วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

321

 


ตอนที่ 321 : รางวัลที่คู่ควร หลันฮัวอวี้พอได้เห็นดังนี้ เขาถอนหายใจด้วยความหมดหวัง “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราเกือบจะทําสําเร็จแล้ว! พวกเราจะได้มีรอยสักโท

เทมเป็นของตัวเองกันเสียที!” ชายชรากล่าวออกด้วยความยินดี พวกเขาล้วนมองภาพในกระจก ความตื่นเต้นปรากฏไม่อาจเก็บมิด ฉินหยุนโกรธอย่างรุนแรง เขาทราบว่ามีหลายคนรับชมเรื่องราวอยู่

กระนั้นกลับไม่มีใครเข้ามาห้ามปราม!

 

ทันทีที่คิดเช่นนี้ เขาทราบว่าต้องมีคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสี คราม คิดครอบครองรอยสักโทเทมของเขาอยู่

 

จนถึงตอนนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ารอยสักโทเทมกําลังจะถูกดึง ออกไป!

 

กระบวนการเป็นไปอย่างปวดร้าว ราวกับแขนราชสีห์สวรรค์กําลัง ถูกทิ่มแทงโดยเข็มนับพันเล่ม!

 

เป็นเขาเจ็บปวดรุนแรงจนไม่อาจทําอื่นใด จิตใจเริ่มพร่าเลือน อาการ บาดเจ็บตามร่างกายยิ่งทําให้หมดแรงเกินกว่าจะสู้กลับ

 

เขาถึงขั้นเกลียดชังตัวเอง ที่จนกระทั่งถึงเมื่อครู่ไม่ยอมสู้กลับ


 


 


 


เขาไม่คิด ว่าหวงอวี้คุนจะถึงขั้นมีวัตถุที่พรากเอารอยสักโทเทมออก ไปได้

 

“ต้องขออภัยแล้ว โทเทมราชสีห์สวรรค์ เป็นข้าไร้ประโยชน์นัก ถึง ขั้นล้มเหลวไม่อาจทําเพื่อเจ้าได้! แต่ข้าสัญญา ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ข้าย่อมต้องล้างแค้นให้!”

 

ฉินหยุนกรีดร้องอยู่ภายใน

 

ขณะที่เขาสิ้นหวังอยู่นั้นเอง แขนพลันสั่น สว่างวูบออกด้วยแสงสี องม่วง

 

“นี่… วัชระวิญญาณยุทธ์ออกจากร่าง!” ฉินหยุนไม่ทราบว่านี่เป็น เรื่องอะไร แต่แขนราชสีห์สวรรค์คล้ายหลบหนีออกมาด้วยตัวเอง

 

หากเป็นในช่วงเวลาปกติ มันต้องใช้พลังจิตเพื่อควบคุมสั่งการจึง ปลดปล่อยออกมาได้!

 

วิญญาณยุทธ์ของแขนราชสีห์สวรรค์ เป็นบอลอสนีบาตและอัคคี หลอมรวมกันอยู่ หลังเผ่นหนีออกมาได้ มันพุ่งเข้าหาหวงอวี้คุน!

 

หวงอวี้คุนไม่คิด ศีรษะของเขาปะทะเข้ากับวิญญาณยุทธ์ทันทีที่พบ ห็นเรื่องราว

 

วิญญาณยุทธ์นี้คล้ายมีโทสะรุนแรง มันพุ่งเข้าหาศีรษะของหวงอวี้ คุน ทั้งยังเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย!


 


 


 


“อ๊าก!” หวงอวี้คุนกรีดร้อง ไข่มุกสีนํ้าเงินส่องสว่างในมือร่วงหล่น กับพื้น

 

ด้วยไข่มุกไร้ผู้ครอบครองสั่งการ รอยสักโทเทมจึงเริ่มกลับคืนสู่ แขนของฉินหยุน

 

ความเจ็บปวดของฉินหยุนค่อยทุเลา จิตใจเริ่มกลับมามั่นคงอีกครั้ง เขาเร่งรีบควบคุมอุปกรณ์ผังธาตุแสงรักษาอาการบาดเจ็บ พร้อมกัน นี้ ยังตั้งจิตเตรียมใช้งาน เคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร!

 

วิญญาณยุทธ์ที่เข้าสู่ร่างของหวงอวี้คุน หลุดลอยกลับออกมา คืนสู่ แขนของฉินหยุน

 

เมื่อครู่ ใบหน้าของหวงอวี้คุนบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เป็นการ โจมตีจากวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคี!

 

เขาคํารามร้องกราดเกรี้ยว กระทั่งนําเอาอาวุธออกมาเตรียมปะทะกับ ฉินหยุน!

 

“ไปตายซะ!” ฉินหยุนคํารามออก ส่งคลื่นพลังจิตผ่านเคล็ดวิชารวม จิตวิญญาณสังหาร ลําแสงสองสายถูกยิงออกจากดวงตาของเขา พุ่ง เข้าหาหวงอวี้คุนที่ไม่อาจต่อต้าน

 

หวงอวี้คุนเมื่อโดนเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร จิตสํานึกของเขา เลือนหายวับกับตา ร่างล้มลงกับพื้น


 


 


 


ฉินหยุนปลดปล่อยขุมพลังภายในขั้นสูงจากแก่นภายในทั้งสามใน ร่าง ควบแน่นพวกมันที่แขนราชสีห์สวรรค์ ปลดปล่อยเคล็ดวิชา ระเบิดปราณ เข้าปะทะไปยังร่างของหวงอวี้คุน!

 

ตู้ม!

 

เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของหวงอวี้คุนกลายเป็นหมอกสีแดงฉาน!

 

กระทั่งชุดเกราะที่สวมใส่ ยังแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ระจัดกระจายไปทั่วห้องประลองแห่งนี้

 

กลุ่มผู้อาวุโสที่รับชมเรื่องราวอยู่ ล้วนกายแข็งทื่อ มองกระจกบน ผนังด้วยอาการแตกตื่น!

 

พวกเขาคิด ว่าหวงอวี้คุนสมควรสะกดข่มฉินหยุนได้โดยสมบูรณ์ ใครกันจะคิดว่าหลังฉินหยุนฟื้นตัวขึ้นได้ เขาจะลงมือได้อย่าง โหดเหี้ยมเพียงนี้!

 

ฉินหยุนบาดเจ็บไม่น้อย ด้วยการฝืนใช้เคล็ดวิชาระเบิดปราณ มันทํา เอาเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่นอนนิ่งกับพื้น ปล่อยจิตใจที่อ่อนล้า คจรพลังของผังธาตุแสงฟื้นฟูร่างกาย

 

หลันฮัวอวี้กลายเป็นหัวเราะ “หวงอวี้คุนรนหาที่ตาย เห็นหรือไม่ว่า รอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์รักฉินหยุนมากเพียงใด? ถึงขั้นก่อร่าง วิญญาณยุทธ์ออกมาปกป้องเจ้านายของมันเอง!”


 


 


 


“ฉินหยุนสมควรตาย!” ชายชราคนหนึ่งตะโกนกราดเกรี้ยว “ฉินหยุนไม่ได้ขัดต่อกฎ! หากเจ้าคิดสังหารเขา ข้าขอคิดสู้จนตัวตาย ที่นี่!”

หลันฮัวอวี้กล่าวเสียงเย็น จิตสังหารท่วมท้น ขณะนําเอาแผ่นยันต์สี นํ้าเงินออกมาสองแผ่น

ได้เห็นแผ่นยันต์สีนํ้าเงินในมือ สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยน ฝีเท้า ต้องถอยกลับไปหลายก้าว

 

“ยันต์ลึกลํ้า!”

หลันฮัวอวี้แค่นเสียง “ว่าอะไร? กลัวตายเป็นแล้วหรือไง?” หาได้มีผู้อาวุโสคนใดกล่าวคําตอบกลับมาไม่ หวงอวี้คุนตายไปแล้ว ในสายตาของพวกเขา ชีวิตของพวกเขาลํ้าค่า กว่า จะยอมเสี่ยงเพื่อคนตายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา “หวงอวี้คุนเป็นนักบุญ จ้าวตําหนักใหญ่ย่อมต้องสืบสวนถึงความ ตายของเขา!” หลันฮัวอวี้แค่นเสียงกล่าวออก “ถึงตอนนั้นคิดให้ คําอธิบายว่าอย่างไรเล่า?” “หวงอวี้คุนนําอาวุธออกมาโจมตีฉินหยุนที่ได้รับบาดเจ็บ ฉินหยุน ใช้พลังจิตป้องกันตัว นี่เป็นความผิดพลาดของหวงอวี้คุนเอง” จ้าว ําหนักตะวันตกกล่าวตอบเสียงเบา


 


 


 


ายชราผู้อื่นต่างพยักหน้ารับ

 

หลันฮัวอวี้แค่นเสียงเย็นตอบ พวกเจ้าถึงกับปล่อยวางง่ายดายนัก!”

 

เป็นเขาลอบหวาดกลัว เมื่อครู่ฉินหยุนเกือบจบสิ้นไปแล้ว เมื่อครู่ หลันฮัวอวี้ยังคิดออกไปสู้ปกป้องอีกฝ่ายด้วยซํ้า! กระนั้น เขาก็ยังมีข้อกังวลอยู่ เมื่อได้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิด

ระหว่างฉินหยุนและรอยสักโทเทม เขาหาได้มีความกังวลใดอีกไม่ เป็นเขากล้าสาบานกับตัวเองว่าจะปกป้องฉินหยุนเอาไว้

 

กระทั่งเขา ยังคิดว่ารอยสักโทเทมของฉินหยุนไม่ธรรมดา ครั้งก่อน ขายังคิดว่าเป็นเพียงโทเทมมรณะอยู่เลยด้วยซํ้า

 

แต่เมื่อครู่ เขาได้เห็นกับตาตัวเอง วิญญาณโทเทมถึงกับออกมาด้วย ตัวเอง และทําการปกป้องเจ้านายไว้ นี่หมายความถึงวิญญาณโทเทม เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแรงกล้า มันคือจิตวิญญาณโทเทมที่อยู่ในสภาพ ที่ดีที่สุด!

 

ฉินหยุนนั่งพิงกําแพง หลับตาลง ปล่อยให้พลังของผังธาตุแสงช่วย ทําการรักษาอย่างเงียบงัน

 

เขาไม่ทราบว่าสังหารหวงอวี้คุนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงเกียจ คร้านเกินจะคิดแล้ว


 


 


 


ตอนนี้ เขาได้แต่คิดขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่า เพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ดี เพื่อให้ได้รับผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต มันจะทําให้เขายิ่งใกล้ก้าวถึง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

 

ฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ด้วยผังธาตุแสงและวิถี หัวใจเหลืองดํา ความเร็วการฟื้นตัวของเขารวดเร็วยิ่ง พักเพียงครึ่ง ชั่วยาม เขาก็ฟื้นฟูกลับมาได้มากแล้ว

 

ที่ชั้นล่างของหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม ผู้คนกําลังรับชมหน้าต่าง ชั้นบนที่เปิดออก

 

“ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่เลือกกระโดดออกจากหน้าต่าง พวกเขาไปถึงได้ เพียงชั้นสาม กระทั่งพวกนักบุญยังไม่อาจใช่คู่ต่อสู้ของหุ่นเชิดพวก นั้น!”

 

“ตอนนี้ ฉินหยุน จี้ไค่หลิน และหวงอวี้คุนยังอยู่ในหอคอย ด้วย หน้าต่างชั้นสี่ที่เปิดออก น่าจะเป็นพวกเขา!”

 

ผู้คนเบื้องล่างหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีครามไม่ทราบสถานการณ์ ด้านบนกระจ่างชัด พวกเขาได้แต่คาดเดา ว่าผู้ใดที่ไปถึงชั้นนั้นและ ทําให้หน้าต่างเปิดออกได้

 

ฉับพลันนี้เอง หน้าต่างชั้นที่ห้าถูกเปิดออก!


 


 


 


“มีคนขึ้นไปถึงชั้นที่ห้าแล้ว ผู้ใดกัน?” ชายชราคนหนึ่งอุทานร้อง “ยังต้องถามอีกหรือ? สมควรเป็นจี้ไค่หลินแล้ว! มีแต่เขาที่สามารถ ไปถึงชั้นที่ห้า เพราะเขาสวมใส่ชุดเกราะวิญญาณระดับราชัน!” “หุ่นเชิดที่ชั้นสามก็แข็งแกร่งมากพอแรงแล้ว ที่ชั้นห้าจะแข็งแกร่ง เพียงใดกัน? แค่คิดก็ไม่กล้าแล้ว!”

ผู้ฝึกตนที่ไปถึงชั้นที่สาม เริ่มนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของ พวกเขาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว เซียงอวี้เป็นผู้ชี้แนะของจี้ไค่หลิน ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยรอยเหี่ยวย่น

ชราภาพ กระนั้นเผยความยินดีแก่ตนเองออก จากที่เห็น เขามั่นใจว่า ตนสมควรได้รับชัยชนะแล้ว

หากจี้ไค่หลินได้รับอันดับหนึ่ง เช่นนั้นเขาจะได้ยาเหลวฟื้นคืนร่าง กาย กับยาเหลวกล้ามเนื้อหยก มันจะฟื้นคืนความเยาว์วัยให้แก่เขา ไม่นานนัก หน้าต่างชั้นที่หกพลันเปิดออก ผู้คนที่รอคอยด้านล่าง ของหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม ร้องออกด้วยนํ้าเสียงไม่อาจเชื่อ ในสายตาพวกเขา หุ่นเชิดที่ชั้นห้าสมควรแข็งแกร่งมากลํ้าแล้ว กระนั้นมันกลับพ่ายแพ้!

เขามองไปยังหยางฉีเย่ว์ แค่นเสียงกล่าวออก “แม่นางหยาง เป็นไป ได้ว่าฉินหยุนพิการแน่นิ่งที่ชั้นสี่ เขาย่อมไม่อาจไปยังชั้นที่สูงกว่า นั้นได้!”


 


 


 


หยางฉีเย่ว์แค่นเสียงเล็กน้อย เมินเฉยอีกฝ่าย

 

เขายิ่งยิ้มยินดีต่อความไม่พอใจของนาง!

 

ชั่วขณะนี้ หลายคนต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเซียงอวี้ ที่สามารถ ด้รับความเยาว์วัยกลับคืน

 

ชายชราที่เดินเข้ามา ยิ้มและกล่าวออก “ผู้อาวุโสเซียง เวลาใกล้ หมดแล้ว จี้ไค่หลินสมควรชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้อาวุโสที่รับ หน้าที่จัดการแข่งขันจะประกาศผลลัพธ์ในไม่ช้า! เช่นนั้นข้าขอ แสดงความยินดีต่อท่านก่อน!”

 

เชี่ยวหยางหลงเองก็เดินเข้ามายิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสเซียง ขอแสดงความ ยินดีที่ท่านได้รับความเยาว์วัย!”

 

เซียงอวี้เป็นบุคคลที่ชราภาพที่สุดในที่แห่งนี้แล้ว แม้เขาเป็นบุคคล ชั่วช้าและตํ่าทราม กระนั้นก็มีหลายคนกล่าวคําหวานหยอดไว้เผื่อ รื่องราวภายหน้า

 

ชายชราที่เข้ามาแสดงความยินดีต่อเซียงอวี้มีหลายสิบคน ทั้งยังมี ผู้เยาว์อีกจํานวนนับร้อยคน

 

“มิตรสหาย คืนนี้ ข้าขอเชิญพวกเจ้าทั้งหมดไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง ต่อการที่ข้าได้ฟื้นคืนความเยาว์วัย!”


 


 


 


เขายืนขึ้นอย่างภาคภูมิ หัวเราะออกอย่างสุขใจ

 

ตอนนี้เอง สี่จ้าวตําหนักเดินออกมา พร้อมหลันฮัวอวี้ และผู้อาวุโส อีกหลายคนที่ลงมาจากชั้นเก้า

 

“การแข่งขันรอบที่สี่เสร็จสิ้นแล้ว!” ชายชราประกาศดัง เขานําเอายา เหลวกล้ามเนื้อหยก และยาเหลวฟื้นคืนร่างกายออกมา จากนั้นจึง ค่อยเดินเข้าไปหาฝูงชน

 

เซียงอวี้ยิ้มกว้าง เร่งรีบคิดเข้าไปรับไว้ด้วยความตื่นเต้น

 

ผู้คนข้างกายเข้าล้วนยิ้มแย้ม ตราบเท่าที่อีกฝ่ายรับรางวัลไว้ พวกเขา ะเร่งรีบหยอดคําหวานป้อยอเพิ่มอีกโดยทันที

 

กระนั้น ผู้อาวุโสกลับเดินผ่าน เป็นเขาเดินไปหาหยางฉีเย่ว์!

 

“แม่นางหยาง ฉินหยุนขึ้นไปถึงชั้นที่หก จึงได้รับอันดับหนึ่ง ขอ แสดงความยินดีด้วยแล้ว!” ผู้อาวุโสส่งขวดหยกขนาดเล็กสองใบ ให้แก่หยางฉีเย่ว์

 

เซียงอวี้และกลุ่มคนกลายเป็นตัวแข็งทื่อกล่าวอะไรกันไม่ออก!

 

โดยเฉพาะกับเซียงอวี้ ผู้ซึ่งสมควรต้องอับอายมากที่สุดแล้ว เขาและ ผู้คนต่างเชื่อ ว่าเขาจะต้องได้รับรางวัล พวกเขายังร่วมแสดงความ ยินดีกันอยู่เลย แต่แล้ว


 


 


 


ผู้ที่ไปยังชั้นที่หกได้กลับเป็นฉินหยุน!

 

หยางฉีเย่ว์เองก็ประหลาดใจขณะรับรางวัลเอาไว้ นางรู้สึกว่าฉิน ยุนไปถึงชั้นที่สี่ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

 

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็ไม่ได้ครอบครองอุปกรณ์ป้องกันอันแข็งแกร่ง ขาค่อนข้างขาดการเตรียมการกว่าผู้อื่นไม่น้อย

 

แต่แล้วใครกันจะคิด ว่าจะเป็นเขาที่สามารถไปถึงชั้นที่หก และ ได้รับอันดับหนึ่งไปครอง!

 

“เรื่องนี้ ผู้พิทักษ์จาง… มีอันใดผิดพลาดหรือไม่?” สีหน้าของเซียง อวี้แปรเปลี่ยน เร่งร้อนเอ่ยถาม

 

“มีทั้งสิ้นสามคนที่สามารถไปยังชั้นที่สี่ ได้แก่ฉินหยุน หวงอวี้คุน และจี้ไค่หลิน!”

 

“จี้ไค่หลินได้เอาชนะหุ่นเชิดที่ชั้นสี่ กระนั้นกลับได้รับบาดเจ็บไม่ น้อย ไม่เพียงเท่านั้น ชุดเกราะวิญญาณระดับราชัน ยังเกิดความ เสียหาย ดังนั้นจึงไม่อาจไปยังชั้นถัดไปได้!”

 

“สําหรับหวงอวี้คุน ด้วยข้อพิพาทกับฉินหยุนในห้องประลองที่ชั้น สี่…” พอผู้อาวุโสกล่าวถึงตรงนี้ หลายคนให้ความสนใจ

 

ผู้พิทักษ์จางถอนหายใจและกล่าวต่อ เพราะหวงอวี้คุนทําการขัดต่อ กฎ ใช้อาวุธในการดวลกับฉินหยุน เขาจึงถูกฉินหยุนสังหาร


 


 


 


ทางด้านฉินหยุนก็บาดเจ็บ กระนั้นเขากลับรักษาตัวได้รวดเร็วยิ่ง และยังมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง การโจมตีหุ่นเชิดด้วยพลังจิต จึงทําให้ เขาสามารถขึ้นไปยังชั้นที่หกได้โดยง่ายดาย!”

 

จุดอ่อนของหุ่นเชิด แท้จริงแล้วพวกมันหวาดกลัวต่อพลังจิต! พลังจิตของฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด ผู้คนต่างทราบ กระนั้นเรื่องที่หวงอวี้คุนถูกสังหาร กลับถูกสังหารง่ายดายเพียงนั้น! ขณะผู้คนสูญเสียปากคํา เซียงอวี้กล่าวขึ้น “ผู้พิทักษ์จาง ฉินหยุนมี

พลังจิตแข็งแกร่ง นี่จะเป็นการไม่ยุติธรรมที่เขาสามารถจัดการหุ่น เชิดได้อย่างง่ายดาย!”

 

เซียงอวี้มองไปยังขวดหยกทั้งสองในมือหยางฉีเย่ว์ เขาทั้งริษยาและ ม่ยินดีอย่างถึงที่สุด

 

ทันใดนี้เอง ฉินหยุนจากชั้นที่หก และจี้ไค่หลินจากชั้นที่สี่ ก็ลงมาถึง ด้านล่างแล้ว


 


 


 


ตอนที่ 322 : ดาบชีพจรอสนีบาต

 

เมื่อจี้ไค่หลินลงมา เขาเร่งรีบเอ่ยถาม “อาจารย์ ผลลัพธ์เป็นเช่นไร? ไม่มีผู้ใดไปถึงชั้นที่ห้าได้ใช่หรือไม่?”

 

เขารู้สึก ว่าในเมื่อตนไม่อาจไปถึงชั้นที่ห้า ผู้อื่นก็ยิ่งไม่อาจ

 

ตอนนี้เอง ผู้คนจึงได้เห็นชุดเกราะของจี้ไค่หลินที่เสียหายหลาย ตําแหน่ง เพียงมองพวกเขาก็ทราบ ว่าหุ่นเชิดที่ชั้นสี่แข็งแกร่ง เพียงใด

 

“ฉินหยุนไปถึงชั้นที่หก ทว่ามันไม่เป็นการยุติธรรม เพราะเขาใช้ พลังจิตทรงพลังทําการโจมตีใส่หุ่นเชิด!” เซียงอวี้จู่อวี้กล่าวออก

 

เขามองฉินหยุนอย่างโกรธเคือง กล่าวด้วยความไม่พอใจรุนแรง “เป็นเขาไม่มีคุณสมบัติได้รับรางวัล!”

 

หยางฉีเย่ว์พลันแค่นเสียง “พลังจิตเอง ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความ แข็งแกร่งส่วนบุคคล! ฉินหยุนมีเพียงหนึ่งเส้นวิญญาณ เขาต้องผ่าน ความขื่นขม ฝึกฝนพลังจิต และทําให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เหตุใด ท่านจึงบอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ?”

 

“ฉินหยุนหาได้กระทําผิดใดต่อกฎ เป็นเขาไปถึงชั้นที่หกด้วย พละกําลังของตนเอง!” ผู้พิทักษ์จาง นําเอากล่องไม้ออกมา และส่ง


 


 


 


มอบแก่ฉินหยุน “ฉินหยุน นี่คือรางวัลของเจ้า ผลึกแก้วหยกอักขระ ชีวิตอยู่ภายใน!”

ฉินหยุนรับเอาไว้โดยทันที ทั้งนี้ยังหัวเราะคิกคักดังให้ได้ยิน จี้ไค่หลินได้แต่ริษยาแล้ว หมัดของเขานั้นกําเอาไว้แน่นขณะกล่าวคํา ออก “นอกจากข้า มีผู้อื่นขึ้นไปถึงชั้นที่สี่หรือไม่?”

“ย่อมมี เป็นหวงอวี้คุน! กระนั้น ระหว่างประลองกับฉินหยุน เขาขัด ต่อกฎนําเอาอาวุธออกมาใช้งาน ดังนั้นจึงถูกฉินหยุนสังหาร!” คํา กล่าวของผู้พิทักษ์จาง ทําเอาหัวใจของจี้ไค่หลินเต้นผิดจังหวะ หวงอวี้คุนอยู่ร่วมกับเขามาก็หลายปี อีกฝ่ายถึงขั้นถูกฉินหยุนสังหาร! ชัดเจนว่าฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่งกว่าหวงอวี้คุน!

“เรื่องนี้… ท่านไม่คิดลงโทษต่อฉินหยุนหรือ? เขาถึงขั้นลงมือ สังหารนักบุญที่มีฝีมือไป!”

จี้ไค่หลินชี้หน้าฉินหยุน กล่าวด้วยความโกรธแค้น หลันฮัวอวี้หัวเราะเย็นชา “หวงอวี้คุนเป็นฝ่ายละเมิดกฎก่อน ผู้ใดที่ เจ้าคิดร้องเรียนเรื่องนี้?” ชายชราหลายคนจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม ต่างทราบดี แก่ใจว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิด หากเรื่องราวถูกหยิบยกขึ้นมา และหาก จ้าวตําหนักศักดิ์สิทธิ์ทราบเรื่อง พวกเขาคงโดนร่างแหไปด้วย


 


 


 


“เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้! วันพรุ่งนี้ ฉินหยุนและจี้ไค่หลินจะประลอง ยุทธ์ในรอบสุดท้าย จัดขึ้นที่ลานประลองยุทธ์ของตําหนักยุทธ์ วิญญาณ!”

 

ผู้พิทักษ์จางกล่าวอย่างสงบ “พวกเจ้าล้วนเหนื่อยแล้ว กลับไป พักผ่อนเสีย!”

 

ผู้ที่เกิดความรู้สึกยํ่าแย่เกินผู้ใดกล่าวย่อมเป็นเซียงอวี้แล้ว!

 

เมื่อครู่ หลายคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีแก่เขา คิดว่าเขาสมควร ได้รับรางวัลแน่แล้ว!

 

ทั้งนี้ยังคิดเชิญชวนผู้อื่นร่วมงานดื่มกินฉลอง แต่พอตอนนี้ ด้วยไม่มี รางวัลใดตกถึงมือ เขารู้สึกสูญเสียและพ่ายแพ้ ทั้งยังริษยาและกราด เกรี้ยว

 

แน่นอนว่าอารมณ์นี้ไม่อาจปล่อยออกที่ตรงนี้ได้

 

“อาจารย์หยาง หากท่านได้รับยาเหลวฟื้นคืนร่างกาย กับยาเหลว กล้ามเนื้อหยก ท่านคงไม่มีทางชราภาพแล้ว” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “กลับกันดีกว่าขอรับ!”

 

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับยินดี ก่อนจะเดินกลับไปยังป่าน้อยของหลัน ฮัวอวี้กับฉินหยุน หลันเฟิงจิน และคณะ


 


 


 


หางตาของเชี่ยวหยางหลงกระตุกรุนแรงขณะรับชม หยางฉีเย่ว์เป็น คู่หมั้นของเขา และยังมีงานพิธียิ่งใหญ่รออยู่ แต่แล้ว นางกลับจากไป พร้อมฉินหยุน อยู่ร่วมด้วยกันหลายต่อหลายวัน ทั้งพูดคุยและหัวเราะ ด้วยกัน

 

เท่าที่เขาจําได้ หยางฉีเย่ว์มีแต่จะแค่นเสียงเย้ยหยันใส่เขา นางไม่เคย เผยรอยยิ้มห่วงใยและอ่อนโยนแม้สักครั้ง พอคิดเช่นนี้ มันยิ่งทําเขา กราดเกรี้ยวมากขึ้น

 

ฉินหยุนค่อนข้างเหนื่อยล้า กระนั้น ระหว่างทางกลับก็บอกเล่าถึง รื่องราวที่เปิดศึกระหว่างเขาและหวงอวี้คุน

 

ได้ยินเรื่องราว หยางฉีเย่ว์และหลันเฟิงจินต่างโกรธแค้น

 

จ้าวฉวนขมวดคิ้ว “ไข่มุกสกัดโทเทม ของเช่นนี้กระทั่งในแดนยุทธ์ อ้างว้างยังยากพบเห็น ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามมีพวกมันอยู่ ในครอบครอง กระนั้นก็มีเพียงน้อยนิด ช่างน่าสงสัยนัก!”

 

“ย้อนกลับไปครั้งที่สํานักจารึกยังอยู่จุดสูงสุด พวกเขาขัดเกลาหลาย ต่อหลายสิ่งออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีพวกมันเก็บเอาไว้ ข้าไม่คิด เลยว่าพวกมันจะถึงขั้นนําออกมาใช้! ตาเฒ่าพวกนั้น ฉวยโอกาส ตอนนี้จ้าวตําหนักใหญ่เก็บตัวฝึกฝน ก่อการตามใจพวกมัน ลันฮัวอวี้โพล่งออกด้วยความโกรธ


 


 


 


“ข้ายังมีนัดแข่งพรุ่งนี้ ขอตัวไปพักก่อนนะขอรับ!” ฉินหยุนนําเอา ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตออกมา “เจ้าสิ่งนี้ใช้เช่นไรขอรับ? ข้า สามารถใช้มันคืนนี้ได้หรือไม่?”

 

หลันฮัวอวี้ตอบ “ไม่น่าได้ สิ่งนี้จําเป็นต้องใช้สองถึงสามวันเพื่อ ดูดกลืน ดีที่สุดคืออย่าได้ลอง หากลองเจ้าก็ไม่อาจเข้าร่วมการ แข่งขันประลองยุทธ์ในวันพรุ่งนี้!”

 

ฉินหยุนเก็บผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต จากนั้นจึงเร่งรีบกลับบ้านไม้ หลังน้อยของตัวเอง

 

เขาถอดอุปกรณ์ผังธาตุแสงออก ชําระร่างกายที่เปรอะเปื้อน นอนทิ้ง ตัวบนที่นอนนุ่ม

 

ขาหลับตาลงและนึกถึงยิ้มหวานของหยางฉีเย่ว์ครั้งได้รับรางวัล

ป็นเขาลอบยินดีในหัวใจจนกระทั่งหลับใหลไป

 

รุ่งสาง ฉินหยุนตื่นขึ้น สวมใส่ชุดสีขาวที่หยางฉีเย่ว์ถักทอขึ้นให้

 

พอเดินออกจากห้อง เขาได้เห็นหยางฉีเย่ว์และหลันเฟิงจินกําลัง เตรียมขนมน่าอร่อย พวกมันถูกจัดเรียงเอาไว้บนโต๊ะหินด้านนอก

 

ด้วยการฝึกฝนระดับฉินหยุน การกินขนมพวกนี้หาได้ช่วยเติมเต็ม ลังงานแก่เขาแต่อย่างใด


 


 


 


กระนั้น ที่หยางฉีเย่ว์มอบให้เขากลับเป็นการให้กําลังใจ โดยเฉพาะ เมื่อตอนที่ต้องเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ มันจะทําให้ใจเขาสงบลงได้ มาก

 

“เจ้าตื่นมาทําอะไรเช้าเพียงนี้? ไม่คิดนอนต่ออีกหน่อยหรือไร?”

 

หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามและยิ้มให้ นางและหลันเฟิงจิน ต่างสวมใส่ชุด ลุมสีนํ้าเงินทองคําของตําหนักศักดิ์สิทธิ์

 

ทั้งสองมองกันเอง พวกนางมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ด้วยความงาม สองประเภทที่แตกต่างกันนี้ มันทําเอาฉินหยุนลอบชื่นชมไม่ได้

 

ฉินหยุนยิ้มกล่าวตอบ จิตวิญญาณข้าตอนนี้ลุกโชนนัก!”

 

จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ไม่ได้อยู่ในบ้านไม้ตลอดทั้งคืน พวกเขาเอา แต่ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องวิถีจารึกแห่งเต๋า ตลอดทั้งคืนหาได้หลับ อนไม่

 

ระนั้นพวกเขาก็เร่งรีบกลับมารับประทานอาหารเช้าพร้อมฉินหยุน

 

กระทั่งหลันฮัวอวี้ ยังเกิดข้อสงสัยว่ารางวัลในการประลองยุทธ์รอบ สุดท้ายจะเป็นสิ่งใด

 

ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันที่ตําหนักยุทธ์วิญญาณ


 


 


 


ในการแข่งขันรอบก่อนหน้า ศิษย์หลายคนของตําหนักดวงดาว ม่ได้รับชม

 

แต่ตอนนี้ ในที่สุดก็เป็นศึกสุดท้ายระหว่างจี้ไค่หลินและฉินหยุน!

 

จี้ไค่หลินครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตํานาน กิเลนสายฟ้า ทั้งยัง ครอบครองเจ็ดเส้นวิญญาณ!

 

ในตําหนักศักดิ์สิทธิ์ หากไม่นับขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาถือเป็น นักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แทบเทียบเท่าได้กับเชี่ยวเย่ว์หลาน

 

ฉินหยุนครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ และวิญญาณยุทธ์ อสนีบาตอัคคีทองม่วง เขาคือผู้ชนะเลิศในการแข่งขันจารึก

 

ทั้งนี้ เขายังเป็นอาจารย์จารึกอายุเยาว์ที่มากล้นพรสวรรค์ ระดับของ วิถีจารึกของเขานั้น เหนือลํ้ายิ่งกว่าอาจารย์จารึกเฒ่าชราหลายต่อ หลายคน

 

ระหว่างจี้ไค่หลินและฉินหยุน ความแตกต่างถือว่าไม่มาก จี้ไค่หลิน เพียงแก่กว่าฉินหยุนราวหนึ่งถึงสองปี กระนั้น พรสวรรค์กลับมี ใกล้เคียงกัน

 

ส่วนว่าผู้ใดแข็งแกร่งและผู้ใดอ่อนแอ หลังผ่านมาหลายวัน ผู้คนก็ยัง ต้เถียงกันไม่เลิกว่าผู้ใดสมควรแข็งแกร่งกว่า


 


 


 


บางคนเชื่อว่าฉินหยุนแข็งแกร่งกว่าจี้ไค่หลิน ขณะที่บางคนก็เชื่อว่า พละกําลังของจี้ไค่หลินเหนือลํ้ากว่าฉินหยุน

 

หากเทียบกันแล้ว ความเห็นแบ่งออกไปกันคนละครึ่ง ก่อนนัดประลองเริ่มขึ้น หลายคนก็เริ่มโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนแล้ว เป็นที่ทราบกันดีหลังผ่านมาหลายรอบ ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์หลายคนมี

ความประทับใจที่ดีต่อฉินหยุน

 

โดยเฉพาะกับความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของฉินหยุน มันทําเอาหลายคน ประทับตราตรึงใจ

 

หากเปรียบเทียบ ความหยิ่งผยองของจี้ไค่หลิน และท่าทีเหนือกว่า ผู้อื่นของเขา ทําเอาหลายคนรังเกียจ

 

จี้ไค่หลินมาถึงเป็นคนแรก เขาในวันนี้สวมใส่ชุดสีนํ้าเงินหรูหรา มือ ทั้งสองไพร่ไว้ด้านหลัง ยืนหยัดอย่างอหังการอยู่บนลานประลอง ยุทธ์

 

ดวงตานั้นเปี่ยมด้วยความหยิ่งยโสไร้สิ้นสุด เขากวาดสายตามองผู้ ที่มารับชมอย่างเย็นชา

 

ลานประลองถูกสร้างขึ้นในเวลาชั่วข้ามคืน มันกว้างราวหนึ่งร้อย เมตร ล้อมเอาไว้ด้วยเสาอาคมเจ็ดสิบสองต้น โดยมีผังวิญญาณ แกะสลักเอาไว้


 


 


 


เสาอาคมเหล่านี้สูงสามเมตร ถูกสร้างขึ้นจากผลึกแก้วใสกระจ่าง

 

เขาไม่ทราบว่าวัสดุเช่นนี้ขัดเกลาขึ้นด้วยอะไร แต่มันมีหน้าที่เพื่อคุ้ม กันลานประลองยุทธ์จากขุมพลังรุนแรง ไม่ให้ออกไปนอกลาน ประลองแต่อย่างใด

 

พอฉินหยุนมาถึง เขาเร่งรีบขึ้นไปด้านบนลานประลอง ยืนอยู่ห่าง จากจี้ไค่หลินกว่ายี่สิบเมตร สายตาจับจ้องอีกฝ่าย

 

การประลองกําลังจะเริ่มขึ้น ฝูงชนที่มารับชมต่างเงียบเสียง

 

ภายในหัวใจหลายคน โลหิตแทบเดือดพล่าน! พวกเขากําลังรอคอย ศึกที่กําลังจะมาถึง!

 

ผู้ที่รับหน้าที่วันนี้ คือผู้พิทักษ์จางจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม เขายืนอยู่ด้านบนเสาอาคมและกล่าว “ระหว่างการประลองยุทธ์ ไม่ อาจสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสง สําหรับอาวุธ สามารถใช้งานได้!”

 

พอประกาศว่าอาวุธสามารถใช้งาน ฝูงชนฮือฮากันโดยทันที การประลองยุทธ์ ไม่ใช้อาวุธจึงถือว่าค่อยยุติธรรมที่สุด! ฉินหยุนไม่รู้สึกอะไรต่อเรื่องนี้ แม้ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของเขา

ไม่ใช่อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน กระนั้นมันก็ไม่แย่ “ทว่า อาวุธนั้นจะถูกจัดเตรียมโดยพวกเรา!”


 


 


 


“เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของการประลองนัดนี้ พวกเราจึงมีกฎพิเศษ ขึ้น! พวกเจ้าให้ถอยกลับไปยังมุมลานประลอง ข้าจะวางอุปกรณ์ลึก ลํ้าไว้ที่ตรงนี้!”

 

“พวกเจ้าค่อยวิ่งมาโดยเร็ว ผู้ที่รวดเร็วที่สุด จะสามารถคว้าเอา อุปกรณ์ลึกลํ้าไป และสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้”

 

“ส่วนผู้ที่ไม่อาจคว้าอุปกรณ์ลึกลํ้า จะไม่อาจใช้งานอาวุธ!” นี่หมายความถึง ผู้ใดคว้าจับอุปกรณ์ลึกลํ้าได้ย่อมได้รับชัยชนะแล้ว! นี่ถึงกับเป็นการแข่งขันความเร็ว หาได้ใช่กําลัง!

หลันฮัวอวี้ขมวดคิ้ว “นี่ออกจะเกินเลยไปแล้ว ดีที่สุดคือไม่มีผู้ใดใช้ อาวุธ ให้พวกเขาได้ต่อสู้กันอย่างเท่าเทียม!”

 

จ้าวฉวนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับอุปกรณ์ลึกลํ้า ก็สมควร ได้รับชัยชนะแล้ว!”

 

กระทั่งว่าพวกเขากล่าวเช่นนี้ แต่หลายคนก็คาดหวัง อยากได้เห็นว่า ผู้ใดที่จะเป็นผู้ที่คว้าอุปกรณ์ลึกลํ้าไปครอง

 

แล้วผู้ที่ไม่อาจได้รับอุปกรณ์ลึกลํ้าเล่า ผู้นั้นจะพ่ายแพ้ในสภาพใด?

 

ผู้พิทักษ์จางยิ้ม “ทุกคนคงคิดว่ามันน่าสนใจใช่หรือไม่? และผู้ที่ ชนะเลิศ จะได้รับขวดยาอายุวัฒนะตะวันโชติช่วง! นี่ถือเป็นยาเหลว


 


 


 


ระดับลึกลํ้า มันสามารถทําให้แก่นเต๋าแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อก้าวถึง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว!”

 

รางวัลนี้ กล่าวได้ว่าลํ้าค่าเป็นอย่างยิ่ง! กระทั่งผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋า ยังเผยสีหน้าเคร่งเครียดกันออกมา

เซี่ยอู๋เฟิงขมวดคิ้ว “รางวัลนี้ช่างเลิศลํ้านัก! ทว่า เรื่องราวที่นําเอา อุปกรณ์ลึกลํ้าออกมาสร้างความไม่สมดุลยังไม่จางหาย!”

 

“กฎเช่นนี้ย่อมตั้งขึ้นโดยผู้อาวุโสฝั่งจี้ไค่หลิน พวกมันต้องเตรียม เอาไว้ให้แก่จี้ไค่หลิน ดูเหมือนว่าพวกมันคิดอยากให้จี้ไค่หลินชนะ จึงนํายาเหลวตะวันโชติช่วงออกมาเป็นรางวัลเช่นนี้!”

 

“สมควรเป็นปู่ของจี้ไค่หลินแล้ว ไม่เคยทําเรื่องดีแม้สักครั้ง!”

 

ผู้พิทักษ์จางนําเอาอุปกรณ์ลึกลํ้าออกมา มันคือดาบสีนํ้าเงินเข้ม มี ประกายสายฟ้าปรากฏบนตัวดาบ ชัดเจนว่าเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้าธาตุ สายฟ้า

 

“ดาบชีพจรอสนีบาต!” หลันเฟิงจินร้องออกด้วยความแตกตื่น “มัน คืออุปกรณ์ลึกลํ้าลําดับที่สามของตําหนักศักดิ์สิทธิ์!”

 

ศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างเพ่งสายตามองอย่าง ริษยายามได้ยินการเอ่ยถึงเช่นนี้


 


 


 


จ้าวตําหนักทั้งสี่ ย่อมมีอุปกรณ์ลึกลํ้า กระนั้นไม่มีชิ้นใดที่อยู่ในสิบ ลําดับแรก

 

อุปกรณ์ลึกลํ้าสิบลําดับแรกของทั่วทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

ล้วนถูกครอบครองเอาไว้โดยตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม

 

ศิษย์หลายคนของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ย่อมทราบชัดเป็น อย่างดีถึงชื่อเสียงของดาบชีพจรอสนีบาต มันเป็นอาวุธลึกลํ้าของผู้ พิทักษ์เล่ยแห่งตําหนักศักดิ์สิทธิ์!

 

“หลังจากผู้พิทักษ์เล่ยถึงแก่ความตาย อุปกรณ์ลึกลํ้าของเขาจึงไร้ผู้ ครอง! ตอนนี้ถึงกับนํามันออกมา นี่คล้ายเป็นการเลือกว่าผู้ใดที่จะ เป็นเจ้าของดาบชีพจรอสนีบาตคนใหม่หรืออย่างไร?”

 

“ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง จี้ไค่หลิน ครอบครองวิญญาณยุทธ์กิเลนสายฟ้า พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์ของ ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทั้งยังมีคุณสมบัติเหมาะสมใช้งาน ดาบชีพจรอสนีบาต!”

 

เหอะ ฉินหยุนเป็นศิษย์ตําหนักตะวันตก ขณะที่จี้ไค่หลินเป็นนักบุญ ตําแหน่งของพวกเขาแตกต่างเกินไป มีแต่จี้ไค่หลินที่เหมาะสมแล้ว!”

 

“ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงตั้งแต่วัยเพียงเท่านี้ เขาถึงขั้น แข็งแกร่งกว่าอาจารย์จารึกระดับสูงหลายต่อหลายคน กระทั่งว่า


 


 


 


ไม่ได้รับดาบชีพจรอสนีบาต เขาก็สามารถขัดเกลาอุปกรณ์ลึกลํ้าแก่ ตนเองในภายหน้าได้! ฉินหยุนไม่คล้ายจําเป็นต้องได้รับดาบชีพจร อสนีบาตแต่อย่างใด!”

 

หลายผู้คนเริ่มโต้เถียงกัน ผู้พิทักษ์จางปักดาบเอาไว้ตรงกลางของ ลานประลองยุทธ์ ฉินหยุนและจี้ไค่หลินต่างเดินไปยังมุมสนาม ประลอง พวกเขากําลังรอคอยโอกาสเข้าไปคว้าฉกฉวยมันเอาไว้!


 


 


 


ตอนที่ 323 : เม็ดยาหัวใจเงียบสงบ

 

สายตาทุกคนจับจ้องที่ดาบชีพจรอสนีบาต ซึ่งปักเอาไว้ตรงกลาง ลานประลองยุทธ์

 

การต่อสู้กําลังจะเริ่มในพริบตาถัดจากนี้!

 

ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า กล่าวได้ว่าย่อมต้องรวดเร็ว ยิ่

 

“ฉินหยุน สําหรับเจ้าที่ต้องการคว้าจับมัน ไม่อาจใช้งานพลังจิต!” ผู้ พิทักษ์จางกล่าวออก “เริ่มนับ หนึ่ง สอง สาม เริ่มได้!”

 

คําพอกล่าวจบ กิเลนสีทองขาวพลันปรากฏข้างกายจี้ไค่หลิน!

 

กิเลนตัวนี้เปรียบดั่งสายฟ้าอสนีบาตสว่างวูบ มันคํารามออก โดย ทันทีจึงเข้าถึงดาบชีพจรอสนีบาต จากนั้นจึงกัดที่ตัวดาบ และนํามัน กลับไป!

 

ทางด้านฉินหยุน ความเร็วถือว่าเหนือลํ้า เขาใช้ก้าวดาราเร้นลับ มัน รวดเร็วเปรียบดั่งสายฟ้าสีทองม่วง!

 

กระนั้น เขาก็ยังช้ากว่า ขณะเข้าถึง ดาบชีพจรอสนีบาตก็ตกอยู่ในมือ องจี้ไค่หลินแล้ว

 

ผู้ฝึกตนที่อยู่ฝ่ายจี้ไค่หลิน ต่างโห่ร้องออกโดยทันที!


 


 


 


“จี้ไค่หลินชนะแล้ว พวกที่อยู่ฝ่ายฉินหยุนคงไม่มีทางโงหัวขึ้นได้ อีก!”

 

“แข็งแกร่งนัก ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์กิเลนสายฟ้าออกมา เคลื่อน ตัวด้วยความเร็วระดับสายฟ้า คว้าเอาดาบชีพจรอสนีบาตมา ช่างเกิน คาดคิดจริง !”

 

“ถูกต้องแล้ว สมแล้วที่จี้ไค่หลินถูกกล่าวขานว่าเป็นนักบุญอันดับ หนึ่งภายใต้ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”

 

“ชัยชนะเห็นกันอยู่ คงไม่ต้องสู้กันแล้ว!”

 

ผู้ฝึกตนที่อยู่ฝ่ายฉินหยุนไม่ยินยอม พวกเขาตะโกนร้อง “ฉินหยุน อย่าได้ยอมแพ้! ก็แค่อุปกรณ์ลึกลํ้าไม่ใช่หรือไง? เจ้ายังเอาชนะจี้ไค่ หลินได้!”

 

“หากฉินหยุนเอาชนะจี้ไค่หลินด้วยมือเปล่า เช่นนี้จี้ไค่หลินก็เสีย หน้าครั้งใหญ่แล้ว ฮ่าฮ่า!”

 

“พลังจิตของฉินหยุนแข็งแกร่ง นอกจากนี้ความรู้เข้าใจวิชายุทธ์ของ เขายังสูงลํ้า ถึงขั้นสามารถฝึกฝนเส้นวิญญาณต้นกําเนิด ฝึกฝนเคล็ด วิชาหลายอย่างได้จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เขาไม่มีทางแพ้แม้ไม่มี อุปกรณ์ลึกลํ้า!”


 


 


 


“…”

 

หลายคนเริ่มให้กําลังใจฉินหยุน

 

ฉินหยุนไม่ยินดีนัก เขาไม่คิดว่าจี้ไค่หลินจะใช้วิธีการดังกล่าว ฉกชิง อาดาบชีพจรอสนีบาตไป

 

เขาไม่มีอาวุธลึกลํ้า ดังนั้นจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!

 

“ฉินหยุน! ข้ายอมรับว่าในรอบก่อนหน้า เจ้าก้าวไปเหนือข้า ทําเอา ข้าไม่ยินดีนัก ตอนนี้พวกเราในที่สุดก็ได้ประลองอย่างเท่าเทียมกัน เสียที!” จี้ไค่หลินกล่าวเสียงดัง มือกําดาบชีพจรอสนีบาตเอาไว้แน่น

 

พอมู่หรงต้าเหรินได้ยินดังนี้ เขาตะโกนออกโดยทันที “จี้ไค่หลิน ไอ้ ลูกหมาปากยื่นยาว! ถือดาบชีพจรอสนีบาตเอาไว้ยังกล้าพูดว่าเป็น การประลองที่เท่าเทียม!”

 

“หุบปาก! เป็นข้าใช้กําลังตนเองได้รับดาบชีพจรอสนีบาตมา แล้ว มันผิดอะไร?” จี้ไค่หลินมีโทสะ สายตากราดเกรี้ยวมองไปยังมู่ หรงต้าเหริน

 

“เหอะ ปากข้าคิดอยากหุบย่อมเป็นข้าต้องการ! เจ้าจะโต้เถียงหาพระ แสงอะไร? มันไปสะกิดก้นเจ้าให้คันขึ้นมาหรืออย่างไร?” มู่หรงต้า เหรินหัวเราะดังลั่น


 


 


 


ถึงตอนนี้เอง ทั่วทั้งตําหนักยุทธ์วิญญาณกลายเป็นระเบิดเสียงหัวเราะ ออก

 

ใบหน้าของจี้ไค่หลินกระตุก เขาคิดอยากบินออกไป เอาดาบทิ่มแทง มู่หรงต้าเหรินจนถึงแก่ความตาย

 

ฉินหยุนมองจี้ไค่หลินด้วยอาการสงบ แม้เขาไม่ได้รับอุปกรณ์ลึกลํ้า เขาก็หาได้หวั่นเกรงใดไม่ เขายังคงมีความมั่นใจอยู่!

 

“ฉินหยุน มาจบการประลองนี้ได้แล้ว! ข้าคิดอยากประลองเสี่ยงเป็น ตายกับเจ้า! ในตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ไม่เจ้าก็ข้าที่มีสิทธิ์ รอดชีวิต!”

 

จี้ไค่หลินเผยสีหน้าโหดเหี้ยม ชี้ปลายดาบชีพจรอสนีบาตเข้าใส่ฉิน หยุน คํากล่าวอหังการนี้เปี่ยมด้วยความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน

 

การประลองเสี่ยงเป็นตาย หมายถึงต้องสังหารอีกฝ่าย และผู้ที่ สังหารไม่ต้องรับความผิด!

 

“ข้าขอปฏิเสธ!”

 

ฉินหยุนกล่าวเฉยชา “นี่เป็นเพียงการประลองยุทธ์ มันไม่ใช่เรื่องดี แม้กับตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ที่จะปล่อยให้การบาดเจ็บล้ม ตายเกิดขึ้น! พวกเราไม่จําเป็นต้องประลองกันจนถึงจุดนั้น!”


 


 


 


หากเปรียบเทียบแล้ว ฉินหยุนยังคงสงบ สภาวะทางจิตของเขาถือว่า สูงลํ้ากว่าจี้ไค่หลินมากมายนัก

 

“เป็นเจ้ากลัวตาย!” จี้ไค่หลินยิ้มเยาะ “ข้ามีอุปกรณ์ลึกลํ้า แต่เจ้าไม่ เป็นปกติที่จะหวาดกลัว เจ้าก็คิดเช่นนี้ใช่หรือไม่เล่า?”

 

“หากพูดเช่นนั้น ก็เป็นเช่นนั้น!

 

ฉินหยุนเฉยชา หันกายและย้อนกลับไปยังตําแหน่งเพื่อรอให้การ ต่อสู้เริ่มขึ้น เขาไม่คิดพูดกล่าวอันใดให้มากความ เขาเพียงแต่ ต้องการรีบประลองและรู้ผลโดยเร็ว

 

ภายในใจของเขา ที่เป็นกังวลยิ่งกว่าคือเรื่องงานแต่งงานระหว่าง เชี่ยวหยางหลงและหยางฉีเย่ว์ ที่จะจัดขึ้นหลังงานฉลองครั้งนี้จบสิ้น

 

“ฉินหยุน มาเดิมพันกัน! เจ้าและข้าจะสู้กันจนถึงแก่ความตาย และ เจ้าต้องสัญญาจะมอบรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์แก่ข้าหลังเจ้าตาย ไปแล้ว!” จี้ไค่หลินหัวเราะออกดังลั่น

 

ผู้คนจึงค่อยเข้าใจ นี่เป็นเป้าหมายแท้จริงของจี้ไค่หลิน ก็เพื่อได้รับ รอยสักโทเทม!

 

หลันฮัวอวี้กําหมัดแน่นโดยทันที เขาไม่คิดว่าจี้ไค่หลินและผู้อยู่ เบื้องหลัง จะยังไม่ยอมปล่อยวางความคิดฉกชิงเอาโทเทมราชสีห์ สวรรค์


 


 


 


เรื่องราวชัดเจน สาเหตุที่ว่าทําไมถึงมีการนําดาบชีพจรอสนีบาต ออกมา ก็เพื่อให้จี้ไค่หลินจัดการฉินหยุนได้โดยง่าย!

 

ฉินหยุนเริ่มมีโทสะ เขาค่อยเข้าใจถึงเป้าหมายของจี้ไค่หลิน ว่ามันก็ ต้องการโทเทมราชสีห์สวรรค์ของเขา!

 

หากเขายอมรับ หลังความตาย จี้ไค่หลินและคณะจะนํารอยสักโท ทมไปจากร่างของเขา

 

“ข้าย่อมไม่ยอมรับ อย่าได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว เริ่มต่อสู้กันได้เสียที!” ฉินหยุนมองที่ผู้พิทักษ์จางและกล่าว “ผู้พิทักษ์จาง ท่านบอกเริ่มการ ประลองได้แล้ว!”

 

ผู้พิทักษ์จางหาได้ประกาศไม่ แสร้งทําเป็นไม่ได้ยินอันใด

 

ถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสเส้นผมสีเหลืองพลันเดินมาที่ด้านล่างลานประลอง กล่าวเสียงดัง “ฉินหยุน ข้าเพิ่งได้ข่าวมา ภรรยาเจ้า เชี่ยวเย่ว์หลาน เกิดอาการแตกซ่านระหว่างเก็บตัวฝึกฝนเลื่อนระดับ สถานการณ์ ร้ายแรงนัก เจ้าต้องใช้เม็ดยาหัวใจเงียบสงบเพื่อช่วยนางให้พ้นจาก อาการ!”

 

“สําหรับข้า บังเอิญมีเม็ดยาหัวใจเงียบสงบพอดี หากเจ้ายอมรับการ ประลองเป็นตายกับอาหลิน ข้าจะมอบเม็ดยาหัวใจเงียบสงบให้แก่ เจ้า!”


 


 


 


ผู้อาวุโสคนนี้ร่างผอมสูง มีเส้นผมสีเหลือง เป็นปู่ของจี้ไค่หลิน จี้ เสวียนอี!

 

คํากล่าวของเขา ทําเอาทั่วทั้งที่นั่งผู้ชมเกิดความแตกตื่นขึ้นมา!

 

ธิดาแห่งสวรรค์ เชี่ยวเย่ว์หลาน ขณะกําลังเก็บตัวฝึกฝนเลื่อนระดับ ลับเกิดอาการแตกซ่านทําให้สถานการณ์วิกฤต

 

“เรื่องนี้เป็นจริง?” ฉินหยุนเร่งรีบเดินลงจากลานประลองยุทธ์ ตะโกนถามเสียงดังก้อง

 

หลันฮัวอวี้เดินเข้ามาและถอนหายใจ “เป็นความจริง เกิดขึ้นเมื่อคืน นี้ มีคนเพียงน้อยนิดที่ทราบ สถานการณ์ของนางไม่เสถียรชั่วคราว ข้าคิดบอกต่อเจ้าหลังจบการแข่งขันครั้งนี้ไปแล้ว!”

 

เมื่อคืน หลันฮัวอวี้และจ้าวฉวนไม่ได้อยู่ในป่าน้อย ชัดเจนว่าพวกเขา ปรับมือจัดการกับเรื่องอื่น

 

จี้เสวียนอีพูดขึ้น “ฉินหยุน เม็ดยาหัวใจสงบเงียบนี้ลํ้าค่าและมี ประโยชน์อย่างยิ่ง! หากเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ได้รับอย่างทันท่วงที ถึง ตอนนั้นนางจะพิการอย่างแน่นอน!”

 

“แม้จะมีคนออกไปนอกตําหนักเพื่อนํายานี้กลับมา ก็ยังต้องใช้เวลา และข้าก็บังเอิญมีเม็ดยาหัวใจเงียบสงบที่ช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนได้ พอดี!”


 


 


 


เชี่ยวเย่ว์หลานเป็นภรรยาของฉินหยุน เขาย่อมต้องช่วยชีวิตภรรยา ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม!

 

“กรณีนั้น เหตุใดไม่ให้ข้าแลกเปลี่ยนรอยสักโทเทมกับมันไปเลย?” ฉินหยุนเผยสีหน้ามืดมน เขารู้สึกว่าเรื่องราวที่การฝึกฝนของเชี่ยว ย่ว์หลานแตกซ่านไม่ใช่ธรรมดา

 

“พวกเราหาได้ใช่ผู้ร้ายเช่นนั้นไม่ ดังนั้นพวกเราจึงคิดมอบโอกาส! หากเจ้าเอาชนะอาหลิน ไม่เพียงแต่จะไม่เสียรอยสักโทเทม แต่ยังจะ ได้รับเม็ดยาหัวใจเงียบสงบไปด้วย!”

 

“ย่อมได้ ข้ายอมรับการประลองเป็นตายกับจี้ไค่หลิน! หากข้าตาย โทเทมราชสีห์สวรรค์เจ้าย่อมรับไป!” ฉินหยุนกลับขึ้นลานประลอง ยุทธ์ มองจี้ไค่หลินด้วยความเย็นเยือก

 

หลันฮัวอวี้กล่าว “จี้เสวียนอี ข้าคิดอยากเห็นเม็ดยาหัวใจสงบที่เจ้า ครอบครอง!”

 

ถึงตอนนี้ ผู้ใดล้วนเชื่อถือไม่ได้

 

หลันฮัวอวี้และจ้าวฉวน ได้แต่ต้องถามหาหลักฐาน เรื่องนี้ต้องไม่ อาจบิดพลิ้ว

 

จี้เสวียนอีนําเอากล่องออกมา ภายในมีเม็ดยาสีแดง


 


 


 


หลันฮัวอวี้และจ้าวฉวน ต่างรับทราบถึงมันเพียงมองครั้งเดียว พวก เขาพยักหน้ารับ

 

จี้เสวียนอี ไม่คิดหวั่นเกรงว่าจะเป็นหลานชายเจ้าที่ต้องตายตกบ้าง หรือไร?” หลันฮัวอวี้กล่าว “ช่างมั่นใจเกินไปนัก!”

 

“หากฉินหยุนไม่หวั่นเกรงความตาย ข้ายังต้องกลัวอันใด? ข้า จี้ เสวียนอีหาได้ใช่คนขลาดเขลาไม่!” จี้เสวียนอีเผยเสียงหัวเราะดัง ออก “เริ่มงานกันได้แล้ว!”

 

ผู้พิทักษ์จางโบกมือวูบไหว เปิดการทํางานค่ายอาคมของเสาอาคม! เขายืนบนลูกแก้วขณะตะโกนขึ้น เริ่มการประลองได้!” พอเป็นการประลองแลกเป็นแลกตาย ผู้ชมทุกคนยิ่งเพ่งความสนใจ

มากขึ้น!

 

ด้วยมีดาบชีพจรอสนีบาตในมือ จี้ไค่หลินย่อมเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เขาเป็นฝ่ายแรกที่โจมตีออก ทั้งร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า อสนีบาตพุ่งออก!

 

พร้อมเสียงฟ้าคําราม เขาปรากฏตัวต่อหน้าฉินหยุนพร้อมดาบชีพจร อสนีบาต มันฟาดฟันออกราวสายฟ้าอสนีบาตผ่าออกไป!

 

ดาบชีพจรอสนีบาตเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า มันย่อมสร้างสายฟ้าอสนีบาต ที่รุนแรงออก!


 


 


 


จี้ไค่หลินฟาดฟันดาบ แสงสว่างวูบไหวจากตัวดาบถูกยิงออกเป็น กระแสสายฟ้า มันเข้าปะทะที่หัวไหล่ของฉินหยุน!

 

ตู้ม!

 

พลังภายในตัวดาบสั่นไหว สายฟ้าและเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น!

 

ที่ไหล่ขวาของฉินหยุน เสื้อฉีกขาด เผยให้เห็นเนื้อที่กลายเป็นสีดํา ปริแตก!

 

ฉินหยุนไม่คิด ว่าอุปกรณ์ลึกลํ้าจะทรงพลังน่าสะพรึงได้เพียงนี้ นอกจากนี้ สายฟ้ายังรวดเร็วยิ่ง มันมาถึงตัวก่อนจะทันหลบด้วยซํ้า “นี่คือพลังของอุปกรณ์ลึกลํ้า!”

จี้ไค่หลินสัมผัสได้ ถึงความแข็งแกร่งของอุปกรณ์ลึกลํ้า เขายินดี ขึ้นมาจนแทบคลั่ง หัวเราะออกอย่างชั่วช้าขณะตวัดดาบใส่ฉินหยุน

 

ฉินหยุนใช้ก้าวดาราเร้นลับ หลบเลี่ยงออกไปราวอุกกาบาตพุ่งออก พร้อมกันนี้ พลังของอสนีบาตอัคคีคํารามออก ระเบิดขึ้นใส่ลําแสงที่ ลดปล่อยจากดาบชีพจรอสนีบาตซึ่งกําลังพุ่งเข้ามา

 

เมื่อครู่ที่โดนโจมตี ฉินหยุนเพียงมีอาการบาดเจ็บทางกายเนื้อ

 

ด้วยพลังตะวันทมิฬและสั่นไหวคุ้มกัน ร่างกายเขาไม่มีทางถูก ะลวงโดยง่าย


 


 


 


สําหรับหลายคน พวกเขารู้สึกว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ สมควรสร้าง ความเสียหายใหญ่หลวงแก่ฉินหยุน!

 

หลังทําการหลบเสี่ยงการโจมตีกว่าสิบครั้ง หมัดของฉินหยุนเริ่มสั่น ไหว พลังอสนีบาตอัคคีทะลักออกราวกับคลื่นในมหาสมุทร เป็น เคล็ดวิชาคลื่นยักษ์เก้าระลอกคลื่น!

 

“เคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ที่เชี่ยวชาญอย่างสมบูรณ์ มันกําลังแสดงพลัง อํานาจของวิชายุทธ์ระดับลึกลํ้าออกมา!”

 

“ฉินหยุนแข็งแกร่งนัก กระทั่งยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋า ยังไม่อาจ เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับลึกลํ้าจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้!”

 

“พรสวรรค์ของเขาไร้ผู้ใดเทียบ!”

 

นอกลานประลอง เสียงร้องระงมด้วยความอิจฉาต่อพรสวรรค์นี้ดัง ขึ้

 

คลื่นกระแทกเคลื่อนตัว แผ่ขยายออกทั่วทั้งสนามประลอง!

 

กําลังภายในอสนีบาตและอัคคี เกิดขึ้นเป็นคลื่นลูกแล้วลูกเล่า สําแดงพลังออกอย่างเต็มกําลัง โหมซัดเข้าใส่จี้ไค่หลินจนต้องถอย

 

“ทลาย!”


 


 


 


ดาบชีพจรอสนีบาตในมือจี้ไค่หลินรํ่าร้อง สับฟันออกด้านหน้า สายฟ้าถูกยิงออก ตามมาด้วยคลื่นกระแทกจากตัวดาบ ฟาดฟันคลื่น ระแทกอสนีบาตและอัคคีที่เข้ามา

วูบ วูบ วูบ!

จี้ไค่หลินทําการทลายพลังอํานาจคลื่นกระแทก ส่งพวกมันกระจาย ออกทั่วทิศ นําเอาคลื่นความร้อนของอสนีบาตและอัคคี พัดพา กระจายไปทั่วสนามประลองอย่างไม่อาจควบคุม

“มันก็ได้แค่นี้!”

กระทั่งจี้ไค่หลิน ยังต้องทึ่งกับศักยภาพวิชายุทธ์ของฉินหยุน เขา ลอบริษยา เพราะเขาไม่มีวันที่จะเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ถึงขั้นนั้นได้อย่าง ด็ดขาด

ประกายความกราดเกรี้ยวและริษยาปะทุในหัวใจ ด้วยสีหน้าที่ไม่ แสดงออก เขากวัดแกว่งดาบ พุ่งเข้าหาฉินหยุน ร่างกายของเขาปก คลุมด้วยกระแสสายฟ้า คํารามร้องออกราวกิเลนคิดตะครุบเหยื่อ! ฟึ่บ!

จี้ไค่หลินกวาดดาบชีพจรอสนีบาตออกไป! ร่างเงาดาบนับไม่ถ้วน วูบไหวด้วยแสงสายฟ้าอสนีบาต พวกมัน

กระจายทั่วทิศ ทับซ้อนกันจนไม่อาจแยกแยะ จากนั้นจึงพุ่งเข้าหา ฉินหยุน


 


 


 


“วิชาดาบเงาอสนีบาต! วิชายุทธ์โลการะดับต้น!” หยางฉีเย่ว์อุทาน ร้อง “ฉินหยุน ระวังด้วย!”

 

ฉินหยุนเร่งรีบใช้ขุมพลังภายในขั้นสูง โคจรเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ สร้างคลื่นกระแทกรุนแรงราวคลื่นยักษ์แห่งท้องทะเล สกัดขัดขวาง ดาบเงาอสนีบาตที่ฟาดฟันลงมา!

 

กระนั้น นี่คือวิชายุทธ์โลกา ทั้งยังถูกส่งเสริมด้วยอุปกรณ์ลึกลํ้า!

 

พลังน่าสะพรึงเกินคาดเดา กระทั่งทุ่มสุดตัวเข้าป้องกัน ฉินหยุนก็ยัง ม่อาจสกัดขัดขวางชั้นของดาบเงาอสนีบาตที่พุ่งเข้ามาได้หมด

 

ตอนที่จี้ไค่หลินโจมตีเมื่อครู่ เขาเองก็ใช้ขุมพลังภายในขั้นสูง! ดาบเงาอสนีบาต และคลื่นกระแทกอสนีบาตอัคคีปะทะกันรุนแรง อสนีบาตอัคคีและดาบเงาอสนีบาต กระจายปกคลุมทั่วทั้งเขตอาคม

นามประลอง

 

เสียงดาบรํ่าร้อง เสียงฟ้าคําราม ผสมผสานเข้าด้วยกัน ราวพายุฝนฟ้า คะนองก่อเกิดขึ้นภายในเขตอาคมของสนามประลอง!


 


 


 


ตอนที่ 324 : จิตวิญญาณที่กราดเกรี้ยว

 

ที่แห่งนี้ มีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอยู่ก็มาก รวมถึงจ้าวตําหนักทั้งสี่ กระทั่งพวกเขา ยังต้องประหลาดใจต่อปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ที่ปะทุ ขึ้นเพราะการประลองยุทธ์ หลังการปะทะระหว่างฉินหยุนและจี้ไค่หลิน ทั้งสองต่างต้องถอย ห่าง!

สนามประลองค่อยสถานการณ์สงบลง แม้จี้ไค่หลินใช้อุปกรณ์ลึกลํ้าในการประลอง มันก็ต้องใช้พลังไปมาก ทั้งยังมีการใช้วิชายุทธ์โลกา อย่างไรแล้วเขาก็เพียงแค่ขอบเขตกาย วรยุทธ์ระดับที่เก้า ย่อมต้องมีอาการเหนื่อยล้าแล้ว ระนั้นเขาก็ยังเป็นฝ่ายเหนือกว่า

การปะทะกันเมื่อครู่นี้ แม้จี้ไค่หลินถูกบังคับให้ถอยกลับ เขาก็ยังเป็น ฝ่ายสะกดข่มฉินหยุน นี่ก็เพราะเขายังสามารถยืนบนพื้น ขณะที่ฉิน หยุนนอนราบไปกับพื้นแล้ว!

ด้วยอุปกรณ์ลึกลํ้า จี้ไค่หลินสามารถเสริมพลังวิชายุทธ์โลกาได้เท่า ทวี ด้วยพละกําลังระดับนี้ เขาจึงค่อยสะกดข่มฉินหยุนเอาไว้ได้! ฉินหยุน ผู้ซึ่งนอนกับพื้น เลือดเนื้อตามกายเกิดแผล เขาบาดเจ็บ เพราะลําแสงของดาบเมื่อครู่


 


 


 


อาการบาดเจ็บเช่นนี้ หากเห็นเข้าคงสร้างความแตกตื่น จนแทบไม่ ล้ามองโดยตรง

 

“เหอะ เจ้าก็ได้แค่นี้! ในช่วงรอบการแข่งขันก่อนหน้า กําลังใจเห็นมี เปี่ยมล้น คิดอยากต่อสู้จนถึงที่สุด! แต่แล้วมันยังไง พอเผชิญหน้ากับ พลังที่ไร้เทียมทานนี้ เจ้าก็ได้แต่พ่ายแพ้แก่ข้า!” จี้ไค่หลินกล่าวเสียง ย็นเยือกออกมา

 

เขาเองก็หอบหายใจระดับหนึ่ง กระบวนท่าเมื่อครู่เป็นเขาทุ่มไปสุด ตัวเช่นกัน!

 

หากเป็นในอดีต เซี่ยอู๋เฟิง จ้าวฉวน หลันเฟิงจิน และหยางฉีเย่ว์ ย่อม คิดอยากประกาศยอมแพ้ให้แก่ฉินหยุนแล้ว

 

ทว่าตอนนี้ ฉินหยุนพ่ายแพ้หมายถึงความตาย หมายความถึงเชี่ยวเย่ว์ หลานจะไม่อาจได้รับการรักษาด้วยเม็ดยาหัวใจเงียบสงบ!

 

ฉินหยุนไม่อาจพ่ายแพ้!

 

แต่สถานการณ์ตอนนี้ เขาจะแพ้ก็ไม่แปลก!

 

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้าในรอบก่อนมันหายไปไหน หมดแล้ว?” จี้ไค่หลินหยุดไปครู่ แค่นเสียง และก้าวเดินออกมา

 

ฉินหยุนไม่มีอุปกรณ์ผังธาตุแสงแม้สักชิ้น เขาไม่อาจรักษาอาการ บาดเจ็บอย่างรวดเร็วได้ เขาทําได้แต่ควบคุมบาดแผลตามร่างกาย


 


 


 


ห้ามเลือดพวกมันเอาไว้ ได้แต่ใช้เส้นวิญญาณต้นกําเนิด ร่วมกับ วิญญาณเทวะเก้าตะวัน ดูดกลืนพลังวิญญาณเพื่อรักษาตนเอง

 

กระนั้น มันก็ต้องใช้เวลาสักระยะ!

 

ทางด้านจี้ไค่หลิน ย่อมไม่ให้เวลาเขาจนฟื้นฟูร่างกายอย่างแน่นอน!

 

“รอยสักโทเทมของเจ้า เป็นของข้าแล้ว!” จี้ไค่หลินนําเอาไข่มุก ออกมา มันเป็นไข่มุกสกัดโทเทม

 

เห็นเรื่องราวเช่นนี้ หลายคนต่างถอนหายใจด้วยความเสียดาย

 

“ฉินหยุนถึงกับพ่ายแพ้! พอจี้ไค่หลินใช้อุปกรณ์ลึกลํ้า พร้อมวิชา ยุทธ์โลกา กลายเป็นว่าเขาไร้เทียมทานเสียอย่างนั้น!”

 

“อุปกรณ์ลึกลํ้าช่างน่าสะพรึงนัก ไม่แปลกใจเลยที่มันลํ้าค่ามหาศาล! จริงด้วย บิดาของฉินหยุน ฉินหลงเองก็มีอุปกรณ์ลึกลํ้า เป็นหอก ราชามังกร!”

 

“โชคร้าย เขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นคงช่วยเหลือฉินหยุนเอาไว้ได้ แล้ว!”

 

หยางฉีเย่ว์กัดฟันแน่น นางคิดเดินเข้าไป ทว่ากลับถูกจี้เสวียนอีห้าม ปรามไว้

 

“แม่นางหยาง อย่าได้แทรกแซงการแข่งขัน!”


 


 


 


จี้เสวียนอียิ้มยินดีให้เห็น เป็นเขาคาดการณ์ถึงผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้ ตั้งแต่การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว

 

“ฉินหยุน!” หยางฉีเย่ว์ตะโกน “เจ้าคิดพ่ายแพ้เช่นนี้หรือ? ด้วย พรสวรรค์ของเจ้า ย่อมต้องไม่พ่ายแพ้ในสถานที่เช่นนี้! ทั้งยังไม่อาจ แพ้กับคนเช่นนั้น! การแข่งขันนี้มีแต่ความอยุติธรรม มันเป็นกับดัก ที่มีเอาไว้สําหรับเจ้า!”

 

“เย่ว์หลานเกิดอาการแตกซ่านกะทันหันนัก นางย่อมต้องถูกก่อการ เป็นแน่!”

 

ฉินหยุนผู้ซึ่งนอนกับพื้นสนามแข่งขัน อดไม่ได้ที่จะขยับมือยามได้ ยินคํากล่าวของหยางฉีเย่ว์!

 

เขาเองก็รู้สึกได้ ว่ารอยสักโทเทมที่แขนกําลังถูกดึงออกไปทีละน้อย

 

“การฝึกฝนของเย่ว์หลานแตกซ่าน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?” ฉินหยุนพยายามเงยหน้าขึ้น กล่าวถามเสียงเบาต่อจี้ไค่หลิน

 

จี้ไค่หลินยิ้มเหยียด “ในเมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานมีพรสวรรค์เพียงนั้น และ ข้าไม่อาจได้รับนาง เจ้าก็จะไม่มีวันได้รับนาง!”

 

“เป็นเจ้าก่อการ!” ฉินหยุนมีโทสะ ดวงตากลับกลายเป็นสีดํา สีขาว ในดวงตาล้วนหายไปหมดสิ้น


 


 


 


พอจี้ไค่หลินเห็นฉินหยุนเป็นเช่นนี้ เขาถอยเท้ากลับอย่างแตกตื่น มือ กระชับดาบชีพจรอสนีบาตเอาไว้แน่น ราวกับกําลังเผชิญหน้ากับ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่

 

สายเลือดราชสีห์สวรรค์ในกายฉินหยุน เริ่มปะทุเผาไหม้จนเดือด พล่าน!

 

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวภายในหัวใจของเขา เริ่มรุนแรง คล้ายสัตว์ยักษ์ กําลังเขย่า คลื่นสั่นไหวของพลังภายในปลดปล่อยไหลทะลักไปทั่ว ทั้งร่างกายของเขาอย่างไม่อาจควบคุม!

 

โทเทมต้นไม้ภายในแก่นภายในตะวันทมิฬ เริ่มปลดปล่อยกระแส แห่งชีวิตออกในช่วงเวลานี้ ด้วยพลังสั่นไหว มันเข้าถึงทุกส่วนใน ร่างกายของฉินหยุนและรักษาอาการบาดเจ็บ!

 

ฉินหยุน ผู้ซึ่งเมื่อครู่ครึ่งเป็นครึ่งตาย กลับกลายลุกพรวดขึ้นมา แปรเปลี่ยนร่างเป็นมังกรพยัคฆ์ตนหนึ่ง!

 

ฝูงชนนับพันภายในตําหนักยุทธ์วิญญาณ ล้วนอดไม่ได้ระเบิดเสียง ร้องออกมาด้วยความแตกตื่น!

 

ยางฉีเย่ว์และคณะกลายเป็นยินดี

 

หยางฉีเย่ว์ทราบ ว่าฉินหยุนคิดใช้วิญญาณยุทธ์สั่นไหวอย่างเต็ม กําลังแล้ว!


 


 


 


จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ พลันรู้สึกไม่สบายใจยามได้เห็นฉินหยุนที่ กลายร่างเป็นสีดําสนิท!

 

จี้เสวียนอี รวมถึงจ้าวตําหนักทั้งสี่ต่างเผยความตื่นตะลึงกันออกมา! “น้องหยุนเป็นอะไรไป?” มู่หรงต้าเหรินอุทานร้องเสียงเบา “รูปลักษณ์ของเขาตอนนี้น่ากลัวนัก!” ฮั่วจงเองก็ลอบกังวลอยู่ภายใน ภาพลักษณ์ของฉินหยุนตอนนี้ มันชวนน่าสะพรึงอย่างยิ่ง! เขาพลันลุกพรวดขึ้น บาดแผลจากดาบตามร่างกายรักษาตัวอย่าง

รวดเร็ว ความเร็วนี้มากล้นขนาดเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

 

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ผู้คนล้วนเกิดคําถามขึ้นในใจพร้อมอาการ แตกตื่น!

 

เจ้า จงคุกเข่าเสีย!” พอจี้ไค่หลินได้เห็นดวงตาฉินหยุนแปรเปลี่ยน เป็นดําสนิท เขาตระหนก เร่งรีบกวัดแกว่งดาบออก ใช้งานเคล็ดวิชา ดาบเงาอสนีบาตออกอีกครั้ง!

 

ลําแสงดาบก่อเกิดเป็นร่างเงาอสนีบาต ชั้นแล้วชั้นเล่าจนเต็มท้องฟ้า พวกมันปกคลุมร่างของฉินหยุนเอาไว้

 

เงาดาบปะทะกับหมัดที่กําแน่นของฉินหยุน เขาระเบิดการสั่นไหว ออกจากร่างกาย เสื้อผ้าท่อนบนของร่างกายฉีกขาดออกโดยทันที!


 


 


 


ร่างกายของเขาตอนนี้ เปี่ยมด้วยกล้ามเนื้อที่ส่งคลื่นพลังภายในสีดํา ออกมา!

 

สีดําหมายถึงความชั่วร้าย!

 

ตอนนี้เอง ทั้งร่างกายฉินหยุนปะทุออกซึ่งพลังภายในสีดํา ภาพลักษณ์ ชวนขนหัวลุก หลายคนต่างเชื่อว่านี่เป็นวิชายุทธ์ของปีศาจ!

 

“ฮ่า!”

 

ฉินหยุนคํารามร้อง ปลดปล่อยพลังภายในสีดําตามร่างกายกระจาย ออกอย่างรุนแรง!

 

คลื่นพลังที่ปลดปล่อยออกนี้ ทําเอาทั่วทั้งสนามประลองสั่นไหว รุนแรง!

 

ร่างเงาดาบที่จี้ไค่หลินปลดปล่อยออก กระจายหายวับเพราะคลื่น พลังนี้ พวกมันกลับกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังไร้สภาพ ปกคลุมอยู่ ายในเขตอาคมของสนามประลอง

 

ครืน!

 

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังสั่นไหวออกมา!

 

พร้อมกันนี้ ขณะทะยานกายออก เสาผลึกแก้วของสนามประลอง ยุทธ์พลันแตกกระจาย ความเร็วของเขาเหนือลํ้ายิ่ง!


 


 


 


เพียงพริบตา เขาก็ไปอยู่ตรงหน้าจี้ไค่หลินแล้ว!

 

แม้จี้ไค่หลินตระหนกถึงพลังอันน่าสะพรึงของฉินหยุน เขาก็ยังคงกํา ดาบเอาไว้แน่น และฟาดฟันเข้าใส่ฉินหยุน!

 

อุปกรณ์ลึกลํ้า จะยิ่งน่าสะพรึงหากปะทะในระยะใกล้!

 

ฉินหยุนไม่มีอุปกรณ์ลึกลํ้า ทว่าพลังสั่นไหวของเขาน่าสะพรึงเกินใด เทียบ!

 

หมัดถูกปล่อยออก ดาบชีพจรอสนีบาตที่ฟาดฟันลงมา ปะทะกับ คลื่นกระแทกรุนแรง เสียงการปะทะคํารามร้องออกอย่างชวนขนลุก

 

ก่อนที่ดาบชีพจรอสนีบาตจะทันถึงตัวฉินหยุน มันก็กระเด็นลอยไป ไกลแล้ว!

 

ทางด้านเสื้อผ้าที่จี้ไค่หลินสวมใส่ พวกมันฉีกขาดเพราะคลื่นกระแทก พลังภายในที่อยู่ในแก่นภายในของเขากลายเป็นโกลาหล พวกมันไม่ อาจควบแน่นได้อีก

 

อั่ก!

 

จี้ไค่หลินร่างลอยกระเด็น กระอักโลหิตคําโตออกมา ดวงตาเบิกออก กว้างด้วยความแตกตื่น เป็นเขาได้รับอาการบาดเจ็บภายในอย่าง แสนสาหัส!


 


 


 


“เจ้าปีศาจ จงหยุด!” จี้เสวียนอีตะโกนร้องพุ่งตัวออก

 

จ้าวตําหนักทั้งสาม รวมถึงผู้อาวุโสอีกหลายคนตามติดด้านหลังของ เขา

 

“จงรีบนําเขาออกจากเขตอาคม!”

 

จี้เสวียนอีตะโกนร้องต่อผู้พิทักษ์จาง ด้วยความร้อนใจ ใบหน้าของ ขาแดงกํ่าขณะตะโกนใส่ผู้พิทักษ์จางที่อยู่เหนือลานประลองยุทธ์

 

ฉินหยุนมองจี้เสวียนอีและแค่นเสียง “นี่เป็นการประลองเป็นตาย ไม่ ข้าก็มันต้องตาย!”

 

“หยุด!” จี้เสวียนอีได้แต่ร้องตะโกน วกผู้ชมเริ่มถอยห่าง

ฉินหยุน ผู้ซึ่งยืนบนลานประลองยุทธ์ ร่างปกคลุมด้วยออร่าสีดํา ดวงตาเป็นสีดําสนิทหาได้มีสีขาวเจือปน ภาพลักษณ์ตอนนี้ไม่ต่าง อะไรกับปีศาจร้าย!

 

นานมาแล้ว หลายผู้คนสงสัยว่าฉินหยุนฝึกฝนวิชาของปีศาจ กระนั้น กลับไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด!


 


 


 


แต่พอตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้เห็นเขาเป็นเช่นนี้ พวกเขาล้วนเชื่ออย่าง ไม่มีข้อสงสัย!

 

หลายผู้คนเริ่มเชื่อมั่น ว่าฉินหยุนฝึกฝนวิชาของปีศาจ นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นวิชาของปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!

 

“จี้ไค่หลิน เจ้าเป็นผู้คิดอยากประลองเป็นตายกับข้าเอง ไม่ใช่ว่าข้า ไม่ให้โอกาสเจ้า เป็นเจ้าไม่ยอมรับมันเอาไว้!”

 

เสียงของฉินหยุนสงบและเย็นเยือก หาได้มีอารมณ์ใดเจือปนอยู่ใน น้ำเสียงนี้ไม่

 

ด้วยสภาพเช่นนี้ กลับยังมีความสงบได้ถึงระดับนี้ มันยิ่งทําเอาผู้คน สะพรึงกลัว!

 

ผู้พิทักษ์จางเร่งร้อนควบคุม เคลื่อนไหวปิดการทํางานค่ายอาคม กระนั้นการปิดค่ายอาคมที่ใหญ่โต มันก็ต้องใช้เวลา

 

“ฉินหยุน ข้ารับรู้ความผิดพลาดแล้ว! โปรดไว้ชีวิตสุนัขตํ่าช้าเช่นข้า ด้วย!” จี้ไค่หลินกระอักโลหิตออกคําโต กล่าวคําอ้อนวอนร้องขอ ชีวิต

 

เป็นเขารู้สึกอย่างเด่นชัด ว่าความตายกําลังยืนอยู่เบื้องหน้า

 

“ข้าขอถาม เจ้าได้ก่อการหรือไม่? จงตอบมาตามตรง!” ฉินหยุนถาม สียงเย็นเยือก


 


 


 


“ใช่ ใช่แล้ว… พวกเราลงมือเอง!” จี้ไค่หลินกรีดร้องออกด้วยเพราะ วาดเกรงต่อความตาย

 

พอทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาต่างลอบสงสัยต่อจี้เสวียนอีและคณะ ว่าก่อการชั่วร้ายอะไรลงไป!

 

หยางฉีเย่ว์ยิ่งโกรธแค้น นางทราบว่าเรื่องราวนี้ไม่ใช่เล่นแล้ว นางหา ได้สงสัยจี้เสวียนอีและคณะในตอนที่เกิดเรื่องด้วยซํ้า!

 

หลันฮัวอวี้เผยสีหน้าดํามืด ก่อเรื่องตํ่าช้าเช่นนี้ในตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นการหยามเกียรติของพวกเรา!”

 

“ฉินหยุน หากเจ้าฆ่าอาหลิน เจ้าจะไม่มีทางได้รับเม็ดยาหัวใจสงบ เงียบ!” จี้เสวียนอีตะโกนดัง

 

พอฉินหยุนได้ยินคําขู่ เขายิ่งมีโทสะ หมัดเงื้อขึ้น พลังภายในสีดํา ทะลักล้นพ้นออกมา

 

“จี้ไค่หลิน จงรับความตาย!”

 

ฉินหยุนคํารามกราดเกรี้ยว จิตสังหารล้นพ้นถูกปลดปล่อย เป็นผล ห้ทั่วทั้งตําหนักยุทธ์วิญญาณสั่นไหว

 

หมัดทั้งสองของเขาถูกปล่อยออก เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทกราวฟ้า คํารามร้อง!


 


 


 


ด้วยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์และมังกรหลอมหกกระบวน ก่อเกิดขึ้นเป็น คลื่นยักษ์สะท้านสวรรค์!

 

พลังที่หมัดทั้งสองปลดปล่อยออก ชวนสะพรึงเกินบรรยาย นี่ไม่ต่าง อะไรกับวันสิ้นโลกที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า!

 

คลื่นพลังงานสีดําเคลื่อนคล้อยลงจากท้องฟ้า กดทับลงที่ร่างของจี้ไค่ หลิน!

 

พร้อมกันนี้ ค่ายอาคมใหญ่ของสนามแข่งขันได้ถูกปิดลง! ตู้ม!

เสียงดิบเถื่อนระเบิดดังสนั่น แรงสั่นไหวปกคลุมลงมาที่ร่างของจี้ไค่ หลิน ทะลวงพื้นสนามแข่งขัน จนกระทั่งถึงส่วนลึกของตําหนักยุทธ์ วิญญาณ แทบไม่ต่างอะไรกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น!

 

ครืน! ครืน! ครืน!

 

ตําหนักยุทธ์วิญญาณที่งดงาม เริ่มสั่นไหวและยุบตัวลงอย่างต่อเนื่อง!

 

พร้อมกับการถล่มลงมานี้ คลื่นพลังระเบิดออก ก่อให้เกิดคลื่น กระแทก พัดพาชิ้นส่วนที่พังทลายกระจายไปทั่วทิศ

 

โดยทันที ทั้งเสียงร้อง เสียงอุทาน เสียงตะโกน ทั้งหมดเปี่ยมด้วย วามหวาดกลัวล้วนดังขึ้นให้ได้ยิน


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น