาดใหญ่ยักษ์ไปได้ หมีป่าใหญ่ยักษ์ตัวที่เพิ่งผ่านไป เป็น
สัตว์อสูรระดับวิญญาณ! เมื่อฉินหยุนผ่านฝูงสัตว์อสูรมาได้
เขาที่มีออร่าสัมผัสถึงสัตว์ ปีศาจได้ดีเยี่ยม จึงทราบว่าพวกมันเหล่านี้ไม่ได้
รับบาดเจ็บ ในเมื่อสัตว์อสูรพวกนี้ที่อยู่ที่นี่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ที่พวกมันมา
อยู่ หมายความว่ามีสิ่งดึงดูด เชี่ยวเสวียนฉินระวังอย่างยิ่งขณะนําทางฉิน
หยุนผ่านร่างสัตว์ อสูรระดับวิญญาณ เบื้องหน้าพวกเขาตอนนี้ เป็นสัตว์
อสูรระดับวิญญาณอีกตัว หนึ่ง
ทว่า มันหลับอยู่ จึงทําให้ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉิน วางใจได้มาก ฉิน
หยุนสํารวจมองตั้งแต่เมื่อครู่ เขายังไม่พบเห็นไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูร มันทํา
เอาเขารู้สึกเสียดายไม่น้อย มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณสองตัวอยู่ที่นี่ หนึ่ง
เพศผู้หนึ่งเพศเมีย ตามปกติ สมควรต้องมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรแล้ว ใน
ที่สุด เชี่ยวเสวียนฉินจึงพาฉินหยุนรอดปลอดภัยออกมาจาก ช่องเขา ถึงที่
เชิงเขาขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งเป็นเป้าหมาย พวกเขา กําลังยืนตรงหน้าประตู
หินขนาดใหญ่
“แล้วยังไงต่อดี? ต้องการกุญแจเลยหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม สายตาหัน
มองที่ประตูหินบานใหญ่ยักษ์ ไม่คล้ายว่ามันจะมีรู กุญแจ “เจ้าเพียงแต่
สัมผัสกุญแจเพื่อเปิดประตูหิน ทว่า ย่อมต้องเกิด เสียงดังครั้งใหญ่แน่
พวกเราต้องรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่ด้านใน ต้อง รีบปิดประตูหินโดยทันที” เชี่ยว
เสวียนฉินกล่าวเตือน
“ได้เลย!” ฉินหยุนนํากุญแจสีดําออกมา สัมผัสมันอย่างบาง เบาที่ประตู
หินสูงกว่าสิบเมตร
ครึก ครึก ครึก! ประตูหินขนาดใหญ่เริ่มเคลื่อนไหวเปิดออกเชื่องช้า เสียง
ดัง สนั่นลั่นกึกก้องทั่วทั้งหุบเขาแล้ว
ฝูงหมีป่ าเริ่มตื่นจากหลับใหล พวกมันส่งเสียงร้องดังต่อกันมา หมียักษ์
เหล่านี้ทั้งหมดล้วนตื่นหันมองทางภูเขาทั้งสิ้น หมียักษ์ ที่อยู่ใกล้ภูเขาที่สุด
มันเกิดคลั่งพร้อมวิ่งเข้ามายังประตูหิน เป็น ผลให้ช่องเขาทั้งสองฟากข้าง
ต้องสั่นไหว เชี่ยวเสวียนฉินกัดฟันเอาไว้แน่น ปลดปล่อยบอลกําลังภายใน
ซึ่งบรรจุกําลังภายในมหาศาลเอาไว้ออกไป ปะทะเข้ากับ ทางเข้าช่องเขา
เป็นผลให้ช่องเขาทั้งสองฟากแตกพัง ก้อนหิน ยักษ์ร่วงหล่นลงมา
ขวางทางเข้าเอาไว้
ตู้ม! หมียักษ์เคลื่อนที่เร็วพลันต้องปะทะหนักหน่วงกับก้อนหินใหญ่ ที่
ขวางทางไว้ ?
“ได้แล้ว!” ฉินหยุนดึงเชี่ยวเสวียนฉินผ่านรอยแยกของประตูเข้าไป
เมื่อเข้ามาแล้ว ฉินหยุนจึงนํากุญแจสัมผัสประตูบานยักษ์ประตูหินค่อย ๆ
ปิดลง
หลังทั้งสองเข้ามาได้เรียบร้อย พวกเขาอยู่ให้ห่างจากประตูหิน เป็นกังวล
ว่ามันอาจปิดไม่ทันเวลา จนหมีป่าอาจเข้ามาได้
ติ้ง!
ในที่สุดประตูหินจึงปิดลง ถัดจากนั้น เสียงดังโครมครามบังเกิด ที่
ภายนอก เป็นหมีป่ากําลังกระแทกประตูหินอย่างบ้าคลั่ง เชี่ยวเสวียนฉิน
ถอนหายใจยาวโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ด้าน ในสุสานเสียที
“ประตูนี้แข็งแกร่งนัก กระทั่งสัตว์อสูรระดับวิญญาณยังไม่อาจ ทะลวง
ผ่านมาได้” ฉินหยุนอุทานชื่นชม ด้านในสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว
กลายเป็นสว่างขึ้นมา พวกเขา ได้เห็นห้องโถงกว้างใหญ่ มันประดับเอาไว้
ด้วยสิ่งสวยงาม ระยิบระยับ ราวกับอยู่ในพระราชวังหลวงที่หรูหรา ทว่า
มันว่างเปล่า ไม่มีอันใดอยู่เลย
“ใครอยู่ตรงนั้น?” เชี่ยวเสวียนฉินสัมผัสได้ถึงออร่าของผู้อื่น นางตะโกน
ถามโดยทันที
วูบ วูบ วูบ! กลุ่มคนวูบไหวเข้ามา ถึงกับมีคนอยู่ด้านในนี้ กลุ่มคนพลัน
ปรากฏ พวกเขาล้วนสวมใส่ชุดเกราะสีทอง ร่างกายล้วนกํายํา มีทั้งสิ้นสิบ
เอ็ดคน หนึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ เต๋า ที่เหลืออยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เก้า
“เชี่ยวเสวียนฉิน เจ้าเข้ามาได้อย่างไร? มีจดหมายจากองค์ เหนือหัวหรือ
องค์ชายรัชทายาทหรือไม่?” ผู้ที่นํากลุ่มคน เป็นชายชราร่างสูงและกํายํา
นํ้าเสียงเย็นชาเอ่ยถาม
“ไม่ว่าจะด้วย อะไร กุญแจของสุสานราชวงศ์จะไม่ถูกส่งให้ผู้หญิง ต้อง
เป็น เจ้าขโมยกุญแจมาและเข้าสู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”
“เชี่ยวฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าเซี่ยวหยางหลงจะถึงกับส่งเจ้ามาคุ้ม กันสุสาน
เป็นข้ามองเจ้าผิดไปนัก เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ แต่ กลับมาอยู่ในสถานที่
เช่นนี้” เซี่ยวเสวียนฉินกล่าวคําเฉยชา ฉินหยุนเคยได้ยินนามเชี่ยวฉง เขา
คือแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิ เทียนเชี่ยว มีสัมพันธ์อันดีกับเชี่ยวหยางหลง
เชี่ยวหยางหลงย่อมเป็นผู้จัดแจงให้เชี่ยวฉงเฝ้าระวังที่นี่เมื่อ สองหรือสาม
ปีก่อน นี่จะต้องเป็นเพราะเขากังวลว่าเชี่ยว เสวียนฉันคือผู้ที่ขโมยกุญแจ
ไป เชี่ยวหยางหลง ส่งเขามาเฝ้าระวังเชี่ยวเสวียนฉินที่นี่นับตั้งแต่ กุญแจ
หาย
“เป็นองค์เหนือหัวรัชทายาทปราดเปรื่อง ท่านคาดการณ์ไว้ นานแล้ว ว่า
เจ้าคิดขุดคุ้ยสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว ดังนั้นท่าน จึงจัดแจงให้พวกเรามา
เฝ้าที่นี่!” เชี่ยวฉงหัวเราะดัง
“ตราบ เท่าที่พวกเราจับตัวเจ้าได้ พวกเราจะได้รับกุญแจ ถึงตอนนั้นพวก
เราก็ไม่ต้องเฝ้าระวังที่นี่อีกต่อไป” นิ้วมือของเขี้ยวเสวียนฉินและฉินหยุนก
ระชับกันแน่น นางกัด ฟันกรอดกล่าวโทษตนเองที่ไม่ระวัง ศัตรูเบื้องหน้า
นาง ที่นางสามารถรับมือได้คือเชี่ยวฉง ส่วนที่ เหลือ ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เก้าอีกจํานวนสิบคน จะกลายเป็นปล่อยให้ฉินหยุนต้องเผชิญหน้า
อันตราย
“ป้าเชี่ยว อย่าได้ห่วง รับมือกับตาเฒ่านั่น ข้าไม่เป็นไร” ฉิน หยุนใช้มือของ
ตน สัมผัสหลังมือของเชี่ยวเสวียนฉิน เป็นการ บอกให้ปล่อยมือที่จับกันไว้
ออกจากกัน เชี่ยวเสวียนฉินหันมออง นางได้เห็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความ
มั่นใจ ใบหน้านางจึงเผยรอยยิ้ม นางค่อย ๆ ปล่อยมือฉินหยุน
“เซี่ยวเสวียนฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนชอบพอเด็กหนุ่ม เช่นนี้”
เชี่ยวฉงหัวเราะดัง จากนั้นหนามที่ฝ่ามือพลันถูกยิง ออก เป้าหมายคือ
ลําคอของเชี่ยวเสวียนฉิน มันเปรียบดั่ง ลําแสงพุ่งเข้ามา
เชี่ยวเสวียนฉินทั้งอับอายและมีโทสะ นางหลบเลี่ยงการโจมตี ถึงตายและ
นําเอาพิณออกมา ปลายนิ้วเคลื่อนไหวที่สายพิณ เกิดขึ้นเป็นคลื่นเสียง
“เจ้าเองก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว!” เชี่ยวฉงตระหนก เขา ชักฝ่ามือกลับ
รับคลื่นเสียงที่ปะทะเข้ามา ปลดปล่อยพลัง ภายในก้อนหนาเพื่อกระจาย
คลื่นเสียงออก เขาเร่งรีบตะโกน
“พวกเจ้าจับตัวเด็กน้อยคนรักของนาง ข้าจัดการผู้หญิงคนนี้ เอง!” ฉิน
หยุนวิ่งไปอีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าผ่อนคลายเรียบร้อยแล้ว เป็นเขา
ครอบครองสามวัชระแก่นภายใน จึงมีขุมพลังภายใน ขั้นสูงสะสมไว้ใน
แก่นภายในไม่ใช่น้อย ห้องโถงแห่งนี้ไม่ได้กว้างมากนัก ฉินหยุนจึงโดน
ต้อนเข้าจนมุม อย่างรวดเร็ว
“เหอะ เหอะ เด็กน้อยคนรักของเชี่ยวเสวียนฉินหรือ ดูหล่อ เหลาไม่น้อยนี้
ไม่แปลกที่นางจะเล็งเจ้า! ก็นะ เชี่ยวเสวียนฉิน ตอนนี้ ด้วยวัยเท่านั้นคง
กลัดมันไม่น้อย รสชาติที่เจ้าได้ลิ้มลอง เป็นอย่างไรละ? พวกเราคิดอยาก
กระแทกความดุดันที่มีแก่นาง มานานแล้ว ใครกันจะคิดว่ากลับเป็นเด็ก
น้อยเช่นเจ้าได้รับนาง ไปครองเสียก่อน”
ชายร่างใหญ่ปิดบังใบหน้า เผยนํ้าเสียงเปี่ยม ด้วยตัณหากล่าวคําหยาบ
ช้า ชายร่างใหญ่อีกหลายคนพลันนึกสนุก ดวงตาพวกเขาล้วน เปี่ยมด้วย
จิตสังหาร
ไม่ไกลออกไป เชี่ยวเสวียนฉินกําลังเปิดศึกกับเชี่ยวฉง เป็นนาง ให้ความ
สนใจทางด้านฉินหยุนอยู่ตลอด เมื่อนางได้ยินคํากล่าว เหล่านั้น นางยิ่ง
อับอายและโกรธแค้น ทว่านางที่นางมีมากกว่าคือความกังวล!
นางเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะไม่อาจจัดการชายร่างใหญ่คนใดได้ เลยด้วย
ซํ้า! ฉินหยุน ผู้ซึ่งถูกต้อนเข้าจนมุม ยังคงสงบ เขายิ้มบางกล่าว
“ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร? นามข้าฉินหยุน เป็นสามีของเย่ว์ หลาน รัชทายาท
แห่งเทียนฉิน หากเย่ว์หลานทราบว่าพวกเจ้า หยาบคายต่อข้าเพียงนั้น จง
เตรียมรับชะตาที่เลวร้ายกว่าความ ตายได้เลย” ?
“แต่ว่า เคราะห์ดีที่พวกเจ้าเจอกับข้าเสียก่อน จึงได้เผชิญเพียง ความตาย
ที่รวดเร็ว” กล่าวคําจบ ฉินหยุนขว้างยันต์สะกดกายแช่แข็งชายทั้งสิบคนที่
รวมกันตรงหน้าเขา!
ยันต์สะกดกายของเขา สามารถหยุดผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่
เก้าได้เพียงสองถึงสามวินาที ทว่า เมื่อผู้ฝึกตนต่อสู้ กันเอาเป็นเอาตาย
กระทั่งเพียงพริบตา ก็หมายถึงความพ่าย แพ้! พ่ายแพ้หมายถึงความ
ตาย!
หลังจากฉินหยุนปล่อยยันต์สะกดกายออก แขนราชสีห์สวรรค์ พลัน
ปรากฏออกเป็นกรงเล็บราชสีห์สวรรค์, เขาไม่คิดใช้ขุมพลังภายในขั้นสูง
เพียงแต่ใช้แก่นภายในอสนีบาตอัคคี ปลดปล่อยวัชระกําลังภายใน แสดง
พลังด้วยวิชา วายุสังหาร!
วายุสังหาร ทลายคลื่น แยกภูผา!
ชั่วขณะที่กระบวนท่าทั้งสามถูกปล่อยออก วัชระกําลังภายใน ของเขาจึง
ระเบิดเสียงฟ้าคํารามดังสนั่น คลื่นลมรุนแรงกรีดร้อง ผ่านอากาศ ราวกับ
นี่คือเสียงกรีดร้องที่ก่อให้เกิดเป็นคลื่นลูก ใหญ่ สามารถถล่มทลายได้
แม้กระทั่งภูเขาใหญ่! โดยทันที ร่าง ของชายทั้งสิบถูกนั่นเป็นหลายชิ้นส่วน
เลือดกระเซ็นกระจาย ทุกหนแห่ง
“ป้าเชี่ยว ทางข้าเรียบร้อยแล้ว เร่งมือเข้า!” ฉินหยุนผู้ถูกต้อน จนมุมเมื่อครู่
ส่งเสียงหัวเราะคิกคักตะโกนมา เชี่ยวเสวียนฉินเองก็ตระหนักเพราะการ
เคลื่อนไหวเมื่อครู่ของ ฉินหยุน ในที่สุดนางสามารถผ่อนคลายได้ กระทั่ง
ลอบยินดี เชี่ยวองหันมองร่างที่ถูกสับฟันบนพื้น เป็นเขารู้สึกราวกับเห็น
ภูตผี เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้สมควรมีอันตรายใด แต่แล้วเด็กหนุ่ม หล่อเหลา
คนรักของหญิงเป้าหมาย กลับน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ เป็นเขาไม่ทันระวัง
จนเกินไป ฉินหยุนนํากระบี่แก่นจิตออกมา ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม
ควบคุมกระบี่ ลอยเข้าไปสับฟันเชี่ยวฉง
“รู้หรือยังว่าเด็กน้อยคนรักของป้าเชี่ยวน่ากลัวเพียงใด?” ฉินหยุนหัวเราะ
คิกคักขณะควบคุมกระบี่สับไปมาไม่หยุด เชี่ยวฉงเป็นผู้ฝึกตนเฒ่าชรา
อย่างไรแล้วพื้นฐานการฝึกฝน ย่อมแข็งแกร่งกว่าเชียวเสวียนฉิน เขา
สามารถสะกดเชี่ยว เสวียนฉินได้ แต่ตอนนี้เมื่อฉินหยุนร่วมโจมตี ทําให้
เขาต้องวอกแวก
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาบาดเจ็บเพราะคลื่นเสียงประหลาดของ เชี่ยวเสวียน
ฉิน เขายังต้องระวังการสับฟันจากกระบี่ของฉัน หยุน ฉินหยุนเข้ามาใกล้
เชี่ยวฉงทีละน้อย เชี่ยวเสวียนจินก็ทราบว่า ฉินหยุนกําลังช่วยเหลือนางอยู่
ดังนั้นนางจึงคิดใช้พลังภายใน ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดไปยังพิณ ปล่อยคลื่นเสียง
คมกล้าออก เกราะ สีทองของเชี่ยวฉงตอนนี้พลันแตกกระจาย เชี่ยวฉงก
ลํ้ากลืนพุ่งเข้าหาฉินหยุน เขาสบถคําออก
“เจ้าสาร เลวน้อย ให้ข้าได้พาเจ้าลงนรก!”
“ฉินหยุน ระวัง!” เซี่ยวเสวียนฉินร้องตื่นตระหนก ฉินหยุนได้ควบแน่นพลัง
จิตแกร่งกล้าไว้ก่อนแล้ว พอเห็นเชี่ยว ฉงพุ่งเข้าหา เขาจึงใช้วิชารวมจิต
วิญญาณสังหารเข้าใส่ ด้วย พลังจิตที่สะสมเป็นเวลานาน มันเข้าปะทะ
ภายในสมองของ เชี่ยวฉงโดยทันที
“อ๊าก!” เชี่ยวฉงกรีดร้องเจ็บปวด ร่างกายหยุดชะงัก เสียง คํารามดังลั่น
ขณะเอามือกุมหัวไม่อาจขยับ เชี่ยวเสวียนฉินพลันดีดสายพิณออก
ปลดปล่อยคลื่นเสียงทอง ม่วงจากตัวพิณ วัชระกําลังภายในทองม่วงนี้
เปี่ยมไปด้วยพลัง ภายในปริมาณมหาศาล!
ตู้ม!
เมื่อคลื่นเสียงคมกล้าเคลื่อนเข้าหาศีรษะของเชี่ยวฉง มันระเบิด ออกเป็น
คลื่นเสียงรุนแรง เป็นผลให้หัวของอีกฝ่ายแตกกระจาย กลายเป็นแอ่ง
เลือด ฉินหยุนเร่งรีบเข้ามา นําเอาวิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวฉงออก เมื่อ เขา
พบว่าเป็นวิญญาณยุทธ์หอกระดับทอง เขาจึงกล่าวเหยียด หยัน
“เป็นวิญญาณยุทธ์ขยะอีกแล้ว ไม่แปลกใจที่เชี่ยวหยาง หลงส่งมันมาเฝ้า
สุสาน” เชี่ยวเสวียนฉินอดไม่ได้จนหัวเราะออก
“สําหรับหลายคน วิญญาณยุทธ์อาวุธระดับทอง ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว!”
“ป้าเชี่ยว เด็กคนรักของท่านทําได้ดีหรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง หัวเราะเอ่ย
ถาม
“นับจากนี้อย่าได้พูดจาเช่นนี้อีก ไม่งั้นข้าจะโกรธจริงด้วย!” ใบหน้ารูปไข่
งดงามของเชี่ยวเสวียนฉิน กลายเป็นแดงกํ่าเป็น อายขณะแค่นเสียง
ตะคอกตอบกลับ
ตอนที่ 260 ร่างที่หายไป
ฉินหยุนหัวเราะ “ขอรับ ขอรับ ข้าไม่พูดแล้ว จะไม่อีกต่อไป แน่”
เชี่ยวเสวียนฉินนึกถึงคํากล่าวหยาบโยนที่ชายร่างใหญ่เหล่านั้น กล่าวต่อ
ฉินหยุน นางรู้สึกทั้งอับอายและโกรธเคือง พร้อมกันนี้ มันยังเกิดความรู้สึก
ประหลาดสับสนภายในใจของนาง ฉินหยุนสํารวจมองรอบด้านพิจารณา
ห้องโถง เขากล่าวคํา
“ที่นี่คือภายในสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว? ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือเซี่ยวหยาง
หลงเคลื่อนย้ายทุกสิ่งไปแล้ว?”
“ย่อมไม่ใช่ เหนือห้องโถงหลักแห่งนี้มีประตูอยู่ มันคือประตูที่ นําไปสู่ส่วน
ลึกของสุสาน” เชี่ยวเสวียนฉินชี้ขึ้นด้านบน ซึ่งก็มี แต่ผนังเพดาน หาได้มี
ประตูใดไม่
ฉินหยุนเดินไปข้างเชี่ยวเสวียนฉิน จับมือของนางเอาไว้ เชี่ยวเสวียนฉิน
รู้สึกว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ก็เพียงแค่สลัดมือ ฉินหยุนออกเบา ๆ จากนั้น
จึงเดินไปยังกําแพงสีทองด้านหนึ่ง ฉินหยุนนึกว่าเชี่ยวเสวียนฉินโกรธ เขา
จึงไม่ได้คิดอันใดมาก เพียงตามด้านหลังนางจนถึงด้านหน้ากําแพง
“นํากุญแจสัมผัสกําแพงนี่!” เชี่ยวเสวียนฉินบอกต่อฉินหยุน หลังจากนาง
สัมผัสกําแพงเพื่อยืนยัน ฉินหยุนนําเอากุญแจออกมา และสัมผัสที่กําแพง
สีทอง
ครึก! ครึก! ครึก! เสียงดังบังเกิดขึ้นจากกําแพงหิน ก้อนอิฐสี ทองเริ่ม
เคลื่อนตัวจมไปด้านหลัง กําแพงหินยุบตัวเข้าไปกว่าสามเมตร เกิดขึ้นเป็น
บันไดปรากฏ
“ด้านล่างค่อนข้างมืด ต้องการให้ข้าใช้พลังเงาเพื่อที่พวกเรา สองคนจะได้
กลมกลืนไปกับความมืดหรือไม่? วิธีนี้น่าจะ ปลอดภัยกว่า” ฉินหยุนพลัน
กล่าวคําหลังก้าวเดินลงบันไดไป
เชี่ยวเสวียนฉินเงียบไปครู่หนึ่ง จึงค่อยยื่นมือของนางสัมผัส ประสานกับ
นิ้วมือของฉินหยุนแน่น ความรู้สึกประหลาดรุกลํ้า หัวใจของนางอีกครั้ง
เป็นนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดความรู้สึกนี้จึง ปรากฏขึ้น นางพยายามสะกด
ความคิดฟุ้งซ่านภายในใจ จากนั้นจึงนําฉิน หยุนลงบันไดไป ตอนนี้ ถือว่า
พวกเขาเข้าสู่สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวอย่าง แท้จริง ก่อนหน้า ห้องโถง
หลักเป็นเพียงด้านนอกที่มี จุดประสงค์หลักคือ เอาไว้ให้คนของราชวงศ์
เทียนเชี่ยวเข้ามา สักการะ
“ป้าเชี่ยว เป็นไปได้หรือไม่ที่เชี่ยวหยางหลงจะอยู่ที่นี่?” ฉิน หยุนเอ่ยถาม
เสียงเบา
“ข้าไม่อาจทราบ แต่พวกเราควรระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่า” เชี่ยวเสวียนฉิน
ตอบกลับ “อย่าได้ห่วงไป ข้ายังอยู่ที่นี่!”
ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก เขารู้สึกว่าหากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น จะเป็นตัวเขา
ที่ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งกว่าเชี่ยวเสวียนฉิน บันไดทอดยาว พวกเขาเดิน
เกือบชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง ในที่สุดพวกเขาก็ถึงห้องสุสานใต้ดิน มัน
เป็นลานกว้างใต้ดิน ขนาดใหญ่ ถือว่าโอ่โถงไม่ใช่น้อย อากาศภายในให้
ความรู้สึก ถึงความโบราณ คลื่นอากาศเย็นพัดผ่าน ชวนให้สะพรึงขนหัว
ลูก เชี่ยวเสวียนฉินนําเอาหินส่องแสงออกมา ควบคุมให้มันบินขึ้น สูง ทํา
การสาดส่องทั่วทั้งลานกว้างใต้ดินแห่งนี้ ด้วยแสงเจือจาง พวกเขาจึงได้
เห็นบ้านขนาดเล็กหลายหลัง
“บ้านหลังใหญ่คือฮวงซุ้ยของจักรพรรดิ! หลังอื่นล้วนเป็นของ สมาชิก
ราชวงศ์ มีทั้งธิดาแห่งรัชทายาทที่เสียชีวิตอย่าง กะทันหัน และนางสนมก็
ด้วย” เชี่ยวเสวียนฉินชี้ไปยังบ้านหิน หลังใหญ่
“สุสานจักรวรรดิ์เทียนเชียวของท่านนับว่าใหญ่นัก น่าจะใหญ่ กว่า
พระราชวังหลวงเทียนฉินของพวกเราด้วยกระมัง” ฉิน หยุนสามารถเห็น
สุสานยักษ์แห่งนี้อย่างกระจ่าง เป็นเขาต้องอึ้ง ลึกลงไปใต้ดิน การก่อสร้าง
ตําหนักขนาดใหญ่เช่นนี้ถือเป็น โครงการใหญ่มหึมา ที่ทรงอํานาจที่สุดคง
เป็นความทนทานของ ตําหนักใต้ดินแห่งนี้ กระทั่งผู้ฝึกตนวรยุทธ์เด็ยังไม่
อาจบุกฝ่า เข้ามาได้จากด้านบน มีเพียงผู้ถือครองกุญแจจึงสามารถเข้า
มา
“ใช่ จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้าเองก็รู้สึก ว่าสุสานของจักรวรรดิ เทียนเชี่ยวช่าง
ทรงอํานาจนัก นี่ไม่ใช่อะไรที่จักรวรรดิเทียน เชี่ยวของพวกเราจะสามารถ
สร้างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
เชี่ยวเสวียนฉินปล่อยเสียงถอนหายใจยาว ฉินหยุนคิดอยากปล่อยมือนาง
และเดินเข้าไป ทว่าเชี่ยวเสวียน ฉันกลับไม่ ทางหนึ่ง นางไม่คิดอยากให้
เขาวิ่งเล่นไปทั่ว และอีก ทางหนึ่ง เป็นนางกังวลว่าอาจมีศัตรูซ่อนเร้น
“ป้าเชี่ยว อย่างไรต่อดี? ควรเริ่มจากที่ใด? ที่นี่สมควรมีสมบัติ มากมายฝั่ง
พร้อมกับร่างศพใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ไปดูสุสานมารดาของเย่ว์หลานและเย่ว์เหม่ยก่อน!” เชี่ยว เสวียนฉินตอบ
กลับ
“นี่เป็นเย่ว์หลานขอต่อข้า”
“ขอรับ!” ฉินหยุนเองก็นึกถึงสิ่งที่เซี่ยฉีโหรวบอกต่อเขา ว่า มารดาของ
เซี่ยวเย่ว์หลานยังสามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้
“ข้าเป็นคนมาส่งร่างของพระสนมเชี่ยวเมื่อครั้งนั้น ข้าจําได้ว่า นางควรอยู่
ที่นั่น!” เชี่ยวเสวียนฉนดึงฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป ผ่านไปหลายสิบเมตร
นางค่อยหยุดตรงหน้าบ้านหันหลังเล็ก ด้านหน้าของบ้านหิน มีฮวงซุ้ยซึ่ง
แกะสลักอักษรเอาไว้ ฉันหยุ นพบสองคํา “สื่อจิ้ง” เป็นชื่อมารดาของเซี่ยว
เย่ว์หลาน
“เป็นที่นี่ เข้าไปดูกันดีกว่า” ขณะเชี่ยวเสวียนฉินกล่าวคําจบ นางจึงเปิด
ประตูหินออก ลมเย็นพัดออกมา เมื่อเข้ามาแล้ว ฉินหยุนนําหินส่องแสง
ออกมาส่องสว่างภายใน ห้อง ภายในเป็นโลงศพหยกแก้ว
“ให้ข้าใช้พลังจิตเปิดออกเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบดึงเชี่ยวเสวียน ฉินถอยกลับ
ป้องกันไม่ให้นางเข้าไปใกล้โลงศพหยกแก้ว เป็น เขากังวลว่าอาจมี
อันตราย ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม เล็งไปยังฝาของโลงศพหยก
แก้ว จากนั้นจึงค่อยเคลื่อนมันออก ไม่ช้า ฝาโลงศพจึงถูกเลื่อนออก
ภายในไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ!
“ว่างเปล่า!” ฉินหยุนอุทานตื่นตกใจ
“เป็นเชี่ยวหยางหลง นําออกไปหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ บ้านหลังนี้และโลงศพหยกแก้วไม่เคยถูกเปิดออก มันจะว่าง
เปล่าได้อย่างไร?” ฉินหยุนเร่งรีบพานางออกจากบ้านหินแล้วกล่าวคํา
“ไปสํารวจ โลงศพหยกแก้วอื่น ดูกันว่าผู้ซึ่งถูกฝังไม่นานมานี้มีชะตากรรม
เดียวกันหรือไม่!”
เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ พาฉินหยุนไปยังบ้านหินอีกแห่งซึ่ง ถูกฝังเมื่อ
ห้าปีก่อน นี่เป็นนางสนมของอดีตจักรพรรดิเทียน เชี่ยว
พวกเขาเข้าภายใน เปิดฝาโลงศพหยกแก้วออก ศพภายในไม่ อยู่เช่นกัน!
ความหนาวเย็นพลันเกาะกุมหัวใจฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉิน พวกเขา
กระชับมือกันเอาไว้แน่น เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป แล้ว ถัดจากนั้น
พวกเขาจึงเปิดฝาโลงศพอื่น รวมทั้งโลงศพของ จักรพรรดิและจักรพรรดินี
กด้วย ทั้งหมดล้วนว่างเปล่า!
“เอ่อ ร่างล้วนหายหมดสิ้น!” ฉินหยุนมองโลงศพหยกแก้วขณะ ยิ้มกล่าว
“หรือพวกเขาออกไปละเล่นที่อื่น?” มือขาวนวลของเชี่ยวเสวียนฉิน
กลายเป็นมีเหงื่อเย็น นางทราบ ว่าสุสานราชวงศ์เทียนเซี่ยวไม่ธรรมดา
เช่นนั้นแล้ว
ฉินหยุนเริ่มสํารวจโลงศพหยกแก้วอย่างถี่ถ้วน เขาพล้นพบ อักขระจารึก
เอาไว้ที่ด้านในของโลงศพหยกแก้ว พวกมันล้วน เป็นผังจารึกมิติระดับสูง
หากไม่พิจารณาสํารวจให้ถี่ถ้วน จะ ยากแก่การพบเห็น ทําให้ผู้คนคิดว่า
เป็นเพียงแค่ลวดลายของหยก
“ป้าเชี่ยว จักรวรรดิของท่านเป็นผู้สร้างโลงศพหยกแก้วเหล่านี้ หรือไม่?”
ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“ข้า... ไม่มั่นใจนัก ข้าเพียงจําได้เมื่อครั้งแรกมาที่นี่ ข้าใช้โลง ไม้ส่งร่างพระ
สนมเชี่ยว จากนั้นนางจึงถูกนําร่างใส่โลงหยกแก้ว ดูเหมือนว่าโลงหยก
แก้วจะอยู่ที่นี่แต่แรกแล้ว” เชี่ยวเสวียนฉิน ขมวดคิ้ว นึกย้อนกลับไปถึง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้น จากนั้น นางจึงเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าพบอะไรหรือ?” “มีผังจารึกจํานวนมากในโลงหยกแก้ว
รวมถึงผังจารึกมิติ แต่ ข้าไม่ทราบละเอียดนัก เพราะข้าเพียงเห็นแต่เส้น
สว่าง ส่วน เส้นมืดถูกกลบซ่อนเอาไว้”
ฉินหยุนควบคุมหินส่องแสงลอยเข้าไปด้านในโลงหยกแก้ว มัน ส่องสว่าง
ต่อหยกแก้วมากพอ ทําให้เห็นผังจารึกภายในจํานวน มาก
“ร่างเหล่านั้นถูกเคลื่อนย้ายไป? พวกเขาจะต้องการร่าง เหล่านั้นไปเพื่อ
อะไร?” เชี่ยวเสวียนฉินรู้สึกหนาวถึงกระดูกสัน หลัง สีหน้ายิ่งหนักอึ้ง
“ข้าไม่อาจทราบ! โดยสรุป มีความลับเก็บงําเอาไว้ในสุสาน ราชวงศ์เทียน
เชี่ยว บางที... บางทีคงมีแต่จักรพรรดิเทียนเชี่ยว ที่ทราบ แต่ตอนนี้เชี่ยวห
ยางหลงครอบงําจักรพรรดิจนไม่เป็น ผู้คน เขาย่อมไม่อาจจดจําความลับ
ใดได้” ฉินหยุนถอนหายใจ
“กลับขึ้นไป นําร่างเชี่ยวฉงมาที่นี่ จากนั้นนําร่างใส่โลงหยก แก้วแล้วดูกัน
ว่าจะเป็นอย่างไร” เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ จากนั้นจึงออกนําฉินหยุน
ไป นางกังวลว่าฉินหยุนจะไปเพียงผู้เดียว และเป็นนางที่ไม่กล้าอยู่ ใน
สุสานชวนขนลุกแห่งนี้เพียงลําพัง
ไม่ช้า พวกเขานําร่างของเชี่ยวฉงลงมา และวางเอาไว้ในบ้าน หินว่างเปล่า
บ้านหินแห่งนี้เตรียมเอาไว้สําหรับผู้ตายใหม่ จึง ยังไม่เคยถูกใช้งานมา
ก่อน พวกเขานําร่างเชี่ยวฉงวางในโลงหยกแก้ว ปิดฝา จากนั้นรอ คอย
อย่างอดทน
“โลงหยกแก้วนี้ไม่มีพลังใด ดังนั้นพลังที่ใช้เคลื่อนย้ายโลงหยก แก้ว
สมควรส่งมาผ่านมิติ นี่ถือเป็นวิธีการปราดเปรื่องยิ่งต่อ การใช้ผังจารึก
มิติ” ฉินหยุนกล่าวขณะชื่นชม
“กระทั่งเป็นแดนยุทธ์อ้างว้าง ก็ไม่ คล้ายจะมีผู้ใดสามารถใช้ผังจารึกมิติ
ในลักษณะนี้ ดูเหมือน ความลับที่เก็บเอาไว้จะเกินกว่าพวกเราจินตนาการ
นัก”
“แต่ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงต้องการร่างกายที่ไร้ชีวิต” เชี่ยว เสวียนฉินเกิด
ความสงสัย
“สายเลือด หรือไม่ก็วิญญาณยุทธ์ สิ่งเหล่านี้สามารเก็บเอาไว้ ได้
ระยะเวลาหนึ่งหลังบุคคลเสียชีวิต” ฉินหยุนกล่าว “ท่าน กล่าวก่อนหน้านี้
สายเลือดตระกูลเชี่ยวของท่านถือว่าพิเศษยิ่ง บ่อยครั้งมักจะตื่นรู้
วิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลัง นอกจากนี้ ท่านยัง เกิดมาพร้อมเส้นวิญญาณ
จํานวนมาก เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันถึง บรรพบุรุษอย่างแน่นอน”
เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้า “ดูเหมือนบรรพบุรุษตระกูลเชี่ยวของ เรา จะมา
จากสถานที่ซึ่งลึกลับยิ่ง เขากระทั่งสร้างสุสานแห่งนี้ เมื่อนานมาแล้ว! น่า
เสียดายที่เชี่ยวหยางหลง สารเลวผู้นั้น ครอบงําองค์จักรพรรดิในสภาพไม่
เป็นไม่ตาย พวกเราไม่มีทาง ทราบได้เลยว่าที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
อย่างกะทันหัน โลงหยกแก้วจึงเริ่มมีร่องรอยพลังมิติแกร่งกล้า ส่งออกมา
โดยทันที ฉินหยุนควบคุมจิตตนเองเปิดฝาโลง ร่างของเชี่ยวฉงหายไป
แล้ว!
“ป้าเชี่ยว ท่านคิดว่า... พวกเราควรลองหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ย ถามขึ้น
“ไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหากเป็นสถานที่ซึ่งไม่สามารถหวนกลับ?” เชี่ยวเสวียน
ฉินเร่งรีบปฏิเสธ “อย่าได้คิดถึงเรื่องนี้อีก อันตราย เกินไป”
“หากพวกเราสํารวจรอบด้านอีกครั้ง อาจพบเจออะไรเข้าก็ เป็นได้” ฉิน
หยุนได้แต่ยอมปล่อยวาง เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ
“แต่พวกเราต้องอยู่ด้วยกันเสมอ พวกเราจะไม่แยกจากกัน ด้วยวิธีนี้ ยาม
เมื่อพบเจอสถานการณ์ เป็นอื่น พวกเราจะได้ดูแลกันได้”
“ขอรับ!” ถัดจากนั้น เชี่ยวเสวียนฉินและฉินหยุนจึงเดินไปมาสู่บ้านหิน
หลายหลัง เพื่อค้นหาเบาะแส สองวันถัดมา เชี่ยวเสวียนฉินเหนื่อยล้าขณะ
นั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งฉิน หยุนนํ้าออกมาให้ สํารวจอยู่สองวัน พวกเขามั่นใจว่า
ที่นี่ไม่มีอันตรายใด ดังนั้นจึง ไม่คิดใช้พลังเงาอีก
“ไม่มีอะไรเลย!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจ
“เหตุใดพวกเรา จึงยังไม่ออกไป!” ฉินหยุนนั่งยองกับพื้น นําเอาแผ่นหนัง
สัตว์ที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยม ออกมา เขาเริ่มวาดบ้านหินในแผ่นหนังสัตว์ที่ว่าง
เปล่าแล้วจึง กล่าว
“ได้เรื่องแล้ว! ตําแหน่งของบ้านหินที่นี่มันมีรูปแบบ ให้ ข้าได้ยืนยันเรื่องนี้
ก่อน”
ตอนที่ 261 ตําหนักใต้ดินแห่งสุสานราชวงศ์
เชี่ยวเสวียนฉินเดินไปมาอยู่ข้างกายฉินหยุน นางอดไม่ได้ร้อง อุทานออก
ยามเมื่อพบแผ่นหนังสัตว์ซึ่งมีลายเส้นและจุดอยู่เต็ม ไปหมด “นี่เรื่องจริง
หรือ? แล้วผังจารึกนี่ใช้ทําอันใด?”
“ข้ายังไม่ทราบ แต่น่าจะเป็นกลไกซุกซ่อนเอาไว้! เหตุผลว่า ทําไมถึงติดตั้ง
เอาไว้แบบนี้ ก็เพื่อเข้าถึงแกนกลางของสุสาน แกนกลางคงอยู่เพื่อเป็น
แหล่งพลังงานแก่อาคมขนาดใหญ่ ภายในสุสาน”
นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉินหยุน เขาได้ข้อสรุปนี้ออกมา โดยอาศัย
พื้นฐานจากตําราที่เคยอ่าน อาคมวิญญาณขนาด ใหญ่จํานวนมาก มักจะ
มีแกนกลาง
ยกตัวอย่าง นครหลวงแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน แกนกลางของ ม่านพลัง
ป้องกัน ตั้งอยู่ในส่วนลึกของพระราชวังหลวง ตามปกติ เพื่อให้อาคม
ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับแกนกลางได้ดี มัน จะต้องมีรูปแบบซึ่งครบถ้วน
เงื่อนไข ฉินหยุนตอนนี้คาดเดาได้หลายอย่างจากการจัดเรียงบ้านหิน
ตอนนี้เขากําลังวิเคราะห์พวกมันอย่างตั้งใจ เพื่อดูว่าจะหาทาง เข้าสู่ใจ
กลางของอาคมขนาดใหญ่นี้ได้หรือไม่ ผ่านการวิเคราะห์อยู่สองชั่วโมง ใน
ที่สุดเขาก็ได้เบาะแส มือ ตอนนี้พลันวงกลมชี้เข้าที่ตําแหน่งหนึ่งบนแผ่น
หนังสัตว์
“ป้าเชี่ยว ไปตรวจสอบบ้านหินหลังนี้กันดีกว่า” ฉินหยุนชี้ไป ยังจุดหนึ่งบน
แผ่นหนังสัตว์และกล่าว “บางทีน่าจะมีอะไรซุก ซ่อนเอาไว้ในบ้านหินหลัง
นั้น”
เชี่ยวเสวียนฉินมายังสุสานราชวงศ์เทียนเชียว ก็เพื่อตรวจสอบ หา
ความลับที่นี่ เป็นดังนางคาดคิด สุสานราชวงศ์เทียนเซี่ยวมี ความลับ
จํานวนมากซุกซ่อนเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะฉินหยุน ลําพังนางไม่มีทาง
สืบเสาะเบาะแสมาได้
“ได้ ไปกัน!” เชี่ยวเสวียนฉินรับคํา ฉินหยุนถือแผ่นหนังสัตว์ขณะเริ่มนับจุด
ที่วาดเอาไว้ ก่อนจะชี้ ไปยังทิศทางหนึ่ง
“แถวนี้ บ้านหินหลังที่ห้า” อย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินถึงและเข้าในตัวบ้าน
ด้วยหินส่อง แสงสาดส่องภายใน จากนั้นจึงเปิดฝาโลง เมื่อพิจารณาให้ถี่
ถ้วนแล้ว พวกเขาจึงไม่พบอะไรเลย
“หรือจะอยู่ด้านล่างโลงหยกแก้วนี้?” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว โดยทันที ฉิน
หยุนใช้พลังจิต เคลื่อนโลงหยกแก้วออกพ้นจาก ตําแหน่งเดิม เดินเข้าไป
เคาะแผ่นหินเบื้องล่าง
“พวกเราสํารวจบ้านหินหลังนี้แล้ว ไปสํารวจข้างเคียงดีกว่า” เชี่ยวเสวียน
ฉินกล่าว
“ตามแผ่นหนังสัตว์ของเจ้า มีเป้าหมายที่ ต้องสํารวจนับสิบ พวกเราเพียง
ต้องอดทน สํารวจพวกมันไปที่ ละหลัง อะไรบางอย่างที่ค้นหาจะต้องพบ
เจออย่างแน่นอน”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ เดินออกจากบ้านหิน มุ่งหน้าสู่บ้าน เป้าหมายหลัง
ถัดไป ในอีกราวหกชั่วโมงให้หลัง พวกเขาสํารวจพิจารณาบ้านหิน ทั้งสิ้น
สิบสองหลัง
ทว่าไม่มีหลังใดมีเบาะแสเลย ตอนนี้พวกเขา เหลือบ้านหินเพียงสามหลังที่
ยังไม่ได้ตรวจค้น เมื่อสํารวจบ้านหลังที่สิบสาม ขยับเคลื่อนโลงหยกแก้วที่
หนัก ออกพ้น พวกเขาจึงพบแผ่นหินที่พื้นซึ่งแตกต่างออกไป โดยเฉพาะ
เมื่อนําไม้เคาะลงไป เสียงที่สะท้อนกลับมาแสดงให้ เห็น ว่าภายในกลวง
เปล่า
“เจอแล้ว!” ฉินหยุนยินดี เขายกแผ่นหินจากพื้นขึ้น หลังแผ่นหินถูกยกขึ้น
มา เบื้องล่างคือหลุมว่างเปล่า มีกุญแจสี ทองวางเอาไว้ด้านใน เขาจึงใช้
พลังจิตยกกุญแจสีทองดังกล่าว ขึ้นมา รูปลักษณ์ของกุญแจคล้ายคลึงกับ
ที่พวกเขาใช้เพื่อเข้ามาคราว แรก ชัดเจนว่านี่ต้องเอาไว้ใช้เปิดประตูพิเศษ
“แล้วจะใช้กุญแจนี้ที่ใดดี?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม ฉินหยุนส่ายศีรษะ
“ยังไม่อาจทราบ แต่พอจะเดาได้บ้าง กุญแจ นี้จะต้องนําไปสู่แกนหลักของ
สุสาน”
“หรือจะเป็นบ้านที่เจ้าทําสัญลักษณ์เอาไว้บนหนังสัตว์?” เชี่ยว เสวียนฉัน
พูดขณะมองแผ่นหนังสัตว์ในมือฉินหยุน,
“น่าจะ ไปดูกันก่อนดีกว่า” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“ในที่สุดก็ได้เริ่ม กันเสียที” หลังค้นพบกุญแจสีทอง เชี่ยวเสวียนฉันมี
ความหวังขึ้นมาบ้าง ลืมเลือนเรื่องความสูญเปล่าต่อบ้านหินหลายสิบหลัง
ก่อนหน้านี้ หากเป็นนางเพียงลําพัง ต่อให้ค้นหาอย่างไรในบ้านหินทั้งหมด
ในที่นี้ ก็คงไม่มีทางพบอันใดผิดปกติอย่างแน่นอน
พวกเขาได้แต่อดทน เข้าบ้านหินที่ละหลังซึ่งทําสัญลักษณ์ เอาไว้บนแผ่น
หนังสัตว์ ถือกุญแจสีทองเดินไปมา กระทั่งเคาะ ทั่วทุกที่เพื่อดูว่ามีประตู
ให้เปิดหรือไม่
เมื่อมาถึงบ้านหลังที่หก ขณะสัมผัสกับพื้นเบื้องล่างโลงหยก แก้วด้วย
กุญแจ พื้นเริ่มจมลงไป
“มีการตอบสนอง!” ฉินหยุนตะโกนขึ้นตื่นตกใจ แผ่นหินเบื้องล่างโลงหยก
แก้วกว้างถึงสองเมตร ยาวสามเมตร มันค่อย ๆ เคลื่อนลงไป ไม่ช้า มัน
เคลื่อนลงมากว่าสิบเมตรแล้ว และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“พวกเราขึ้นไปยืนให้มันลงไปเรื่อย ๆ ดีหรือไม่?” เชี่ยวเสวียน ฉันถาม
“อาจต้องทําเช่นนั้น ไปดูกันดีกว่า!” ฉินหยุนหันมองเชี่ยว เสวียนฉิน เป็น
การขออนุญาตก่อนลงมือ
“ไปกัน!” เชี่ยวเสวียนฉินจับมือฉินหยุนไว้ กระโดดลงบนแผ่น หินขณะ
เคลื่อนลงไปเรื่อย ความเร็วที่แผ่นหินลดระดับตํ่าลงเป็นไปเชื่องช้ายิ่ง ไม่
ทราบว่า ด้านล่างนี้ลึกเพียงใด
เชี่ยวเสวียนฉินเคาะเท้ารุนแรงบนแผ่นหินขณะเอ่ยคํา “แผ่น หินนี้หนาไม่
น้อย ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเคาะมันไปแล้ว แต่ กลับไม่พบว่าจะมีกลไก
ลึกลับแบบนี้อยู่ด้วย”
“ผู้สร้างที่นี่มีเจตนาอันใดกันแน่? เหตุใดต้องซ่อนกุญแจสีทอง? สถานที่ซึ่ง
กุญแจสีทองซ่อนเอาไว้ คล้ายไม่เคยถูกเปิดมานาน ยิ่ง” ฉินหยุนเอ่ย
เชี่ยวเสวียนฉินมองหินส่องแสงในมีอนางขณะนั่งยองลง นาง เอ่ยคํา “ฉิน
หยุน หากข้าไม่พาเจ้ามาด้วย ข้าคงตายตั้งแต่ที่โถง หลักแล้ว! ไม่แปลกใจ
เลยที่เย่ว์หลานบอกให้พาเจ้ามาไม่ว่าจะ ด้วยอะไรก็ตาม เป็นนางทราบดี
จริง ๆ”
“เป็นเช่นนั้น หากนางไม่ทราบว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด นางไม่ ตอแยข้าจน
ตายหรือ?” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มรับคํา เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ
“เย่ว์หลานเป็นเด็กดี เป็นเจ้าไม่ชอบ นางหรือ? หากนางทราบว่าเจ้าคิดต่อ
นางเช่นนั้น ชักสงสัยแล้ว ว่านางจะมีโทสะเพียงใด!”
“ป้าเชี่ยว อย่าได้บอกเรื่องนี้ต่อนาง! เป็นข้าพูดเล่นเรื่อยเปื่อย” ฉินหยุนก
ล่าวคําโดยทันที
“หากท่านบอกเรื่องนี้ต่อนาง ข้าจะ บอกนางว่าข้าเป็นคนรักเด็กของท่าน”
เชี่ยวเสวียนฉินหันมองควับที่ฉินหยุน นางพยายามซ่อนความ ขึ้นขมเอาไว้
ขณะแค่นเสียงเบากล่าวออกมา
“เลิกพูดถึงเรื่องนี้ ได้แล้ว!” “ป้าเชี่ยวอย่าได้มีโทสะ ข้าเพียงกล่าววาจา
หยอกล้อ แท้จริง เย่ว์หลานรู้จักข้าเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง ครั้งข้าท้าทาย
เชี่ยวห ยางหลง นอกจากนางแล้วไม่มีผู้ใดสนับสนุนความเห็นข้า ไม่มี ใคร
เชื่อว่าข้าสามารถโค่นล้มเชี่ยวหยางหลง” ฉินหยุนตอบ กลับ
“พวกเจ้าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก จริงด้วย เสี่ยวเย่ว์เหม่ยก พอกันเลย”
เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยคําอย่างเสียมิได้ “คิดว่ากลุ่ม พวกเจ้าสามคน จะต้องมี
ความสามารถทะลวงถึงสวรรค์ได้ อย่างแน่นอน”
ขณะฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินสนทนากันไปเรื่อย แผ่นหิน พลันหยุด
“หยุดเสียที ดูนั่น ตรงนั้นมีประตู!” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยคําขณะ ใช้หินส่อง
แสงในมือมองไปยังกําแพงหิน แผ่นหินนี้ คล้ายมีหน้าที่เพื่อนําส่งผู้คนที่มี
กุญแจสีทองขึ้นลง ฉินหยุนนําเอากุญแจสีทองออก แตะสัมผัสที่ประตู
ด้วยเสียง "ครึก ครึก ครึก” ดังขึ้น ประตูค่อย ๆ เปิดออกเชื่องช้าด้วยตัวของ
มันเอง
เมื่อประตูหินเปิดออก จึงปรากฏเป็นระเบียงทางเดินยาว ภายในล้วนมืด
สนิท ฉินหยุนควบคุมหินส่องแสงลอยตรงหน้า มุ่งเข้าไปในระเบียง
ทางเดินก่อนจะนําเชี่ยวเสวียนฉินเข้าไป ระเบียงทางเดินแห่งนี้ยิ่งเดินเข้า
มายิ่งเย็นเยือก สายลมเย็นวาบ ก็พัดผ่านเช่นเดียวกัน
“หนาวพอสมควร ไม่คิดเลยว่าในนี้จะมีอากาศเย็นขนาดนี้ได้” เชี่ยวเสวียน
ฉินตัวสั่น นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้พลัง ภายในต้านทานความ
หนาว ที่แปลกก็คือ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากเพียงใด มันก็ยิ่งหนาว เย็น
มากขึ้นเท่านั้น กระทั่งระดับเซียวเสวียนฉิน ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต่ยัง
แทบ ไม่อาจทานทน ร่างของนางค่อย ๆ สั่นทีละน้อย
“ป้าเชี่ยว ท่านทนต่อพลังความเย็นนี้ไม่ไหวหรือ?” ฉินหยุน รู้สึกได้ว่านิ้ว
มือที่สัมผัสกับของตนอยู่นั้นเย็นไม่น้อย เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้า
“แล้วเจ้าเล่า? หากพวกเราทนไม่ได้ ก็มีแต่ต้องกลับไป!”
“ข้าสบายยิ่ง! มา จับมือซ้ายข้าไว้ดีกว่า” หลังจากฉินหยุน เปลี่ยนมือ เขา
จึงส่งพลังภายในอสนีบาตอัคคีเขาสู่ร่างของ เชี่ยวเสวียนฉินผ่านทางฝ่า
มือ
ด้วยวัชระพลังภายในไหลเวียนไปทั่วร่างเชี่ยวเสวียนฉิน นาง ค่อยรู้สึกอุ่น
และสบายขึ้น อาการหนาวถูกกําจัดออกหมดสิ้น นางอดไม่ได้ร้องอุทาน
กล่าวชม “เปลวเพลิงของเจ้ายอดเยี่ยม นัก!”
ฉินหยุนยิ้ม “ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว!” ทั้งร่างเชี่ยวเสวียนฉินอบอุ่นขึ้นมา
เมื่อนางนึกถึงความสบาย ตัวตอนนี้ว่าเป็นเพราะฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่
จะเกิดความคิด สับสนวุ่นวายไปมาภายในใจ
“อืม ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจอยู่ภายใน ภายในหัวใจ
ของนางตอนนี้ มันมีอารมณ์ความรู้สึกราวเปลว เพลิงที่ไม่อาจมอดดับ
ทั้งสองเดินเข้าไปเชื่องช้า โดยหลักก็เพื่อความปลอดภัย ดังนั้น แล้วพวก
เขาจึงต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมง ก่อนจะเดินออกพ้น ระเบียงทางเดินยาว
ถึงห้องหินวงกลม
ห้องหินแห่งนี้ กว้างกว่าสิบเมตร ไม่มีทางเดินไปที่ใดอีก มันคือ จุดสิ้นสุด
ของทางเดินแล้ว ที่ตรงกลางของห้องหิน มีเสาผลึก แก้วหนาสองเมตร
ตั้งอยู่ เสานี้ส่องประกายแสงและเปลวเพลิงสีขาวอัดแน่นอยู่ภายใน หาก
สํารวจมองให้ดี จะพบว่าพวกมันมีอักขระจํานวนมาก แกะสลักเอาไว้บน
เสาผลึกแก้ว
“เสานี้คือแหล่งพลังงานของค่ายอาคมขนาดใหญ่!” ฉินหยุนก ล่าว เชี่ยว
เสวียนฉินสํารวจมองด้านในเสาผลึกแก้ว นางกล่าวออก ด้วยความผิดหวัง
“แท้จริงแล้วสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวซุก ซ่อนอะไรไว้กันแน่? จะบอกว่ามี
แค่นี้งั้นหรือ?”
“นี่สมควรเป็นสถานที่ลับที่สุดของสุสานแล้ว ส่วนเรื่องศพ เหล่านั้นหายไป
ที่ใด ข้าเกรงว่าจะยังเป็นความลึกลับต่อไป” ฉินหยุนถอนหายใจ
“ป้าเชี่ยว พวกเราควรทําลายสุสาน ราชวงศ์เทียนเชี่ยวดีหรือไม่?”
เชี่ยวเสวียนฉินพลันขมวดคิ้ว นางไม่ได้ตอบในทันที เป็นนางมองไปที่เสา
ผลึกแก้วและจมดิ่งในความคิด ผ่านการคิดไปพักหนึ่ง นางค่อยเอ่ยคํา
“ปล่อยไว้ก่อน กุญแจ ยังอยู่ในมือพวกเรา ในอนาคตย่อมสามารถเข้ามา
ได้อีกครั้ง”
“ขอรับ!” ฉินหยุนเองก็รู้สึกว่าสุสานแห่งนี้เหมาะเป็นที่ลี้ภัยชั้น ดี มัน
สามารถสกัดหมีป่าด้านนอกประตูเอาไว้ได้อย่างไม่สะทก สะท้าน แต่แล้ว
ขณะฉินหยุนสํารวจมองที่อื่น เชี่ยวเสวียนฉินพลัน ตะโกนขึ้น
“ฉินหยุน มาดูตรงนี้หน่อย มีอะไรอยู่ข้างใน!” เชี่ยวเสวียนฉินจ้องมองแต่
เสาผลึกแก้วตลอดเวลา ทั้งยัง สํารวจมองอย่างจริงจัง ฉินหยุนเพียงมอง
ผ่านก่อนจะเดิน สํารวจทั่วห้องหิน ฉินหยุนเร่งรีบไปตามเสียงเรียก
“อะไรกันขอรับ? เหตุใดข้าไม่เห็นอะไรเลย?” ฉินหยุนเพียงเห็น แต่เปลว
เพลิงสีขาวที่เผาไหม้อยู่
“ดูนั่น... บอลแสงสีขาวลอยอยู่โดยมีเปลวเพลิงโอบล้อม” เชี่ยวเสวียนฉิน
ชี้ไปยังตําแหน่งหนึ่งด้านในเสาผลึกแก้ว เฉินหยุนเข้าไปมองให้ใกล้ขึ้น ไม่
ช้า เขาจึงได้เห็นบอลแสงสีขาว ขนาดราวกํามือ กําลังลอยขึ้นลงอยู่ภายใน
เสาผลึกแก้ว และใน บอลแสงสีขาวก็คล้ายจะมีอะไรบางอย่างอยู่
“มันไม่เหมือนว่าจะเป็นของที่ควรอยู่ด้านในนะ เจ้าเอามัน ออกมาได้หรือ
เปล่า?” เชี่ยวเสวียนฉันเอ่ยถาม
“เหมือนที่จะ เป็นอะไรเกินพวกเราคาดคิดแล้ว เสาผลึกแก้วนี้เปี่ยมด้วย
พลังงาน มันหล่อเลี้ยงโดยพลังงานมหาศาลตลอดหลายปี สิ่ง นั้นจะต้อง
น่าสนใจไม่น้อยแน่”
ตอนที่ 262 ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต
ฉินหยุนมองสิ่งที่อยู่ด้านในเสาผลึกแก้ว เขารู้สึกคันที่หัวใจแต่ ยากจะเกา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการนําสิ่งที่อยู่ในเสาผลึกแก้ว ออกมาโดยไม่ทําลาย
มัน
“หากพวกเราสามารถหลีกเลี่ยงการทําลายเสาผลึกแก้วได้จะดี ที่สุด เสานี้
คือรากฐานสําคัญของสุสาน หากมันถูกทําลาย พลัง ป้องกันที่แข็งแกร่ง
ของสุสานก็จะหายไปด้วย”
เซี่ยวเสวียนฉิน เองก็อยากทราบว่าด้านในนั้นคือสิ่งใดกันแน่ ฉินหยุน
เข้าใจความหมายของเชี่ยวเสวียนฉิน นางไม่ปรารถนา ทําลายสุสาน
ราชวงศ์ เพราะนางรู้สึกว่าที่นี่คือสถานที่อันดี เหมาะแก่การหลบภัยใน
อนาคต
เขามองที่เสาผลึกแก้วแล้วกล่าว “ขอข้าคิดก่อน บางที่อาจมี ทางอื่น”
เขายื่นมือออก กดลงที่เสาผลึกแก้ว รู้สึกถึงความเย็น อย่าง กะทันหัน เขา
พลันนึกถึงระเบียงทางเดินที่เย็นเยียบ เป็นไปได้ ว่าเสาผลึกแก้วนี้จะส่ง
ถ่ายความเย็นรุนแรงออกมา ฉินหยุนคิดว่าห้องหินทรงกลมแห่งนี้หาได้
เย็นไม่ เป็นไปได้มา กว่าอากาศเย็นเหล่านั้นถูกปลดปล่อยจากที่อื่น
“ให้ข้าลอง น่าจะใช้กุญแจสีทองนี้ได้!” ฉินหยุนนําเอากุญแจสี ทองออก
กดลงที่เสาผลึกแก้ว มันกลับเข้าไปในผลึกแก้วได้ ง่ายดาย จากนั้น แขน
ของเขาก็จมลงไปในเสาผลึกแก้วเช่นเดียวกัน! “มีอันตรายใดหรือไม่?”
เชี่ยวเสวียนฉินตกใจเร่งรีบเอ่ยถาม
“ยังสบายดีอยู่ พลังภายในค่อนข้างพิเศษ ไม่อาจดูดกลืน ออกมาได้
นอกจากนี้ยังไม่ส่งผลกระทบใดต่อตัวข้าด้วย” ฉิน หยุนไม่คิดเลยว่า
กุญแจสีทองจะมีประโยชน์มากเพียงนี้
อย่างรวดเร็ว เขาคว้าเอาวัตถุด้านในเสาผลึกแก้วออกมา
“เป็นบอลผลึกแก้ว เหมือนด้านในจะมีอะไรผนึกไว้อยู่!” ฉิน หยุนสํารวจ
มองบอลผลึกแก้วที่นําออกมา เป็นเขากล่าวด้วย ความตื่นเต้น
“อะไรอยู่ข้างในกันนะ?” “ทรงกลมสีขาวอยู่ด้านในบอลผลึกแก้ว หรือจะ
เป็นวิญญาณ ยุทธ์?” เชี่ยวเสวียนฉินจ้องมองลูกแก้วในมือฉินหยุน “แต่
มัน เป็นวิญญาณยุทธ์ระดับใดกันเล่า? ผลึกแก้วนี้วิจิตรงดงามนัก ทั้งยัง
ปลดปล่อยแสงสีขาว หรือจะเป็นวิญญาณยุทธ์ผลึกแก้ว? แต่ระดับของ
วิญญาณยุทธ์ทั้งหมดไม่น่าจะมีอะไรสัมพันธ์กัน เลยนี่!”
“ข้าไม่อาจทราบ อาจจะใช่หรือไม่ใช่วิญญาณยุทธ์ก็ได้!” ฉิน หยุนคิด
เช่นเดียวกันนี้แต่ยังไม่กล้ายืนยัน เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวเร่ง
“งั้นก็รีบนํามันออกมารับชม! ภายใน ต้องเป็นสิ่งพิเศษมากแน่ มันดู
เหมือนจะเป็นปากกาด้ามสั้นเลย”
ทว่า ปากกานี้กลับคมกริบ ไม่นับว่ายาวหรือว่าสั้นมากเท่าใด นัก ขนาด
ประมาณนิ้วมือ ทั้งยังแกะสลักขึ้นจากหยกสีขาว มัน ทั้งเล็กและวิจิตร
งดงาม เขานําเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา พยายามสัมผัสบอลแสงสี
ขาวที่คิดว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ แต่ชั่วขณะที่พลังจิตสัมผัสบอล แสงสีขาว
แสงสว่างพลันสว่างวาบขึ้น เมื่อแสงเลือนหาย มวลของวิญญาณคล้าย
ร่างกาย เกิดขึ้นเป็น ร่างปากกาหยกสีขาวขึ้นมาด้ามหนึ่ง!
“นี่คล้ายจะเป็นการผสมผสานทางธรรมชาติของวิญญาณยุทธ์ และ
อุปกรณ์วิญญาณ!” ฉินหยุนกล่าวคําด้วยความอึ้ง รอยแยกปริแตกปรากฏ
ที่บอลผลึกแก้ว เป็นมันที่แตกออกด้วย ตัวของมันเอง ท้ายที่สุด ฉินหยุนจึง
ได้รับปากกาหยกสีขาวด้ามเล็กมา
“นี่ เป็นอุปกรณ์วิญญาณหรือ? ไม่สิ ผังจารึกนี้ค่อนข้าง ซับซ้อนยิ่งนัก!”
ฉินหยุนเพียงสัมผัสมันก่อนยืนยันได้ จากนั้น จึงใช้พลังจิตพิจารณามัน
อย่างถี่ถ้วน เพียงอึดใจ เขาจึงได้พบว่ามีผังจารึกมากมายอยู่ภายในด้าม
ปากกา ทว่า เขาไม่อาจยืนยันถึงระดับของผังจารึกได้
“นี่อย่างน้อยต้องเป็นผังระดับลึกลํ้า!” เขาร้องอุทาน มีผังลึกลํ้าแกะสลัก
เอาไว้ หมายความถึงนี่เป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า!
“เร็วเข้า รีบหยดเลือดไป!” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว
“ขอรับ!” ฉินหยุนหยดเลือดของตนเองลงไป โลหิตสดใหม่ซึมซับเขาสู่
ปากกาหยกสีขาวและหายไปอย่าง รวดเร็ว จากนั้น หยกสีขาวจึง
ปลดปล่อยประกายแวววาวโปร่ง แสงออกมา “ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต
และจารึกวิญญาณ กับราชันสัตว์...”
หลังจากฉินหยุนหยดเลือดลงไป โดยทันทีเขาจึงทราบว่านี่คือ อุปกรณ์ลึก
ลํ้าแน่แท้แล้ว เขายังเข้าใจว่าเหตุใดปลายปากกาจึง หนักและแหลมคม
เพราะมันคือมีดแกะสลัก! นอกจากนี้ เขายังอ่านข้อมูลอื่นจากปากกาลึก
ลํ้าสะท้อนจิต นามของมันคือ
“จารึกวิญญาณ” และ “ราชันสัตว์” สองสิ่งนี้ ทําเอาเขาเกิดความสงสัย
เพื่อฝังข้อมูลเอาไว้ภายในปากกาลึกลํ้า มันต้องเป็นสิ่งที่สําคัญ อย่างมาก
“ไม่ใช่ว่าเหมาะกับเจ้าไปเลยหรือ?” เชี่ยวเสวียนฉันเอ่ยถาม ฉินหยุนเป็น
อาจารย์จารึก หากเขามีมีดแกะสลักที่ดี ก็จะยิ่งทํา ให้เขาสามารถวาดผัง
จารึกได้ดีขึ้นและง่ายขึ้น
“เหตุใดจึงเก็บมันเอาไว้ในเสาผลึกแก้ว? เป็นผู้ใดที่ใส่มัน เอาไว้? นี่ถือเป็น
อุปกรณ์ลึกลํ้าที่ดียิ่ง! แล้วเรื่องจารึกวิญญาณ กับราชันสัตว์คืออันใดกัน?”
ฉินหยุนมองปากกาในมือขณะ อุทานชื่นชม
“ข้าสงสัยนักว่าอุปกรณ์ลึกลํ้านี้อยู่ระดับใด! อุปกรณ์ลึกลํ้าที่ดี จําเป็นต้อง
มีพิมพ์เขียวจึงสามารถทําได้ หาก นี่เป็นมีดแกะสลักลึกลํ้าชั้นเลิศ เช่นนั้น
แล้วพิมพ์เขียวของมัน จะยิ่งมีมูลค่ามหาศาลขึ้นไปอีก” เชี่ยวเสวียนฉิน
กล่าว
“ข้าเองก็ไม่ทราบว่าจารึกวิญญาณคืออัน ใด ถึงกับนําอุปกรณ์ลึกลํ้ามาไว้
ในที่แบบนี้ บุคคลดังกล่าวต้อง เหนือลํ้าเกินจินตนาการถึงแน่” ฉินหยุนพ
ยักหน้า
“เมื่อใดที่ข้าเข้าใจ ข้าจะบอกต่อท่าน ถึง ตอนนั้นอาจพบเบาะแสอื่นที่
เกี่ยวข้องกับสุสานแห่งนี้”
“แต่ตอนนี้พวกเราควรออกไปกันได้แล้ว ที่นี่ไม่น่าจะเหลืออะไร ให้สํารวจ
อีก” เซียวเสวียนฉันมองรอบด้านและถอนหายใจเบา กระทั่งตอนนี้ นางก็
ยังไม่ทราบความลับของสายเลือดตระกูล เชี่ยว
“ภายนอกมีหมีป่าอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเราจะออกไป ได้!” ฉิน
หยุนยิ้ม เชี่ยวเสวียนฉันเพิ่งนึกได้ ว่าภายนอกมีฝูงหมีป่า ทําเอานาง ปวด
หัว เผยสีหน้าอับจนและกล่าวออก
“ได้แต่สู้บุกฝ่าออกไป แล้ว หากไม่ไหว ข้าจะลอความสนใจหมีป่าพวกนั้น
แล้วเจ้า ค่อยหนีไป!”
“ป้าเชี่ยว ข้าเพิ่งได้รับปากกาลึกลํ้า ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ ลองทํา
ยันต์!” ฉินหยุนโบกปากกาหยกขาวงดงามในมือไปมา ให้เห็น มันเป็นมีด
แกะสลักที่รูปลักษณ์คล้ายปากกา
“เจ้าคิดขัดเกลายันต์ใดเล่า?” เชี่ยวเสวียนฉินทราบว่าฉินหยุน สามารถทํา
ยันต์สะกดกายที่ทรงพลังอํานาจขึ้นได้
“ยันกระดูกชั้นเลิศ เป็นยันต์สะกดกาย!” ฉินหยุนนําเอากระดูก สัตว์อสูร
ระดับวิญญาณจํานวนหนึ่งออกมา ได้ยินดังนี้ เชี่ยวเสวียนฉินแตกตื่น
“นี่เจ้าสามารถขัดเกลายันต์ วิญญาณชั้นเลิศได้แล้วหรือ?”
“ขอรับ ไม่ได้หรือ?” ฉินหยุนนําเอาเตาหลอมและแท่นหลอม ออกมาขณะ
ยิ้มรับ
“นี่ เจ้าเพียงเป็นอาจารย์จารึกระดับต้น ยันต์วิญญาณ ระดับกลางถือเป็น
เรื่องยากแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าคิดกลับทํายันต์ วิญญาณชั้นเลิศ?” เชี่ยว
เสวียนฉันยังคงสับสน ฉินหยุนนําเหรียญตราสีทองออกมายิ้มรับ
“ป้าเชี่ยว ตอนนี้ข้า เป็นอาจารย์จารึกระดับสูงแล้ว!” แน่นอนว่า เชี่ยว
เสวียนฉินย่อมทราบถึงตรานี้ กระทั่งจักรพรรดิ ยังต้องให้ความเคารพแด่
อาจารย์จารึกที่ครอบครองเหรียญตรา
นางจดจําได้ ครั้งนางยังเด็ก เคยมีอาจารย์จารึกระดับนี้มาเยี่ยม เยือน
เป็นองค์จักรพรรดิที่จัดงานฉลองครั้งใหญ่ ให้การต้อนรับ อย่างเอิกเกริก
ฉินหยุนยิ้มกว้าง ส่งเหรียญตราแก่เชี่ยวเสวียนฉิน นางอึ้งไปวบ ก่อนรับมัน
ไว้
“อาจารย์จารึกที่ครอบครองเหรียญตรานี้ถือว่าพิเศษยิ่ง เพียง ถือมันไว้ใน
มือ ข้าก็รู้สึกได้ถึงเจตนาแรงกล้าของเหรียญตรา เป็นมันคิดอยากกลับคืน
สู่มือของเจ้าของ” เชี่ยวเสวียนฉินจับ เหรียญตราเอาไว้แน่น ไม่อย่างนั้น
มันคงบินกลับไปหาเจ้าของแล้ว
เมื่อนางปล่อยมือ เหรียญตราจึงกลับคืนสู่ฉินหยุน ฉินหยุนคว้าเหรียญตรา
ไว้และเก็บไป เขายิ้มกล่าว “ป้าเชี่ยว ตอนนี้ท่านคงวางใจแล้ว ข้าสามารถ
ขัดเกลายันต์สะกด วิญญาณชั้นเลิศได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลา พวกเรา
เพียง สะกดสัตว์อสูรระดับวิญญาณสักหลายวินาทีก็เรียบร้อย”
“เจ้าช่างน่ากลัวนัก อายุเพียงสิบเจ็ด แต่กลับได้เป็นอาจารย์ จารึก
ระดับสูงแล้ว!” เซียวเสวียนฉันร้องอุทานออก
“จริงด้วย ยันต์วิญญาณชั้นเลิศ สมควรมีแต่อาจารย์จารึกระดับวิญญาณ
ที่สามารถทําได้ไม่ใช่หรือ?”
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น