วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

1800-1900

“ย่อมไม่เป็นไร! การทํายันต์ถือว่าง่าย มันไม่ได้ยากเช่นอุปกรณ์ วิญญาณ
หรือการติดตั้งอาคม ดังนั้นข้าจึงสามารถทํายันต์ วิญญาณที่เหนือกว่า
ระดับการฝึกฝนได้” ฉินหยุนกล่าวคําจบจึงโยนกระดูกสัตว์จํานวนมากเข้า
ไปในเตาหลอม แปรเปลี่ยน พวกมันเป็นก้อนโคลนเหลว เขากระทั่ง
สามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เพียง นํากระดูกขัดเกลา
ออกเป็นแผ่นเพื่อทํายันต์กระดูกชั้นเลิศย่อม ไม่ใช่ปัญหา ผ่านไปสี่ชั่วโมง
กระทั่งว่าแปรสภาพจากกระดูกเป็นแผ่น พวก มันกลับบางราวกระดาษ
“ป้าเชี่ยว รบกวนใช้วัชระพลังภายในขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถ่ายเทเข้าใส่แผ่น
กระดูกเหล่านี้หน่อย” ฉินหยุนยินดียิ่งที่มีผู้ฝึก ตนขอบเขตวรยุทธ์เด็ร่วม
ทางมาด้วย วัชระพลังภายในของ ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่ถ่ายเทให้ จะทําให้
ยันต์ของเขาแข็งแกร่ง มากขึ้น เชี่ยวเสวียนฉินทําดังที่ฉินหยุนว่า นาง
ปลดปล่อยวัชระพลัง ภายในออกอย่างตั้งใจ ทั้งหมดถ่ายเทเข้าสู่แผ่น
กระดูก จนกระทั่งวัชระพลังภายในของนางไม่อาจส่งเข้าไปได้อีก จึง ค่อย
เปลี่ยนเป็นอีกแผ่นหนึ่ง
นางพบว่าการทํายันต์วิญญาณชั้นเลิศนี้กลายเป็นน่าสนใจ ขึ้นมา นาง
ยอมลดตัวเป็นลูกมือช่วยงานฉินหยุน ฉินหยุนนําเอาปากกาลึกลํ้าสะท้อน
จิตออกมา เพ่งพลังจิต วิญญาณโลหิตเข้าไป เมื่อใส่พลังเข้าไปในปากกา
เขารู้สึก แปลกประหลาดโดยทันที ราวกับปากกานี้คือส่วนหนึ่งของตัว เขา
มันเชื่อมต่อกับมือของเขาอย่างสมบูรณ์ ที่ทําเขาตกใจที่สุดก็คือ
เมื่อทําการแกะสลัก เขาสามารถเห็น เบื้องล่างของปลายปากกา ราวกับมี
ดวงตาที่สาม เขาสามารถ เห็นทุกอย่างได้ชัดเจนกระจ่าง นี่หมายความถึง
เขาสามารถแกะสลักผังจารึกได้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น พลังที่ยันต์สามารถ
ปลดปล่อยออกมา ขึ้นอยู่กับความพิถีพิถัน ของการจารึกด้วยเช่นกัน
สําหรับอาจารย์จารึกส่วนใหญ่ ผังจารึกที่พวกเขาแกะสลัก ยากดูดซับและ
โคจรพลัง กระทั่งว่าพวกเขาทําได้สําเร็จ พวก เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ว่ามัน
วิจิตรงดงามหรือไม่แต่อย่างใด
กล่าวโดยทั่วไป ผังจารึกหยาบกระด้างสามารถปลดปล่อยพลัง ได้เพียง
หนึ่งในสิบ ผังจารึกที่ดีขึ้นมาหน่อยก็ปล่อยพลังได้เพียง สองถึงสามในสิบ
เท่านั้น หากสามารถทําให้ปลดปล่อยพลังได้สี่ถึงห้าในสิบของพลัง
ทั้งหมดที่ผังจารึกมี คนผู้นั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ จารึกที่เหนือ
ชั้น
โดยปกติแล้ว พวกเขาเหล่านั้นถือเป็นยอด ฝีมือชื่อเสียงโด่งดัง ราคาของ
อุปกรณ์วิญญาณและยันต์ วิญญาณที่พวกเขาทําขาย ล้วนแพงมหาศาล
ที่ตําหนักจารึกเทวะ ยังพอจะมีอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยผังจารึก อันวิจิตร
อยู่บ้าง ผัจารึกที่วิจิตรเหล่านั้นถูกแบ่งออกเป็นสิบ ระดับ เหนือกว่าระดับที่
สิบยังมีตํานานกล่าวถึงระดับ ปรมาจารย์และระดับเทวะ
แต่ระดับเหล่านั้นถือว่ายากยิ่งแก่ การเอื้อมถึง ก่อนหน้านี้ฉินหยุนเคย
ประเมินพลังของผังวิญญาณตนเอง พวกมันปลดปล่อยพลังออกมาได้ราว
สามในสิบ ถือว่าอยู่ ในช่วงระดับสามถึงระดับสี่ สําหรับอาจารย์จารึกอายุ
เยาว์เช่นเขา ระดับนั้นถือว่ายอดเยี่ยม
มากแล้ว นี่คือหนึ่งในเหตุผลว่าทําไมจ้าวฉวนจึงให้ค่าแก่เขา เอาไว้สูง เป็น
เพราะเขายังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก
“การครอบครองมีดแกะสลักที่ดี ทําให้ผู้คนสามารถจารึกผัง จารึกได้
แม่นยํามากขึ้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นด้วย” ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่า
ระดับความวิจิตรเบื้องหลังการจารึกของตน ตอนนี้ สมควรก้าวถึงระดับสี่
หรือห้าแล้ว แน่นอนว่า ผังจารึกที่เขาแกะสลักทั้งหมดล้วนเป็นผัง
วิญญาณ ระดับสูง ดังนั้นแล้วจึงยิ่งยากแก่การแกะสลักให้แม่นยําไม่ใช่
น้อย
นี่ถือเป็นการทดสอบความรู้และเข้าใจของอาจารย์จารึกผู้หนึ่ง ด้วย หากมี
ความเข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นของผังจารึก แบบนั้นแล้ว จะทําให้สามารถ
แกะสลักได้แม่นยําและวิจิตรงดงามได้มากขึ้น เชี่ยวเสวียนฉันกําลังวุ่นกับ
การทําแผ่นกระดูก นางเอ่ยถามฉิน หยุนไปหลายคําถาม แต่คล้ายฉินหยุน
ไม่ได้ยินนาง เขาเพียงแต่ตั้งใจกับปลายปากกา ความเร็วที่ปลายปากกา
เคลื่อนไหว แปรเปลี่ยนจากเร็วไปข้า
ขาไม่เคยตั้งใจขนาดนี้มาก่อน นี่ทั้งให้ความพยายามและเวลา มากขึ้น
กว่าแต่ก่อนไม่น้อย เชี่ยวเสวียนฉันเองก็ทราบว่าฉินหยุนกําลังใช้สมาธิ นี
เป็นครั้ง แรกที่นางได้เห็นท่าที่จริงจังขนาดนี้ของเขา โดยเฉพาะเมื่อจอง
มองใบหน้าที่จริงจัง มันยิ่งทําให้นางรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้หล่อ เหลาได้ถึง
เพียงนี้ เป็นผลให้นางรู้สึกคล้ายสูญเสียสติไปครู่ ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงตั้ง
อกตั้งใจแกะสลักยันต์สะกดกาย เขา ต้องการแกะสลักผังสะกดกายทั้งสิ้น
แปดชุด ทั้งหมดจะอยู่ใน แผ่นกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น!
ตอนที่ 263 ปะทะฝูงสัตว์อสูร
การแกะสลักผังวิญญาณระดับราชันถือเป็นเรื่องยาก แต่ฉิน หยุนเคยมี
ประสบการณ์แกะสลักผังวิญญาณชั้นเลิศมาก่อน ดังนั้นแล้ว สําหรับเขา
จึงไม่ใช่เรื่องยากต่อการทํายันต์สะกด กายชั้นเลิศ ใน นอกจากนี้ ยัง
วิญญาณที่เขาแกะสลัก ยังเป็นผังสะกดกาย เป็น เขาคุ้นเคยกับมันอย่างดี
ที่ยากก็คือต้องแกะสลักผังวิญญาณ หลายชุด เขาต้องทําให้พวกมัน
ประสานงานกันได้อย่างดีไม่มี ติดขัด นั่นคือส่วนที่ยาก เชี่ยวเสวียนฉันยืน
ข้างกาย นางรับชมฉินหยุนตั้งใจแกะสลักผัง วิญญาณ
นางไม่คิดพูดคุยกับฉินหยุน โดยหลักแล้วก็เพราะฉินหยุนกําลัง ใช้สมาธิ
ตอนนี้ราวกับเขาผสานรวมสมาธิทั้งหมดไปกับมีด แกะสลัก อื่นใดรอบ
ด้านล้วนไม่สนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนขาดความระวังเพียงนี้ โดยหลัก
แล้วก็ เพราะปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต
ปากกาด้ามนี้ ทําให้เขาตั้งสมาธิอย่างถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาอาจโดน
รบกวนครั้งแล้วครั้งเล่ายามต้องแกะสลักผัง วิญญาณ สองวันและสองคืน
ผ่านพ้น ตลอดเวลานี้เป็นเขาตั้งใจแกะสลัก ผังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
เชี่ยวเสวียนฉินผู้ซึ่งอยู่ด้านข้าง ขณะนี้ได้ตระหนักแล้วถึง ความสามารถ
ของฉินหยุน นางสามารถบอกได้ ว่าฉินหยุน เหนื่อยล้าอย่างหนัก แต่เขาก็
ยังสามารถคงสภาพสมาธิเอาไว้ เพื่อดําเนินการแกะสลักผังวิญญาณ
ต่อไป
เมื่อบุคคลเหนื่อย เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกทําให้วอกแวก โดยเฉพาะกับการ
ทํางานน่าเบื่อต่อเนื่อง มันเป็นการยากที่จะ ตั้งสมาธิ เชี่ยวเสวียนฉินเชื่อ
ว่าหากเป็นนางคงไม่มีความอดทนระดับนี้ ดังนั้นนางจึงประทับใจต่อฉิน
หยุนในเรื่องนี้ไม่น้อย สิ่งที่นางไม่ทราบคือ เมื่อฉินหยุนแกะสลักผัง
วิญญาณ ไม่ เพียงแต่เขาไม่รู้สึกเบื่อ กระทั่งรู้สึกถึงแรงบันดาลใจที่โถมเข้า
มา
และเพราะแรงบันดาลใจนี้เอง เขาจึงสามารถตั้งสมาธิอยู่ได้ “ในที่สุดก็
เสร็จ เหนื่อยยิ่งนัก!”
ในที่สุดฉินหยุนก็ได้รับชม ผลงานตนเองด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เป็นเขายินดี
จากก้นบึงของ หัวใจจริง “อาจารย์จารึกช่างน่าทึ่งนัก!”
เชี่ยวเสวียนฉันมองที่ยันต์ กระดูก เป็นนางต้องกล่าวออกด้วยความชื่นชม
“อย่างน้อย หากเป็นข้าคงทําต่อเนื่องสองวันเช่นนี้ไม่ได้แน่”
“สองวันแล้วหรือ?” ฉินหยุนคล้ายตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขา ตั้งใจกับการ
ทํายันต์ถึงระดับนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบเลยว่าเวลา ผ่านไปนานขนาดไหน
เชี่ยวเสวียนฉินรับยันต์สะกดกายชั้นเลิศไว้และร้องอุทานชื่นชม อีกครั้ง
“นี่เป็นยันต์กระดูกวิญญาณชั้นเลิศ เจ้าเพียงใช้เวลา สองวันทํามันขึ้น ข้า
ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ เท่าที่ข้าทราบ กระทั่งเป็นผู้มีชื่อเสียง อย่างน้อยก็
ต้องใช้เวลาสิบวันกว่าจะทํา ยันต์ชั้นเลิศขึ้นมาได้!”
“ทั้งหมดนี่ก็เพราะปากกาลึกลํ้าด้ามนี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าคงไม่ อาจทําได้
รวดเร็วเพียงนี้เช่นกัน!” ฉินหยุนหัวเราะรับคํา ชู ปากกาในมือให้เห็น เขา
กล่าว
“ทั้งหมดต้องขอบคุณป้าเชี่ยวที่ พาข้ามาที่นี่ เพราะเหตุนี้ข้าจึงได้รับ
สิ่งของยอดเยี่ยมเพียงนี้” เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ
“นี่ก็เพราะเป็นปากกาลึกลํ้าและเจ้าที่ ดึงดูดเข้าหากัน เป็นเจ้าที่เป็น
อาจารย์จารึกเหนือชั้น จึงมีแต่ เจ้าที่ใช้ปากกาด้ามนี้ได้”
“ป้าเชี่ยว ท่านคิดว่ายันต์กระดูกสะกดกายชั้นเลิศนี้ สามารถ รับมือกับ
สัตว์อสูรระดับวิญญาณได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“หากสามารถสะกดสัตว์อสูรระดับวิญญาณได้สักหลายวินาที ท่านมีกําลัง
พอสังหารพวกมันได้ใช่หรือไม่?” เชี่ยวเสวียนฉินจมดิ่งในความคิด คิ้ว
ขมวดเล็กน้อยขณะกล่าว
“ข้าไม่อาจรับปาก! มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณสองตัวด้านนอก หากเพียง
แค่หนึ่งคงไม่มีปัญหา”
“เอาแบบนี้เป็นไร พวกเรารับมือพวกมันคนละตัว!” ฉินหยุน ยิ้มกล่าว
ดวงตานั้นเผยความคาดหวังออกมา หลังฝึกฝนวัชระแก่นภายในทั้งสาม
เขายังไม่เคยสู้อย่างสุดตัว ตอนนี้ถือเป็นโอกาสหายากที่จะได้ต่อสู้กับสัตว์
อสูรระดับ วิญญาณ เป็นเขาคิดอยากทดสอบตนเองว่าแข็งแกร่งเพียงใด
แล้ว
“เจ้ามั่นใจหรือ?” เชี่ยวเสวียนฉินทราบว่าฉินหยุนแข็งแกร่ง แต่นางก็ยังคง
มีข้อกังขา
“ไม่อาจมั่นใจ แต่ข้าลองได้ กระทั่งว่าไม่อาจโค่นล้มสัตว์อสูร ระดับ
วิญญาณ อย่างน้อยข้าก็ไม่ตาย ยังพอสามารถถ่วงเวลา สัตว์อสูรระดับ
วิญญาณได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เป็นข้าคิดอยากทดสอบความแตกต่างระหว่างตนเองและสัตว์ อสูรระดับ
วิญญาณดู” หมีป่าซึ่งเป็นสัตว์ระดับวิญญาณด้านนอกทรงพลังยิ่ง ผิวหนัง
ของมันหยาบกร้าน เนื้อใต้ชั้นผิวหนังย่อมต้องหนา พลัง ป้องกันถือว่าต้อง
ไม่ใช่เล่นแน่นอน
“ได้! ถึงตอนนั้น พวกเราแต่ละคนรับมือสัตว์อสูรระดับ วิญญาณคนละตัว
แต่เจ้าต้องขัดเกลายันต์สะกดกายเพิ่มขึ้น เผื่อกรณีที่พวกเราไม่อาจ
จัดการมันได้ อย่างน้อยก็พอสร้าง จังหวะให้ใช้หลบหนี”
เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับเห็นด้วย ไม่ ว่าจะสามารถชนะได้หรือไม่ ตราบ
เท่าที่ไม่ถูกสังหารย่อมไม่ เป็นไร ฉินหยุนเริ่มขัดเกลายันต์สะกดกายต่อ
ขณะที่เชี่ยวเสวียนฉินไป ตั้งสมาธิเตรียมรับศึก
ถัดจากนั้นหลายวัน ฉินหยุนยิ่งมายิ่งคุ้นเคยกับการทํายันต์ สะกดกายชั้น
เลิศ ความเชี่ยวชาญต่อการใช้ปากกาสะท้อนจิต ของเขายิ่งลื่นไหล มันลื่น
ไหลยิ่งกว่าครั้งแรกที่เขาใช้งานไม่ น้อย
“ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตด้ามนี้ ถือเป็นสิ่งของที่ดีนัก ไม่ เพียงแต่ช่วยเพิ่ม
ความวิจิตรของผังจารึก แต่ยังช่วยให้ แกะสลักได้อย่างลื่นไหล! เป็นผู้ใด
สร้างมันขึ้นมากัน?” ฉินหยุนคุ้นเคยกับการใช้ปากกา เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงพลัง
อํานาจของ มันมากขึ้น น่าแปลก เมื่อเขาถือปากกาด้วยแขนราชสีห์สวรรค์
มันคล้าย ว่าเหมาะสมที่สุด หากเขาใช้แขนอีกข้างถือปากกา การ
แกะสลักจะไม่ลื่นไหลดังที่ควรเป็น
“ผังจารึกด้านในปากกาลึกลํ้าด้ามนี้คืออะไรกันแน่? กระทั่ง เรียกว่าราชัน
สัตว์! หรือจะเกี่ยวข้องกัน?” ฉินหยุนพลันนึกถึง เรื่องนี้ขึ้นมาได้ นี่เป็น
เพราะแขนราชสีห์สวรรค์เกี่ยวข้องกับ สัตว์ในทางตรง
“สี่แผ่น น่าจะพอแล้วกระมัง?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถามหลังรับ เอายันต์
กระดูกจากฉินหยุนที่ทําเสร็จแล้วมาถือไว้ ฉินหยุนใช้เวลาทั้งสิ้นห้าวัน
จัดทําขึ้นอีกสามแผ่น ถือว่ารวดเร็ว ยิ่งกว่าแผ่นแรกไม่น้อย
“ยังไม่พอ ให้ข้าได้ทําอีกสองแผ่น พวกเราจะได้มีกันคนละสาม แผ่น แบบ
นี้จะปลอดภัยยิ่งกว่า” ฉินหยุนมองที่เชี่ยวเสวียนฉิน ซึ่งกําลังช่วยถ่ายเท
พลังสู่ยันต์และยิ้ม
“ป้าเชี่ยว หากท่านไม่มี อะไรทําในภายหน้า ท่านสามารถอยู่ที่สถาบันยุทธ์
ชิงเสวียน คอยช่วยข้าได้นะ”
“ข้าก็คิดอยากช่วยอยู่หรอก แต่การที่ข้าจะเข้าสถาบันยุทธ์ซึ่ง เสวียนไม่ใช่
เรื่องง่าย นอกจากนี้ ข้ายังเป็นบุคคลมีค่าหัว”
เป็น เพราะครอบครองผงเขย่าวิญญาณ นางจึงถูกตั้งค่าหัวโดย หลาย
ฝ่าย รวมทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
“ง่ายดาย เพียงเข้าไปแบบไม่ระบุตัวตน ข้าจะช่วยท่านจัดการ เรื่องนี้ให้”
ฉินหยุนผ่านการขัดเกลายันต์มาหลายวันแล้ว
ตอนนี้เขาคิดอยากพักผ่อนสักครึ่งวัน ด้วยเหตุนี้จึงมีเวลาว่าง พูดคุยกับ
เชี่ยวเสวียนฉิน “ให้ข้ากลับไปหารือกับเย่ว์เหม่ยก่อน หากนางไม่ตกลง
เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีทางเลือก อย่างไรแล้วข้าก็ต้องดูแลนาง” เชี่ยวเสวียน ฉิน
หัวเราะออก
“เจ้าก็ทราบว่าเย่ว์เหม่ย หากข้าไม่อยู่ข้างนาง จะเป็นนางออกไปก่อ
ปัญหาทั่วทุกหนแห่งแน่”
“ข้าเข้าใจดี” ฉินหยุนยิ้มรับ
ผ่านไปอีกสามวัน ฉินหยุนจัดทํายันต์กระดูกชั้นเลิศเสร็จสิ้น ทั้งหมดหก
แผ่นเรียบร้อยา ทางด้านเชี่ยวเสวียนฉิน นางผสานพลังเข้าสู่ยันต์กระดูก
เรียบร้อยแล้วเช่นกัน นางกล่าวออก
“ฉินหยุน พักผ่อนก่อน ให้สภาพเจ้าดีพร้อม พวกเราจะได้มุ่งตรงออกไป
สังหาร หาก เป็นไปได้ด้วยดี พวกเราจะได้กําจัดสัตว์อสูรฝูงใหญ่” ขณะ
นางกล่าวคํา ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
หากพวกเขาทั้งสองกําจัดสัตว์อสูรฝูงใหญ่ได้จริง กล่าวไปคงไม่ มีผู้ใดเชื่อ
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นางถ่ายเทพลังเข้าสู่ยันต์กระดูก ชั้นเลิศมา
โดยตลอด นางจึงได้ตระหนัก ว่ายันต์พวกนี้ดูดกลืน พลังไปมหาศาล ยาม
เมื่อระเบิดพลังออก ย่อมต้องทรงอํานาจ อย่างแน่นอน เพราะเหตุนี้นางจึง
มั่นใจ "
“หากพวกเราสามารถสังหารสัตว์อสูรวิญญาณ เหอะ เหอะ กล่าวไปคงไม่
มีผู้ใดเชื่อ” เขาล้มตัวลงนอนกับหมอนนุ่ม สํารวจ มองเพดานของห้องหิน
วงกลมแห่งนี้ เขาคิดอยากออกไปกับ เชี่ยวเสวียนฉินเสียเดี๋ยวนี้เพื่อ
จัดการกับฝูงสัตว์อสูร หลังพักผ่อนมาวันหนึ่ง ฉินหยุนและเซี่ยวเสวียนฉิน
อยู่ในสภาพ พร้อมที่สุด พวกเขาออกจากห้องใต้ดิน กลับไปยังห้องสุสาน
หลัก แม้พวกเขายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดร่างศพจึงหายไป แต่พวกเขาก็ ได้รับ
จากสุสานนี้มาไม่ใช่น้อย
เมื่อออกพ้นจากสุสาน จึงเป็นตําหนักงดงามด้านหน้า “ฉินหยุน ปิดประตู
ทันทีเมื่อพวกเราออกไปแล้ว อย่าได้ให้หมี ป่าตนใดเข้าไปได้” เชี่ยวเสวียน
ฉินสํารวจมองห้องโถงงดงาม นางไม่ปรารถนาให้ที่นี่ได้รับความเสียหาย
ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“ภายนอกตอนนี้เป็นกลางคืน เมื่อถึงเวลา พวกเราจะเปิดประตูและหลบ
ซ่อนในความมืด พวกมันจะไม่ อาจหาตัวพวกเราพบได้ง่าย ๆ”
“พวกเราไม่จําเป็นต้องสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณโดยตรง เพียง หลบซุ่มและ
รอคอยเท่านั้น” เซี่ยวเสวียนฉันพยักหน้ารับ จากนั้นนางจึงประสานนิ้วกับ
ฉินหยุนเอาไว้แน่น ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดมือของนางก็ได้สัมผัสมือของ
ฉินหยุน อีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยยังคงมี ความรู้สึกแปลก
ประหลาดที่ไม่อาจกล่าวถึงเกาะกุมหัวใจของนางอีกครั้งอย่าง ไม่รู้ตัว
ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉิน ยืนเบื้องหน้าประตู กุญแจถูกนํา ออกมาเพื่อ
เปิด
ครึก ครึก ครึก ประตูเปิดเชื่องช้าทว่าเสียงดังสนั่น ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียน
ฉันแอบกังวลไม่น้อย ด้วยเสียงดัง ขนาดนี้ ฝูงหมีป่ าเหล่านั้นต้องรู้ตัวอย่าง
แน่นอน และก็เป็นดังที่คาด ผ่านรอยแยกประตูเล็กน้อย พวกเขาได้ยิน
เสียงหมีป่ากําลังร้องคําราม หลังจากที่ช่องว่างระหว่างประตูมากพอ เชี่ยว
เสวียนฉันจึงรีบ ดึงฉินหยุนออกไป
ทันทีเมื่อฉินหยุนออกมาพ้น เขาใช้กุญแจสัมผัสบานประตูเพื่อ ปิดมัน ห้วง
ดํามืดภายนอกและลมหนาวเย็นพัดผ่าน เสียงคํารามร้อง ของหมีป่าดัง
สะท้อนในช่องเขา เป็นผลให้บรรยากาศตอนนี้ทั้ง ชวนขนลุกและน่าสะ
พรึง
ฝูงหมีป่าบ้าคลั่งเร่งพุ่งกายเข้ามา ร่างใหญ่โตของพวกมันเป็น ผลให้
พื้นดินสั่นสะเทือน วิชาตัวเบาของเชี่ยวเสวียนฉันไม่แย่ ทั้งนางยังอยู่
ขอบเขตวร ยุทธ์เตํ่า ดังนั้นความเร็วจึงรวดเร็วไม่น้อย นางดึงฉินหยุนไป
พร้อมสับฝีเท้าเบาบาง ดอกบัวพลันบาน กลางอากาศ เพียงพริบตา นาง
ขึ้นมาเหนือท้องฟ้ากว่าร้อย เมตรแล้ว
ฝูงหมีป่าด้านล่างยังคงปะทะกับประตูหินราวบ้าคลั่ง ประตูหินของสุสาน
ราชวงศ์เทียนเชี่ยวแข็งแกร่งยิ่ง เป็นอีกครั้ง ที่มันถูกทุบกระแทกโดยสัตว์
อสูรระดับวิญญาณ ทว่ากลับไม่มี ร่องรอยความสะทกสะท้านใดเผยให้
เห็น “ฉินหยุน ให้ข้าไปล่อพวกหมีป่าออกไปก่อน ถึงตอนนั้น ตัวที่ วิ่งออก
หน้าย่อมต้องเป็นหมีป่ าระดับวิญญาณ ที่เจ้าต้องทําคือ ไล่ตามพวกมัน
และสังหารหมีป่ าระดับแปดและเก้า จน ท้ายที่สุดพวกเราค่อยรับมือกับ
หมีป่ าระดับวิญญาณด้วยกัน”
นี่เป็นแผนซึ่งเชี่ยวเสวียนฉันคิดขึ้น เป็นนางรวดเร็วมากพอ สัตว์อสูรระดับ
วิญญาณใดไม่อาจจับตัวนางได้ยามเมื่อออกวิ่ง ฉินหยุนพยักหน้ารับ พวก
เขาหลบซ่อนตัวในความมืด ดังนั้น หมีป่ าจึงไม่อาจพบเห็น เชี่ยวเสวียนฉิน
ปล่อยมือจากฉินหยุน เผยซึ่งออร่าของนางก่อน จะทะยานร่างลงไปในช่อง
เขา
ฝูงหมีป่าสัมผัสถึงออร่า พวกมันรีบเร่งไล่ล่านาง ไม่นานจากนั้น หมีป่า
ทั้งหมดจึงพุ่งเข้าไปในช่องเขา ไล่ล่าคิด สังหารเชี่ยวเสวียนฉินพร้อมส่ง
เสียงคํารามร้องไม่หยุด ฉินหยุนตามไปด้านหลังฝูงหมีป่า เขาควบคุม
กระบี่แก่นจิตสับ และฟันหมีป่ าระดับแปดและเก้าไปเรื่อย ด้วยฝึกฝนวัชระ
แก่นภายในทั้งสาม ตอนนี้พลังจิตของเขายิ่งมา ยิ่งแข็งแกร่ง ทั้งเขายัง
เชี่ยวชาญวิชาเทวะควบคุมถึงขั้น สมบูรณ์ เป็นเขาสามารถใช้งานพลังจิต
ควบคุมอาวุธและปล่อย การโจมตีรุนแรงออกได้
กระบี่แก่นจิตยังคงสับฟันต่อเนื่อง เกิดเป็นคลื่นโลหิตสาด กระเซ็นทั่วทุก
หนแห่ง หมีป่าตัวแล้วตัวเล่าร่างล้มลงกับพื้น แน่นิ่ง เชี่ยวเสวียนฉนลอย
ตัวกลางอากาศนําหน้าฝูงหมีป่า และเมื่อ นางหันกลับมองกระบี่บินไปมา
ราวภูตผีสังหารสัตว์อสูร นางอด ไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นเกรง เมื่อนางพบร่าง
หมีป่าตัวใหญ่โรยรากัน ไปทีละตัว นางยิ่งอึ้งทึ่งมากขึ้น
ตอนที่ 264 ภูติอสูร
เชี่ยวเสวียนฉินและเซี่ยวเย่ว์เหม่ยอาศัยอยู่ด้วยกัน ดังนั้นนาง จึงทราบว่า
สิ่งนี้คือเคล็ดวิชาเทวะควบคุม มันจําเป็นต้องมีพลัง จิตที่แกร่งกล้าจึง
สามารถใช้งานได้ ทว่านางไม่เคยคิดว่าจะได้ เห็นอํานาจของเคล็ดวิชานี้
กับตาตัวเอง นางเพียงเห็นเชี่ยวเย่ว์ เหม่ยควบคุมดาบยาวบินไปมาเท่า
นั้นเอง
ตอนนี้ ในที่สุดนางก็ได้เป็นประจักษ์พยานกับตา! ไม่นานจากนั้น หมีป่า
ส่วนใหญ่ยกเว้นหัวหน้าหมีสองตัวจึงตาย กันหมดสิ้น พวกที่ยังรอดชีวิต
แต่ร่วงโรยกับพื้น ก็ไม่อาจลุก ขยับขึ้นได้อีก
“ป้าเชี่ยว ข้าคิดใช้ยันต์แล้ว!” พอฉินหยุนกล่าวคํา เขาจึงส่ง ยันต์กระดูก
บินออกด้วยการโยนด้วยเสียง
ฟุบ ยันต์กระดูกระดับสูงระเบิดออกระหว่างหมีป่า ระดับวิญญาณทั้งสอง
ตัว สายลมกระโชกรุนแรงพัดเข้าใส่ ปก คลุมพื้นที่รอบด้านเกือบยี่สิบเมตร
ร่างหมีใหญ่ยักษ์ทั้งสองที่บ้าคลั่งไล่ล่าเชียวเสวียนฉินพลัน หยุดชะงัก!
เชี่ยวเสวียนฉินตะโกนร้องขณะนําพิณถือไว้ในมือ สายพิณเริ่ม สั่นไหว
จํานวนลําแสงนับไม่ถ้วนถูกยิงออก พวกมันล้วนเล็งที่ หัวของหมียักษ์ทั้ง
สองตัว “
ฉินหยุนอยู่ด้านหลัง เขาควบคุมกระบี่บินเข้าหาพร้อมสับฟัน เข้าที่
ด้านหลังของหมียักษ์ ผิวหนังของหมียักษ์ค่อนข้างหนาไม่น้อย กระบี่แก่น
จิตจึงไม่ อาจตัดเข้าไปได้! เชี่ยวเสวียนฉินโจมตีได้ดีกว่า ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ของหมียักษ์ทั้ง สองมีเลือดไหลนอง อย่างไรแล้ว นางก็คือผู้ฝึกตนขอบเขต
วร ยุทธ์เต๋า ย่อมมีพลังภายในแข็งแกร่งกว่า
ห้าวินาทีผ่านไป หมียักษ์ทั้งสองกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง!
“ข้าเอง!” เชี่ยวเสวียนฉินขว้างปายันต์สะกดกายเข้าใส่ร่างหมี ยักษ์ทั้งสอง
แทบในทันที หลังจากนั้น นางจึงเขย่าพิณในมือ ปลดปล่อยออกซึ่งเปลว
เพลิงทองม่วงปกคลุมทั้งตัวพิณ
“ไป!” หลังจากเชี่ยวเสวียนฉินตะโกนออก พิณพุ่งทะยานเข้าปะทะหัว ของ
หมียักษ์ เกิดขึ้นเป็นเสียงที่ประหลาดยิ่ง เสียงนี้ไม่ดัง กลับกัน มันนุ่มนวล
เล็กน้อยด้วยซํ้า ทว่าอํานาจ ของมัน กระทั่งทําเอาช่องเขาทั้งสองฟากข้าง
สั่นสะเทือน เกิด รอยแยกขึ้นตามผนังช่องเขาจนหินก้อนใหญ่ร่วงหล่นลง
มา หัวของหมียักษ์ทั้งสองโดนเขย่ารุนแรง กระทั่งเริ่มมีเลือด กระฉุดออก
ก่อนร่วงหล่นที่พื้น! เชี่ยวเสวียนฉินสังหารหมียักษ์ตัวหนึ่งได้แล้ว เหลืออีก
หนึ่งตัว!
ฉินหยุนทะยานกายผ่านอากาศ นํ้าค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ออกมา เขา
ปลดปล่อยขุมพลังภายในขั้นสูงส่วนหนึ่ง ผสานเข้า กับวัชระกําลังภายใน
พลังอํานาจของวัชระแก่นภายในทั้งสาม ถูกรวมตัวกันทะลักล้นที่แขน
ราชสีห์สวรรค์ จากนั้นจึงประจุ เข้าสู่ค้อนราชันยักษ์วิญญาณ! ค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณสั่นไหว อสนีบาตอัคคีทองม่วงระเบิด ออก
เสียงคํารามร้องราชสีห์ที่บ้าคลั่งดังสนั่น ออร่าชวนขนลุก ทะลักออก เป็น
ผลให้ก้อนหินใหญ่ที่กลิ้งหล่นลงมาปั่นสลาย กลายเป็นผง ขณะลงจาก
ฟากฟ้า มือทั้งสองของเขากําค้อนเอาไว้แน่นพร้อม ใช้กระบวนท่าที่ห้าของ
มังกรหลอม อุกกาบาตทลาย!
ตู้ม!
อสนีบาตสีทองม่วงระเบิดราวอุกกาบาตร่วงหล่นเข้าใส่ เข้า ปะทะกับหัว
ของหมียักษ์ เกิดขึ้นเป็นเส้นสายอสนีบาตสีทอง ม่วงแลบแปลบปลาบ
หลังหมียักษ์ล้มลง เขี้ยวเสวียนฉันเร่งรีบเข้ามาพาฉินหยุนออก ห่างจาก
ร่างของพวกมัน เฉินหยุนหอบหายใจนัก เขาไม่ได้ใช้ขุมพลังภายในขั้นสูง
ทั้งหมด เพื่อปลดปล่อยวิชายุทธ์ แต่อัตราที่ใช้ไปถือว่ามหาศาล
ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงไม่มีทางสังหารสัตว์อสูรระดับวิญญาณ ที่มีพลัง
ป้องกันกล้าแกร่งได้
“ป้าเชี่ยว มีอะไรหรือ?” ขณะนี้ฉินหยุนใช้พลังไปมาก ตอนนี้ ศักยภาพทุก
ด้านของเขาลดตํ่าลง เป็นเขาไม่อาจตรวจสอบการ เคลื่อนไหวระยะไกล
ออกไปได้
“มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณอยู่อีกตัวหนึ่ง!” สีหน้าของเชี่ยว เสวียนฉินหนัก
อึ้ง นางมองไปยังกองเศษซากก้อนหินจากช่อง เขา
“ด้านในกําแพงหินช่องเขา มันมีถํ้าซุกซ่อนอยู่ภายใน ฉินหยุนสีหน้าซีด
เผือดและหนักอึ้ง
“ป้าเชี่ยว เช่นนั้นรีบไป!”
“ไม่! ข้ารับมือได้! เจ้าดูแลตัวเองได้หรือไม่?” เซี่ยวเสวียนฉิน เอ่ยถาม
“แน่นอนขอรับ!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก หาได้รู้สึก เหนื่อยล้าอีก เป็น
วิญญาณเทวะเก้าตะวันที่ช่วยให้เขาฟื้นฟูได้ รวดเร็ว เชี่ยวเสวียนฉันสัมผัส
ได้ ว่าฉินหยุนฟื้นฟูรวดเร็วยิ่ง นางทั้งรู้สึก ตกใจและโล่งใจ ถัดจากนั้น นาง
จึงเร่งรีบมุ่งไปยังกองก้อนหิน ตรงหน้า
ตู้ม! กองก้อนหินยักษ์พลันปะทุออกปรากฏเป็นหมียักษ์ที่ตัวใหญ่ยิ่ง กว่า!
เชี่ยวเสวียนฉินขว้างยันต์กระดูกสะกดกายออกโดยทันที หมียักษ์ตัวใหม่
เพียงก้าวได้สองก้าว กลับต้องหยุดชะงักเพราะ ยันต์สะกดกาย! เชี่ยว
เสวียนฉันเริ่มใช้พิณอีกครั้ง เผาไหม้มันด้วยเปลวเพลิง ทองม่วง จากนั้นจึง
ปล่อยลําแสง ปะทะเข้าที่หัวของหมียักษ์!
ตู้ม!
เมื่อหมียักษ์โดนแรงโจมตีเข้าปะทะ หัวมันหาได้ระเบิดไม่กลับกัน เป็นมัน
กระเด็นถอยหลัง กระแทกร่างใหญ่โตกับหิน ก้อนใหญ่ที่สูงกว่าสิบเมตร
พิณลอยกลับเข้าหาเขียวเสวียนฉิน จากนั้นนางพลันโยนยันต์ สะกดกาย
ออกอีกแผ่น ขวางการเคลื่อนไหวของหมียักษ์เอาไว้
พิณของนางทะยานออกอีกครั้ง และครั้งนี้มันเปี่ยมด้วยพลัง ภายในกล้า
แกร่ง ราวกับเป็นคมดาบหมุนวนสีทองม่วง มันลอย ทะยานรวดเร็วยิ่งเข้า
ใส่หัวของหมียักษ์! พิณทองม่วงที่หมุนวน เลือนหันหัวของหมียักษ์ออก
จากร่าง ปลดปล่อยเสียงคมกริบตัดผ่านหัวของหมียักษ์กระเด็นหลุด ออก!
ตึง! หัวหมียักษ์ร่วงหล่นกับพื้น กระทั่งทําก้อนหินเบื้องล่างแตกกระจาย!
ตึง!
ร่างใหญ่โตของหมียักษ์ล้มลง ฝุ่นพลันฟุ้งตลบ ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปช่วย
ประคองเชี่ยวเสวียนฉิน เขาเอ่ยถาม อย่างเป็นกังวล “ป้าเชี่ยว เป็นอย่างไร
บ้างขอรับ?” เชี่ยวเสวียนฉินเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์รับคํา
“ข้าสบายดี หลังได้พักผ่อนสักพักจะดีขึ้น พวกเราเพิ่งสังหารสัตว์อสูร
ระดับ วิญญาณไปฝูงหนึ่งเลยนะ!” นางเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะนาง
และฉินหยุนกระทําได้สําเร็จ จริง!
“ป้าเชี่ยว ฝูงสัตว์อสูรนี้ จะต้องมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรอยู่แน่!” ฉินหยุนช่วย
พยุงนางไปนั่งบนก้อนหิน กล่าวด้วยอาการตื่นเต้น ยินดี
“ พอข้าอาการดีขึ้นแล้ว พวกเราค่อยไปสํารวจด้วยกัน” เชี่ยว เสวียนฉิน
กล่าว
“ระมัดระวังหน่อยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” หลังพักผ่อนระยะเวลาหนึ่ง พวก
เขาทั้งสองจึงค่อยฟื้นฟู เรี่ยวแรงกลับมาได้มากขึ้น
ทางด้านฉินหยุน เขาไปนําเอาแก่นอสูรระดับวิญญาณทั้งสอง ออกมา
จากนั้นจึงเก็บร่างขนาดใหญ่เอาไว้ภายในกระเป๋ ามิติ เก็บของ เชี่ยว
เสวียนฉินระมัดระวังยิ่งขณะกุมมือฉินหยุนเอาไว้ นี่ก็ เพื่อให้เขาส่งถ่าย
พลังเงาเข้ามาได้ ถัดจากนั้น ทั้งสองจึงเริ่ม เดินเข้าไปยังช่องเขาที่เต็มไป
ด้วยเศษซากก้อนหิน ไม่นานนัก พวกเขาจึงพบถํ้าที่สัตว์อสูรระดับ
วิญญาณตัวที่สาม ซ่อนตัว มีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรอยู่ด้านในถํ้าจริง กระทั่ง
มีถึงสิบสองฟอง!
“พวกเราโชคหล่นทับแล้ว!” ฉินหยุนร้องตะโกนตื่นเต้น
“ใช่” เชี่ยวเสวียนฉันเองก็ยินดี
“ป้าเชี่ยว พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง!” ฉินหยุนเดินเข้าไป คว้า เอาไข่ผลึก
แก้วสัตว์อสูรหกฟอง
“ไม่เป็นไร อยู่กับข้าไม่อาจทําอะไร เจ้าเอาไปแลกแต้มเสวียน จะดีกว่า!”
เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มบาง “แบบนี้เจ้าจะได้แข็งแกร่ง ขึ้นอย่างรวดเร็ว จะได้
สามารถโค่นล้มเชี่ยวหยางหลงได้”
“จะทําแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ป้าเชี่ยว ท่านเองก็ลงแรงไป มาก” ฉินหยุน
ลําบากใจขึ้นมา เชี่ยวเสวียนฉินหลุดหัวเราะออก “เหตุใดเจ้าต้องมาก
มารยาท กับข้า? หากไม่ใช่เพราะเจ้า วิญญาณยุทธ์ของข้าคงไม่มีทาง ฟื้น
คืน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!
นอกจากนี้ ยันต์สะกดกายของเจ้ายังได้ผลอย่างมหาศาล! เอา อย่างนี้
เป็นไร ข้าเพียงต้องการแก่นอสูรระดับแปดและเก้า หลังจากนั้นให้เจ้าช่วย
ขัดเกลายันต์สะกดกายแก่ข้าสักหลาย แผ่นก็แล้วกัน”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าไม่ขอปฏิเสธความหวังดีของป้าเชี่ยว!” ฉิน หยุนยิ้มกว้าง
ให้เชี่ยวเสวียนฉิน จากนั้นเขาจึงนําเอายันต์สะกด กายอีกสองแผ่นออกมา
ส่งออกไปและกล่าวคํา
“สองแผ่นนี้ เป็นของท่านแล้ว ไว้หลังออกจากที่นี่ข้าจะทําให้ท่านเพิ่มอีก”
“ตกลง!” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มพยักหน้ารับ ฉินหยุนรับเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์
อสูรทั้งหมด จากนั้นจึงกลับไป
พร้อมเชี่ยวเสวียนฉิน ช่วยรวบรวมแก่นอสูรระดับแปดและเก้า รวมทั้งร่าง
ของพวกสัตว์อสูร ตั้งแต่พวกสัตว์อสูรปรากฏตัวขึ้น ฉินหยุนก็ขัดเกลา
กระเป๋ ามิติ เก็บของที่สามารถบรรจุพวกมันจํานวนมากโดยเฉพาะ เมื่อ
เชียวเสวียนฉินได้เห็นกระเป๋ ามิติเก็บของขนาดใหญ่ นางยัง คิดต้องการ
สักใบหนึ่ง หลังรวบรวมร่างสัตว์อสูรได้ครบถ้วน พวกเขาจึงเร่งรีบไปให้
พ้นจากช่องเขากลับสู่ป่า จากนั้นจึงหาสถานที่พักผ่อนเพื่อฟื้น คืนพลัง
ภายในป่ าค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีร่องรอยของพวกสัตว์อสูร เมื่อฟ้าสาง
ฉินหยุนที่ฟื้นคืนกําลังแล้วจึงเริ่มขัดเกลายันต์โดยทันที
กว่าสิบวันผ่านพ้น เขาสามารถทํายันต์สะกดกายชั้นเลิศให้แก่ เชี่ยวเสวียน
ฉินได้อีกหกแผ่น เดิมเขาวางแผนคิดทําเพิ่ม ต่อเนื่อง แต่กลับถูกเชียว
เสวียนฉินห้ามปรามไว้
“พอแล้ว พอแล้ว กลับกันได้แล้ว!” เชี่ยวเสวียนฉินลูบหัวฉิน หยุนและยิ้ม
ให้
“ไว้ข้าใช้พวกมันหมดแล้วค่อยกลับมาหาเจ้า! เจ้าก็ออกมาภายนอกนาน
เกินไปแล้ว ข้าต้องรับผิดชอบพาเจ้า กลับ หากเย่ว์เหม่ยพบว่าเจ้าหายตัว
ไป ได้กลายเป็นปัญหา ขึ้นมาแน่ เช่นกัน ข้ายังต้องบอกต่อเย่ว์หลานด้วย
ว่าเจ้ากลับถึง ที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว
“ป้าเชี่ยว ท่านยอดเยี่ยมนัก สมแล้วที่เป็นป้าของเย่ว์หลาน ข้า เองก็นับ
ท่านเป็นป้าด้วยเช่นกัน เป็นข้าต้องดูแลท่านเหมือนที่ ข้าดูแลเย่ว์หลาน”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เจ้าพูดแล้วต้องรักษาคําพูดด้วยละ! ไว้ภายหน้าเมื่อข้าแก่ตัว ลง อย่าได้
นึกเสียใจทีหลังแล้วกัน” แม้ใบหน้างดงามของเชียว เสวียนฉินยิ้มออก แต่
ภายในดวงตายังเผยร่องรอยของความ กังวล
“ป้าเชี่ยว ท่านหาได้แก่ไม่เป็นท่านที่จะคงความงามนี้ไว้ชั่วนิ รันดร์
ต่างหาก” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าวหลังพบท่าที่กังวลของ โฉมงามตรงหน้า
เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจเบา
“ไม่มีใครหลบเลี่ยงกาลเวลา ข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ผิวพรรณของข้า วันหนึ่ง
ก็ต้องเลือนรางไป ตามกาลเวลา”
“อย่าได้พูดเรื่องนี้แล้ว กลับกันดีกว่า” นางยิ้มบางให้ฉินหยุน ก่อนจะดึงมือ
เขาออกเดินทางไปด้วยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้เกาะกุมมือของฉินหยุนมา
โดยตลอด ด้วยความเคยชินจึงกระทํา และแม้กระทั่งไม่ได้ใช้พลังเงา นาง
ก็หา ได้ใส่ใจไม่ที่ต้องจับมือเอาไว้ และตอนนี้ ก็เป็นเชี่ยวเสวียนฉินที่เกาะ
กุมมือของฉินหยุนเอาไว้ ตลอดการเดินทางกลับ เป็นนางรู้สึกอบอุ่น
ภายในหัวใจ ทว่า ความรู้สึกนี้ กลับทําให้ความคิดของนางต้องสู้รบกันเอง
อย่าง หนักหนา...
สองวันผ่านพ้น เชี่ยวเสวียนฉินพาฉินหยุนกลับถึงทางเข้า สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน เมื่อถึงเวลาแยกจาก นางยิ้มให้ พร้อมหยิกที่ใบหน้าหล่อเหลา ของ
ฉินหยุนไปคราหนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับแยกจากกันที่ตรงนี้ ฉินหยุนเลือกไป
เดินเตร่ทั่วเมืองภายนอกของสถาบันยุทธ์ชิง เสวียน จนพอใจแล้วจึงค่อย
กลับเข้าสถาบัน
ถัดจากนั้นจึงมุ่ง หน้าไปที่เมืองศูนย์กลาง ที่ซึ่งมีร้านค้าแต้มเสวียนตั้งอยู่
ร้านค้าแต้มเสวียนมักคลาคล่ําไปด้วยผู้คนไปมาเสมอ โดยเฉพาะตั้งแต่
เมื่อสถาบันเทียนเจียวก่อตั้งขึ้น จํานวนของ ศิษย์ที่แวะเวียนมาที่นี่ก็มีแต่
เพิ่มขึ้น ฉินหยุนเข้าห้องรับรองแขกพิเศษ เขากําลังรอคอยพานต้าเหว่ย
เพียงไม่นาน พานต้าเหว่ยพอทราบว่าเป็นฉินหยุน เขาจึงเร่ง รีบมาโดย
ทันที
“ฉินหยุน ในที่สุดก็มาได้! เป็นเจ้าโด่งดังยิ่งนักในช่วงนี้” อีก ฝ่ายวันนี้สวม
ใส่ชุดสีแดงสว่าง ท้องใหญ่โตกระเพื่อมไปมาขณะ เดินเข้าหา
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกขอรับผู้อาวุโส!” ฉินหยุนเร่งรีบลุกขึ้นยืน กล่าว
ทักทาย จากนั้นจึงหันมองที่ประตู เมื่อพานต้าเหว่ยพบท่าทีระแวดระวัง
ของฉินหยุน เขาถอน รอยยิ้มและปิดประตูแน่น จากนั้นจึงเผยนํ้าเสียง
จริงจังเอ่ยถาม ออก
“ฉินหยุน มีธุรกรรมครั้งใหญ่หรือ?” ฉินหยุนพยักหน้ายิ้มรับ
“แน่นอนขอรับ! แต่ก่อนพวกเราจะคุย กัน ขอข้าถามท่านสักคําถาม!”
“เรื่องภูติอสูรหรือ?” พานต้าเหว่ยถาม
“อะไรคือภูติอสูรหรือขอรับ?” ฉินหยุนสับสนขณะเอ่ยคําออก
“ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ จารึกวิญญาณ หรือไม่
ขอรับ?”
“เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้จักภูติอสูรจริงหรือ!” พานต้าเหว่ย หัวเราะ “จารึก
วิญญาณ เกี่ยวข้องกับภูติอสูรเต็ม ๆ เลยละ”
ตอนที่ 265 จารึกวิญญาณ
ฉินหยุนมึนงงไปวูบเพราะคําของพานต้าเหว่ย เขาไม่ทราบ เรื่องภูติอสูร
จริง ๆ ทว่า มันกลับเกี่ยวข้องกับจารึกวิญญาณ อย่างรุนแรงเสียอย่างนั้น
“ผู้อาวุโส รบกวนท่านเล่าให้ข้าฟังแล้วขอรับ” ฉินหยุนกล่าว
“ภูติอสูร ก็เป็นชีวิตในรูปแบบหนึ่ง โดยหลักแล้วพวกเขา เกิดขึ้นจาก
ซากศพของสัตว์อสูรที่ทรงพลัง เอาแบบนี้ดีกว่า สัตว์อสูรบางตัวมีรอยสัก
โทเทมในครอบครอง และพวกที่ครอง โทเทม ก็ถือว่าทรงพลังแข็งแกร่ง
เมื่อพวกมันตาย วิญญาณโท เทมในร่างจะให้กําเนิดภูติอสูรขึ้นมา” ฉิน
หยุนมีโทเทมเป็นของตัวเอง ดังนั้นพอได้ยินเรื่องนี้ เขายิ่ง สนใจและตั้งใจ
รับฟังมากขึ้น
พานต้าเหว่ยจิบชาไปอีกหนึ่งและกล่าวต่อ “และภูติอสูร จําพวกนี้ ก็หลบ
ซ่อนตัวตนอาศัยอยู่ในร่างของสัตว์วิญญาณ ตราบเท่าที่สังหารสัตว์
วิญญาณ เราจะบีบบังคับให้ภูติอสูร ปรากฏตัวออกมาได้ มันไม่ได้ตัวใหญ่
นัก ทั้งยังไม่มีพละกําลัง อะไรมากมาย ยามพบเจอ จึงง่ายต่อการจับตัว”
“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเราเพียงจับพวกมันได้เล็กน้อย ทว่า ไม่มีพวก
มันตัวใดเลยที่ยอมร่วมมือกับพวกเรา ภูติเหล่านี้ชื่น ชอบกินแก่นอสูร
เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงต้องการแก่นอสูร จํานวนมากเป็นอาหารแก่มัน
แน่นอนว่าหากมีไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูร ภูติอสูรเหล่านั้นจะยินดีมากขึ้น”
เฉินหยุนงงงันขณะเอ่ยถาม
“เหตุใดสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนต้อง เลี้ยงดูภูติเหล่านี้? เหตุใดมันจึง
เกี่ยวข้องกับจารึกวิญญาณ?” พานต้าเหว่ยเทนํ้าชาให้แก่ฉินหยุน จากนั้น
จึงยิ้มกล่าว “ไว้ข้า ค่อยบอกต่อเจ้าภายหลัง อย่าได้กังวล เจ้าไม่คล้ายรู้
เรื่องภูติ อสูร ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าทราบเรื่องพวกมันไว้ จะได้ไม่โดน
หลอกลวง”
ฉินหยุนพยักหน้า รับแก้วชามาจิบ พานต้าเหว่ยกล่าวต่อ “ไม่เพียงแต่
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของ เราที่เลี้ยงดูภูติอสูร แต่สถาบันยุทธ์แห่งอื่น และ
ตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามต่างก็แอบเลี้ยงดูภูติอสูรเช่นกัน!”
“เหตุใดพวกเราจึงต้องใช้แก่นอสูรและไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกับ เจ้าตัวพวก
นั้น? สาเหตุหลักก็เพราะภูติเหล่านี้มีความสามารถ แข็งแกร่ง! พวกมัน
สามารถปลดปล่อยรอยสักโทเทมจากร่าง แต่เป็นเรื่องยากยิ่งที่พวกมันจะ
ทําเช่นนั้น ดังนั้นจึงจําเป็นต้อง ทําให้พวกมันยอมมอบออกมาเองด้วย
ความเต็มใจ”
“นอกจากนี้ ภูติอสูรยังสามารถสัมผัสถึงรอยสักโทเทมและ จารึก
วิญญาณ พวกมันยังช่วยผู้อื่นหาสิ่งเหล่านั้นได้ด้วย”
“จารึกวิญญาณ คือสิ่งที่เจ้าควรตระหนักและให้ความสําคัญ สิ่งนี้ถือว่า
ทรงพลัง กล่าวกันว่ามีจารึกวิญญาณกว่าร้อยชนิด และหนึ่งในสามสิบ
อันดับแรกถือว่าทรงพลังยิ่ง ตราบเท่าที่ ครอบครองจารึกวิญญาณหนึ่ง ผู้
ครอบครองจะสามารถ แกะสลักผังจารึกโทเทมได้อย่างลื่นไหล รวมทั้งผัง
จารึกอย่างอื่นด้วย เจ้าคงทราบดีว่าการแกะสลักผังจารึกโทเทมยากเย็น
เพียงใด ฉินหยุนเร่งรีบพยักหน้า
“หากต้องการหลอมหุ่นเชิดขึ้นมา ก็ จําเป็นต้องแกะสลักผังจารึกโทเทมลง
ไปหลายชุด เรื่องนี้ถือ เป็นส่วนที่ยากที่สุด”
พานต้าเหว่ยหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้าลองทําด้วยตนเองแล้ว เป็น เช่นนั้น!
ทว่าหากเชี่ยวชาญและรู้เข้าใจจารึกวิญญาณ ตราบ เท่าที่มีความรู้และ
เข้าใจมากพอ จะสามารถแกะสลักผังจารึก โทเทมได้อย่างง่ายดาย
ยกตัวอย่าง หากเป็นจารึกวิญญาณ พยัคฆ์ เช่นนั้นผังจารึกโทเทมพยัคฆ์ที่
เจ้าแกะสลักก็จะง่ายขึ้น ด้วย”
“หากจารึกวิญญาณที่เจ้าครอบครองเป็นประเภทมิติ เช่นนั้น เจ้าจะ
สามารถแกะสลักผังจารึกมิติ และผังจารึกโทเทมมิติได้ ง่ายดาย เฉินหยุน
นึกย้อนถึงจารึกวิญญาณที่ตนได้รับมา มันนามว่าราชันสัตว์ เขาไม่ทราบ
ว่านี่เป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่
“ผู้อาวุโส ท่านมีตําราเกี่ยวข้องกับจารึกวิญญาณหรือไม่? ยกตัวอย่างก็
สามสิบอันดับแรก?” ฉินหยุนเอ่ยถาม พานต้าเหว่ยส่ายศีรษะ
“ข้าไม่มี เป็นข้าได้ยินมาจากผู้อื่นอีกที หนึ่ง! ในแดนยุทธ์อ้างว้าง น่าจะมี
ตําราที่ลงรายละเอียดเรื่อง พวกนี้อยู่บ้าง” ฉินหยุนกลายเป็นผิดหวัง ทว่า
เขารู้สึกได้ชัดเจนราชันสัตว์ ที่เขาได้รับมา ต้องไม่มีทางใช่จารึกวิญญาณ
ทั่วไปแน่
“ว่าไปแล้ว เหตุใดเรื่องภูติอสูรถึงกลายเป็นหัวข้อร้อนแรง ตอนนี้กันละ
ขอรับ?” พานต้าเหว่ยหัวเราะ
“แน่นอนอยู่แล้ว! กระทั่งเชี่ยวหยางหลง ผู้ครองแต้มเสวียนอันดับหนึ่ง ยัง
มาที่นี่เพราะสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนของเรา เตรียมจัดการประมูลภูติอสูรที
อ่อนแอที่สุด และ ผู้คนจําเป็นต้องใช้แต้มเสวียนเพื่อแลกเปลี่ยน ผู้ใดเสนอ
แต้ม เสวียนมากที่สุด ก็จะได้ภูติอสูรตัวนั้นไปครอง
“เช่นนั้นแล้วผลประโยชน์ใดที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะได้รับ? แต้มเสวียน
เหล่านั้นพวกท่านเอาไปทําอย่างอื่นได้หรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เป็นเพราะไม่นานมานี้ พวกเราปล่อยแต้มเสวียนออกเป็น จํานวนมาก
ดังนั้นจึงคิดอยากนําพวกมันกลับคืน หลบเลี่ยง เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิด
สมดุลเสียหาย” พานต้าเหว่ยหัวเราะตอบ
“ฉินหยุน อย่าได้คิดเข้าร่วมการประมูล ภูติอสูรที่พวกเรา ปล่อยออกนั้นมี
ปัญหา มันเพียงแต่คิดจะดูดกลืนพลังจากไข่ ผลึกแก้วสัตว์อสูร ดังนั้นแล้ว
ต่อให้เจ้าได้รับมัน ก็ไม่มีทางรองรับได้ไหว”
“หากข้าไม่ให้อาหารแก่มันจะเป็นอย่างไรหรือขอรับ?” ฉินหยุนสงสัย
“หากไม่เลี้ยงดูพวกมัน พวกมันก็จะตาย หากพวกเรามอบพลัง ให้มัน
จํานวนหนึ่ง พวกมันจะพึงพอใจ เมื่อนั้นร่างกายพวกมัน จะเรืองแสงออก
แปรเปลี่ยนเป็นรอยสักโทเทม เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงใช้จ่ายแก่นอสูรไป
จํานวนมาก ทั้งหมดก็เพื่อได้รับผัง จารึกโทเทมจากภูติอสูร”
ฉินหยุนเกิดสนใจในตัวภูติอสูรขึ้นมา ด้วยฐานะอาจารย์จารึก เป็นปกติที่
เขาคิดอยากครอบครองผังจารึกโทเทมสักจํานวน หนึ่ง หากเขาคิดอยาก
เลี้ยงดูภูติอสูรเหล่านั้น เขาก็มีโอกาสได้รับผัง จารึกโทเทม ตอนนี้เขามีโท
เทมราชสีห์สวรรค์และโทเทมมังกรพยัคฆ์ หลาย ผู้คนล้วนมองว่ามีรอยสัก
โทเทมสักหนึ่งก็ดีมากแล้ว แต่เขารู้สึก ว่ายิ่งมีมากเท่าใด ก็ยิ่งดีมากขึ้น
เท่านั้น!
“สําหรับภูติอสูร เป็นเรื่องยากจะกล่าวว่าพวกเราจะได้รับโท เทมหรือจารึก
วิญญาณ พวกเราไม่ค่อยมีหวังเท่าใดนัก เพียง ได้รับโทเทมมาจํานวน
เล็กน้อย หลายวันมานี้พวกเราได้ผัง จารึกโทเทมมาหนึ่ง เป็นพวกเราต้อง
ใช้จ่ายไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูรไปมาก แต่อย่างน้อยก็คิดว่ามันคุ้มค่า”
พานต้าเหว่ยพลันนึกขึ้นได้ “ว่าไป เจ้าคิดทําธุรกรรมอันใด หรือ?” ฉินหยุน
นําไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสิบสองฟองออกมา เพียงแค่ เห็นก็ทําเอาพานต้า
เหว่ยเผยสีหน้าแข็งค้าง!
“ผู้อาวุโส ธุรกรรมนี้นับว่าใหญ่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนหัวเราะ คิกคัก
“ศิษย์คนหนึ่งสามารถใช้แก่นอสูร เพื่อแลกเปลี่ยนได้ปี ละหนึ่งร้อยล้าน
แต้มเสวียน แต่ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรไม่มี ข้อจํากัดตรงนี้ ใช่หรือไม่ขอรับ?”
พานต้าเหว่ยสูดลมหายใจเข้าลึก สะกดความตกตะลึงในภาย เร่งรีบพยัก
หน้ารับ “ถูกต้อง ถูกต้องแล้ว ทั้งหมดเป็นหกร้อย ล้านแต้มเสวียนที่เจ้าจะ
ได้รับ!” ฉินหยุนนําเอาแก่นอสูรระดับเก้าอีกยี่สิบเม็ดออกมา เขายิ้ม กล่าว
“ปีนี้ข้ายังไม่ได้นําแก่นอสูรมาแลกเปลี่ยนเป็นแต้ม เสวียน ดังนั้นแล้ว
จํานวนนี้ก็นับได้อีกหนึ่งร้อยล้านแต้ม เสวียน!”
“ถูกต้อง ทั้งหมดคือเจ็ดร้อยล้านแต้มเสวียน!” พานต้าเหว่ย เอ่ยคํา
“เจ้ามีชัยเหนือสถาบันฉีข่าย ดังนั้นจึงได้รับห้าร้อยล้าน แต้มเสวียนเป็น
ส่วนแบ่ง ทําให้รวมกันแล้ว มีทั้งสิ้นหนึ่งพัน สองร้อยล้านแต้มเสวียน! หาก
จัดอันดับ นี่สมควรเหนือกว่า เชี่ยวหยางหลงแล้ว” จํานวนแต้มเสวียนที่ฉิน
หยุนครอบครอง จะปรากฏบนตาราง อันดับก็หลังวันที่สามสิบของเดือน
หากเขาใช้พวกมันหมดก่อน วันที่สามสิบ ก็จะไม่มีการปรากฏขึ้นแต่อย่าง
ใด
“ผู้อาวุโส งานประมูลภูติอสูรเริ่มขึ้นเมื่อใดหรือขอรับ?” ฉิน หยุนนําบัตร
ผลึกแต้มเสวียนออกมา ส่งให้แก่พานต้าเหว่ย พานต้าเหว่ยรับบัตรผลึก
แต้มเสวียนของฉินหยุนไว้ เป็นเขา ต้องเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“เจ้าคิดอยากซื้อภูติอสูรตัวนั้น หรือ? เจ้าตัวน้อยนั่นดื้อนัก เป็นเจ้าและข้า
รู้จักกันดี เพราะ แบบนั้นจึงบอกต่อเจ้า”
“ผู้ครอบครองภูติอสูรจํานวนมากที่สุด สมควรเป็นสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน
ใช่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“แน่นอน นั่นก็เพราะท่านอธิการของเรา มีเคล็ดวิชาพิเศษเพื่อ ค้นหาภูติ
อสูร ตอนนี้ จํานวนของภูติอสูรเริ่มลดน้อยลง บ้างก็ ตายตามธรรมชาติ
บางตัวที่เพิ่งจับมาได้ก็หลบหนีไป ไม่ใช่ เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับพวกมัน
จากฝูงสัตว์อสูร”
พานต้าเหว่ยถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้าสนใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่คิด ห้าม! เจ้าน่า
เหลือเชื่ออยู่แล้ว กระทั่งได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร จํานวนมากเพียงนี้ ที่
แม้แต่พวกเราบุคคลเฒ่าชราที่ขอบเขต วรยุทธ์เต๋ายังไม่อาจ ทําให้พวกเรา
ต้องรู้สึกอับอายไม่น้อยเลย ทีเดียว”
“การประมูลจะเริ่มขึ้นในอีกห้าวัน ข้าไม่อาจรับประกันว่าเจ้า จะสามารถ
ได้รับภูติอสูรตนนั้น เชี่ยวหยางหลงและอีกหลายคน จากสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ในช่วงเวลานี้ก็กําลังสะสมแต้ม เสวียนกันอยู่ นอกจากนี้ ขั้วอํานาจ
เบื้องหลังพวกเขายังแกร่ง พอสนับสนุน พวกเขาอาจแลกเปลี่ยนไข่ผลึก
แก้วสัตว์อสูร จํานวนมากเป็นแต้มเสวียนก็ได้” พานต้าเหว่ยกล่าว
แม้สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม และตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม
สามารถปล่อยแต้มเสวียน แต่พวกเขาไม่อาจ คดโกงได้ตามสัญญาที่มีต่อ
กัน หากพวกเขาละเมิด บทลงโทษ ย่อมร้ายแรง ฉินหยุนต้องการภูติอสูร
เพราะเขาต้องการผังจารึกโทเทม เป็น เขาตระหนักได้ดีว่าผังจารึกโทเทมท
รงอํานาจเพียงใด หากเขา สามารถเชี่ยวชาญผังจารึกโทเทมจํานวนมาก
ขึ้นในภายหน้า เขาจะสามารถได้รับกําลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“ผู้อาวุโส ท่านพอจะช่วยข้าได้หรือไม่? ข้าต้องการใช้แก่นอสูร ระดับเก้า
จํานวนยี่สิบเม็ด เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูร ข้าไม่ทราบว่า
จะมีผู้ใดคิดอยากแลกเปลี่ยนด้วยหรือไม่” ฉินหยุนกล่าวถาม พานต้าเหว่ย
เข้าใจสาเหตุที่ฉินหยุนทําเช่นนี้ โดยหลักแล้วก็ เพื่อได้รับแต้มเสวียน
เพิ่มขึ้น
“ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด! เจ้ามีแก่นอสูรระดับที่เก้ามากพอ หรือ?”
พานต้าเหว่ยเอ่ยถาม
“ไม่ขอรับ แต่ข้าสามารถได้รับมันด้วยกระเป๋ ามิติเก็บของ กระเป๋ าหนึ่งใบ
ต่อแก่นอสูรระดับที่เก้าจํานวนสิบเม็ด นี่ไม่น่ามี ปัญหาใช่หรือไม่?” ฉินหยุ
นกล่าวคํา
“ข้าจะไปเริ่มขัดเกลา เดี๋ยวนี้เลย”
“หากเจ้าทําได้แล้ว ให้ข้าซื้อกระเป๋ ามิติเก็บของนั่นเอง” พานต้าเหว่ย
หัวเราะ
“ข้าเองก็ขาดแคลนกระเป๋ ามิติเก็บของ นัก ด้วยช่องทางของข้า สามารถ
ขายพวกมันได้ด้วยราคาที่ไม่ น้อย” ฉินหยุนพยักหน้ารับ ด้วยคําแนะนํา
ของพานต้าเหว่ย เขาจึงขึ้น ไปชั้นบนของร้านค้าแต้มเสวียน เริ่มทําการขัด
เกลากระเป๋ ามิติ เก็บของในห้องลับ หลังได้รับปากกาลึกลํ้ามาครอบครอง
เขาคิดอยากทดสอบดู ว่า มันจะช่วยให้เขาก้าวหน้าได้เพียงใดใน
กระบวนการขัดเกลา อุปกรณ์ขัดเกลากระเป๋ ามิติเก็บของเป็นเรื่องง่าย
วัสดุที่ต้องใช้ไม่ใช่หา ยากแต่อย่างใด ฉินหยุนสามารถขัดเกลากระเป๋ ามิติ
เก็บของได้ นานแล้ว งานครั้งนี้ไม่ควรใช่เรื่องยาก เพียงหนึ่งวัน เขาก็จัดทํา
กระเป๋ าออกมาได้สี่ใบ กระเป๋ ามิติเก็บของที่เขาขัดเกลาขึ้น ทั้งหมดล้วน
งดงามและ วิจิตร ผังจารึกที่ใช้ก็เป็นผังวิญญาณระดับสูง มิติภายใน
กว้างขวาง หากเขาขายต่อพานต้าเหว่ย ย่อมได้รับราคาที่ดี อย่างแน่นอน
“พอขัดเกลาด้วยปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิต การแกะสลักง่าย เหมือนครั้งทํา
ยันต์ขึ้นมา อุปกรณ์ลึกลํ้าสมแล้วที่เป็นอุปกรณ์ ลึกลํ้า เป็นของที่ดีนัก” ฉิน
หยุนมองที่ปากกาหยกด้ามสั้นในมือ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ที่ปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตนํามาสู่เขา คือสามารถ
ลงรายละเอียดของผังจารึกได้ดีขึ้น ตราบเท่าที่มี ความแม่นยําเพิ่มขึ้นแม้
เพียงนิด มันคือความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ต่ออาจารย์จารึก
ด้วยความแม่นยําระดับสูง ฉินหยุนสามารถขยายมิติภายใน กระเป๋ าได้อีก
นี่คือความได้เปรียบของความแม่นยําที่เพิ่มมาก
สองวันให้หลัง ฉินหยุนเดินออกจากห้องลับ ไปยังห้องรับรอง แขกพิเศษ
เพื่อรอพบพานต้าเหว่ย พานต้าเหว่ยมีเครือข่ายเส้นสายขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังไม่ใช่ คนเลวร้าย เขาสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตู้ก๋วยกระทั่งเสี่ยง
เป็นตายมา ด้วยกัน ดังนั้นจึงยินดีช่วยดูแลเรื่องราวให้แก่ฉินหยุน ฉินหยุน
รอคอยในห้องโถง เมื่อพบพานต้าเหว่ยเดินเข้ามาด้วย รอยยิ้ม เขาจึง
ทราบว่ามีข่าวดีรอให้รับฟังแน่นอน
“หลังลงแรงไปไม่น้อย ข้าค่อยจัดการให้เจ้าได้รับไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรมา
อีกสี่ฟอง” พานต้าเหว่ยหัวเราะ “เช่นนั้นแล้ว นี่ เท่ากับสองร้อยล้านแต้ม
เสวียน!”
ตอนที่ 266 ความต้องการต่อโทเทม
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ฉินหยุนเร่งรีบนําเอากระเป๋ ามิติทั้งเก้าใบ ซึ่งเพิ่งขัด
เกลาขึ้น ส่งมอบแก่พานต้านเหว่ย จากนั้นเขาจึงยิ้ม กล่าว
“นี่เป็นกระเป๋ ามิติเก็บของที่ข้าทําขึ้นขอรับ” พานต้าเหว่ยรับพวกมันไว้
เป็นเขาต้องลอบทิ้ง เพราะฉินหยุน ขัดเกลามันเริ่มต้นก็สองวันที่ผ่านมา
กระนั้นก็ยังทําออกมาได้ดี นัก เขาจึงส่งมอบแก่นอสูรระดับเก้าจํานวนเก้า
สิบเม็ดแก่ฉิน หยุน "
“แก่นอสูรระดับเก้ายี่สิบเม็ด ต่อไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรหนึ่งฟอง นี่คือไข่ผลึก
แก้วสัตว์อสูรสี่ฟอง เท่ากับแก่นอสูรระดับเก้า จํานวนแปดสิบเม็ด!” ฉิน
หยุนส่งแก่นอสูรระดับเก้าจํานวนแปด สิบเม็ดแก่พานต้าเหว่ย
พานต้าเหว่ยยิ้มและรับพวกมันไว้ จากนั้นจึงนําเอาไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรสี่
ใบออกมาและกล่าว “พวกเราต้องทําธุรกรรมเป็นขั้น เป็นตอน แม้ดูยุ่งยาก
ไปบ้าง แต่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาในภาย หน้า” หลังจากกระบวนการ
แลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ฉินหยุนจึง ได้รับสองร้อยล้านแต้มเสวียน
เข้าสู่บัตรผลึกแต้มเสวียนของตน ทั้งหมดตอนนี้เขามีมากถึงหนึ่งพันสี่ร้อย
ล้านแต้มเสวียน ด้วย อายุเพียงเท่านี้ กับปริมาณที่ได้รับ กล่าวได้ว่าไม่
ธรรมดายิ่ง
“ใช้แก่นอสูรระดับที่เก้า แลกเปลี่ยนเป็นไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร จากนั้นจึง
ค่อยแลกเปลี่ยนเป็นแต้มเสวียน ความคิดนี้ไม่เลวนัก เพียงแต่ไข่ผลึกแก้ว
สัตว์อสูรไม่ใช่สิ่งง่ายได้รับมา” พานต้าเหว่ ยกล่าวขณะสํารวจดูกระเป๋ า
มิติเก็บของ ฉินหยุนก็ทราบดี เขาได้แต่ถอนหายใจเบา
“ผู้อาวุโส งานประมูลจัดขึ้นที่ใดขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“จัดขึ้นที่ลานกว้างของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ถึงเวลานั้น ผู้ใด ก็สามารถ
รับชม แต่หากต้องการได้ที่นั่งผู้เข้าประมูล ก็ต้อง อาศัยบัตรผลึกแต้ม
เสวียนเพื่อเข้าไป ด้วยสองร้อยล้านแต้ม เสวียนขึ้นไป จึงสามารถเข้าไปนั่ง
บริเวณผู้ประมูลได้” พานต้า เหว่ยกล่าว
“เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าย่อมเข้าไปได้”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!” ฉินหยุนลาพานต้าเหว่ย เร่ง รีบออกจาก
ห้อง กลับสู่ป่าสมบัติ ระหว่างทางกลับ เขาได้ยินหลายคนพูดคุยถึงเรื่อง
ภูติอสูร ทุก คนต่างทราบเรื่องราวของภูติอสูร และคิดกันไป ว่าหากพวก
เขาได้ครอบครองมัน พวกเขาจะสามารถได้รับสืบทอดโทเทม ฉินหยุนก
ลับถึงป่าสมบัติ เขาพบว่าตู้ก่วยไม่อยู่
“มาดูกันว่าเราสามารถเรียนก้าวดาราเร้นลับได้หรือไม่!” เขา กลับถํ้าต้นไม้
ของตนเอง นําเอารางวัลจากสถาบันเทียนเจียว ออกมา สิ่งนี้คือวิชายุทธ์
ระดับโลกาขั้นสูง ก้าวดาราเร้นลับ!
เขานํามันออก คลี่กางหน้ากระดาษ ยิ่งอ่านไปมากเพียงใด เขา ยิ่งตก
ตะลึงมากเพียงนั้น “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเรียนรู้ด้วยตัวเองตอนนี้ได้เลย ต้องมี
อาจารย์ผู้ที่เคยเรียนรู้วิชายุทธ์ระดับโลกาคอยชี้แนะ สงสัยนัก ว่าอาจารย์
ตู้ไปที่ใดกัน”
ฉินหยุนไม่กล้าเรียนรู้มันด้วยตนเอง เพราะมีโอกาสมากที่จะทําให้การ
ฝึกฝนของเขาแตกซ่านได้ มีตัวอย่างมากมายเกิดขึ้น เป็นหลักฐานว่า
ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้ายังไม่แข็งแรงพอที่จะเรียนรู้พวกมันด้วย
ตนเอง ฉินหยุนไม่กล้าเสี่ยง เพราะอีกหนึ่งปีให้หลังเขาต้องประลองกับ
เชี่ยวหยางหลง วิชายุทธ์ระดับโลกา ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร
ยุทธ์ ปกติธรรมดาจะเรียนรู้ มีเพียงก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า จึง ค่อยมี
สิทธิ์ได้สัมผัสวิชายุทธ์ชั้นโลกา
แน่นอนว่า มีอัจฉริยะหลายคนที่เรียนรู้พวกมันตอนอยู่ขอบเขต กายวร
ยุทธ์ระดับที่แปดหรือเก้า แต่กระนั้นก็มีความเสี่ยงมาก อยู
“ดูเหมือนเราต้องรอให้อาจารย์ตู้กลับมาก่อน จึงค่อยเรียนรู้ วิชานี้” ฉิน
หยุนเก็บก้าวดาราเร้นลับ จากนั้นจึงนําเอาหนังสัตว์ จํานวนหนึ่งออกมา
เริ่มทํายันต์
ตอนนี้เขาสามารถทํายันต์ชั้นเลิศได้แล้ว และหากมีเวลา เขาจะ กักตุน
พวกมันเผื่อในยามคับขัน เพียงพริบตา งานประมูลก็เริ่มขึ้นแล้ว
ทางด้านฉินหยุนที่มัวแต่ทํายันต์อยู่ เขาไม่ได้มาถึงเป็นคนแรก แต่ก็ยังดีที่
ไม่ได้มาสายจนเกินไป ที่ตรงกลางของลานฝึกฝน มีเวทียกสูงตั้งอยู่
พานต้าเหว่ยยืนที่ ด้านบน กําลังอ่านตําราเล่มหนึ่ง เขาคือผู้ดําเนินงาน
ประมูลในครั้งนี้
วัตถุอื่นอย่างเช่น กระเป๋ ามิติเก็บของ อุปกรณ์วิญญาณ ยันต์ และเม็ดยา
วิญญาณ ทั้งหมดล้วนเป็นของที่แต่เดิมยากซื้อหา ล้วนนําออกมา ที่ตรง
กลางของลานกว้าง มีรั้วตั้งเอาไว้ มีแต่ผู้ที่ครอบครอง บัตรผลึกแต้มเสวียน
จํานวนมากพอ จึงสามารถเข้าไปนั่ง ภายในรั้วเพื่อเข้าร่วมการประมูล 3
ต้องครอบครองสองร้อยล้านแต้มเสวียนขึ้นไป จึงจะมี คุณสมบัติเข้าสู่ที่นั่ง
ด้านใน ผู้คนที่ก้าวถึงระดับนี้ถือว่ามีไม่น้อย เช่นกัน
พอฉินหยุนเข้าด้านในหาที่นั่ง เขาพบว่าคนด้านใน มีหลายคน ที่เขาไม่
รู้จัก พวกเขาเหล่านี้ยากพบเจอ ส่วนใหญ่เป็นชายวัย กลางคน ทั้งยังมี
หลายคนสวมใส่ชุดสีนํ้าเงินงดงาม ทั้งหมดล้วนมาจาก ตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม โดยหลักที่พวกเขามาที่นี่ ก็ เพราะภูติอสูร
ชั่วขณะที่ฉินหยุนถึงที่นั่งตนเอง ผู้คนจํานวนมากพลันโดน ดึงดูดความ
สนใจมองมา อย่างไรแล้วเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง หลายต่อหลายคนเคย
พบเจอเขามาก่อน เขาไปที่ใด ที่นั่นย่อม มีเขาเป็นศูนย์กลางความสนใจ
ทุกคนต่างทราบ ฉินหยุนครอบครองรอยสักโทเทม ด้วยมีมันใน
ครอบครอง เขาจึงมีพละกําลังมหาศาล หลายคนล้วนได้เห็น กรงเล็บ
ราชสีห์สวรรค์กับตาตนเองมาแล้ว ในตอนนี้ ทุกคนมองเขาที่เข้าร่วมงาน
ประมูล ล้วนทราบว่าเขา มาที่นี่ก็เพื่อภูติอสูร
“ฉินหยุน อยู่อันดับแปดของผู้รํ่ารวย เมื่อเดือนก่อน เขาได้รับ ห้าร้อยล้าน
แต้มเสวียนจากสถาบันเทียนเจียว เดิมก็มีหลายสิบ ล้านแต้มเสวียนอยู่
ก่อนแล้ว ดังนั้นย่อมคิดมาชิงตัวภูติอสูร”
“ภูติอสูรมีค่าเทียบเท่ารอยสักโทเทม หลายผู้คนคิดแย่งชิงมัน กล่าวกันว่า
เชี่ยวหยางหลงก็คิดอยากเข้าร่วมด้วย! และเชี่ยวห ยางหลงก็คืออันดับ
หนึ่งของผู้รํ่ารวยตอนนี้!”
“เชี่ยวหยางหลงย่อมไม่ปล่อยให้เจ้านั่นได้ภูติอสูรไปครอง ไม่อย่างนั้นก็จะ
หมายความถึงเสียหน้าแก่ฉินหยุน! กล่าวกันว่า ฉินหยุนและเชี่ยวหยาง
หลง มีนัดประลองตัดสินเป็นตายรออยู่ ในภายหน้า”
ขณะทุกคนสนทนากัน เซี่ยวหยางหลงก็มาถึงแล้ว! เซี่ยวหยางหลงยิ้ม
ขณะมาถึงแก่มิตรสหาย แต่พอได้ยินว่าฉัน หยุนเข้าร่วมการประมูล สีหน้า
เย็นชานั้นกลายเป็นดํามืด ในช่วงที่ผ่านมา เขาปะทะทางอ้อมกับฉินหยุน
ไปหลายครั้งครา และก็เป็นเขาที่ต้องเจ็บปวดซํ้าแล้วซํ้าเล่าเพราะฉินหยุน
ดังนั้น เขาจึงเกลียดชังฉินหยุนเข้ากระดูกดํา
ฉินหยุนนั่งตรงที่นั่งตนเอง เขาทราบเช่นกันว่าเชี่ยวหยางหลง มาถึงแล้ว
ทว่าเขายังคงเงียบ หลับตาลงเพื่อพักผ่อน รอคอย ให้การประมูลเริ่มต้น
เขารอเงียบงันจนกระทั่งมีคนผู้หนึ่งแตะที่ไหล่ของเขา
“เจ้าหนู มาที่นี่เพราะภูติอสูรหรือ?” หลันเฟิ งจิน นั่งลงข้าง กายฉินหยุน
นางยิ้มมีเสน่ห์ขณะเอ่ยถาม เฉินหยุนได้สูดดมกลิ่นอายดิบเถื่อนของนาง
เป็นกลิ่นหอมที่ชวน ดึงดูดอย่างประหลาดเช่นเคย เขาไม่แปลกใจต่อกลิ่น
นี้ ดังนั้น จึงยิ้มตอบ
“พี่หลัน ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อฉกชิงเอาภูติอสูรหรือ ไร?” หลันเฟิ งจินนั่งไขว่
ห้าง กล่าวออกและยิ้มตอบ
“เดิมคิดอยาก แต่หากเจ้าต้องการ ข้าก็ยินดีให้เจ้า!” นางสวมใส่ชุดสีนํ้า
เงิน กางเกงสีนํ้าเงิน ทั้งยังมาพร้อมขาเรียว สวยดึงดูด แม้ถูกปกคลุมด้วย
กางเกงสีนํ้าเงิน กระนั้นฉินหยุนก็ อดไม่ได้ที่จะจับจ้องขายาวของนาง
“เจ้ามองอันใด!” หลันเฟิ งจินหัวเราะแสร้งต่อว่า
“เจ้าหนูหื่นกาม เป็นเจ้าคิดอันใดอยู่?” ฉินหยุนยิ้มกระอักกระอ่วนตอบคํา
“ข้าอดไม่ได้ที่จะคิดถึงครั้ง แรกที่พบท่าน เป็นข้าคิดถึงมันเหลือเกิน!”
หลันเฟิ งจินแค่นเสียงอึดฮัด ตบที่หัวเขาไปคราหนึ่งก่อนจะยิ้ม ให้ “เจ้ามี
ภรรยาแล้ว ยังกล้าคิดเรื่องราวเช่นนี้หรือ?”
ในงานประมูลมีที่นั่งกว่าหนึ่งร้อย เพียงไม่นานทุกที่นั่งล้วนถูก จับจอง คน
ที่ฉินหยุนรู้จัก ก็มีแต่หลันเฟิ งจินกับเชี่ยวหยางหลง
“พี่หลัน คนเหล่านี้มาที่นี่เพราะภูติอสูรหมดเลย?” ฉินหยุนถาม เสียงเบา
หลันเฟิ งจินพยักหน้า
“ส่วนใหญ่นะ! ดูพวกเขา ส่วนใหญ่เป็น วัยกลางคน ไม่มีผู้ใดขาด
คุณสมบัติอัจฉริยะแม้แต่น้อย ในช่วง เวลาที่ผ่านมา ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร
ถูกออกล่าอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นแต้มเสวียนปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะ
กับตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีคราม จํานวนของศิษย์ที่ถูกส่งออกไป คิด
เป็นแต้มเสวียนกลับมาก็หลักพันล้านแล้ว” ฉินหยุนหวั่นใจขึ้นมา เขา
กังวลอยู่ก่อนแล้วว่าไม่อาจได้รับ เพราะแต้มเสวียนของเขามีอยู่แค่หนึ่งพัน
สี่ร้อยล้าน!
“พี่หลัน ท่านคิดว่าเชี่ยวหยางหลงมีโอกาสสูงที่จะชนะหรือไม่ หากเทียบ
กับผู้อื่น? เขามีแต้มเสวียนถึงพันล้าน!” ฉินหยุนกล่าวถาม
“ได้ยินว่าเขาเพิ่งนําไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสีฟอง ไปแลกเป็นแต้ม เสวียนมา
ดังนั้นข้าคิดว่าสมควรมีแต้มเสวียนราวหนึ่งพันสอง ร้อย ถึงหนึ่งพันสาม
ร้อยล้าน” หลันเฟิ งจินตอบเสียงเบา จากนั้นจึงมองไปยังชายวัยกลางคนที่
นั่งอยู่ไม่ไกลจากนาง
“คนกลุ่มนั้น พวกเขาได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมาหกหรือเจ็ด ฟองเพื่อ
แลกเป็นแต้มเสวียน แต้มเสวียนที่พวกเขาได้รับมาถือ ว่าเทียบเท่าเชี่ยวห
ยางหลง”
“แต่ ข้ายังรู้สึกว่าเชี่ยวหยางหลงมีโอกาสชนะอยู่บ้างไม่มากก็ น้อย เพราะ
เขาได้รับแต้มเสวียนจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ไม่น้อยเหมือนกัน น่าจะ
รวบรวมมาได้ไม่น้อย ส่วนทางด้าน ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวก
เขามีการเพิ่มกฎเกณฑ์ การได้รับแต้มเสวียนเข้าไป”
ฉินหยุนพยักหน้า “ พรสวรรค์ของเชี่ยวหยางหลงถือว่าเลิศลํ้า แต่เขาไม่มี
โทเทมในครอบครอง ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะยิ่ง แข็งแกร่งกว่านี้! พี่หลัน
ท่านมีแต้มเสวียนอยู่เท่าใดกัน?”
หลันเฟิ งจินหัวเราะ “ข้าไม่ใช่คนโง่ สถาบันยุทธ์ขิงเสวียนคิด ปล่อยภูติอสูร
ผ่านงานประมูล ย่อมมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ข้าไม่ คิดโดนหลอก! แน่นอนว่า
ข้าไม่ได้มีแต้มเสวียนมากมายอะไร เพียงสามร้อยถึงสี่ร้อยล้านเท่านั้นเอง”
การประมูลเริ่มขึ้น พานต้าเหว่ยขึ้นนําการประมูล เริ่มกล่าว วาจาหาสาระ
ไม่ได้ออกมาเป็นพิธี จากนั้นเขาจึงนําเอากล่องเก็บของออกมา
“กล่องเก็บอุปกรณ์วิญญาณระดับตํ่า ความกว้างสามารถจุช้าง ได้ราว
ยี่สิบตัว เริ่มกันที่หนึ่งล้านแต้มเสวียน การเสนอราคา จะต้องไม่ตํ่ากว่า
หนึ่งแสน เริ่มได้!” พานต้าเหว่ยตะโกนขึ้น
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ตลอดมาเป็นวัตถุที่ได้รับความ นิยม ผู้คน
เร่งรีบเสนอราคากันอย่างรวดเร็ว ไม่นานจากนั้น ราคาก็พุ่งสูงขึ้นไปถึงสิบ
ล้านแต้มเสวียน ท้ายที่สุด เป็นชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีเทาชนะราคา
กล่อง เก็บของไปด้วยราคา สิบสามล้านสองแสนแต้มเสวียน ถัดจากนั้น
พานต้าเหว่ยจึงนําอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงออกมา เป็นกระบี่!
การปรากฏของอาวุธวิญญาณระดับสูง เป็นผลให้หลายคนเกิด ความยินดี
จนแทบบ้าคลั่ง ราคาเริ่มต้นที่สิบล้านแต้มเสวียน ถือว่ามากกว่ากล่องเก็บ
ของ เมื่อครู่ถึงสิบเท่า! ท้ายที่สุดจึงได้รับเสนอราคาเกินกว่าหนึ่งร้อยล้าน
ฉินหยุนไม่คิดต้องการของพวกนี้ เพราะตัวเขาเองเป็นอาจารย์ จารึก
ระดับสูง เขาสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงได้
ทว่าก็เป็นเขาได้เปิดหูเปิดตาถึงราคาของอุปกรณ์วิญญาณผ่าน การ
ประมูลครั้งนี้ ถัดจากนั้น จึงเป็นการประมูลเม็ดยาวิญญาณระดับราชัน
ยันต์ วิญญาณระดับสูงจํานวนหนึ่ง และอาวุธวิญญาณระดับสูงอีก หลาย
สิบอย่าง “อุปกรณ์วิญญาณ ทั้งหมดล้วนเป็นของเก่า ถือว่าเป็นของมือ
สอง” หลันเฟิ งจินหัวเราะ
“แต่ก็ยังมีคนจํานวนมากคิดต่อสู้ แย่งชิง ช่างน่าสงสารนัก” ฉินหยุนเม้ม
ริมฝีปาก เขาวางแผนคิดหลอมอุปกรณ์วิญญาณ ระดับสูงขึ้น ตั้งแต่ที่ได้
เป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เขายังไม่เคย ขัดเกลาอาวุธวิญญาณระดับสูง
อย่างจริงจังเลยสักครั้ง
“ถัดจากนี้ พวกเราจะนําเสนอของลํ้าค่าที่สุดของงานประมูล แต่ไม่ใช่
สิ่งของ มันคือภูติอสูร” พานต้าเหว่ยหัวเราะ
“ข้าเดา ว่าทุกท่านคงรอคอยมันนานพอสมควรแล้ว เชิญรับชม!”
เป็นเช่นนี้จริง หลายคนที่นั่งอยู่ ทั้งผู้ชมภายนอก ล้วนส่ง สายตาจ้องมอง
เป็นประกายพร้อมเสียงร้องอุทานเบา หลายคนไม่เคยเห็นภูติอสูรมาก่อน
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดมาที่นี่ เพื่อรับชมเสริมความรู้ของตนเอง
ตอนที่ 267 แข่งขันดุเดือด
พานต้าเหว่ยนําเอาถุงหนังสีดําออกมาใบหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่ มาก ทว่ามี
แสงสว่างสีขาวอ่อนจางกระพริบไปมา มองเพียง ครั้งเดียวก็ทราบ ว่าไม่ใช่
วัตถุสิ่งของธรรมดา
“นี่เป็นกระเป๋ าสัตว์ โดยหลักแล้วใช้เพื่อเก็บภูติอสูรหรือไม่ก็ สัตว์อสูร หาก
ซื้อหาภูติอสูร ย่อมได้รับกระเป๋ าสัตว์นี้ไปด้วย”
พานต้าเหว่ยนําเอากล่องผลึกแก้วโปร่งแสงออกจากกระเป๋ า สัตว์ และวาง
มันลงบนโต๊ะ ภายในกล่องผลึกแก้วโปร่งแสง เป็นบุคคลร่างเล็กขนาดราว
ฝ่า มือ ทั้งร่างกายปกคลุมด้วยประกายแสงอ่อนจาง ด้านหลังเป็น ปีก
โปร่งแสงงดงามคู่หนึ่ง ราวกับผีเสื้อ บุคคลร่างเล็กมีใบหูขี้ยาว ดวงตาสี
เขียวหม่น เส้นผมสีฟ้า ทั้ง ร่างถือว่าวิจิตรโดยถูกปกคลุมด้วยใบหญ้า
สัตว์ภูติขนาดเท่าฝ่ามือ กลับเป็นเด็กสาวตัวจ้อยงดงามเสีย อย่างนั้น นาง
ขดตัวอยู่มุมหนึ่งของกล่องผลึกแก้วตัวสั่นเทา
“ทุกท่านต่างได้เห็นกันไปแล้ว นี่คือภูติอสูร!” พานต้าเหว่ยกล่าว
“ข้าไม่คิดอธิบายถึงความพิเศษของสายพันธุ์นี้แต่อย่างใด เริ่มประมูล
ราคากันเลยดีกว่า เริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน เพิ่มจํานวนได้ตามที่
ท่านต้องการ”
หลันเฟิ งจินถอนหายใจ “ช่างเป็นเจ้าตัวเล็กที่น่าเวทนานัก!” ฉินหยุนพยัก
หน้า
“ขอรับ ตัวเล็กเช่นนี้ย่อมน่าเอ็นดู ข้าต้อง ประมูลมาให้ได้!” หลันเฟิ งจินม
องฉินหยุนอึ้งทึ่ง
“นี่เจ้าล้อเล่นหรือ? ไม่ใช่ว่ามา ที่นี่เพื่อเล่นสนุกหรือไร?” ฉินหยุนยิ้ม
“รอดูกัน!”
“หนึ่งพันล้าน!” เชี่ยวหยางหลงตะโกนขึ้น ทั่วทั้งลานกว้างส่งเสียงฮือฮา
ทันที ชั่วขณะที่เชี่ยวหยางหลง ออกปาก ราคาที่เสนอนั้นก็สูงลิบลิ่ว!
“หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน!” คนผู้หนึ่งตะโกน เป็นชายวัยกลางคน หลันเฟิ งจิ
นกล่าวเสียงเบา “เป็นคนของตําหนักทิศใต้!”
“หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน!” ชายวัยกลางคนร่างท้วนตะโกน ขึ้นด้วยสี
หน้าเคร่งเครียด ฉินหยุนกล่าวกระซิบ “ชายคนนั้นเล่ามาจากตําหนักใด
กัน?”
หลันเฟิ งจินหัวเราะ “มาจากตําหนักตะวันออก! ทั้งยังเป็นฝ่าย ที่มีงบน้อย
ที่สุดด้วย หาได้ยากที่พวกเขาจะรวบรวมแต้มเสวียน เพื่อคิดแข่งกับเชี่ยวห
ยางหลง พวกเขาไม่น่าจะเอาอยู่นะ!”
“หนึ่งพันสองร้อยล้าน!” เด็กหนุ่มในชุดสีนํ้าเงินลุกขึ้นยืน โบก พัดในมือ
ตะโกนดัง
“เป็นคนของตําหนักทิศเหนือ” หลันเฟิ งจินบอกก่อนฉินหยุน จะทันถาม
ทั้งสี่ตําหนักของตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามล้วนมาเข้า ร่วม!
เดิมสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนต่างก็ ส่งคนมา
ด้วย ทว่าพวกเขาไม่อาจไล่ตามได้ทัน แต้มเสวียนพวก เขามีอย่างจํากัด!
“หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบล้าน!”
เชี่ยวหยางหลงเผยสีหน้า แปรเปลี่ยนขณะตะโกน “หนึ่งพันสามร้อยล้าน!”
เด็กหนุ่มจากตําหนักทิศเหนือตะโกน ชายวัยกลางคนตําหนักทิศใต้ และ
ชายอ้วนตําหนักตะวันออก พวกเขาไม่คิดไล่ตามแล้ว ทั้งสองเผยสีหน้า
ช่วยไม่ได้กันออกมา เด่นชัด
ส่วนทางด้านผู้ชม พวกเขาล้วนแตกตื่น เพียงไม่นาน ราคา กระโดดไปถึง
หนึ่งพันสามร้อยล้านแต้มเสวียนแล้ว! แต้มเสวียนมหาศาลระดับนั้น พวก
เขาล้วนไม่อาจฝันถึงด้วยซํ้า เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะจินตนาการถึงต่อ
แต้มเสวียนระดับ นั้นด้วยซํ้า! เป็นเพราะเชี่ยวหยางหลงคือขอบเขตวรยุทธ์
เต๋า เขาไม่คิดใช้ แลกสิ่งอื่นใดโดยแต้มเสวียนที่มี เขาไม่ได้ขาดแคลนวิชา
หรือ อื่นใด เขาเพียงแต่ขาดรอยสักโทเทม หากเขาต้องการเป็นยอด
ฝีมือวรยุทธ์เต๋าที่ทรงพลัง เขาก็จําเป็นต้องเชี่ยวชาญรอยสักโท เทมและ
ได้รับสืบทอด
“หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบล้าน!” เหงื่อไหลหลั่งที่หน้าผาก เพราะ นี่เป็นเขา
ทุ่มสุดตัวแล้ว หากเขาไม่อาจได้รับภูติอสูร เช่นนั้นก็ เป็นเรื่องยากที่ภาย
หน้าเขาจะเลื่อนระดับพลังได้ ผู้ที่เข้าร่วมเสนอราคาล้วนไม่โง่
พวกเขาต่างทราบว่าภูติอสูรตัวนี้มีอันใดผิดปกติ ทว่า พวกเขาก็ทราบว่า
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่กล้ากระทําเกิน เลย พวกเขาเพียงนําภูติที่มี
ปัญหามากที่สุดออกมาประมูลเท่า นั้นเอง ดังนั้นพวกเขาล้วนเชื่อ ว่าภูติ
อสูรตัวนี้แม้มีปัญหาแต่ก็ ยังมากคุณค่า
“หนึ่งพันสามร้อยหกสิบล้าน!” หลังเด็กหนุ่มจากตําหนักทิศ เหนือตะโกน
เขานั่งลงและหลับตา นี่ถึงขีดจํากัดของเขาแล้ว เชี่ยวหยางหลงกัดฟันแน่น
ตะโกนขึ้น “หนึ่งพันสามร้อยเก้าสิบล้าน!”
เด็กหนุ่มจากตําหนักทิศเหนือลืมตาขึ้น ปล่อยเสียงถอนหายใจยาว เป็น
เขายอมแพ้แล้ว ทุกคนล้วนถอนหายใจ ท้ายที่สุดผู้สําเร็จยังเป็นเชี่ยวหยาง
หลง!
“หนึ่งพันสามร้อยเก้าสิบล้าน ครั้งที่หนึ่ง!”
“หนึ่งพันสามร้อยเก้าสิบล้าน ครั้งที่สอง!” หลังพานต้าเหว่ยนับจนถึงตรงนี้
เชี่ยวหยางหลงผ่อนลมหายใจ โล่งอกออกมาแล้ว ใบหน้านี้เปี่ยมด้วย
รอยยิ้ม
“หนึ่งพันสี่ร้อยล้าน!” ฉินหยุนพลันตะโกนขึ้น
“หา!”
จากฝูงชนนับพันที่มารับชมที่นี่ พวกเขาล้วนร้องอุทานออกเป็น เสียง
เดียว!
ราคาสุดท้ายที่ได้รับเสนอมาจากฉินหยุน ทั้งยังมากถึงหนึ่งพันสี่ ร้อยล้าน
แต้มเสวียน!
“ฉินหยุน อย่าได้สร้างปัญหา!” เชี่ยวหยางหลงตะโกนโกรธ เคือง
หลันเฟิ งจินผู้นั่งอยู่ข้างกายฉินหยุนยังอึ้ง นางทราบว่าฉินหยุน ไม่เคย
กระทําการบ่มบ่าม นอกจากนี้ เขายังเผยรอยยิ้มบางที่ ใบหน้า สิ่งนี้
หมายถึงเขามั่นใจ
“ข้าก่อปัญหาขึ้นเช่นไร?” ฉินหยุนยืนขึ้น และยิ้มมองไปยัง เชี่ยวหยางหลง
“เจ้าเพียงครอบครองหกถึงเจ็ดร้อยล้านแต้มเสวียน หนึ่งพันสี่ ร้อยล้าน
แต้มเสวียนเอามาจากที่ใด? นี่เป็นเจ้าสร้างปัญหาแล้ว! ขับไล่มันออกไป
เสีย!” เชี่ยวหยางหลงมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าฉินหยุน ไม่มีแต้มเสวียนมากมาย
เพียงนั้นแน่นอน เขาจึงตะโกนบอกต่อ ผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ดูแล
พานต้าเหว่ยเอ่ยคําขึ้น “ฉินหยุน นําบัตรผลึกแต้มเสวียนของ เจ้าออกมา
ให้ทุกคนได้เห็นว่าเจ้ามีแต้มเสวียนเพียงใด หาก เป็นเจ้าสร้างปัญหาขึ้น
ที่นี่ จะต้องโดนค่าปรับสองร้อยล้านแต้ม เสวียน”
ฉินหยุนนําเอาบัตรผลึกแต้มเสวียนออกมาด้วยท่าทีสงบ หลัง มันเผยแสง
ออก จึงแสดงจํานวนมากถึงหนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบ ล้านแต้มเสวียน ด้วย
แต้มเสวียนที่เผยให้เห็น ผู้คนที่นี้ล้วนตกตะลึงจนเงียบ เสียง!
จํานวนของแต้มเสวียนที่ฉินหยุนครอบครอง ไม่เพียงแต่หนึ่ง พันสี่ร้อย
ล้าน มันมากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยล้านด้วยซํ้า! เชี่ยวหยางหลงเองก็แตกตื่น
ถึงขนาดที่ดวงตาเบิกออกกว้างจน พูดกล่าวคําใดไม่ออก
ทุกคนต่างทราบว่าแต้มเสวียนไม่อาจทุจริต เพราะการ แลกเปลี่ยนแต้ม
เสวียนจําเป็นต้องมีการประทับตราโลหิต หาก มีการคดโกงเกิดขึ้น
บทลงโทษต่อการได้รับแต้มเสวียนดังกล่าว มา อาจหมายถึงความตาย
จากผลของตราประทับโลหิต หากเขาต้องการได้รับแต้มเสวียนจํานวน
มหาศาลอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นเขาต้องนําไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมา
แลกเปลี่ยน
สําหรับฉินหยุน เขาได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกว่าสิบฟองด้วย ตัวเอง
จํานวนเท่านี้ถือว่าเหลือเชื่อด้วยซํ้า กระทั่งหน่วยล่าสัตว์อสูรที่ก่อตั้งขึ้น
โดยผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ เต๋า ยังไม่อาจได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร
จํานวนมากเพียงนั้นใน ระยะเวลาอันสั้น เชี่ยวหยางหลงกําหมัดแน่น ออก
จากที่นั่งในงานประมูล ออกพ้นจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนด้วยโทสะเปี่ยม
ล้น
ท้ายที่สุด ฉินหยุนจึงเป็นผู้ได้รับภูติอสูรที่น่าเวทนาตัวนั้น ฉินหยุนเดินขึ้น
เวที ทําธุรกรรมเรียบร้อย เขาจึงได้รับกระเป๋ า สัตว์จากพานต้าเหว่ยที่มีภูติ
อสูรอยู่ภายใน หลังได้รับภูติอสูร เขายิ้มขณะเดินกลับไปข้างหลันเชิงจิน
พร้อมออกจากพื้นที่การประมูลกับนาง หลันเฟิ งจินแค่นเสียงขึ้น
“เจ้าหนู เมื่อใดกันที่ได้รับไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรมากมายมา? เจ้าถึงขั้นซื้อ
ภูติอสูรที่มีปัญหามาเสียได้ เป็นข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!”
“พี่หลัน ภูติอสูรตัวนี้มีปัญหาใหญ่จริง แต่ก็แค่ต้องการกินไข่ ผลึกแก้วสัตว์
อสูร แก่นอสูรมันไม่คิดกิน ดังนั้นแล้วจึงถูกนํา ออกมาประมูลในสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน เป็นสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนเองที่ไม่อาจเลี้ยงดูเจ้าตัวนี้ได้
ไหว” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เจ้ารู้อยู่แล้ว ก็ดี ดูเหมือนเจ้าจะเป็นคนเดียวที่เลี้ยงดูมันไหว แหละนะ!”
หลันเฟิ งจินยกริมฝีปากขึ้น
“หากมีเวลา มาพบข้า ที่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทําความคุ้นชิน
กับ สภาพแวดล้อมของตําหนัก เพราะอีกไม่ช้าเจ้าก็จะได้เข้าร่วม แล้ว”
“ข้าทราบดี! พี่หลัน คิดอยากไปถํ้าต้นไม้ของข้าหรือไม่?” ฉิน หยุนหัวเราะ
คิกคัก
“ไม่ เป็นข้าผ่านทางมาจึงแวะมาพบเจ้า ข้าคือนักบุญของ ตําหนัก
ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม ข้าต้องออกตระเวนไปสังหาร สัตว์อสูร ข้ายุ่ง
มากจริง ๆ ไว้เจอกันคราวหน้า!” หลันเฟิ งจินก ล่าวคําจบ นางจึงเร่งรีบมุ่ง
หน้าไปยังประตูทางออกของสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียน
ฉินหยุนตอนนี้เร่งเดินทางกลับถํ้าต้นไม้บนต้นไม้สมบัติตะวัน ดารา เขาคิด
อยากเห็นว่าภูติอสูรของตนทําอะไรได้บ้าง หลังกลับถึงถํ้าต้นไม้ เขาจึง
นําเอากล่องผลึกแก้วโปร่งแสงออก จากถุงสัตว์ จากนั้นจึงมองเข้าไปใกล้
ภูติอสูรเพื่อสํารวจมัน อย่างถี่ถ้วน ภายใน เป็นเด็กสาวตัวน้อยงดงาม
ขนาดตัวเท่าฝ่ามือ กําลัง กอดเข่าตนเอง ก้มหน้าลงซุกเอาไว้นางสั่นด้วย
ความกลัว
“เจ้าตัวน้อย นามข้าคือฉินหยุน! แล้วเจ้าเล่า?” ฉินหยุนเอ่ย ถามเสียงเบา
จากภายนอก ภูติอสูรดูเหมือนมนุษย์เพศหญิง เส้นผมสีฟ้า งดงาม ใบหู
ขาวเรียวแหลม เมื่อได้ยินเสียงฉินหยุน มันเริ่มสั่นมากขึ้น
ภูติอสูรตัวจ้อยเงยหน้าขึ้น กระพริบตาสีเขียวสุกสว่าง ปีกโปร่ง แสงที่
ด้านหลังปรากฏแสง จับจ้องฉินหยุนด้วยความสงสัย “นามข้าคือ โมโม!”
ภูติอสูรตัวเล็ก เผยนํ้าเสียงหวานตอบกลับ ให้ได้ยิน
“เสี่ยวโมโม เจ้าหิวหรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม เป็นเขากังวล ถึงเรื่องนี้
เพราะภูติอสูรตัวนี้จะกินก็แต่ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรที่ ราคาแพงมหาศาล ภูติ
อสูรตัวเล็กพยักหน้ารับ เอ่ยคําด้วยเสียงเบา
“ข้าหิวมาก” ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนจําได้ว่าภูติอสูรตัวนี้ตัวขดสั่นเทาที่มุม
ของ กล่องผลึกแก้วด้วยความหวาดกลัว จากที่เห็น น่าจะเป็นเพราะ
อาการหิวโซ
“ข้าได้ยินว่าเจ้ากินแต่ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรใช่หรือไม่? เหตุใด ภูติอสูรตน
อื่นกินแก่นอสูรแต่เจ้าไม่กิน?” ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้ แปลกจนเกิดความ
สงสัย
“เป็นเพราะ เป็นเพราะแก่นอสูรพวกนั้นมีพลังงานเพียงน้อย นิด ข้าไม่อาจ
อิ่ม ทั้งยังทําข้าปวดท้อง มีเพียงไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูรที่อร่อย ทั้งยังง่ายต่อ
การกินเพื่อทําให้ข้าอิ่มได้ และยังไม่ ทําให้ข้าปวดท้องด้วย”
เสี่ยวโมโมกล่าวตอบด้วยสีหน้าน่า เวทนาต่อฉินหยุน จากที่เห็น เป็นนาง
อดอยากมานาน พอสมควรแล้ว
“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเลย มีก็แต่แก่นอสูรที่มี พลังงาน
น้อยนิด เจ้าคิดอยากกินประทั่งไปก่อนหรือไม่?” ฉิน หยุนเอ่ยถาม
“กิน! กิน!” โมโมลุกขึ้นยืน ดวงตาสีเขียวสว่างทอประกายขึ้น ฉินหยุนไป
ปิดประตูห้อง เปิดกล่องผลึกแก้วอวอก เขากล่าว
“อย่าหนี ข้าซื้อเจ้ามาด้วยทุกสิ่งที่มีเลยทีเดียว” เขานําเอาแก่นอสูรจาก
สัตว์อสูรระดับวิญญาณออกมา และวาง ไว้บนโต๊ะ
“ข้าไม่หนี หากข้าหนี ข้าย่อมต้องหิวจนตาย” นางยินดีขณะ กระพือปีก
บินออกจากกล่องผลึกแก้ว ร่อนลงที่ข้างแก่นอสูร มือเล็กจ้อยทั้งสองข้าง
ทอประกายแสงสีขาวซีดจาง จากนั้นมัน จึงทะลวงเข้าไปในแก่นอสูร คว้า
บางสิ่งที่คล้ายเกล็ดหิมะสีขาว ออกมา และนําเข้าปาก จากท่าที่คล้ายมัน
จะหวานยิ่ง ฉินหยุนสํารวจมอง แก่นอสูรถือว่าแข็งแกร่ง กระทั่งเขายังไม่
อาจหาทางทุบทําลายมันได้ แต่แล้ว มือเล็กน้อยตรงหน้าเขา กลับใช้พลัง
พิเศษทะลวงเข้าไปด้านในแก่นอย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่ว่าเจ้ากินแต่ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรหรือ? ตอนนี้กินแก่น อสูรของสัตว์
อสูรระดับวิญญาณ จากที่เห็นก็กินพวกมันได้นี่!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“สิ่งนี้คือแก่นอสูรระดับวิญญาณ มันทําให้อิ่มท้องได้” รอยยิ้ม ยินดีเผยที่
ใบหน้าภูติอสูรตัวน้อย
“ท่านคิดอยากกินกับข้า หรือไม่?”
“ให้ข้าลอง!” ฉินหยุนยื่นนิ้วออก รับเกล็ดหิมะที่ภูติอสูรนํา ออกมา จากนั้น
จึงนําใส่ปาก
“ไม่คล้ายจะมีอะไรเลยนะ!”
กระทั่งว่ากินเข้าไปแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใด “บางที่อาจ
เป็นเพราะท่านคือมนุษย์ ท่านจึงไม่อาจย่อย พลังงานได้โดยตรง” โมโม
กล่าวตอบเสียงหวาน ไม่นานจากนั้น ร่างเล็กน้อยจึงกินแก่นอสูรจนหมด
สิ้น เมื่อภูติอสูรกินจนอิ่ม จึงเริ่มมีเรี่ยวแรงบินทั่วห้อง
ก่อนหน้านี้ ตอนฉินหยุนได้เห็นร่างน้อยหลบมุมในกล่องผลึก แก้วตัวสั่น
เขาคิดว่านางทั้งขี้อายและตื่นคน เขาไม่คิดว่ามอง นางผิดไป ตอนนี้เป็น
นางขึ้นยืนบนหัวของเขา ทั้งยังดึงเส้นผม เล่นด้วยซํ้า
ตอนที่ 268 ภูติอสูรพระแม่
เส้นผมฉินหยุนยุ่งกลายเป็นรังนกเพราะภูติอสูร จนทําเอาเขา เกิดความ
รําคาญขึ้นมาจึงคว้าร่างเล็กซุกซนจากบนหัว “โมโม เจ้าช่างซุกซนนัก!”
ฉินหยุนคว้าร่างภูติอสูรก่อนวางที่ บนโต๊ะ โมโมแลบลิ้นออกและหัวเราะ
“ท่านให้อาหารลํ้าค่าแก่ข้า ท่าน สมควรเป็นคนดีไม่คิดรังแกข้า”
“พูดถูก!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“ข้าเป็นคนดี ดังนั้นอย่าได้ รังแกคนดีเช่นข้า! พูดตามตรงนะ เจ้ากินได้แต่
แก่นอสูรระดับ วิญญาณหรือไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรหรือ? หากเจ้ายังกินแบบ
นี้ ต่อไป เป็นเรื่องยากแล้วที่ข้าจะเลี้ยงดูได้”
“จริงด้วย แล้วนี่คิดว่าจะอิ่มได้กี่วัน?”
โมโมก้มศีรษะลงตํ่ากระซิบออก “กินแก่นอสูรระดับวิญญาณ เข้าไป น่าจะ
พอให้ข้าอิ่มได้สักสิบวัน! ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรใบ หนึ่งให้ข้าอิ่มได้เดือนหนึ่ง
โปรดอย่าได้ทอดทิ้งข้า เช่นนั้นข้าได้ หิวจนตายแน่”
“ก่อนหน้าเจ้าก็หิว ยังไม่เห็นว่าจะตายแต่อย่างใด ถือว่าน่าทึ่ง แล้ว!”
ฉินหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปวูบหนึ่ง โมโมร้อนรนตอบกลับ “อย่าได้
ห่วง หากท่านให้ข้าได้กินจนอิ่ม ข้าก็จะนําผลประโยชน์กลับคืนแก่ท่าน!
เหตุผลว่าทําไมข้ากิน ได้แต่ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร หรือแก่นอสูรระดับ
วิญญาณ ก็เป็น เพราะสายเลือดชั้นสูงของข้า มันแตกต่างจากภูติอสูรตน
อื่น หากไม่ใช่เพราะท่านมีสายเลือดโทเทม ข้าไม่คิดบอกต่อท่าน ภูติอสูร
อย่างพวกเราปฏิเสธที่จะติดต่อสื่อสารกับมนุษย์”
“เพราะอะไรกัน?” ฉินหยุนเริ่มสนใจขึ้นมาขณะเอ่ยถาม
“พวกเราภูติอสูรเกิดขึ้นจากโทเทม! ท่านมีสายเลือดโทเทมอยู่ ภายใน
ร่างกาย หมายความถึงได้รับการยอมรับจากโทเทม ด้วยเหตุนี้ท่านจึง
ได้รับการยอมรับจากสายพันธุ์ภูติอสูรอย่างเราด้วยเช่นกัน” ภูติอสูรบินไป
ที่แขนซ้ายของฉินหยุนและ กล่าว
“โทเทมของท่านอยู่ในแขนนี้ ใช่หรือไม่? ฉินหยุนม้วนแขนเสื้อขึ้น เอ่ยคํา
ออกด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว เป็นข้าโชคดีได้รับโทเทมนี้มา ภายหลังได้รับความ ช่วยเหลือจาก
ราชสีห์อัคคี แขนจึงมีสายเลือดของราชสีห์ สวรรค์”
“เช่นนั้นก็คลี่คลาย! ตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านได้รับการยอมรับจากโท เทมสัตว์
แล้ว” โมโมมองโทเทมที่แขนของฉินหยุน
“โทเทมของ ท่าน เป็นโทเทมขั้นต้น ภายหน้ามันสามารถวิวัฒนาการ แต่
ท่านต้องมีความสามารถทําให้โทเทมวิวัฒนาการด้วย! หลังจาก
วิวัฒนาการโทเทมขึ้นไปแล้ว ท่านจะได้รู้และเข้าใจเรื่องของโท เทมมาก
ขึ้น และยังจะเป็นโทเทมที่มอบความแข็งแกร่งแก่ท่านมากขึ้น”
“จริงหรือ?” ฉินหยุนทั้งแตกตื่นและยินดีขณะเอ่ยถาม
“ข้าได้ ยินมาว่าภูติอสูรเช่นพวกเจ้าสามารถปล่อยโทเทมออกมา เหตุนั้น
ผู้คนจึงต่อสู้แย่งชิงซื้อหาเจ้า! แต่เจ้ากินไปเยอะมากกลับยัง ไม่ปล่อยโทเท
มออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยเจ้าเช่นนี้”
“ใช่ ข้าไม่อาจปลดปล่อยโทเทม ดังนั้นพวกมันจึงปล่อยให้ข้า หิวมานาน
ยิ่ง ข้าเกลียดพวกมันนัก!” ใบหน้าของโมโมเผย ความโกรธ กระนั้นก็ยังดู
น่ารักอยู่ ฉินหยุนวางนางลงในฝ่ามือตนเอง เขายิ้มกล่าว
“อย่าได้กังวล ไป ตราบเท่าที่ข้าไม่ตาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหิวโซ! แต่ข้า
จําเป็นต้องมีพลังเพียงพอจึงช่วยเจ้าหาอาหาร เจ้าคงรู้ว่าไม่ใช่ เรื่องง่ายที่
จะได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรหรือแก่นอสูรระดับ วิญญาณ” เหตุผลที่เขา
กล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อความสัมพันธ์เชิงร่วมมือกับโมโม เมื่อคิดว่าตนไม่อาจ
ได้รับโทเทม อย่างน้อยเขาก็ได้ทราบจาก นางว่าโทเทมสามารถ
วิวัฒนาการได้
“ข้าสัญญา ข้าจะช่วยท่าน” โมโมพยักหน้ารับ
“แม้ข้าไม่มีโท เทม แต่ความสามารถของข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าภูติอสูรตน
อื่น! พวกมันมีโทเทม แต่พวกมันไม่อาจวิวัฒนาการโทเทมได้ พลังของ
พวกมันมีอย่างจํากัด! ในหมู่ภูติอสูร ข้าคือพระแม่ผู้ซึ่งมี หน้าที่รับผิดชอบ
ในการวิวัฒนาการโทเทม”
ฉินหยุนยิ้มให้ “เช่นนั้นแล้ว พวกคนที่ปล่อยให้เจ้าหิวก็ไม่ ทราบอะไรเลย
พวกนั้นทอดทิ้งเจ้าที่เป็นพระแม่ ทําให้ข้ามี โอกาสได้พบเจอกับเจ้า” โมโม
ยิ้มอ่อน
“เพราะท่านเป็นคนดี คนดีสมควรได้รับรางวัล ตามนี้ ข้ารู้สึกได้ว่ามีโทเทม
ในร่างท่าน แต่โทเทมนั้นไม่คล้าย ผสานกับท่านได้ดีนัก!” นางลอยไปตรง
หัวใจของฉินหยุน เผยใบหน้าครุ่นคิดขณะตั้ง คําถาม ภายในหัวใจของฉิน
หยุน เป็นแก่นภายในสั่นไหว มันเกิดขึ้น ก่อนจะมีรอยสักโทเทมมังกร
พยัคฆ์ด้วยซํ้า ทั้งยังเป็นวิญญาณ ยุทธ์ หลังจากนั้นโทเทมมังกรพยัคฆ์
ค่อยประทับที่หัวใจของเขา ตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่ได้รับ ฉินหยุน
รู้สึกคุ้นเคยกับโท เทมมังกรพยัคฆ์ไม่น้อย กระนั้นมันอยู่ที่หัวใจของเขา ทํา
ให้เขา ไม่อาจควบคุมมันได้
“อืม นี่เป็นวิญญาณยุทธ์โทเทมที่ข้ากลืนกินเข้ามา” ฉินหยุน เริ่มอธิบายถึง
สิ่งที่เกิดขึ้น หลังฟังครบถ้วน นางยื่นมือออก กดลงที่หน้าอกฉินหยุนก่อน
ปลดปล่อยพลังสีฟ้าออกมา ดวงตาหลับลงและกล่าว
“อย่าได้ ต่อต้าน ให้ข้าลองว่าช่วยท่านได้หรือไม่” ฉินหยุนคล้ายเคยมี
ประสบการณ์เช่นนี้ครั้งวิญญาณยุทธ์ เมื่อ ครั้งนั้นเขาได้รับเคล็ดวิชาขัด
เกลาวิญญาณมา และครั้งนี้ก็ถึง คราวโทเทม ตอนนี้ เป็นเขารู้สึกว่าการใช้
แต้มกว่าพันล้านซื้อหาเด็กสาวตัว น้อยตรงหน้า ทุกแต้มเสวียนล้วนคุ้มค่า
กระทั่งนางไม่โบกสะบัดปีกของนาง ภูติอสูรก็ยังคงลอยอยู่กลาง อากาศ
ได้ ถึงตอนนี้ นางไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว มือวางเอาไว้ที่ หน้าอกของฉินหยุน
พลังงานลึกลับผสานเข้าควบคุมโทเทม มังกรพยัคฆ์ที่หัวใจของเขา
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างภายในหัวใจ มัน เป็นพลัง
สัตว์ทรงพลังอํานาจจากครั้งโบราณกาลกําลังคําราม ร้อง
“นี่เป็นพลังของโทเทมสัตว์ร้ายโบราณหรือ? ช่างน่ากลัวนัก!” ราวกับฉิน
หยุนได้เห็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์จากแดนอ้างว้าง โบราณเมื่อครั้งยุคแรกเริ่ม
ดวงตาของโมโมยังคงหลับ คิ้วนั้นขมวดเล็กน้อยคล้ายเริ่ม เหนื่อย ฉินหยุน
ตอนนี้เอง รู้สึกได้ว่าภูติอสูรที่ครอบครองพลังลึกลับ ระดับนี้ เป็นปกติเมื่อ
ยามใช้ออกจะเป็นภาระใหญ่ นอกจากนี้ นางยังเป็นถึงพระแม่ของภูติอสูร
ทั้งหมด ผ่านไปกว่าชั่วโมง เมื่อดวงตาของโมโมลืมขึ้น นางหอบออก
คล้ายเหนื่อยล้ายิ่ง ฉินหยุนเร่งรีบยื่นมือออก ข่วยรับนางเอาไว้บนฝ่ามือ
“ข้าหิวมาก!” โมโมก้มศีรษะลงตํ่า นํ้าเสียงอ่อนนุ่ม สีหน้าเขินอาย
เมื่อครู่นางเพิ่งกินแก่นอสูรระดับวิญญาณไป แต่ตอนนี้คิดอยาก กินอีก
แล้ว มันทําเอานางรู้สึกผิดไม่ใช่น้อย ฉินหยุนลูบหัวของนางอีกครั้งและยิ้ม
กล่าว “ไม่เป็นไร เจ้าช่วย ข้ามากนัก เมื่อหมดแรง เป็นเรื่องปกติที่จะหิว”
เขานําเอาแก่นอสูรระดับวิญญาณออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจึง ปล่อยภูติ
อสูรในมือลงที่โต๊ะเช่นกัน เด็กสาวตัวน้อยที่เขินอายเมื่อครู่ กลายเป็นมี
ชีวิตชีวาเริ่มกิน อย่างตั้งอกตั้งใจ สิ่งนี้คือแก่นอสูรระดับวิญญาณเม็ด
สุดท้ายที่ฉินหยุนมีแล้ว ทํา ให้เขารู้สึกลําบากใจอยู่บ้างสําหรับมื้อถัดไป
ของโมโม พลังความสามารถอันแข็งแกร่งของภูติอสูรตนนี้ มาพร้อมกับ
ความหิวกระหายครั้งใหญ่เช่นกัน ตอนนี้ เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ถึงรอยสักโทเทมมังกร พยัคฆ์ที่กําลังส่องแสงบนหัวใจ นี่หมายความถึงใน
ภายหน้า เขาจะสามารถทําความรู้และเข้าใจโทเทมมังกรพยัคฆ์ได้
เหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับโทเทมราชสีห์สวรรค์
“โมโม เจ้าไม่อาจกินแก่นอสูรระดับที่เก้าได้เลยจริงหรือ?” ฉิน หยุนอด
ไม่ได้ที่จะหัวเราะออก ยามได้เห็นนางกําลังกัดกิน อาหารแทบท่วมใบหน้า
“ตอนกินนั้นไม่เป็นไร ที่เป็นคือหลังกินเข้าไปแล้ว ข้าจะปวด ท้องรุนแรง....
หากไม่ใช่สถานการณ์บีบบังคับข้าไม่คิดกิน! พี่ชายฉินหยุน ข้าไม่ต้องการ
ปวดท้องเหมือนเมื่อครั้งอดีต ต้อง รบกวนท่านช่วยข้าหาอาหารให้แล้ว”
นางเอ่ยคําด้วยสีหน้าน่า เวทนา
“ย่อมได้ ย่อมได้ แม่สาวน้อย ให้ข้าพยายามให้ดีที่สุดเพื่อหา อาหารมื้อ
อร่อยแก่เจ้าก็แล้วกัน” ฉินหยุนหัวเราะตอบ
“จริง ด้วย เจ้าน่าจะรู้เรื่องสัตว์อสูรไม่มากก็น้อยใช่หรือไม่? ในเมื่อ เจ้ารัก
การกินไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเพียงนี้ พอจะสัมผัสถึงไข่ ผลึกแก้วสัตว์อสูร
ใกล้เคียงได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าทําได้!” โมโมเร่งรีบพยักหน้ารับ
“แต่ด้วย พละกําลังของท่านตอนนี้ การเข้าไปขโมยไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร
ออกจะเป็นเรื่องยากเกินไป และการที่ข้าจะพบเจอคนดีเช่นท่านยิ่งยาก
เข้าไปใหญ่ ข้าไม่คิดอยากให้เกิดอันใดขึ้นกับท่าน หากเป็นไปไม่ได้ ข้า
ยินดียอมปวดท้องเพื่อกินแก่นอสูรระดับที่ เก้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ข้า
ยอมปวดท้องดีกว่าให้ท่านต้อง เสี่ยงเพื่อข้า”
“ช่างเป็นเจ้าตัวน้อยน่ารักที่จิตใจงดงามนัก” ฉินหยุนยิ้ม อ่อนโยนให้เห็น
โมโมหิวอย่างจริงจัง ดังนั้นนางจึงกินอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ นาน แก่นอสูร
ที่ใหญ่กว่าร่างของนางจึงถูกกินจนหมดสิ้น เรื่องนี้ชัดเจนว่าความสามารถ
ในการย่อยของนางแกร่งกล้า เช่นเดียวกัน ทั้งยังย่อยพลังงานได้อย่าง
รวดเร็ว
“พี่ชายฉินหยุน ข้าไม่คิดอยากอาศัยอยู่ในสิ่งนั้น!” โมโมชี้ไปยัง กล่องผลึก
แก้วโปร่งแสง จากนั้นจึงเป็นถุงสัตว์
“ข้างในมืดมาก มืดอย่างมาก ทั้งอุดอู้ ไม่สบายเลยสักนิด”
“แบบนั้นแล้วเจ้าคิดอยากอยู่ที่ใดเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถาม ถุงสัตว์ เป็น
อุปกรณ์วิญญาณสําหรับเก็บสิ่งมีชีวิต มันค่อนข้าง แตกต่างจากอุปกรณ์
วิญญาณทั่วไป การขัดเกลาขึ้นมาถือว่ายากและระดับสูงมาก มีเพียงผู้
ครอบครองผังจารึกชีวิตที่พิเศษ เท่านั้นจึงสามารถทําได้ ฉินหยุนเองก็มีผัง
จารึกชีวิต ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากหากคิด หลอมมันขึ้น
“ท่านมีของที่ทรงพลังยิ่งอยู่กับตัว ด้านในมีมิติว่างมากพอ เหมาะสมให้ข้า
ได้อยู่อาศัย” โมโมบินลงที่ข้อมือฉินหยุน และ ตบมันเบาบาง
“ข้าสัมผัสได้ว่ามันอยู่ที่ตรงนี้” ฉินหยุนจึงปลดปล่อยวิญญาณเทวะเก้า
ตะวันออกและยิ้มกล่าว “ความลับน้อย ๆ ในร่างกายของข้านี้ถูกพบเจอ
โดยเจ้าเสีย แล้ว ให้ข้าลอง เจ้าสามารถเข้าไปได้หรือไม่?” ไข่มุกเม็ดแรก
ของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เป็นมิติเก็บของ ขนาดใหญ่ เดิมมันเล็ก แต่
มันขยายขนาดตามพลังจิตของเขา จึงมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้
ภายในกว้างกว่าหนึ่งร้อย ตารางเมตร รอบด้านล้วนเป็นสีขาว ถือว่าสว่าง
มาก หาได้มีด แต่อย่างใด เพียงคิด เขาจึงนําโมโมใส่เข้าไปด้านในได้
สําเร็จ
โมโมบินไปมาภายในด้วยความยินดี กล่าวคําชมออกมาแทบไม่หมด
วิญญาณเทวะเก้าตะวันสามารถรวบรวมพลังวิญญาณของเก้า ตะวัน
ดังนั้นแล้วไข่มุกเม็ดแรกจึงเปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ หนาแน่น รวมถึงออร่า
แห่งชีวิตด้วย
“พี่หยุน พอจะหาต้นไม้เล็กแก่ข้าได้หรือไม่? ข้าชอบอยู่อาศัย ในต้นไม้” โม
โมเอ่ยถาม
“ไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องสัญญาต่อข้า อย่าได้ซุกซนที่นี่ ห้ามจับ ต้อง
สิ่งของของข้าด้วย” ในไข่มุกเม็ดแรก มีกระดูกสัตว์ ระดับสูง รวมถึงวัสดุ
ระดับสูงจํานวนมากที่เอาไว้ใช้ทํายันต์
“ข้าทราบแล้ว!” โมโมพยักหน้ารับคํา ฉินหยุนเดินออกจากต้นไม้สมบัติ
ตะวันดารา เป็นเขาได้เห็น ตู้ก่วยที่อยู่ไกลออกไปเร่งรีบกลับมา
“เจ้าหนู เจ้าซื้อเจ้าตัวน้อยนั่นมาหรือ” ตู้ก๋วยตะโกนถามจาก ระยะไกล
เขาค่อนข้างสนิทกับพานต้าเหว่ย ทั้งอีกฝ่ายยังเป็น ผู้ดําเนินการประมูล
ข่าวคราวเรื่องนี้จึงถึงหูเขารวดเร็ว
“ขอรับอาจารย์ เรื่องนี้มีปัญหาหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาทราบว่า
โมโมไม่ได้ลวงหลอก นางเป็นภูติอสูรที่ทรงพลังจริง ทว่านางไม่ยอมรับ
ผู้อื่น และปฏิเสธที่จะสนทนากับผู้อื่นด้วย ตู้ก่วยกล่าวด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“เรื่องนี้ ข่าวลือว่าเจ้าตัว น้อยที่เจ้าซื้อมา เป็นภูติอสูรที่ดีเยี่ยม ตอนนี้ผู้
อาวุโสหลายท่าน ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ต้องการให้เจ้านําส่งกลับคืน”
ตอนที่ 269 โทเทมต้นไม้
ฉินหยุนยินดีไม่ใช่น้อย ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าโมโมเป็นภูติอสูร ระดับพระ
แม่ของจริง หลังได้ยินเสียงที่ด้านนอก โมโมซึ่งอยู่ภายในไข่มุกเม็ดแรกจึง
ตะโกนถามอย่างเป็นกังวล
“พี่หยุน อย่าได้ส่งข้ากลับคืน ข้าไม่ คิดอยากกลับไป ข้าเพียงต้องการร่วม
ทางกับท่าน ท่านต้องเชื่อ ข้า ข้าจะนําผลประโยชน์มาสู่ท่าน ขอร้อง
อย่าได้ส่งข้ากลับไป ข้าขอร้อง...” โมโมร้องขออย่างสุดแรง ใบหน้างดงาม
ของนางพลันเปี่ยมด้วย นํ้าตา ดวงตาสีเขียวคู่นั้นหลั่งนํ้าตาออกไม่หยุด
สภาพที่เห็น ชวนให้เขารู้สึกเวทนา
ฉินหยุนมองที่ภูติอสูรของตนในไข่มุกเม็ดแรก เขารู้สึกหัวใจ อ่อนยวบ
กระทั่งว่านางไม่ร้องขอด้วยท่าที่น่าเวทนาเพียงนี้ เขาก็ไม่คิดส่งนาง
กลับคืนอยู่แล้ว “อาจารย์... เรื่องนี้มีเหตุผลใดกัน? พวกนั้นชัดเจนว่ายอม
ปล่อยมือจากเจ้าตัวน้อยนี่แล้ว เหตุใดจึงคิดอยากได้กลับคืน?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม “ท่านต้องทราบ ว่าข้าเดิมพันทรัพย์สิน ทั้งหมดไปกับการ
ประมูลครั้งนี้เลยทีเดียว” ตู้ก่วยตอบ
“ทางเบื้องบนของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่ได้บอก ข้ามากนัก หลังพวกเขา
ได้พบชายชราจากตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม พวกเขาก็พลัน
เปลี่ยนการตัดสินใจเสียอย่าง นั้น! พวกเขายินดีมอบแต้มเสวียนกลับคืน
แก่เจ้า ทั้งยังจะมอบ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรแก่เจ้าอีกห้าฟอง!”
“แล้วหากข้าไม่ตกลงละขอรับ?” ฉินหยุนเผยสีหน้าลําบากใจออกมา
ตู้ก๋วยขมวดคิ้ว “ข้าไม่อาจทราบแล้ว โดยสรุป เจ้าตัวน้อยนี้มี อํานาจ
มากกว่าตัวอื่น เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงคิดเร่งรีบนํา กลับคืน หากเจ้าไม่
ตกลง พวกเขาคงส่งคนมาไม่เลิกแน่”
“จริงสิ แล้วเจ้าตัวน้อยนั่นละ?” ฉินหยุนกล่าวด้วยความลังเล “เจ้าตัวน้อย
นั่นอยู่สภาพยํ่าแย่ ขอรับ ข้ายังไม่ทันได้ประโยชน์อันใดจากมันเลย และข้า
ไม่คิด ส่งมันกลับคืนด้วย! ในเมื่อเจ้าตัวน้อยทําให้พวกเขาอยากได้
กลับคืนเพียงนี้ ก็หมายความว่ามันต้องมีเรื่องใหญ่อยู่เบื้องหลังแน่”
“ฉินหยุน เจ้าตัวน้อยนั้นเลี้ยงดูยากนัก เจ้าไม่อาจเลี้ยงดูได้ง่าย ทางที่ดี
ควรคิดให้ดีกว่านี้” ตู้ก่วยตอบ
“ขอรับ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยนี่” ฉินหยุนพ ยักหน้ารับ
“อาจารย์ ที่นี่มีต้นไม้ที่ดีอยู่บ้างไหมขอรับ?”
“ต้นไม้ที่ดีหรือ? แน่นอนว่าต้องมี ที่นี่คือต้นไม้สมบัติตะวัน ดารานะ!”
ตู้ก๋วยเงยหน้าขึ้น มองไปยังต้นไม้สูงเสียดแทงหมู่ เมฆและยิ้มออก
ฉินหยุนทราบดีว่าต้นไม้นี้ดีเยี่ยม แต่เขาไม่อาจนํามันสู่มิติของ ไข่มุกเม็ด
แรกได้ “กิ่งต้นไม้สามารถนําออกมาได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนชี้ไปยัง กิ่ง
ไม้หนาและเอ่ยถาม
“อย่างไรแล้ว มันก็มีอยู่มากมาย อย่าทําลายทั้งต้นย่อมไม่ เป็นไร” ตู้ก๋วย
โบกมือตอบคํา
“เช่นนั้นขากลับไปแจ้งต่อพวก เขาก่อน ว่าเจ้าไม่ตกลงส่งมอบกลับคืน ให้
พวกเขาตัดสินใจ เสีย”
“ขอรับ รบกวนท่านอาจารย์แล้ว!” กล่าวคําจบ ฉินหยุน ทะยานขึ้นสู่
อากาศ นํากระบี่แก่นจิตออกมา สับฟันที่กิ่งไม้ยาว กว่ายี่สิบเมตรออกมา
ท่อนหนึ่ง กิ่งก้านนี้ค่อนข้างใหญ่โต กระทั่งใบไม้ยังใหญ่ราวอ่างล่างหน้า
แล้ว ทั้งยังเป็นใบใหม่ที่เพิ่งผลัดออกมา พวกมันล้วนเขียวและ เรืองแสงสี
เขียวเจือจางออกมา เขาวางกิ่งไม้นี้ลงในพื้นดินขนาดใหญ่ของไข่มุกเม็ด
แรก เป็น เขาทําราวกับนํากิ่งไม้นี้มาปลูกให้เป็นต้นไม้
ได้เห็นดังนี้ โมโมยินดีไม่น้อย นางกระทั่งบินไปมารอบต้นไม้ หลบเข้าออก
ใบไม้ใหญ่ไปมาไม่คิดหยุด “โมโม หากพวกนั้นต้องการนําเจ้ากลับไป ข้า
อาจจะไปจากที่ นี่เอง อย่าได้กังวล”
ฉินหยุนแสดงความแน่วแน่ให้ภูติอสูรของ ตนเองได้เห็น เด็กสาวตัวน้อยรู้
และเข้าใจเขาเป็นอย่างดี นางเชื่อมั่นในตัวเขา ไม่ใช่น้อย กระทั่งทําเสมือน
เป็นคนในครอบครัว เขาจะยอม ปล่อยนางไปได้อย่างไร?
“พี่หยุน ท่านได้รับกิ่งไม้นี้จากที่ใดหรือ? ต้นไม้ที่สามารถเรือง แสงได้
แม้กระทั่งตัวกิ่ง ถือว่าทรงพลังยิ่ง” โมโมกล่าวขณะนั่ง ลงที่ใบไม้ใหญ่
“ข้าอยู่ในตัวต้นไม้ใหญ่นี่เอง มีอะไรหรือ? เจ้าทราบเรื่องราว ของต้นไม้นี้
ด้วย?” ฉินหยุนเองก็ทราบว่าต้นไม้สมบัติตะวัน ดาราไม่ธรรมดา เขาจึงเร่ง
รีบเอ่ยถาม เฉินหยุนใช้พลังจิตส่งเสียงและส่งถ่ายเข้าสู่ไข่มุกเม็ดแรกเพื่อ
สนทนากับภูติอสูร
“ต้นไม้ที่สามารถเติบโตผ่านกาลเวลา ยิ่งมายิ่งใหญ่โต หมายความถึงต้อง
มีโทเทมในต้นไม้นั่น! หากให้ข้าออกไป ข้า อาจหาโทเทมของต้นไม้นี้ได้!”
โดยทันที ฉินหยุนปลดปล่อยภูติอสูรออก ให้นางนั่งที่บนไหล่ ของเขา
“ข้างบนนั่น!” โมโมหลับตาไปครู่หนึ่ง นางสัมผัสได้รวดเร็ว พร้อมชี้บอก
ฉินหยุนเร่งรีบเดินออกจากถํ้าต้นไม้ด้วยวความเร็วสูง เมื่อออกสู่ภายนอก
แล้ว เขาทะยานร่างขึ้นด้านบนที่ราวเจ็ดสิบเมตร โมโมบอกให้เขาหยุด
“ที่ความสูงเท่านี้ ท่านสามารถเข้าสู่ตรงกลางของต้นไม้ใหญ่นี้ ได้หรือไม่?
ข้างในเป็นแก่นภายในที่เก่าแก่มาก โทโทมต้องอยู่ ภายในแก่นนั่น!” เฉิน
หยุนวนรอบต้นไม้ ไม่ช้าจึงพบถํ้าไม้ที่ว่างเปล่า
เมื่อเข้าในถํ้าต้นไม้ เขาเริ่มขุดลึกลงไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมงได้ ในที่สุดก็ถึง
พื้นที่ว่างตรงกลางของต้นไม้ใหญ่ ที่ตรงกลางของบริเวณนี้ มันเป็นเสา
ผลึกแก้วโปร่งแสง พอฉินหยุนได้เห็นแก่นผลึกแก้วโปร่งแสง เขาอดไม่ได้ที่
จะมีน งงไปวูบ!
เป็นเพราะที่ส่วนลึกของสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว มันก็มีเสา ผลึกแก้ว
คล้ายกันนี้อยู่ในห้องหินทรงกลม มันคือแหล่งพลังงานที่คอยรักษาสุสาน
ราชวงศ์เทียนเชี่ยวเอาไว้
“โมโม เจ้าทราบหรือไม่ว่าเสาผลึกแก้วนี้คือสิ่งใด?” ฉินหยุน เดินวนรอบ
เสาผลึกแก้ว สํารวจภายในอย่างตั้งอกตั้งใจ ครั้งยังอยู่ในสุสานราชวงศ์
เทียนเชี่ยว เขาได้รับปากกาลึกลํ้า สะท้อนจิตและจารึกวิญญาณมา
“สิ่งนี้คือแก่นภายในของต้นไม้ใหญ่! โทเทมถูกซ่อนเอาไว้ด้าน ใน ข้าเห็น
มัน” ภูติอสูรลอยวนรอบเสาผลึกแก้วและกล่าว
“ให้ข้าทดลองดู ว่าสามารถอ่านโทเทมนี้และนําสู่ร่างกายของท่าน ได้
หรือไม่” ดวงตาฉินหยุนเบิกออกกว้างขณะมองเสาผลึกแก้ว เพียงแต่ เห็น
ลําแสงสีขาวส่องสว่างอยู่ภายใน ไม่คล้ายจะเห็นโทเทมแต่ อย่างใด ทว่า
เขารู้สึกว่าไม่แปลกที่โมโมจะพูดถึงในสิ่งที่มีแต่นาง สามารถเห็น

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น