วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

2300-2400


โมโม เจ้ารู้เรื่องมนุษย์อสูร และสัตว์อสูรไหม? พวกมนุษย์อสูรสามารถ
ควบคุมสัตว์อสูรได้ อย่างไรกัน?” ภูติอสูรมาจากแดนอสูรอ้างว้าง กล่าว
กันว่าพวกมันถือกําเนิด ขึ้นจากโทเทมของสัตว์อสูรที่ตายไปแล้ว
ข้าไม่ทราบเรื่องของมนุษย์อสูรที่ท่านพูดถึง แต่หากได้เห็น พวกมันอาจรู้
อะไรขึ้นมาบ้าง” โมโมครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นาง ส่ายศีรษะให้
ข้าทราบเรื่องสัตว์อสูรมากมาย ตราบเท่าที่ได้ พบเจอพวกเขา ย่อมเข้าใจ
ว่าสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ อย่างไร อย่างน้อยก็พอจะคาดเดาได้!”
ฉินหยุนคงได้แต่รอพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อพบมนุษย์อสูรตัว เป็น ๆ
จักรวรรดิเทียนฉิน ชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่นั่นมี มนุษย์อสูร
โผล่ออกมาบ่อยครั้งที่สุด แม้เป็นสถานที่อันตราย แต่กลับเจริญรุ่งเรืองจน
น่าประหลาด ใจเลยทีเดียว มีร่างของมนุษย์อสูรมีสมบัติอยู่มากมาย พวก
มันก็คล้ายกับ สัตว์อสูร หลายคนต่างรวมตัวกันที่นี่เพื่อจับมนุษย์อสูรสัก
ตัว หนึ่ง กล่าวกันว่า ในหลายเมืองทางชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ มี มนุษย์
อสูรถูกนํามาขาย ทั้งราคายังไม่ใช่เล็กน้อย
ตอนนี้สัตว์อสูรจํานวนมากปรากฏตัว หากไม่ใช่เพราะความ จริงที่พวกมัน
แข็งแกร่งยิ่ง หลายต่อหลายคนจึงไม่กล้าออกไป คนเดียว จนต้องจัดตั้ง
หน่วยเพื่อออกล่าพวกมัน หลังเดินทางมาหลายคืน ในที่สุดฉินหยุนก็ถึง
นครราชาปีศาจ ที่นี่เป็นอาณาเขตของตระกูลเมิ่ง และตระกูลเมิ่งก็ถือเป็น
ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิเทียนฉิน องค์จักรพรรดิฉิน หลงให้ค่า
พวกเขาเอาไว้สูงยิ่ง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองนี้เป็นตระกูลเมิ่งสร้างขึ้นจนเติบโต ใหญ่
กว้างขวาง กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ เมืองเช่นนี้เจริญรุ่งเรืองเร็วมาก จึง
เป็นแหล่งรวมของผู้ฝึกตน หลายต่อหลายคน ประตูเมืองเพียงเปิดแต่
ประตูเล็ก กระทั่งสัตว์อสูรมาถึง พวก มันก็ไม่อาจผ่านประตูเล็กดังกล่าว
ได้โดยง่าย ฉินหยุนเข้าสู่นครราชาปีศาจผ่านทางประตูเล็กเข้าไป
ที่แห่งนี้ภายในมีผู้คนมากมาย เพราะเมืองและหมู่บ้านขนาด เล็ก
ใกล้เคียงไม่ได้รับการป้องกัน ดังนั้นฝูงชนจึงมารวมตัวกัน โชคดีที่ตระกูล
เมิ่งจัดการดูแลเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถคุมฝูงชนเอาไว้ในเมืองได้โดย
ไม่เกิดความโกลาหล
เหมือนเคยมาที่นี่ตอนยังเด็ก แต่ไม่คล้ายจําได้!” ครั้งฉินหยุนยังเยาว์
บ่อยครั้งเขาจะไปโน่นมานี่พร้อมฉินหลง เพราะการเดินทางไปทั่ว ทั้งยัง
เคยได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยเชียว เย่ว์หลานเมื่อตอนยังเด็ก ผลลัพธ์ที่ได้คือ
เขาสูญเสียความทรง จําวัยเด็กไปหลายส่วน ด้วยปิดบังใบหน้า สวมใส่ชุด
คลุมยาวสีเทาและหมวก เขาเดิน ท่ามกลางถนนที่คราครํ่าด้วยผู้คนของ
นครราชาปีศาจ สอบถามทางไปยังคฤหาสน์ราชาปีศาจจากกลุ่มคน
คฤหาสน์ราชาปีศาจ ตั้งอยู่ที่ทางด้านตะวันออกของเมือง เป็น บ้านพัก
พื้นที่ขนาดใหญ่โตยิ่ง
องครักษ์ร่างกายกํายําสิบคน สวมใส่ชุดเกราะสีดํายืนเด่นเป็น สง่า
ตรงหน้าประตูสีแดงของคฤหาสน์ ฉินหยุนเดินเข้าไป เผยเหรียญตราให้
เห็น เมื่อองครักษ์พบเห็นดังนี้ พวกเขาอึ้งไปวูบ เพราะมีเพียงแต่องค์ชาย
จึงสามารถมีเหรียญตราเช่นนี้ ราชวงศ์เทียนฉินตอนนี้เกิดความ
เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ องค์ ชายที่เหลือรอดมีแต่ฉินหยุนและฉุนเทียนอี้
ทางด้านฉินเทียน ตอนนี้ถูกคุมขังเอาไว้ภายในพระราชวังหลวง องค์ชาย
เพียง หนึ่งเดียวที่ไปไหนมาได้ได้ย่อมเป็นฉินหยุนแล้ว!
ไม่ต้องโค้งกายให้ เพียงนําข้าเข้าไป แจ้งต่อพี่เฟยหลิงก็พอ!” ฉินหยุนกล่า
วกระซิบ “จริงด้วย อย่าได้บอกนางว่าข้ามาที่นี่ เพียงบอกนางว่ามีบุคคล
สําคัญยิ่งต้องการพบ ข้าต้องการทําให้นางประหลาดใจเล่น!”
รับบัญชา!” องครักษ์พยักหน้ารับ นําทางฉินหยุนเข้าสู่ด้านใน คฤหาสน์
ราชาปีศาจ
ที่ห้องนั่งเล่น ฉินหยุนดื่มชา รอคอยให้องครักษ์ไปแจ้งเรื่องต่อ เมิ่งเฟยหลิง
ไม่ช้า องครักษ์กลับมา ท่าที่ค่อนข้างลําบากใจ เขากล่าวเสียง เบา
ฝ่าบาท ท่านหญิงใหญ่บอกว่าต้องการให้ท่านกลับไป ท่านหญิงตอนนี้
กําลังมีเรื่องโต้เถียงกับผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่มี อารมณ์รับแขกพ่ะย่ะค่ะ”
โต้เถียงหรือ? กับครอบครัว?” ฉินหยุนวางถ้วยชาลง ลุกขึ้น ยืนและเอ่ย
ถาม” “หามิได้พะย่ะค่ะ เป็นอาจารย์จารึกกลุ่มหนึ่ง!” องครักษ์
รายงานตอบ “ไม่เป็นไร เช่นนั้นนําทางข้าไป!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขา
ทราบถึงอารมณ์ของอาจารย์จารึกเป็นอย่างดี บางครั้งคนกลุ่ม นี้ง่ายดาย
นักที่จะยั่วโทสะต่อผู้อื่น
ตอนที่ 277 คฤหาสน์ราชาปี ศาจ
ฉินหยุนเดินตามองครักษ์ ผ่านสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ผ่าน ระเบียง
ทางเดินยาวที่สร้างขึ้นอยู่เหนือสระนํ้า เขาจึงได้เห็นเมิ่ง เฟยหลิง นางอยู่
ตรงชายหาดซึ่งมีภูเขาจําลองขณะพูดคุยเสียง ดังกับชายวัยกลางคน
จํานวนหนึ่ง เมิ่งเฟยหลิงสวมใส่ชุดสีนํ้าเงิน เส้นผมยาวของนางมัดรวบไว้
ด้านหลังยาวจนถึงเอว เรือนร่างของนางสง่างามและดึงดูด ในตอนนี้
ใบหน้าทรงเสน่ห์ของนางกําลังเปี่ยมด้วยโทสะขณะ โต้เถียงกับชายวัย
กลางคนจํานวนหนึ่ง
ข้าบอกไปแล้ว หากไม่ได้ข้ายินยอม พวกท่านไม่อาจเดินไป ไหนมาไหน
ในคฤหาสน์แห่งนี้ได้! หากต้องการไปที่ใด ข้าจะ จัดแจงให้คนร่วมทางไป
ด้วย! การที่พวกท่านเดินไปไหนมาไหน ในคฤหาสน์ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม!”
เมิ่งเฟยหลิงตะโกน
เด็กน้อย พวกเราคืออาจารย์จารึก รับผิดชอบคุ้มกันนคร หลวงของเจ้า
ให้ความเคารพแก่พวกเรามากกว่านี้ด้วย!” ชาย วัยกลางคนสวมใส่ชุด
งดงามสีแดงแค่นเสียงตอบกลับ
หาก เจ้าไม่ขออภัยต่อพวกเรา เจ้าก็ต้องรับผิดชอบหากเกิดปัญหา อันใด
ขึ้นในเมืองนี้!” เมิ่งเฟยหลิงพลันมีโทสะอีกครา
เหอะ! ทั้งหมดเป็นความผิด พวกท่าน! เป็นพวกท่านเดินไปไหนมาไหนใน
คฤหาสน์ทั้งยัง สร้างความหยามเหยียดแก่หญิงรับใช้ที่นี่! ที่นี่ไม่ใช่บ้าน
พวก ท่าน อย่าได้อหังการอันใดในที่แห่งนี้! หากไม่คิดออกปากยอม ขอ
อภัยแก่ข้า เช่นนั้นก็จงขออภัยต่อข้ารับใช้ของคฤหาสน์นี้
ชายวัยกลางคนเริ่มมีโทสะขณะโต้เถียง “เจ้าต้องการให้ข้าขอ อภัยต่อข้า
รับใช้คฤหาสน์เจ้าหรือ? นี่ถือเป็นการยั่วยุพวกเรา! ไม่ใช่ว่าก็แค่หญิงรับใช้
หรืออย่างไร? ข้าชอบพอนางถือเป็นโชค ลาภด้วยซํ้า เจ้าควรทราบว่าพวก
เราทั้งหมดนี้เป็นอาจารย์ จารึกระดับกลาง สถานะของพวกเราล้วน
สูงส่ง!”
ด้วยความโกรธสุมในอกเต็มที่ เมิ่งเฟยหลิงจึงโต้เถียงกับชายวัย กลางคน
เหล่านี้อีกหลายครั้งครา ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวแปลกประหลาด เขาจึงเอ่ย
ถามต่อ องครักษ์ข้างกาย
อาจารย์จารึกเหล่านี้มีเรื่องอันใดกัน? มัก เป็นเช่นนี้หรือ?” องครักษ์กล่าว
ตอบ
อาจารย์จารึกที่รับผิดชอบนครราชาปีศาจ ของพวกเราหายตัวไป เพราะ
เหตุนั้นพวกเราจึงจ้างกลุ่ม อาจารย์จารึกมารับหน้าที่แทน แม้พวกเขาเป็น
เพียงอาจารย์ จารึกระดับกลาง กระนั้นฝีมือที่มีไม่แย่ ทั้งยังมีประสบการณ์
บํารุงรักษาอาคมเป็นอย่างดี ยกเว้นก็แต่ ท่าที่พวกเขามัก เลวร้ายเช่นนี้
เสมอ มักรังแกหญิงรับใช้ในคฤหาสน์ของพวกเรา หลายต่อหลายครั้ง นาย
หญิงน้อยมีโทสะต่อพวกเขามานาน แล้ว แต่วันนี้ เป็นนายหญิงไม่อาจ
อดทนได้อีก ดังนั้นจึงเริ่ม โต้เถียงกับพวกเขาเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินหยุนลูบ
คางตนเองขณะเอ่ยถาม “อาจารย์จารึกพวกนี้มา ใหม่?”
องครักษ์พยักหน้ารับ “พวกเราจัดหาพวกเขามาเมื่อเจ็ดวัน ก่อน! เพราะมี
สัตว์อสูรเข้าโจมตีเมืองอยู่เสมอ อาคมป้องกันจึง ต้องมีการตรวจสอบ
บ่อยครั้ง ในเมื่อโลกภายนอกอยู่ในสภาพ โกลาหล จึงไม่ใช่เรื่องง่ายจัดหา
อาจารย์จารึก กระทั่งว่าพวก เขานิสัยเลวร้าย พวกเราก็ได้แต่อดทน หาก
ไม่มีอาจารย์จารึก จํานวนหนึ่งคุ้มกันอาคมใหญ่ ทั้งเมืองอาจตกอยู่ใน
อันตรายจ่ะ ย่ะค่ะ”
เข้าใจละ เจ้ากลับไปได้แล้ว” ฉินหยุนตอบ องครักษ์เมื่อจากไป ฉินหยุน
จึงเดินผ่านระเบียงทางเดิน ไปยัง ด้านข้างของภูเขาจําลอง เมิ่งเฟยหลิงที่
มีโทสะ ไม่ทันพบว่าฉินหยุนมาอยู่ทางด้านหลัง กลับกัน เป็นอาจารย์จารึก
วัยกลางคนกลุ่มนั้นที่พบเห็นฉินหยุน เดินเข้ามา “เจ้า เป็นแค่ข้ารับใช้ แต่
ขาดวินัยนัก! ถึงกับเข้ามาโดยไม่ร้อง ขอ!” ชายวัยกลางคนชุดแดงตะคอก
ใส่ฉินหยุน เพราะเมิ่งเฟย
หลิงยั่วยุโทสะพวกเขาอย่างไม่ยี่หระ พวกเขาจึงได้แต่ระบายใส่ ฉินหยุนที่
เมิ่งเข้ามาแล้ว เมิ่งเฟยหลิงหันกลับ เผยความประหลาดใจที่พบว่าเป็น
ใบหน้า คุ้นเคย นางเอ่ยถาม
ฉินหยุน เหตุใดจึงมาที่นี่?” “ข้าผ่านมาน่ะ ก็เลยคิดมาเยี่ยมเยือนพี่เฟย
หลิงเสียหน่อย!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว เมิ่งเฟยหลิงหันมองอาจารย์จารึกวัย
กลางคนแค่นเสียงกล่าวคํา
พวกเจ้าช่างหามีตาไม่ นี่คือองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนฉิน!” ชายวัย
กลางคนชุดสีแดงหาได้นํามาคิดจริงจัง ทั้งยังเหยียด หยันใส่
แล้วอย่างไร? เขาก็แค่คนที่ถูกไล่ออกจากสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน ชัดเจน
ว่าสถาบันยุทธ์ไม่ได้ให้ค่าเขาแต่อย่างใด เป็น องค์ชายรัชทายาทแล้ว
อย่างไร? ความปลอดภัยของเขาที่นี่ ล้วนขึ้นอยู่กับพวกเรา! หากพวกเรา
ไม่บํารุงรักษาอาคมใหญ่ ของเมืองแห่งนี้ เขาคงไม่กล้ามีหน้าอยู่ที่นี่นาน
นัก!”
จักรวรรดิเทียนฉินโดนสัตว์อสูรรุกราน เป็นผลให้หลายเมือง ตกอยู่ใน
อันตราย นอกจากใช้ทรัพยากรของจักรวรรดิอย่าง ฟุ่ มเฟือยแล้ว องค์ชาย
รัชทายาททําอันใดได้? เขามี ความสามารถรับประกันความปลอดภัยของ
ทั้งเมืองหรือ? มีแต่ พวกเราจึงสามารถรับประกันความปลอดภัยของเมือง
ได้!”
ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งกล่าวเหยียดหยันออกมาเสียงดัง “เหมือนจําได้
ว่าเป็นอาจารย์จารึกเช่นกันนี่! ทว่าก็แค่ระดับต้น การที่เขาจะก้าวถึง
ระดับกลางได้ย่อมเป็นเรื่องยากเย็น กล่าวได้ ว่าอาคมวิญญาณ
ระดับกลางศึกษายากเย็นยิ่ง อย่างมาก เขาก็ แค่ขัดเกลาอุปกรณ์
วิญญาณระดับกลางสวะได้ก็ดีถมไปแล้ว”
ใช่ กับเด็กขนยังไม่ขึ้นเช่นนี้ ต่อให้เก็บตัวฝึกฝนจนกระทั่งเส้น ผมขาวเป็น
ดอกเลา ก็ยังไม่อาจเป็นอาจารย์จารึกระดับกลาง ได้!”
ในยุคนี้ องค์ชายรัชทายาทหาได้ทําอันใดเป็นไม่ กลับเป็น อาจารย์จารึก
ที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของทั้งเมือง พวกเราต่างหากที่ควร
ได้รับความเคารพมากกว่าองค์ชายรัช ทายาท!
อาจารย์จารึกวัยกลางคนกล่าวคํายั่วยุต่อฉินหยุน ทั้งยังมอง ด้วยสายตา
ไม่ลดละ เมิ่งเฟยหลิงเริ่มโกรธขึ้นมา ทว่านางไม่อาจโต้เถียง นางทราบ ว่า
อาคมใหญ่ของนครราชาปีศาจจําเป็นต้องได้รับการบํารุง ดูแลเสมอ
ไม่อย่างนั้นแล้ว จะเป็นเรื่องง่ายที่สัตว์อสูรจะบุกฝ่า เข้ามา
นี่พวกท่านเป็นอาจารย์จารึกระดับกลางจริง?” ฉินหยุนเอ่ย ถามพร้อมยิ้ม
อ่อน
แน่นอน!” ชายวัยกลางคนชุดแดงเอ่ยตอบภาคภูมิ “นามข้า คือเชียอวี้เซ็น
เจ้าสามารถสอบถามถึงนามข้า! ท่ามกลาง อาจารย์จารึกระดับกลาง ข้า
จัดอยู่ในห้าอันดับแรก ท่ามกลาง อาจารย์จารึกระดับกลาง หากเทียบกับ
ข้า ข้าล้วนมีระดับชั้น เหนือกว่า!”
ถึงตอนนี้ เมิ่งเฟยหลิงหาได้กล่าวคําใด เพราะนางทราบว่าฉัน หยุน
แข็งแกร่งเพียงใดในวิถีจารึกแห่งเต๋า เพียงความจริงที่เขา ขัดเกลาอุปกรณ์
วิญญาณเก็บของได้ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนยกย่องแล้ว
เช่นนั้นข้าขอถามท่านเชี่ย อุปกรณ์วิญญาณระดับชั้นสูงสุดที่ ท่านขัด
เกลาได้คืออะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
ข้าเองก็เป็น อาจารย์จารึก สนใจแข่งกันในเรื่องนี้หรือไม่?” เชี่ยอวี้เซินเป็น
อาจารย์จารึก ดังนั้นจึงได้ยินมาบ้างว่าฉินหยุน สามารถขัดเกลาอุปกรณ์
วิญญาณทรงพลัง ยกตัวอย่าง ค้อน ราชันยักษ์วิญญาณที่ทรงอํานาจยิ่ง
กล่าวกันว่ามันเป็นอุปกรณ์ วิญญาณระดับสูง ทว่าเขาไม่เชื่อว่าฉินหยุน
ขัดเกลามันด้วย ตนเอง เขาเชื่อว่าต้องมีผู้อื่นลอบให้ความช่วยเหลือแก่ฉิน
หยุ นอย่างแน่นอน สําหรับกระเป๋ ามิติเก็บของที่ฉินหยุนหลอมขึ้น เขาย่อม
ทราบดี
ทว่ากระเป๋ ามิติเก็บของ หาได้ใช่อาวุธวิญญาณสําหรับต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่
อาจนํามาเทียบเปรียบแข่งขัน “ข้าทราบว่าเจ้ามีค้อนราชันยักษ์วิญญาณที่
ดีอยู่อันหนึ่ง ทว่า ทุกคนต่างทราบว่าเจ้าหาได้ขัดเกลาค้อนราชันยักษ์
วิญญาณนั้นด้วยตนเอง ไม่มีหลักฐานใดว่าเจ้าขัดเกลามันด้วยตนเอง
หากเจ้านค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมาแข่งขัน ข้าย่อมต้อง พ่ายแพ้
แล้ว”
เชียอวี้เซ็นแค่นเสียงตอบ ก่อนหน้านี้ ตอนฉินหยุนและหลันเฟิ งจินไปยัง
สาขาหลัก เขา เคยหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน ณ ที่ตรงนั้น เดิมที
เรื่องดังกล่าวสมควรเป็นที่กล่าวขานถึง แต่กระนั้น อาจารย์จารึกระดับสูง
ในที่นั้นล้วนเก็บงําเรื่องนี้หาได้ประกาศ ออกไป พวกเขาเป็นกังวลว่าจะ
กลายเป็นตนเองที่กลายเป็นที่ ขบขัน
ด้วยเหตุนี้ เชี่ยอเชินจึงไม่ทราบเรื่องราว เพราะเหตุนั้นจึง ปรามาสต่อฉิน
หยุน , ฉินหยุนนําเอากระบี่แก่นจิตออกมาและยิ้มกล่าว
เอาเป็น กระบี่เล่มนี้แทนค้อนเป็นอย่างไร? ระดับของกระบี่ข้าหาได้สูง
อะไร อย่างมากก็เพียงอาวุธวิญญาณระดับกลาง ลองรับชม!” เชียอวี้เซ็น
และคณะรับเอากระบี่ไปเชยชมก่อนพยักหน้ารับ แม้ สีหน้าพวกเขาหาได้
แปรเปลี่ยน ทว่าภายในใจลอบอุทานกันแล้ว นั่นก็เพราะกระบี่เล่มนี้สร้าง
ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ระดับ โดยรวมของมันถือว่าสูงลํ้า
ที่ข้าหลอมได้ดีที่สุดคือวัชระโล่ หากกระบี่ของเจ้าสามารถ สร้างรอยขีด
ข่วนได้ เช่นนั้นข้ายอมรับความพ่ายแพ้!” เชียอวี้เซินนําเอาโล่สีทองออกมา
วางตั้งไว้ตรงหน้า เซี่ยอวี้เชินอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต้า ด้วยระดับการฝึกฝน
ของเขา ผสานเข้ากับพลังผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่ปกคลุมรอบโล่
เอาไว้ พลังป้องกันของมันย่อมสูงลํ้า ฉินหยุนเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เก้า กระทั่งอาวุธในมือ เป็นอาวุธวิญญาณชั้นเลิศ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่จะฝากรอยแผล เอาไว้บนตัวโล่
น้องหยุน อย่าได้แข่งขันแล้ว! คนพวกนี้ล้วนอยู่ขอบเขตวร ยุทธ์เต๋า มันไม่
ยุติธรรมเพราะอุปกรณ์วิญญาณในมือของเขา แข็งแกร่งกว่า!” เมิ่งเฟย
หลิงก้าวเข้ามารั้งกายฉินหยุนเอาไว้ เป็นกังวลว่าเขาจะโดนล่อลวงโดย
กลุ่มคนตรงหน้า “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าต้องชนะ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
เชียอวเซินหัวเราะ “องค์ชายรัชทายาท กระทั่งว่าแพ้ก็ไม่ นับเป็นอะไร
อย่างไรแล้วความแตกต่างกับพวกเราย่อม มหาศาล ตอนนี้ ข้าเพียงให้
ท่านได้มีประสบการณ์ถึงพลัง อํานาจของอาจารย์จารึกระดับกลางเสีย
บ้าง เพื่อให้ทราบอย่าง ชัดเจนว่าท่านมีทักษะฝีมือขัดเกลาอ่อนด้อย
เพียงใด”
อาจารย์เชี่ย พร้อมหรือไม่? ตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว จะได้เริ่ม!” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว เขาหาได้ยั่วยุอีกฝ่ายด้วยคําพูดเหยียดหยัน แม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มที่เติบโตมาเป็นชนชั้นสูงย่อมอหังการเป็นเรื่องปกติ ย่อมได้ วันนี้
ข้าจะสอนบทเรียนแก่ท่าน ให้ท่านได้ทราบว่า ความสามารถมันมีอย่าง
จํากัดเพียงใด!” เชียอวี้เซินหัวเราะ ภาคภูมิ
เข้ามา สับฟันที่วัชระโล่ของข้า!” มือของเขากระชับโล่กลมแน่นตั้งไว้
ตรงหน้า จากนั้นจึงใส่พลัง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเข้าไป กระจายทั่วทั้งโล่
เกิดขึ้นเป็นโล่ พลังงาน นี่เป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่งของโล่
ฉินหยุนปลดปล่อยพลังตะวันทมิฬผสานเข้าสู่กระบี่ จากนั้นจึง ใช้งาน
กระบวนท่าวายุสังหารและฟ้าคํารามสับฟันอย่างรุนแรง เข้าที่โล่ตรงหน้า
พอเชียอวี้เซ็นและคณะได้เห็นฉินหยุนสับฟันลงมา พวกเขา ตระหนักถึง
ขั้นสีหน้าถอดสี พละกําลังระดับนี้ชวนสะพรึง เกินไป มันไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึก
ตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า สามารถปลดปล่อยออกมาได้!
เมิ่งเฟยหลิงยังอึ้งต่อพละกําลังของฉินหยุน นางทราบว่าฉันหยุ นอยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ทว่านางไม่เคยคิดว่าเขา จะครอบครอง
พลังเพียงนี้! ทันทีเมื่อฉินหยุนสับฟันลงมา นํ้าในสระนํ้าด้านล่างพลันสั่น
ไหว รุนแรง
ถัดจากนั้น สายลมกระโชกรุนแรงร้องโหยหวน ถัดจากนั้นจึง เป็นอสนีบาต
ฟ้าคํารามฟาดฟันลงพร้อมกระบี่ เมื่อเกิดเสียงปริแตกระเบิดออก กระบี
แก่นจิตคล้ายกับสามารถ แยกผ่าพื้นโลก มันกระทบเข้ากับวัชระโล่ในมือ
ของเชียอวี้เซ็น!
ตู้ม! กระบี่โจมตีเข้าใส่โล่ เกิดขึ้นเป็นแสงสว่างวาบจนดวงตาพร่า มัว เสียง
ดังสนั่นหวั่นไหวทําให้นํ้าในสระนํ้าสาดกระเซ็น สาย ลมกระโชกรุนแรงพัด
ผ่านจนโค่นต้นไม้ริมสระนํ้าไปหลายต้น ฉินหยุนเก็บกระบี่กลับและยิ้มบาง
อาจารย์เชี่ย โล่ของท่านหา ได้ใช่วัชระ!” ร่างของเซี่ยอวี้เซ็นสั่นเทิ้ม
เล็กน้อย ทว่าโล่วัชระกลับเกิดรอยปริ แตกแยกออกเผยให้เห็น ราวกับมัน
ถูกทําลายจนสิ้นสภาพแล้ว! เมิ่งเฟยหลิงสะกดอาการแตกตื่นภายในใจ
กล่าวคํายิ้มออก
วัชระโล่นี้อ่อนแอนัก หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวหยุนยั้งมือเอาไว้ เมื่อครู่คงสับ
ฟันท่านจนตายตกไปแล้ว!”
นี่ นี่ไม่อาจนับ!” เชียอวี้เซ็นได้เห็นโล่ลํ้าค่าของตนเองพัง เช่นนี้ โทสะจึง
สุมภายในขณะร้องตะโกน
เป็นเจ้าไร้ยางอาย ถึงขั้นใช้พละกําลังทั้งหมดในร่างไปกับกระบี่ ทําลาย
วัชระโล่ ของข้า! เป็นเจ้าติดค้างวัชระโล่ที่ต้องชดใช้คืนแก่ข้า!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “ท่านคือผู้ปรามาสต่อข้า และสัญญาว่าจะ แข่งขันกับข้า
ใครกันที่บอกให้ท่านหลอมโล่อ่อนด้อยเช่นนี้จน ไม่อาจต้านรับกระบี่ข้าไว้
ได้? ท่านจะกล่าวโทษผู้ใด? เช่นกัน ท่านยังโคจรพลังใส่ไว้ในโล่ ดังนั้นจึง
อย่าได้กล่าวโทษที่ข้าใช้ พลังเช่นกันเพื่อสับฟันวัชระโล่ของท่านบ้าง!”
ตอนที่ 278 ไม่ชอบมาพากล
เชี่ยอเซินและคณะโกรธจัด พวกเขาล้วนเป็นอาจารย์จารึก ระดับกลาง
พวกเขาสามารถคุ้มกันอาคมใหญ่ เป็นพวกเขาไม่ เคยคิดว่าจะโดนหยาม
เหยียดถึงเพียงนี้มาก่อน “ย่อมได้ หากไม่ชดใช้แก่พวกเรา เช่นนั้นพวกเรา
จะไปจาก เมืองนี้! มาดูกันว่าเจ้าจะหาผู้ใดมาคุ้มกันอาคมได้ เมื่อใดที่ทั้ง
เมืองถูกยึดครอง ก็เป็นเพราะเจ้า องค์ชายรัชทายาท!” เชียอวี้เซ็นแค่น
เสียงสบถคําออกมา เมิ่งเฟยหลิงเร่งรีบดึงฉินหยุนไว้ด้วยสีหน้าไร้ทางเลือก
แม้นางเกลียดชังผู้คนกลุ่มนี้ ทว่าพวกเขารับหน้าที่คุ้มกันอาคม ใหญ่
อาคมนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของผู้คนนับล้านใน เมือง
หากเชียอวี้เซ็นและคณะจากไป จะไม่มีผู้ใดคุ้มกันอาคมใหญ่ หากเกิด
ปัญหาที่ค่ายอาคม จนส่งผลให้สัตว์อสูรเข้าโจมตี ทั้ง เมืองจะกลายเป็น
ตกอยู่ในอันตราย
หากคิดจากไป เช่นนั้นจงไป! ในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแต่พวก เจ้าที่รู้
วิธีการบํารุงรักษาอาคมใหญ่!” ฉินหยุนหาได้สนใจไม่ ตัวเขาเองเป็น
อาจารย์จารึกระดับสูง ลําพังเขาก็สามารถ บํารุงรักษาอาคมใหญ่ที่
อาจารย์จารึกระดับกลางสามารถทําได้ อยู่แล้ว เมิ่งเฟยหลิงหาได้กล่าวคํา
ใด เป็นนางรู้สึกว่าฉินหยุนมีทางอื่น เตรียมไว้ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม ฉิน
หยุนแข็งแกร่งกว่านาง และอาจารย์จารึกหลายต่อหลายคน นอกจากนี้ยัง
เป็นองค์ชาย แห่งเทียนฉิน เขาย่อมต้องมีวิธีจัดการอาคมใหญ่อย่าง
แน่นอน เชียอวี้เซ็นและคณะอึ้งไปวูบเมื่อพบว่าฉินหยุนขับไล่พวกตน พวก
เขานึกว่าฉินหยุนจะร้องขออภัยต่อพวกเขา ชดใช้ความ เสียหายแก่พวก
เขาเสียอีก ไม่ไกลนัก ผู้อาวุโสจํานวนหนึ่งเดินเข้ามา
น้องหยุน ผู้อาวุโสของตระกูลเมิ่งของเรามาแล้ว! ในเมื่อท่าน พ่อและท่าน
ปู่ ไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาจึงเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่ของ นครราชาปีศาจ!”
เมิ่งเฟยหลิงกล่าวเสียงเบา เมื่อพวกเชียอวเซินพบว่าผู้อาวุโสของตระกูล
เมิ่งกําลังเดินเข้า มา พวกเขาค่อยโล่งอก พวกเขาเข้าใจผู้อาวุโสเหล่านี้
เป็นอย่าง ดี ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันสําคัญยิ่งกว่าหากต้องรักษาพวก
เขาเอาไว้ที่นี่ ผู้นํามาเป็นชายชราตระกูลเมิ่ง เป็นชายร่างผอมสูง ทั้งยังไว้
ทรงผมอย่างเรียบร้อย เพื่อรักษาให้รูปลักษณ์ดูดีอยู่เสมอ แม้ ชรา แต่รอย
เหี่ยวย่นที่ใบหน้ากลับมีน้อยนัก ด้วยชุดสีขาว สะอาดยิ่งทําให้เขาดูหนุ่ม
ขึ้นหลายปี ชายชราผู้นี้ เป็นน้องชายของปู่ของเมิ่งเฟยหลิง นามคือเมิ่งเถา
ลุงใหญ่!” เมิ่งเฟยหลิงเผยเสียงดังขึ้น ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปทักทายผู้
อาวุโสทั้งห้าคน
ฉินหยุน เป็นบุตรชายของฉินหลงงั้นหรือ?” เมิ่งเถามองฉัน หยุนและพยัก
หน้า
เป็นผู้น้อยเอง!” แม้เขาเป็นองค์ชายรัชทายาท กระนั้นเขาก็มี ความ
เคารพแด่ผู้อาวุโสเสมอมา อย่างไรแล้ว พวกเขาก็คือผู้ ปกปักษ์รักษา
ชายแดนมานานหลายปี พวกเขาทําหน้าที่ขับไล่ กองทัพมนุษย์อสูรมา
นานยิ่ง ทําให้จักรวรรดิเทียนฉันสามารถ ปลอดภัยมาได้ตลอดหลายปี
นับว่าดีนักที่ท่านมาที่นี่ องค์ชายรัชทายาทผู้นี้เหิมเกริมเกินไป แล้ว
กระทั่งคิดขับไล่พวกเราไป!” เชียอวี้เซ็นเร่งรีบก้าวเข้ามา นําเอาวัชระโล่ที่
แตกหักของตนออกมา พร้อมเริ่มทบทวน เรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังผู้อาวุโส
ของตระกูลเมิ่งได้รับฟัง พวกเขาค่อยเข้าใจโดย คร่าวว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ทว่า พวกเขายังต้องตกตะลึงต่อพละกําลังของฉินหยุน เขาถึง ขั้นสามารถ
ทําลายอุปกรณ์วิญญาณระดับกลางชั้นดีอย่างวัชระ โล่ได้ ได้เห็นผู้อาวุโส
ตระกูลเมิ่งเช่นนี้ เชียอวี้เซ็นจึงเผยใบหน้าเป็น กังวลกล่าวเสริม “ผู้อาวุโส
ท่านต้องคิดให้ถี่ถ้วน! อย่าได้ทําให้ความประมาทขององค์ชายผู้นี้ก่อเกิด
ปัญหาจนล่มทั้งเมือง กว่า ล้านคนอาจต้องตายเพราะเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้
ผู้คนของเมืองฉี เฟิงต่างหยาบคายต่อพวกเรา และเมื่อพวกเราไปจาก ทั้ง
เมืองจึงถูกสัตว์อสูรยึดไปครอง!”
พอฉินหยุนได้ยินนามเมืองฉีเฟิง หัวใจเขาพลันกระตุก! เมืองฉีเฟิง เป็น
เมืองที่อยู่ในความคุ้มครองของตําหนักจารึกเท วะ เพราะมีคนเปิดประตู
เมืองและปิดค่ายอาคมใหญ่ ฝูงสัตว์ อสูรจึงบุกเข้ามาได้! ขณะนี้ เชียอวี้
เซ็นและคณะ แท้จริงพวกเขาเคยรับหน้าที่ รับผิดชอบอาคมใหญ่ของเมือง
ฉีเฟิ ง!
ฉินหยุนอดคิดไม่ได้ว่าเชียอวเซินเป็นตัวตนชั่วช้า เขาอดไม่ได้ จริง ๆ ที่จะ
ตั้งข้อสงสัยต่อผู้ที่เมิ่งออกจากเมืองฉีเฟิงและล่ม สลายในเวลาต่อมา!
และตอนนี้ พวกเขาอาจคิดกระทํา เช่นเดียวกับต่อนครราชาปีศาจ! เมิ่ง
เถามองฉินหยุน คิ้วขมวดและกล่าว “องค์ชายรัชทายาท เหตุใดท่านไม่
ยอมถอยสักก้าว พวกเราจะชดใช้ความเสียหายต่อวัชระโล่ จากนั้นก็ให้
พวกเขารับหน้าที่เบื้องหลังซ่อมบํารุง ค่ายอาคมใหญ่ต่อไป”
ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านกําลังบอก ว่าข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้พวก เขาอยู่หรือ
ไปใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาคิดว่าผู้อาวุโส เหล่านี้จะไม่ฟังเขาเสีย
อีก
ท่านคือองค์ชายรัชทายาท เป็นจักรพรรดิในอนาคตของเทียน ฉิน ฉิน
หลงมาที่นี่ก่อนหน้านี้ บอกต่อพวกเราให้ทําตามท่าน เชื่อมั่นต่อท่านใน
ภายหน้า” เมิ่งเถาถอนหายใจ “ข้าหวังว่า ท่านจะไม่ทําให้พวกเราผิดหวัง!
ฉินหยุนพยักหน้ารับ
ในกรณีเช่นนั้น ผู้อาวุโสโปรดทําตามที่ ข้าบอก! อันดับแรก ส่งถ่ายคําสั่ง
ต่อทหารยามทั้งหมดที่ประตู เมือง ให้เข้มงวดและปิดประตูให้มิดแน่น ผู้ที่
คิดอยากเข้า สามารถเข้า แต่ไม่อาจออกไป ประตูเมืองแต่ละแห่งให้ส่ง
กอง กําลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปคุ้มกันเฝ้าระวัง จะดีที่สุดหากมีผู้ ฝึกตน
ขอบเขตวรยุทธ์เตเฝ้าระวังแต่ละประตูด้วยตัวเอง!”
อันดับที่สอง จับกุมเชียอวี่เซินและพรรคพวก!”
ผู้อาวุโสจํานวนหนึ่งของตระกูลเมิ่ง เมิ่งเฟยหลิง และเชี่ยว เซินล้วนอึ้ง
พวกเขาไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดฉินหยุนจึงออกคําสั่งเช่นนี้ ออกมา! “น้อง
หยุน เจ้าไม่ได้กล่าวล้อเล่นใช่หรือไม่?” นางเอ่ยถามเมื่อ พบว่าเมิ่งเถาและ
ผู้อาวุโสอีกหลายคนมีความสงสัยต่อคําสั่ง ของฉินหยุน
โปรดทําตามที่ข้าแจ้ง!” ฉินหยุนเอ่ยเสียงจริงจัง เมิ่งเถาคิดไปครู่หนึ่งจึง
กล่าวออก
องค์ชายรัชทายาท ท่าน บอกเหตุผลแก่พวกเราได้หรือไม่? ส่วนตัวแล้ว
ข้ามีความสงสัย และไม่พอใจเรื่องการจับกุมเชี่ยอวี้เซ็นและคณะ นี่ก็
เพราะพวก เขาเป็นอาจารย์จารึกที่พวกเราเชื้อเชิญมารับผิดชอบหน้าที่ต่อ
อาคมใหญ่ ตัวอาคมใหญ่เกี่ยวพันถึงชะตาของทั้งเมือง นอกจากนี้
ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ยังไม่ใช่เรื่องง่ายสามารถ หาอาจารย์จารึก หาก
พวกเขาถูกจับกุม เช่นนั้นผู้ใดจะคุ้มกัน ซ่อมบํารุงค่ายอาคม?”
เชี่ยอวี้เซินกล่าวยืดอก “ฉินหยุน อย่าได้รังแกผู้อื่นด้วยอํานาจ ที่มี! ข้า
ทราบว่าเจ้ามีข้อพิพาทต่อพวกเรา แต่อย่าได้นําคนนับ ล้านต้องมาเสี่ยง
ภัยเพราะการพิพาทครั้งนี้ เจ้าช่างไม่ เหมาะสมเป็นองค์ชายรัชทายาทยิ่ง
นัก หากเจ้าเป็นจักรพรรดิ เทียนฉิน เมื่อนั้นจักรวรรดิเทียนฉินได้ล่มสลาย
แน่!”
พวกเราเป็นอาจารย์จารึกระดับกลางที่ทรงอํานาจ พวกเราไม่ ยินยอมรับ
การเหยียดหยาม! โปรดอภัยหากพวกเราต้องออกไป จากนครราชาปีศาจ
โดยทันที!” เมิ่งเถาและคณะยังคงเงียบ พวกเขาต้องการเห็นว่าฉินหยุนจะ
ตอบสนองอย่างไร
ในเมื่อพวกเจ้าล้วนเป็นอาจารย์จารึกระดับกลางที่แข็งแกร่ง! เช่นนั้นจง
นําเอาเหรียญตราอาจารย์จารึกออกมา!” ฉินหยุนมองที่เชียอวี้เซินและ
คณะพร้อมแค่นเสียง “ข้าไม่ยอมรับความ จริงว่าเจ้าเป็นอาจารย์จารึก
ระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุด!”
เชียอวี้เซ็น โดยทันทีจึงนําเอาเหรียญตราสีเงินออกมา เหรียญ ตรานี้วิบวับ
เป็นแสงสีเงิน เป็นเหรียญตราของอาจารย์จารึก ระดับกลางของจริง
แล้วพวกเขาเล่า?” ฉินหยุนชี้ไปยังกลุ่มชายวัยกลางคน
เรื่องนี้” เชียอวี้เซินกลายเป็นพูดไม่ออก ! ฉินหยุนแค่นเสียงถาม
พวกเขาเป็นอาจารย์จารึกจริงหรือ?” เชียอวี้เซินกลายเป็นมีโทสะ
แน่นอนว่าพวกเขาเป็นอาจารย์ จารึก! พวกเขาเพียงเก็บตัวเงียบหาได้เข้า
ร่วมการทดสอบของ ตําหนักจารึกเทวะ ดังนั้นจึงไม่มีเหรียญตรา! ทว่า
ความสามารถ ล้วนเทียบเท่าอาจารย์จารึกระดับกลาง!”
ฉินหยุนหัวเราะ “ข้าไม่เชื่อคําโป้ปดนี้! ผ่านการทดสอบของ ตําหนักจารึก
เทวะได้รับอภิสิทธิ์หลายต่อหลายอย่าง ใครกันไม่ ต้องการ? นอกจากนี้ นี่
ยังเกี่ยวพันถึงการแสดงความสามารถ ทางตรง ในเมื่อไม่มีเหรียญตรา
เช่นนั้นอย่าได้กล่าววาจาไร้ สาระ ในมุมมองข้า พวกเจ้าล้วนเป็นคน
หลอกลวงกันทั้งสิ้น! ทันทีเมื่อมาถึงตระกูลเมิ่ง จึงเริ่มก่อการต่อหญิงรับใช้
ที่นี่”
เชียอวี้เซ็นโกรธจัด ร่างกายสั่นเทาตะโกนร้องบอกต่อเมิ่งเถา “ผู้อาวุโสเมิ่ง
ทางที่ดีท่านควรขับไล่ฉินหยุนออกไป! เพราะได้ เห็นตระกูลเมิ่งของท่าน
ทรงอํานาจเช่นนี้ เขาเป็นกังวลว่าจะ ส่งผลต่ออํานาจในภายหน้า ด้วยเหตุ
นี้จึงคิดอยากทําลายเมือง ที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งท่านสร้างขึ้น! บุคคลเช่นนี้หา
ได้ควรค่าแก่การ ภักดีด้วยไม่!”
เมิ่งเถาและผู้อาวุโสตอนนี้ต่างขมวดคิ้ว! เมิ่งเฟยหลิงตะโกนตอบโต้เสียง
ดังอย่างมีโทสะ “หุบปาก น้อง หยุนไม่ใช่คนเช่นที่เจ้าพูดกล่าวอ้าง! เขาหา
ได้มีความโลภต่อ อํานาจ ทั้งยังเป็นคนที่ดี แต่กับเจ้า ผู้ซึ่งสบประมาท
หญิงรับใช้ ตระกูลเมิ่งของเรา นั่นต่างหากจึงเป็นความจริง”
นี่ เป็นพวกเราอยู่ในสถานการณ์ยากลําบาก!” เมิ่งเถาถอน หายใจ เขาไม่
ทราบว่าควรทําเช่นไร “รอจนกว่าท่านผู้นําเมิ่ง กลับมาก่อนค่อยว่ากล่าว!”
ท่านผู้นําเมิ่ง ย่อมเป็นปู่ของเมิ่งเฟยหลิง หรือก็คือราชาปีศาจ!
ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านต้องทําตามที่ข้าว่า ไม่เช่นนั้น นครราชา ปีศาจจะตกอยู่
ในอันตราย!” ฉินหยุนเร่งกล่าว “แต่ว่า.... หากพวกเราจับกุมตัวพวกเขา
ผู้ใดจะคุ้มกันค่าย อาคม?”
แม้เมิ่งเถาไม่พอใจต่อท่าทีของฉินหยุน แต่เขาไม่อาจ กล่าวอันใดได้ พอ
เชียอวี่เซินได้เห็นเมิ่งเถาไม่คล้อยตามฉิน เขาจึงยิ้มรู้สึก วางใจขึ้นมาก
ข้าจะเป็นคนปกป้องค่ายอาคมเอง!” ฉินหยุนนําเอาเหรียญ ตราสีทอง
ออกมา
ข้าคืออาจารย์จารึกระดับสูง ข้าสามารถ ซ่อมบํารุงค่ายอาคมใหญ่ที่พวก
เขารับหน้าที่ ทั้งความสัมพันธ์ ของข้ากับผู้อาวุโสใหญ่ของตําหนักจารึกเท
วะยังเป็นไปได้ ด้วยดี ข้าจะส่งข้อความแจ้งต่อเขา ให้ส่งหน่วยอาจารย์
จารึกที่ ดีที่สุดคณะหนึ่งมาโดยเร็วที่สุด!” เหรียญตราในมือฉินหยุนส่อง
ประกายแสงสีทอง มันเป็นสีที่ ดึงดูดสายตาได้ดีเยี่ยม ผู้คนที่ได้เห็นล้วน
อึ้งทึ่ง!
เมิ่งเถาและคณะเคยประสบพบเจอกับผู้อาวุโสมามาก ดังนั้น ย่อมเป็น
เรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะบอกได้ว่าเหรียญตราสีทองนี้ เป็นของจริง ฉินหยุ
นครอบครองเหรียญตราอาจารย์จารึก ระดับสูง หากไม่แล้ว เขาไม่มีทาง
ทําให้มันส่องแสงสีทอง ออกมาได้! เมิ่งเฟยหลิงไม่คาดคิดมาก่อน ว่าฉิน
หยุนไม่เพียงเป็นผู้ฝึกตนที่ แข็งแกร่งกว่านาง กระทั่งเป็นอาจารย์จารึก
ระดับสูง ตอนนี้ นอกจากความตกตะลึงแล้ว นางยังตื่นเต้นยินดีอย่างถึง
ที่สุด!
เรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ เจ้าก็แค่ไอ้หนูอายุสิบเจ็ด จะเป็น อาจารย์จารึก
ระดับสูงได้อย่างไร? เหรียญตรานี้ต้องเป็นสิ่งที่ เจ้าหลอมขึ้นมาแน่!”
เป็นเขาใช้เวลาทั้งชั่วชีวิตจึงได้เป็น อาจารย์จารึกระดับกลาง เรื่องราวที่
พบเช่นตรงหน้านี้เขาไม่มี วันยอมรับ การเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงถือ
เป็นเรื่องยากเหนือลํ้า ดังนั้น เขาจึงไม่เชื่อว่าฉินหยุนจะเป็นอาจารย์จารึก
ระดับสูง!
ลุงใหญ่ เหรียญตรานี้เป็นของจริงหรือไม่?” เมิ่งเฟยหลิงเองก็ สงสัย
เพราะเรื่องนี้ยากจะเชื่อได้จริง ๆ ฉินหยุนส่งเหรียญตราแก่เมิ่งเถา
ผู้อาวุโสเมิ่ง โปรดตรวจสอบ มัน ข้ามั่นใจว่ามีความสามารถพอซ่อมบํารุง
ค่ายอาคม! เมิ่งเถารับเหรียญตราพิจารณาให้ดี พร้อมกันนี้ เขายังส่งต่อไป
ยังผู้อาวุโสท่านอื่นให้ร่วมตรวจสอบเช่นเดียวกัน หลังพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว
พวกเขาจึงมั่นใจว่าเหรียญตรานี้เป็น ของจริง!
ทว่า พวกเขายังไม่เชื่อว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง! เชียอวี้เซ็น
ตะโกนดัง “อย่าได้ถูกเขาหลอกลวง! หากเป็น อาจารย์จารึกระดับสูงจริง
เรื่องนี้สมควรต้องแพร่งพรายไปทั่ว ทุกหนแห่งแล้ว นอกจากนี้สถาบันยุทธ์
ชิงเสวียน เหตุใดจึงต้อง ไล่เขาออกมา!”
ผู้อาวุโสของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนย่อมทราบว่าฉินหยุนเป็น อาจารย์จารึก
ระดับสูง ทว่าพวกเขาไม่กล้าป่าวประกาศออกไป
มันจะกลายเป็นทําให้พวกเขาโดนผู้อื่นมองเหยียด ที่กล้าขับไล่ อาจารย์
จารึกระดับสูงวัยเยาว์ให้พ้นจากสถาบัน “เอาแบบนี้เป็นไร ให้ข้าขัดเกลา
อุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่ ตรงนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าข้าคืออาจารย์
จารึกระดับสูง! ด้วย วิธีนี้ ผู้อาวุโสเมิ่งและคณะจะได้วางใจ ว่าข้าสามารถ
ทําได้ดังที่ พูดกล่าวออกไปจริง!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ จึงนําเอาชุด
อุปกรณ์สําหรับหลอมออกมาจากมิติเก็บของอย่างไม่รีรอ
ตอนที่ 279 พิสูจน์
ฉินหยุนไม่อยากหลอมอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ เพราะมันจะใช้ เวลานาน
จนเกินไป นอกจากนี้เขายังต้องการให้เมิ่งเถาและ คณะ ทําการออกคําสั่ง
ต่อนครราชาปีศาจให้ปิดผนึกเมือง โดยเร็วที่สุด เชี่ยอ เซ็นพอเห็นฉินหยุน
เอาจริง กระนั้นก็ยังไม่คิดเชื่อ
ให้ข้า ดูว่าเจ้ามีกลลวงใดคิดสร้างอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงขึ้น!”
ข้าไม่ได้มาเพื่อแสดงให้เจ้าได้เห็น ข้าอยู่ที่นี่เพื่อผู้อาวุโสเมิ่ง และคณะ
ตราบเท่าที่พวกเขาเชื่อว่าข้าเป็นอาจารย์จารึก ระดับสูงย่อมไม่เป็นไร พวก
เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ล้วนไม่ใช่ธุระของ ข้า!” เชียอวี้เซ็นและคณะไม่ยอมรับ
เพราะกระทั่งอาจารย์จารึกวัย กลางคนเช่นพวกเขา ยังไม่อาจขัดเกลา
อุปกรณ์วิญญาณระดับสูง พวกเขาไม่อาจทํา ดังนั้นฉินหยุน ผู้ซึ่งอายุเพียง
สิบ เจ็ด ก็ย่อมไม่อาจทําได้
พี่เฟยหลิง ดูเหมือนท่านยังไม่มีอาวุธวิญญาณนะ! ให้ข้าขัด เกลาแก่ท่าน
สักชิ้นหนึ่ง ท่านต้องการอาวุธประเภทใดกัน?” ฉิน หยุนเอ่ยถามเมิ่งเฟย
หลิงทั้งยิ้มให้ เมิ่งเฟยหลิงประหลาดใจไม่น้อย
น้องหยุน นี้ เรื่องจริงหรือ? เจ้าสามารถขัดเกลาอาวุธวิญญาณระดับสูงได้
จริง?” สําหรับนาง นี่ออกจะเหลือเชื่อจนเกินไปเช่นกัน เป็นเพราะใน
ช่วงเวลาปกติ ผู้ซึ่งสามารถใช้อาวุธวิญญาณ ระดับสูง ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่
มีสถานะสูงส่งภายในตระกูล กับผู้เยาว์เช่นนาง จําเป็นต้องทํางานอย่าง
หนักหลายต่อหลาย ปีรับใช้ตระกูล จึงค่อยได้รับรางวัลสักชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นได้แค่อาวุธวิญญาณมือสอง หากนางต้องการจ้าง
อาจารย์จารึกระดับสูงเพื่อขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณระดับสูง นาง
จําเป็นต้องใช้จ่ายเหรียญผลึกจํานวน มหาศาล!
เหตุผลว่าทําไมฉินหยุนคิดอยากหลอมอุปกรณ์วิญญาณ ระดับสูงแก่เมิ่ง
เฟยหลิง ก็เพราะส่วนหนึ่งนางช่วยดูแลชี่เม่ย เหลียนที่สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ทั้งนี้ยังจะช่วยให้นางมีสถานะขึ้นมาในตระกูลเมิ่งอีกด้วย นางเป็น
เด็กสาว ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากมายเพียงใด ผู้ที่ อาวุโสกว่านางย่อม
ไม่ให้ความเคารพแก่นาง หากนางครอบครองอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่
ขัดเกลาโดยฉิน หยุน ไม่เพียงแต่นางจะเป็นสหายกับองค์ชายเทียนฉิน
นางยัง จะได้เป็นสหายต่ออาจารย์จารึกระดับสูง นอกจากนี้แล้ว บรรดาผู้
อาวุโสของตระกูลเมิ่งจะยังยินดีหาก ฉินหยุนมอบอุปกรณ์วิญญาณ
ระดับสูงแก่เมิ่งเฟยหลิง อย่างไร แล้ว เมิ่งเฟยหลิงก็เป็นคนของตระกูลเมิ่ง
เป็นแส้ได้หรือไม่? ข้าได้ยินว่าแส้เป็นอุปกรณ์วิญญาณยากแก่ การหลอม
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะหาแส้ที่เป็นอาวุธ วิญญาณ!” เมิ่งเฟยหลิงก
ล่าวเสียงเบา
หากไม่ได้ เช่นนั้นก็ อย่าได้ เพียงแค่เป็นดาบหรือกระบี่ก็พอ!”
ฉนหยุนยิ้ม “ข้ายังไม่เคยขัดเกลาแส้มาก่อน แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ จะได้
ลอง!” การสร้างแส้ขึ้นเส้นขึ้นเป็นเรื่องยากเย็นจริง ดังนั้นแส้ที่เป็น อุปกรณ์
วิญญาณระดับสูงจึงยิ่งหายากพบเห็น พอผู้อาวุโสตระกูลเมิ่งได้ฟังว่าฉิน
หยุนคิดทําแส้ขึ้นมาเส้นหนึ่ง พวกเขาไหวหวั่น
หากสามารถขัดเกลาได้จริง ด้วยระดับนี้ถือว่าเหนือลํ้ายิ่งกว่า อาจารย์
จารึกระดับสูงด้วยกันเอง เชี่ยอวี้เซ็นและคณะเผยความเดียดฉันท์ออกมา
กระทั่งพวก เขาต่อให้ถูกทุบตีจนตาย ก็ไม่มีทางเชื่อว่าฉินหยุนสามารถ
หลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง นับประสาอะไรกับแส้ วิญญาณระดับสูง
สําหรับฉินหยุน การขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงไม่ใช่ เรื่องยาก เขา
สามารถขัดเกลาต้อนราชันยักษ์วิญญาณที่ขัด เกลาได้ยากเย็นกว่าอาวุธ
วิญญาณระดับสูงมาแล้ว
การหลอมแส้ขึ้นครั้งนี้ ก็เพียงความท้าทายเล็กน้อย
เมิ่งเฟยหลิงพบว่าฉินหยุนนําเอาวัตถุยาวสีขาวออกจากมิติเก็บ ของ มัน
คล้ายเชือกเส้นหนา นางจึงเอ่ยถาม
นั่นคืออะไร? ใช้ มันสร้างแส้หรือ?”
สิ่งนี้คือเส้นเอ็นสัตว์อสูร!” ฉินหยุนยิ้มตอบ ขณะนําเอาเส้น เอ็นอีก
จํานวนหนึ่ง พวกมันล้วนหนาเทียบเท่าแขน เมิ่งเถาร้องอุทาน
นี่เป็นเส้นเอ็นสัตว์อสูร ทั้งยังเป็นที่หนามาก อีกด้วย สัตว์อสูรตัวหนึ่งจะมี
เส้นเอ็นเพียงแค่หนึ่ง มีจํานวน มากเช่นนี้ย่อมหมายถึงจากสัตว์อสูรหลาย
ตัว!”
ฉินหยุนยิ้มรับแต่หาได้ตอบคํา กลับกัน เขาเริ่มบิดเส้นเอ็น เหล่านั้นเข้า
ด้วยกันเป็นเชือกสีขาวเส้นใหญ่ สีหน้าของเชียอวี้เซ็นและคณะแปรเปลี่ยน
ฉินหยุนมี ความสามารถในการผลิตวัสดุที่มีค่าออกมาได้
ใช้แต่เส้นเอ็นสัตว์อสูรหรือ?” เมิ่งเฟยหลิงไม่ทราบเรื่องการ หลอม
อุปกรณ์ ทั้งนี้นางยังเด็ก จึงเอ่ยถามต่อฉินหยุนด้วยความ สงสัยอยากรู้
แน่นอนว่าไม่! จุดประสงค์ที่ใช้เส้นเอ็นสัตว์อสูรทําแส้ขึ้นมา ก็ เพื่อให้มัน
ยืดหยุ่น!” ฉินหยุนนําเอากองกระดูกเหล็กกล้า ออกมาและกล่าว
ข้าจะเพิ่มกระดูกเหล็กกล้าเข้าไปอีกจํานวน หนึ่งเพื่อหลอมอุปกรณ์
วิญญาณ”
กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ!” เชี่ยอวี้เซ็นร้องอุทานออก กระทั่งพวกเขา ผู้ซึ่ง
เป็นเพียงอาจารย์จารึกระดับกลาง ยังไม่ อาจมีกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศใน
ครอบครองมากเพียงนี้ เมิ่งเถาเองก็แตกตื่น
ไม่ใช่ท่านบอกหรือว่าจะขัดเกลาอาวุธ วิญญาณระดับสูง? เพียงใช้
กระดูกเหล็กกล้าระดับสูงก็พอ หาก ใช้กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ จะเป็น
การเพิ่มความยากขึ้นไปอีก!”
ข้ามีกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงน้อยนิดขอรับ ดังนั้นจึงเลือกใช้ กระดูก
เหล็กกล้าชั้นเลิศแทน... จะยังไงมันก็เหมือนกัน!” ฉิน หยุนยิ้มกว้างอย่าหา
ได้ใส่ใจไม่ ตั้งแต่ได้รับปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต ยิ่งมาเขาก็ยิ่งแกะสลักผัง
วิญญาณได้ง่ายดายมากขึ้น กระทั่งว่าแกะสลักผังวิญญาณบน กระดูก
เหล็กกล้าชั้นเลิศ ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
กระดูกเหล็กกล้าถูกนําโยนเข้าสู่เตาหลอม ฉินหยุนเริ่มเพิ่ม ความร้อนแรง
เข้าไป อุณหภูมิของเตาหลอมสูงลํ้า เปลวเพลิงภายในน่าสะพรึง เมิ่งเถา
เชียอวเซิน และผู้อื่นที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เด็ทําได้ เพียงยืนห่างจากเตา
หลอม ใกล้สุดก็สิบเมตร กระนั้น พวกเขาก็ ยังโดนคลื่นความร้อนแรงของ
เตาหลอมส่งผลไม่น้อย ฉินหยุนลอบใช้เปลวเพลิงตะวันทมิฬผสาน
รวมเข้ากับเปลว เพลิงสีม่วง ไม่เพียงแต่อุณหภูมิจะสูง แต่มันยัง
ปลดปล่อยคลื่น ความร้อนแรงกล้าออกมาด้วย หลังใช้เปลวเพลิงตะวัน
ทมิฬสีม่วงเผาไหม้อยู่เกือบชั่วโมง กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศจึงกลายเป็น
อ่อนตัวลง!
เตาหลอมสูงราวคนผู้หนึ่ง ทั้งยังขนาดใหญ่ ฉินหยุนเปิดฝาเตา หลอมขึ้น
เตาหลอมขนาดใหญ่นี้เปี่ยมด้วยสีทอง เป็นของเหลว มวลหนาหนัก มัน
คือกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศที่ถูกทําให้อ่อนตัวลง!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนใช้เปลวเพลิงถึงระดับนี้ เขาไม่เคยคิด ว่ากระดูก
เหล็กกล้าชั้นเลิศจะกลายเป็นของเหลวได้อย่าง รวดเร็ว กระทั่งเขาก็อึ้ง
เช่นเดียวกัน
เป็นไปไม่ได้! เขาก็แค่ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า สามารถทํา
ให้กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศถึงจุดหลอมเหลวรวดเร็ว เพียงนี้ได้อย่างไร?”
เชียอวี้เซ็นเผยสีหน้าราวกับเห็นผีกลางวัน แสก ๆ ออกมา เมิ่งเฟยหลิงพอ
เห็นดังนี้ จึงกล่าวออกอย่างภาคภูมิ
ศิษย์น้อง เสี่ยวหยุนครอบครองโทเทม ทั้งยังเป็นโทเทมราชสีห์สวรรค์
เรื่องนี้มีอันใดให้แปลก?” เซี่ยอวี้เซ็นและคณะลอบริษยาต่ออํานาจเปลว
เพลิงระดับนี้ มันถึงขั้นสามารถอํานวยความสะดวกในการขัดเกลาได้
อย่างมหาศาล
หลังเปิดฝาเตา ฉินหยุนนําเส้นเอ็นที่บิดเอาไว้ของสัตว์อสูร ระดับวิญญาณ
ใส่เข้าเตาหลอม
เส้นเอ็นสัตว์อสูรเดิมค่อนข้างหนา ตอนนี้มันเริ่มหดตัวเมื่อเข้าสู่ เตาหลอม
จากนั้นจึงเริ่มดูดกลืนกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศที่มี สถานะเป็นของเหลว
เมื่อเส้นเอ็นสัตว์อสูรหลอมรวมในเตาหลอมด้วยดี ฉินหยุนจึง ปิดฝาเตา
หลอม ปล่อยให้ความร้อนทํางานต่อเนื่อง ระหว่างการเพิ่มความร้อน เส้น
เอ็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยังคง หดตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังดูดกลืนกระดูก
เหล็กกล้าด้วย ความเร็ว! ฉินหยุนปล่อยให้เตาหลอมร้อนแรงเช่นนี้กว่าสี่
ชั่วโมง จึงค่อย นําเส้นเอ็นสัตว์อสูรออกจากในเตาหลอม ขณะที่เขาเปิดฝา
เตาหลอมออกนั้นเอง
เสียง แคร์ก! พลันดัง ขึ้น เตาหลอมปริแตกแยกออก ไม่มีผู้ใดตกใจที่เห็น
เตาหลอมแตกอย่างกะทันหันเช่นนี้ อย่างไร แล้ว ก็เป็นฉินหยุนที่ใช้เปลว
เพลิงพลังรุนแรงชวนสะพรึงให้ ความร้อนแก่เตาหลอม จะแตกก็ไม่ใช่เรื่อง
แปลกแต่อย่างใด
เฮ้อ พังจนได้ ในที่สุดก็ได้โอกาสทําเตาใหม่ขึ้นเสียที!” ฉินหยุนถอน
หายใจเบาก่อนนําเอาเส้นเอ็นสัตว์อสูรร้อนแรงออก จากเตาหลอม เส้น
เอ็นสัตว์อสูรเดิมหนาอย่างยิ่ง ตอนนี้มันกลายเป็นบางเฉียบ
ความหนาก็ราวแขนคนผู้หนึ่ง ฉินหยุนนําเส้นเอ็นสัตว์อสูรวางบนแท่น
หลอม เริ่มใช้ค้อนราชัน ยักษ์วิญญาณเพื่อปลดปล่อยวิชามังกรหลอมหก
กระบวน จากนั้นเขาจึงเริ่มการทุบตีเส้นเอ็นสัตว์อสูร ภายใต้การทุบ
รุนแรง เส้นเอ็นสัตว์อสูรเริ่มบางมากขึ้น ครั้งอยู่ในห้วงการหลอม เขาตั้ง
สมาธิ จนลืมเลือนรอบด้านจน
ทางด้านเชียอวี้เซ็น เมิ่งเถา และคณะผู้ซึ่งรับชมจากด้านข้าง พวกเขาล้วน
อึ้งซึ่งต่อเคล็ดวิชาค้อนที่น่าสะพรึงนี้ ทุกครั้งที่ทุบ ฟาดค้อนออกไป มันราว
กับสะเทือนถึงหัวใจของพวกเขา! ภูเขาจําลองไม่ไกลออกไป โดนคลื่น
กระแทกจากการทุบซํ้าแล้ว ซํ้าเล่า สุดท้ายแล้วมันแตกกระจายออก!
สีหน้าของเชียอวี่เซินกลายเป็นน่าเกลียด ตราบเท่าที่ไม่ได้ ดวงตามืดบอด
ผู้คนล้วนบอกได้ว่าฉินหยุนขัดเกลาอุปกรณ์ได้มี ศักยภาพมากเพียงใด
กระทั่งอาจารย์จารึกระดับสูงชราภาพ หลายต่อหลายคน ยังไม่อาจ
ทัดเทียมระดับนี้ เมิ่งเฟยหลิงไม่เพียงอึ้ง นางยังตื่นเต้นยินดีที่จะได้รับ
อาวุธ วิญญาณระดับสูงต่อหน้าต่อตา ทั้งนี้ยังเป็นแส้ที่นางชื่นชอบใช้
งาน! เมิ่งเถาและคณะ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ ย่อมต้องมึนงงต่อ
พรสวรรค์ของฉินหยุน พวกเขาได้แต่เงียบอยู่พักใหญ่ พวกเขารู้สึกว่า
ความรู้ของตนเองต่อโลกใบนี้กลับตื้นเขินนัก!
ผ่านการทุบตีอยู่สี่ชั่วโมง เส้นเอ็นสัตว์อสูรท้ายที่สุดจึงแปร เปลี่ยนเป็น
หนาเท่าแส้ปกติอย่างที่ควรเป็น ตอนนี้มันเป็นแส้สี ขาวบริสุทธิ์ แม้ยังไม่มี
ผังวิญญาณใดแกะสลักลงไป มันก็ งดงามมากพอแรงแล้ว
กระทั่งว่าไม่แกะสลักผังวิญญาณลงไป แม้นี้ก็ทรงพลังมาก พอแล้ว!” เมิ่ง
เถาชื่นชม
แส้เดิมที่สร้างขึ้นจากเส้นเอ็นของสัตว์อสูรระดับวิญญาณ จํานวนมาก ทั้ง
ยังผสานเข้ากับกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ หลัง ผ่านการหลอม ลําพังเพียง
แค่ตัววัสดุก็เทียบชั้นกับอุปกรณ์ วิญญาณชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงหลายต่อ
หลายชิ้นแล้ว เชี่ยอ เซ็นสั่นเทิ้มหวาดกลัว เขาคืออาจารย์จารึกระดับกลาง
ดังนั้นจึงทราบถึงระดับของฉินหยุนที่แสดงออกเป็นอย่างดี นี่ ไม่ใช่แค่
อาจารย์จารึกระดับสูงทั่วไปแล้ว นี่คืออาจารย์จารึกที่สามารถก้าวลํ้าขึ้นไป
ได้อีกขั้นหนึ่ง!
น้องหยุนคิดแกะสลักผังวิญญาณใดลงไปหรือ?” เมิ่งเฟยหลิง หัวเราะ
เสี่ยวหยุน เจ้าช่างวิเศษนัก กระทั่งทําแส้ให้พร้อมใช้ งานได้รวดเร็วเพียงนี้
ที่เหลือตอนนี้ก็แค่การแกะสลักผัง วิญญาณลงไป! สําหรับอาจารย์จารึก
ผู้อื่น คงต้องใช้เวลาหลาย วันแล้วกว่าจะแกะสลักภาพร่างได้!”
เมิ่งเถาและคณะพยักหน้ารับต่อความสําเร็จครั้งนี้แล้ว ผู้อาวุโสตระกูลเมิ่ง
จับจ้องฉินหยุน เผยความนับถือและกล่าว ออก “ฝ่าบาท ตอนนี้ท่าน
สมควรหลอมอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศได้แล้วกระมัง? แม้นี้ ลําพังแค่
พื้นฐานของมัน ก็นับเป็น อุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศได้แล้ว!”
ในตอนนี้ ข้ายังไม่อาจทําเช่นนั้น ข้ายังไม่สามารถแกะสลักผัง วิญญาณ
เจ็ดชุดบนอุปกรณ์วิญญาณได้!” ฉินหยุนส่ายศีรษะ
หากมีผังวิญญาณห้าหรือหกชุดบนตัวอุปกรณ์วิญญาณ จะถูก นับเป็น
อุปกรณ์วิญญาณระดับสูง อุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ จําเป็นต้องมีผัง
วิญญาณเจ็ดหรือแปดชุด “เช่นนั้นคงอีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ! ท่านยังเยาว์
หนทางยังอีกไกล นัก!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าจะเริ่มการแกะสลักแล้ว!” เขานําเอาปากกาลึกลํ้า
สะท้อนจิตออกมา ใส่พลังจิตวิญญาณ โลหิตเข้าไป เกิดขึ้นเป็นบอลแสง
ปกคลุมรอบมือ ไม่อาจมีผู้ใด สามารถเห็นขั้นตอนการแกะสลักผัง
วิญญาณได้นัก!”
เมื่อแกะสลักเส้นมืด อาจารย์จารึกจําเป็นต้องเก็บเอาไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้น
อาจถูกผู้อื่นขโมยผังวิญญาณได้ ฉินหยุนแกะสลักเส้นมีดชุดแรกสําเร็จ
อย่างรวดเร็ว ใช้เวลา น้อยกว่าชั่วโมงด้วยซํ้า ครั้งล่าสุดที่ขัดเกลาหุ่นเชิด
ราชสีห์วิญญาณขึ้นมา การแกะสลัก ผังวิญญาณยิ่งมายิ่งง่ายดายลื่นไหล
มากขึ้น การแกะสลักครั้งถัดจากนี้ จึงสําเร็จอย่างรวดเร็ว
ผังวิญญาณชุดแรกคืออันใด?” เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยถาม
ผังอสนีบาตระดับสูง!” ฉินหยุนยิ้ม
เมื่อท่านฟาดแส้ออกไป จะปล่อยพลังของสายฟ้าออกมาได้!” ด้วย
แกะสลักผังอสนีบาตระดับสูงลงไปบนอุปกรณ์วิญญาณ สิ่ง นี้จะทําให้
อุปกรณ์วิญญาณปลดปล่อยพลังโจมตีรุนแรงออกมา ได้ กระทั่งผู้อาวุโส
อย่างเมิ่งเถายังอิจฉา เชียอวี้เซ็นได้เห็นว่าในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่นี้
ฉินหยุนกลับสามารถแกะสลักผังอสนีบาตระดับสูงออกมาได้
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของเขา ตอนนี้เขาได้เป็นประจักษ์ พยานพบ
เห็นเองกับตา เขารู้สึกว่าโลกตอนนี้คล้ายพลิกกลับ ด้านอย่างที่ตนไม่ทัน
รู้ตัวด้วยซํ้า
ตอนที่ 280 ยอมรับ
หลังจากฉินหยุนแกะสลักเส้นสว่างเรียบร้อย เขาจึงพักผ่อนชั่ว ครู่หนึ่ง
ก่อนค่อยเริ่มแกะสลักผังวิญญาณชุดที่สองอย่าง ต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้นเขา
ใช้เวลาไปหกชั่วโมง จึงค่อยทําแส้ให้เมิ่งเฟยหลิง ได้สําเร็จ และตอนนี้ ฟ้า
ก็เริ่มมีดแล้ว สําหรับอาจารย์จารึกระดับสูงหลายท่าน การขัดเกลาอาวุธ
วิญญาณระดับสูงถือเป็นเรื่องยากเย็น จําเป็นต้องใช้เวลาหลาย วันกว่าจะ
ทําได้สําเร็จ แต่แล้วฉินหยุน เขาเพียงใช้เวลาราวครึ่งวันจึงค่อยทําจน
สําเร็จ
พี่เฟยหลิง ข้าแกะสลักผังอสนีบาต ผังพิษ ผังสะกดกาย ผัง บ้าคลั่ง ผัง
อัคคี และยังเสริมพลังเอาไว้! ท่านต้องปรับตัวศึกษา วิธีใช้งานผังจารึก
เหล่านี้ให้ดี!”
ฉินหยุนปาดเช็ดคราบเหงื่อและกล่าวต่อ “แม้นี้ไม่ได้มีอํานาจ ทําลายล้าง
อย่างกระบี่หรือค้อน โดยหลักแล้วใช้เพื่อความ คล่องตัวและยืดหยุ่น หาก
หวดแส้ออก ก็สามารถใช้ผัง วิญญาณซึ่งแตกต่างกันออกไปตามแต่
สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ หรืออาจเปลี่ยนพลังของผังวิญญาณนานาชนิดได้
เพื่อให้อีก ฝ่ายไม่ทันระวัง!”
เมิ่งเฟยหลิงยิ้มทรงเสน่ห์ให้ตอบกลับ “น้องหยุน ถึงกับมอบ ของดีเช่นนี้แก่
ข้า เป็นข้าไม่ทราบว่าควรขอบคุณอย่างไรดี! ครั้งล่าสุดเจ้ามอบสร้อย
ข้อมือมิติเก็บของ ข้ายังชดใช้ให้ไม่ หมดเลย!”
พวกเรานับเป็นสหายกันนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่! นอกจากนี้
ศิษย์พี่ยังช่วยข้าดูแลเสี่ยวเม่ยเหลียนเป็นอย่างดี!” ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ
เมิ่งเถากล่าวคําขึ้น “องค์ชายรัชทายาท พวกเราไม่อาจรับ สิ่งของโดยไม่
จ่าย! พวกเราไม่อาจรับสิ่งลํ้าค่าเช่นนี้ไว้ได้!”
ผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนพยักหน้ารับ สําหรับฉินหยุน การขัดเกลาอุปกรณ์
วิญญาณระดับสูงใช้เวลา เพียงเล็กน้อย พวกเขาสามารถได้รับอย่าง
รวดเร็ว ไม่เหมือน การว่าจ้างผู้อื่นที่ต้องรอคอยเป็นเวลานานยิ่ง ดังนั้น
แล้ว ผู้อาวุโสเหล่านี้ของตระกูลเมิ่งจึงคิดอยากสร้างสาย สัมพันธ์อันดีกับ
ฉินหยุน
ในภายหน้า หากตระกูลเมิ่งต้องการ อุปกรณ์วิญญาณหรืออะไรทํานอง
นั้น พวกเขาไม่จําเป็นต้อง ออกค้นหาร้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์
จารึกอื่นใดอีก ฉินหยุนเป็นทั้งองค์ชายรัชทายาทและอาจารย์จารึก
กระนั้น กลับไม่ถือตัว เรียกหาเมิ่งเฟยหลิงเป็นศิษย์พี่ ดังนั้นผู้อาวุโส ของ
ตระกูลเมิ่งจึงประทับใจในตัวฉินหยุนไม่น้อย พวกเขาพลันรู้สึก ว่ามันไม่
ผิดอะไรนักหากจะให้เมิ่งเฟยหลิ งแต่งกับฉินหยุนเพื่อเป็นนางสนม
ฉินหยุนนึกเรื่องโมโมในมิติเก็บของขึ้นได้จึงกล่าว “เช่นนี้แล้ว กัน ข้าขาด
แคลนไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร หากมีสักหนึ่งหรือสอง ฟอง มอบให้แก่ข้า
เท่านั้นก็เพียงพอ!”
เมิ่งเถาเร่งรีบนําเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาสามฟอง ส่ง มอบพวกมัน
แก่ฉินหยุน พอฉินหยุนได้เห็นไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสามฟอง เขาเผยรอยยิ้ม
ยินดีออก โดยทันทีเขากล่าวขอบคุณพวกเขาพร้อมเก็บพวกมัน ใส่มิติเก็บ
ของ พอโมโมได้เห็นว่ามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเพิ่มเข้ามาอีกสามฟอง นาง
กลายเป็นยินดีเหลือล้น กระทั่งวิ่งไปรอบไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูรพร้อม
หัวเราะไม่หยุด
ผู้อาวุโสเมิ่ง พวกเราต้องจับพวกเขาเดี๋ยวนี้!” ฉินหยุนหันมอง ทางเชี่ยอวี้
เซ็นและคณะพร้อมเอ่ยถามโดยทันที เมิ่งเถาพยักหน้ารับรัวเร็ว เผย
สัญญาณให้ผู้อาวุโสด้านหลังเข้า จับกุมเชี่ยอ เซ็นและคณะ
พวกเราเป็นอาจารย์จารึก!” เชียอว์เซ็นตะโกนร้องโกรธเคือง ออก
กระทั่งไม่ต้อนรับพวกเรา ก็ไม่มีสิทธิ์จับพวกเราเช่นนี้ พวกเราอยู่ภายใต้
การคุ้มครองของตําหนักจารึกเทวะ!” ใบหน้าของเชี่ยอวี้เซ็นแตกตื่น เขา
เผยซึ่งออร่าของขอบเขตวรยุทธ์ เต๋าเตรียมสู้หาทางถอยหนี
ฉินหยุน ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง กระนั้น เจ้ากลับขาย
ของที่ทําขึ้นแก่มิตรสหายด้วยราคาที่ผิดเพี้ยน หากเรื่องนี้แพร่กระจาย
ออกไป เจ้าจะต้องถูกเหยียดยามโดย อาจารย์จารึกท่านอื่น!” เชียอวี้เซ็น
โกรธแค้นฉินหยุนไม่น้อย
พวกเราเพียงมีเรื่อง พิพาทเล็กน้อย กระนั้นเจ้ากลับใช้สถานะองค์ชายรัช
ทายาท กดดันข้า เป็นเจ้าต่างหากถึงเป็นวายร้ายไร้ยางอาย!” ท่าทีกราด
เกรี้ยวของเชียอวี่เซ็นทําเอาฉินหยุนหัวเราะออก
ผู้อาวุโสเมิ่ง พวกท่านทําให้พวกเขาบาดเจ็บย่อมไม่เป็นไร หากจับตัวได้!
หากโลกภายนอกคิดตั้งคําถาม เช่นนั้นให้บอกว่า คนพวกนี้พรากเอา
อิสรภาพของหญิงรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ ไป!” ฉินหยุนกล่าวคํา ผู้อาวุโส
หลายคนของตระกูลเมิ่งเคลื่อนไหวโดยทันที พวกเขาใช้โซ่พิเศษซึ่งเอาไว้
ใช้กับสัตว์อสูรทรงพลัง รัดพันเชี่ยอวี้เซ็นและคณะเอาไว้ พวกเชียอวเซินไม่
อาจต่อต้าน ผู้อาวุโสเหล่านี้แข็งแกร่งเกิน กว่าพวกเขาจะรับมือได้
ผู้อาวุโสเมิ่ง ส่งคําสั่งผนึกการออกจากเมืองแห่งนี้ ผู้คน สามารถเข้า แต่
ไม่อาจออกไป หากผู้เข้ามาในเมืองเป็น ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ให้จับตาดู
อย่างใกล้ชิด” ฉินหยุนกล่าว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
รับบัญชา! ข้าจะจัดแจงเดี๋ยวนี้!” เมิ่งเถาส่งผู้อาวุโสข้างกาย ถ่ายทอด
คําสั่ง จากนั้นจึงมองเชียอ เซ็นและคณะพร้อมเอ่ย ถาม
องค์ชายรัชทายาท บอกพวกเราได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่าน จึงทําเช่นนี้?
ตอนนี้คนกลุ่มนี้ถูกจับกุมแล้ว ท่านสามารถพูด กล่าวได้อย่างวางใจ!”
ผู้อาวุโสอีกสามคนที่เหลือต่างก็มองฉินหยุนด้วยท่าทีสงสัย เช่นเดียวกัน
ผู้อาวุโสคงทราบเรื่องเมืองฉีเฟิง ที่ถูกฝูงสัตว์อสูรรุกรานแล้ว ใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนมองไปยังเชี่ยอวี้เซ็นและคณะพร้อมแค่น เสียง “คนเหล่านี้มาที่นี่
ด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้น!”
เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยถาม “เมืองฉีเฟิ งได้รับการคุ้มกันโดยตําหนัก จารึกเทวะ
แต่แล้วกลับโดนฝูงสัตว์อสูรบุกเข้าไปได้ เรื่องนี้แทบ ไม่อาจเชื่อ!”
เพราะมีสายลับในเมือง มีคนเปิดประตูเมืองจากด้านใน ทั้งยัง ปิดอาคม
ใหญ่คุ้มกันเมืองก่อนให้ฝูงสัตว์อสูรเข้าโจมตี!” พอฉิน หยุนกล่าวถึงตรงนี้
ดวงตาของเชียอวี้เซินกลิ้งกลอกหลบเลี่ยง ความหวาดกลัวฉายชัดใน
ดวงตาคู่นั้น ฉินหยุนยังคงกล่าวต่อ
คนกลุ่มนี้รับหน้าที่คุ้มกันค่ายอาคม ใหญ่ของเมืองฉีเฟิงมาก่อน ดังนั้น
แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ พวกเขาจะเป็นคนร้าย! เพราะพวกเขาบอกว่า
เป็นอาจารย์ จารึกที่รับผิดชอบหน้าที่คุ้มกันค่ายอาคมใหญ่ของเมืองฉีเฟิ ง
ข้าคิดว่าพวกเขาต้องเล่นลูกไม้อะไรเอาไว้ยามเข้าสู่ส่วนกลาง ของอาคม
ใหญ่อย่างแน่นอน!”
พอได้ยินดังนี้ เมิ่งเถาพลันมีโทสะ ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร สายตาจับ
จ้องไปยังเชี่ยอวี้เซ็นและคณะพร้อมกล่าวถามเย็น เยือก
เรื่องของเมืองฉีเฟิง พวกเจ้าเป็นคนทําหรือ?”
อย่าได้ฟังวาจาไร้สาระของฉินหยุน! เขาปรักปรําข้า!”
ข้าจะส่งสารไปยังผู้อาวุโสใหญ่จ้าวฉวน เป็นเขามีโทสะไม่ น้อยที่เมืองฉี
เฟิ งถูกทําลาย เขาย่อมขุดคุ้ยทุกสิ่งขึ้นมา ข้าเชื่อ ว่าเขาจะพบว่ามันเป็น
เรื่องที่เจ้าก่อ!”
ฉินหยุนแค่นเสียงเย็น เยือก ร่างกายเชียอ เซ็นสั่นสะท้าน ความหวาดกลัว
ในดวงตานี้ยิ่ง เด่นชัดมากขึ้น
นําตัวพวกมันไป พวกเราจะคุยกันอีกครั้งเมื่อผู้อาวุโสใหญ่ ของตําหนัก
จารึกเทวะมาถึง!” เมิ่งเถาสั่งการ ตอนนี้เอง เขา พลันรู้สึกถึงความ
หวาดกลัวสะท้านในใจ หากสิ่งที่ฉินหยุนกล่าวเป็นจริง นครราชาปีศาจ
อาจต้องตกเป็นเหยื่อของฝูงสัตว์ อสูรเช่นเดียวกัน เมิ่งเฟยหลิงก็คิดเช่นนั้น
ร่างกายนางอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มออก
น้องหยุน เจ้ามาพบข้าที่นี่เพราะเรื่องนี้?” เมิ่งเฟยหลิงเอ่ย ถาม
ได้เจอเชียอวี้เซินเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว ข้ามาที่นี่เพราะคิดบอก ต่อ ว่าพวก
มนุษย์อสูรครอบครองความสามารถพิเศษซึ่ง สามารถควบคุมฝูงสัตว์อสูร
ทรงพลังได้!”
ฉินหยุนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งยังนึกถึงภาพฉากที่ฝูงสัตว์อสูร บุกเข้า
โจมตีเมืองฉีเฟิ ง เขาถอนหายใจยาวออก เริ่มทบทวนถึง เรื่องราวที่เมืองฉี
เฟิ งโดนบุกโจมตีโดยฝูงสัตว์อสูร
ท่านพ่อกับอีกหลายคนกําลังรับมือกับพวกมนุษย์อสูรอยู่ พวก เขาตอนนี้
ยังไม่กลับมา! ข้าชักเป็นห่วงสถานการณ์ทางด้านนั้น แล้ว!” เมิ่งเฟยหลิง
จับแสื้ในมือเอาไว้แน่น
เมิ่งเถาเองก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เพราะพวกเขา
ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่าเรื่องราวอย่างกระจ่าง ชัด
ฉินหยุนมาที่นี่เพียงลําพัง เพื่อบอกต่อพวกเขาถึงเรื่องนี้ เพื่อให้ พวกเขาได้
เตรียมการ ทั้งยังทําให้พวกเขาต่างรู้สึกยินดีที่มีองค์ ชายรัชทายาทมาก
ความสามารถและความรู้กว้างไกลถึงเพียงนี้ “ใช่แล้ว หากกลุ่มของเชียอว
เซินมาที่นี่เพื่อทําลายอาคมใหญ่ จริง เช่นนั้นคงอีกไม่นานนัก สัตว์อสูรฝูง
ใหญ่จะต้องบุกเข้า โจมตีเมืองแน่!”
ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้จึงกล่าว “ข้า ต้องส่งสารไปยังผู้อาวุโสใหญ่
เพื่อแจ้งให้เขานําคนมาด้วย!”
ดี! เมื่อเวลามาถึง ตราบเท่าที่กําแพงเมืองไม่พังทลาย พวก เราจะ
สามารถยืนหยัดต้านรับเอาไว้ได้!” เมิ่งเถาพยักหน้ารับ
องค์รัชทายาท ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งเมือง ได้ถูก
ทําลายเพราะข้าสายตามืดบอด!”
ข้าคือองค์ชายแห่งเทียนฉิน เมืองของจักรวรรดิย่อมเป็นความ รับผิดชอบ
ของข้า!” ฉินหยุนยิ้มและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านมีมนุษย์อสูรที่ยังรอด
ชีวิตอยู่หรือไม่? มอบมันแก่ข้าให้ได้ ศึกษา เป็นข้าคิดอยากทราบว่าพวก
มันควบคุมฝูงสัตว์อสูรได้ อย่างไร!”
ท่านกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะจัดแจงส่งมนุษย์อสูรจํานวน หนึ่งให้แก่
ท่านวันพรุ่งนี้แต่เช้า!” เมิ่งเถากล่าวตอบ “เฟยหลิง รีบนําองค์ชายรัช
ทายาทไปพักผ่อนก่อน!”
น้องหยุนตามข้ามา!” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะคิกคัก ขณะดึงแขน ฉินหยุนให้
เดินตามไป ตามปกติ เมิ่งเฟยหลิงไม่กล้าบินไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้นาง
รับหน้าที่พาองค์ชายรัชทายาทไปพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่เกรงคํา ต่อว่าของ
เมิ่งเถา ? เมิ่งเฟยหลิงฉุดฉินหยุนลอยข้ามสระนํ้าขนาดใหญ่ มุ่งหน้าไปยัง
ชายฝั่งอีกฟากหนึ่ง ที่นี่มีบ้านพักหลังเล็กปลูกสร้างไว้ เป็นส่วนพักอาศัย
ของตระกูล เมิ่ง
น้องหยุนช่างน่าทึ่งนัก! ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้เจอกัน ข้าไม่คิดเลย
ว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายเพียงนี้!” เมิ่งเฟย หลิงเปิดห้องเชื้อเชิญ
ให้พร้อมถอนหายใจเบา ฉินหยุนนั่งข้างหน้าต่าง ยิ้มตอบรับ
ช่วยไม่ได้นี่ ข้ามีแต่ต้อง บังคับให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นไป!”
พักผ่อนก่อน อย่างไรข้าก็เชื่อในตัวเจ้า ว่าจะต้องสามารถ จัดการเชี่ยวห
ยางหลงได้อย่างแน่นอน!” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มกว้าง ให้พร้อมเอ่ยถาม
ที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดพวกนั้นขับไล่เจ้าออก?
พวกเขาไม่ทราบหรือว่าเจ้าเป็น อาจารย์จารึกระดับสูง?”
พวกเขาตอนแรกไม่ทราบ รู้ก็ภายหลังเกิดเรื่องแล้ว พวกเขา หน้าเขียว
เสียดายอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยละ!” ฉินหยุน หัวเราะคิกคัก
จะอย่างไรก็ตามแต่ ข้าได้เรียนรู้หลายเรื่องราว ที่ต้องการรู้จากสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียนแล้ว ในภายหลังตราบ เท่าที่ข้าจัดการเชี่ยวหยางหลง ข้าจะ
ได้เป็นหัวหน้าศิษย์ของ ตําหนักตะวันตกวิญญาณสีคราม!”
เมิ่งเฟยหลิงพลันถอนหายใจ “พี่สาวผู้นี่ครั้งก่อนแข็งแกร่งกว่า เจ้า แต่แล้ว
ไม่นาน กลับถูกเจ้าทิ้งห่างไว้เบื้องหลังแล้ว”
พี่เฟยหลิง เหตุใดท่านไม่เข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสี คราม? ข้า
แนะนําให้ท่านเข้าร่วมตําหนักสัตว์ยุทธ์วิญญาณสี คราม ท่านครอบครอง
วิญญาณยุทธ์เหยี่ยว ที่นั่นเหมาะสมแก่ ท่านเพื่อฝึกฝน!”
ฉินหยุนกล่าว “ข้ารู้จักคนจากตําหนัก ดวงดาว ข้าเป็นธุระจัดแจงให้แก่
ท่านได้!”
เรื่องนี้เป็นไปได้? ข้าได้ยินว่าการเข้าร่วมตําหนักดวงดาว วิญญาณสี
ครามเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อได้เข้าไปแล้ว ความก้าวหน้าจะพุ่งทะยาน!”
เมิ่งเฟยหลิงเองก็อยากแข็งแกร่ง ขึ้นกว่านี้ ทว่าสมรภูมิรบตอนนี้กลายเป็น
โกลาหล ทั้งนางยัง เป็นผู้หญิง นางไม่มีทรัพยากรให้หยิบใช้ได้มากนัก ฉิน
หยุนกล่าว “แต่ในท้ายที่สุด ท่านก็ต้องผ่านการทดสอบก่อน จึงสามารถ
เข้าร่วมตําหนักสัตว์ยุทธ์ได้เข้าเชื่อว่าพี่เฟยหลิ งย่อมต้องผ่านการทดสอบ
อย่างแน่นอน!”
อืม ข้าย่อมรับโอกาสที่น้องหยุนมอบให้ ให้ข้าได้ลอง!” เมิ่ง เฟยหลิงเดิน
ไปจิ้มที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุนพร้อมหัวเราะ
พักผ่อนเสีย! หากกลางคืนนอนไม่หลับ สามารถไปเคาะประตู ห้องหลับ
นอนกับข้าได้ ข้าจะกล่อมเจ้าให้หลับเอง!”
ข้าย่อมไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่จําเป็นต้องกล่อมข้าแต่อย่างใด!” ฉิน หยุน
หัวเราะออกจากใจ เมิ่งเฟยหลิงปุ๋ ยปากเล็กน้อย ก่อนเดินออกจากห้องไป
ฉินหยุนยืดกายคิดหลับพักผ่อนสักตนหนึ่ง กลางดึกเงียบสงัด ฉินหยุนพ
ลันสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงร้อง คํารามของสัตว์อสูรดังขึ้นต่อเนื่อง เขา
สะดุ้งขึ้นจากเตียงพร้อม เดินออกไปนอกห้อง เมิ่งเฟยหลิงตอนนี้กําลังเร่ง
รีบวิ่งออกมา พอดี เมิ่งเฟยหลิงยังสวมใส่ชุดนอนสีขาวบาง เส้นผมยังยุ่ง
เหยิง นาง เอ่ยถามด้วยนํ้าเสียงเป็นกังวล “นี่เป็นเสียงพวกสัตว์อสูรบุก
โจมตีเมืองหรือ?”
มันไม่ควรเร็วเพียงนี้ เร็วเข้า พาข้าไปยังแกนกลางของอาคม ใหญ่!” ฉิน
หยุนเร่งร้อนกล่าว
ตอนที่ 281 ซ่อมบํารุงค่ายอาคม
เมิ่งเฟยหลิงรีบกลับไปเปลี่ยนชุด นําฉินหยุนออกจากบ้านพัก ขณะที่พวก
เขาออกมานั้นเอง เมิ่งเถาก็บินเข้ามาพอดี “องค์รัชทายาท สัตว์อสูรบุกเข้า
มาจริงแต่ไม่มาก เป็นเพียง สัตว์อสูรระดับที่เก้าจํานวนหนึ่ง!”
เมิ่งเถากล่าว “พวกเรา รับมือกับพวกมันได้ไม่ยากนัก” ฉินหยุนคาดเดาว่า
อีกไม่นานนักที่พวกสัตว์อสูรจะบุกเข้าโจมตี ในเวลาน้อยกว่าวัน ก็มีสัตว์
อสูรบุกมาถึงแล้วจริง
สัตว์อสูรพวกนั้นย่อมมาที่นี่เพื่อสอดแนมเส้นทางก่อน! ดู เหมือนว่า
เชี่ยอวี้เซ็นและคณะจะเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว!” ฉิน หยุนแค่นเสียงกล่าว
เมื่อสัตว์อสูรโจมตีเมือง สิ่งแรกที่พวกเรา คิดทํา คือส่งอาจารย์จารึกสู่
แกนกลางของค่ายอาคม ด้วย วิธีการนี้ จะเป็นเรื่องง่ายแก่พวกเขาเพื่อ
ปั่นป่ วนค่ายอาคม!”
เมิ่งเถามองขึ้นท้องฟ้า แม้เชี่ยอวี้เซินและคณะถูกจับตัวแล้ว แต่เขายังคง
หวั่นเกรงยามเมื่อนึกถึง “ผู้อาวุโสเมิ่ง ให้ข้าไปยังแกนกลางของค่ายอาคม
และคุ้มกันที่ นั่น สัตว์อสูรฝูงใหญ่จะต้องมาถึงในอีกสองหรือสามวันถัด
จาก นี้ ผู้อาวุโสใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะไม่น่าจะมาถึงรวดเร็ว เพียงนั้น
ก่อนพวกมันมาถึง สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับพวกเรา คือ ปกป้องเมืองเอาไว้ให้
ดี!” ฉินหยุนกล่าว
ได้ เช่นนั้นด้านนอกให้พวกเราจัดการ!” เมิ่งเถาพยักหน้า บอกต่อเมิ่งเฟย
หลิง
เฟยหลิง นําทางแก่องค์รัชทายาทและ ร่วมทางไปด้วย เช่นนี้ฝ่าบาทจะได้
ไม่เบื่อหน่ายจนเกินไป!”
รับทราบ!” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มตอบ ก่อนจะดึงฉินหยุนสู่ภูเขา ใหญ่ตรงกลาง
คฤหาสน์ ฉินหยุนตามเมิ่งเฟยหลิงสู่ด้านในถํ้า ผ่านเส้นทางในถํ้า
จนกระทั่งถึงห้องหินขนาดใหญ่ ห้องหินวงกลมแห่งนี้กว้างเกือบสองร้อย
เมตร มีผลึกแก้วพิเศษ อยู่บนพื้นเกิดขึ้นเป็นรูปแบบมากมาย
ที่ตรงกลางวางเอาไว้ด้วยกล่องขนาดใหญ่ ภายในบรรจุเหรียญ ผลึกแก้ว
เอาไว้ ในช่วงเวลาปกติ อาคมใหญ่จะดูดกลืนพลังวิญญาณจากนํ้าพุ
วิญญาณที่พื้น จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน เพื่อคง สภาพการ
ทํางานของอาคมใหญ่ไว้ หากม่านพลังที่อาคมปลดปล่อยออกถูกโจมตี
ด้วยพลังอํานาจ รุนแรง ตัวค่ายอาคมจะดูดกลืนพลังงานจากเหรียญผลึก
ใน กล่องเพื่อทําให้ม่านพลังแข็งแกร่งขึ้น ภาษีที่เก็บภายในนครราชา
ปีศาจ โดยหลักก็เพื่อคงสภาพการ ทํางานของอาคมใหญ่เอาไว้
ตราบเท่าที่ค่ายอาคมนี้ไม่ได้รับความเสียหาย ข้าก็ไม่ จําเป็นต้องใช้พลัง
จํานวนมากเพื่อบํารุงรักษาพวกมัน” ฉินหยุนมองที่ค่ายอาคมจริงจังขณะ
กล่าวคํา “เรื่องหนึ่งที่ข้าต้อง ทราบคือ เมื่อค่ายอาคมทํางาน จะต้องไม่มี
พลังงานใดถูกอุดตัน ทันทีเมื่อเกิดการอุดตัน ข้าต้องจัดการมันอย่าง
ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อทั้งค่ายอาคม!”
อาคมตอนนี้มีปัญหาหรือ? กระทั่งว่าเชี่ยอวี้เซ็นและคณะอยู่ ในคฤหาสน์
นี้มาหลายวัน แต่พวกเราหาได้อนุญาตให้พวกเขา เข้ามาไม่!” เมิ่งเฟย
หลิงกล่าว
ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่ได้ให้พวกมันเข้ามา ไม่เช่นนั้นพวกมันอาจ ทําให้ทั้ง
เมืองตกอยู่ในอันตราย!” ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอกไป คราหนึ่ง
หากพวกมันทําอะไรลงไปจริง ด้วยระยะเวลาน้อย นิดพวกเราไม่มีทาง
ทราบได้!”
ใครส่งพวกมันมา? พวกมันเป็นพันธมิตรกับมนุษย์อสูรหรือ? ข้ารู้สึกว่า
พวกมันไม่มีความเหมาะสมพอที่จะทําเรื่องเช่นนี้ สมควรมีกองกําลังใหญ่
หนุนหลังพวกมันอยู่!” เมิ่งเฟยหลิงเอ่ย ถามสับสน
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พวกมันถึงกับเป็นมิตรกับ มนุษย์อสูรได้” ฉินหยุน
บ่อยครั้งที่คิดถึงคําถามนี้ เขาขมวดคิ้วและถอนหายใจ “ข้ายังไม่ทราบ แต่
เรื่องนี้สําคัญยิ่ง หากมีคนอย่างเชี่ยอ เซ็น จํานวนมากที่หลบรอดเข้ามาใน
เมือง เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไป แล้ว!”
พวกเราได้แต่รอให้ผู้อาวุโสใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะมาถึง เพื่อสืบสวน
เชี่ยอวี้เซ็น พวกเขาน่าจะหาทางเค้นความจริงออกมาได้!”
เมิ่งเฟยหลิงกล่าวขณะตามฉินหยุนอยู่ด้านหลัง ฉินหยุนเดินไป
ปลดปล่อยพลังจิตเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ไป ด้วย ทําให้เขาสามารถ
พบช่องทางตีบตันแต่แรกเพื่อรับมือได้ ทันท่วงที จึงไม่มีความเสียหายใด
เกิดขึ้นกับอาคม ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ฉินหยุนไม่พบว่ามีปัญหาใหญ่อัน
ใดอีก กลับกัน มีแต่ปัญหาเล็กน้อย ผังวิญญาณส่วนหนึ่งแทรกแซงกันเอง
พลังงานจึงเกิดความโกลาหลเมื่อปะทะกับอีกหนึ่ง
ตอนนี้ทําอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว! หากค่ายอาคมทํางาน ข้าจะตั้งสมาธิ
ให้มากกว่านี้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว นั่งลงบนเก้าอี้หิน ซึ่งวางไว้ข้างห้องหิน
แห่งนี้ เมิ่งเฟยหลิงนําเอาแส้วิญญาณระดับสูงออกมาพลางกุ้ยปาก
เสี่ยวหยุน กระทั่งว่ามีสัตว์อสูรบุกมา ข้าก็ได้แต่อยู่ที่นี่ร่วมกับ เจ้า ไม่อาจ
ออกไปต่อสู้กับสัตว์อสูร เป็นข้าคิดอยากลองแส้นี้ยิ่ง นัก!”
โอกาสภายหน้าย่อมมาถึงอย่างแน่นอน!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
ว่าไป รบกวนท่านอย่าได้เที่ยวป่ าวประกาศว่าข้าเป็นอาจารย์ จารึก
ระดับสูง ข้าไม่อยากเป็นจุดสนใจในช่วงเวลานี้เท่าใด นัก!” เมิ่งเฟยหลิ
งเร่งรีบพยักหน้ารับหัวเราะ
เสี่ยวหยุน เจ้ากังวล เรื่องจะมีคนมากมายร้องขอให้เจ้าช่วยทําอุปกรณ์
หรือ? นี่ก็เป็น สิ่งที่ลุงใหญ่ของข้าคิดอ่านวางแผนเช่นกัน กระนั้นพวกเขา
ยัง กระดากใจเกินไปที่จะกล่าวออก!”
พี่สาวอย่าได้ห่วง เมื่อเวลามาถึง ข้าย่อมช่วยเหลือตระกูลเมิ่ง ของท่าน
ขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณสักหลายชิ้น!” ฉินหยุนตอบ
อย่าได้ขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง เพียงอุปกรณ์ วิญญาณ
ระดับกลางก็เพียงพอ ถึงตอนนั้นตระกูลเมิ่งของเราจะ ไม่คิดเอารัดเอา
เปรียบ จะใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรแลกเปลี่ยน อย่างสมนํ้าสมเนื้อ!” เมิ่งเฟย
หลิงยิ้มให้ฉินหยุนพร้อมจิ้มหน้า ไปด้วย
ฉินหยุนหันมองรอบ พบว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลวนัก เขาจึง กล่าว “พี่
เฟยหลิง เหตุใดไม่ให้ข้าหลอมอุปกรณ์ที่นี่เสียเลย เล่า? ตระกูลเมิ่งของ
ท่านต้องการอาวุธวิญญาณประเภทใดท่านตัดสินใจได้หรือไม่?”
เมิ่งเฟยหลิงพยักหน้ารับ “แน่นอนว่าได้! นอกจากนี้ ไม่ว่าจะ เป็นอุปกรณ์
วิญญาณใดที่เจ้าหลอมออกมา ลุงใหญ่ของข้าและ ผู้อื่นย่อมต้องยิ้มรับ
เอาไว้! เจ้าคงทราบว่าทุกวันนี้ยิ่งมายิ่ง โกลาหล อาจารย์จารึกจึงหาตัวได้
ยากยิ่ง!”
ก่อนทําการหลอม ฉินหยุนต้องหลอมเตาหลอมให้แก่ตัวเอง เสียก่อน
ตราบเท่าที่มีโอกาส เขามักจะรวบรวมวัสดุสําหรับการหลอม อุปกรณ์อยู่
เสมอ ทั้งกระดูกสัตว์และเหล็กวิญญาณ ดังนั้นแล้ว เขาจึงมีวัสดุสํารองอยู่
มาก ทําให้สามารถขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณได้ไม่น้อย โดยเฉพาะ
กระดูกสัตว์อสูรระดับที่แปดหรือเก้า พวกมัน สามารถนํามาขัดเกลาเป็น
ยันต์ระดับสูงโดยไม่จําเป็นต้องทําเป็นกระดูกเหล็กกล้าแต่อย่างใด
หากไม่ได้มีเป้าหมายที่ต้องทํา ให้ทรงอํานาจอย่างถึงที่สุด ก็ไม่จําเป็นต้อง
ใช้กระดูกเหล็กกล้า ฉินหยุนผสมกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศที่เหลือ เข้ากับ
กระดูก เหล็กกล้าระดับราชันเล็กน้อยก่อนหลอมพวกมันเข้าด้วยกันกับ
กระดูกสัตว์จํานวนมาก เขาต้องการใช้พวกมันเพื่อสร้างเตา หลอมขึ้นมา
สิ่งสําคัญที่สุดของเตาหลอมก็คือ มันต้องทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นจึง
จําเป็นต้องแกะสลักผังแปรธาตุเอาไว้ที่ด้านใน ด้วยผังแปรธาตุ จะทําให้
มันสามารถทานทนต่อความร้อนสูง ไม่หลอมละลายไปก่อนได้
นอกจากนี้ เตาหลอมที่ดียังต้องมีพลังการหลอมที่ดีเยี่ยม มันจะ สามารถ
หลอมเหลวได้รวดเร็วและดูดกลืนเปลวเพลิงได้ดี รวมถึงการเสริมแรงแก่
เปลวเพลิง เพื่อเร่งกระบวนการหลอม สิ่งที่ถูกนําเข้าสู่เตาหลอม นอกจาก
ผังแปรธาตุแล้ว ยังต้องมีผังอัคคีเพื่อคงเสถียรภาพเอาไว้ ฉินหยุนต้อง
แกะสลักผังแข็งตัว แน่นอนว่าสิ่งสําคัญที่สุดย่อมเป็นผังแปรธาตุ
เขาแกะสลักพวก มันทั้งสิ้นสามชุด เพื่อเป็นการรับประกันว่า
ความสามารถใน การหลอมจะมากพอ เมิ่งเฟยหลิงรับชมจากด้านข้าง หา
ได้รู้สึกเบื่อแต่อย่างใดไม่ เป็นเพราะระหว่างที่นางรับชม หากเกิดคําถาม
ขึ้น ฉินหยุนจะ ตอบนางอย่างอดทน เป็นการทําให้นางมีความรู้เพิ่มมาก
ขึ้น
ในที่สุดก็ขัดเกลาเจ้าตัวใหญ่นี้ได้สําเร็จ!” ฉินหยุนเคาะที่เตา หลอม
ทองเหลืองซึ่งตนทําขึ้นดัง แก๊ง แก๊ง แก๊ง
เมิ่งเฟยหลิงปาดเช็ดคราบเหงื่อที่ใบหน้าเขาให้พร้อมยิ้มรับ “น้องหยุน
อุปกรณ์วิญญาณที่เจ้าขัดเกลาขึ้นลํ้าค่าอย่างยิ่ง หากเจ้าคิดขาย ไม่ใช่ว่า
ความรํ่ารวยอยู่ใกล้แค่เอื้อมหรือ?”
ข้าไม่อาจขายอาวุธวิญญาณได้ง่ายเช่นนั้น หากขายไปและ ตกอยู่ในมือ
ศัตรู นั่นไม่นับเป็นการช่วยเหลือศัตรูของข้าแล้ว หรือ?” ฉินหยุนหัวเราะ
ด้วยเหตุนี้ ข้าเพียงขายแต่ให้คนที่ เชื่อใจได้!”
เตาหลอมที่ฉินหยุนหลอมขึ้น ดูเรียบง่ายอย่างมาก หาได้มีการ แกะสลัก
ลวดลายอะไร เป็นเพียงแต่เตาสูงที่มีฝาปิดก็เท่านั้น หากผู้อื่นมองที่มัน คง
ไม่มีใครคิดว่านี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณ ระดับสูงเป็นแน่ “ตอนนี้ก็มีเวลาว่าง
แล้ว ให้ข้าเริ่มขัดเกลาอาวุธวิญญาณ ระดับกลางแล้วกัน!”
ฉินหยุนนําเอากระดูกสัตว์ออกมา พร้อม โยนพวกมันใส่เตาหลอม ก่อนจะ
ใส่กระดูกเหล็กกล้าระดับกลาง จํานวนหนึ่งลงไป ความเร็วการ
หลอมเหลวของเตาหลอมใหม่ ถือว่ารวดเร็วยิ่ง โดยเฉพาะหลังดูดกลืน
เปลวเพลิงตะวันทมิฬสีม่วงเข้าไป เพียง ไม่กี่วินาที กระดูกเหล็กกล้า
ระดับกลาง ก็หลอมรวมเข้ากับ กระดูกสัตว์อสูรระดับแปดเป็นที่เรียบร้อย
ฉินหยุนนําเอาถังกระดูกเหล็กกล้าออกมา และนําเอาวัตถุ หลอมเหลวใน
เตาหลอมออก จากนั้น จึงค่อยใส่ผงผลึกนํ้าแข็ง พิเศษลงไปเพื่อทําให้
ของเหลวในถังแข็งตัว
หลังผ่านกระบวนการแข็งตัว จะได้เป็นวัสดุที่แข็งอย่างยิ่ง หลัง ผ่านการ
หลอมมาได้ ตอนนี้มันจะเข้าสู่กระบวนการขึ้นรูปเป็น ดาบและกระบี่อัน
วิจิตรงดงาม เพียงเวลาสี่ชั่วโมง ฉินหยุนจัดการหลอมอุปกรณ์วิญญาณ
ระดับกลางขึ้นเสร็จชิ้นหนึ่ง ในช่วงเวลาสองวัน เขาได้ขัดเกลา อุปกรณ์
วิญญาณระดับกลางเสร็จสิ้นไปหกชิ้นงาน มีทั้งกระบี่ ดาบ และหอก เมิ่ง
เฟยหลิงยินดีไม่น้อย นางรับอาวุธเหล่านั้นมาพร้อมเร่งรีบ ออกไปจากห้อง
หินใต้ดินแห่งนี้โดยทันที
หากเราก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ก็น่าจะขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณชั้น
เลิศขึ้นมาได้!” ฉินหยุนรู้สึกว่าพลังจิตของตน ตอนนี้ คล้ายจะเจออาการ
ตีบตันเข้า แน่นอนว่า อาการตีบตันนี้มีปัญหามาจากการที่เขาไม่ทราบวิธี
ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!
ขั้นตอนนี้ กล่าวกันว่ายากเย็นอย่างยิ่ง คนผู้หนึ่งจําเป็นต้อง ก้าวถึงขีดสุด
ของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เมื่อนั้นจะเผชิญหน้ากับโอกาสก่อนจึง
ค่อยก้าวข้ามไปได้
ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามากนัก อันที่จริง มี น้อยคนมาก
นักที่ทราบในเรื่องนี้ จะมีก็แต่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ที่ทราบถึง
กุญแจใน การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถือว่าเป็นคนละโลกกับผู้ฝึกตน ขอบเขต
กายวรยุทธ์” ฉินหยุนพึมพํากับตนเอง นึกย้อนถึงสิ่ง ที่หลันเฟิ งจินบอกต่อ
เขา หากผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า คิดอยากก้าวสู่ ขอบ
เขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาต้องฝึกฝนวัชระแก่นภายใน ให้ กลายเป็นแก่นเต๋า!
ด้วยแก่นเต๋า และวัชระกายวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เขาจะสามารถ ทานทนต่อ
ความร้ายแรงของขุมพลังได้
ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ คนผู้หนึ่งจําเป็นต้องชักนําพลังสู่ร่างกาย ขัดเกลา
วัชระกายวรยุทธ์ ท้ายที่สุดค่อยควบแน่นวัชระแก่น ภายในร่างกาย ที่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า อันดับแรกคือการก่อเกิดแก่นเต้ จากนั้น จึงค่อยฝึกฝน
วิชายุทธ์ที่ทรงพลังเพื่อขัดเกลากายเต๋า ฉินหยุนมองที่วัชระแก่นภายในทั้ง
สามของตนและส่ายหน้า เขา ยังไม่ควรคิดเรื่องก้าวสู่อีกขั้นในตอนนี้
เขาเพิ่งก้าวถึงขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เก้า หากเขาเร่งรีบคิดถึงเรื่อง
ขอบเขตวร ยุทธ์เต๋าจนเกินไป การฝึกตนของเขาอาจแตกซ่านได้ “ยังคงมี
เวลาอีกเกือบปี เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันเมื่อใกล้ถึงเวลา! หากเราไม่อาจเลื่อน
ระดับ ก็แค่ใช้พลังของวัชระแก่นภายในทั้งสาม ก็สมควรเพียงพอต่อสู้กับ
เชี่ยวหยางหลงได้แล้ว!” ฉินหยุนมองที่อาคมใหญ่ในห้องหิน เขาเริ่มนึกถึง
มนุษย์อสูร เดิมเขาวางแผนปล่อยให้โมโมได้พบกับมนุษย์อสูร เพื่อดูว่า
นางทราบเรื่องพวกเขาเพียงใด
ตอนนี้กลับมีสัตว์อสูรอยู่ด้านนอกเมือง เขาต้องเฝ้าระวังค่าย อาคมใหญ่
เพื่อให้การทํางานของอาคมเป็นไปอย่างไหลลื่น เขาไม่อาจก้าวออกจาก
ห้องนี้ได้แม้ครึ่งก้าว ระหว่างรอคอยเมิ่งเฟยหลิงกลับมา เขานึงนําเอาชุด
อุปกรณ์ ออกมาจัดทํายันต์สะกดกายรอเวลา นครราชาปีศาจกว้างใหญ่
หากสัตว์อสูรเข้าโจมตี ฝ่ายศัตรูย่อม ต้องส่งสัตว์อสูรจํานวนมากมา ด้วย
เหตุนี้ ฉินหยุนคิดว่าการ เตรียมยันต์สะกดกายไว้ก่อนเป็นเรื่องที่สมควรทํา
ตอนที่ 282 ศึกปะทะฝูงสัตว์อสูร
หลังจากฉินหยุนทํายันต์สะกดกายระดับสูงเสร็จไปสองแผ่น เมิ่งเฟยหลิ
งจึงค่อยกลับมา “พี่เฟยหลิง สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง? พวก
สัตว์ อสูรถอยกลับไปแล้วหรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
พวกมันถูกสังหารสิ้น! ลุงใหญ่ได้เสริมกําลังคนเข้าคุ้มกัน ประตูเมืองทุก
แห่ง แต่ละประตูจะถูกคุ้มกันโดยผู้อาวุโส ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ดังนั้นจึงไม่
มีทางเปิดออกจากภายในได้ แน่!” ขณะเมิ่งเฟยหลิงกล่าว นางนําเอาไข่
ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมา สองฟอง จากนั้นวางลงที่พื้นพร้อมหัวเราะ
ลุงใหญ่และคนอื่น ยินดีไม่น้อยที่ได้เห็นอาวุธวิญญาณซึ่งเจ้าขัดเกลาขึ้น
ดังนั้นจึง บอกให้ข้านําไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมาให้สองฟอง!”
เรื่องนี้ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรฟองเดียวก็เพียงพอแล้ว นี่มาก เกินไป!” ฉิน
หยุนลําบากใจที่จะรับ
อย่าได้ ลุงใหญ่เป็นกังวลด้วยซํ้าว่าเท่านี้ไม่เพียงพอ! เขาบอก ว่าอาวุธ
วิญญาณระดับกลางที่เจ้าขัดเกลาขึ้น ถือว่าเทียบเท่า ได้กับอาวุธ
วิญญาณระดับสูงหลายชิ้น พวกมันล้วนนับได้ว่า เป็นอาวุธวิญญาณ
ระดับสูงที่เหนือลํ้า!”
เมิ่งเฟยหลิงลูบไล้ ใบหน้าฉินหยุนก่อนยิ้มหวานให้ “น้องหยุน อย่าได้มาก
มารยาทต่อตระกูลเฉิงของเรา ให้รับ ก็รับไว้เสีย!”
ฉินหยุนไม่คิดพูดกล่าวเพิ่มอีก แม้เขามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร จํานวนหนึ่ง
แล้ว แต่ได้รับเพิ่มก็จะช่วยเป็นเสบียงสํารองแก่โม โมได้อีกนาน
อย่างไรแล้ว โมโมก็เคยบอกเอาไว้ ว่าหากนางคิดอยากจดจําผัง จารึก
กลับมา นางจําเป็นต้องใช้พลังงานไม่ใช่น้อย ยิ่งผังจารึกระดับสูงเพียงใด
มันก็จะยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้น เพียงนั้น ดังนั้นมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร
สํารองไว้ถือเป็นเรื่องดี
ฉินหยุนยังคงดําเนินการขัดเกลายันต์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เมิ่ง เฟยหลง
คอยรับชมอยู่ด้านข้าง แม้รับชมเรื่องราวซํ้าซากนางก็หาได้เบื่อไม่ ผ่านไป
ครึ่งวัน ประตูห้องหินพลันเปิดออก เมิ่งเถายิ้มกว้างเดิน เข้ามาพร้อมผู้
อาวุโสจํานวนหนึ่ง
องค์รัชทายาท ผู้อาวุโสใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะมาถึงแล้ว นี่เป็นหน่วย
อาจารย์จารึกที่เขานํามาด้วย ท่านสามารถปล่อย หน้าที่การบํารุงรักษา
อาคมต่อพวกเขาได้!”
เมิ่งเถาตอนนี้ยิ่งมา ยิ่งประทับใจในความสามารถของฉินหยุน ไม่ใช่ว่าทุก
คนจะสามารถอัญเชิญหน่วยอาจารย์จารึกที่เหนือ ลํ้าจากสาขาหลักของ
ตําหนักจารึกเทวะได้ แต่เพียงฉินหยุนส่ง พิราบสื่อสารออกไป พวกเขาก็
มาอย่างไม่อิดออด
ผู้อาวุโสใหญ่อยู่ที่ใดหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม ในที่สุดเขาก็ไม่ ต้องอยู่โยง
ที่นี่แล้ว
ด้านบน ตอนนี้กําลังไต่สวนเชี่ยอวี้เซ็นและคณะ ไปรับชม ด้วยกันดีกว่า!”
เมิ่งเถากล่าว
หลังจัดแจงให้หน่วยอาจารย์จารึกเข้าประจําการ ฉินหยุนและ คณะจึงขึ้น
ไปด้านบน เมิ่งเถานฉินหยุนและเมิ่งเฟยหลิงไปยังภูเขาเตี้ยไม่ไกลนัก ที่
นั่นคือคุกใต้ดิน เชียอวเซินและพลพรรคตอนนี้ ถูกขังแยกห้องขัง
นอกจากนี้ พวกเขายังถูกพันธนาการร่างกายไว้ พร้อมถูกราดด้วย
ของเหลวพิเศษเพื่อไม่ให้ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน จ้าวฉวนอยู่ในห้องขังของ
เชี่ยอวี้เซ็น เขาวันนี้สวมใส่ชุดเกราะ หนังสีดํา ท่าทีขึงขังอย่างยิ่ง พอฉิน
หยุนมาถึง เขาจึงเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านรู้จักคนผู้ นี้หรือขอรับ?”
แน่นอนว่าข้ารู้จักมัน แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะทําเรื่องเช่นนี้!” จ้าวฉวนส่ง
สายตาเย็นเยือกมองเชี่ยอวี้เซ็น
อาคมใหญ่คุ้มกันเมืองฉีเฟิ งถูกปิดการทํางานจากภายใน นี้ เป็นเชี่ยอวี้
เซินกระทํา? ท่านมั่นใจแล้วหรือขอรับ?”
เดิมฉินหยุนเพียงเกิดข้อสงสัย เขาไม่คิดว่าจ้าวฉวนจะยืนยันเรื่องนี้ได้
รวดเร็ว จ้าวฉวนวางมือที่ศีรษะของเชี่ยอวี้เซ็นและกล่าวเคร่งเครียด “เป็น
มันไม่ผิดแน่! ตอนนี้พวกเรากําลังหาจากตัวมัน ว่าผู้ใด เป็นคนบงการ! ขั้ว
อํานาจเบื้องหลังมันย่อมไม่ธรรมดา ถึงขั้น รวมตัวกันมนุษย์อสูร ข้า
ประหลาดใจนักว่าพวกมันรับมือกับ พวกมนุษย์อสูรได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสใหญ่ ชายคนนี้รู้อะไรบ้าง? ท่านเพียงถามหรือ?” ฉิน หยุนสงสัย
จึงเอ่ยถาม
ให้ข้าได้ลอง!” จ้าวฉวนนําเอายันต์ออกมา วางแปะไว้ที่ หน้าผากเชี่ยอวี้
เซ็น จากนั้น ยันต์จึงทํางาน ที่ได้เห็นตอนนี้คือ สีหน้าของเชียอวี้เซิน
แปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล
จ้าวฉวนเอ่ยถาม “ผู้ใดบอกให้เจ้าไปยังเมืองฉีเฟิง และทําลาย อาคมใหญ่
คุ้มกันเมือง?” กระดาษที่หน้าผากทอแสงวูบ ปรากฏลําแสงสีแดงสาดส่อง
ออกมา
เชียอวี้เซ็นค่อยเปิดปากเชื่องช้าและกล่าว “เป็นชายในชุดดํา เขาสัญญา
ต่อข้า ว่าจะให้ชุดผังวิญญาณระดับสูงหากทํา ได้สําเร็จ”
แล้วมันได้มอบผงวิญญาณแก่เจ้าหรือไม่?" จ้าวฉวนเอ่ยถาม อีกครั้ง
ไม่ เขากล่าวว่า หลังข้าทําลายอาคมใหญ่ของนครราชาปีศาจ เขาจะให้
ข้ารวบยอดในคราวเดียว” ขณะเชี่ยอวี้เซินกล่าวคํา จบ ยันต์จึงสลาย
กลายเป็นขี้เถ้า
จ้าวฉวนขมวดคิ้ว “ชายในชุดดําหรือ? ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเก็บ ตัวเป็น
ความลับยิ่ง! ชายคนนี้หาได้รู้อันใดไม่! ทว่าในเมื่ออีก ข้อเสนอของอีกฝ่าย
ให้ได้เพียงนี้ ย่อมต้องเป็นขั้วอํานาจหนึ่ง”
เมิ่งเถากล่าวคําเคร่งเครียด “ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม หรือ?
นอกจากตําหนักจารึกเทวะแล้ว ก็มีแต่พวกเขาจึง สามารถเสนอผัง
วิญญาณระดับสูง!”
เรื่องนี้ยังไม่อาจมั่นใจ! สิ่งสําคัญที่สุดตอนนี้ คือแจ้งเตือนเมือง ใหญ่ให้
เพิ่มความระวัง คุ้มกันค่ายอาคมใหญ่ไว้ให้ดี!” จ้าวฉวน เผยท่าที่
เคร่งเครียด เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยถามเสียงเบา
หากเป็นตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม เช่นนั้นจะมีแรงจูงใจอันใด
กัน?” จ้าวฉวนกล่าว
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม มีทั้งสิ้นห้า ตําหนักที่เป็นขั้วอํานาจ
ภายใน ตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสี ครามไม่ใช่ผู้ที่ทําเรื่องนี้แน่! ทุกคน
ต่างทราบ ฝ่ายที่ยุ่งเกี่ยวกับ เรื่องของจักรวรรดิต่าง ๆ มากที่สุดคือตําหนัก
ตะวันตกและ ตําหนักทิศใต้”
สาเหตุที่พวกเขาอาจกระทําเรื่องนี้ ก็เพราะต้องการหยิบยืม พลังของ
เผ่าพันธุ์มนุษย์อสูร ทําให้จักรวรรดิเทียนฉินอ่อนแรง ลง รวมถึงตําหนัก
จารึกเทวะด้วย! ตั้งแต่ที่ฉินหลงกลับมาและ ควบคุมจักรวรรดิเทียนฉิน
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็ ไม่อาจควบคุมจักรวรรดินี้ได้อีก”
อีกทางหนึ่ง พวกเราตําหนักจารึกเทวะ มักเป็นก้างขวางคอ พวกมันเสมอ
มา ทําให้พวกมันไม่อาจใช้แรงงานทาสอย่าง โหดเหี้ยม ทําให้พวกมันไม่
อาจได้รับพลังอํานาจและสิทธิ์ต่าง ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะไม่
เกลียดชังพวกเรา!” ฉินหยุนกล่าวตอบ
มีความเป็นไปได้ด้วยว่าพวกมันคิดขยาย กองกําลัง! หากคิดร่วมมือกับ
มนุษย์อสูร เช่นนั้นพลังโดยรวม ของพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นมาก หากบุก
โจมตีเมือง ทั้งมนุษย์ อสูรและสัตว์อสูร จะกลายเป็นได้รับอาหารปริมาณ
มหาศาล พละกําลังของพวกมันจะมีแต่เพิ่มมากขึ้น!”
เรื่องนี้ยังไม่อาจมั่นใจ หวังว่าพวกมันจะไม่ทําเช่นนี้ หากพวก นั้นทําจริง
ก็ถือว่าน่ากลัวผิดมนุษย์แล้ว!” ใบหน้าจ้าวฉวน เปี่ยมด้วยความกังวลและ
เคร่งเครียด
หากมนุษย์อสูรได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ ได้รับอาวุธและ เรียนรู้
เคล็ดวิชาของมนุษย์ พละกําลังของพวกมันย่อมต้อง เพิ่มขึ้นมหาศาล ถึง
ตอนนั้นจะน่ากลัวเกินบรรยาย
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นบังเกิด พื้นดินสั่นสะเทือน ที่แห่งนี้เกิดสั่นขึ้น เล็กน้อย
พวกสัตว์อสูรโจมตี!” เมิ่งเถาร้องตะโกน
ออกไปดู สถานการณ์!” จ้าวฉวนพยักหน้ารับ
ข้าเองก็อยากเห็น ว่าพวกสัตว์อสูรที่ โจมตีครั้งนี้มีรูปแบบเช่นไร หากเป็น
จริง เช่นนั้นพวกเราก็ มั่นใจได้ว่ามีมนุษย์คอยช่วยเหลือพวกมัน!”
มนุษย์อสูรสามารถควบคุมสัตว์อสูร ทั้งยังมีมนุษย์มอบกลยุทธ์แก่มนุษย์
อสูร หากร่วมมือกันขึ้นมาจริง จะเป็นภัยคุกคาม ร้ายแรง!” ฉินหยุนตาม
เมิ่งเถาและคณะออกจากคุกใต้ดิน บินไปยังประตูเมือง
เมื่อถึงกําแพงเมือง พวกเขาจึงเห็นพวกสัตว์อสูรหลายร้อยตัวที่ สีสัน
แตกต่างกันออกไป บ้างก็ตัวเล็ก บ้างก็ตัวใหญ่
ในช่วงเวลาเย็นคํ่าเช่นตอนนี้ สัตว์อสูรตัวแล้วตัวเล่าจึงถูกแสง ตะวันอัสดง
ปกคลุม ยิ่งขับเน้นให้พวกมันดูน่าขนลุก ราวกับ พวกมันเป็นผู้นําพาความ
มืดมายามเมื่อตะวันลาลับฟ้า!
ฝูงสัตว์อสูรพลันระเบิดเสียงร้องคําราม แทบสั่นสะเทือนพื้น โลกได้ ฝูง
สัตว์อสูรเรียงรายที่หน้าเมือง วิ่งพุ่งเข้ามายังที่ประตูเมือง!
สัตว์อสูรตัวใหญ่รับหน้าที่เข้ากระแทกประตูเมือง ขณะที่ตัวเล็ก คอยอยู่
ไกลออกไป จัดตั้งกลุ่ม รอคอยให้ประตูเมืองเปิดออก องครักษ์ชั้นหัวกะทิ
หลายสิบคนที่จ้าวฉวนนํ้ามาด้วย กําลังยืน รอคอยอยู่บนกําแพงเมือง
สัตว์อสูรฝูงใหญ่ด้านนอกเมืองรูปลักษณ์คล้ายแรด ด้วยนอ ขนาดใหญ่
ของมันราวถังเก็บนํ้า ขณะนี้กําลังวิ่งพุ่งเข้าปะทะกับ ประตูเมือง เพราะ
อาคมใหญ่คุ้มกัน พวกมันจึงไม่อาจทําอะไรประตูเมืองได้ ไม่เช่นนั้น เพียง
ไม่นานประตูเมืองได้ถูกทําลายจนสิ้นอย่าง แน่นอน
ลงมือเลยแล้วกัน! สัตว์อสูรเหล่านี้ก็แค่ระดับเก้า ส่วนใหญ่ เป็นระดับเจ็ด
และแปดด้วยซํ้า ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก! แน่นอนว่าหากประตูเมืองเปิด
กว้าง จะกลายเป็นรับมือพวกมัน ได้ยากขึ้นมา!” จ้าวฉวนกล่าว เมิ่งเถา
พยักหน้ารับ ด้วยเสียงตะโกนดัง เขาทะยานลงจาก กําแพงเมือง พร้อมกัน
นี้ จ้าวฉวนก็นําองครักษ์ชั้นหัวกะทิของ ตําหนักจารึกเทวะ กระโดดลงจาก
กําแพงเมืองไปพร้อมกัน
แม้ยังมีอาคมใหญ่ พวกเขาสามารถออกจากภายในไปได้ ทว่า ไม่อาจเข้า
จากด้านนอก ผู้ฝึกตนที่เฝ้าระวังเมืองต่างก็กระโดดลงไปเช่นเดียวกัน ฉิน
หยุนยืนหยัดด้านบนสุดของกําแพงเมือง ควบคุมกระบี่แก่น จิตสับฟันสัตว์
อสูรตัวเล็กจากระยะไกล เขาตอนนี้เรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมถึงขั้น
สมบูรณ์แบบ เขา สามารถควบคุมอาวุธบินไปไหนมาไหนได้ในระยะหนึ่ง
พันเมตร หรือเกินกว่านั้นเล็กน้อย เพื่อสังหารสัตว์อสูรได้อย่างไม่ ยากเย็น!
สัตว์อสูรทุกตัวในระยะหนึ่งพันเมตร เขาล้วนสามารถสังหาร พวกมันได้
อย่างแม่นยํา นับตั้งแต่เริ่มศึก เสียงร้องครํ่าครวญของสัตว์อสูรดังขึ้นครั้ง
แล้ว ครั้งเล่า สัตว์อสูรเหล่านี้หาได้มีสติปัญญา ดังนั้นพวกมันจึงถูก
กําราบได้โดยง่าย
ดูทางนั้น!” เขาชี้นิ้วออกไปทางด้านหน้า
สัตว์อสูรอีกฝูงหนึ่งมาถึงแล้ว!” ฉินหยุนตะโกนขึ้น “ระวัง ตัว!”
ไกลออกไป สัตว์อสูรอีกฝูงหนึ่งปรากฏตัวขึ้น จากออร่าที่พวก มัน
ปลดปล่อยออกมา พละกําลังหาได้อ่อนด้อยกว่าฝูงแรกไม่ จ้าวฉวนและ
ผู้อื่นที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พลันพุ่งเข้าหาฝูง สัตว์อสูรโดยทันที
มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณ!” จ้าวฉวนตะโกนตื่นตระหนก ฉินหยุนเองก็
ตระหนก พวกมันถึงขั้นส่งสัตว์อสูรระดับวิญญาณ มา
เขาเคยคิด ว่าพวกมนุษย์อสูรอย่างมากก็ควบคุมได้แค่สัตว์อสูร ระดับที่
เก้า เขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกมันมีความสามารถควบคุม สัตว์อสูรระดับ
วิญญาณ นี่ออกจะน่ากลัวเกินไปแล้ว “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านรับมือไหว
หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนตะโกนถาม
ไม่มีปัญหา!” จ้าวฉวนนําเอาไม้คทาสีแดงทองออกมา ไม้คทา นี้แกะสลัก
ผังจารึกมังกรเอาไว้ มันกําลังส่องแสงสีแดงทองส ว่าง ภายใต้เวลาเย็น
เกือบมืด มันยิ่งส่องสว่างเป็นพิเศษ จ้าวฉวน ผู้ซึ่งอยู่กลางอากาศ กวัด
แกว่งไม้คทาออกส่งเป็น กระแสเปลวเพลิงพุ่งออก เปลวเพลิงคํารามร้อง
ปะทะกับ พื้นดิน เข้าปกคลุมฝูงสัตว์อสูรที่พุ่งเข้าหาเขาราวบ้าคลั่ง เมื่อ
มังกรอัคคีเข้าปะทะกับฝูงสัตว์อสูร ร่างพวกมันระเบิดออก เสียงดังสนั่น
แรงระเบิดเกิดขึ้นเป็นสีแดงทองสุกสว่าง พวก สัตว์อสูรแตกกระจาย
กลายเป็นเถ้าธุลี!
กระดูกที่ระเบิดออกจากร่างสัตว์อสูร กระจายออกรอบด้านแทง ทะลุร่าง
ของสัตว์อสูรตัวอื่นใกล้เคียง ทําให้พวกมันเกิดบาดเจ็บ เป็นวงกว้างทั้งยัง
ร้ายแรง หลังสังหารสัตว์อสูรฝูงใหญ่ จ้าวฉวนจึงพุ่งเข้าปะทะกับสัตว์ อสูร
ตัวใหญ่ที่สุด มันเป็นหมาป่ าสีทองร่างใหญ่ ตามตัวปกคลุม ด้วยหนาม
แหลม ทั้งยังมีสามตา ดูแข็งแกร่งยิ่ง
พละกําลังของผู้อาวุโสใหญ่น่าทึ่งนัก!” ฉินหยุนอุทานร้องขึ้น
อืม ลุงใหญ่และผู้อื่นยังห่างไกลนักหากเทียบกับผู้อาวุโส ใหญ่!” เมิ่งเฟย
หลิงพยักหน้ารับเห็นด้วย ท้องฟ้าเริ่มมืด ทว่าภายนอกประตูเมือง เปลว
เพลิงกําลังลุก โชนเด่นชัดในท้องฟ้า ไม้คทามังกรในมือจ้าวฉวน กําลังส่อง
แสงเรืองรองออก สว่างวาบปกคลุมพื้นที่รอบนอกประตูเมือง
ไม้คทามังกร สมควรแกะสลักผังจารึกมังกรเอาไว้แล้ว!” ฉิน หยุน
พิจารณามันขณะร้องอุทาน “ไม่เคยคิดเลยว่าผังจารึกโท เทมจะสามารถ
แกะสลักที่อาวุธ นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!”
ที่ประตูเมือง ฉินหยุนขว้างปายันต์สะกดกายลงไปเพื่อ ช่วยเหลือผู้ที่รับศึก
อยู่ด้านล่าง แน่นอนว่ากระบี่ของเขาหาได้ว่างเว้น พวกมันสับฟันสังหาร
สัตว์อสูรไปจํานวนมาก เป็นผลให้เมิ่งเฟยหลิงต้องรับชมด้วย ความอิจฉา
ไม่น้อย นางคิดอยากลงไปรับศึกสัตว์อสูรด้วยตัวเอง ทว่าเมิ่งเถาและ
คณะไม่ยินยอมให้นางลงไป เพราะเหตุนั้น นางจึงได้แต่รับชม อยู่บน
กําแพงเมืองพร้อมฉินหยุนที่มีกระบี่แก่นจิตบินไปมา
เสี่ยวหยุนดูทางนั้น ใช่สัตว์อสูรบินได้หรือไม่?” นางเมื่อไม่มี อะไรทํา
ดังนั้นจึงสามารถกวาดสายตามองรอบด้าน ฉินหยุนหันมองทิศทางที่เมิ่ง
เฟยหลิงชี้ไป เป็นจริง มีร่างสีดํา กําลังบินเข้ามา นอกจากนี้แล้ว เขายัง
สามารถเห็นแสงริบหรี่ ในดวงตาของมันเป็นครั้งคราวแม้ไกลเพียงนี้
นั่นจะต้องเป็นมนุษย์อสูรแน่ มันจะต้องอยู่ที่นั่นคอยสังเกตดู
สถานการณ์! ให้ข้าตามมันไปดู!” ฉินหยุนกล่าวออก “หากผู้อาวุโสใหญ่
และผู้อื่นตั้งคําถามต่อเรื่องของข้า ให้บอกพวกเขา ว่าข้าตามรอยมนุษย์
อสูรไป บอกพวกเขาว่าอย่าได้เป็นห่วง!”
ตอนที่ 283 เทือกเขามนุษย์อสูร
จากสถานการณ์ปัจจุบัน การบุกโจมตีของพวกสัตว์อสูรสมควร แพ้พ่าย
มนุษย์อสูรบินได้ที่รับชมการศึกจากระยะไกล ย่อมต้องกลับไป รายงาน
เรื่องนี้ ฉินหยุนคิดอยากทราบ ว่ามนุษย์อสูรที่ร่วมมือและสั่งการกับ สัตว์
อสูรโจมตีเมืองทําได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตาม สะกดรอยมนุษย์
อสูรบินได้
น้องหยุน รอเดี๋ยว...” ขณะเมิ่งเฟยหลิงตะโกน ฉินหยุนกระ โดดลงจาก
กําแพงเมือง วิ่งไล่ตามมนุษย์อสูรบินได้ก่อนจะหาย วับไปในความมืด
ฉินหยุนใช้พลังเงา มุ่งหน้าไปยังทิศทางของมนุษย์อสูรบินได้ จาก
ภาคพื้นดิน ไม่ช้า เขาก็ถึงเบื้องล่างที่มนุษย์อสูรบินได้อยู่ หลังสํารวจ
ระแวดระวัง เขาพบว่านี่เป็นมนุษย์อสูรจริง ด้วย ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่
กลับมีปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่แผ่นหลัง ทั้ง ยังมีขาเป็นเหยี่ยว พร้อมด้วย
กรงเล็บคู่แหลมคม ขนนกปกคลุม ร่างกายเอาไว้ และมีหัวเป็นเหยี่ยว
พละกําลังของเจ้านี่ไม่น้อยเลย พิจารณาจากออร่าแล้ว น่าจะ เทียบเท่าผู้
ฝึกตนมนุษย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า”
ฉินหยุนตอนนี้อยู่ห่างจากประตูเมืองราวสามพันเมตร ตอนนี้ ภายนอกมืด
สนิท กระทั่งเกิดแสงวูบวาบผ่านมาทางนี้ เขาก็ไม่ มีทางถูกพบเห็น มนุษย์
นกหาได้พบฉินหยุนไม่ กลับกัน มันเอาแต่กระพือปีกไป มาคอยรับชม
สมรภูมิรบจากระยะไกล
ไม่นานจากนั้น การศึกที่นอกประตูเมืองค่อยลดระดับลง พื้นดิน ตอนนี้
เปี่ยมไปด้วยร่างศพของสัตว์อสูร มีเพียงแต่คนได้รับ บาดเจ็บ ไม่มี
ผู้เสียชีวิต การศึกจบลงแล้ว สัตว์อสูรกว่าพันตัวที่บุกโจมตีเมือง ถูก
กําราบจนสิ้น!
ทางหนึ่ง ก็เพราะนครราชาปีศาจเตรียมการเป็นอย่างดี อีกทาง หนึ่งก็
เพราะ จ้าวฉวนและองครักษ์ชั้นหัวกะทิของตําหนักจารึก เทวะก็อยู่ที่นี
นอกจากนี้ มนุษย์อสูรคิดว่าอาคมใหญ่สมควรได้คณะของ เชี่ยอวี้เซ็น
ทําลาย ทําให้สามารถบุกเข้าเมืองได้ มนุษย์อสูรไม่คิด ว่าแผนการทั้งหมด
พังครืนลงมาเพราะฉิน หยุน ทั้งยังเปิดเผยแผนการของพวกมันด้วย!
หลังการศึกจบลง มนุษย์นกบินขึ้นฟ้าจากไปอย่างเร่งรีบ ก่อนหน้านี้ ฉิน
หยุนรวบรวมออร่าของมนุษย์นกไว้แล้ว ด้วย การใช้ออร่า เขาจึงขัดเกลา
ยันต์ไล่ล่าวิญญาณ
เมื่อเขาใช้ยันต์ไล่ล่าวิญญาณนี้เพื่อไล่ตามศัตรู โอกาสสําเร็จย่อมมีมาก
แม้ฉินหยุนบินได้ เขาไม่คิดตามมนุษย์นกไป เหตุผลหลักก็ เพราะมนุษย์
นกมีความเร็วสูง หากเขาไล่ตามด้วยความเร็ว จะ ง่ายต่อการปลดปล่อย
ออร่ารั่วไหลออกไป มันคงไม่ดีนักหากเขา ถูกพบเห็นโดยมนุษย์นกเข้า
มนุษย์อสูรที่สารเลว ข้าคือองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนฉิน กล้าดีอย่างไร
ถึงเล็งเป้าหมายมายังเมืองของข้า!” ขณะฉินหยุน ขัดเกลายันต์ขึ้น เขาก็
สบถค่าไปด้วยความโกรธแค้น ที่ทําเขาโกรธแค้นที่สุด คือมีความเป็นไปได้
สูงที่ตําหนัก ตะวันตกและตําหนักทิศใต้จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เขาต้อง
หาทางรู้ให้ได้ ว่าผู้ใดที่บงการและก่อการเรื่องนี้ หลังฉินหยุนขัดเกลายันต์
ไล่ล่าวิญญาณแล้ว เขาจึงใช้งานมัน ตรวจสอบทิศทางที่มนุษย์นกจากไป
จากนั้นจึงเริ่มการไล่ล่า
นครราชาปีศาจอยู่ชายแดนของจักรวรรดิเทียนฉิน กองทัพ มนุษย์อสูรก็อยู่
ที่ชายแดนซึ่งเป็นภูเขาลูกใหญ่ ดังนั้นถือได้ว่า อยู่ไม่ไกลจากกันนัก ไม่
นานหลังไล่ตาม ฉินหยุนจึงออกจากเขตแดนประเทศเข้าสู่ พื้นที่ภูเขา
ภูเขาแห่งนี้แห้งแล้ง สาเหตุก็เพราะพวกมนุษย์อสูร ครั้งหนึ่ง มันเคยเป็น
ภูเขาที่ธรรมชาติงดงามยิ่ง
นี่ต้องเป็นเทือกเขาของมนุษย์อสูร! ตั้งแต่ยังเยาว์ เราเคยได้ ยินบ่อยครั้ง
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นกับตา!” ฉินหยุน ระแวดระวังผ่านเส้นทางแห้ง
แล้งของเทือกเขา ไม่ต้องกล่าวถึงตัวเขา กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
หลาย คน ก็ไม่กล้าเข้ามาที่เทือกเขาแห่งนี้ ยอดฝีมือหลายคนของ
คฤหาสน์ราชาปีศาจ ก็ยังไม่เคยเข้ามา ที่นี่ตลอดชั่วชีวิต เพราะอันตรายที
มากล้นของสถานที่แห่งนี้ ตํานานกล่าวว่า พวกมนุษย์อสูรปรากฏตัวหลัง
จักรวรรดิเทียน ฉินก่อตั้ง และเป็นการปรากฏตัวอย่างปุบปับเสียด้วย
มนุษย์อสูรที่ปรากฏตัวในช่วงนั้น พวกมันแข็งแกร่งยิ่ง พวกเขา ต้องเสีย
กําลังทหารไปมากมายเพื่อเข้าต่อกรกับพวกมนุษย์อสูร ที่เทือกเขาแห่งนี้
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนับถือพละกําลังของมนุษย์นก ความเร็ว ของมัน
กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ายังยากไล่ตามได้ทัน
ไอ้เจ้านี่น่าจะกลับไปที่รัง! ต้องไล่ตามโดยเร็ว จะได้ดักฟังพวก มัน
สนทนากัน!” ฉินหยุนเข้าสู่เทือกเขามนุษย์อสูร พร้อมกันนี้ เขาก็วิ่งไล่ตาม
ด้วยความเร็วสูงยิ่ง กลางดึก เขาค่อยเข้าถึงส่วนลึกของเทือกเขา ยิ่งมายิ่ง
เข้าใกล้ สถานที่ซึ่งมนุษย์นกกําลังอยู่ ระหว่างทาง เขาได้เห็นมนุษย์อสูร
จํานวนไม่น้อย เขาไม่คิดเคลื่อนไหว เพียงหลบเลี่ยงพวกมันและไล่ตามแต่
เป้าหมาย ตั้งแต่เข้ามาในเทือกเขา ฉินหยุนจึงทําความเข้าใจต่อจํานวน
ของมนุษย์อสูรโดยคร่าว มันทําเขาประหลาดใจไม่น้อย
ที่นี่มีมนุษย์อสูรอยู่มาก แต่เขาไม่ทราบเลยว่าพวกมันหากินกัน อย่างไร
หากเมืองมนุษย์ไม่มีค่ายอาคม คงถูกมนุษย์อสูรพวกนี้ทําลาย ไปนาน
แล้ว!” ฉินหยุนถอนหายใจอยู่ภายใน
บุคคลผู้ซึ่ง ค้นพบผังจารึกและสามารถจัดตั้งค่ายอาคม ช่างเป็นอัจฉริยะ
โดยแท้!”
หลังจากมนุษย์นกเข้าสู่เทือกเขามนุษย์อสูร ความเร็วของมันก็ เชื่องช้าลง
นี่ก็เพราะในเทือกเขา ตลอดช่วงเวลา ลมเย็นเยือกและชั่วร้าย จะพัดผ่าน
กระทั่งมนุษย์อสูรยังไม่อาจต้านทานได้ ด้วยเหตุนี้ ตลอดช่วงเวลา
กลางคืน มนุษย์อสูรที่อ่อนแอจะหลบ ซ่อนในถํ้าไม่คิดออกมา ลมเย็น
เยือกนี้หาได้ส่งผลต่อฉินหยุนไม่ หลังวิ่งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตาม
มนุษย์นกได้ทัน มนุษย์นกที่บินอยู่บนฟ้า พลันร่อนลงที่ข้างภูเขาขนาด
ใหญ่
พอฉินหยุนเห็นดังนี้ เขาจึงจดจําตําแหน่งและระมัดระวังใช้งาน ก้าวอัคคี
เมฆาไล่ตามไป เมื่อเข้าใกล้ภูเขา เขาจึงหยุดใช้ก้าวอัคคีเมฆา จากนั้นจึง
ปีนขึ้น เพื่อเข้าในถํ้า ถํ้าแห่งนี้ไม่มีมนุษย์อสูรเฝ้าที่หน้าถํ้า เพราะบริเวณนี้
เป็นอาณา เขตของมนุษย์อสูรที่แข็งแกร่ง พวกที่อ่อนแอหากเข้ามาจะถูก
สังหาร
นอกจากนี้ ที่นี่ไม่เคยมีมนุษย์เข้าถึงมาก่อน ดังนั้นมนุษย์อสูรใน ละแวกนี้
จึงไม่เคยระวัง ฉินหยุนระแวดระวังเต็มที่ขณะเดินไปตามเส้นทางเข้าสู่
ส่วนลึก ของถํ้า ไม่ช้า เขาจึงได้เข้ามาในห้องหินกว้างขวาง มนุษย์นก
ตอนนี้ กําลังเดินไปมาในห้องโถงกว้าง ท่าที เคร่งเครียด
มีคนมา!” ฉินหยุนพลันได้ยินเสียง เขาเร่งรีบหลบซ่อนใน ทางเดินที่มุ่ง
หน้าไปยังห้องหิน
ฉินหยุนไม่กล้าออกไป เขาเป็นกังวลว่าจะถูกพบตัวเข้า หลบ ซ่อนในทาง
เดินนี้ปลอดภัยกว่า ทั้งยังสามารถได้ยินเสียง ภายนอก

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น