วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ประมุขหยางจ้องไปยังไช่ฉิเฉียวพร้อมมีท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"สิ่งที่สำคัญที่สุดในนิกายคือผู้สืบทอด...แต่นี่มัน..."

ประมุขหยางไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกมา นี่เพราะเขาเห็นศักยภาพ
และพรสวรรค์ของเด็กสาวคัวน้อยดี ในเขตนิกายแท่งนี้ศักยภาพและ
พรสวรรค์ของนางนั้นสามารถพบได้ในเด็กรับใช้ที่ตํ่าต้อยเท่านั้น

และเขาอยากสั่งสอนให้หลินฟานรู้ว่าการจะเลือกศิษย์นั้นต้องดู
ศักยภาพและพรสวรรค์เป็นหลัก
ไม่,อย่างนั้นแล้วนิกายจะไม่รุ่งเรือง
และยิ่งใหญ่อะไรมากมายในอนาคต

"ท่านประมุขหยาง ช้าเช้าใจดีว่าท่านจะกล่าวอะไร" หลินฟานยิ้ม
ออกมา

สำหรับหลินฟานนั้นศักยภาพและระดับพรสวรรค์แต่กำเนิดมันแค่
เรื่องราวดูดหมึก แม้จะเป็นหมูกากๆธรรมดาแด
,หากมันได้อยู่ในมือเขา
แล้วล่ะก็ หมูกากๆธรรมดาตัวนั้นจะ กลายเป็นโคตรอภิมหาหมูเทวะ ที่
สามารถยํ่ากบาลเทพเจ้าได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ถึงแม้ว่าศักยภาพของไช่ฉิเฉียวจะตํ่า ทำให้นางไม่อาจมี
ความเช้าใจและความคิดและยากที่จะรู้แจ้งได้ แต่เขาเองก็สามารถ
เป็นที่
'ปรึกษานำเสนอแนวทางต่างๆได้อย่างดี เพราะจะอย่างไรเขาก็มี


อาชีพเมนเทอร์ที่สามารถปลูกสงความคิด อีกทั้งยังมีสกิลที่ใช้ยกระดับ
พรสวรรค์ได้อีกด้วย เขามั่นใจว่าเขาจะเปลี่ยนดินให้เป็นดาวได้อย่าง
แน่นอน

ด้วยเหตุนี้หลินฟานจึงมีความมั่นใจและไม่ลังเลแม้แต่น้อย

"เอาล่ะ เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ" ประมุขหยางเพียงกล่าวตอบคำ
ออกมาโดยไม่ได้กล่าววาจาอะไรอีกมากมาย จะอย่างไรในการที่นิกาย
มีเด็กสาวตัวน้อยๆ ก็คง
ไม่,ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร

"ประมุข ช้าตั้งใจจะมอบซากศพของสัตว์อสูรสิงโตหิมะให้แก่นิกาย
ทั้งหมด ที่ฃ้าต้องการจากม้นก็แค่ขนนุ่มๆของมันเท่านั้น ส่วนลูกสิงโต
หิมะช้าคิดว่า ช้าจะมอบมันให้เป็นสัตว์เลี้ยงของ
ศิษย์ตัวน้อยของช้า"
หลินฟานกล่าวความตั้งใจที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา

สิงโตหิมะเป็นสัตว์อสูรระดับสูง นอกจากนี้กล่าวได้ว่า...มันสืบเชื้อ
สายจากสัตว์อสูรโบราณในยุคบรรพกาลอย่าง ราชสีห์เหมันต์ครองฟ้า
หากเขาสามารถดูแลมันอย่างดีและสอนสั่งดีๆ กาจะทำให้มันยกระดับ
และมีความแข็งแกร่งเท่าเทียมสายเสือดโบราณนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไป


และสัตว์อสูรหิมะตัวน้อยนี้ ก็จะเติบโตไปพร้อมๆกับศิษย์ตัวน้อย
ของเขา และเป็นคู่หูที่รู้ใจกัน

"หากเจ้ามอบลูกสัตว์อสูรนั้นให้พวกเรา พวกเราอาจจะสามารถทำ
ให้มันยกระดับอยู่ในจุดสูงสุดของมันได้" ปรมาจารย์อู่หยากล่าวแสดง
ความเห็นออกมา

“ตัวข้านั้นไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะเติบโตและมีอำนาจนำพาดวาม
รุ่งเรืองมาให้นิกายได้หรือไม่ ข้ารู้เพียงแต่หากมันอยู่กับลูก
ศิษย์ของข้า
มันจะเป็นเพื่อนที่ดีของนางแล้วก็คอยดูแลปกป้องนางไปตลอดชีวิต
เรื่องนี้ข้าต้องขอภัยด้วยปรมาจารย์อู่หยา แต่ข้าคง
ไม่,อาจสงมอบมันให้
ท่านได้จริงๆ” หลินฟานกล่าวยืนกรานความแน่วแน่ออกมา

"ศิษย์น้องอู่ พวกเราปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของหลินฟานเถอะ
จะอย่างไรความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และทุกสิงทุกอย่างที่พวกเราได้รับ
กลับมาครานี้ก็เป็นเพราะความสามารถของ
ศิษย์น้องหลินคนเดียว
แม้นลูกสัตว์อสูรนี้มันจะมีค่ามากขนาดไหน แต่พวกเราอย่าได้มาผิดใจ
กันเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เลย ”

"ขอบคุณประมุขหยาง" หลินฟานกล่าวขอบคุณออกมา

“เอาล่ะเช่นนั้นข้าจะให้คนนำตำราวิชาควบคุมสัตว์อสูรไปมอบ
ให้แก
,เจ้าก็แล้วกัน เมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว ก็ค่อยๆถ่ายทอดวิชา
นี้ให้แก่นาง
แม้สัตว์อสูรนั้นจะเก่งกาจและดุร้ายตามธรรมชาติ แต่จะอย่างไรมันก็
ยังถูกมนุษย์ฟิกฝนควบคุมได้” ประมุขหยางยังกล่าวต่อออกมา

ส่วนผู้อาวุโสอี้และเหล่าศิษย์สายในนั้นล้วนหันไปจับจ้องยังลูกสัตว์
อสูรสิงโตหิมะตัวน้อยนั้นด้วยสายตาสยดสยอง และระแวงอย่างยิ่ง

ภาพความทรงจำติดตาและกล่าวได้ว่าตราตรึงในหัวใจของพวก
เขาวันนั้น ได้ฉายซํ้าขึ้นมาภายในใจของเขาอีกครั้ง ยอดเขาไร้ชีวิตถูก
เกลาให้มนเป็นแท่งยาว ก่อนที่สิงโตหิมะจะขึ้นไปขย่มมันอย่างบ้าคลั่ง
ไม่,ต่างอะไรกับแท่งหฤหรรษ์ของตัวผู้ ...

แต่จะอย่างไรการเดินทางไปทำภารกิจครั้งนี้ก็ถือว่าสำเร็จเสร็จสิน
ไปแล้ว หลังจากวันนี้นิกายเม้งก่าเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการ
ประสบความสำเร็จครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ไปตลอดทั้งวันเป็นเวลาเกือบ
สัปดาห์

หลินฟานพาไช่ฉิเฉียวเดินทางกลับไปยังขุนเขาไร้นาม โดยมีชั่ง
เอ้อลั่วและเฟ่งป้จู่ติดตามมาอย่างใกล้ชิด

"ท่านประมุข น้องสาวตัวน้อยคนนี้จะเป็นคศิษย์น้องพวกเราใช่
หรือไม่ขอรับ
?" 'ชั่งเอ้อกั๋วกล่าวถามออกมา เขามองเด็ดสาวตัวน้อยคน
นี้มาสักระยะแล้ว และพยายามจะกล่าววาจากับนาง

แต่น่าเสียดาย ที่สายตาและใบหน้าของเขามันทำให้เด็กน้อย
หวาดกลัวอย่างมาก

"เรื่องนี้อันที่จริงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้านะ บางทีข้าอาจจะ
ให้นางเป็น
ศิษย์พี่พวกเจ้าก็ได้" หลินหลินฟานกล่าวออกมาพร้อม
หัวเราะ

"ไม่,นะ ท่านประมุข ได้โปรดให้นางเป็นศิษย์น้องเถิด พวกเราจะ
ดูแลนางอย่างดี!"
'ชั่งเอ้อกั๋วร้องโอดครวญออกมา เขาเองก็อยากมี
น้องสาวตัวน้อยคอยเรียก
ศิษย์พี่เจ้าคะ ศิษย์พี่เจ้าขาเหมือนกันนะ!

"อ่าๆ เอาล่ะพวกเจ้าสบายใจได้ นางย่อมต้องเป็นคศิษย์น้องของ
พวกเจ้า พวกเจ้าเองก็ต้องดูแลนางให้ดี หากนางได้รับอันตรายใดๆ
แล้วล่ะก็พวกเจ้าต้องรับผิดชอบ" หลินฟานกล่าวออกมา ตัวเขานั้น
ไม่,ได้หวังจะให้'ชั่งเอ้อกั๋วดูแลเด็กสาวตัวน้อยของเขาหรอก

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนย่อมแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา

เขาต้องดูแลศิษย์ตัวน้อยคนนี้ของเขาให้ดีที่สุดและระมัดระวังมาก
ที่สุด จะให้ความไร้ยางอายและนิสัยเลวร้ายของสิษย์พื่ของนางมาทำ
ให้นางแปดเปือนไม่ได้เป็นอัดขาด!

หาไม่แล้วลองคิดดูหากวันไหนที่นางอันเป็นสิงมีค่าของนิกาย เป็น
ตัวมาสค็อตของนิกาย! ออกไปยังโลกภายนอก แล้วไปกระทำการไร้
ยางอายหรือหน้าด้านดีหน้าชื่อหลอกผู้คนขึ้นมา...หากว่าสำเร็จก็ดีไป
แล้วล้าหากไม่สำเร็จแล้วล่ะก็ ... ไม่อยากจะคิดเลยว่าอนาคตของนาง
จะมืดมนหม่นหมองขนาดไหน

บทที่ 159 สกิลใหม่ปรากฏ

ณ ขุนเขาไร้นาม ...

เมื่อหลินฟานกลับมาถึงบ้าน ชั่งเอ้อกัวและเฟ่งปู้จู่เองก็กล่าวบอก
เล่าเรื่องราวต่างๆในช่วงที่เขา
ไม่,อยู่และรายงานผลเรื่องราวที่หลินฟ่า
นได้มอบหมายเอาไวให้ออกมาทันที

"ท่านประมุข ตั้งแต่ท่านจากไป ตัวข้ากับศิษย์น้องเองก็ปฏิบัติ
หน้าที่อย่างจริงจังในการล้างสมองของศิษย์พี่ เทียนอี่ ในช่วง
2
สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ข้าได้ทะเลาะกับศิษย์น้อง
3 ครั้งและจงใจกล่าว
วาจาเพื่อล้างสมองเขาถึง
4 ครั้ง! เห็นไต้ชัดว่ายามนี้ศิษย์พี่เทียนอี่ดู
เหมือนจะเริ่มมีความคิดไปในทิศทางที่ท่านประมุขต้องการแล้ว!" ชั่ง
เอ้อ
กั่วรายงานออกมาอย่างภาคภูมิใจ แม้นี่จะเป็นผลงานความร่วมมือ
ครั้งแรกของเขากับเส่งป้จู่ แต่ผลลัพธ์ของมันก็น่าพอใจ
ไม่,น้อย

หลินฟานเองก็ตั้งใจฟังคำกล่าวรายงานของมัน ก่อนที่จะพยักหน้า
ตอบรับเป็นครั้งคราว เขาเพียงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย และหลังจาก
ฟังรายงานของชั่งเอ้อ
กั่วจบแล้ว เขาก็รู้สีกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดเจนว่า ยามนี้เทียนอี่ถูกปลูกสงจนมันแทบจะสงใจไปแล้ว
ว่าการออกจากที่แท่งนี้นั้นล้วนเป็นความสนโง่งม
ซํ้ายังเลวร้ายอย่าง
ที่สุด...วีรบุรุษนั้นไม่เคยกลัวหมื่นทวนกระบี่เปิดเผย เพียงหวาดหวั่น
1
เกาทัณฑ์ในที่ลับเท่านั้น... มันย่อมไม่กลัวที่จะตาย แต่มันกลัวถูกคำ
ครหาจากผู้
อื่นทำลายความภาคภูมิใจของมัน

"อี่ม ทำได้ดี จะอย่างไรพวกเจ้าทั้งสองก็อย่าได้ละเลยและคลาย
ความระวังในเรื่องนี้ลง หลินฟานหัวเราะออกมาเบาๆ "แด
,พวกเจ้าเอง
ก็อย่าได้ย่ามใจไป หาก เขายัง
ไม่,กล่าววาจาอย่างแน่ชัด ทุกอย่างล้วน
ยัง
ไม่,สามารถสรุปได้"

"ขอรับท่านประมุข!" ชั่งเอ้อกั๋วและเส่งปู้จู่พยักหน้ารับคำออกมา
ก่อนที่ชั่งเอ้อกั๋วจะบังเกิดอาการงึกๆงักๆ "เอม ท่านประมุข แบบว่า ...
ท่านพอจะมี... สักเม็ด...ไหมขอรับ ... "

เมื่อเหินท่าทางและการแสดงออกของชั่งเอ้อกั๋วแน่นอนว่าหลิน
ฟานย่อมเห็นได้ชัดว่ามันต้องการอะไร ย่อม
ไม่,พ้นมันต้องการโอสถเจ้า
โลกาผยอง เอาไปแก้อาการของขาดแน่นอน น่าเสียดายที่ครานี้มันคง
ต้องนอน...หล่องห้าย เพราะหลินฟานใช้โอสถเจ้าโลกาผยองไปหมด
สินแล้ว และเขาเองก็
ไม่,มีวัตถุดิบที่จะสร้างมันเพิ่มหลงเหลืออีกด้วย

"เอาล่ะ เจ้าจะได้รับมันพรุ่งนี้ ตอนนี้รบไปจัดการตระเตรียม
บ้านพักให้แก
,
ศิษย์น้องตัวน้อยของเจ้าก่อน หากมันมีอะไรไม่เรียบร้อย
หรือยังสกปรกอยู่ ช้าต้องการให้ทั้งหมดหายไปและเรียบร้อยที่สุด" ใน
ทีสุดหลินฟานก็สามารถรับ
ศิษย์ตัวน้อยราวกับ โลลิต้า เช้ามาเป็นมาส
คอต ของนิกายได้สำเร็จเขาต้องดูแลนางให้ดี

"ขอรับท่านประมุข" ชั่งเอ้อกั๋วและเฟ่งปู้จู่รับคำ พร้อมทำความ
เคารพก่อนที่จะรีบไป

ในใจของพวกมันก็บังเกิดความอิจฉาขึ้นมาอยู่บ้าง ที่หลินฟานดู
เหมือนจะให้ความสำคัญแก่สิษย์น้องตัวน้อยคนนี้มากนัก

เมื่อพวกเอ้อกั๋วจากไป หลินฟานเองก็หยิบลูกสิงโตหิมะขึ้นมาดู
ลิงโตหิมะนี้กล่าวได้ว่าสืบเชื้อสายมาจากราชสีห์เหมันต์ครองฟ้า อัน
เป็นสัตว์อสูรโบราณในยุคบรรพกาล เมื่อต้องการเพิ่มระดับของลูก
ลิงโตหิมะตัวน้อยตัวนี้ให้มีความแข็งแกร่งและระดับเท่าเทียมอย่าง

สัตว์อสูรโบราณตัวนั้น แน่นอนว่ามันมีเพียงหนทางเดียวที่เขาจะทำได้
...นั้นคือยกระดับสายเลือดของมัน ให้กลายเป็นสายเลือดบริสุท

แต่สำหรับสัตว์อสูรแล้วการที่จะยกระดับสายเลือดของพวกมันให้
บริสุทนั้น เขาก็ต้องพึงพาดวามช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกจากยกระดับ
บ่มเพาะของพวกมัน...และนั้นคือใช้โอสถ

และตอนนี้ด้านหน้าของหลินฟานก็เลือดหยดหนึ่งลอยออกมา มัน
เป็นแก่นโลหิตที่ได้มาจากแม่ของสิงโตหิมะตัวน้อยนี่ สำหรับสิงโตหิมะ
ตัวน้อยนี่เขานั้นใจว่าแก่นโลหิตของราชสีห์เหมันต์ครองฟ้านึ่ย่อมมี
คุณค่าและประโยชน์กับมันอย่างมหาศาล

ลูกสิงโตตัวน้อยเมื่อมันได้กลิ่นแก่นโลหิตที่คุ้นเคย แม้ว่ามันจะยังไม่
สามารถเปิดตาได้ แต่มันก็เริ่มขยับลิ้นน้อยๆสีชมพูของมันมาเลียที่มีอ
หลินฟานแผล่บๆ

เขาวางลูกสิงโตหิมะตัวน้อยลงบนพื้น ก่อนที่เขาจะหงายมือขวา
และจุดเปลวเพลิงหลอมกลั่นสวรรค์และโลกขึ้นมาที่มือขวา พร้อมทั้ง
โยนแก่นแห้โลหิตเช้าไปทันที เพื่อหลอมกลั่นให้มันยกระดับสูงขึ้น

แม้ว่าแก่นแท้โลหิตนี้จะมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อลูกสิงโตหิมะ
ตัวน้อย แต่เขาก็ไม่คิดให้มันกินโลหิตนี้ทันที


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น