ตอนที่ 329 : ท้าหัวหน้าศิษย์
เมื่อฉินหยุนและหลันเฟิงจินมาถึง หลันฮัวอวี้และจ้าวฉวน จึงเร่งรีบ
เดินเข้ามา
เสวี้ยซือเยี่ย มู่หรงต้าเหริน
ฮั่วจง และโฮ่วฉิงเฟิง พวกเขาล้วนนั่งอยู่
โต๊ะเดียวกัน พวกเขาโบกมือเป็นการเรียกฉินหยุนและคณะ
“มาเถอะ ไปที่โต๊ะนั้นกัน!” หลันเฟิงจินกล่าว
การปรากฏตัวของฉินหยุน ทําเอาเสียงสนทนาดังอื้ออึง กระนั้นไม่
นานก็สงบลง
หลังจากหลันเฟิงจินและผู้อื่นนั่งลงแล้ว พวกเขาจึงได้เห็น จ้าวตําหนัก หยาง และผู้อาวุโสอีกหลายคนกําลังเดินเข้ามา ต่างสนทนากันไป
พลางและหัวเราะ
ผู้คนของตระกูลหยาง ต่างก็สวมใส่ชุดเป็นการแสดงความยินดี พร้อมรอยยิ้มแสดงผ่านสีหน้าเด่นชัด
“ผู้อาวุโสหลัน สถานการณ์ทางด้านเย่ว์หลานเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉิน หยุนเอ่ยถาม
“นางมั่นคงขึ้นมากแล้ว เป็นเรื่องดีที่ได้รับเม็ดยาหัวใจสงบเงียบ พร้อมทั้งจ้าวตําหนักใหญ่ช่วยเหลือ
สภาพตอนนี้จึงมั่นคงมาก ใน ภายหน้า
มันจะไม่ส่งผลกระทบใดต่อนางอีก!” หลันฮัวอวี้กล่าว
ฉินหยุนค่อยวางใจ ด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน มันทํา เอาเขารู้สึกไม่สบายใจตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“จ้าวตําหนักใหญ่ไม่มาหรือ?” มู่หรงต้าเหรินมองรอบด้าน กล่าว ออกเสียงเบา “เรื่องราวใหญ่โตเพียงนี้ จ้าวตําหนักใหญ่ก็เพิ่งออก
จากการเก็บตัวฝึกฝน ข้านึกว่าเขาจะมาเข้าร่วมเสียอีก!”
หลันฮัวอวี้ยิ้ม “เขารักสงบและความเงียบ ดังนั้นน้อยครั้งนักจะเข้า
ร่วมงานเช่นนี้! ทั้งนี้เขายังไม่ทราบด้วย และข้าก็ไม่ได้คิดบอกต่อเขา
แต่อย่างใด!”
“เขาคงต้องปัดกวาดตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามอีกพักหนึ่งเลย ทีเดียว”
สถานการณ์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ถือว่าค่อนข้าง
ร้ายแรง
ภายในยุ่งเหยิง โดยเฉพาะบรรดาศิษย์และผู้อาวุโส มือและเท้าของ
พวกเขาล้วนสกปรกเพราะการกระทําอันตํ่าช้าสุดหยั่งไปมาก
ที่ลานกว้างของตําหนักตะวันตก ยิ่งมาคนยิ่งมากขึ้น
เหล่าถานเองก็มาที่โต๊ะของฉินหยุน
ทางด้านอู๋เซี่ยง เขายังคงอยู่ใน ห้อง ศึกษาตัวยาเหลวที่ได้รับมา
“เจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาถึงแล้ว!” คนผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
ผู้คนล้วนหันมองเส้นทางพรมแดงที่ตระเตรียมเอาไว้ ได้เห็นเชี่ยว หยางหลงสวมใส่ชุดงดงามสีแดง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความหยิ่งผยอง ศีรษะเชิดขึ้น หน้าอกตั้งตรง ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มอหังการ
ข้างกายเขาคือหยางฉีเย่ว์ สวมใส่ชุดสีแดงงดงาม
ใบหน้าของนาง ปกปิดเอาไว้ด้วยผ้าคลุมแดง
กําลังก้าวเดินเชื่องช้า ไปยังเวทีตรง กลางพร้อมกับเชี่ยวหยางหลง
จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ต่างมองหน้ากัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่ม ก่อตัว
พวกเขาเป็นกังวล ว่าฉินหยุนจะหุนหันก่อการ
“น้องหยุน!” เซี่ยอู๋เฟิงพบฉินหยุนนั่งเงียบงัน จึงตะโกนร้องเรียก
เสียงเบา
หลันเฟิงจินทราบแต่แรก ว่าฉินหยุนคิดท้าทายเชี่ยวหยางหลงใน วันนี้!
พวกเขาได้แต่หวัง ว่าฉินหยุนจะสามารถเอาชนะเชี่ยวหยางหลงได้!
ตระกูลหยาง ผู้อาวุโสจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยว รวมถึงจ้าวตําหนัก
ตะวันตก และผู้อาวุโสอื่นอีกหลายคน ล้วนยืนอยู่บนพรมแดงระหว่าง ทางไปยังเวที
ใบหน้าพวกเขาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ขณะรับชมเชี่ยวหยางหลงและ หยางฉีเย่ว์เดินใกล้เข้ามา
โดยเฉพาะตระกูลหยาง พวกเขาคล้ายหัวเราะออกอย่างสุขใจที่สุด แล้ว!
“ขอขอบคุณทุกท่านที่มายังตําหนักตะวันตกของข้า เพื่อเข้าร่วมใน งานพิธีอภิเษกสมรสแก่ศิษย์รักเชี่ยวหยางหลงของข้า!” จ้าวตําหนัก
หยางหัวเราะออกเสียงดัง
เชี่ยวหยางหลงและหยางฉีเย่ว์ ก้าวเดินขึ้นยืนบนเวทีเพื่อให้ทุกคนได้ เห็นกันอย่างชัดเจน
“เจ้าบ่าว กล่าวอะไรหน่อยแล้ว!” จ้าวตําหนักหยางยิ้มเอ่ยคํา
เชี่ยวหยางหลงเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งผยองขณะมองที่ฝูงชน เขา ได้เห็นฉินหยุนยังคงนั่งนิ่ง
หาได้ลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด
เมื่อเขาได้เห็นฉินหยุนราวกับเป็นคนไร้วิญญาณ เขายิ่งรู้สึกยินดี จากนั้นจึงเอ่ยคําออกตามมารยาท
“เช่นนั้น เริ่มงานพิธีได้!”
ชายชราในชุดสีนํ้าเงิน ยิ้มกว้างขณะเผย เสียงดัง
แต่ขณะผู้อาวุโสกล่าวคําจบ ฉินหยุนพลันลุกขึ้นพร้อมก้าวเดินออก จากที่นั่ง!
ฝีเท้าของเขา มุ่งหน้าตามพรมแดง ขึ้นไปบนเวทีซึ่งเป็นลานประลอง
ผู้คนต่างจับตามอง
พร้อมกันนี้ หลายคนล้วนประหลาดใจ พวกเขายังลอบยินดีอยู่
ภายใน เรื่องราวที่พวกเขาคาดหวัง กําลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
ฉินหยุนไม่อาจนั่งเฉยได้!
จ้าวฉวนและคณะคิดอยากห้ามปรามฉินหยุน ทว่าเมื่อได้เห็นสีหน้า เด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย พวกเขาเลือกปล่อยให้เขาทําตามต้องการ
เชี่ยวหยางหลงหาได้ประหลาดใจที่ฉินหยุนเดินเข้ามาไม่ ความจริง เขาคาดหวังเสียด้วยซํ้า ใบหน้าตอนนี้ของเขากําลังเผยความอหังการ
แค่นเสียงเย้ยหยัน
“เชี่ยวหยางหลง เจ้าบอกต่อข้า ว่าตราบเท่าที่ข้าเข้าร่วมตําหนัก ตะวันตก ข้าสามารถท้าประลองเจ้าได้ทุกเมื่อ”
“หากข้าจัดการเจ้า ข้าจะเป็นหัวหน้าศิษย์ของตําหนักตะวันตก เรื่อง นี้ถูกต้องหรือไม่?” ฉินหยุนกล่าวเชื่องช้า สีหน้าเฉยชาไม่แปรเปลี่ยน
หยางฉีเย่ว์สัมผัสถึงออร่าของฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้ แต่พอนางได้ ยินคํากล่าวของฉินหยุน
ร่างของนางอดไม่ได้ที่จะสั่น
นางเดิมคิดว่าฉินหยุนยินดีเชื่อฟังคําแนะนําของนาง ไม่ก่อปัญหาขึ้น ที่นี่ กระนั้นเขาก็ยังมาเข้าร่วมงาน!
จ้าวตําหนักหยางและผู้อาวุโสหลายคน รวมถึงตระกูลหยางต่างยินดี พวกเขาต่างมองหน้ากันเองด้วยรอยยิ้มสุขสันต์ที่ใบหน้า
เชี่ยวหยางหลงยิ้ม “ถูกต้อง
เจ้าสามารถท้าประลองข้าตอนนี้ได้! ข้า
พร้อมรับคําท้าประลองทุกเมื่อ! ข้าเป็นชายที่รักษาสัญญา หากเจ้าท้า
ทายข้า ข้าย่อมรับคําท้าโดยทันที ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้รอนาน
ข้าจะเร่งรีบจบสิ้นเรื่องราวเช่นกัน จะได้เริ่มงานพิธีต่อ!”
ฉินหยุนท้าประลองเชี่ยวหยางหลงก่อนเวลา และยิ่งเป็นการกระทํา ต่อหน้าธารกํานัลจํานวนมาก เรื่องนี้ทําเอาหลายคนยินดี
อย่างไรแล้ว เพียงรับชมพิธีแต่งงานถือว่าน่าเบื่อจนเกินไป
“ฉินหยุน เจ้าเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เลิกโง่เขลาแล้วลง
มาเสีย! นี่ถือเป็นงานอันทรงเกียรติ!”
“ไว้เจ้าเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ค่อยท้าประลองต่อเชี่ยวหยาง หลง นั่นจึงน่ารอคอยรับชม! เจ้าแข็งแกร่งก็ใช่ แต่ก็แค่ที่ขอบเขตกาย
วรยุทธ์ ยามเมื่อเผชิญต่อหน้าขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เจ้าก็ยังอ่อนด้อย
กว่า! อย่าได้ขวางทางพวกเขาแล้ว!”
“ฉินหยุน เจ้าคิดจัดการเชี่ยวหยางหลงแล้วตบแต่งหยางฉีเย่ว์แทนที่ งั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่า… ภรรยาเจ้าเช่นเชี่ยวเย่ว์หลานยอมหรือ? ไม่กลัวว่านางจะมา
แหกอกเจ้าจนตายหรือไร? ได้ยินว่านางโหดใช่เล่นเลยนี่!”
ในงานเลี้ยงเช่นนี้ มักจะมีผู้ไม่หวั่นเกรงการสร้างปัญหามาสู่ตน โดยเฉพาะกับผู้ที่เมามายโดยสุรา
เสียงหัวเราะดังลั่นเป็นลูกคลื่นดังตามมา กระนั้นฉินหยุนหาได้มี โทสะใดไม่!
หยางฉีเย่ว์เลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น มองที่ฉินหยุน
นางกล่าว “ฉินหยุน รีบ ลงไปเร็วเข้า! เมื่อเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เจ้าค่อยมีโอกาสชนะ
หากคิดท้าทายเขา!”
“อาจารย์ ท่านเข้าใจผิดแล้ว!”
ฉินหยุนกล่าวกระซิบ “ข้าสามารถ เอาชนะมัน!”
หลันเฟิงจินและเสวี้ยซือเยี่ย ต่างเร่งรีบเดินขึ้นมาพร้อมนําหยางฉีเย่ว์ ลงจากเวที
หลันฮัวอวี้นําเอาเสาจํานวนมากออกมา ปักพวกมันเอาไว้รอบเวทีซึ่ง ได้ทําหน้าที่ลานประลองยุทธ์แต่เดิมของมัน เขาไม่อาจเกลี้ยกล่อม
ฉินหยุน ที่ทําได้ก็คือทําให้มั่นใจ ว่าจะไม่มีผู้อื่นเข้าแทรกแซงการ
ต่อสู้
หยางฉีเย่ว์ยืนด้านล่างลานประลองยุทธ์ นางมองที่แผ่นหลังของฉิน หยุน อารมณ์หลากหลายผสมปนเปกัน ภายในหัวใจของนางเปี่ยม
ด้วยความกังวล!
ไม่กี่วันก่อนหน้า ฉินหยุนประลองกับจี้ไค่หลินจนแทบเสียชีวิต
ตอนนั้น นางโศกเศร้าจนแทบตายตก
และตอนนี้ คู่ต่อสู้ของฉินหยุนคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋านามเชี่ยวหยาง หลง
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ท้าประลองด้วยมือเปล่า เป็นไป ไม่ได้ที่จะเอาชนะ เรื่องนี้มันขัดต่อความเป็นจริงเกินไป ไม่มีผู้ใดคิด
ว่ามันสมเหตุสมผล!
ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างก็คิดว่าโอกาสที่ฉินหยุนสามารถชนะมี
เพียงน้อยนิด!
หลันเฟิงจิน เซี่ยอู๋เฟิง
และคณะมิตรสหายของฉินหยุน ได้แต่ คาดหวังภายในใจ ให้ฉินหยุนได้รับชัยชนะ
สําหรับผู้อื่น พวกเขาเชื่อมั่นว่าฉินหยุนต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
เสาอาคมถูกติดตั้งรอบลานประลองยุทธ์ ดังนั้นระหว่างการประลอง จะไม่มีทางส่งผลกระทบใดต่อผู้รับชมด้านนอกลานประลอง
จ้าวตําหนักหยางจากตําหนักตะวันตกหัวเราะคิกคัก “ฉินหยุน มี ความมั่นใจถือเป็นเรื่องดี คิดท้าทายหัวหน้าศิษย์ในเวลาเช่นนี้ ค่อย สร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงขึ้นได้หน่อย ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!”
ผู้ใดกันไม่ทราบว่าฉินหยุนชื่อเสียงขจรไกลเพียงใด?
หากเขาพ่ายแพ้ต่อเชี่ยวหยางหลง ณ ที่นี้ เช่นนั้นชื่อเสียงของเชี่ยว
หยางหลงจะต้องระเบิดสนั่นทั่วทั้งภูมิภาค
ยิ่งไปกว่านั้น เชี่ยวหยางหลงยังมีความเกลียดชังลึกลํ้าต่อฉินหยุน!
หากเขาสามารถจัดการฉินหยุนที่ตรงนี้ และตบแต่งกับหยางฉีเย่ว์ มี แต่จะทําให้เขาอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้น
“รอให้เชี่ยวหยางหลงจัดการข้าได้ ค่อยพูดคําเหล่านั้นออกมายังไม่ สาย!” ฉินหยุนยิ้ม
“หากเขาแพ้ต่อข้า คงเป็นเรื่องน่าอับอายแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินหยุนเอ๋ย
เจ้าช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง!” จ้าวตําหนักหยาง
หัวเราะ หลายคนต่างหัวเราะตาม
ผู้อาวุโสจากตระกูลหยางกล่าวแค่นเสียง “ฉินหยุน เจ้าไม่อาจใช้งาน
ยันต์วิญญาณและอุปกรณ์วิญญาณในการประลอง เอาความมั่นใจมา แต่ใดที่สามารถเอาชนะฝ่าบาทรัชทายาท
คิดเอาจริงงั้นหรือ?”
จ้าวตําหนักหยางหัวเราะ “ย่อมไม่เป็นไร ในเมื่อวันนี้เป็นงานเลี้ยง
ฉลอง ข้าย่อมคิดนําเสนอรางวัล!
การประลองระหว่างทั้งสอง ตราบ เท่าที่มีผู้ได้รับชัยชนะ จะสามารถได้รับอุปกรณ์ลึกลํ้าชิ้นหนึ่งของ
ตําหนักตะวันตก เป็นเสื้อคลุมลึกลํ้าวิญญาณสีคราม!”
ศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างร้องระงมออกด้วย ความอิจฉา
ทุกตําหนักวิญญาณสีคราม ต่างมีอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งในครอบครอง
และอุปกรณ์ลึกลํ้าที่ดีที่สุดของตําหนักตะวันตก ก็คือเสื้อคลุมลึกลํ้า วิญญาณสีคราม
เมื่อจ้าวตําหนักหยางนํารางวัลเช่นนี้ออกมา ชัดเจนว่าให้ค่าเชี่ยว หยางหลงเอาไว้สูงลํ้า เชี่ยวหยางหลงเป็นหัวหน้าศิษย์ด้วยอายุยังเยาว์ เขาคือผู้อยู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋า
ด้วยท่าทีเช่นนี้ของจ้าวตําหนักหยาง มีความเป็นไปได้สูง ว่าเขาจะ
ได้รับสืบทอดตําแหน่งจ้าวตําหนักตะวันตกคนต่อไป!
ฉินหยุนยิ้ม “จ้าวตําหนักหยางช่างปราดเปรื่อง!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้า ก็ต้องเพิ่มสีสันต่อการประลองยุทธ์ครั้งนี้บ้าง!”
เขานําเอาขวดออกมาใบหนึ่ง พร้อมกระดาษสองแผ่น ส่งต่อให้แก่
หลันฮัวอวี้และกล่าว “ผู้อาวุโสหลัน
นี่คือยาเหลวตะวันโชติช่วง ผัง จารึกดวงดาว และพิมพ์เขียวอุปกรณ์ลึกลํ้า!
หากข้าแพ้ ท่านส่งมอบ สิ่งเหล่านี้แก่เชี่ยวหยางหลงด้วย!”
พอหลันฮัวอวี้ได้ยินดังนี้ เขาถึงกับมึนงงไปวูบ!
จ้าวตําหนักหยาง เชี่ยวหยางหลง และผู้อาวุโสอีกหลายคนจากตระกูล
หยาง ล้วนมองฉินหยุนด้วยความแตกตื่น!
ทั้งลานกว้างในตําหนักตะวันตก ฉับพลันถูกปกคลุมด้วยเสียงฮือฮา!
ด้วยระดับการฝึกฝนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ฉินหยุนคิดท้า ประลองเชี่ยวหยางหลง
ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า นอกจากนี้ ยัง นําเอาของมีค่าออกมาเป็นรางวัลแก่เชี่ยวหยางหลงที่สามารถเอาชนะ ตนได้!
“ฉินหยุนบ้าไปแล้วหรือไร?”
“ของดีเช่นนั้น เป็นเขาได้รับพวกมันจากการแข่งขัน! เขาถึงขั้นคิด
ส่งต่อให้ผู้อื่นเลยงั้นหรือ!”
“นี่เขาเอาความมั่นใจมาแต่ใดว่าสามารถชนะ?” “เหมือนเขามั่นใจมากว่าสามารถเอาชนะ!”
ผู้คนตระหนก อดไม่ได้ที่จะคิด กระนั้นก็ไม่เข้าใจว่าฉินหยุนคิดทํา
อะไรกันแน่
“น้องหยุนคิดอันใดอยู่กัน?” มู่หรงต้าเหรินกล่าวเสียงเบา ฮั่วจงตอบ
“น้องหยุนย่อมมั่นใจในชัยชนะ พวกเราเพียงรับชม!”
หยางฉีเย่ว์มองที่หลันเฟิงจิน เพราะฉินหยุนใช้เวลาอยู่ร่วมกับนาง
มากที่สุด
หลันเฟิงจินส่ายศีรษะ “เขายังไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ด้วย แก่นภายในถึงสอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลื่อนระดับได้รวดเร็วเพียง นั้น!”
ฉินหยุนมองทางเชี่ยวหยางหลง นํ้าเสียงยังคงสงบ “พวกเราเริ่มกัน
ได้แล้ว!”
หลังจากเชี่ยวหยางหลงเรียกสติกลับคืน เขาหัวเราะ “ในเมื่อเจ้า
นําเอาของรางวัลลํ้าค่าออกมา เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดแต่รับอยู่ฝ่ายเดียว!”
กล่าวคําจบ เขานําเอาถ้วยทองแดงใบเล็กออกมา
ถ้วยทองแดงนี้ ดูไปแล้วโบราณเกินกว่าจะเป็นของเก่าธรรมดา กระนั้น
ฉินหยุนมองเพียงครั้งเดียวก็ทราบ ว่าผังจารึกที่ตัวมันลึกลํ้า
เป็นอย่างยิ่ง
เชี่ยวหยางหลงหัวเราะออกอย่างภูมิอกภูมิใจ “สิ่งนี้คือมรดกตกทอด ของราชวงศ์เทียนเชี่ยวซึ่งลํ้าค่าที่สุด
ถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรา! แม้เสีย หายไปบ้าง แต่อย่างไรแล้วก็เป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า มันสามารถรวบรวม
แก่นของดวงตะวันและดวงจันทรา ช่วยเร่งการเติบโตของพืช สมุนไพรได้”
ตอนที่ 330 การประลองที่ไม่เท่าเทียม
ได้ยินดังนี้ จ้าวตําหนักหยางจึงเผยความกังวลออกโดยทันที นํ้าเสียง
เบาค่อยกล่าวคําขึ้น “อาหลง นั่นมันอุปกรณ์เต๋า! เพราะเสียหาย ระดับ จึงถูกลดเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า!”
“ไม่เป็นไร!” เชี่ยวหยางหลงยิ้มเฉยชา ส่งถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทราแก่
หลันฮัวอวี้ “หากข้าแพ้ มอบถ้วยนี้แก่ฉินหยุน!”
แม้ไม่มีผู้ใดทราบ ว่าถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทราคืออะไร แต่ได้เห็นท่าที
เป็นกังวลของจ้าวตําหนักหยาง พวกเขาจึงทราบว่าสิ่งนี้สมควรลํ้าค่า ยิ่งกว่าเสื้อคลุมลึกลํ้าวิญญาณสีคราม
จ้าวตําหนักหยางพอคิดได้ ว่าฉินหยุนไม่มีโอกาสชนะ เขาจึงค่อย
รู้สึกวางใจ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะโปร่งใสต่อหน้าธารกํานัล เขา จึงส่งเสื้อคลุมลึกลํ้าวิญญาณสีครามแก่หลันฮัวอวี้
แม้หลันฮัวอวี้มีความสัมพันธ์อันดีต่อฉินหยุน ผู้คนก็ทราบว่าเขาเป็น ผู้ที่ยุติธรรมอย่างยิ่งคนหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาต่างวางใจ
“ไม่อนุญาตให้มีการใช้อาวุธหรือชุดเกราะในการประลองยุทธ์!” หลันฮัวอวี้กล่าว “หากมีผู้ใดใช้ ข้าย่อมพบเห็น!
เช่นกัน ข้าหวังว่าจะ มีการยั้งมือยามเมื่อรู้ผล…”
เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ “ยั้งมืองั้นหรือ? นี่ไม่ใช่การประลองเด็กเล่น!
ในเมื่อเป็นการต่อสู้ เช่นนั้นก็ต้องตรงไปตรงมา เป็นการเอาชีวิตและ
ความตายเป็นเดิมพัน!”
“ข้าแพ้แล้วยังจะมีอะไรให้เสีย? มันก็หมดสิ้นกันแค่นั้น!
ข้า เชี่ยว หยางหลงแข่งขันการประลองยุทธ์มาหลายครั้งครา ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ ต่อผู้ใด หากข้าพ่ายแพ้ ย่อมไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อ!”
หยางฉีเย่ว์คิดอยากก้าวเดินขึ้นไป เกลี้ยกล่อมฉินหยุน
กระนั้น เมื่อ นางได้เห็นสีหน้าสงบจนน่าสะพรึงของฉินหยุน ด้วยเหตุผลอะไร บางอย่าง นางกลับรู้สึกวางใจ
“การประลองยุทธ์โดยมีชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน!” ฉินหยุนไม่ ขัดแย้ง ยอมรับข้อตกลงนี้แต่โดยดี
หลันฮัวอวี้ถอนหายใจ “ย่อมได้
จนกว่าจะถึงเวลานั้น ค่ายอาคมจะ ทํางาน ภายในไม่อาจออก ภายนอกไม่อาจเข้า จนกว่าผลลัพธ์สุดท้าย จะถูกตัดสิน!”
จ้าวตําหนักหยางและผู้อาวุโสหลายคน เร่งรีบเดินลงจากลานประลอง ยุทธ์ ความยินดีฉายชัดที่ใบหน้าพวกเขา
เชี่ยวหยางหลงเองก็ตื่นเต้นในชั่วขณะนี้ มือทั้งสองกําแน่น สั่นไหว เล็กน้อย แสดงออกให้เห็นว่าเขารอคอยการประลองครั้งนี้เพียงใด!
การโค่นล้มฉินหยุน ไม่ได้หมายถึงเพียงแต่ชื่อเสียง เขายังจะได้รับ
วัตถุลํ้าค่าของฉินหยุนเป็นรางวัล
หลันฮัวอวี้ก้าวเดินลงจากลานประลองยุทธ์ ทะยานขึ้นไปเหนือเสา ค่ายอาคม
ใช้ท่าทางชี้แนะแก่ฉินหยุนและเชี่ยวหยางหลง ให้ทั้งสอง
เดินไปยังขอบลานประลองยุทธ์
ลานประลองสร้างขึ้นในลานกว้าง ขนาดค่อนข้างใหญ่โต
เพียงพอ สําหรับใช้เปิดศึกครั้งใหญ่!
ทั้งสองแยกห่างจากกันหลายสิบเมตร พวกเขากําลังเตรียมตัวขั้น สุดท้ายรอเริ่มประลอง!
ทุกคนต่างยืนขึ้น รับชมด้วยใจจดจ่อ
ผู้ที่ได้รับชมฉินหยุนแข่งขันประลองยุทธ์ก่อนหน้า พวกเขาต่าง ประทับใจในตัวอีกฝ่ายอย่างยิ่ง!
แม้พวกเขาทราบว่าฉินหยุนน่าจะต้องแพ้ กระนั้นก็ไม่คิดว่าฉินหยุน จะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอยากรับชม ว่าเขาจะ ยืนหยัดได้นานเพียงใด
ทุกคนล้วนตระหนักได้ดี ว่าฉินหยุนเจตนาท้าประลองเชี่ยวหยาง หลงแต่แรก
มันก็เพื่อหยุดพิธีการแต่งงานครั้งนี้!
หยางฉีเย่ว์ถูกบีบบังคับให้แต่งงาน ผู้คนต่างทราบว่าเชี่ยวหยางหลงมี กลเม็ดซุกซ่อนเอาไว้ เขาย่อมต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้สําเร็จถึง เป้าหมาย
กระทั้งว่าเชี่ยวหยางหลงเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาชั่ว ระยะเวลาหนึ่ง กระนั้นเขาอยู่เพียงระดับแรกของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
การเลื่อนสู่ระดับถัดไปเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
กระนั้น เขาก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าทั่วไปอยู่หลาย ขุม
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่ง หากเทียบกับขอบเขตกายวรยุทธ์แล้ว ความสามารถนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนไม่อาจชัดไปกว่านั้นได้!
เชี่ยวหยางหลงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เก้าตะวันยังตั้งตระหง่านบน ฟากฟ้า
เขากล่าวต่อหลันฮัวอวี้ “ผู้อาวุโสหลัน ตอนนี้เกือบบ่ายแล้ว ให้เริ่มการประลองยุทธ์ในช่วงเวลานั้น! ตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่
เก้าดวงตะวัน ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมามากที่สุด!”
“ย่อมได้!” เขาเองก็คาดหวัง ว่าฉินหยุนจะได้มีเวลาเตรียมการใน
ช่วงเวลานี้บ้าง
เชี่ยวหยางหลงยิ้มอย่างมาดมั่น ร่างกายเริ่มทอประกายสีทอง บอล แสงสีทองพลันปรากฏออกจากตันเถียนของเขา พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า
ได้เห็นบอลแสงสีทอง ผู้คนพลันทราบ ว่านั่นคือวิญญาณยุทธ์!
วิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทอง!
วิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวหยางหลง แท้จริงเป็นวิญญาณยุทธ์ที่สวรรค์ ประทานมอบ!
ผู้คนเบื้องล่างลานประลอง ต่างสูดเอาอากาศเย็นเข้าลึก!
นี่ก็เพราะ วิญญาณยุทธ์ตะวันทัดเทียมกับวิญญาณยุทธ์จันทรา แม้ เป็นระดับทอง แต่ก็หาได้ยากยิ่งกว่าวิญญาณยุทธ์จันทรา
ผู้คนต่างรู้สึก ว่าวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองของเชี่ยวหยางหลง สามารถทัดเทียมกับวิญญาณยุทธ์จันทราระดับทองม่วงของหยางฉี เย่ว์ได้!
ฉินหยุนมองตามด้วยสีหน้าตึงเครียด
เขาไม่คิดมาก่อน ว่าวิญญาณ ยุทธ์ของเชี่ยวหยางหลงที่ซุกซ่อนเอาไว้ แท้จริงเป็นถึงวิญญาณยุทธ์ แห่งสวรรค์
หลันเฟิงจินเดิมไม่กังวลต่อฉินหยุน แต่ตอนนี้พอได้เห็นวิญญาณ ยุทธ์ตะวันระดับทองของเชี่ยวหยางหลง นางกลายเป็นรู้สึกไม่สบาย
ใจขึ้นมาโดยทันที
เซี่ยอู๋เฟิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังดวงตะวันสีทองขนาดเล็ก กล่าวด้วย
นํ้าเสียงลุ่มลึก “น้องหยุนเผชิญหน้ากับเชี่ยวหยางหลง แรงกดดันมี
แต่จะเพิ่มมากขึ้น ข้าหวังว่าเขาจะทนได้!”
จ้าวฉวนถอนหายใจ “ข้าไม่คิดเลย ว่าพรสวรรค์ของเชี่ยวหยางหลง แท้จริงจะน่าสะพรึงกลัวได้ระดับนี้!” วิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองของเชี่ยวหยางหลง ทําเอาหลายผู้คน แตกตื่น!
หน้าผากของฉินหยุนเริ่มตึง เขารู้สึกได้ถึงพลังของดวงตะวันที่น่าสะ พรึง!
“ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์เป็นอาจารย์เจ้า แต่เจ้ากลับไม่ทราบวิธีแสดง
ความเคารพต่ออาจารย์ เจ้ามองนางเป็นโฉมงามผู้หนึ่ง คิดอยาก ครอบครองนางเอาไว้! ศิษย์เช่นนี้มีแต่จะก่อปัญหาให้แก่นาง ครา ครั้งนี้ เจ้าจะต้องโดนสายฟ้าแห่งสวรรค์ลงทัณฑ์!” เชี่ยวหยางหลงหัวเราะเย็นเยือก
“นอกจากนี้แล้ว กระทั่งว่าเจ้าทราบ ว่านางเป็นคู่หมั้นของข้า เจ้าก็ยังปิดซ่อนพละกําลังแท้จริงเอาไว้ แสร้งทําตัวน่าเวทนามาโดยตลอด”
“เจ้ายังเด็ก กระนั้นกลับโฉดชั่วและตํ่าช้า ชัดเจนว่าเจ้ามีเย่ว์หลาน
เป็นภรรยาแล้ว แต่กลับมีเจตนาคิดเป็นอื่น ตกหลุมรักอาจารย์ของ
ตัวเอง ช่างตํ่าช้ายิ่งนัก!”
“เชี่ยวหยางหลง จงหุบปากและเลิกพล่ามวาจาไร้สาระ!” ฉินหยุน เริ่มมีโทสะ เขาตะโกนตอบโต้
ผู้ชมหลายคนต่างพูดคุย ชี้ไม้ชี้มือทางฉินหยุน เรื่องราวที่ได้รับฟัง
เหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่สมควรอภัยให้ได้!
หยางฉีเย่ว์พอได้ยินคําพูดเหล่านี้ นางโกรธตัวแทบสั่น เพราะนาง
ทราบว่าเรื่องราวหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
“ฮ่าฮ่า! ฉินหยุนเอ๋ย
ดูท่าทีเจ้าสิ
ชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง!” เชี่ยวหยางหลงหัวเราะดังลั่น “วันนี้ ข้าคิดใช้พลังของวิญญาณยุทธ์
ตะวัน เรียกร้องความยุติธรรมจากสวรรค์
กําจัดวายร้ายเช่นเจ้า!”
“เจ้า!” ฉินหยุนมีโทสะถึงขนาดกล่าวคําอื่นใดไม่ออก การคิดทําให้
เรื่องราวนี้กระจ่างถือเป็นเรื่องยากจนเกินไป
เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียง “ฉินหยุน เจ้ามีสองวิญญาณยุทธ์ในครอบ
ครอง! ถือว่าไม่เลว! แต่เจ้าก็ยังห่างไกลจากวิญญาณยุทธ์ของหยางฉี
เย่ว์นัก!”
“มีแต่วิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองของข้า จึงเหมาะสมแก่นาง! ที่ ผ่านมาเพียงนางเวทนาเจ้า แสดงความเมตตาแก่เจ้า จึงช่วยดูแลเจ้า
เป็นอย่างดีก็เท่านั้น”
ฉินหยุนทราบเป็นอย่างดี ว่าเชี่ยวหยางหลงแต่งงานกับหยางฉีเย่ว์ ก็ เพื่อใช้งานเคล็ดวิชาอันชั่วร้าย ทําการแยกเอาวิญญาณยุทธ์จันทรา ระดับทองม่วงจากหยางฉีเย่ว์
เพราะเหตุนั้นเขาจึงทุ่มสุดตัวเพื่อหยุดเรื่องราวนั้นเอาไว้!
ทั้งหมดนี้ ก็เพราะเขาได้ยินบทสนทนาในเทือกเขามนุษย์อสูร ย้อนกลับ ไปตอนนั้น เป็นเชี่ยวหยางหลงกับจ้าวตําหนักหยางสนทนากัน
แม้เขาทราบ กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดเชื่อหากเขาพูดกล่าวออกไป ด้วยเหตุ
นี้ เขามีแต่ต้องเอาชนะเชี่ยวหยางหลง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ก่อการ
เรื่องเลวร้ายขึ้น
“ฉินหยุนช่างตํ่าช้านัก หยางฉีเย่ว์ดีต่อเขาเพียงนี้ กลับมีเจตนาร้ายซุก
ซ่อนภายในใจ!”
“ถึงขั้นคิดเช่นนี้กับอาจารย์ของตัวเอง ช่างไม่อาจให้อภัย!”
“ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ช่างเป็นการ เสื่อมเสียแก่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามนัก!”
“กระทั่งหลังต่อสู้กับเชี่ยวหยางหลงยังไม่ตาย ข้าก็จะเผามันจนตาย ด้วยตนเอง!”
“ไม่ประหลาดใจเลย ที่เชี่ยวหยางหลงคิดอยากสู้จนถึงแก่ความตาย เพราะแบบนี้นี่เอง!”
หลายผู้คนเริ่มสนทนากันถึงเรื่องที่ฉินหยุนทําให้เสื่อมเสีย ทําให้เขา ยิ่งดูตํ่าช้าเลวทรามมากขึ้น
และผู้ที่กล่าวคําเหล่านี้ต่อฉินหยุน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นศิษย์ของตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีคราม
ที่อิจฉาฉินหยุนจนแทบตายตก! ตอนนี้พวก
เขามีโอกาส
จะยอมปล่อยให้ปากว่างได้อย่างไร?
“ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์เป็นของข้า
เจ้าไม่คู่ควรกับนาง! หลังจัดการเจ้า เรียบร้อย นางจะตกเป็นของข้า ข้าจะดูแลนางแทนเจ้าให้เป็นอย่างดี
เลยละ!” เชี่ยวหยางหลงหัวเราะตํ่าทรามดังลั่น
ฉินหยุนโกรธจนตัวสั่น เชี่ยวหยางหลงคิดใช้งานหยางฉีเย่ว์ เป็นเตา หลอมราคะของมัน และก็เพื่อทําลายนาง!
หยางฉีเย่ว์กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ชื่อเสียงที่เสียหายของฉินหยุน เช่นนี้
ทําเอานางรู้สึกมีโทสะอย่างล้นพ้น
ตอนนี้เอง ดวงตะวันสีทองเหนือศีรษะของเชี่ยวหยางหลง ยิ่งเข้มข้น
มากขึ้น!
เป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว!
“การประลองยุทธ์ เริ่มได้!” หลันฮัวอวี้ตะโกน
เชี่ยวหยางหลงครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวัน เหตุผลว่าทําไมเขาคิด รอจนถึงตอนบ่าย ก็เพื่อให้วิญญาณยุทธ์ตะวันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เขาใช้งานวิญญาณยุทธ์ตะวัน เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน รวบรวมมันตลอดช่วงระยะเวลาเตรียมตัว เพื่อปลดปล่อยออกใน
ยามนี้!
“ฉินหยุน ข้าจะสังหารเจ้าเสมือนหญ้าในสวนที่ถูกตัดทิ้ง!”
เชี่ยวหยางหลงยิ้มแสยะ ดึงเอาวิญญาณยุทธ์ตะวันที่รวบรวมพลังงาน กลับคืนสู่ร่าง ลําแสงสีทองพลันสาดส่องออกจากร่างนั้นขณะพุ่งขึ้น
กลางอากาศ เป็นการหลบเลี่ยงฉินหยุนที่กําลังพุ่งเข้ามา
ฉินหยุนโจมตีพลาด!
เชี่ยวหยางหลงผู้ซึ่งอยู่กลางอากาศ หันฝ่ามือลงพื้นลานประลอง ฝ่า มือสีแดงปรากฏภาพเปรียบดั่งขุนเขา ปกคลุมทั้งลานประลองเอาไว้ จนสิ้น
ตู้ม!
ฝ่ามือสีทองปะทะลงมา ความร้อนแรงเกินใดเทียบเปรียบ ราวกับ ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยลงมาด้วยตัวเอง คลื่นความร้อนมหาศาลทะลุ ออกจากค่ายอาคมใหญ่ แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นความร้อนสู่ภายนอก
ปกคลุมทั่วทั้งลานกว้าง!
ลานประลองยุทธ์สั่นสะเทือน พรมแดงถูกเผาไหม้กลายเป็นไอ ระเหย ร่างฉินหยุนถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีทองหนาแน่นมวลนี้!
“ฉินหยุนสมควรถูกเผาจนตายแล้ว ช่างอ่อนแอนัก เพียงการโจมตี
เดียวก็ยืนหยัดไม่ได้!”
“อย่างไรแล้ว เขาก็แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เป็นปกติที่
เชี่ยวหยางหลงจะสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว!”
“น่าเบื่อนัก ถึงกับตายเช่นนี้!”
ขณะทุกคนคิดว่าฉินหยุนจบสิ้นแล้ว แรงระเบิดอากาศรุนแรงพลัน พวยพุ่งจากพื้น
เข้าปะทะกับเชี่ยวหยางหลง!
นี่คือเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ที่ฉินหยุนใช้งานผ่านขุมพลังภายในขั้นสูง มันผสานรวมเข้าไว้กับวิชาระเบิดปราณ
วิชาคลื่นยักษ์ และวิชา มังกรหลอมกระบวนท่าสวรรค์ทลาย!
อีกหนึ่งเสียงระเบิดดังขึ้นเขย่าฟากฟ้า! เชี่ยวหยางหลงผู้ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
ถึงกับลอบตระหนก เขาไม่ คิดว่าฉินหยุนจะตอบโต้กลับมาได้!
คลื่นพลังภายในเปรียบดั่งลําแสง พุ่งเข้าปะทะต่อเชี่ยวหยางหลง!
เชี่ยวหยางหลงคํารามกราดเกรี้ยว ปลดปล่อยฝ่ามือลงพื้นอีกครั้ง หนึ่ง ดวงตะวันลุกโชติช่วงเริ่มเผาไหม้อีกครั้ง!
ฉินหยุนคํารามจากที่พื้น จากนั้นเขาจึงปลดปล่อยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ ปัดเป่าเปลวเพลิงให้พ้นตัว!
ฉินหยุนยังคงสบายดีอยู่บนลานประลองยุทธ์ เปลวเพลิงหาได้ทํา อันตรายใดแก่เขาไม่!
ฉินหยุนปลุกสายเลือดราชสีห์สวรรค์แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดเกรง ต่อทั้งอัคคีเพลิงหรือว่านํ้าแข็งขั้วโลก
เปลวเพลิงของเชี่ยวหยางหลง ทําได้ก็แค่ให้เขารู้สึกร้อนขึ้นบ้าง มัน ไม่อาจเผาไหม้เขาได้!
เชี่ยวหยางหลงหาได้คิดไม่ ว่าฉินหยุนจะไม่หวั่นเกรงต่อเปลวเพลิง!
“อย่าได้ใจนัก!” พร้อมกันนี้
เชี่ยวหยางหลงตะโกนขึ้น เคลื่อนคล้อย ลงจากท้องฟ้าประหนึ่งอุกกาบาตสีทอง ฝ่ามือยื่นออก เตรียมปะทะ เข้าใส่ศีรษะของฉินหยุน
ฉินหยุนคล้ายคาดการณ์ ถึงการโจมตีนี้ของเชี่ยวหยางหลงไว้ก่อน ด้วยเสียงคํารามหนึ่งครา เขาใช้งานเสียงคํารามราชสีห์สวรรค์เปล่ง
ออก!
ที่น่ากลัวที่สุด คือสิ่งที่มาพร้อมกับเสียงคําราม คลื่นเสียงปล่อยออก
มาพร้อมกับสายอสนีบาตทองม่วง!
เสียงคํารามราชสีห์สวรรค์ที่ปลดปล่อยพลังอสนีบาต มันร่ายรําขึ้น ท้องฟ้าพุ่งเข้าปะทะกับร่างของเชี่ยวหยางหลง!
“อ๊าก!” หลังการปะทะ
เชี่ยวหยางหลงคํารามร้องกราดเกรี้ยว ร่างนั้น
ปลิวกระเด็นจนปะทะเข้ากับเสาอาคม!
ฉินหยุนถึงขั้นทําให้เชี่ยวหยางหลงร่างกระเด็น!
ทั่วทั้งลานกว้างเงียบงัน พวกเขาต่างคิด ว่าเชี่ยวหยางหลงสมควรบด
ขยี้ฉินหยุนตั้งแต่แรกเริ่ม การต่อสู้สมควรจบในไม่กี่กระบวนท่า
แต่แล้วตอนนี้ ฉินหยุนกลับเป็นฝ่ายยืนหยัดรับการโจมตีสองครั้ง พร้อมทั้งสวนกลับ
เปรียบดั่งเขาเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า!
“อาหลง เอาจริงได้แล้ว ใช้พลังของมหาวิถีแห่งเต๋าจัดการมันเสีย!”
จ้าวตําหนักหยางขมวดคิ้วเร่งร้อนโพล่งคํากล่าวตะโกนออก
ตอนที่ 331 พลังมหาวิถีแห่งเต๋า
ความได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุด ของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่เหนือกว่า กายวรยุทธ์ ก็คือความสามารถอันแข็งแกร่งและทรงพลังของมหาวิถี
แห่งเต๋าที่ลึกลํ้า
ทางด้านเชี่ยวหยางหลง เขายังไม่ได้ใช้พลังของมหาวิถีแห่งเต๋ายาม ประมือกับฉินหยุน!
เชี่ยวหยางหลงคิดว่า การต่อสู้กับฉินหยุนใช้เพียงพละกําลังธรรมดา ก็สมควรจบการแข่งขันในเวลาอันเหมาะสมได้ มันจะทําให้เขาได้มี เวลายํ่ายีฉินหยุน เป็นเช่นนั้นจะยิ่งบันเทิงสําหรับเขายิ่งกว่า ที่เขาไม่คาดคิดก็คือ พละกําลังของฉินหยุนถึงขั้นน่าพรั่นพรึงได้ เพียงนี้
หากไม่ใช้พลังของมหาวิถีแห่งเต๋า การได้รับชัยชนะจะถือเป็นเรื่อง ยากแล้ว
ขณะเชี่ยวหยางหลงทะยานกายออก ฉินหยุนคํารามอีกครั้งด้วยเสียง คํารามราชสีห์สวรรค์ มันปลดปล่อยออกซึ่งคลื่นเสียงชวนสะพรึง
มาพร้อมกับสายฟ้าอสนีบาตที่เข้าโจมตี
“วิชากักขฬะ!” เชี่ยวหยางหลงตะโกนกราดเกรี้ยว ร่างกายส่องแสงสี
ทองจนดวงตาแทบมืดบอดทะลักออก ขัดขวางคลื่นเสียงและสาย อสนีบาตเอาไว้
ฉินหยุนรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรง ยามเมื่อร่างกายโดนแสงสว่าง ที่แข็งแกร่งนี้เข้า เขาเร่งร้อนถอยไปอยู่มุมหนึ่งของลานประลองยุทธ์
หลังวิวัฒนาการโทเทมราชสีห์สวรรค์ เสียงคํารามราชสีห์สวรรค์ที่ เขาเพิ่งใช้งานเมื่อครู่
มันมีพละกําลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พร้อม เสียงคําราม มันสามารถปลดปล่อยสายฟ้าอสนีบาตออกไปได้
กระนั้น มันกลับถูกหลอมเหลวโดยแสงที่เชี่ยวหยางหลงปลดปล่อย ออกจากร่างกาย!
“นี่คือพลังของมหาวิถีแห่งเต๋า พลังที่จะบดขยี้ฉินหยุนอย่างราบคาบ!”
“เชี่ยวหยางหลงครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทอง อักขระ ชีวิตที่เขาครอบครอง ย่อมต้องข้องเกี่ยวกับดวงตะวัน พละกําลังของ
มหาวิถีแห่งเต๋านี้ช่างแข็งแกร่งนัก!”
“นี่เป็นข้อได้เปรียบของวิญญาณยุทธ์! นี่คือพลังของมหาวิถีแห่งเต๋า ที่ฟ้าประทานให้!”
เมื่อเชี่ยวหยางหลงได้เห็นสีหน้าแตกตื่นของฉินหยุน เขาแค่นเสียง เย็นเยือก
“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ไม่มีทางต้านรับการโจมตี
ของมหาวิถีแห่งเต๋าได้แม้ครั้งหนึ่ง!”
กล่าวคําจบ เขาดึงแสงสีทองกลับเข้าหา
เพียงพริบตา
เขามาหยุด ตรงหน้าฉินหยุน
ฝ่ามือยื่นออกปะทะไปแล้ว!
เขาไม่ได้ใช้วิชายุทธ์ใด เพียงแต่เป็นการปล่อยฝ่ามือออกด้วยความเร็ว เหนือลํ้า
โจมตีเข้าที่ใบหน้าของฉินหยุน!
ตึง!
ใบหน้าของฉินหยุนปะทะกับฝ่ามือ เสียงระเบิดเพราะทะลุกําแพง เสียงดังสนั่น
ร่างปลิวกระเด็น ปะทะเข้ากับกําแพงโปร่งใส
“พลังของมหาวิถีแห่งเต๋าช่างน่ากลัวนัก!”
ฉินหยุนแตกตื่น เร่งรีบกลิ้งกับพื้น หลบเลี่ยงบอลแสงสีทองที่เชี่ยว
หยางหลงยิงตามมา
ตู้ม!
บอลแสงสีทองพลาดเป้า กระนั้น คลื่นระเบิดจากอากาศก็มากพอที่จะ
ส่งให้ร่างฉินหยุนกระเด็น
เชี่ยวหยางหลงใช้พลังของมหาวิถีแห่งเต๋า เพิ่มพูนความเร็วจนเหนือ ลํ้า ขนาดที่ฉินหยุนไม่อาจเทียบได้
“คิดอยากเห็นนัก ว่าเจ้าจะหลบได้สักกี่ครา!”
เชี่ยวหยางหลงเผยเสียงเย็นเยียบ เพียงพริบตา เขาปรากฏเหนือร่าง
ฉินหยุน จากนั้น
ฝ่ามือยื่นออก ประทับลงพื้น มันเปี่ยมด้วยพลังของ
มหาวิถีแห่งเต๋าทองคํา โจมตีอย่างไร้ปราณีที่หน้าท้องของฉินหยุน
ตูม!
แรงสั่นสะเทือนรุนแรงจากการปะทะ ทําเอาหัวใจผู้คนสั่นสะเทือน ตาม!
หน้าท้องของฉินหยุนโดยกระแทกอย่างเหี้ยมโหด โลหิตกระอักจาก ปาก สาดกระเซ็นออกพร้อมเสียงร้อง!
หยางฉีเย่ว์กําหมัดขาวนวลเอาไว้แน่นขณะรับชม หัวใจของนาง เจ็บปวดยิ่ง
ดวงตางดงามของนาง อดไม่ได้ที่จะเผยนํ้าตาออกให้ เห็น!
ฉินหยุนบาดเจ็บและทรมานก็เพราะนาง ที่นางทําได้ ก็เพียงแต่
รับชมอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรที่นางสามารถทําได้เลย!
“ไอ้สารเลวเชี่ยวหยางหลง ข้าไม่คิดปล่อยมันเอาไว้แน่!”
หลันเฟิงจินกระทืบเท้ารุนแรงขณะรับชมเรื่องราว นางตอนนี้โกรธ ขนาดไม่อาจหาที่ลง
ฉินหยุนเป็นอาจารย์ของนาง หากเขาถูกเชี่ยว
หยางหลงสังหาร เช่นนั้นความบาดหมางนี้จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงแก่ความตาย!
เซี่ยอู๋เฟิงกล่าวหนักแน่น “หากน้องหยุนไม่อาจลุกขึ้น ที่รอมันอยู่คือ
ความตาย!”
ออร่าดาบจากร่างของเขาคุกคามอย่างไม่อาจควบคุม ราวกับมัน พร้อมระเบิดออกทุกเมื่อ กระนั้นเขาก็ยังพยายามสะกดข่มเอาไว้
พอเชี่ยวหยางหลงได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของฉินหยุน เขาหรี่ตาลง แค่นเสียงกล่าวคําออก
“ฉินหยุนเอ๋ย เมื่อครู่เจ้ามั่นใจนัก ข้านึกว่าจะ
มีดีกว่านี้
ที่ไหนได้กลับไม่มีอะไรเลย!”
กล่าวคําจบ ลําแสงสีทองจึงระเบิดออกที่ต้นขา ฟาดหวดลูกเตะ
รุนแรง ส่งร่างฉินหยุนกระเด็น ปะทะกับเสาอาคมที่อยู่ไกลออกไป
ฉินหยุนนอนนิ่งกับพื้น ครวญครางด้วยความเจ็บปวด!
แม้เขาโดนโจมตีรุนแรงหลายครั้ง วัชระกระดูกในร่างกายหาได้ แตกหักไม่ มีแต่กล้ามเนื้อและเส้นโคจรที่ได้รับความเสียหาย
โทเทมต้นไม้ภายในวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เริ่มตื่นขึ้นอย่างเงียบงัน อักขระโทเทมเปรียบดั่งรากไม้
เริ่มรัดพันรอบเส้นโคจร กระดูก และ กล้ามเนื้อของเขา!
ฉินหยุนลอบยินดียามเมื่อรู้สึกถึงโทเทมต้นไม้ที่ตื่นขึ้น เขาเร่งรีบใช้
งานวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน ทําการ บํารุงรักษากล้ามเนื้อและเส้นโคจรที่บาดเจ็บอย่างเร่งรีบ
ตูม!
เชี่ยวหยางหลงทะยานกายอีกครั้ง ฝ่ามือประทับออก!
พลังงานจากมหาวิถีแห่งเต๋าปกคลุมร่างกายฉินหยุน ราวขุนเขามหึมา เข้ากดทับ สะกดลงอย่างหนักอึ้ง เป็นผลให้ทั่วทั้งลานประลองสั่นไหว รุนแรง
การโจมตีครั้งนี้ ชัดเจนว่ารุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้า!
อย่างไรแล้ว นี่ก็เป็นการประลองเสี่ยงชีวิต การโจมตีของเชี่ยวหยาง
หลง มีแต่จะยิ่งหนักมือขึ้น เสื้อผ้าฉินหยุนตอนนี้เริ่มฉีกขาด!
กระนั้น ครั้งนี้ฉินหยุนหาได้ร้องออกมา!
ฉินหยุนเองก็เข้าใจในตัวเชี่ยวหยางหลง อีกฝ่ายเป็นแค่ขอบเขตวรยุทธ์ เต๋าระดับที่หนึ่ง
พลังของมหาวิถีแห่งเต๋าที่เขาครอบครอง มีไม่มาก
ตราบเท่าที่อีกฝ่ายใช้พลังของมหาวิถีแห่งเต๋าจนเกือบแห้งเหือด เมื่อ นั้นจะเป็นโอกาสแห่งชัยชนะของเขา!
“ฉินหยุน เจ้าต่อต้านข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทําข้าสูญเสียหน้าตาครั้งใหญ่ คราครั้งนี้
คือโอกาสให้ข้าได้ล้างแค้นสะสาง!” เชี่ยวหยางหลง
ประทับฝ่าเท้าลงที่ร่างท่อนบนของฉินหยุนดุดันอีกครั้ง
ทุกครั้งที่กระทืบลงมาด้วยพลังของมหาวิถีแห่งเต๋า มันยิ่งมายิ่งดุดัน และรุนแรง กระนั้นฉินหยุนกลับไม่ร้องออกแม้สักครึ่งเสียง!
“มาดูกันว่าเจ้าจะอดทนได้เพียงใด!” ที่เชี่ยวหยางหลงชื่นชอบที่สุด ยามนี้
เห็นจะเป็นเสียงร้องน่าสังเวชของฉินหยุน ทว่า ฉินหยุนกลับ หยุดเสียงร้อง
มันยิ่งทําเอาโทสะในตัวเขาสุมแน่น
ที่ไม่ร้องก็เพราะ แก่นภายในตะวันทมิฬของฉินหยุน กําลังดูดกลืน
พลังตะวันของเชี่ยวหยางหลง!
ตะวันทมิฬสามารถดูดกลืนพลังของดวงตะวัน ดวงจันทรา และ ดวงดาวได้!
โดยเฉพาะกับโทเทมต้นไม้อันลึกลํ้าที่ผสานงานร่วมด้วย แก่นภายใน ยิ่งมายิ่งคงสภาพ สามารถยืนหยัดต้านรับคลื่นพลังที่กลืนกินเข้ามาได้!
ฉินหยุน ผู้ซึ่งนอนนิ่งกับพื้น
สูดลมหายใจเข้าลึก ขณะร่างกายเริ่ม ปรากฏออร่าสีดํา ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดําสนิท!
ได้เห็นดังนี้ ผู้คนถึงกับสูดลมหายใจรอรับชม!
ในที่สุด ฉินหยุนก็คิดใช้วิญญาณยุทธ์สั่นไหวสีดําแล้ว!
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนไม่ยอมให้วิญญาณยุทธ์สั่นไหวช่วยเหลือใน เรื่องการป้องกัน!
ในตอนนี้ ด้วยพลังของแก่นภายในตะวันทมิฬ มันสามารถปกป้อง
ร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นวิญญาณยุทธ์สั่นไหวจึง สามารถโจมตีอย่างสุดแรง!
พอหยางฉีเย่ว์เห็นเช่นนี้ นางทั้งประหลาดใจและโล่งใจ นี่ก็เพราะ
ฉินหยุนยังมีแผนการสํารองเก็บงําเอาไว้!
ผู้คนต่างคิด ว่าอีกไม่ช้าฉินหยุนจะต้องถูกเชี่ยวหยางหลงจัดการจน ราบคาบ
แต่แล้ว ไม่มีผู้ใดคาดเดาว่ากระแสนํ้าจะเปลี่ยนทิศได้! เมื่อเชี่ยวหยางหลงสัมผัสได้ถึงพลังสั่นไหวอันน่าสะพรึงของฉิน
หยุน เขาเร่งร้อนภายในใจโดยทันที
ด้วยเสียงคํารามร้องดัง แสงสี ทองในร่างกายหนาแน่นกําลังบีบอัดอยู่ภายในหมัด
“ฉินหยุน ตายเสีย!”
เชี่ยวหยางหลงคําราม หมัดปะทุออกด้วยแสงสีทอง ปลดปล่อยความ
ดุดันเข้าที่ศีรษะของฉินหยุน!
ทั่วทั้งตําหนักตะวันตกสั่นไหว จากเหตุการณ์นี้ เป็นการบ่งบอกถึง พลังมหาวิถีแห่งเต๋าที่ใช้ออกครั้งนี้ ว่ามันน่าสะพรึงเพียงใด! เพื่อใช้พลังอันทรงอํานาจของมหาวิถีแห่งเต๋าโจมตี คู่ต่อสู้เป็นเพียง แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า กล่าวได้ว่านี่คือพลังไร้เทียมทาน ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้!
“ฮ่า!”
ขณะที่หมัดของเชี่ยวหยางหลงปะทะเข้า กําลังภายในของฉินหยุน ควบแน่นกับพลังสั่นไหว
มันคํารามร้องออกจากร่างกาย ขัดขวาง หมัดทั้งสองที่ทรงพลังเอาไว้!
คลื่นกระแทกได้ทําการสลายพลังของหมัดทั้งสอง! ฉินหยุนขัดขวางการโจมตีรุนแรงครั้งนี้เอาไว้ได้สําเร็จ! ผู้ชมแทบทั้งหมดถึงขั้นร่างกายแข็งทื่อ!
เชี่ยวหยางหลงเองก็ไม่คิด ว่าไม่เพียงแต่ฉินหยุนจะขัดขวางการโจมตี ที่เขารวบรวมพลังรุนแรงได้ กระทั่งยังฟื้นฟูถึงขนาดที่ว่าคล้ายไม่
เกิดอันใดเมื่อครู่เลยด้วยซํ้า!
การตอบสนองของเขารวดเร็ว โดยทันที เขาโคจรพลังของมหาวิถี
แห่งเต๋าที่เหลือ เข้าปะทะกับฉินหยุนอย่างไม่รีรอ!
ฉินหยุนปล่อยหมัดออก เป็นเขาใช้พลังภายในปลดปล่อยเคล็ดวิชา คลื่นยักษ์
เกิดคลื่นสีดําปรากฏ คลื่นกระแทกทั้งเก้าระลอกก่อเกิด
เชี่ยวหยางหลงโบกสะบัดมือโดยทันที เป็นการปัดคลื่นพลังของฉิน หยุนที่น่าสะพรึงให้พ้นทาง!
ชั่วขณะนี้ ทั้งฉินหยุนและเชี่ยวหยางหลง ต่างปะทะกันอย่างที่ไม่มี
ฝ่ายใดเสียเปรียบ!
ความจริงที่ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้ายังคงอยู่ ไม่ เพียงแต่สามารถยืนหยัดได้นานเพียงนี้ เขายังถึงขั้นแลกเปลี่ยนการ
ปะทะกับเชี่ยวหยางหลงได้อย่างไม่เพลี่ยงพลํ้า!
นี่คือพลังของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจริงอย่างนั้นหรือ?
ระหว่างการศึกอันตึงเครียด เสื้อผ้าท่อนบนของฉินหยุนฉีกขาดออก แทบหมดสิ้น!
ผู้คนจึงได้เห็นกล้ามเนื้อของเขา มันหาได้มีอุปกรณ์ผังธาตุแสงใดไม่ กระนั้นอัตราการฟื้นฟูตัวเองของเขากลับน่าหวาดกลัวได้เพียงนี้!
“เชี่ยวหยางหลง เจ้าก็ได้แค่นี้!” กล่าวคําจบ ฉินหยุนก้าวเดินออกด้วย
ก้าวดาราเร้นลับ หมอกทองม่วงปรากฏที่แขนราชสีห์สวรรค์ อสนีบาต และอัคคีปะทุออก ก่อเกิดขึ้นเป็นกรงเล็บราชสีห์ขนาดมหึมา!
หลายผู้คนที่คุ้นเคยกับฉินหยุน ต่างทราบว่านี่คือกรงเล็บราชสีห์ สวรรค์!
กระนั้น กรงเล็บราชสีห์ตอนนี้กลับใหญ่โตมากขึ้น มันใหญ่โตเกิน
จะเรียกว่ากรงเล็บ มันเปรียบดั่งคมดาบขนาดใหญ่
พร้อมกันนี้
ยังมี สายอสนีบาตและอัคคีเพลิงปรากฏอยู่ที่ตัวพวกมันด้วย!
เมื่อกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ถูกปลดปล่อยออก มันย่อมตามมาด้วย
วิชาวายุสังหาร!
สายเลือดราชสีห์สวรรค์ในกายฉินหยุน กําลังเดือดจัด!
กล้ามเนื้อที่ขยับ มันเปี่ยมด้วยพละกําลังของสัตว์ร้ายโบราณอันน่า พรั่นพรึง ราวกับเขาสามารถสังหารได้แม้กระทั่งมังกรหรือว่าเซียน
พละกําลังระดับนี้ มันพร้อมที่จะทําลายทุกสิ่งอย่างที่ขัดขวางทาง ของเขา!
“อวดดีนัก!”
เชี่ยวหยางหลงคํารามกราดเกรี้ยว แสงสีทองระเบิดออกจากกาย ด้วย ฝ่ามือผลักออก เขารวบรวมพลังของมหาวิถีแห่งเต๋า ปะทะเข้ากับ
วายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมา!
บนลานประลองยุทธ์ เสียงของฟ้าคําราม
เสียงร้องของราชสีห์ ต่าง ดังให้ได้ยิน
สายลมรุนแรงสะพัด สายฟ้าอสนีบาตปรากฏขึ้นอย่าง ต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า มันมีทั้งสีทองและทองม่วงปะทะปะปนกัน!
วิชาวายุสังหารกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ สายฟ้าอสนีบาตที่บ้าคลั่ง พร้อมอัคคีเพลิงรุนแรง
ราวกับมันคือราชสีห์สวรรค์จุติลงมา ร่างที่ พร้อมสะกดข่มสรรพชีวิตนี้ กําลังพุ่งทะยานเข้าหาเชี่ยวหยางหลง!
หลังจากเชี่ยวหยางหลงใช้มือเปล่าตัดกระบวนท่าทั้งหก เส้นผมของ เขายุ่งเหยิง
เสื้อผ้าฉีกขาด สภาพตอนนี้เรียกว่าดูไม่ได้!
ผู้คนต่างแข็งทื่อไม่อาจไหวติง!
พละกําลังของฉินหยุนพลันเพิ่มขึ้น ยิ่งคิดเรื่องนี้ยิ่งชวนขนลุก มันคือ พลังที่สามารถปะทะกับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่ใช้มหาวิถีแห่งเต๋า
“อาหลง รีบใช้วิชายุทธ์โลกาเร็วเข้า!” จ้าวตําหนักหยางรู้สึกกระวน
กระวาย เร่งร้อนตะโกนชี้แนะ
“อย่าได้ฝัน!” ฉินหยุนใช้ก้าวดาราเร้นลับ ปลดปล่อยพลังที่ดุดันออก
อีกครั้งหนึ่ง
กล้ามเนื้อที่ร่างกายส่วนบน กล้ามเนื้อบนหน้าอกของเขา เกิดขึ้นเป็น
เส้นสีดําปรากฏในฉับพลัน เส้นสีดําเหล่านี้
กําลังหมุนเวียนซึ่งออร่า สีดําสนิท ผู้พบเห็นล้วนแตกตื่น!
“อักขระโทเทม! มีโทเทมปรากฎที่หัวใจของฉินหยุน!” คนผู้หนึ่ง
อุทานร้องด้วยความแตกตื่น
“เป็นโทเทมจริง! นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ไม่เพียงแต่ฉินหยุนครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ ยังมีโทเทมถึงสอง ด้วยหรือนี่ น่ากลัวเกินไปแล้ว
นี่เขาไม่สมควรใช่คนแล้ว!”
“ดูนั่น เป็นโทเทมมังกรพยัคฆ์! เป็นโทเทมมังกรพยัคฆ์ของโจวจง
ฮวย!” ผู้อาวุโสตําหนักทิศใต้เผยดวงตาเบิกออกกว้าง ขณะตะโกน ขึ้นเสียงดังจนผู้คนได้ยิน
โจวจงฮวย เป็นศิษย์อัจฉริยะของตําหนักทิศใต้ หลังปลุกพลังของโท
เทมมังกรพยัคฆ์ให้ตื่นขึ้น เขาถูกสังหารครั้งประลองกับฉินหยุนใน สนามประลอง!
ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่ารอยสักโทเทมมังกรพยัคฆ์ จะไปซ่อนตัวอยู่กับ
วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของฉินหยุน!
ทุกผู้คนในตําหนักตะวันตกล้วนแตกตื่นจนไม่อาจไหวติง!
บรรดาผู้มากประสบการณ์และความรู้เฒ่าชรา พวกเขาล้วนหวาดกลัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ตอนที่ 332 โทสะที่ระเบิดออก
เชี่ยวหยางหลง พอได้เห็นโทเทมมังกรพยัคฆ์ของฉินหยุน เขาลอบ ตระหนก ขณะกําลังจะใช้วิชายุทธ์โลกา ร่างของฉินหยุนฉับพลันก็
ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดําแล้ว
เหล่านี้ล้วนเป็นเกล็ดมังกร! ทว่า หาได้ใช่ของจริงไม่
เป็นเพียง ภาพเสมือน!
ขณะเกล็ดมังกรสีดําปรากฏ พวกมันยิงออกซึ่งคมดาบสั้นสีดําปก คลุมร่างเชี่ยวหยางหลง
สับฟันเขาอย่างไม่ปราณี!
นี่คือวิชายุทธ์โทเทมที่ฉินหยุนเพิ่งเข้าใจจากโทเทมมังกรพยัคฆ์
เกล็ดมังกรพยัคฆ์ฟาดฟัน!
เชี่ยวหยางหลงถูกเชือดเฉือนด้วยเกล็ดสีดําอย่างไม่ทันตั้งตัว พลัง มหาวิถีแห่งเต๋าของเขายิ่งมายิ่งอ่อนแรง!
ฉินหยุนครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ รวมถึงสองแก่นภายใน กระทั่งว่าสามารถต้านผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้เพียงนี้ ถือว่าดี มากลํ้าเกินจะกล่าวแล้ว
กระนั้น การครอบครองสองโทเทมถือเป็นอีกเรื่อง นอกจากนี้แล้ว
เขายังสามารถใช้วิชายุทธ์อันลึกลํ้าของโทเทมทั้งสอง
“จบกันเสียที!” ฉินหยุนกล่าวเสียงเย็น อสนีบาตอัคคีทองม่วงทอ
แสงวูบปรากฏที่หมัด มันแปรเปลี่ยนเป็นหัวราชสีห์สวรรค์ทองม่วง
สิ่งนี้คือพลังอสนีบาตแห่งสวรรค์ เป็นวิชายุทธ์โทเทมเช่นกัน!
ด้วยใช้ก้าวดาราเร้นลับ เขาพุ่งทะยานเข้าถึงตัว ปล่อยหมัดใส่เชี่ยว
หยางหลงอย่างรุนแรง!
หัวราชสีห์ทองม่วงคํารามร้อง พุ่งปะทะออก!
โฮก! ตู้ม!
เสียงดังสนั่นสองครั้งคราติดกัน มาพร้อมกับแสงสีทองม่วงทะลุ ทะลวง สั่นไหวทั่วทั้งลานกว้างของตําหนักตะวันตก!
เชี่ยวหยางหลงร่างกระเด็น ปะทะเข้ากับเสาอาคมรุนแรง!
ร่างกายของเขา มีแต่แผลฉีกขาดเลือดไหล ได้แต่นอนกับพื้นหอบ
หายใจ ดวงตาเปี่ยมด้วยความสํานึกเสียใจและหวาดกลัว
เขาคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ครอบครองร่างกายอันแข็งแกร่ง กระทั่งว่า
แก่นเต๋าและวิญญาณยุทธ์ยังไม่ถูกทําลาย แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัส!
เชี่ยวหยางหลงลุกขึ้นนั่งไม่ไหวติง เป็นเขาไม่หลงเหลือแรงให้สู้ กลับแล้ว!
เชี่ยวหยางหลง ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถึงกับพ่ายแพ้ต่อฉินหยุน
ผู้ที่อยู่เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า!
ผู้คนทั่วทั้งลานกว้างตําหนักตะวันตกต่างพูดกันไม่ออก พวกเขาได้ แต่มองฉินหยุนที่ยังยืนอยู่!
ลานกว้างเงียบงัน ผู้คนได้แต่จับจ้องอย่างไม่ทราบควรตอบสนอง อย่างไร!
นี่คือการประลองเสี่ยงชีวิต และเชี่ยวหยางหลงยังไม่ตาย
ถัดจากนี้ ฉินหยุนเพียงทําลายเชี่ยวหยางหลงจนถึงแก่ความตาย จึง ค่อยจบสิ้น!
“ฉินหยุน จงหยุดมือ!”
จ้าวตําหนักหยางตะโกนร้อนใจ “เชี่ยวหยาง
หลงพ่ายแพ้แล้ว เจ้าได้รับชัยชนะ
ทั้งได้รับของรางวัลเหล่านั้น เท่านี้ ยังไม่พอใจหรือ?”
แม้เชี่ยวหยางหลงพ่ายแพ้ แต่เขายังมีรากฐาน วิญญาณยุทธ์ตะวัน
ระดับทองหาได้ยากอย่างยิ่ง เขายังคงมีศักยภาพของอัจฉริยะ!
“นี่เป็นการประลองเสี่ยงชีวิต!” แขนของฉินหยุนแปรเปลี่ยน เกิดขึ้น เป็นกรงเล็บราชสีห์ ก้าวเดินเข้าหาเชี่ยวหยางหลง
ผู้คนของตระกูลหยางยิ่งมีโทสะมากกว่าผู้ใด
นี่ก็เพราะเชี่ยวหยางหลง ได้ให้สัญญาต่อพวกเขา ว่าเมื่อสําเร็จเรื่องกับ หยางฉีเย่ว์
ผู้อาวุโสของตระกูลหยางเหล่านี้ จะได้รับผลประโยชน์
อย่างมหาศาลล้นพ้น!
แต่ตอนนี้ เชี่ยวหยางหลงพ่ายแพ้ต่อฉินหยุน กระทั่งกําลังจะถูกลง
มือสังหาร!
อย่างกะทันหัน ผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของตระกูลหยาง พลัน นำเอาอ่างนํ้าออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ
ชายวัยกลางคน ไร้ซึ่งสติ
สีหน้าซีดเผือด กําลังแช่กายอยู่ภายในอ่าง น้ำ
ชายวัยกลางคนผู้นี้อ่อนแรงอย่างยิ่ง กระทั่งดวงตายังแทบไม่อาจลืม ด้วยตัวเองได้!
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นชายวัยกลางคนในอ่างนํ้า นางอดไม่ได้ที่จะร้อง ออกด้วยความโศก
“พ่อ!”
ผู้อาวุโสร่างผอมบางแค่นเสียง “หยางฉีเย่ว์ จงรีบบอกต่อฉินหยุน
ให้เชี่ยวหยางหลงได้รับชัยชนะ รีบขอขมาต่อเชี่ยวหยางหลง!”
“เจ้าคงทราบ ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเชี่ยวหยางหลงมอบยาเหลวเพื่อ
ยืดอายุขัยบิดาเจ้า!”
หยางฉีเย่ว์มองที่ฉินหยุน นางผู้ซึ่งแข็งแกร่งอย่างภาคภูมิเสมอมา เผยดวงตาเปี่ยมด้วยนํ้าตา
นางอดไม่ได้ที่จะสะอื้นออก สายตาที่ เปี่ยมด้วยนํ้าตานี้จับจ้องที่ฉินหยุนราวหัวใจแทบแหลกสลาย
อย่างกะทันหัน ชายชราร่างผอมบางปรากฏตัว เป็นอู๋เซี่ยง
“ข้าสามารถปรุงยาเหลวนั่นได้!” อู๋เซี่ยงเร่งรีบเข้าไปพร้อมตะโกน “บุคคลในอ่างนํ้านั่นโดนพิษ!
นอกจากนี้แล้ว ยาเหลวนั่นยังมีพิษอ่อนเจือจางเอาไว้ เพราะเหตุนั้น
เขาจึงอยู่สภาพครึ่งตายมาโดยตลอด!”
ชั่วขณะนี้เอง ผู้คนจึงค่อยได้สติกลับคืนมา!
บุคคลในอ่างนํ้าคือบิดาของหยางฉีเย่ว์ เป็นผู้นําตระกูลหยาง หยาง หยวนหมิง ผู้ซึ่งเก็บตัวฝึกฝนตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้!
แต่ตอนนี้ หยางหยวนหมิงที่ทุกคนทราบว่าเก็บตัวฝึกตนมาโดย ตลอด กลับกําลังแช่กายอยู่ในอ่างนํ้ายาเหลว!
ยาเหลวนี้ได้รับการยืนยันว่าเชี่ยวหยางหลงมอบให้ ชัดเจนว่าเรื่องราว มีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้คนจากตระกูลหยาง คิดอยากฉกชิงเอาตําแหน่งผู้นําตระกูลมานาน ยิ่งแล้ว
ดังนั้นจึงร่วมมือกับเชี่ยวหยางหลงกระทําเรื่องราวเหล่านี้
พวกเขาไม่สังหารหยางหยวนหมิง ก็เพราะต้องการให้หยางฉีเย่ว์ แต่งงานกับเชี่ยวหยางหลง พวกเขาจึงเก็บอีกฝ่ายเอาไว้เป็นการข่มขู่ นาง
ฉินหยุนกําหมัดแน่น โทสะยิ่งล้นพ้น วิธีการเช่นนี้ช่างตํ่าช้าจนเกินไป
ก่อนหน้านี้ เชี่ยวหยางหลงยังคิดใช้แผนการเดียวกันนี้ต่อเชี่ยวเย่ว์ เหม่ย เพื่อข่มขู่เชี่ยวเย่ว์หลาน ทว่าครั้งนั้นไม่อาจทําสําเร็จ
ชายชราร่างผอมสูงจากตระกูลหยางเห็นท่าไม่ดี นําเอามีดสั้นออกมา วางจ่อไว้ที่ลําคอของหยางหยวนหมิงพร้อมตะโกน “อย่าทําอะไรส่ง เดช! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารหยางหยวนหมิง แม้มันยังมีชีวิตครึ่งหนึ่ง
ก็ยังมีทางรอด
คิดให้ข้าปลิดชีพมันหรือ?”
หยางฉีเย่ว์มีโทสะ กระนั้นนางไม่อาจทําอะไรได้!
นางได้แต่กัดฟันแน่น สะกดกลั้นนํ้าตา จับจ้องชายชราด้วยความ
โกรธแค้น
“หยางฉีเย่ว์ จงมาที่นี่ตรงนี้!”
ชายชราร่างผอมสูง เผยใบหน้าเหี้ยม ขณะตะโกนบอก
หยางฉีเย่ว์ได้แต่ทําตาม สายตายังคงจับจ้องชายชราด้วยจิตสังหาร ล้นพ้น
สีหน้าของชายชรายิ่งมายิ่งชั่วช้า เขาวางมือที่หน้าท้องของหยางฉีเย่ว์ เกิดเสียงระเบิด
“ตู้ม” ดังขึ้น หยางฉีเย่ว์เผยเสียงร้องน่าเวทนาออก
กระอักโลหิตคําโต สีหน้าซีดเผือดราวคนตาย
ภาพฉากที่เห็นนี้ ทําเอาทุกผู้คนถึงกับมึนงง!
หยางฉีเย่ว์ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน นางบาดเจ็บรุนแรงเพราะวิชา ยุทธ์ที่ปลดปล่อยผ่านมหาวิถีแห่งเต๋า
อาการยิ่งมายิ่งร้ายแรง กระทั่ง ว่าอาจถึงตาย!
“อาจารย์!” ฉินหยุนคําราม หลันเฟิงจินและหลันฮัวอวี้เร่งรีบเข้าตรวจสอบอาการหยางฉีเย่ว์
“พี่หลัน เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม
“อย่าได้เข้ามา ไม่งั้นข้าจะสังหารหยางหยวนหมิง!” ชายชราร่างผอม
สูงคล้ายบ้าคลั่ง กระทั่งทําร้ายหยางฉีเย่ว์จนบาดเจ็บสาหัส
จ้าวตําหนักหยางเร่งรีบเข้าไป เขากล่าว “หยางฉีเย่ว์ จงรีบบอกต่อ
ฉินหยุนให้ปล่อยเชี่ยวหยางหลง ไม่เช่นนั้น เจ้าคงทราบว่าจะเกิด อะไรขึ้น!”
ชายชราร่างผอมสูงยิ้มเย็นเยือก มือคว้าจับที่ลําคอของหยางหยวน หมิงเอาไว้
หยางฉีเย่ว์นอนนิ่งในอ้อมกอดของหลันเฟิงจิน หลันฮัวอวี้ จ้าวฉวน และจ้าวตําหนักตะวันออกต่างร่วมมือช่วยประคองอาการบาดเจ็บ
ของนาง
อู๋เซี่ยงเองก็เข้ามาตรวจสอบชีพจรของหยางฉีเย่ว์ เขากล่าวด้วยสี หน้าเคร่งเครียด
“ไม่ดีแล้ว แม้อาการคงที่ แต่แก่นเต๋าและวิญญาณ
ยุทธ์ ต่างบาดเจ็บสาหัส
ข้าเกรงว่า…
ข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะ ฟื้นฟูในภายหน้า มันอาจส่งผลต่อนางไปชั่วชีวิต!”
ฉินหยุนไม่อาจก้าวเดินออกจากอาคมใหญ่ของลานประลองยุทธ์ เขา ได้แต่เหม่อมองหยางฉีเย่ว์ที่นอนนิ่ง
เชี่ยวหยางหลงเผยเสียงดังขึ้น “ฉินหยุน
หากข้าไม่ได้รับ ข้าก็จะ ทําลายมัน! หยางฉีเย่ว์พิการไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เชี่ยวหยางหลง ไอ้สารเลว! เหตุผลว่าทําไมเจ้าคิดแต่งงานกับอาจารย์ หยาง ก็เพราะเจ้าต้องการฝึกฝนวิชาปีศาจร่วมกับนาง ใช้นางเป็นเตา
หลอมให้แก่เจ้า!” ฉินหยุนก่นด่าออกขณะนําเอาจี้ห้อยคอหยกออกมา
จี้ห้อยคอหยกนี้ เป็นของจางเหิง
ศิษย์ของเชี่ยวหยางหลง!
“เจ้า! เป็นเจ้าสังหารจางเหิง!” พอเชี่ยวหยางหลงได้เห็นจี้ห้อยคอ
หยก เขาพลันนึกถึงหลายเรื่องราวขึ้นมา นํ้ามันสัตว์ที่เทือกเขามนุษย์
อสูร ก็สมควรเป็นฉินหยุนจุดไฟขึ้นแล้ว
พอจ้าวตําหนักหยางทราบเรื่องราวนี้ เขายิ่งมีโทสะ!
นํ้ามันสัตว์ เป็นสิ่งที่จะทําให้ตําหนักตะวันตกสามารถปกครอง ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม แผนการใหญ่ของเขาพังทลายเพราะ ฉินหยุน!
“ฉินหยุน จงปล่อยเชี่ยวหยางหลง
ไม่งั้นหยางหยวนหมิงตาย!” จ้าว ตําหนักหยางตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว
อย่างกะทันหัน หยางหยวนหมิง ผู้ซึ่งมีสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย พลัน หัวเราะออกเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า…
ข้าจะตายอยู่แล้ว มาดูกันว่าพวกเจ้า ทําอะไรได้!”
จากนั้น หยางหยวนหมิงกรีดร้อง
กระอักโลหิตคําโต เสียชีวิตลง ภายในอ่างนํ้า
“พ่อ…”
หยางฉีเย่ว์ที่อ่อนแรง ร้องออกด้วยสภาพชวนเวทนาจับใจ ดวงตา ของนางเปี่ยมด้วยนํ้าตา!
นางอดทนต่อการหยามเหยียดของตระกูลหยาง เพราะนางต้องการ ให้บิดาได้ฟื้นคืนกลับมา
แต่ตอนนี้ บิดาของนางสิ้นใจแล้ว!
ผู้คนต่างเงียบงัน มองดูหยางฉีเย่ว์รํ่าร้องอย่างน่าเวทนา เป็นนาง เจ็บปวดอย่างเหลือแสนเกินจะกล่าวถึง
สภาพจิตใจของฉินหยุนกลายเป็นว่างเปล่า เขากําหมัดเอาไว้แน่น กล่าวโทษตนเองอยู่ภายในใจ!
“อาจารย์ ข้าขออภัย!”
ฉินหยุนคําราม คว้าร่างเชี่ยวหยางหลงเอาไว้ มือแทงเข้าที่หน้าท้อง ของเชี่ยวหยางหลง!
เป็นเขาใช้งานเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณต่อเชี่ยวหยางหลง!
“อ๊าก!” เชี่ยวหยางหลงกรีดร้องออกด้วยความเจ็บปวดเสียงแทง จิตใจผู้ได้ยิน
ทุกคนต่างหันมองทางลานประลองยุทธ์
พวกเขาได้เห็น
หน้าท้อง ของเชี่ยวหยางหลง
มันกําลังส่องแสงสีทองออกมา!
ฉินหยุนกําลังแยกเอาวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองออกมา!
เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ วิชาของปีศาจ!
“หลันฮัวอวี้ เจ้ารอทําบ้าอะไร?
รีบถอนค่ายอาคม จับตัวฉินหยุน เอาไว้!” จ้าวตําหนักหยางตะโกนดวงตาเป็นสีเลือด “มันกําลังใช้วิชา
ขัดเกลาวิญญาณ!”
ข่าวลือนี้เคยมีมาก่อน
หลังจากฉินหยุนติดอยู่ในแดนต้องห้าม มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง ว่า เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณจากอสูรขัดเกลาวิญญาณ
ตอนนี้ผู้คนต่างมั่นใจแล้ว ว่าข่าวลือเป็นจริง!
ขณะหยางฉีเย่ว์ที่อ่อนแรงได้เห็นดังนี้ เขาเร่งร้อนกล่าวต่อหลันเฟิง จิน “พี่หลัน เร่งรีบช่วยเหลือฉินหยุน เขาจะถูกสังหารเพราะใช้วิชา
ของปีศาจร้าย!”
เซี่ยอู๋เฟิงเผยสีหน้าเฉยชา “อย่าได้กังวล ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะช่วย
น้องหยุนออกไปจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!”
“ฉินหยุน เจ้าอสูรร้าย!”
จ้าวตําหนักหยางเข้าถึงข้างลานประลองยุทธ์ พยายามโจมตีค่าย อาคมใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
กล่าวได้ว่า ค่ายอาคมของหลันฮัวอวี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันสามารถ
ต้านรับการโจมตีของจ้าวตําหนักหยางเอาไว้ได้อย่างไม่ยี่หระ
ฉินหยุนนําเอาวิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวหยางหลงออกมา ปล่อยให้ วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเขาได้กลืนกินมัน
ขณะนี้เอง เขาระเบิดออร่าสีดําทะลักออก!
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น