วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563


บทที่ 156 ศิษย์อย่างเป็นทางการคนแรกคือ สาวน้อย โลลิต้าล่ะ

ยามนี้ราวกับ...ทั่วทั้งแดนสวรรค์ชั้นฟ้าและโลกามนุษย์ ล้วนเงียบ

สงบไร้ซึ้งสรรพเลียงสำเนียงใด

ยามนี้ราวกับ...เหล่าผู้คนของนิกายเม้งล่า ลืมเลือนไปแล้วว่า

วิธีการหายใจนั้นทำอย่างไร...

ยามนี้ราวกับ...เหล่าผู้คนของนิกายเฟิงเทียน ล้วนเลอะเลือนลุ่ม

หลงงมงายในความสน

กล่าวได้ว่าทุกๆคนที่มองไปยังเหตุการณ์ครั้งนี้ พวกมันกระทำได้

เพียงอ้าปากด้างเท่านั้น...ทุ่งสิงทุกอย่างนั้นมันเสมือนมายาเกินกว่าจะ

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

 


การต่อสู้ จบสินลงแล้ว ...เข่นนี้หรือ?

เกิดอะไรขึ้นกับการต่อสู้ที่สมควรจะดุเดือดเลือดพล่าน และปะทะ

กันอย่างหนักหน่วงราวกับศึกรบสะท้านสวรรค์ของศิษย์ระดับอัจฉริยะ

กัน? ทุกอย่างมันจะจบสินลงด้วยเวลาไม่ถึง 5 ลมหายใจดีเข่นนี้ ได้

อย่างไร!! นี่...นี่!

หลินฟานยังคงยืนเอามือไพร่หลัง พร้อมจับจ้องขึ้นไปยังเรือเหาะ

ของนิกายเหิงเทียน โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนหรือกล่าววาจาอะไรออกมา

เพิ่ม

กลิ่นอายไร้สภาพประการหนึ่งแผ่ซ่านออกมาทั่วบริเวณ...ซํ้ากลิ่น

อายนี้มันยังสะกดข่มกำราบเหล่าศิษย์ของนิกายเฟิงเทียนได้อย่างชะงัก

งัน ทั้งยังกดดันพวกมันจนอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

"เอาล่ะ ข้าประมุขหาใช่ยักษ์มารและโฉดชั่วฆ่าคนเป็นผักปลา

อย่างตัวสารเลวนี่ วันนี้ข้าประมุขแค่ลงมือสั่งสอนบทเรียน เรื่องที่มัน

กระทำชั่วร้ายแล้วยังไม่,สำนึก แถมกล้าคิดต่อต้านข้าประมุขอย่างเบาๆ

เท่านั้น หากวันหน้ามันยังกล้ากระทำเข่นนี้อีกครั้ง พวกเจ้าก็เตรียม

สลักป้ายวิญญาณให้แก่มันแล้วกัน! " หลินฟานกล่าวออกมาด้วย

น้าเสิยงสงบเรียบๆไร้เรื่องราว

 


แต่ทว่าสำหรับเหล่าศิษย์ของนิกายเฟิงเทียนแล้วนี้าเลียงเรียบๆไร้

เรื่องราวนี้ไม่,ต่างอันใดกับอัสนีบาตยามแล้งที่ฟาดฟันลงมากลาง

กระหม่อมพวกมัน แม้แต่น้อย

บุรุษตรงหน้าของพวกมันนั้น จะมองอย่างไร ก็ยังเป็นรุ่นเยาว์

เท่านั้น แล้วเหตุใดมันจึงแข็งแกร่งสุดหยั่งถึงเพียงนี้?!?

เป็นไปได้หรือไม่, ที่มันคืออาวุธลับของนิกายเม้งล่า สุดยอดศิษย์

อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด?!?

ส่วนทางด้านบนเรือเหาะประจัญบานชิงหมิงนั้น ผู้อาวุโสอี้เผย

รอยยิ้มอ่อนโยนออกมา แต่ทว่ารอยยิ้มอ่อนโยนนั้นกลับแฝงไปด้วย

หมื่นพันอารม๓

เยาะเย้ย ...ดูถูก -. เหยียดหยาม...

"ไป....!" ลีหน้าของผู้อาวุโสนิกายเฟิงเทียนนั้นบิดเบี้ยวเกินจะ

พรรณนายามเห็นแววตาและรอยยิ้มของอาวุโสอี้ และสุดท้ายเขาก็ทำ

ได้เพียงกล่าวออกมาคำเดียวเท่านั้น!

"นิกายเหิงเทียน ...ทั้งหมด ล้วนเป็นเพราะคนของพวกเจ้าเหิมเก

ริมมากเกินไป ทั้งที่มีความสามารถเพียงเท่านี้ ...หลังจากนี้พวกเจ้าก็

ระวังตัวเอาไว์ให้มาก ...ในยามต้องไปทำภารกิจที่พื้นที่ต้องห้าม"

 


ในขณะที่เรือเหาะของนิกายเฟิงเหียนจะบินออกไป เสียงกล่าววาจา

อย่างมีเมตตาก็ดังขึ้นมาจากหลินฟาน

ร่างกายผู้อาวุโสของนิกายเหิงเทียนพลันสั่นสะท้าน ก่อนที่นํ้าเสียง

เกลียดชังอย่างถึงขีดสุดจะเล็ดรอดไรฟันออกมาราวกับมันไม่เต็มใจจะ

กล่าว อีกทั้งประกายตาของมันยังกระพริบออกมาด้วยความเคียดแค้น!

"คำเตือนเปียมไปด้วยไมตรีเช่นนี้ ข้าขอรับไว้ด้วยใจ!"

เมื่อเหล่านิกายเหิงเทียนจากไป หลิ่นฟานก็ค่อยๆผ่อนคลายและ

เริ่มทำตัวตามสบายไม่ต้องปีนแสดงท่าทีเดียวดายแสวงพ่ายอีก

แต่จะอย่างไรตอนนี้เขาก็มีความสุขเหลือจะกล่าว การแสดงครั้งนี้

ของเขารับรองว่ามันต้องตราตรึงในใจผู้คนไปอีกยาวนาน เพราะเขา

ทุ่มเทใช้ออกมาด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุดจนอ่อนเพลียไปทั้งกาย

ใจ กล่าวได้ว่าเขาคงไม่อาจรีดเค้นกลิ่นอายสุดแกร่งเช่นนี้ออกมาโช

ได้อีกประมาณเดือนนึงเต็มๆ!

และตอนนี้หลินฟานยังเข้าใจอีกว่า วิชา เร้นกายของเขานี่ มันเป็น

วิชาของเทพเจ้าชัดๆ! เพราะไม่เพียงแค่มันจะเอาไว้ช่อนร่างกายของ

เขาเท่านั้น แต่ในขณะที่ต่อสู้กับศัตรู เขายังสามารถทำให้ศัตรูสับสนได้

 


ด้วยการปิดเปิดวิชาเร้นกายนี่ เป็นจังหวะๆ และอาศัยช่วงเวลาที่มันเห

วอจัดการจู่โจมชะ!

เพียงแค่เวลาที่ศัตรูสับสนและเหวอไปเพียงแค่เลึ๋เยวพริบตา ก็

เพียงพอให้เขากำราบพวกมันได้แล้ว!

หากตอนนี่ให้หลินฟานสู้กับมันอย่างแฟร์ๆ หลินฟานเองก็ไม่,มั่นใจ

ว่า จะเอาชนะมันได้อย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี่หรือไม่

และสำหรับชัยชนะครั้งนี่ ถึงวิชาเร้นกายนั้นจะมีส่วนอย่างมากก็

จริง แต่ก็ไม่,อาจปฏิเสธได้ว่า อิฐแดง95 นี่เป็นสุดยอดอาวุธสังหาร

อย่างแท้จริง!! แค่เพียงแค่ได้เขกกบาลใครสักคนด้วยความรัก ต่อให้

มันผู้นั้นจะเป็นเทพเจ้าก็ตาม ล้วนต้องจบสิน ติดสตันล้มลงไปกอง

ทั้งนั้น

ตอนนี่เหล่าศิษย์ของนิกายเม้งกำเริ่มกระโดดลงมาจากเรือเหาะ

ก่อนที่จะมาล้อมหลินฟานเอาไว้ด้วยความยินดี

"สวรรค์!!! ท่านประมุขน้อยหลิน!! ท่านช่างสุดยอดยิ่งนักขอรับ!"

"บัดชบหลินลู๋เช่นนั้นเหรอ! อัจฉริยะอะไรกัน!! ต่อหน้าท่านประมุข

น้อยมันไม่ต่างจากเศษสวะหนอนแมลง!"

 


"แม้กระทั่งตอนนี้ ข้าเองยังไม่รู้เลยว่าท่านประมุขน้อยเอาชนะตัว

บัดซบหลินอู๋นั่นได้อย่างไร มันรวดเร็วจนเกินไป รวดเร็วจนสองตาข้า

ไม่อาจมองได้ทันด้วยซา!!"

ท่ามกลางความเคารพยกย่องและเทิดทูนบูชาของเหล่าศิษย์ที่สาด

กระหนํ่าออกมา หลินฟานทำเพียงแย้มยิ้มอย่างมีเมตตา"เอาล่ะๆ

อย่าได้กล่าวแล้ว ชายคนนั้นก็แค่คนธรรมดาที่ผ่านมาในชีวิตข้าประมุข

เท่านั้น ...มันไม่,คู่ควรให้กล่าวถึงหรอก" ...

ตระกูลไช่เองยังคงอื้ออึง มันยังไม่เห็นจากความตื่นตระหนกตก

ตะลึงในเรื่องราวที่ได้พบเห็น พวกมันไม่คาดคิดเลยว่า บุรุษที่แข็งแกร่ง

ทรงพลัง มีพลานุภาพราวกับเทพเซียนที่กุมชะตาของพวกมันเอาไว้ได้

ด้วยปลายนิ้ว จะถูกท่านผู้สูงส่งคนนี้จัดการลงได้อย่างรวดเร็วถึงเพียง

นั้น!

นอกจากนั้น นี่ไม่อาจเรียกว่าการต่อสู้ได้ด้วยซา!! เพราะเขาท่าราว

กับไปเดินเล่นอย่างไร้เทียมทาน แล้วก็ปัดหนอนแมลงทิ้ง! อีกฝ่ายไม่

แม้แต่จะต้านทานได้ถึง 5 ลมหายใจ ช่างน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง!

 


ชะตาของตระกูลไข่กำลังจะแปรผันอย่างใหญ่หลวงแล้ว ! มันถึง

คราวรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง!

ไข่อุ่ยไม่,อาจระงับหยาดนํ้าตาลูกผู้ชายไม่ให้หลั่งไหลออกมาได้ การ

ที่บุตรีคนเล็กของเขานั้น จะได้เป็นคิษย์ของมหาบุรุษผู้สูงส่งท่านนั้น

คือโชคลาภครั้งยิ่งใหญ่ในรอบพันปีของตระกูลไข่!

ส่วนทางด้านตระกูลลู่นั้นตกอยู่ในสภาพเคว้งคว้างอย่างมาก พวก

เขาที่ร่วมมือกับตัวตนที่ทรงพลังและกำลังจะกวาดล้างตระกูลศัตรูจน

ได้ครอบครองทุกสิงทุกอย่างในเมืองนภาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งหมดกลับ

ถูกทำลายดับสลายไปในพริบตา

สถานการ๓พลิกกลับมาเป็นฝ่ายตระกูลลู่ เป็นฝ่ายหมดเบี้ยในมือ

ทันที

"พะ ... พี่ชายไข่! ข้าผิดไปแล้ว! ละเว้นพวกเราด้วยเถอะ" ลู่มู่หลิน

รีบคุกเขาลงไปอ้อนวอนขอร้องทั้งน้าตาบนพื้นทันที

เมื่อสถานการณ์พลิกผันเป็นหนังคนละม้วนเข่นบี้ ลู่มู่หลินไม่,ดีดถือ

ดีหรือวางท่าอะไรอีกต่อไป

"นายท่านผู้สูงส่ง ท่านดีดจะจัดการเรื่องนี้เข่นไรหรือขอรับ?" ไข่อุ่

ยกล่าวถามออกมาอย่างระวัง ในเมื่อชายคนนี้คิดจะนำบุตรีเขากลับไป

 


ด้วยแล้ว ยามนี้เขาไม่กล้าตัดสินใจอะไรโดยพลการ เพราะกลัวจะทำ

ให้เกิดไม่พอใจ สำหรับการจัดการเรื่องเช่นนี้ควรยกให้เป็นการ

ตัดสินใจของพ่านผู้สูงส่งจะเป็นการดีที่สุด จะได้ไม่ทำให้เขาบังเกิด

ความเคืองใจใดๆทั้งสิน

"พวกเจ้ากระทำไปตามที่เห็นสมควรเถอะ" เกี่ยวกับเรื่องนี้หลิน

ฟานไม่,ต้องการรับรู้ และเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรด้วยมากนัก

เขาหันกลับไปหาเด็กสาวตัวน้อยพร้อมถามว่า "แล้วเจ้าล่ะ ว่า

ยังไงหนูน้อย? อยากติดตามพี่ประมุขกลับไปมั้ย?"

"แน่นอนนางย่อมเห็นด้วยนายพ่านผู้สูงส่ง!" ไข่ยุ่ยรีบกล่าวตอบ

ออกมาอย่างร้อนรน

หลินฟานเพียงยกมือขึ้นมาเป็นเชิงให้หยุด

"ข้าจะให้นางได้ตัดสินใจด้วยตัวนางเอง ข้าประมุขไม่ชอบที่จะ

บังคับหรือบีบคั้นผู้ใดให้กระทำในสิงที่เป็นการ‘ฝืนใจของพวกมัน"

หลินฟานกล่าวออกมาอย่างใจเย็น

ไช่ฉิเฉียว ยังคงหวาดกลัวและแอบอยู่หลังไข่ยุ่ย เหตุการณ์ในดีนนี้

นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาและโหดร้ายเกินกว่าเด็ก 5 ขวบอย่าง

 


นางจะรับไหว และตอนนี้ตัวนางเองก็ยังไม่หึ๋เนตัวจากอาการหวาดผวา

อกสั่นขวัญแขวนดีด้วยซํ้า

ไข่อุ่ยเองก็เป็นกังวลอย่างมาก นี่เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

หากพวกเขาสามารถคว้ามันเอาไวิได้ ตระกูลไข่ต้องเจริญรุ่งเรืองไปอีก

หลายปี!

ในตอนแรกนั้นหากใครในตระกูลไข่ได้เข้าร่วมนิกาย...ก็เป็นเรื่อง

โชคดีเกินจะกล่าวแล้ว แต่หากได้เข้าร่วมเป็นศิษย์ของชายคนนี้แล้วล่ะ

ก็! คงนับเป็นมหาโชคครั้งใหญ่ที่จะส่งผลยาวนานต่อรุ่นลูกรุ่นหลานไป

อีกนับร้อยๆปี!

ดูจากรูปลักษณ์ของชายคนนี้แล้วเขาน่าจะมีความสำคัญและ

ตำแหน่งที่สูงส่งไม่น้อยในนิกาย หากบุตรสาวของเขาสามารถอยู่ใต้

การดูแลของเขาแล้วล่ะก็ นางจะมีอนาคตที่สดใสมากมายรออยู่

"นายท่านผู้สูงส่งข้าขอกล่าวกับบุตรสาวก่อนจะได้หรือไม่?" ไข่อุ่

ยกล่าวถามออกมาอย่างร้อนรน

"ได้สิ" หลินฟานพยักหน้า

ในสายตาของหลินฟานนั้น ขุนเขาไร้นามนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างมาก

ในช่วงเวลาสั้นๆ และหากต้องการเหล่าศิษย์สาวกที่จงรักภัคดีกับ

 


นิกายจริงๆแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมเป็นการดีที่สุด ล้าเขาจะเริ่มเลี้ยงดู

เหล่าศิษย์ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะด้วยวิธีนี้พวกมันจะมีดวามผูกพันและ

รู้สีกจงรักภัคดีต่อนิกาย จากใจ

และรูปแบบการพัฒนานิกายเช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่หลินฟานได้คาด

เอาไว้แล้ว

การชุบเลี้ยงใครสักคนตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยนั้น เขาสามารถเลือก

ได้ ทว่าจะให้เหล่าเด็กพวกนั้นโตมาเป็นแบบไหน หรืออยากให้มีความ

เป็นอัจฉริยะในด้านใด นี่เป็นสิ่งที่หลินฟานคิดกระทำและได้วางแผน

เอาไว้แล้ว

นี่เพราะตัวเขานั้นมีสกิลที่สำหรับพัฒนาและรังสรรค์ชีวิตผู้คน

อย่าง เมนเทอริ! สกิลสุดยอดที่ไม่ได้ใช้มานานแล้ว ถึงเวลาที่มันจะได้

กลับมาออกโรงอีกครั้ง!!

เสียงกระซิบพูดคุยพลันเกิดขึ้นในหมู่เหล่าศิษย์สายในของเม้งล่า

พวกเขาไม่อาจเช้าใจได้จริงๆว่าเพราะเหตุใดพ่านประมุขน้อยจึงคิดนำ

เด็กสาวตัวน้อยคนนี้กลับไปยังนิกาย

นั่นเพราะจากที่พวกเขาเห็นศักยภาพของนางนั้น ...มันไม่,ได้มี

มากมายอะไรแม้แต่น้อย สำหรับการจะรับใครสักคนที่มีศักยภาพเช่นนี้

 


เข้านิกายนั้น นับว่าทำได้ง่ายดายราวกับเขี่ยๆตามพื้นก็พบ ...ถึงแม้

นางจะเติบโตมากไปกว่านี้ก็ไม่มีทางเป็นคนที่มีความสำเร็จอะไร

ทว่าตอนนี้ถึงกับที่ประมุขน้อยหลินต้องการนำนางกลับไปเป็นคิษย์

ส่วนตัวด้วยตัวเอง...มันอาจจะเป็นไปได้ว่า พ่านประมุขน้อยหลินได้

เห็นถึงอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?

หลังจากนั้นไม่นานไช่อุ่ย ก็เดินกลับมาพร้อมกับเด็กสาวตัวน้อย

"ว่าไงหนูน้อย เจ้ายินดีเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?" หลิ่นฟานกล่าวถาม

"ศิษย์ของพ่านเห็นด้วยเจ้าค่ะ" ไช่ฉิเฉียว ค่อยๆคุกเข่าลงบนพื้น

แล้วโขกศีรษะคำนับหลินฟานอย่างน่าเอ็นดู

หลินฟานยิ้มออกมา "ดี''

นี่อาจถือได้ว่าเป็นการรับศิษย์เข้านิกายอย่างเป็นทางการ ครั้งแรก

ของเขา!!

ไข่อุ่ยกับไข่เหิงนั้นแลดูปวดปร่าใจเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้

สูงส่งเข่นนี้พวกมันไม่,อาจแสดงออกมาได้

"สิเฉียว บิดามีของขวัญจะมอบให้เจ้า...ต่อไปเจ้าต้องรํ่าเรียนจาก

อาจารย์ผู้สูงส่งของเจ้าให้มากเข้าไว้รู้หรือไม่, และอย่าทำให้เขาต้อง


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น