ในสนามประลอง อาจารย์จารึกเฒ่าชราหลายคน ต่างมองฉัน หยุนอย่าง
ไม,อาจเชื่อสายตา โดยเฉพาะอาจารย์จารึก ผูซึ่ง ปรามาสและเหยียด
หยามเขาก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเผยสี หน้าแดงกา!
ปีศาจตัวน้อยที่พวกเขาเพิ่งปรามาส ปีศาจตัวน้อยที่พวกเขา นึกว่ามา
เที่ยวเล่น กลับนำหน้าพวกเขา!
จ้าวฉวนยิ้มบาง “คนงานเพียงแต่เห็นสิ่งตรงหน้า มีแต่มือ อาชีพจึงได้เห็น
ความจริง! ความร้อนของเปลวเพลิงที่ฉินหยุน ปล่อยออกมาอ่อนจางที่สุด
ก็เพราะเขารวบรวมพวกมันเอาไว้ แน่นหนาเพื่อเผาไหม้เหล็กวิญญาณ
และกระดูก ถือเป็นวิธี ควบคุมไฟที่ยอดเยี่ยม เป็นเขาไม่ปล่อยให้คลื่น
ความร้อนหลุดรอดออกมา ตังนั้นพวกเราจึงไม่ทราบ ว่าเขาควบคุมคลื่น
ความ ร้อนของเปลวเพลิงเอาไว้ที่ตัววัสดุ!”
พอทุกคนได้ยินดังนี้พวกเขาค่อยกระจ่างแจ้ง ทั้งลอบร้อง อุทานตื่นตกใจ
ความสามารถในการควบคุมเปลวเพลิงของฉินหยุน แท้จริงถึง ขั้น
เหนือกว่าอาจารย็จารึกระดับกลางและสูงทั้งหลาย เรื่องนี้ทำเอาผู้คน
สับสน!
อย่างไรแล้ว การควบคุมไฟ ไม่ใช่เพียงแค่ชาวันและคืนจึงนึก สำเร็จ โดย
หลัก จะมีก็แต่ผู้อาวุโสที่นึกมานานหลายปียิ่งจึงค่อย ทำได้!
อันที่จริง ก็มีผู้อาวุโสหลายท่านที่นี่มีนึมือควบคุมเปลวเพลิง ทว่า ฉินหยุน
ล้วนเหนือกว่าพวกเขา ไม่เพียง แต่ทำให้ผู้ชม สับสน กระทั้งทำให้อาจารย์
จารึกหลายท่านต้องประหลาดใจ!
จึงกลายเป็นที่ทราบ ว่าความสามารถควบคุมเปลวเพลิงของ เธินหยุน
เหนือลํ้ากว่าพวกเขาระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่มีความสามารถกว่า
ไม,เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางก้าวหน้าเหนือ พวกเขาจนเข้าลิกระบวนการทุบ
หลอมได้ก่อน
ที่มุมหนึ่ง ตู้กำยหัวเราะกล่าวออก “ฉินหยุนเรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม
จากข้า ตอนนี้เขาสามารถใช้เคล็ดวิชาเทาะควบคุม เปลวเพลิง เป็นเรื่อง
ปกติที่จะควบคุมพวกมันได้เหนือกว่า ผู้อื่น!”
ตู้ก่ายมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะอาจารย์วิชายุทธ์พลังจิต ทุกคน ต่างทราบ
ว่าฉินหยุนเป็นลูกศิษย์ของเขาครั้งยังอยู่ที่สถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียน! พลังจิต
ของฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่ง ทุกคนล้วนรับทราบความจริง เรื่องนี้!
พอได้ยินคำกล่าว ทุกคนต่างลอบลิง พวกเขาไม่คิด ว่าวิชาเทวะควบคุม
สามารถใช้งานในลักษณะนี้ได้ด้วย! บรรดาอาจารย์จารึกต่างอดใจไม,ไหว
ที่จะได้เรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม หากเรียนได้พวกเขาจะควบคุมเปลว
เพลิงได้ดีกว่า
“อ่าอ่า ตัวโง่เขลาผู้ใดกล่าวว่าฉินหยุนเพียงมาวิ่งเล่น? ผูใด กล่าวกันว่าฉิน
หยุนก็แค่เข้าร่วมการแข่งขันจารึกเพื่อขำขัน? ช่างเป็นผู้ด้อยสติป้ญญา
โดยแท้คิดพยายามสะกดข่มผู้เยาวท เหนือกว่าตนเองเสียได้”
มู่หรงต้าเหรินตะโกนเสียงดังกล่าวเย้ย หยันอย่างอาจหาญ บรรดาผู้เฒ่าที่
ปรามาสฉินหยุนเมื่อครู่ พวกเขาอับอ้ายยิ่ง ใบหน้าเฒ่าชราของพวกเขา
ร้อนผ่าวยิ่งกว่าเปลวเพลิง พวก เขาคิดอยากพุ่งไปฉีกกระชากปากของมู่
หรงด้าเหรินให้รู้แล้วรู้รอด
มู่หรงด้าเหรินไม่คิดสงบปากสงบคำ เขายังคงกล่าวต่อ “สวรรค์โปรด
อาจารย์จารึกมากประสบการณ์เหล่านี้กลับต้อง ใช้เวลาไม่น้อย ตอนนี้ยัง
ไม,เริ่มการทุบหลอมด้วยซํ้า เป็น อาจารย์จารึกเหล่านี้หรือไม่ที่เช้าร่วมเพื่อ
ความขำขัน? กระทง เด็กน้อยผู้นั้น ยังเริ่มการทุบหลอมเหล็กวิญญาณ
และกระดูก สัตวชุดที่สองแล้วเลย!”
เป็นม่หรงต้าเหรินกล้าเลี่ยงชีวิตกล่าวปรามาสต่ออาจารย์จารึก ระดับสูง
หลายคน ผู้ที่มาร่วมให้กำลังใจอาจารย์จารึกของตนเอง ต่าง หันหน้า
มองมู่หรงตาเหริน ภายในใจนับเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ พวกเขาแทบมองคิด
กลืนกินมู่หรงตาเหรินให้ตายตกเลยทีเดียว
แท้จริงแล้ว อาจารย์จารึกเหล่านั้นถือว่าไม่เลว ทว่าการ ควบคุมเปลวเพลิง
ของฉินหยุนถือว่าลาหน้าไปมาก มันเหนือลา กว่าความเข้าใจทวไป ดังนั้น
เขาจึงสามารถหลอมเหล็กวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว
ถึงตอนนี้ อาจารย์จารึกหลายท่านเริ่มทุบหลอมเหล็กวิญญาณ และ
กระดูกสัตว์เข้าด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทางหนึ่งพวกเขาลง มืออีกทาง
หนึ่งปลดปล่อยเปลวเพลิงทำการเผาไหม้วัสดุชุด ต่อไป พวกเขาใช้พลังจิต
เพื่อสะกดวัสดุเอาไว้บนแท่นหลอม จากนั้น จึงใช้ความชำนาญทางการ
หลอม เอาความไม,บริสุทธออกไป จากตัววัสดุ จนเกิดขึ้นเป็นวัสดุชิ้นเล็ก
ทุกคนต่างหลงเหงื่อรุนแรง พวกเขาเคร่งเรียด และสนาม แข่งขันก็ร้อนแรง
ปกติอาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้มักถือตัว ศีรษะพวกเขาแทบไม่เคยต้อง
หลงเหงื่อ พวกเขาเหล่านี้ขณะนี้กำลังหลอมวัสดุด้วยความตั้งอกตั้งใจยิ่ง
ตามปกติ อาจารย์จารึกเหล่านี้จะส่งงานจับฉ่ายอย่างการ หลอมวัสดุแก่ผู้
ใต้บัญชา พวกเขาเพียงใช้กระดูกเหล็กกล้าที่ สมบูรณ์แล้ว เพื่อขัดเกลา
เป็นอุปกรณ์วิญญาณ จากนั้นจึงค่อย แกะสลักผังจารึก เพราะการหลอม
วัสดุ ถือเป็นงานที่เหนื่อยหน่ายและน่าเบื่อยิ่ง ไม่ช้า ครึ่งก้านธูปก็ไหม่ไป
เรียบร้อยแล้ว!
ฉินหยุนตอนนี้ได้ทุบหลอมเหล็กวิญญาณและกระดูกสัตวัทั้งหมดเช้า
ด้วยกันทว่ามันก็ยังคงมีขนาดใหญ่ยิ่ง เขาจำเป็นต้องทุบตีพวกมัน
จนกว่าขนาดจะเหลือราวก้อนอิฐ กระนั้น เขาก็ยังถือว่ารวดเร็วที่สุด เมื่อ
อาจารย์จารึกท่านอื่นได้เห็นความรวดเร็วของเขา พวกเขาต่างลอบรูสึก ว่า
คุณภาพคงไม,ดีเท่าใดนักแล้ว
นี่ก็เพราะ รวดเร็วหาได้หมายความถึงคุณภาพที่ดีดังนั้น พวก เขาค่อย
วางใจ พวกเขารู้สึกว่า ตราบเท่าที่พวกเขาทำงานของ ตนทันเวลา
คุณภาพในท้ายที่สุดย่อมเหนือลํ้ากว่าฉินหยุน ฉินหยุนพักผ่อนชวครู่
จากนั้นค่อยสูดลมหายใจเข้าลึก ฉับพลันนี้เอง เขาจึงกำค้อนแน่นด้วยมือ
ทั้งสอง พอทุกคนได้เห็น ท่วงท่า พวกเขาต่างเกิดลางสังหรณ์ไม,ดีขึ้น
เป็นเขากำลังจะใช้มังกรหลอมหกกระบวน กระบวนท่าแรก ฟัาคำราม!
ค้อนร่วงหล่นลงมา เสียงท้าคำรามดังขึ้น สายอสนีบาตสึม'วง ปรากฏ
คำรามแผ่กระจายทุกทิศทาง อสนีบาตอัคดีทองม่วงราวกับมังกรที่ดุร้าย
มันกำลังพลิกตัวบน ทะเลคิดกลืนกินสวรรค์!
I
I
เมือก้อนแรกทุบลงมา ทัวหังสนามแข่งขันสันสะท้าน ผู้คนตกตะลึง!
ออร่าเมื่อครู่นี้ ราวกับเป็นการทุบดีสุดแรงของผู้ฝ็กตน ทุกคนที่ พบเห็น
แทบไม,เชื่อ ว่านี่มาจากเด็กหนุ่มขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า!
หลันฮัวอวี้คืออาจารย์จารึกระดับลึกลํ้า กระนั้นเขาก็ยังต้องไหว หวน
ดวงตานั้นเปียมด้วยความตื่นตกใจยามมองที่ฉินหยุน!
หลันเพิเงจินกาย แข็งที่อ นางเคยเห็นฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาค้อน มาก้อน
กระนั้นนางกลับไม่คิด ว่าพละกำลังแท้จริงของมันจะ น่าสะพรึงได้เพียงนี้!
ม่หรงต้าเหรินกลืนนี้าลาย เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ“นี่คือพลัง
แห้จริงของน้องหยุนหรือ?”
ชินหยุนยังเผยสีหน้าเคร่งเครียด ค้อนในมือกำลังยกขึ้นเชื่องช้า เขา
ปลดปล่อยกระบวนท่าที่สองของมังกรหลอมออก! เมื่อค้อนหลอมปะทะ
เช้ากับกระดูกเหล็กกล้า สายท้าสว่างวาบ ท้าคำรามร้อง ราวกับท้าร้องนับ
หมื่นครั้ง มังกรอสนีบาตนับ หมื่นตัวคำรามร้องโดยพร้อมกัน เสียงนี้ดัง
สนั้น! ฉินหยุนทุ่มสุด แรงลนการทุบค้อนออกไป!
เคล็ดวิชาค้อนนี้ถูกดัดแปลงมาจากวายุสังหาร มันเป็นหนึ่งในวิชายุทธ์ที่
ฉินหยุนชื่นชอบใช้งาน เพราะมันได้หยางฉีเย่วช่วยปรับปรุงมาให้ในช่วง
เวลาที่เขายากลำบาก เป็นหยางฉีเย่วก้าวเดินออกมา อย่างอาจหาญ เมื่อ
เขาไมมัเคล็ดวิชาฝ็กฝนใด หยางฉีเย่ามอบ วิถีหัวใจหยางสีดำแก่เขา ถัด
จากนั้น นางได้ช่วยเหลือเขาหลายต่อหลายอย่าง สอนสง เขาอย่าง
ละเอียดถี่ก้าน กล่าวได้ว่า เขาเป็นหนี้บุญคุณต่อนางชาชีวิต!
ดังนั้น เขาจึงรักชอบการใช้งานมังกรหลอมหกกระบวนที่หยาง ฉีเย่ว
ดัดแปลงให้บางครั้ง หลายต่อหลายคนดูหมื่นต่อเขา เป็นผลให้เขานึก
ย้อน ถึงตอนที่ตนยังเป็นคนที่ไม่ต่างกับผู้พิการคนหนึ่ง ในตอนนั้น เขาไม่มี
ที่พึ่งใด
แต่ตอนนี้เขามีวัชระแก่นภายในทั้งสาม เขาสามารถควบคุม เปลวเพลิง
ทองม่วง และมังกรหลอมหกกระบวนที่หยางฉีเย่วัช่วยทำให้แก่เขาได้!
เขาถือค้อนเอาไว้แน่น นึกย้อนถึงมังกรหลอมหกกระบวน ด้วย อะไรไม่
ทราบ เขารับรู่ถึงความอ่อนโยนของหยางฉีเย่ว้ทำให้ เขาได้รู้สึก ว่าตอนนี้
เอง ว่าตัวเขาไม,ใช่ผูโดดเดี่ยวไร้ความ ช่วยเหลือเหมือนตังเช่นตอนยังเด็ก
อีกต่อไปแล้ว!
กระบวนท่าที่สามของมังกรหลอม แสงไหลหลง!
หัวค้อนทุบลงมาราวอุกกาบาตที่งดงาม มันปะทะเข้ากับเหล็ก วิญญาณ
เบ่งบานออกเป็นประกายไฟนับไม่ถ้วน ราวกับ ดอกไม่ใฟที่ระเบิดออก มัน
งดงามทว่าคงอยู่ได้เพียงชวครู่ สีหน้าของฉินหยุนเคร่งขรึมทั้งยังเปียมด้วย
จิตวิญญาณแห่ง การต่อด้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงแปลก
ประหลาด เขาตอนนี้กำลังตั้งใจกับการส่งออร่าปะทุออก ตอนนี้ไม,มีผูใด
กล้าปรามาสต่อเขา!
ระหว่างกระบวนการหลอม อาจารย์จารึกจะใช้เคล็ดวิชาค้อน ทว่าของ
พวกเขาล้วนธรรมดา สำหรับพวกเขา อาจารย์จารึก เพียงเชี่ยวชาญผัง
จารึกก็พอแล้ว!
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ทราบเคล็ดวิชาค้อนที่ทรงพลัง ที่ สามารถส่งผล
รุนแรงต่อการหลอมวัสดุได้!
ทุกคนที่นี้ ล้านอึ้งซึ่งต่อเคล็ดวิชาค้อนทรงพลังของฉินหยุนกัน ทั้งสิ้น!
ตอนนี้เอง ไม่มีผูใดกล้าปรามาสต่อชินหยุนซีก!
หลังทุบตีอยู่หลายครั้ง กระดูกเหล็กกล้าชิ้นใหญ่ จึงค่อยมี ขนาดหดลงราว
ก้อนอิฐ ชินหยุนเป็นผู้แรกที่หลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงจนสำเร็จ เขา
หันมองฝูงชน กระนั้น ก็ยังไม่ได้เห็นหยางฉีเย่วั เป็นผลให้ เขารู้สึกผิดหวัง
ซีกครั้ง ทว่า เขาก็ปลอบใจตนเอง จะอย่างไรเขาก็ต้องเดินไปให้จนถึงสุด
ทาง!
“ต่อให้อาจารย์ไม่อยู่ที่นี่ เราก็ยังต้องการให้อาจารย์ได้ทราบ ว่าเรา
พยายามอย่างหนักและเติบโตเพียงใดแล้ว!”
ฉินหยุนกำ หมัดแน่น เขามองไปยังกระดูกเหล็กกล้าที่ทำการหลอมขึ้นมา
เขายังไม,สัมผัสชิ้นกระดูกเหล็กกล้า เมื่อทำการหลอมเสร็จสิ้น เขาวางมัน
เอาไว้บนแท่นหลอม รอคอยให้มันเย็นตัวลงเพื่อรอ ทดสอบคุณภาพ
ด้วยวิธีการนี้จะไดไม่มีผูใดสงสัยว่าเขาคดโกง สำหรับอาจารยัจารึกผู้อื่น
พวกเขารู้สึกขุ่นเคืองยามหลอมกระดูกเหล็กกล้า รูปลักษณ์ของพวกเขา
ตอนนี้ดูไม,จืด เพราะ พวกเขาไมมัเคล็ดวิชาค้อนที่ทรงพลังอย่างธินหยุน!
กลุ่มอาจารย์จารึกที่เหลืออยู่ ล้วนคิดกระดึอรึอร้นไล่ตามปีศาจ น้อยที่ตน
ปรามาส หากคุณภาพของพวกเขาด้อยกว่าฉินหยุน เช่นนั้นพวกเขาก็ต้อง
เสียหน้าครั้งใหญ่แล้วหลันเพิเงจินเองก็รู้สึกกดดันนางค่อยตระหนักว่า
นางเองก็ ประเมินฉินหยุนตาเกินไป นางทราบว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์
จารึกระดับสูง แต่นางไม่ทราบ ว่ายามเขาเอาจริงจะน่าสะพรึงกลัวได้เพียง
นี้
หลังผ่านการหลอมอันดุเดือด มีอาจารย์จารึกทั้งสิ้นยี่สิบคนที่ไม, อาจเผา
ไหม้วัสดุได้ทันเวลา พวกเขาล้วนเป็นอาจารย์จารึก ระดับกลาง!
ถึงตอนนี้เอง บรรดาอาจารย์จารึกเหล่านั้นเผยสีหน้าน่าเกลียด เป็นเพราะ
พวกเขาโดนปีศาจน้อยเช่นฉินหยุนทิ้งไม,เห็นฝ่น!
“หมดเวลา!” หลันฮัวอี้เดินเชื่องช้าลงมาพร้อมตราชงทองคำ ในมือ วิธีการ
ที่อตรงซึ่งได้รับการยอมรับ เพื่อตรวจสอบคุณภาพ กระดูกเหล็กกล้าถึง
นี้าหนักของมัน ดือชงนี้าหนัก ยิ่งมากยิ่ง หมายถึงคุณภาพที่ดี แน่นอนว่า
คุณภาพที่เหนือชั้นในการแข่งขันเช่นนี้ ยากได้พบ เห็น เพราะไม,มีผูใดเอา
เป็นเอาตายกับการทำให้คุณภาพสูงลํ้า
ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่หลอมมันออกมา เพื่อแสดง ความสามารถส่วนตัว
ก็เท่านั้น หลันฮัวอก้าวเดินมายังฉินหยุนและกล่าว “ฉินหยุนเป็นผู้แรก ที่
ทำสำเร็จ ชงนี้าหนักของ เขาเป็นอันดับ แรก I.”
โดยทันที ฉินหยุนตึงเครียดขึ้นมา จำนวนคนนับพันในหอแห่งนี้ ต่างมอง
เขาเป็นสายตาเดียว อาจารย์จารึกเฒ่าชรา พวกเขาเปียมด้วยความสงสัย
เช่นกัน พวกเขาคิดอยากเห็น ว่าคุณภาพเหล็กกล้าระดับสูงของฉัน หยุน
ที่ทำขึ้นโดยเคล็ดวิชาค้อนทรงพลังเพียงนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร
หลันฮัวอนี้ก้าวเดินไปหยุดตรงหน้าฉินหยุน เขาค่อนข้างคุ้นเคย กับฉิน
หยุน เพราะจ้าวฉานและฉินหยุนพักผ่อนที่บ้านของเขา ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้
“ผ่อนคลาย ตราบเท่าที่คุณภาพไม,แย่ ย่อม ผ่านส่รอบกัดไป!” กล่าวคำจบ
เขาจึงคว้ากระดูกเหล็กกล้าที่ฉินหยุนหลอมขึ้น ด้วยรอยยิ้มอ่อนจางบน
ใบหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้า แปรเปลี่ยน เพราะกระดูกเหล็กกล้า
ก้อนนี้มันหนักกว่าที่เขา คาดคิด!
หลันฮัวอนี้มีประสบการณ์ก็มาก ดังนั้นเมื่อคว้าจับกระดูก เหล็กกล้าชิ้นนี้
เขาจึงมื่นใจว่านั้าหนักมันควรอยู่ที่เท่าใด กระนั้น เขาก็ยังชงมันด้วยตราชง
ทองคำ
“ห้าร้อยหกสิบจิน!” หลันฮัวอว้ประหลาดใจเล็กน้อย เสียงนี้ดัง ให้ได้ยินนั้ง
ห้องโถงกว้าง อาจารย์จารึกทุกท่านสีหน้า แปรเปลี่ยน สีหน้าของพวกเขา
เผย ความประหลาดใจอย่างยิ่งออกมากันนั้งสิ้น!
เสียงฮือฮาพลันระเบิดดังทาห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ผลลัพธ์นี้เกิน กว่าที่ผูใด
คาดคิดถึง! อาจารย์จารึกระดับสูงตะโกนร้องออกโดยทันที
“เป็นไปไม,ได้”
“ก้อนกระดูกเหล็กกล้าระดับสูง นี้าได้มากถึงห้าร้อยหกสิบ จินหรือ? เรื่อง
นี้ยอมรับไม,ได้!”
“ผู้อาวุโสหลัน ท่านมนใจหรือขอรับ?”
“เป็นไปได้อย่างไร? นี่มันเกินกว่าผู้!ดจะคาดคิดได้แล้ว!”
หลันฮัวอนี้สูดลมหายใจเบา มองที่ฉินหยุน เขากล่าวคำออก “นี่คือกระดูก
เหล็กกล้าชั้นเลิศ!”
คำนี้เมื่อกล่าวออก ทั้งห้องโถงกว้างใหญ่ที่เปียมด้วยคำถาม กลับ
กลายเป็นเงียบงนโดยทันที!
ตอนที่ 302 : ปรักปรำ
ฉินหยุนหันมองหลันฮัวอวี้ด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวลัน เขา
ไม่ทราบว่าตนไต้หลอมกระดูกเหล็กกด้าชั้นเลิศขึ้นมา!
“ผู้อาวุโสหลัน ท่านมั่นใจหรือขอรับว่าเรื่องนี้เป็นจริง?” คนผู้หนี้ง
เอ่ยถามด้วยความสงสัยเปียมสัน
“เป็นจริง ทว่านี่คือกระลูกเหล็กกล้าชั้นเลิศคุณภาพตั้าที่สุด อย่างไร
แล้ว นี่ก็ดีกว่ากระดูกเหล็กกล้าระดับสูงอย่างแน่นอน!” หลันฮัวอวี้
มั่นใจอย่างยิ่งจากประสบการณ์ของตนเอง เขาไม่ลิดว่าตนมอง
ผิดพลาดไป
ถึงตอนนี้เอง อาจารย์จารึกหลายต่อหลายท่านต่างเดินเข้ามาทีละคน
รับเอากระลูกเหล็กกล้าชั้นเลิศไป ชั่งนํ้าหนักหลายร้อยจินของมัน
หลังพวกเขาได้สัมผัสกันเรียบร้อยปีปากล้วนไม่อาจพูดออก ทำได้
แต่กลับไปที่มั่งตนเองอย่างกระดากใจ
พวกเขา อาจารย์จารึกเฒ่าที่ภาคภูมิในตัวเอง กลับโดนปีศาจนัอยตัว
หนี้งล้าวเหนือกว่าจนได้!
“เหอะ!”จี้ไค่หลินคำรามออกด้วยความอิจฉา เขาเองก็คิดอยากเป็น
อาจารย์จารึก ทว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้
ได้เรียนรู้วิถีจารึก ถือเป็นสิ่งที่เขาริษยาอย่างถึงที่สุดแล้ว!
หลันฮัวอวีเร่งรีบจบการชั่งนั้าหนักกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงอื่น
โดยเร็ว
หากไม่นับฉินหยุน ที่หนักที่สุดก็ราวสามร้อยกว่าจินเท่านั้น หากไม่
มีฉินหยุน นั้าหนักเท่านี้ถือว่าสูงลํ้าแล้ว
กระดูกเหล็กกล้าระดับสูงที่หลันเฟิงจินหลอมขึน นั้าหนักอยู่ที่สอง
ร้อยหกสิบจิน เท่านี้ถือได้ว่าดีแล้ว มันอยู่ถึงระดับที่เจ็ดในระดับย่อย!
“การแข่งขันรอบนี้เสร็จสิ้น ฉินหยุนได้รับอันดับหนี้ง เขาจะได้รับ
รางวัลจากตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีคราม เป็นผังวิญญาณระดับ
กลาง ผังควบคุมลม!”หลันฮัวอวี้ประกาศเสียงดังเป็นผลให้อาจารย์
จารึกหลายคนอึ้งไปยามมองฉินหยุนด้วยความอิจฉาสุดถู่
ผังควบคุมลม เป็นผังที่ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย
หากเขาแกะสลักลงบนอุปกรณ์ ก็สามารถทำให้บินได้ หากผสานลับ
ผังโทเทมสัตว์บินได้บนอุปกรณ์เดียวลัน ก็จะยิ่งช่วยให้บินได้เร็ว
.วัวัวิ.
และดยงขน
สำหรับอาจารย์จารึกหลายท่าน กระทั่งเป็นผังควบคุมลมระดับต์าก็
ถือว่าไม่เลวแล้ว ยิ่งไม่ด้องกล่าวถึงว่านี่คือระดับกลาง!
ทุกคนต่างอึ้งในความใจกว้างนี้ของตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีคราม
หากผังควบคุมลมเป็นรางวัลของรอบแรก เช่นนั้นรอบที่สองเล่า?
ฉินหยุนรับแผ่นหนังสัตว์นั้นไว้ และเก็บมันโดยไม่แม้แต่จะมอง
จากนั้น เขาจึงกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายโดยทันที
หลังจากรอบที่หนึ่งสิ้นสุด ฝูงชนจึงไปจากห้องโถงหลักแห่งนี้ พวก
เขาม้วนจากไปพร้อมสีหห้าตื่นตะลึงที่ยังไม่อาจจางหาย
ฉินหยุนเหนื่อยไม่ห้อย เขาตามว้าวฉวนกลับไปยังห้านพักในป่าของ
หลันฮัวอวี้
เมื่อกลับถึงห้านหลังห้อย ฉินหยุนเข้าห้องพักของตนเอง ผล็อยหลับ
ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลันฮัวอวี้และหลันเฟิงจินกลับมาถึง พวกเขาจึงพบว้าวฉวนนั่ง
อยู่ที่เม้าอี้หินตรงทางเข้า เขากำลังพิจารณากระดูกเหล็กกม้าชั้นเลิศที่
ฉินหยุนหลอม
“เหล่าว้าว หากเป็นเว้า จะสามารถหลอมกระดูกเหล็กกม้าชั้นเลิศ
โดยทำขึ้นจากวัสดุระดับสูงในเวลาที่นั้นเพียงนั้นไม้หรือไม่?”
หลันฮัวอวี้เอ่ยถาม ร่องรอยความประหลาดใจยังคงเผยที่ใบหห้า
ว้าวฉวนส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบ ข้าไม่เคยตั้งใจกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ต่อให้เป็นไปไม้ ก็ไม่มีทางเทียบกับฉินหยุนไม้!”
หลันเฟิงจินประหลาดใจ “ท่านก็ไม่อาจหรือ? นึกว่าสำหรับท่านจะ
เป็นเรื่องง่ายเสียอีก”
หลันฮัวอวี้ขมวดคิ้วกล่าว “ข้าสามารถทำได้ แต่อย่างมาก ก็เพียง
หลอมออกมาได้เป็นกระดูกเหล็กกสัาชั้นเลิศหนักหกร้อยจิน ข้าไม่
อาจแข็งแกร่งไปกว่าฉินหยุน เพราะโดยพื้นฐานของข้าแข็งแกร่ง
กว่าเขา หากเขามีระดับการัฝืกฝนเทียบเท่าข้า เขาสมควรเหนือลํ้า
กว่าข้าแล้ว!”
“ท่านปู การหลอมวัสดุนี้ แท้จริงสำคัญสำหรับอาจารย์จารึกหรือ?
เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดรอบแรก ข้าได้ยินอาจารย์จารึกหลายท่าน
บอกว่าการหลอมวัสดุหาได้หมายความถึงเป็นอาจารย์จารึกที่ดีเยี่ยม
ไม่ สิ่งสำคัญคือการแกะสลักผังวิญญาณต่างหาก!” หลันเฟิงจินเอ่ย
ถามเสียงเบา
หลันสัวอวี้ยี่มตอบ “เข้าไม่เชื่อในตัวฉินหยุนหรือ? เหตุใดจึงมี
ความคิดเช่นนี้? เข้าคิดว่าวัสดุที่หลอมโดยฉินหยุนไม่ดีหรือ?”
ใบหท้าของหลันเพีงจินใปงพองขึ้นเล็กท้อย นางทราบว่าฉินหยุน
สามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เรื่องนี้ก็ถือว่าน่าตื่น
ตะลึงยิ่ง!
“เด็กท้อยผู้นี้ ด้วยอายุยังไม่ถึงยี่สิบยังน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้! มันทำ
เอาข้ารู้สึก ราวชีวิตตนเองไม่นับเป็นอะไร!” หลันเฟิงจินท้ยปาก
มีเพียงอยู่ต่อหน้าปของนาง นางจึงค่อยแสดงออกท่าทีเป็นเด็กน้อย
เช่นนี้ออกมา
หลันฮัวอวี้เผยใบหน้าเคร่งขรึมกล่าว “เสี่ยวจิน เจาต้องทราบอยู่แล้ว
ว่าการหลอมวัสดุคือส่วนพื้นฐานที่สุดของอาจารย์จารึก ตอนนี้ พวก
เจ้าล้วนเพียงแต่คิดว่าสามารถซื้อหากระดุกเหล็กกล้าระดับสูง กระลูก
เหล็กกล้าชั้นเลิศ และกระลูกเหล็กกล้าระดับราชันไต้โดยตรง แต่
หลังจากนั้นเล่า? อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน หรืออุปกรณ์ลึกลํ้า
พวกมันล้วนต้องขัดเกลาอย่างเข้มงวดตามพิมพ์เขียว”
“ยกตัวอย่าง อาวุธวิญญาณระดับราขันจำเป็นต้องมีพิมพ์เขียว จากนั้น
จึงใชักระลูกเหล็กกล้าระดับราชันนั้าหนักนับหนึ่งพันจินเพื่อขัดเกลา
หากเจ้าไม่มีสิ่งที่ต้องการตามแบบแผน รวมถึงผังวิญญาณที่ใช้แกะสลัก
หากคิดไข้พวกมันในภายหน้า จะกลายเป็นเกิดป็ญหาขึ้นมาไต้”
จ้าวฉวนพยักหน้า “เช่นกัน อุปกรณ์วิญญาณบางอย่างจำเป็นต้องไข้
วัสดุพิเศษเพื่อขัดเกลา หากเจ้าไม่อาจหาซื้อวัสดุ เช่นนั้นก็มีแต่ต้อง
ขัดเกลามันขึ้นด้วยตนเอง!”
หลันตัวอวี้ถอนหายใจ “ในพื้นที่รอบนอกเช่นนี้ อาจารย์จารึกหลาย
ต่อหลายคน ล้วนไม่ใน้ค่าเรื่องการขัดเกลาวัสดุ เพราะพวกเขามี
สายตาตื้นเขิน แต่ที่แดนยุทธ์ล้างจ้าง หากไม่อาจผ่านการขัดเกลา
วัสดุ ก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นอาจารย์จารึกระดับวิญญาณ!”
“ในการทดสอบอาจารย์จารึกระดับวิญญาณ มันก็มีการทดสอบขัด
เกลาวัสดุขึ้น!”จ้าวฉวนยิ้มให้ “เด็กน้อย หากเจ้าต้องการเป็นอาจารย์
จารึกระดับวิญญาณ เช่นนั้นก็ต้องทุ่มเทในส่วนนี้ให้มากขึ้น!”
หลันยัวอวี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “คงไม่ใช่ว่าฉินหยุนเรียนรู้วิถี
จารึกแห่งเต๋าต้วยตนเองใช่หรือไม่? นี่สมควรต้องมีอาจารย์ผูยงใหญ่
คอยชี้แนะแก่เขา ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ให้ความสำคัญสับการขัดเกลา
วัสดุเพียงนี้ กระทั่งเป็นข้า บางครั้งตัวข้าเองก็ละเลยการชี้แนะเรื่อง
ขัดเกลาวัสดุเช่นสัน!”
ถึงครานี้ หลันเฟิงจินค่อยเข้าใจกระจ่างชัด ว่าการขัดเกลาวัสดุสำคัญ
เพียงใด
ฉินหยุนยังพักผ่อนอยู่ในห้อง เขาไม่ทราบว่าต้านนอกมีการพูดคุย
อะไรสันเกิดขึ้น เพียงแต่หลับไปอย่างดิ่งลึกเพราะความเหนื่อยห้า
เข้าวันลัดมา ประตูห้องถูกเคาะ เขาลุกขึ้นมาเปิดประตู จึงพบว่าเป็น
จ้าวฉวน
“การประลองยุทธ์รอบที่สองเริ่มแห้ว!” จ้าวฉวนหัวเราะกล่าว “หนี่ง
รอบต่อวัน เจ้าต้องเข้าร่วมสองการแข่งขัน หนี่งเข้า หนี่งบ่าย เหนื่อย
หน่อยแห้ว!”
ฉินหยุนยิ้มเต้ลัง “ไม่มีทางอื่นแห้วนี่ขอรับ ในเมื่อข้าเข้าร่วมไปแห้ว
ก็ได้แต่ทำให้ดีจนถึงที่ลุ’ด!”
เขาเปลี่ยนชุดเป็นสีขาวสะอาดเรียบร้อย เดินตามจ้าวฉวนมุ่งหน้าสู่
ตำหนักยุทธ์วิญญาณ
ตอนนี้ ไม่มีผู้ใดทราบว่ารอบที่สองจะเป็นอะไร ทุกคนที่เจ้ามาใน
ตำหนักยุทธ์วิญญาณ ล้วนอยากร้กันทั้งสิ้น
ทุกคนเพียงทราบว่ามีแต่เจ้ารอบที่น้าจึงเป็นการประลองยุทธ์ที่
แท้จริง นั่นถึงเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุด!
พอฉินหยุนมาถึง เขาก็โดนจับจ้องล้วยสายตาของหลากหลายผู้คน
มันมีทั้งอิจฉา นับถือ ริษยา รังเกียจ และเหยียดหยัน
นี่ถึอว่าแตกต่างจากเมื่อวาน เพราะเมื่อวาน หลายคนหาไล้คิดดีกับ
เขาไม่
แต่วันนี้ หลายคนไล้เปลี่ยนมุมมองต่อเขา โดยเฉพาะเมื่อเขาแสดง
ศักยภาพในการแข่งขันจารึก มันเป็นสิ่งที่ผู้คนยากลืมเลือน
เมื่อวานหลายคนถูกคัดออก ดังนั้นจำนวนคนที่เจ้าร่วมในวันนี้จึง
น้อยลง
ชายชราที่รับผิดชอบเป็นประธานการแข่งขันในรอบที่สอง เขาเอ่ย
เสียงกระจ่างขัดขึ้น “การประลองยุทธ์ในวันนี้ ลือการทดสอบ
ความเร็วและความอดทน พวกเจ้าแส่ละคนล้องแบกเหล็กนํ้าหนัก
สองหมื่นจินสองล้อน และวิ่งไปทั่วน้องโถงแห่งนี้”
“ในชั่วระยะเวลาธูปไหม้อย่างม้อยตองไต้หนงร้อยรอบ ผู้ที่สามารถ
ยืนหยัดจนถึงม้ายที่สุด จึงสามารถเข้ารอบถัดไป สำหรับผู้ที่สามารถ
เข้ารอบถัดไปไม้ จะไม้รับสิทธแช่กายในบ่อลึกลับของตำหนัก
สักดสิทธเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม!”
รางวัลนี้ทุกคนสามารถไม้รับ มันทำเอาผู้เข้าร่วมหลายคนยินดีขึ้นมา
การัฝ็กแบกเหล็ก หาไม้ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับศิษย์หลายคน พวก
มันขนาดราวถังนํ้า กระนั้นกลับหนักถึงสองหมื่นจิน ม้วยผังวิญญาณ
ที่แกะสลักไม้จึงทำใม้นั้าหนักของพวกมันเพิ่มมากขึ้นตราบเท่าที่
ภายในมีพลังงาน พวกมันจึงหนัก
ทั้งสิ้นม้าร้อยคน ต่างถือม้อนเหล็กเอาไม้ยืนรอเตรียมรับสัญญาณ
เพี่อออกวิ่ง!
ที่ตรงกลางทางวิ่งของตำหนักยุทธ์วิญญาณ คือกลุ่มคนขนาดใหญ่
มันทั้งแออัดขนาดที่สามารถชนปะทะลันไม้!
“ในระหว่างการวิ่ง การปะทะย่อมไม1อาจหลีกเลี่ยง ตราบเท่าที่ไม่ใช่
การเปิดศึก กระทบกระทั่งจึงทำไม้!” ชายชรากล่าว
ผูฟิกตนหลายคนต่างเริ่มสบถออก เพราะนี่จะกลายเป็นท0าใม้พวก
เขาเสียเปรียบ
ศิษย์ของตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีครามเคยฟิกเช่นนี้กันบ่อยครั้ง
ย่อมเชี่ยวชาญวิธีการปะทะกับผู้อื่นเป็นอย่างดี
“อาก!” อย่างกะทันหัน เสียงหนึ่งร้องตะโกน เป็นเด็กหนุ่มในชุดสี
นํ้าเงินทองคำ เป็นนักบุญวิญญาณสีคราม เขายืนอยู่ข้างฉินหยุน
“ฉินหยุนจงใจเหยียบเด้าข้า!” นักบุญคนนี้ร้องตะโกนออกด้วยสี
หนัาโกรธเคือง
ฉินหยุนกลายเป็นมีโทสะ เขาตอบโต้“ข้าไม่ได้นี่เป็นการปรักปรำ
ข้า!”
เขาไม่ได้เหยียบเทัาใครจริง!
“ถือก้อนเหล็กไร้สองกัอน หนักรวมสี่หมื่นจิน เหยียบเด้าผู้อื่นเช่นนี้
ย่อมต้องเจ็บปวดแน่แล้ว”จี้ไค่หลินมีโทสะเอ่ยเสียงเย็นต่อฉินหยุน
“ฉินหยุน นี่ต้องเป็นเข้าจงใจกระทำ! ผู้อาวุโสโปรดลงโทษฉินหยุน!”
“ผู้อาวุโส โปรดลงโทษฉินหยุน!” นักบุญผู้อื่นเองก็ร้องเป็นเสียง
เดียวกัน
ฉินหยุนถือล้อนเหล็กไข้สองอย่างแน่นกระชับ กระนั้นตอนนี้ เขาคิด
อยากขข้างปาใส่พวกคนตรงหด้าเสียนี่กระไร!
นักบุญกลุ่มนี้ ถึงขั้นร่วมมือกันปรักปรำเขา!
เพราะทุกคนรวมตัวกันไม่ห่าง รอคอยสัญญาณเริ่มออกวิ่ง จึงยากจะ
เห็นว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร!
เซึ่ยอู๋เฟิง หลันเฟิงจิน และคณะที่รับชมอยู่นอกสนามประลอง พวก
เขามีโทสะ ชัดเจนว่านี่เป็นการจัดฉากปรักปรำฉินหยุน!
“ฉินหยุน แม้การปะทะไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่จำกัดแค,ตอนวิ่ง และ
ตอนนี้ยังไม่เริ่ม!” ผู้อาวุโสซึ่งรับหน้าที่จัดการแข่งขันเดินเขามา สี
หน้าของเขาเย็นเยือก
ทันทีเมื่อผู้อาวุโสเดินเข้ามา นักบุญวิญญาณสีครามผู้นั้นจึงเร่งรีบ
ถอดรองเม้าและลุงเม้าออก เขาเผยใน้เห็นเม้าที่ปูดบวมรุนแรง
ขัดเจนว่าโดนเหยียบเม้ามาจริง!
“ข้าไม่ได้เหยียบเม้าเขา!” ฉินหยุนโกรธเคืองจ้องมองที่นักบุญ
วิญญาณสีคราม เขาพูดออกทั้งยังกัด1ฝันแน่น
“ข้อเท็จจริงขัดเจนกว่าเสียงพูด หากเจ้าไม่ได้เหยียบข้า เหตุใดเม้าข้า
จึงบาดเจ็บรุนแรงเพียงนี้?” นักบุญคนนีกล่าวถามอย่างโกรธแล้น
ฉินหยุนไม่ทราบว่านี่มันเกิดอันใดขึ้น แต่เขามั่นใจว่าด้องเป็นการจัด
ฉาก ไม่เช่นนั้น นักบุญคนนี้คงไม่มีทางเข้ามาใกล้เขาแน่
“เอาละ พอได้แล้ว! ฉินหยุน ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจกระทำ กระนั้น
ก็ยังด้องมีการลงโทษ เจ้าล้องรอจนกว่าธูปจะไหม้ครื่งดอกรึงค่อย
ออกวิ่ง และก้อนเหล็กต้องเพิ่มนํ้าหนักเพิ่มขึ้นไปอีกสี่หมื่นจิน!” ผู้
อาวุโสกล่าวคำจบ เขาจึงหันเดินกลับและตะโกน “เตรียมเริ่มได้!”
ฉินหยุนต้องถอยอย่างโกรธเคือง ภายในใจเขาโกรธจนแทบบ้า
กลุ่มนักบุญก่อการสำเร็จ!
เขามองไปยังจี้ไค่หลินและคณะที่เผยรอยยิ้มตั้าทราม โทสะของเขา
ยิ่งพวยพุ่ง!
“เริ่มได้!’
เว้นแต่ฉินหยุน ผูป็กตนอื่นต่างออกวิ่ง พวกเขาวิ่งลันอย่างเป็นบ้า
เป็นหลัง!
ผูฟิกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เหล็กสองหมื่นจินทั้งสอง
ก้อนในมือยังถือว่าเป็นเรื่องยากวิ่งออก โดยเฉพาะลับชั่วระยะเวลา
ธูปไหบ้ การต้องวิ่งใบ้ได้หนึ่งร้อยรอบ เป็นการทดสอบความเร็ว
และความอดทนอย่างแบ้จริง!
สำหรับฉินหยุน เขาต้องวิ่งหนึ่งร้อยรอบด้วยก้อนเหล็กสี่หมื่นจินใน
ระยะเวลาครื่งธูปไหบ้ เรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้!
ตอนที่ 303 : ไม่ยอมก้มหัว
ขณะพวกเขาวิ่ง ก็เกิดการปะทะกันไปด้วย
นักบุญของตำหนักดวงดาว ได้ฝืกฝนเช่นนีบ่อยครัง พวกเขามีเคล็ด
วิชาความรู้ด้านรับการปะทะเป็นอย่างดี ศึกครังนีเป็นของหวานใน
สายตาพวกเขา!
แน่นอนว่า จี้ไค่หลินและนักบุญผู้อื่น ต่างปลดปล่อยโล่พลังภายใน
ออกมา คุมกันร่างกายตนเอง ทั้งยังปะทะกับผู้อื่นอีกหลายต่อหลายคน
ผู้ฝืกตนที่โดนปะทะระหว่างทาง ต่างสัมกลิ้งกับพืน ทั้งยังโดนเหยียบ
ซํ้า หากไม่ระวัง พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บไม่ใช่นัอย!
เป็นที่ทราบกันลี ว่าครั้งนี้ ผู้เขาแข่งขันแส่ละคนจะถือเหล็กหนักสอง
หมื่นจินไว้ที่มือคนละชัาง นํ้าหนักรวมของร่างกายจึงสามารถ
จินตนาการถึง ยามเมื่อโดนเหยียบยา อาการบาดเจ็บย่อมด้องร้ายแรง
แล้ว
ฉินหยุนยืนที่เส้นเริ่มต้นการวิ่ง ล้อนเหล็กทั้งสองถือเอาไว่ยงมายิ่ง
หนักอึ้ง เพียงคิดก็พบว่าเป็นเรื่องยากแล้ว เพราะเขาต้องวิ่งหนี้งร้อย
รอบพร้อมเหล็กหนักแปดหมื่นจิน ด้วยระยะเวลาแค่ครื่งหนี้งของ
เดิมฉินหยุนคิด ว่าตนมีโอกาสชนะสูง
แต่ครานี้ เขาต้องเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดคิด มันทำเอาผู้คนเริ่มสงสัย
ว่าตำหนักสักดื้สิทธวิญญาณสีคราม ลอบยื่นมือเข้าขวางฉินหยุน
ขัดขวางเขาไม่ให้เข้ารอบลัดไป!
เซี่ยลู๋เฟิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย “พ้องหยุนคงไม่มีโอกาสชนะ
แต้ว ยังดีที่เข้าร่วมการแข่งขันจารึก ถือว่าจะไสัมีสมาธิกับต้านนั้น
เพียงหนึ่งไปต้วยเลย!”
หลันเฟิงจินสบถออก “จี้ไค'หลินและคนของมันช่างตั้าข้า มาสูกันว่า
ข้าจะมีโอกาสได้สั่งสอนบทเรียนแก่พวกมันพ้างหรือไม่!”
ม่หรงต้าเหรินกล่าวอย่างอับจน “สาเหตุที่เกิดเรื่องขึ้น เพราะตำหนัก
สักดสิทธวิญญาณสีครามต้องการสำแดงพลังอำนาจ และการปรากฏ
ตัวของพ้องหยุน ก็เป็นการพรากเอาแสงดาวเด่นไปจากพวกเขา หาก
ผู้ชนะห้ายที่สุดไม่ใช่ตำหนักสักดสิทธ เช่นนั้นการที่ตำหนักสักดสิทธ
วิญญาณสีครามจัดงานขึ้นก็ไม่มีความหมาย!”
ดวงตาของสั่วจงปรากฏร่องรอยของความหวังขณะกล่าวเสียงเบา
“ผู้ใดจะทราบ พ้องหยุนอาจสร่างปาฏิหาริย์ขึ้นก็ได้”
“เป็นไปไม่ไต้! ด้วยนั้าหนักมหาศาลเกือบหนึ่งแสนจิน หากเขาได้
เวลาเต็มชั่วธูปยังพอเป็นไปไต้ แต่ตอนนี้ เหลือเพียงแค'ครื่งต้านธูป
ชัดเจนว่าการลงโทษนี้เพราะไม่ต้องการให้เขาผ่านการแข่งขันรอบ
นี้!” หลันเฟิงจินส่ายหห้าและถอนหายใจ
เดิมมีผู้ฝืกตนราวสี่ถึงห้าร้อยคนออกวิ่ง แต่ตอนนี้ เหลือเพียงแค่สาม
ร้อยคน เกือบสองร้อยคนไต้รับบาดเจ็บจากการปะทะ จนต้องถอน
ตัวจากการแข่งขันรอบนี้
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยังวิ่งอยู่ ก็เชื่องชัาลงไม่ใช่ห้อย
นักบุญและศิษย์จำนวนหนึ่งของสี่ตำหนัก ยังคงวิ่งได้รวดเร็วและ
มั่นคง พวกเขาเพียงหอบเล็กห้อยเท่านั้น
สามในสิบของด้านธูปตอนนี้ใหม่ใปแสัว
หลังผ่านการวิ่งห้าสิบรอบ ศิษย์ของสี่ตำหนัก และนักบุญก็สำเร็จไป
เกือบครึ่งทางแต้ว!
กล่าวได้ว่าอยู่ในความคาดหมาย พวกเขาล้วนแข็งแกร่งกว่าสถาบัน
ยุทธ์ระดับเสวียน รวมทั้งแข็งแกร่งกว่าผูฟิกตนขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เด้าที่อายุมาก
ทุกคนต่างมองผูฟิกตนที่อ่อนแรงบนล่วิ่งและถอนหายใจ
โดยเฉพาะกับผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดหรือแปด พวก
เขาตั้งคำถามกับตนเอง หากพวกเขาสามารถผ่านการทดสอบรอบนี้
หากพวกเขาอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า พวกเขาจะสามารถทำ
ไดหรือไม่!
ธูปไหม้เกือบถึงครึ่งก้านแก้ว ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสี
ครามวิ่งไดัราวแปดถึงเก้าสิบรอบเรียบร้อย เสวี้ยซือเยี่ยเองก็ยังอยู่
จนถึงตอนนี้ ทว่านางก็เชื่องช้าลงไม่ใช่ก้อย
ยังคงมีผู้ฟิกตนหลายคน ที่สามารถอยู่ไดัจนถึงขั้นนี้ พวกเขามีกัน
ทั้งสิ้นกว่าสองร้อยคน ทว่า ทั้งแต่แรกเริ่มที่ห้าร้อยคน ที่เหลือตอนนี้
ก็ลือว่าม้อยกว่าครึ่งแก้ว
หลังจากก้านธูปครึ่งหนึ่งไหม้จี้ไค่หลินค่อยวิ่งครบหนึ่งร้อยรอบ
เขาเป็นคนแรกที่สำเร็จการทดสอบครั้งนี้
ขณะยืนหยัดตรงหม้าเก้นเริ่มออกตัวอย่างภาคภูมิ เขามองที่ฉินหยุน
ผู้ชื่งรอคอยเริ่มออกตัววิ่ง!
“ฉินหยุน ยอมแพ้เสีย จงไปเสี่ยงโชคเอากับการแข่งขันจารึกเสีย
เถอะ!”จี้ไค่หลินกล่าวเหยียดหยัน นํ้าเสียงนี้เปืยมก้วยความทะนงตน
ถึงตอนนี้เอง นักบุญผู้อื่นก็เริ่มวิ่งครบรอบตามกันมา
นักบุญผู้ที่จัดฉากแก่ฉินหยุน เวลานี้ก็วิ่งครบหนึ่งร้อยรอบเรียบร้อย
แก้ว ชัดเจนว่าเขาไม่ไดใดนเหยียบเก้าแต่อย่างใด!
ฉินหยุนมองพวกเขา ความรู้สึกยิ่งทะลักมากขึ้น เพื่อลางแค้นต่อผู้ที่
ใช้วิธีตั้าช้าทว่ายังทะนงตนเพียงนี้ เขาไม่เคยคิดยอมแพ้ เขาจะไม่
ยอมรับความพ่ายแพ้เขาไม่เคยต้องหวาดเกรง!
“ต่อให้ช้าต้องคลาน ช้าก็ไม่มีทางต้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้ต่อขยะ
เช่นพวกเช้า!” นํ้าเสียงของเขา เปียมด้วยความอาฆาต ดวงตาเปียม
ด้วยความดื้อรั้น เป็นเขาไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้
“ฉินหยุน เริ่มได้!” ชายชราตะโกนขึ้น
สายตาผู้คน ตอนนี้จับช้องมองที่ฉินหยุน!
ฉินหยูนขณะนี้แบกเหล็กนํ้าหนักสี่หมื่นจินด้วยมือแต่ละช้าง ขณะ
กัดฟันแน่น เขาเริ่มออกวิ่ง
เขาไม่มีเวลาให้เสีย ดังนั้นจึงต้องวิ่งหนงช้อยรอบในคราวเดียว
เขาไม่คิดเก็บออมกำลังแม้เพิ่งเริ่ม!
ขณะออกวิ่ง เขาใช้กำลังภายในของวัชระแก่นภายในนั้งสาม กระทั่ง
ใช้พลังจิตช่วยยกต้อนเหล็กนั้งสองแบ่งเบานั้าหนัก!
ตั้งแต่แรกเริ่ม ความเร็วของเขาสูงลํ้า ทำเอาหลายคนต้องอึ้ง!
“เป็นเขาคิดเดิมพันทุ่มสุดตัว ใช้กำลังนั้งหมดกับการวิ่ง เขาเผาไหม้
พลังงานในร่างกาย เช่นนี้ไม่น่าจะทนได้นานนัก!” หลันเฟิงจินรู้สึก
ปวดใจยามมองฉินหยุนที่ปฏิเสธการยอมรับความพ่ายแพ้ เรื่องนี้ทำ
เอานางประทับใจเขามากยิ่งขึ้น
เซี่ยลู๋เฟิงรับชมสีหน้าเฉยชา ดวงตานี้เปืยมด้วยโทสะ เขารู้สึกดีแก่
ฉินหยุน เป็นเขามีโทสะแทนเพราะความอยุติธรรมที่อีกฝ่ายได้รับ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแผนการของจี้ไค่หลินและพรรคพวก!
จี้ไค่หลินและพลพรรค ตอนนี้ย่อมไม่กด้ามองทางเซี่ยลู๋เฟิง กระนั้น
พวกเขาก็รู้สึกได้ ว่ารังสีดาบคมกด้าของเซี่ยลู๋เฟิงกำลังปกคลุมรอบ
กายพวกเขา!
เสวี้ยซือเยี่ยวิ่งจนครบหนึ่งร้อยรอบ นางหลั่งเหงื่ออย่างหนักขณะนั่ง
หอบที่ข้างสนาม นางกำลังมองฉินหยุนวิ่งผ่านไป จากนั้นจึงตะโกน
ไล่หลัง “ฉินหยุน ข้าเชื่อว่าเข้าทำได้เข้าเองก็ต้องเชื่อนั่นในตนเอง!
หากเข้าแพ้จะกลายเป็นจี้ไค่หลินได้รับชัยชนะ!”
ฉินหยุน ผู้กำลังวิ่งอยู่ ทันกลับมองนางและพยักหน้ารับ!
เสวี้ยซือเยี่ยยิ้มอ่อน นางเผยรอยยิ้มจริงใจเป็นการใพ้กำลังใจ
แน้รอยยิ้มของนางดูแข็งทื่อไปน้าง กระนั้นมันกลับบริสุทธ เรียบง่าย
และจริงใจอย่างถึงที่สุด เป็นความงามในแบบที่ยากจะเชื่อว่านางผู้ที่
ไม่เคยเผยอารมณ์จะแสดงออกมาได้!
กว่าครึ่งก้านธูปไหม้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงฉินหยุนที่อยู่บนลู่
วิ่ง!
เขาวิ่งไปทั้งสิ้นแปดสิบรอบรวดเดียว เรื่องนี้ทำเอาหลายคนต่างตื่น
ตระหนก!
ก้องทราบว่า หากเขาเพียงแบกนํ้าหนักเช่นผู้อื่น ย่อมสำเร็จหนี้งร้อย
รอบทันก้วยพละกำลังและความเร็วที่เขามี
กระนั้นสิ่งที่เห็นตอนนี้ ก็แสดงให้เห็นแก้วว่าเขาเหนือกว่าคนอย่างจี้
ไต่หลินและพรรคพวก!
ฉินหยุนผลักดันศักยภาพตนเองออกอย่างลึงที่สุด ทั้งยังลัดพีนแน่น
แบกรับทั้าหนักมหาศาลขณะวิ่งไปก้วย เขารู้สึกฟิเห้ายิ่งมายิ่งหนักอึ้ง
ร่างกายก็เริ่มหนักอึ้งเช่นกัน
“ศักยภาพที่น่ากลัวนัก! ในที่สุดก็เริ่มเหนื่อยแก้วหรือ?”
“สำเร็จไก้เพียงนี้ ต่อให้แห้หากเป็นข้า ก็ไม่มีอันใดให้เสื่อมเสีย!”
“หากนํ้าหนักในมือของเขาเหมือนผู้อื่น คงสำเร็จหนี้งร้อยรอบไป
นานแก้ว!”
ตึง!
ตอนนี้เอง ขาของฉินหยุนคก้ไยหมดแรงเสียดื้อ ๆ เขาก้มลงกับพื้น!
เขายังเหลืออีกสิบห้ารอบ!
ทว่า ทั้งแรงกายและเวลาไม่อาจเพียงพอให้เขาท0าไก้สำเร็จ!
“ต้องยืนขึ้น ต้องไม่แพไห้ไต้พวกสารเลวนั่น!” ฉินหยุนกัดฟ์'นแน่น
ดื้อรั้น แรงใจคือแหล่งกำเนิด เป็นผลให้วัชระแก่นภายในทั้งสาม
หมุนต้วยความเร็วสูงลํ้า
จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา ผสานรวมกับวัชระแก่นภายใน ปลด
ปล่อยเต้นสายจิตวิญญาณต้นกำเนิดทั้งสามออกจากร่าง สูดกลืนพลัง
วิญญาณเต้าตะวันอย่างห้าคลั่ง!
ฉินหยุนรู้สึกไต้ ว่าพลังงานที่ไหลเวียนเข้ามาในร่างกายเริ่มทำให้เขา
ยืนหยัดไต้ทว่าร่างกายนั้นยังคงหนัก เขารู้สึกราวกับกำลังแบกภูเขา
ลูกยักษ์เอาไต้ จนแทบไม่อาจขยับเขยื้อน
“ยังเหลืออีกสิบห้ารอบ!” เขามองที่ต้านธูปซึ่งกำลังไหม้ตอนนี้มัน
เหลือไม่มากแต้ว
“ไป!”
ฉินหยุนแผดเสียง พลังงานจากที่ใดไม่ทราบทะลักออก เป็นผลให้
เขาออกวิ่งไต้อีกครั้งหนี้ง!
“เขายังวิ่งไหว! ไปเอาแรงฮึดมาจากที่ใดกัน?”
“คงไต้แต่นับลือเขาแต้ว เขาเองก็รู้ตัวดีว่าเป็นไปไม่ไต้ กระทั้นก็ยัง
แบกรับความดื้อรั้นตนเองเพื่อคิดทำให้สำเร็จ!”
“เฮอ หากเขาไม่ได้พบเจอสถานการณ์แต่แรกเช่นนั้น เขาคงผ่านรอบ
นี้ไปอย่างง่ายดายแล้ว”
ผู้ชมในห้องโถงต่างประทับใจต่อความไม่ย่อท้อของฉินหยุน พวก
เขาล้วนถอนหายใจออกด้วยความเสียดาย
แม้จ้าวฉวนตามฉินหยุนมาที่นี่ เขาก็ได้แต่ส่งที่ทางเข้าก่อนจะมุ่ง
หห้าไปยังตำหนักจารึก ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ที่นี่ พอเขาและหลันฮัวอวี้
ทราบเรื่องฉินหยุน พวกเขาต่างก็เร่งรีบเดินทางมา
ทันทีเมื่อข้าวฉวนมาถึง เขาตะโกนข้องออกต่อฉินหยุน “ฉินหยุน เข้า
กำลังทำเกินตัว หากทำเช่นนี้ต่อ มันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อ
พื้นฐานของเข้า มันจะส่งผลกระทบถึงการัฝืกฝนเพื่อล้าวส่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋า!”
ล้าวสํขอบเขตวรยุทธ์เต๋า คือสิ่งที่ผู้ฝืกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เล้าถวิลหา หากมันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงจริง เขาควรยอมแห้
เพื่อหลีกเลี่ยงป็ญหาในภายหห้า!
“ฉินหยุน เข้าเพียงแห้ที่นี่ เข้ายังมีการแข่งขันจารึก! ด้วยความแข็งแกร่ง
ระดับเข้า ย่อมได้รับอันดับที่ดีในการแข่งขันอย่างแน่นอน!” หลัน
เฟิงจินเองก็ร่วมเกลี้ยกล่อม
ฉินหยุนคล้ายคลั่งไปแล้วเพราะกระทำเกินตนเอง ร่างกายของเขา
ต้องแบกรับความทรมานในสภาพสูไม่ได้ เลือดก็เริ่มจํ้าเป็นห้อที่
ผิวหนังให้เห็นแล้ว
กระนั้น เขายังคงคิดแบกล้อนเหล็กทั้งสองออกวิ่งต่อไป
“ไม่ดีแล้ว นี่เป็นสัญญาณของพลังภายในที่เที่ยงเบน!” หลันฮัวอวี้เร่ง
รีบกล่าว “ความคิดของเขาตอนนี้ลุ’ดถู่จนเกินไป จะกลายเป็นส่งผล
เสียต่อเขาอย่างยิ่ง!”
ดวงตาฉินหยุนเป็นสีเลือด ร่างกายก็เริ่มปกคลุมด้วยเลือด สภาพน่า
สะพรึงอย่างยิ่ง ที่น่าหนักใจกว่านั้น แห้สภาพเช่นนี้ เขาก็ยังคงแบก
ล้อนเหล็กออกวิ่งต่อ!
“ท่านป พวกเราควรทำอย่างไรดี?” หลันเฟิงจินเอ่ยถามเป็นกังวล
“รีบไปหยุดเขา!”
เซี่ยลู๋เฟิงมองที่ฉินหยุนและถอนหายใจ “ขึ้นอยู่กับตัวเขาแล้ว หวังว่า
เขาจะรู้ตัวได้ทัน หากพวกเราเข้าไปห้ามเขา มีแต่จะทำให้
สถานการณ์เลวร้าย”
หลันลัวอวี้พยักหห้ารับ “เป็นเช่นนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่ลับเขาแล้ว!”
ไม่ข้า ฉินหยุนวิ่งไต้อีกสิบรอบ ยังเหลืออีกห้ารอบ!
“สวรรค์น่ากลัวเกินไปแล้ว! นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? ด้วย
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เล้า แบกรับนํ้าหนักแปดหมื่นจิน ทั้งยัง
วิ่งได้เร็วถึงเล้าสิบหารอบ!”
“เขายอมแพ้ตอนนี้ย่อมไม่มีผูใดปรามาส ต่อให้แพ้ก็ไม่มีผูใดคิด
หัวเราะเยาะเขา!”
“ห้องหยุน เล้าทำได้ดีแล้ว!” ฮั่วจงตะโกนขึ้น “หยุดเสีย หากยังทำ
แบบนี้ต่อ มีแต่เล้าจะทำลายตัวเอง!”
หลันเฟิงจิน เซี่ยอู๋เพีง ม่หรงต้าเหริน ล้วนเป็นสหายของฉินหยุนที่
พยายามเกลี้ยกล่อม นี่ก็เพราะหากเขายังดื้อดึงต่อไป กระดูกเขาอาจ
ได้แตกเป็นเสี่ยง
ตึง!
ฉินหยุนที่เหนื่อยล้าสาหัส คลุกคลานลับพื้น ดวงตาลืมได้แค'
ครึ่งหนื่ง สายตามองไปยังธูป มันเหลือเพียงครึ่งนิ้วแล้ว มันคงโดน
เผาไหมัจนหมดสิ้นในอีกไม่นาน
“นี่เราต้องแพ้หรือ? แพ้ต่อความอยุติธรรมอีกครั้ง แพ้ต่ออำนาจที่
เหนือกว่าอีกครั้ง?” เขาถอนหายใจกับตนเอง ขณะนี้ เขามองที่สหาย
ของตนเอง เขาพลันค่อยได้ตระหนัก ว่าตนไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวโดย
ลำพังเหมือนกาลก่อนอีกแล้ว
ตัวเขาในตอนนี้ มีมิตรสหายให้กำลังใจ มิตรสหายที่ให้ค่าแก่เขา
อาจารย์ที่สอนสั่งเขา ทั้งหมดห้วนสว่างเจิดจ้า!
“เราต้องชนะ!” จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พลันทะลักในใจ มัน
กลายเป็นเสริมสร้างกำลังแก่เขา
โทเทมต้นไม้ซึ่งผสานรวมกับแก่นภายในตะวันทมิฬ ตอนนี้เอง มัน
พลันตื่นขึ้น...
ตอนที่ 304 ะ หยดอัคคีดารา
ฉินหยุน ผู้ซึ่งล้มกับพื้น พลันรู้สึกไล้ถึงขุมพลังชีวิตที่ทะลักจาก
แก่นภายในตะวันทมิฬ!
ขุมพลังชีวิตนี้ราวรากล้นไล้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มันแผ่ขยายออกไป
ทั่วทุกหนแห่งของร่างกาย!
เพียงอึดใจเดียว ขุมพลังชีวิตแข็งแกร่งทะลวงถึกสู่ร่างกายของเขา
ราวกับรากไล้ของล้นไล้โบราณ มันผสานกับสามมหาวิถีของเขา
และยังเชื่อมต่อกับวัชระแก่นภายในทั้งสาม!
ขุมพลังชีวิตแรงกล้าหล่อเลี้ยงร่างกายของฉินหยุนด้วยความรวดเร็ว
เพียงพริบตา มันฟินฟ่อาการบอบชํ้าแก่ร่างกายของเขา
ล้ายที่สุด เขาสามารถลุกยืนขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง!
เขาประหลาดใจอย่างถึงที่สุด โทเทมล้นไล้ซึ่งเขาได้รับจากต้นไล้
สมบัติตะวันดารา ในที่สุดก็ตื่นขึ้น!
จิตวิญญาณแห่งต้นไล้ซึ่งไม่ย่อล้อ ยิ่งดื้อรั้นมันยิ่งยืดเหนี่ยว
สำหรับฉินหยุน เขามีความเหมาะสมนี้แต่แรกเริ่มแล้ว เพียงเมื่อ
เชื่อมโยงกับโทเทมต้นไล้จึงเป็นผลไล้มันตื่นรู้ขึ้น ไล้เขาไล้หยิบยืม
พลังแห่งพฤกษา!
คราแรก ผู้คนล้วนคิด ว่าฉินหยุนล้มลงก็จบสิ้นที่เห่านี้แล้ว เมื่อเวลา
หมดลง เขาจะถูกคัดออก และเพราะอาการบาดเจ็บหนักหนาตาม
ร่างกาย เขาจะไม่อาจเข้าร่วมต่อไปไล้อีก
แต่แล้ว ล้วยปาฏิหาริย์ใดไม่อาจทราบ ฉินหยุนสามารถยืนหยัดไล้
อีกครั้งหนง!
ดวงตาของเขากระจ่างชัดและสุกสว่าง เป็นมันลุกโชนล้วยปณิธาน
แรงกล้า
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาเปืยมสัน เลือดในกายคล้ายเดือด
พล่าน!
เขากระชับล้อนเหล็กทั้งสองไล้แน่น ปลดปล่อยเสียงคำรามล้องออก
ราวมังกร จากนั้น ล้วยล้าวคัคคีเมฆา เขาเริ่มออกวิ่งอย่างนัาคลั่งอีก
ครั้งหนง!
เสียงฮือฮาดังสนั่นทั่วทั้งห้องโถงใหญ่แห่งนี้!
ตอนนี้ หลายคนถึงกับคาดหวัง ว่าฉินหยุนสามารถสล้างปาฏิหาริย์
ขึ้นมาไล้
ตอนนี้ พอพวกเขาไล้เห็นฉินหยุนสามารถวิ่งออก และสำเร็จราว
ปาฏิหาริย์พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นเรื่องจริง!
“นี่...” หลันเฟิงจินหันมองทางจ้าวฉซน “เขาเลื่อนระดับสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋า?”
จ้าวฉวนส่ายหน้า “เขายังไม่ได้เลื่อนระดับ แต่ด้วยอะไรไม่ทราบ เขา
กลับมาเปืยมด้วยพลังชีวิตอีกครั้งหทึ่ง!”
เซี่ยลู๋เฟิงดวงตาสว่างวูบด้วยความประหลาดใจ กระนั้นเขายังมีรอยยิ้ม
ความกังวลค่อยคลายออก
ฮั่วจงยิ้มตะโกนขึ้น “น้องหยุนช่างสุดยอดนัก!”
“เจ้าหนูนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว โชคดีที่ไม่ได้เป็นศัตรูของเจ้าหนูนี่!” ยู่
หรงด้าเหรินอุทานออก
ด้านธูปเกือบไหน้หมดสิ้น และในช่วงเวลาสุดห้ายพอดี ฉินหยุนจึง
วิ่งครบหนี่งจ้อยรอบพร้อมลัอนนั้าหนักที่มากกว่าผู้ลื่นถึงเท่าตัว!
จี้ไค่หลินอยู่จ้างลู่วิ่ง เขาจับจ้องฉินหยุนด้วยความกลัวเกาะคุมหัวใจ
กระนั้น เขาสะกดมันลง กลายเป็นความริษยาและเกลียดชัง!
“ฉินหยุนผ่านการทดสอบรอบนี้!” ชายชราประกาศอย่างอึ้งทึ่ง
ตอนนี้ฝูงชนเริ่มสงบเสียงลง พวกเขาจับจ้องฉินหยุนที่ยืนหยัด มอง
ที่แผ่นหลังอันแข็งแกร่งส่อการแบกรับของเขา!
ฉินหยุนกำหมัดแน่น มองไปทางจี้ไค่หลิน เขากล่าวออกเสียงเย็น
เยือก “ข้าไม่เคยก้มหัวให้ความชั่วร้าย โดยเฉพาะลับผู้ที่ชั่วร้ายอย่าง
น่ารังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร มันย่อมไม่อาจหยุดยั้งซัาไก้!”
ความแน่วแน่ของเขานี้ ควรค่าแก่การนับถือแก้ว ผู้ซึ๋งมีท่าทีต่อก้าน
เขา ก็เริ่มแปรเปลี่ยนมุมมองต่อเขา!
ก้อาวุโสดูยมบาง พยักหห้ารับอยู่ภายใน
หลันยัวอวี้ยิ้มและกล่าวกับข้าวฉวน “ฉินหยุนผู้นี้เป็นคนดีก้หนึ่ง สู
เหมือนเขายังมีความลับเก็บงำเอาไว่อกมาก!”
“ข้าบอกแก้ว ว่าซัาสูเขาไม่ผิด! ตอนนี้เข้าก็คงได้รู้แก้ว บ่ายนี้จะเริ่ม
การแข่งจารึกรอบสอง ข้าหวังว่าจะไก้เห็นศักยภาพของเขาที่มากก้น
เช่นเคย!” ข้าวฉวนหัวเราะดัง
ตอนนี้ยังพอมีเวลากว่าจะถึงบ่ายโมง
รอบนี้ มีกว่าสองร้อยคนผ่านมาไก้ พวกเขาจะได้รับสิทธในการแช่
กายที่บ่อลึกลับของตำหนักศักดสิทธเป็นเวลาสองชั่วโมง
กล่าวกันว่า บ่อลึกลับนี้เปืยมก้วยพลังของมหาวิถีแห่งเต๋า มันจะ
ช่วยเหลืออย่างยิ่งยวดแก่ผู้อื่นที่กำลังฟิกฝนอักขระชีวิตแห่งเต๋า
ผู้ซ็งผ่านรอบที่สอง ต่างเดินตามชายชราในชุดสีนํ้าเงิน มุ่งหห้าสู่ชั้น
ใดัดินของตำหนักยุทธ์วิญญาณ
บ่อลึกลับกว้างใหญ่ ตั้งอยู่ภายในห้องใต้ดินมืดมิด อากาศภายในเย็น
เยือก
ผูเสืกตนกว่าสองร้อยคนที่ผ่านที่สองมาได้ ล้วนเข้าไปแช่กายในบ่อ
ขณะยังสวมใส่ชุด
ภายในบ่อ พวกเขาไม่รู้สึกถึงนํ้าใด ทว่าที่พวกเขารู้สึก คือราวกับ
ร่างกายกำลังโดนสายลมอ่อนโยนพัดผ่าน มันชวนให้เกิดความรู้สึก
สบายอย่างยิ่ง
ในบ่อสึกลับไม่มีนํ้า กลับกัน มันเป็นพลังงานที่มีเอกลักษณ์ราวสาย
ลม มันลอยไปมาด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกอย่างเหลือเชื่อ
ชั่วขณะที่ฉินหยุนเข้ามายังบ่อลึกลับ เขารู้สึกไต้ ว่าวัชระแก่นภายใน
ตั้งสามสั่นไหวเล็กห้อย
“พลังงานในบ่อลึกลับ ให้ประโยชน์แก่การจึเกฝนอักขระชีวิตมหา
วิถีแห่งเต๋า! ไม่แปลกใจเลยที่ตำหนักสักดสิทธจะมีผูฟิกตนขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าหลายคน ดูเหมือนตั้งหมดจะเป็นเพราะบ่อลึกลับแห่งนี้!”
เขาแช่กายลงในบ่อลึกลับ ไม่ข้าจึงรู้สึกถึงประโยชน์ที่ไหลสู่กาย มัน
ช่วยเหลือเขาอย่างมหาศาล เพื่อฟิกฝนอักขระชีวิตของมหาวิถีแห่งเต๋า
ขณะรู้สึกประหลาดใจ เขาจึงแอบใชัวิญญาณเทวะเล้าตะวันเพื่อ
ดูดกลืนพลังงานจากบ่อลึกลับ
“เราสามารถดูดกลืนพลังทั้งเก้าประเภทได้!” ฉินหยุนยินดีขณะ
หลับตาลง เขาเริ่มโคจรเคล็ดวิชาและฟิกฝนอย่างเงียบงัน ดูดกลืน
พลังอย่างเต็มที่
สำหรับผูฟิกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าหลายคน พลังงานใน
บ่อลึกลับช่วยเหลือพวกเขาในการเลื่อนระดับอย่างมหาศาล!
กระนั้น พวกเขาก็ไม่อาจดักตวงพลังงานที่ไหลเวียนภายในบ่อ
ลึกลับได้มาก เพราะเวลามีเพียงหนึ่งชั่วยาม พวกเขาสามารถสูดกลืน
พลังวิญญาณเหล่านี้อย่างจำกัด
และผู้ซึ่งสามารถสูดกลืนได้รวดเร็วที่สุดย่อมเป็นฉินหยุน เขามีวัชระ
แก่นภายในถึงสาม ทั้งยังมีวิญญาณเทวะเก้าตะวัน นอกจากนี้ยัง
สามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณด้นกำเนิด!
เมื่อจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกจากร่าง การตอบสนองต่อพลังงานยิ่ง
กระจ่างชัด เขาสามารถดูดกลืนเข้ามาได้รวดเร็วมากขึ้น!
ถึงตอนนี้ ผู้อื่นต่างกระทำเช่นเขา กำลังสูดกลืนพลังงานประหลาด
อย่างละโมบ พวกเขาก้วนใช้โอกาสนี้ คิดก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ทว่า เวลาไม่คอยพวกเขา หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
“จงออกจากบ่อลึกลับ!” ชายชราตะโกนขึ้น
ทุกคนได้แต่ลืมตาและทอดถอนหายใจ ใบหน้าของพวกเขาเปืยม
ด้วยความไม่ยินดีขณะน้าวเดินออกจากบ่อลึกลับ
กระทั่งศิษย์ของตำหนักสักดสิทธ และอีกสี่ตำหนัก ก็ได้แส่เผยความ
เสียดายยามต้องไปจาก
เป็นที่ชัดเจนว่า มีเพียงแต่ผู้ที่เหนือลื่เาของตำหนักสักดสิทธวิญญาณ
สีคราม ถึงสามารถเข้าบ่ออันสักดสิทธแห่งนี้ได้ พวกเขาจะต้องมี
ความสามารถถึงระดับหนี้งเสียก่อน
ทุกผู้คนที่เดินออกมาไม่เต็มใจ พวกเขายิ่งคิดอยากเข้าร่วมตำหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามมากขึ้น พวกเขาต่างรู้สึกได้ ว่าพวกเขาจะ
สามารถเลื่อนระดับได้หากได้แช่กายในบ่อนี้อีกสักหลายครั้ง
อารมณ์ของฉินหยุนก็เป็นเช่นผู้อื่น เขาคิดอยากอยู่ในบ่อสึกลับอีก
สักชั่วระยะเวลาหนี้ง
ทุกคนน้าวเดินออกจากบ่อลึกลับ ออกไปจากตำหนักยุทธ์วิญญาณ
พวกเขาตอนนี้ม่งหน้าไปยังตำหนักจารึกที่อยู่ใกสัเคียง รอบที่สอง
ของการแข่งขันจารึกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
สำหรับฉินหยุนผู้ซึ่งชนะในรอบที่หนี้งของการแข่งขัน ทุกคนต่าง
คาดหวังว่าเขาจะมีผลลัพธ์เช่นไรในรอบที่สอง
พวกเขาต่างอยากเห็น ว่าฉินหยุนจะสามารถผ่านรอบที่สองไปได้
หรือไม่!
ก็เหมือนอย่างเมื่อวาน พื้นที่ตรงกลางกว้างขวางของห้องโถง ลูกใช้
เพื่อแข่งขันระหว่างอาจารย์จารึกด้วยกัน
จำนวนผู้เช้าชมรอบนอกสนามแข่งขัน ยิ่งเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ฉินหยุนและหลันเฟิงจิน เชัามาในสนามแข่งขันเพื่อรอคอยอาจารย์
จารึกท่านอื่นนานแสัว
“ฉินหยุน ศักยภาพเมื่อเช้านี้ของเจ้าช่างน่าประทับใจนัก! แส่นั่น ไม่
ส่งผลกระทบส่อร่างกายเจ้าหรือ?” หลันเฟิงเจินที่นั่งอยู่ด้านช้าง เอ่ย
ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรว้ายแรง!” ฉินหยุนยี้มตอบ กระนั้น เขาก็ว้สึกหดหู่ใจ
ระดับหนึ่ง เพราะเขาไม่อาจควบคุมโทเทมต้นไม่ใด้ดังใจ เขาไม่
ทราบว่าจะสามารถปลดปล่อยพลังของโทเทมต้นไห้ออกได้อย่างไร
การตื่นขึ้นของโทเทมต้นไห้มันมาอย่างเงียบงัน เมื่อมันไม่เคลื่อนไหว
เขาก็ไม่อาจทำให้บันเคลื่อนไหว
หลันเฟิงจึงฮึมฮัมเสียงเบา “สงสัยนักว่าส่อไปจี้ไค่หลินคิดทำอะไร
ส่อเจ้า การแข่งขันเมื่อเช้านี้ ชัดเจนว่าพวกนั้นหมายหัวเจ้า!”
“ย่อมไม่เป็นไร พวกมันแม้ชั่วร้าย แต่ข้าชอบธรรมกว่า!” สีหน้าของ
ฉินหยุนเฉยชา เขาไม่คิดหวั่นเกรงต่อลูกไม้ตาข้า
อาจารย์จารึกล้วนตรงเวลาอย่างยิ่ง พวกเขามาถึงอย่างรวดเร็วก่อน
การแข่งขันจะเริ่ม
ในรอบที่สอง มีอาจารย์จารึกสองร้อยท่านที่เข้าร่วม
ในรอบแรกส่วนใหญ่ที่ถูกคัดออกไปจะมีแต่อาจารย์จารึกระดับกลาง
ดังนั้นผู้ที่ผ่านมาไต้ ย่อมเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง
ก่อนการแข่งขันเริ่มต้น หลันฮัวอวี้ได้อธิบายกฎการแข่งขันครั้งนี้
“การแข่งขันจารึกในรอบที่สอง โดยหลักคือการทดสอบความสุดขั้ว
ของยันต์! พวกเข้าต้องไข้ผังวิญญาณนั้าระดับล้น เพื่อทำยันต์รวบรวม
นั้าระดับต้นออกมาภายในสองชั่วยาม ยันต์กระดาษ ยันต์กระดูก
ยันต์เกล็ด ยันต์หนังสัตว์ทั้งหมดล้วนทำไต้วัสดุไม่มีจำกัด การ
แข่งขันรอบนี้ จะคัดอาจารย์จารึกออกนั้งส์นหนึ่งร้อยคน!”
“อาจารย์จารึกทุกคนที่ผ่านเข้าสู่รอบสัดไป จะได้รับรางวัลพื้นฐาน
เป็นหยดลัคคีดาราหนึ่งหยด!”
“เกณฑ์การประเมินในครั้งนี้ พื้นฐานอยู่ที่นั้าหนักของวิญญาณนั้าซึ๋ง
ควบแน่นผ่านยันต์รวบรวมนั้า มีเพียงอาจารย์จารึกหนึ่งร้อยอันดับ
แรกจึงเข้ารอบ!”
การแข่งขันจารึกรอบที่สอง ก็เป็นรางวัลที่มอบให้ทุกคนซึ่งสามารถ
ผ่านเชัารอบ
“พี่หลัน อะไรคือหยดอัคคีดารา?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา เขาเองก็
ได้เห็น ว่าอาจารย์จารึกระดับสูงหลายคนต่างพึงพอใจต่อรางวัลนี
“หยดมันเข้าที่ดวงตา จะทำให้ดวงตาสามารถปล่อยเปลวเพลิง
รุนแรงออกมา และเปลวเพลิงนั้นไม่เพียงผ่านดวงตาออกมา มันยัง
แข็งแกร่ง เมื่อมือของเจ้าไม่ว่าง จะสามารถใช้ดวงตาปลดปล่อย
เปลวเพลิง ถือว่าเป็นของที่ไม่แย่” หลันเฟิงจินตอบกลับเสียงเบา
“ทว่าก็มีความเสี่ยงสูง หากทำไม่ดี ดวงตาอาจได้รับความเสียหาย
ดังนั้นแห้ว ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกหยดพวกมันที่นิ้ว เพราะนิ้วของ
พวกเขาแห้ถูกเปลวเพลิงเผาไหมัก็ได้รับความเสียหายห้อยกว่า”
“ตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีครามของท่าน ช่างสรรหาของประหลาด
มานัก!” ฉินหยุนลอบประนับใจ หยดอัคคีดาราเป็นของลีจริง
หลันฮัวอวี้กล่าวเลียงดัง “ทุกคนที่เชัาร่วม มีอันใดไม่เซัาใจหรือไม่?,
อาจารย์จารึกวัยกลางคนเอ่ยถาม “ข้าเพียงอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เด้า ยันต์ที่ข้าทำขึ้น ย่อมด้อยกว่าอาจารย์จารึกขอบเขตวรยุทธ์
เต๋า หากไม่มีการสนับสนุนพลังภายในระดับวรยุทธ์เต๋า เรื่องนี้จะ
เป็นการไม่ยุติธรรมต่อพวกเราผู้ฝืกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เด้า!”
อาจารย์จารึกระดับกลางส่วนใหญ่ ต่างอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ
ที่เก้า พวกเขาเห็นพ้องก้องกัน รู้สึกว่านี่ออกจะไม่เป็นธรรมแก่พวก
เขา
ฉับพลัน ฉินหยุนค่อยนึกเรื่องนี้ขึ้นไก้เขาเองก็เป็นกังวลเช่นเดียวกัน
“หากอาจารย์จารึกระดับสูง มีระดับความแม่นยำการแกะสลักผัง
จารึกสูงส่งกว่า และมีฟิมือการทำยันต์และวัสดุมากกว่า เช่นนั้นพวก
เขาย่อมก้องทำยันต์ที่มีคุณภาพขึ้นมาได้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติหรือ”
หลันฮัวอวี้กล่าวตอบ
อาจารย์จารึกระดับกลางและสูง มีความเสียเพ้รียบเช่นนี้แต่แรกเริ่ม
ดังนั้นแก้ว ผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า จึงได้แต่ก้มหน้า
ยอมรับ
“วัสดุซ็งใช้ทำยันต์ขำก้องทำมันขึ้นที่ตรงนี้ด้วยหรือไม่?” ชายชรา
คนหนี่งกล่าวถาม
“ใช่! ก้องทำที่ตรงนี้ อย่างไรแก้ว นี่ก็คือการทดสอบอาจารย์จารึก
นี่!” หลันฮัวอวี้พยักหน้า
“ไม่มีซัอจำกัดทางวัสดุ เช่นนั้นใช้วัสดุใดก็ได้หรือขอรับ?” ฉินหยุน
เอ่ยถาม
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น