พวกเขาจึงไม่ต้องทนแบกรับความทรมานของค่ายอาคมสังหาร
สามารถก้าวสู่รอบลัดไปไต้โดยง่ายดาย
ลัดมาจึงเป็นคราวของเสวี้ยซือเยี่ย นางเองก็อยู่ร่วมกลุ่มเดียวลับ
นักบุญคนหนึ่ง!
นางเป็นหญิงสาวที่ไม่คิดยอมแพใดยง่าย ดังนั้นนางจะไม่มีทางยอม
แพ้ก่อนจะเริ่มแข่ง!
ตอนที 309 ยืนกรานจนจบ
เสวี้ยซือเยี่ยเขาสู่ค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก นักบุญหญิง
ที่เข้าไปด้วยกัน มีสีหนัาสงบอย่างเหลือเชื่อ คด้ายไม่หวั่นเกรงต่อ
ค่ายอาคมสังหารแต่อย่างใด
ทุกคนต่างยอมรับ ว่านักบุญวิญญาณสีครามช่างแข็งแกร่งและสูงส่ง
กระนั้นเมื่ออยู่กลางอาคมสังหาร ก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดบ้างไม่
มากก็บ้อย
แต่อย่างไรแล้ว ขึ้นชื่อค่ายอาคมสังหาร เป็นไปไม่ได้ที่จะทานทน
ความเจ็บปวดของพวกมัน!
แต่จากที่เห็น นักบุญผู้นี้ไม่คสัายมีแรงกดดันแบ้สักนิด!
“เริ่มได้!” ชายชราตะโกนพร้อมเปิดการทำงานค่ายอาคมสังหาร
“อาก!”
ผูฟิกตนภายในค่ายอาคมแยกวิญญาณอัคคีเพลิง กรีดร้องออกทันที
ด้วยสภาพน่าสังเวช
พวกเขาด้วนได้เห็นความเจ็บปวดของผู้อื่นชื่งเข้ามาภายในค่ายอาคม
กระนั้นพวกเขาก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พอเข้ามาจริง พวกเขาก็ยัง
ไม่อาจด้านรับการปะทะอย่างฉับพลันนี้ได้
เพียงชั่วพริบตา ผูฟิกตนสี่คนยอมแพ้ออกจากค่ายอาคมกันแล้ว!
เสวี้ยซือเยี่ยกัดพ้นแน่นและขมวดคี้ว ชุดสีม่วงรัดรูปของนางเผย
ประกายสีม่วงอ่อนจางออกมา ราวกับนางกำลังต้านทานความหนาว
เย็น!
“เสวี้ยซือเยี่ยแข็งแกร่งนัก! นี่จึงเป็นผู้ที่สามารถต้านรับได้นาน!”
หยางฉีเย่ว์ชื่นชม
การแข่งขันครั้งนี้ มีผูฟิกตนหญิงกว่าสิบคนเข้าร่วม ทว่าพวกนาง
ล้วนตกรอบกันหมด
หลังจากค่ายอาคมสังหารทำงาน เสวี้ยซือเยี่ยไม่ร้องออกแล้ครึ่งคำ นี่
ถือได้ว่าหาไต้ยากยิ่ง
ขณะเดียวกัน นักบุญผู้ซึ๋งอยู่ในค่ายอาคมเดียวกับนาง นางเพียงหลับตา
คล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดจากค่ายอาคมสังหาร!
จี้ไค่หลินมองฉินหยุนและกล่าวอย่างภาคภูมิ “บ่อยครั้งพวกเรา
ฟิกฝนเป็นการลับกับค่ายอาคมสังหาร ดังนั้นแล้วจึงเป็นปกติที่พวก
เราจะไม่ได้รับผลอันใด! ตอนนี้เจ้าคงทราบแล้วว่าพวกเราแข็งแกร่ง
เพียงใด ได้เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่านักบุญเป็นเช่นไร?”
ฉินหยุนมองหยางฉีเย่ว์เห็นนางไหวศีรษะให้เล็กนัอย นางกล่าว
เสียงเบา “ข้าอยู่ในตำหนักสักดสิทธมาก็ระยะเวลาไม่ห้อย แต่ข้าไม่
เคยได้ยินว่าพวกเขาฟิกฝนเช่นนี้!”
เสวี้ยซือเยี่ยยิ่งมายิ่งกำลังใจลดตั้า นางไม่คิดว่าการอดทนต่อความ
ทรมานของนักบุญจะต้องเผชิญกับความน่าสะพรึงเพียงนี้!
เพื่อต้านทานพลังของอาคมสังหาร นางต้องไข้พลังงานอย่างมหาศาล
นางกัดพีนแน่นและยังคงต้านทานต่อเนื่อง!
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป หากนักบุญวิญญาณสีครามไม่ออกจาก
อาคม นางย่อมแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
กับการต้องแพีไนรอบที่สามเช่นนี้ นางไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้!
เสวี้ยซือเยี่ยอดทนจนเหนือลํ้ายิ่งกว่าผูป็กตนหลายต่อหลายคน
กระนั้น นางกลับโชคไม่ดีที่ต้องมาอยู่ร่วมกลุ่มกับนักบุญ!
หากเป็นนางอยู่กลุ่มเดียวกับผูป็กตนอื่น นางคงผ่านเข้ารอบไป
โดยง่ายแต้ว
ฉินหยุนกล่าวกระซิบ “สารเลวพวกนั้น จงใจจับกลุ่มซือเยี่ยกับ
นักบุญ! ซือเยี่ยแข็งแกร่ง เป็นภัยคุกคามต่อนักบุญ เพราะเหตุนั้น
พวกมันจึงคิดท0าใพ้นางตกรอบ!”
หยางฉีเย่ว์พยักหนัา “ตราบเท่าที่เป็นผูป็กตนที่มีศักยภาพยอดเยี่ยม
พวกเขาจะอยู่กลุ่มเดียวกับนักบุญ รอบที่สามนี้ย่อมแพ้พ่าย ในกรณี
นี้ สองรอบที่เหลือจะอยู่ในกำมือของตำหนักสักดสิทธ!”
เสวี้ยซือเยี่ยพลันร้องออกเสียงดังและออกมา ค่ายอาคมตอนนี้จึง
หยุดลง!
“ซือเยี่ย เจ้าเป็นไรหรือไม่?” หลันเฟิงจินเร่งรีบเดินเจ้ามาสอบถาม
เสวี้ยซือเยี่ยมมองขึ้น ถอนหายใจด้วยความไม่ยินยอม “จ้าไม่เป็นไร
แต่คงต้องพักสักหลายวัน!”
ขณะนักบุญวิญญาณสีครามเดินออกมา สีหนัานางไม่เปลี่ยน เมื่อพัน
จากค่ายอาคมสังหาร นางมองอย่างหยิ่งผยองต่อเสวี้ยซือเยี่ย แค่น
เสียงเดียดฉันท์ออกมาคราหนึ่ง
กระทั่งว่านางยืนอยู่ในค่ายอาคมสังหารชั่วระยะเวลานึ่ง กระนั้น
กลับยังคงสงบ!
แส่ทางด้านผีฟิกตนจำนวนมากเล่า พวกเขาเหล่านี้กรีดจ้องออกด้วย
ความเจ็บปวด!
ผูฟิกตนทุกคนที่เจ้าสู่ค่ายอาคมสังหาร ต่างมองนักบุญผู้นี้ราวลับเห็น
ผี!
พละกำลังของนักบุญ เพียงพอสจ้างความตื่นตะลึงแก่ผูฟิกตนจำนวน
มาก พวกเขาค่อยเจ้าใจ ถึงความแตกต่างระหว่างนักบุญและพวก
ตนเอง!
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์เสินไปยังข้างกายหลันฮัวอวีและจ้าวฉวน
หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามเสียงเบา “ผู้อาวุโสหลัน เรื่องนีคล้ายไม่ถูกต้อง
ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
หลันฮัวอวีเผยสีหน้าเคร่งเครียด กระนันเขากลับส่ายศีรษะเผย
นํ้าเสียงจริงใจออก “ข้าไม่ทราบ แต่ข้าจะหาทางทราบ อย่างไรแล้ว
เรื่องนี้ต้องไม่ง่ายดังที่เห็น!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะลํ้าค่าที่สามารถ
ต้านทานค่ายอาคมสังหาร?” หลันเปิงจินสบถออกเสียงเบา “ต้อง
เป็นเช่นนั้นแน่ ลูสีหน้าผ่อนคลาย นั่นไม่คล้ายคนที่โดนพลังอำนาจ
ของค่ายอาคมเลยสักนิด!”
“สารเลวนัก! ข้าจะเปิดโปงพวกมัน!” ม่หรงต้าเหรินไม่ยินดีอย่างยิ่ง
“ม่หรง อย่าได้เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าพวกนั้นโกง พวกมันไร้
ยางอายเพียงนั้น ย่อมปฏิเสธการยอมรับไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม!”
จ้าวฉวนกล่าว
ลัดจากนี้ ถึงคราวของฉินหยุนแล้ว!
อวี้เพิงผู้ซ็งอยู่กลุ่มเดียวลับฉินหยุน เป็นนักบุญวิญญาณสีคราม
อวี้เหิงครอบครองหกเส้นวิญญาณ และมีวิญญาณยุทธ์พญางูระดับ
แพลทินัม กล่าวกันว่าเป็นวิญญาณยุทธ์งูบิน ที่สามารถวิวัฒนาการ
เป็นมังกรในภายหนัา ศักยภาพของเขายังเหลือช่องว่างให้เติบโตไสั
อีกมาก
นอกจากฉินหยุนและอวี้เหิง อีกสองคนที่ร่วมกลุ่มสัวนยอมแห้พวก
เขาไม่คิดอยากโดนความทรมานเล่นงาน
อวี้เหิงมองฉินหยุนเย็นเยือกและกล่าว “ข้าแนะนำให้เข้ายอมแห้เสีย!
เข้าคงได้เห็นแส้ว นักบุญวิญญาณสีครามเช่นพวกเรา มีความอดทน
ต่อค่ายอาคมสังหารสูงลํ้ากว่าพวกเข้า”
“ไม่มีวัน!” ฉินหยุนตอบเฉยชา เป็นเขาสงสัยว่านักบุญเหล่านี้คดโกง
กระนั้นเขายังไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ฉินหยุนและอวี้เหิงเดินเข้าค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียดแทงกระดูก
จี้ไค่หลินและคณะนักบุญวิญญาณสีคราม เผยสีหห้ามั่นใจว่าฉิน
หยุนต้องพ่ายแห้ใบหห้าพวกเขาเปียมด้วยรอยยิ้ม
“เริ่มได้!”
อาคมสังหารทั้งสองเริ่มทำงานพร้อมกัน เพียงพริบตา เสียงร้องน่า
สังเวชก็สังขึ้นอีกครั้ง!
ทางด้านค่ายอาคมแยกวิญญาณอัคคีเพลิง สามคนพลันกระโดดออก
ที่เหลือเพียงหนึ่งสามารถอดทนได้มากกว่าเล็กน้อย เป็นเขาสามารถ
ผ่านเขาสู่รอบลัดไปได้สำเร็จ!
ทางด้านฉินหยุนและอวี้เหิง พวกเขายังคงสงบ!
ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย โคจรพลังภายในตะวันทมิฬทั่วร่างกาย
เป็นการทำใน้กด้ามเนื้อและโลหิตด้านทานผลของอาคมสังหารต่อ
ร่างกาย
พลังลึกลับของตะวันทมิฬ สามารถสูดกลืนพลังนานาชนิด และ
สลายพวกมันออกเป็นพลังงานบริสุทธ
เมื่อครู่ ตอนที่เสวี้ยซือเยี่ยด้านทานพลังของอาคมสังหาร นางต้อง
เจ็บปวดร้ายแรง
แต่สำหรับฉินหยุน เขาเพียงยืนที่ค่ายอาคมสังหารราวกับไม่มีสิ่งใด
เกิดขึ้น
จี้ไค่หลินและคณะต่างตระหนกตกใจ!
พวกเขาไม่คิดว่าฉินหยุนจะเป็นเช่นพวกเขา ถึงขั้นสามารถด้านรับ
พลังของอาคมสังหารได้โดยง่าย!
“สมลับที่เป็นฉินหยุน มีแต่เขาที่สามารถสะกดข่มนักบุญวิญญาณสี
คราม!”
“นักบุญวิญญาณสีคราม ได้อึดเพียงชั่วครู่เท่านั้น ฮ่าฮ่า!”
“หวังว่าฉินหยุนจะเป็นเช่นนี้ต่อ ให้นักบุญวิญญาณสีครามมันได้
ร้องออกเสียฟ้าง!”
ท่ามกลางฝูงชน หลายต่อหลายคนสนับสบุนฉินหยุนกันมากขึ้น
โดยหลักก็เพราะ พวกเขาไม่ใช่นักบุญ และนักบุญเหล่านั้น ก็หยาม
เหยียดผู้ฝืกตนในการแข่งขันอย่างไม่ว่างเร้น กระทั่งไม่เห็นผู้อื่นอยู่
ในสายตา!
อวี้เพิงมองที่ฉินหยุน ร่องรอยความโกรธแค้นปรากฏในดวงตา นี่ก็
เพราะมีหลายคนให้การสนับสนุนฉินหยุน
“ดูเหมือนทั้งสองจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน! หากเป็นแบบนี้ส่อไป
ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาอีกนานเพียงใด เพื่อให้การแข่งขันจบลงเร็ว
ขึ้น ช้าจะเพิ่มพลังของค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียดแทงกระดูก!”
ทันทีเมื่อผู้อาวุโสซ็งดำเนินงานกล่าวคำจบ เขาควบคุมค่ายอาคมธง
ให้ปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น
วูบ!
พลังงานเย็นเยือกกระทั่งหลุดออกจากค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียด
แทงกระดูก เป็นผลให้ผู้คนที่อยู่ใกล้หนาวเย็นจนถึงกระดูกสันหลัง!
“ท่านป พวกเราควรทำอย่างไร?” หลันเฟิงจินเป็นกังวล
จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ มองที่ฉินหยุนและอวี้เหิงพร้อมคิ้วขมวด
พวกเขาไม่ได้กล่าวคำใด เพียงแต่ครุ่นคิดว่าที่ร่างกายอวี้เหิงมี
ความลับใดซ่อนอยู่
พลังอำนาจของค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก ฉับพลัน
เพิ่มขึ้น สีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยน เขาไม่อาจรักษาความสงบเช่น
ก่อนหน้าได้อีก
สำหรับทางด้านอวี้เหิง เขายังคงสงบ แม่'พลังอำนาจของค่ายอาคม
นรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูกเพิ่มขึ้น เขาไม่คด้ายได้รับแรงกดดันใด
“ค่ายอาคมสังหารยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง พลังตะวันทมิฬของเรามีจำกัด
หากเป็นเช่นนี้ต่อ ผู้ที่ต้องพ่ายแน้จะเป็นเรา!” ฉินหยุนมองที่อวี้เหิง
ขณะกัดพ่นแน่น
อวี้เหิงยังคงหลับตา หาได้รับผลกระทบใดไม่!
เรื่องนี้แปลกเกินไปแด้ว!
ผู้อาวุโสหลายท่านของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม สามารถรับร้
ได้ถึงเรื่องราวไม่ชอบมาพากล กระนั้นพวกเขาไม่อาจกล่าวคำใด
ออก
พวกเขารู้สึกว่า เป็นปกติที่ตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีครามจะทำ
เช่นนี้ อย่างไรแล้ว ผู้ชนะในท้ายที่สุด ย่อมท้องสมควรเป็นศิษย์ของ
ตำหนักศิกดื้สิทธื้
อย่างกะทันหัน ค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก ปล่อยคลื่น
พลังหนาวเย็นอีกระลอกออกมา อำนาจของค่ายอาคมสังหาร เพิ่มขึ้น
อีกครั้งหนี้งแล้ว!
ฉินหยุนไม่หันตั้งตัวต่อการเพิ่มพลังอย่างกะทันหัน ค่ายอาคม
สังหารทำลายการป็องลันของเขาแล้ว!
ครั้งนี้ พลังอำนาจของค่ายอาคมสังหารเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการแจ้ง
เตือนใดมาก่อน!
ทั้งร่างกายของฉินหยุน ต้องแบกรับความหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก
เขาปล่อยเสียงคำรามจ้องเบาออกมา
“ไล้พวกสารเลว!”
เขาจ้องคำรามกราดเกรี้ยว อย่างรวดเร็ว เขาเร่งโคจรพลังภายใน
ทั้งหมดต้านรับความหนาวเย็นที่โจมตีร่างกายอย่างต่อเนื่อง พจ้อม
ลันนี้ เขายังปลดปล่อยอสนีบาตอัคคีทองม่วงปกคลุมร่างกาย
ทันทีเมื่ออสนีบาตอัคคีทองม่วงปรากฏ ความหนาวเย็นถูกสลัด
เอาไล้ เขาค่อยรู้สึกผ่อนคลายไต้
ทว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อใดที่พลังภายในของเขาใช้งานหมดสิ้น
เมื่อนั้นเขาจะไม่อาจทานทนได้!
ฉินหยุนไร้ซึ่งทางเลือก ได้แต่ใช้วิธีรับมือไปทีละขั้น
พลังอำนาจของค่ายอาคมสังหารไม่ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก ราวลับมัน
ถึงขีดจำกัดที่ทำได้แล้ว
ตอนนี้ ตราบเท่าที่เขาใช้พลังจนหมด อวี้เหิงจะเป็นผู้ชนะ!
ไม่นานนัก อสนีบาตอัคคีทองม่วงที่ปกคลมกายฉินหยูน พลันหาย
พลังภายในของฉินหยุนหมดสิ้นแล้ว!
ด้วยไม่มีพลังภายในสนับสนุน เขาไม่อาจต้านทานพลังของค่าย
อาคม ทั้งร่างพลันถูกอำนาจของค่ายอาคมสะกด
ตึง!
ฉินหยุนล้มลงลับพื้น!
เขาไม่คิด ว่าค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียดแทงกระดูกจะทรงพลัง
อำนาจเพียงนี้ มันปลดปล่อยพลังกดดันที่หนักหนาออกมาไม่หยุด
หย่อน
ตอนนี้ กระทั่งเขาคิดอยากหลบหนีจากค่ายอาคม ก็ยังเป็นเรื่องยาก
พลังของค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก มันถูกใช้อย่างถึง
ขีดจำกัดแล้ว!
ทางล้านอวี้เหิง เขายังคงยืนอย่างไม่รู้สึกรู้สา ตราบเท่าที่ดวงตาไม่ไล้
มืดบอด ผู้คนต้องทราบแล้วว่ามันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล
ทุกคนตอนนี้จึงทราบพละกำลังของฉินหยุนเป็นอย่างลี
ล้วยความพากเพียรระดับนี้ที่แสดงให้ผู้ที่ตกรอบไล้เห็น หลายล้วนก็
ต้องตกใจกันทั้งสิ้น กระนั้น มันก็ยังห่างไกลจากนักบุญเหล่านั้น
และตอนนี้ ฉินหยุนล้มลงกับพื้นแล้ว ขณะที่นักบุญยังอยู่ลี!
“อวี้เหิงต้องคดโกงแล้ว!” ม่หรงต้าเหรินพลันกล่าวออก
หลายคนล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน กระนั้นพวกเขาหวาดเกรงที่จะยั่วยุ
อีกฝ่าย พวกเขาจึงไม่กล้าส่งเสียง
จี้ไค่หลินพลันแค่นเสียง “อย่าไต้กล่าวหาพวกเราแล้ว เป็นเพราะฉิน
หยุนอ่อนแอเกินไปเอง! เช้าต้องทราบ ว่าพวกเรานั้นจึเกฝนในค่าย
อาคมสังหารมานานหลายปืนัก ตราบเท่าที่ขัดเกลาร่างกาย ย่อม
สามารถต้านทานพลังของค่ายอาคมนี้ เช้าคงไม่อาจจินตนาการถึง
ความเจ็บปวดและความยากลำบากที่พวกเราอดทนกันมาก่อนแน่!”
เขาแค่นเสียงตอบกลับไปหลายครา “เข้าควรเกลี้ยกล่อมฉินหยุนให้
ยอมแห้เสีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงได้แต่เก็บศพมันกลับแห้ว!”
พลังของค่ายอาคมสังหารน่าสะพรึงอย่างแห้จริง ผูป็กตนขอบเขตกาย
วรยุทธ์ระดับที่เห้า ซึ่งหาได้แข็งแกร่งพอ ไม่มีทางทนได้นานนัก!
หากเขาออกมาไม่ทันเวลา ความตายคือสิ่งเดียวที่รออยู่
“แม่นางหยาง โปรดบอกต่อเขาแห้ว!” หลันฮัวอวี้ถอนหายใจเบา
จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบาออกมา “ข้าให้สัญญา เรื่องนี้ข้าจะตรวจสอบ
ขุดคุ้ยออกมาให้ได้!”
ข้าวฉวนเร่งรีบกล่าวเช่นกัน “ฉินหยุนดื้อรั้นนัก เขาจะห้งก็แต่เข้า!”
“ฉีเย่ว์เร่งรีบบอกให้ฉินหยุนคลานออกมา!” หลันเฟิงจินกล่าวร้อน
ใจ “หากเป็นแบบนี้ต่อ มีแต่จะทำร้ายแก่นภายในของฉินหยุน
ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เด้า หากเขาทำผิดพลาด จะ
ส่งผลส่อความลึบหห้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า”
สหายของฉินหยุนตอนนี้ ต่างร้อนใจลันนั้งสิ้น!
ตอนที่ 310 สายเลือดที่ปะทุ
เซี่ยลู๋เฟิง ม่หรงตาเหริน และฮั่วจง พวกเขาล้วนมองวิงวอนหยางฉีเย่ว์
พวกเขาทราบเป็นอย่างดี หยางชีเย่ว์คืออาจารย์ของฉินหยุน และเป็น
ผู้ที่ฉินหยุนให้ความนับถือที่สุด มีแต่นางจึงเกลี้ยกล่อมฉินหยุนได้
หยางฉีเย่ว์มองไปยังค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก นางได้
เห็นฉินหยุนคลุกคลานกับพื้น เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวด
เหลือแสน นางจะไม่รู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไร?
นางมองอวี้เหิงที่อยู่ไม่ไกลจากฉินหยุน ใบหน้าของนางตอนนี้ เปียม
ด้วยความขุ่นเคืองและโกรธแด้น!
“ฉินหยุน!” หยางชีเย่ว์ตะโกนขึ้น
จ้าวฉวนและคณะค่อยโล่งใจยามได้ยินหยางชีเย่ล้ออกปาก
หยางชีเย่ว์กล่าวคำต่อ “หากเจ้ายอมแพ้ เจ้าจะต้องคลานออกจากค่าย
อาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก ต้องคลานออกราวสุนัขขี้แพ้ตัว
หนึ่ง! เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้นี้ได้หรือ?”
ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาคำรามจ้องออก ใช้แขนยันกายเอาไล้
“ไม่!” เขาคำรามตอบ
“เช่นนั้นลุกขึ้นยืนหยัดจนถึงที่สุด!”หยางชีเย่ล้มองที่อวี้เหิง“อย่าได้
ล้มหัวเจ้าแก่ผู้โฉดชั่ว!”
ฉินหยุนคำรามจ้อง พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อลุกขึ้นยืน!
ทว่า อย่างมากที่สุด เขาได้แต่คุกเข่ากับพื้น โดยใช้มือคํ้ายันเอาได้เขา
ยังไม่อาจยืน
จ้าวฉวนและคณะกายแข็งทื่อ พวกเขาเมื่อครู่เพิ่งบอกต่อหยางฉีเย่ว์
ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมฉินหยุนยอมรับความพ่ายแพ้!
อย่างไม่คาดคิด หยางฉีเย่ว์กลับราดนั้ามันที่ฉินหยุน ยิ่งทำให้เขาดื้อ
รั้นยิ่งกว่าเก่า!
หยางฉีเย่ว์ทราบดี กระทั่งนางก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมฉินหยุน ดังนั้น
นางจึงได้แต่สร้างแรงใจให้เขา ให้เขาดึงเอาศักยภาพของตัวเอง
ออกมา!
“กระทั่งว่าโทเทมด้นไห้มอบพลังให้ เราก็ไม่อาจยืนหยัดได้นาน นี่
เราต้องพ่ายแพ้จริงหรือ?” สภาพของฉินหยุนตอนนี้แตกต่างจาก
ก่อนหพ้า
ครั้งล่าสุด เขาไม่ได้โดนพลังจากภายนอกโจมดีร่างกาย แต่ครั้งนี้
พลังอำนาจของค่ายอาคมสังหารปลดปล่อยความเย็นเยือกสุดขั้ว
ออกมา มันเสียดแทงถึงกระดูกของเขา มันคิดอยากทำลายร่างกาย
ของเขา!
ตอนปี วัชระแก่นภายในทั้งสามของเขายังถูกแช่แข็ง!
เป็นไปไม่ได้ที่พลังภายในของเขาจะหลุดรอดออกมา ทั้งกระดูกและ
ปอดของเขาเริ่มถูกนํ้าแข็งเข้าเกาะคุม
ฉินหยุนยังคงเจ็บปวด เพราะเขาไม่ได้ลูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์หาก
เมื่อใดที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด นั่นหมายความถึงร่างกายของเขาพิการ
แล้ว!
“น้องหยุนรีบลุกขึ้นยืน!” เซี่ยลู๋เฟิงเร่งรีบตะโกนใน้กำลังใจฉินหยุน
“น้องหยุน พวกเราต้องลงทัณฑ์อวี้เพิง คนผู้นี้คดโกงด้วยเล่ห์กล
พวกเราอย่าไต้ปล่อยให้คนเช่นนี้ไต้ชนะ!” ม่หรงต้าเหรินตะโกนขึ้น
พวกเขาทราบ ว่าเกลี้ยกล่อมฉินหยุนให้ถอนตัวไร้ประโยชน์ ดังนั้น
จึงได้ยุยงส่งเสริม!
“ฉินหยุน ลุกขึ้นเร็วเข้า แม้เข้าลูกขับไล่จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
เข้าก็ยังเป็นความภาคภูมิของสถาบันเราไปตลอดกาล!” ศิษย์คนหนง
ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน พลันตะโกนขึ้นเสียงดัง เสียงนี้แหบแห้ง
เป็นเขาตะโกนออกอย่างสุดตัว
“ฉินหยุน ศิษย์ทั้งหมดของสถาบันยุทธ์ชิงเสรียนล้วนสนับสนุนเข้า!”
“อย่าได้แพ้ต่อไล้พวกนักบุญที่คดโกง นำเอาพละกำลังแน้จริงเข้า
ออกมา โค่นล้มพวกมัน!”
ในสนามแข่งขัน ศิษย์หลายคนจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนต่างตะโกน
ร้องคำรามให้กำลังใจ...
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึก ว่าเลือดในกายของเขากำลังเดือดยามเมื่อ
ผู้คนให้กำลังใจเพียงนี้!
ทว่า... เขาไร้ซึ่งพลัง เพราะเขาใช้พลังภายในไปหมดสิ้นแล้ว!
ตึง!
แรงกดดันสะกดเขาลงกับพื้นอีกครั้ง ผิวหนังตอนนี้เริ่มปริแตก เลือด
เริ่มไหลซิบซึมออกมา!
“ฉินหยุน!” หัวใจของหยางฉีเย่ว์สั่นเทิ้ม นางเร่งร้อนตะโกนขึ้น
ฉินหยุนมองที่หยางฉีเย่ว์เขานึกถึงเรื่องที่นางลูกบังคับให้แต่งงาน
ลับเชี่ยวหยางหลงโดยไม่มีทางให้ถอยหนี นางต้องตกอยู่ในสภาพ
ความสิ้นหวัง ราวกับนางไต้ยอมรับต่อชะตากรรมนี้เอาไล้แล้ว!
“อาจารย์หยาง ชัาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
ฉินหยุนคิดอยากแข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้หยางฉีเย่ว์ไดัเห็น ถึงแสงสว่าง
ที่จะปลดปล่อยโซ่ตรวนแห่งชะตากรรมออก
อย่างกะทันหัน แขนที่เย็นเยือกของเขา ซัางที่มีใทเทมราชสีห์สวรรค์
พลันปรากฏความอบอุ่นขึ้น...
“เราต้องการพลัง!” ฉินหยุนตระหนักไต้เขาเห็นร่องรอยของความหวัง
ขึ้นมา “โทเทมราชสีห์สวรรค์มีการเคลื่อนไหว!”
เขาปลดปล่อยเส้นสายพลังจิตจำนวนมาก พวกมันราวกับตาข่าย
โปร่งแสง ปกคลุมทั่วทั้งศูนย์กลางของตำหนักยุทธ์วิญญาณ!
จากนั้นเขาจึงใช้วิญญาณเทวะเต้าตะวัน ดูดกลืนพลังเต้าตะวันอย่าง
นัาคทั่ง!
อย่างกะทันหัน พลังวิญญาณในตำหนักยุทธ์วิญญาณ พลันถูกสูด
พลังวิญญาณทั้งเต้าสู่ร่างกายของฉินหยุน!
“พลังนี้ เป็นของจิตวิญญาณต้นกำเนิดอันแข็งแกร่ง นี่เขากำลัง
สูดกลืนพลังวิญญาณผ่านทางจิตวิญญาณต้นกำเนิด?”
“เขามีเพียงหนี่งเส้นวิญญาณ เขาสามารถชักนำพลังวิญญาณหลาย
ประเภทเช่นนี้ไต้อย่างไร?”
“ต้วยสภาวะของเขาตอนนี้ เขาไต้ผสานเส้นวิญญาณลับจิตวิญญาณ
ต้นกำเนิด แปรเปลี่ยนเป็นเส้นวิญญาณต้นกำเนิดแห่งตำนาน ส่วน
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีผูใดทราบแส้ว!” หลันฮัวอวี้โพล่งคำออก
“กล่าวกันว่า มีเพียงผู้ครอบครองสายเลือดที่ยิ่งใหญ่ จึงสามารถ
จึเกฝนจนถึงขั้นนี้ไต้!” จ้าวฉวนเองก็ประหลาดใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
หยางฉีเย่ว์เอง ก็เคยไต้ยินเรื่องเส้นวิญญาณต้นกำเนิด มันจะท0าให์
เส้นวิญญาณออกจากร่างกายพร้อมจิตวิญญาณต้นกำเนิดไต้!
ตำนานกล่าวว่า มีเพียงเส้นวิญญาณต้นกำเนิด จึงสามารถยื่นขยายไร้
สิ้นสุด เข้าไปยังมวลหมู่ดวงดาว เข้าสู่ดวงตะวันทั้งเต้า กระทั้ง
สูดกลืนพลังจากเต้าตะวัน จันทรา และดวงดาวไต้โดยตรง!
ฉินหยุนไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน ที่ตนพลันอยู่ในสภาวะนี้
เขารู้สึกได้ ถึงวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีรุนแรงภายในแขนราชสีห์
สวรรค์ มันกำลังสูดกลืนพลังวิญญาณปริมาณมหาศาลจากร่างกาย
ของเขา กำลังโคจรไปยังรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์!
โฮก!
อย่างกะทันหัน ร่างกายของฉินหยุนร้อนรุ่ม มันคำรามออกซึ่งเสียง
ราชสีห์สวรรค์อาคมถึงขั้นสั่นสะเทือน!
โทเทมราชสีห์สวรรค์!
ผู้คนพลันนึกขึ้นได้ ว่าฉินหยุนยังมีรอยสักโทเทมลึกลับและทรง
พลังในครอบครอง!
รอยสักโทเทม เป็นอะไรที่ต้องอาลัยโชคจึงสามารถพบพาน นักบุญ
อัจฉริยะหลายต่อหลายคนของตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีคราม ต่าง
ก็ต้องการได้รับ กระทั้นพวกเขาไม่เคยมีโอกาส!
“นี่คือ... โลหิตราชสีห์สวรรค์จากแขนของเรากำลังไหลสู่ร่างกาย!
เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ฉินหยุนตระหนก เขารู้สึกถึงคลื่นพลังเผาไหม้จากแขนราชสีห์
สวรรค์ มันกำลังไหลเขาสู่ร่างกายของเขาผ่านทางไหล่
เหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถทานทนต่อสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ก็
เพราะแขนราชสีห์สวรรค์ของเขา เป็นโทเทมของราชสีห์สวรรค์
นอกจากนี้แล้ว ครั้งหนึ่งมันเคยเข้าไปในร่างกายของราชสีห์อัคคี
ทองคำ และได้รับการบำรุงเลี้ยงโดยราชสีห์อัคคีทองคำ
ทว่า ร่างกายของเขาไม่มีโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้นมันจึงยังไม่เคย
ผ่านการขัดเกลามาก่อน
แต่ตอนนี้ แขนราชสีห์สวรรค์กลับสร้างปาฏิหาริย์แห่งสายเลือด
ราชสีห์สวรรค์ขึ้นมา มันไหลเวียนสู่ร่างกายของเขา ด้วยสายเลือด
ทรงพลังที่ปรากฏขึ้น มันคิดอยากทำลายร่างกายของเขา มันเป็นพลัง
อำนาจที่น่าสะพรึง!
โทเทมราชสีห์สวรรค์กำลังดูดกลืนพลังเล้าตะวันอย่างม้าคลั่ง มันไม้
กำเนิดสายเลือดราชสีห์สวรรค์ปริมาณมหาศาล จากนั้นจึงส่งถ่ายไป
ทั่วนั้งร่างกายของเขา ราวกับพวกมันคิดหลอมกระดูกของเขา!
“เมื่อใดที่เราตาย โทเทมราชสีห์สวรรค์ก็จะหายไปด้วย หรือจะเป็น
เพราะโทเทมราชสีห์สวรรค์ตองการไม้เรามีชีวิตรอด ดังนั้นมันจึง
เกิดการควบแน่นสายเลือดราชสีห์สวรรค์ไม้ผสานรวมกับทั้ง
ร่างกายของเรา?”
ฉินหยุนทราบ ว่าโทเทมมีความนึกคิดเป็นของตนเองนานมาแล้ว
ภูติภายในไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเล้าตะวัน พลันกล่าวคำ
เสียงเบาขึ้น “พี่หยุน ท่านต้องอดทน หากทำสำเร็จ ท่านจะไต้
ครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์!”
“โมโม ข้าจะทนไต้อย่างไร? สายเลือดราชสีห์สวรรค์นี้น่า
สะพรึงกลัวนัก...” ฉินหยุนกล่าวตอบต้วยความเจ็บปวด
เมื่อเสวี้ยซือเยี่ยไต้เห็นสภาพของเขา นางตะโกนออกต้วยความ
แตกตื่น “ฉินหยุน... เกิดอะไรขึ้นกับเขา? นี่คล้ายเขาเจ็บปวดยิ่งกว่า
ก่อนหนัานี้อีก!”
“ฉินหยุน!” หยางฉีเย่ว์กัดฟันแน่น ราวลับนางปวดใจอย่างยิ่ง ที่ต้อง
มองฉินหยุนดิ้นทุรนทุรายที่พื้น
“เล้นวิญญาณต้นกำเนิดที่เขาปลดปล่อยออกมายังคงอยู่... นอกจากนี้
ปริมาณพลังวิญญาณมหาศาลที่เข้าสู่ร่างกายของเขานั่น มันท0าให์เกิด
เรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
หลันยัวอวี้เองก็ลับสน เขามองไปยังข้าวฉวน
ข้าวฉวนเผยสีหนัาเคร่งเครียด แล้ดวงตาเปียมต้วยความกังวล
กระนั้นก็มีร่องรอยของความอิจฉาปรากฏ!
นี่ก็เพราะเขาได้เห็น ว่าโทเทมราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน กำลัง
สร้างสายเลือดราชสีห์สวรรค์!
หากคนผู้หนึ่งได้ครอบครองสายเลือดสัตว์สวรรค์บรรพกาล พลัง
อำนาจของผู้ลือครองจะยิ่งเท่าทวี!
มีเพียงสายเลือดสูงศักดของสัตว์สวรรค์บรรพกาล จึงสามารถตื่นรู้
สายเลือดในกายได้
จ้าวฉวนไม่มั่นใจว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่เขาคาดเดาได้ ดังนั้นเขาจึง
เงียบ
เขารู้และเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในแดนยุทธ์อ้างจ้างเป็นอย่างดี
เมื่อคนผู้หนึ่งได้ครอบครองสายเลือด หากเขาอยู่เพียงลำพัง เขาจะ
ถูกกินในฐานะเหยื่อ!
ด้วยเหตุนี้ ที่แดนยุทธ์อ้างจ้าง หลายตระถูลที่ครอบครองสายเลือด
และได้รับสืบทอด กระมั่งว่ามีเรื่องเบาะแจ้งกันเอง แส่เมื่อทราบว่ามี
ผู้ที่ปลุกสายเลือดในครอบครอง พวกเขาจะร่วมมือกันต่อสู้แย่งชิง
อย่างไรแอ้ว ที่นี่ไม่มีตระถูลสายเลือดชนชั้นสูง ดังนั้นแอ้วหากพวก
คนเลวจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามทราบเรื่อง พวกเขาย่อม
ด้องมีเจตนาชั่วร้ายอย่างแน่นอน
จาวฉวนแทบไม่อยากรอ เขาคิดอยากวิ่งเข้าไป พาร่างฉินหยุนกลับสู่
ตำหนักจารึกเทวะ เขาเป็นกังวลว่าหากยังเป็นแบบนีต่อไป ตำหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามจะพบเห็นเข้า
“มีเรื่องผิดปกติเกิดขึนกับวิชายุทธ์โทเทม เพราะถูกไข้งานเกิน
ขีดจำกัด พลังของวิชายุทธ์จึงสะท้อนกลับสู่ร่างกาย!” ข้าวฉวนโพล่ง
ขึ้น “ฉินหยุน เร่งรีบขับเอาพลังงานพวกนันออกมา โคจรพวกมันไป
ยังกระดูกทองคำ!”
วัชระกระดูก คือส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย!
เมื่อฉินหยุนได้ยินข้าวฉวนกล่าว เขาอดทนต่อความเจ็บปวด โคจร
สายเลือดราชสีห์สวรรค์ไปยังวัชระกระดูก
เมื่อสายเลือดราชสีห์สวรรค์เข้าสู่กระดูก ความเจ็บปวดค่อยลดทอน
ลงไปมาก นี่ค่อยทำไท้กล้ามเนื้อที่ฉีกขาดของเขา ปล่อยไท้เส้นโคจร
เหลืองดำช่วยรักษา
ความเจ็บปวดของฉินหยุนค่อยลดทอน วัชระกระดูกกำลังดูดกลืน
อย่างรวดเร็ว ไขกระดูกของเขากำลังแปรเปลี่ยนไปโดยสายเลือด
ราชสีห์สวรรค์
ภายในร่างกาย สายเลือดราชสีห์สวรรค์ก่อตัวขึ้นด้วยตัวของมันเอง
พวกมันกำลังเข้าแทนที่สายเลือดธรรมดา
ทุกคนต่างพบ ว่าฉินหยุนค่อยสงบลง พวกเขาค่อยถอนหายใจโล่ง
อกกันได้!
ทั่วทั้งที่นั่งผู้ชม กลับกลายเป็นระเบิดเสียงตะโกนร้องออก หลายคน
กล่าวชื่นชมเขา ที่สะกดข่มปีศาจภายในกายตนเอง ไม่ทำให้ตนเอง
ต้องตกอยู่ในอาการห้าคลั่ง!
มีเพียงจ้าวฉวนที่ทราบ ว่าฉินหยุนได้ผสานรวมสายเลือดของ
ราชสีห์สวรรค์แล้ว!
“ฉินหยุน จ้าเชื่อว่าเจ้าสามารถยืนหยัดขึ้นได้!” หยางฉีเย่ว์ตะโกน
ออก เมื่อนางได้เห็นรอยปริแตกที่ผิวของฉินหยุน นางยังต้อง
สะพรึงกลัว
“ห้องหยุน อย่าได้ทำให้พวกเราผิดหวัง!” เซี่ยลู๋เฟิงเองก็ตะโกนขึ้น
“ฉินหยุน ลุกขึ้น!”
แห้ฉินหยุนลูกขับไล่จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน กระนั้นพวกเขาเชื่อ
ว่าฉินหยุนลือความภาคถูมิของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของพวกเขา
“ฉินหยุนรีบลุกขึ้นเร็วเจ้า!”
เมื่อศิษย์หลายคนเห็นฉินหยุนไร้การเคลื่อนไหวบนพื้น พวกเขาเริ่ม
กังวลกันขึ้นมา!
ฉินหยุนยังคงมีออร่า เขายังไม่ตาย เพียงแค'นิ่งไม่ไหวติงเท่าน้น!
“ขาจะนับถึงสิบ หากฉินหยุนไม่อาจลุกขึ้น อวีเหิงจะเป็นผู้ชนะ!”
ชายชราร่างผอมสูง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการแข่งขันประกาศเสียงดัง
“หนึ่ง... สอง...”
ชายชราเริ่มนับ หลายคนเริ่มตะโกนดัง!
“ฉินหยุน จงลุกขึ้นโดยเร็ว!”
“หากไม่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ เจ้าจะต้องแพ้แล้วนะ!”
“ความพยายามก่อนหน้านี้ของเจ้าจะสูญเปล่า!”
“อย่าให้คนชั่วไต้ชนะ ลุกขึ้น!”
อวี้เหิงมองฉินหยุน ผู้ซึ่งนิ่งกับพื้น เขาแค่นเสียงรังเกียจออกมาครา
หนึ่ง เขารู้สึกไม่ยินดีอย่างยิ่ง ที่มีผู้คนจำนวนมากให้กำลังใจฉินหยุน
ถึงเพียงนี้!
“เจ็ด... แปด...”
ขณะใกล้นับถึงสิบ ฉินหยุนค่อยยืนขึ้น!
แม่สหน้าซีดเผือด กระนั้นกลับไม่มีความเจ็บปวดดังเช่นก่อนหน้า
เมื่อผู้ชมไต้เห็นฉินหยุนลุกขึ้น ทั่วทั้งสนามแข่งจึงระเบิดเสียงโห่จ้อง
ออกมา!
ฉินหยุนลุกขึ้นยืน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เขามี!
สภาพของเขาตอนนี้ คล้ายต้านทานพลังของค่ายอาคมสังหารได้โดย
สิ้นเชิง!
ฉินหยุนกำหมัดเอาไล้แน่น สายตาจับล้องอวี้เหิงและแค่นเสียง “ข้า
อยากรู้นัก ว่าชุดเกราะของเล้าจะทนไต้อีกนานเพียงใด!”
ตอนที่ 311 พังทลาย
แม้หลันฮัวอวี้ยินดีที่ได้เห็นฉินหยุนลุกขึ้นยืน แต่กระนั้น เขาก็ยัง
เปียมด้วยความสับสนมึนงง!
นั่นก็เพราะค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียดแทงกระดูก ฉินหยุนสามารถ
ต้านทานมันได้นานยิ่ง โดยอาศัยเพียงแต่เลือดและเนื้อของร่างกาย!
ไม่ใช่เพียงแต่หลันฮัวอวี้ที่ประหลาดใจ แต่ด้อาวุโสของตำหนัก
สักดสิทธหลายคนเองก็ตกตะลึง!
สาเหตุที่อวี้เหิงสามารถต้านทานค่ายอาคมนรกนั้าแข็งเสียดแทงกระดูก
ก็เพราะเขามีชุดเกราะสมบัติวิเศษไว้ป็องกันโดยเฉพาะ นี่เป็นสิ่งที่ผู้
อาวุโสหลายคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามคาดเดาสัน!
กระนั้น ฉินหยุนกลับไม่ หากไม่แต้ว เขาคงไม่มีทางต้องแบกรับ
ความทรมานแสนสาหัสเหล่านั้น!
พออวี้เหิงได้เห็นฉินหยุนยังสามารถยืนได้เขาแค่นเสียง “ฉินหยุน
ข้าอยากเห็นนักว่าวิชาปีศาจของเจ้าทรงพลังเพียงใด จะยืนหยัดได้
นานเพียงใดกัน!”
เขาย่อมทราบ ว่าฉินหยุนมีเจตจิตแรงกต้าและน่าสะพรึง ไม่เช่นนั้น
เขาคงไม่มีทางลุกขึ้นมายืนอีกครั้งได้!
ค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระลูกยังคงทำงานต่อเนื่อง มัน
ปลดปล่อยคลื่นเย็นเยือกออกมา พัดพาไปทั่วทั้งตำหนักยุทธ์วิญญาณ
เป็นผลให้อุณหภูมิของตำหนักยุทธ์วิญญาณลดลงอย่างมาก
“อวี้เหิง เจ้าออกมาได้แล้ว!” ชายชราชุดสีนํ้าเงินคนหนื่งตะโกนขึ้น
“ไม่ ขำยังทนได้!” อวี้เหิงขมวดคิ้วตอบกลับ
“อย่าได้หาญกล้า นี่ใกล้ถึงขีดจำกัดเจ้าแล้ว หากผิดพลาดไป เจ้าจะ
ได้รับความเสียหายมหาศาล!” ผู้อาวุโสชุดสีนํ้าเงินแตกตื่น ตะโกน
ออกอย่างเกรี้ยวกราด “อวี้เหิง จงออกมาเดี๋ยวนี้!”
อวี้เหิงลูไปไม่คล้ายมีอันใดเกิดขึ้น แต่เขากลับถูกเรียกตัวออกอย่าง
เร่งต่วน เป็นผลไหหลายคนที่ไม่ทราบความจริงเกิดความสับสน
ขึ้นมา
“อ๊าก!”
อย่างกะทันหัน อวีเหิงกรีดจ้อง ร่างล้มลงกับพืน
ร่างกายของเขาลูกปกคลุมด้วยความเย็น มันสั่นกระตุกอย่างไม่อาจ
หยุด!
แคจ้ก! สิ่งปกคลุมร่างกายของอวี้เหิงพลันแตกออก เป็นชุดเกราะชุก
ซ่อนเอาไล้ด้านได้เสื้อผ้า!
ชุดเกราะนี้พอแตกออก ทั่วทั้งผิวกายของอวี้เหิง จึงถูกปกคลุมด้วย
นํ้าแข็ง จากนั้นจึงเริ่มแตกออกอย่างต่อเนื่อง
“อวี้เหิง!”
ผู้อาวุโสชุดสีนํ้าเงินพลันตะโกนเสียงดัง เร่งรีบเข้ามา คว้าร่างของอวี้
เหิงและออกไปจากค่ายอาคม
อวี้เพิงไม่อาจทานทนได้แม้ชั่วลมหายใจ ชัดเจนว่าภายใต้พลังขีดสุด
ของค่ายอาคมสังหาร เขาไม่อาจด้านรับแม้ชั่วลมหายใจ!
ทุกคนต่างมองไปยังชุดเกราะที่แตกกระจายบนพื้น พวกเขาเริ่มทั้ง
คำถาม!
อวี้เหิงมีชุดเกราะสวมใส่เอาไว้จริง!
หลันฮัวอวี้เร่งรีบเดินเข้าไปยังค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก
เขาช่วยพยุงฉินหยุนที่อ่อนแรงออกมา!
เขามองจี้ไค่หลินและคณะ รึงไต้เห็นว่าพวกเขาหายตัวไปแต้ว!
“พวกมันหนีไปแต้ว! นักบุญพวกนั้นต่างสวมใส่ชุดเกราะป็องกัน หาก
พวกเราจับตัวมันได้ย่อมตัดสินได้ว่าพวกมันโกง!” ม่หรงต้าเหริน
ตะโกนขึ้น
ผู้เข้าร่วมจากภายนอกตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม คำรามร้อง
คำถามออกด้วยโทสะ
“พวกมันโกง!”
“น่าอับอายนัก ตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีครามไม่อาจยอมรับความ
พ่ายแพ้หรือ? ถึงขั้นจัดการแข่งขันที่ไม่อาจยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้
ช่างน่าละอายนัก!”
“เหอะ หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนยืนหยัดจนถึงที่สุด พวกเราคงไม่ได้
ทราบความจริง!”
“ช่างโฉดชั่วนัก เสียเวลาพวกเราโดยแห้!”
ชายชราที่รับหห้าที่ดำเนินการแข่งขัน เร่งรีบตะโกนขึ้น “ชุดอัดไป!”
ผู้ที่ตะโกนด่าทอตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีคราม ก็เพียงแค่ส่วน
หนึ่งหากเทียบกับผู้มาจากตำหนักอื่น ศิษย์ของตำหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม นอกจากม่หรงด้าเหรินและคณะ ทุกคนด้วนชะงัก
ปากไม่คิดกล่าวถึงเรื่องนี้
ฉินหยุนผ่านรอบที่สามได้สำเร็จ หยางฉีเย่ว์ได้กลายเป็นผูชี้แนะแก่
เขา นางจะเป็นผูชี้แนะแก่เขาให้ผ่านอีกสองรอบ
“เข้าไหวหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์คข้าข้อมือฉินหยุนเอาไข้ตรวจสอบ
สภาพร่างกายและชีพจร กระนั้น นางก็ตระหนักได้ว่าพลังงานใน
ร่างกายของเขากำลังทำงานอย่างรุนแรง
“ข้าไม่เป็นไร!” ฉินหยุนส่ายศีรษะ การได้ผสานรวมกับสายเลือด
ราชสีห์สวรรค์ ทำให์ร่างกายของเขายิ่งสามารถด้านทานได้ทั้ง
นํ้าแข็งและอัคศีเพลิง
ส่วนที่ทรงพลังที่สุดของค่ายอาคมนรกนํ้าแข็งเสียดแทงกระดูก คือ
พลังความเย็น แต่มันไร้ประโยชน์เมื่อต่อต้านได้ มีก็แต'แรงกดดัน
รุนแรงจากค่ายอาคม ที่ทำให์เขาตกที่นั่งลำบาก
“ดีแล้วที่เข้าไม่เป็นไร!” ข้าวฉวนกัาวเดินเข้ามายิ้มและกล่าวออก
“รอยสักโทเทมช่างน่าที่ง เข้าถึงขั้นอดทนได้เป็นเวลานานเพียงนี้!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก เขาเองก็นั่นใจว่าข้าว
ฉวนทราบเรื่องสายเลือดราชสีห์สวรรค์
“ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงการแข่งขันจารึกในช่วงบ่าย น่าจะ
พอมีเวลาให์เข้าร่วมใช่หรือไม่?” หลันยัวอวี้เอ่ยถาม
“ยังมีเวลาขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้า เขารู้สึกว่าตนสามารถฟินฟ่
ตัวเองได้ทัน
“ให้ข้าช่วยรักษา!” หยางฉีเย่ว์ดึงฉินหยุนไปจากตำหนักยุทธ์วิญญาณ
ฉินหยุน ลูกหยางฉีเย่ว์ฉุดมายังป้าน้อยของหลันฮัวอวี้ กลับมายัง
ห้านไน้ชั่วคราวของเขา
“ให้ข้าช่วยโคจรกำลังภายใน จะช่วยให้เจ้าฟินฟ่ได้เร็วขึ้น!”
หยางชืเย่ว์และฉินหยุนนั่งขัดสมาธิบนเตียง หันหน้าเซัาหากัน ฝ่ามือ
ของพวกเขากำลังประสานกันแน่น
“อาจารย์ตำหนักศักดสิทธยังมีคนชั่วไม่น้อย ภายหน้าท่านต้องระวัง
ให้ดี!” ฉินหยุนกล่าวขณะมองดวงตางดงามและอ่อนใยนของหยาง
ฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์ยิ้มบาง “อย่าห่วงไป ซัาปกป็องตนเองไต้!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง “เชี่ยวหยางหลงตัดสินใจ
แต่งงานกับท่านแต้วหรือ?”
กล่าวถึงเรื่องนี้ สีหน้าหยางฉีเย่ว์แปรเปลี่ยน ร้องถามต้วยความ
ประหลาดใจ “เจ้าทราบได้อย่างไร?”
มันเป็นเรื่องที่ฉินหยุนลอบฟ์,งในเทือกเขามนุษย์อสูร! เขายังได้ยินว่า
เชี่ยวหยางหลงคิดอยากใชั่หยางฉีเย่ว์เป็นเตาหลอมการัฝืกฝน เพื่อให้
มันไสัฝืกฝนวิชาปืศาจ!
“อาจารย์แห้จริงท่านคิดแต่งงานเมื่อใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง
“เมื่องานเฉลิมฉลองของตำหนักสักดสิทธวิญญาณสีครามจบลง เป็น
เมื่อนั้น...” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจเบาออกมา เป็นนางอับจนอย่างไม่
อาจหาทางออก
ฉินหยุนเองก็ทราบ ว่าเชี่ยวหยางหลงใช้บางวิธีการขู่เข็ญหยางฉีเย่ว์
ตราบเท่าที่เชี่ยวหยางหลงยังมีชีวิต หยางฉีเย่ว์จะไม่อาจต่อต้านชะตา
กรรมของนางได้
“เร็วเพียงนี้?” ฉินหยุนเดือดดาล
หยางฉีเย่ว์พยักหน้าเล็กน้อย เผยความเศร้ามองและรอยยิ้มงดงาม
“ฉินหยุน อย่าได้รู้สึกมีอารมณ์ไป ไม่ว่าจะอย่างไร ภายหน้าซัาก็จะ
ยังเป็นอาจารย์และสหายของเจา!
“ขอรับ!” ดวงตาฉินหยุนเผยความเด็ดเดี่ยว ราวกับเขาตัดสินใจอะไร
ได้แต้ว
“ช้ายินดีนักที่ได้เห็นเช้าเติบโตมาแข็งแกร่งเพียงนี้ เช้าและเย่ว์หลาน
ย่อมต้องสร้างอนาคตใหม่ใน้แก่โลกได้!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มพึงพอใจ มัน
เป็นรอยยิ้มที่ทั้งงดงามและเศร้าหมอง “เมื่อเย่ว์หลานออกมา นางจะ
เป็นผูฟิกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าซึ่งอายุน้อยที่สุดในชายแดนแห่งนี้!”
ฉินหยุนเงียบ
เขาได้เตรียมตัวต่อสู้กับเชี่ยงหยางหลงเมื่อถึงเวลา เป็นเขาบอกว่า
สองปืผ่านพีนจึงค่อยตัดสิน แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจได้เขาจะน้า
ประลองเชี่ยวหยางหลงก่อนถึงเวลา!
กว่าหนึ่งชั่วยามให้หลัง ฉินหยุนค่อยฟืนฟ่โดยสมบูรณ์!
โดยหลักก็เพราะเขาสวมใส่ชุดผังธาตุแสง นอกจากนี้ ยังได้พลัง
ภายในจันทราทองม่วงของหยางซีเย่ว์ช่วยฟืนฟ่
“รวดเร็วนัก!” หยางซีเย่ว์ยิ้ม “สูเหมือนเด้าจะสามารถก้าวถึงขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าได้ภายในสองถึงสามปื!”
ฉินหยุนเร่งรีบนำวิชายุทธ์ระดับโลกาออกมา ก้าวดาราเร้นลับ เขาส่ง
ให้หยางฉีเย่ว์และกล่าว “อาจารย์นี่คือวิชายุทธ์ระดับโลกา ข้าไม่เคย
เรียนมาก่อน เพราะข้าไม่กก้ากระทำโดยบุ่มบ่ามโดยไม่มีผูชี้แนะ”
ฉินหยุนสามารถ1เกฝนก้าวอัคคีเมฆาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ กระนั้น
ก้าวดาวตก กลับด้องใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงอย่างมาก มันจะ
กลายเป็นเรื่องสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล
หากเขาสามารถเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับโลกา ตราบเท่าที่ใช้พลัง
ภายใน เขาย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่า และคล่องตัว
มากกว่า
หยางฉีเย่ว์รับตำราได้จากนั้นจึงเร่งรีบอ่านโดยละเอียด
“ข้าต้องใช้เวลาเพื่อวิเคราะห์และแยกแยะ เด้ารอได้หรือไม่?” หยางซี
เย่ว์ค่อนข้างตื่นเต้นยามได้เห็นวิชายุทธ์ระดับโลกา กระทั่งเป็นนางก็
ไม่ใช่เรื่องง่ายได้รับวิชายุทธ์ระดับโลกา
แม้เป็นผู้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า หากต้องการได้รับวิชายุทธ์ระดับ
โลกา ก็ต้องผ่านความพยายามอย่างมหาศาล
ฉินหยุนยิ้มตอบ “แน่นอนว่าข้ารอไต้! แม้วิชาตัวเบาเป็นจุดอ่อนของ
ข้า กระ นั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร!”
“ไต้ข้าจะวิเคราะห์มันโดยเร็วที่สุด ภายหลัง ข้าจะให้คำชี้แนะแก่เจ้า
ให้สามารถสรุปวิธีการัฝืกฝนไต้!” หยางฉีเย่ว์ยังคงอ่านตำราต่ออย่าง
เคร่งเครียด
ฉินหยุนไม่คิดรบกวนหยางฉีเย่ว์เขาเดินออกจากห้านพักและอยู่ที่
ต้านนอก
ขณะนั่งลำพังที่โต๊ะหิน เขาสำรวจมองภูติภายในมิติเก็บของ
“สาวห้อย การที่ข้าไต้ครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์เป็นเรื่องดี
หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
โมโมเป็นพระแม่ของภูติอสูร แม้นางสูเหมือนเด็กเล็ก แต่นางอยู่
อาศัยมานานยิ่ง ดังนั้นย่อมต้องก้นเคยลับเรื่องราวมากมายของรอย
สักโทเทม
รอยยิ้มมีเสน่ห์ของโมโมกล่าวออก “แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี สิ่งนี้ เป็น
สิ่งที่มนุษย์และอสูรมากมายก้วนถวิลหา! หากท่านอยู่ในโลกอสูร ผู้
ครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์เช่นท่าน ผู้คนจะคิดอยากกัดกิน
ท่าน กระทั่งว่านำเศษร่างไปต้มเป็นซุป ก็ยังจะไต้ประโยชน์อย่าง
มหาศาล!
พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจโดยทันที เขาเผยรอยยิ้ม
เกักังตอบกลับ “หลายคนคิดอยากกินข้าหรือ? เหมือนไม่ใช่เรื่องดี
เลยนะ!”
“ตราบเท่าที่ไม่มีผูใดทราบย่อมไม่เป็นไร! แม้เป็นในโลกอสูร หาก
พวกมันคิดอยากได้รับพลังของสายเลือด พวกมันก็ต้องหาทางกัดกิน
ผู้ฝืกตนที่ครอบครองสายเลือดเช่นท่าน!”
เรื่องนี้ทำเอาฉินหยุนตระหนกมากขึ้น!
เขาลอบยินดีที่เรื่องนี้ ไม่ถูกพบเห็นโดยผู้คนของตำหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม
แม้จ้าวฉวนทราบ แต่เขาก็ช่วยปกปิด
หยางฉีเย่ว์กำลังศึกษาก้าวดาราเร้นลับอยู่ในม้านพัก ฉินหยุนกล่าว
ทักทายผ่านประตู จากนั้นจึงค่อยมุ่งหม้าไปยังตำหนักจารึกวิญญาณ
ในช่วงบ่าย ตำหนักวิญญาณจารึกกำลังจัดการแข่งขันจารึกรอบที่
สาม
เนื้อหาของการแข่งขันครั้งนี้ จะประกาศก็ต่อเมื่อการแข่งขันใกล้เริ่ม
นี่ถือเป็นบททดสอบใหญ่หลวงแก่ความสามารถในการปรับตัวของ
อาจารย์จารึก
ฉินหยุนวันนี้สวมใส่ชุดสีขาวเงิน ขณะล้าวเดินเซัาในห้องโถงกว้าง
สีหห้าของเขากระจ่าง
ทุกคนต่างตื่นตกใจที่พบว่าเขาฟินตัวรวดเร็วเพียงนี้ กระทั่งสูสบายดี
สัวยซํ้า
ไม่มีผูใดทราบ ว่าในรอบที่สามจะยากเพียงใด
แต่มีสิ่งหนี่งที่ทั่นใจไล้ มันจะไม1มีทางโหดเหี้ยมเหมือนอย่างการ
ประลองยุทธ์เมื่อตอนเช้า!
หยางฉีเย่ว์ไม่ไล้มารับชมฉินหยุนแข่งขันจารึก เรื่องนี้ถือว่าแปลก
ฉินหยุนเข้าสู่สนามแข่งขัน ทั่งช้างหลันเฟิงจินเหมือนอย่างรอบที่
แล้ว
รอบที่สาม มีอาจารย์จารึกทั้งสิ้นหนี่งร้อยคนเช้าร่วม
เมื่ออาจารย์จารึกเฒ่าชราเชัามา พวกเขาหาได้มองฉินหยุน ส่วนใหญ่
ก็เพราะอับอาย
หลังผ่านสองรอบแรก ระดับการจารึกของฉินหยุนเป็นอะไรที่
เด่นขัด นอกจากนี้ เขายังเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เรื่องนี้ทำเอา
อาจารย์จารึกเฒ่าชราแทบโงหัวลันไม่ขึ้น
แน่นอนว่า ยังมีอาจารย์จารึกระดับสูงหลายคนจากตำหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม ที่ยังคงเกลียดชังฉินหยุนไม่เลิก
พวกเขารู้สึกว่า ฉินหยุนก็แค'เด็กห้อยผู้หนึ่งที่มีความสามารถ แต่
กระนั้นหากคิดเอาชนะพวกตนในการแข่งขันระหว่างอาจารย์จารึก
ระดับสูง ถือเป็นเรื่องยากแล้ว
เมื่อทุกคนมาถึง หลันฮัวอวี้จึงประกาศเริ่มการแข่งขันในรอบนี
จากนั้นจึงเป็นการอธิบายถึงกฎเกณฑ์ในรอบที่สาม
“รอบที่สาม จะเป็นการทดสอบค่ายอาคม ไม่ใช่การติดตั้ง แต่เป็น
การทำลาย!” หลันตัวอวี้กล่าว “ผู้เข้าแข่งขัน จำเป็นต้องทำลายค่าย
อาคมให้ไต้ในระยะเวลาที่กำหนด!”
การติดตั้งต้องใชัเวลาระยะหนึ่งแล้ว การทำลายให้ได้ต้องใชัเวลา
มากกว่า
อย่างไรแล้ว การแข่งขันเช่นนี้ย่อมไม่คิดมอบเวลาให้แค่อาจารย์
จารึกมากจนเกินไป ฟ้าหมายของการทดสอบ ก็เพื่อวัดพละกำลัง
แห้จริงของอาจารย์จารึก
หลันตัวอวี้โบกมือ คนหลายสิบในชุดสีนั้าเงินจึงเดินออกมา
เหล่านี้เป็นชายวัยกลางคนในชุดสีนั้าเงิน ในมือถือกระโจมขนาดเล็ก
มาด้วยจำนวนหนึ่ง เมื่อพวกเขากางมันออก จึงวางเอาไวัตรงกลาง
กระโจมสีนํ้าเงินเหล่านี้ขนาดไม่ใหญ่ เหมาะสำหรับใช้คนเดียว
เท่านั้น หากพิจารณามองให้ลี พวกเขาจะได้เห็น ว่าวัสดุที่ใช้ทำพวก
มันขึ้นมาหาได้ใช่ธรรมดา มันสร้างขึ้นจากเครื่องในสัตว์ผสมผสาน
กับกระดูกเหล็กกล้า ทั้งยังมีผังวิญญาณแกะสลักเอาไล้
ตอนที่ 312 : เป็นที่หนึ่ง
กระโจมสีนํ้าเงินขนาดเล็กทั้งห้าสิบหลัง ถูกทั้งเอาไว้บนสนาม หลัง
ติดทั้งพวกมันเรียบร้อย กลุ่มชายวัยกลางคนจึงเร่งรีบออกจากสนาม
โดยทันที
หลันฮัวอวี้กล่าว “กระโจมเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นอาคมผนึกขนาดเล็ก
พวกเว้าเข้าไป จากนั้นข้าจะเปิดการทำงานของค่ายอาคมผนึกจาก
ด้านนอก ที่พวกเว้าด้องทำ คือทะลวงผนึกอาคมและออกมาให้ได้
ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม และนอกจากนี้ พวกเว้าด้วนไม่ได้รับอนุญาต
ให้ทำลายกระโจม!”
ออกจากค่ายอาคมภายในครึ่งชั่วยาม ถือเป็นชั่วระยะเวลาที่ทั้นอย่าง
ยิ่ง
อาจารย์จารึกระดับสูงหลายท่านพบว่านี่เป็นเรื่องยาก
แน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยทดลองมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าควรทำ
อย่างไร
หากมันยากจริง เช่นนั้นจะไม่มีอาจารย์จารึกอาวุโสใดที่สามารถผ่าน
การแข่งขัน
“เอาละ ตามอันดับก่อนหห้านี ห้าสิบคนแรกให้เข้ากระโจมไป
ก่อน!” หลันฮัวอวี้กล่าว
ในรอบการแข่งขันก่อนหน้านี้ ฉินหยุนและหลันเฟิงจิน อยู่ในน้าสิบ
อันดับแรก พวกเขาต่างคนต่างเข้าไปในกระโจม
“อาคมผนึกนี่ต้องทรงพลังกว่าที่คิดไล้แน่!”
ทันทีเมื่อฉินหยุนเข้ามา เขาสัมผัสได้โดยทันที ว่าโครงสร้างภายใน
เป็นอาคมผนึกที่แข็งแกร่ง
อยู่ด้านในอาคมผนึกเช่นนี้ ผู้คนย่อมรู้สึกถึงแรงกดดัน
อย่างไรแล้ว ล้องติดอยู่ในสถานที่เล็กแคบ ก็ใน้ความรู้สึกยากลำบาก
แก่การคิด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงแรงกดดันทางจิตใจอีกมหาศาล
ในสภาพแวดล้อมนี้ เป็นการยากที่คนผู้หนี่งจะตั้งสมาธิเพื่อทะลวง
ค่ายอาคมออกไปไล้
“เริ่มลันเลย!” หลันฮัวอวี้ตะโกน ค่ายอาคมผนึกเริ่มทำงาน
ทันทีเมื่อค่ายอาคมผนึกทำงาน อาจารย์จารึกตั้งหมดด้านในกระโจม
ต่างรู้สึกเช่นเดียวลัน พวกเขารู้สึกกังวลใจ หนักอึ้ง คล้ายลับจะต้อง
ถูกผนึกเอาไล้ภายในนี้ตลอดกาล
“มีแต่ต้องทะลวงค่ายอาคมออกมาภายในคริ่งชั่วยาม จึงสามารถเข้า
สู่รอบที่สี่!” หลันอัวฮวี้ประกาศเสียงดัง
ฉินหยุนนั่งอยู่ในกระโจม ด้านในเป็นสีนํ้าเงิน และไม่มีพลังวิญญาณ
ทว่า เขายังคงได้ยินเสียงจากภายนอก
“การแข่งขันรอบนี้ช่างยากนัก ใครกันจะคิด บางทีผู้เข้ารอบที่สี่อาจ
มีนัอยกว่าสามสิบคนแล้ว!”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว เขาสำรวจค่ายอาคมผนึกด้วยพลังจิต
“พี่หยุน... ซัาสามารถทำลายอาคมนี้ได้!” โมโมพลันกล่าวขึ้น
ฉินหยุนค่อยนึกขึ้นได้ ว่าภูติอสูรมีความสามารถนี้อยู่ เพราะนาง
สามารถสัมผัสถึงผังจารึกที่ซ่อนเร้น
เป็นเรื่องยากที่จะทะลวงค่ายอาคมออกไปโดยที่ไม่อาจมองเห็นผัง
จารึกที่ซ่อนอยู่
หากทราบเล้นสว่างและเสันมืดของผังอาคมเปรียบดั่งหลังมือของ
ตนเอง เช่นนั้นพวกเขาสามารถลงมือได้อย่างแม่นยำ เข้าใจถึงเล้น
โคจรของค่ายอาคม จะสามารถทำลายการโคจรพลังของค่ายอาคม
ได้ และจะเป็นผลให้ค่ายอาคมหยุดทำงาน ทำให้สามารถบุกฝ่า
ออกไปได้สำเร็จ
“โมโม เข้าคิดทำอย่างไร? จะแสดงเส้นมืดให้ข้าเห็นหรือ?” ฉินหยุน
ลอบปลดปล่อยภูติห้อยออกมา ภายในอาคมนี้ ภายนอกไม่มีทางเห็น
ว่าเขาทำอะไร
“ไม่ ข้ามีความสามารถพิเศษ ข้าสามารถทำให้การส่งถ่ายพลังเป็น
อัมพาต เช่นนี้ค่ายอาคมจะอัมเหลวลงเป็นการชั่วคราว!” ขณะนาง
กล่าว ดวงตาสีเขียวพลันปรากฏแสงสว่างสีเขียวเจือจางออกมา
“รอเดี๋ยว!” ฉินหยุนเร่งร้อนกล่าว
โมโมพลันหยุด นางเอ่ยถามอัวยความสงสัย “พี่หยุนเป็นอะไรไป?
ข้าสามารถหยุดค่ายอาคมนี้ ท่านจะไอัออกไปได้โดยทันที!”
“ข้าเพิ่งเข้ามา หากออกไปในทันที ผู้คนจะสงลัยเอาไห้!” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว “ไว่ไกอัถึงเวลา ค่อยลงมือยังไม่สาย!”
โมโมพยักหห้ารับ “ไห้เช่นนั้นข้ากลับเข้าไปก่อน!”
ฉินหยุนนำภูติห้อยส่มิสิเก็บของ ใช้โอกาสนี้สำรวจมองค่ายอาคม
เผื่อสามารถทำลายห้วยตัวเองไห้
เขาหลับตาลง เริ่มตั้งสมาธิทำการตรวจสอบค่ายอาคม
ไม่นานจากนั้น เขาสามารถรู้สึกชัดเจน ถึงความผันแปรของพลังเอัา
ตะวัน แต่มันอ่อนจางยิ่ง
“เอันโคจรของผังวิญญาณค่ายอาคมนี้ ทำการดูดกลืนพลังวิญญาณ
เอัาตะวันอย่างต่อเนื่องจากภายนอก พลังจิตที่เราฟิกฝนห้วยวิญญาณ
เทวะเอัาตะวัน ค่อนข้างอ่อนไหวต่อพลังของเอัาตะวัน ดังนั้นเราจึง
สามารถสัมผัสไห้”
ฉินหยุนไม่เคยคิด ว่าตนจะสำรวจพบแก่นของการส่งถ่ายพลังงาน
หรือก็คือ เขาสามารถสัมผัสจุดเชื่อมต่อของมันเพื่อทำลายค่ายอาคม
เด
“ดี!”
เขาใช้พลังจิตโดยทันที พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสาย เริ่มคืบ
คลานเช้าสู่เส้นโคจรของผังวิญญาณที่กำลังโคจรพลัง จากนั้นเขาจึง
ผนึกพวกมันไว้
กระบวนการผนึกจำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อย
กระบวนการที่ฉินหยุนทำเป็นไปอย่างราบลื่น น้อยกว่าชั่วโมง เขาจึง
สามารถสลัดการโคจรพลังงานของค่ายอาคมผนึกไต้สำเร็จ
อาคมผนึกพลันเสียการทำงาน เขาเปิดกระโจมออกจากต้านใน
จากนั้นจึงไต้เห็นสายตาตกตะลึงหลายคู่มองทางเขา!
เขาสำรวจมอง ก็ไต้พบเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเขาคืออาจารย์
จารึกคนแรกที่ออกมาจากค่ายอาคมไต้!
เดิมภูติอสูรคิดช่วยใน้เขาออกจากอาคมไต้โดยเร็ว ทว่า เขาไม่ยอม
ใน้นางทำ ต้วยเวลาที่มี เขาพิจารณามันต้วยตนเอง กระนั้นก็ไม่คิดว่า
จะเป็นคนแรกที่ออกมาจากค่ายอาคมไต้!
“เจ้า... เจ้าเป็นคนแรก!” หลันฮัวอวี้กล่าวด้วยความตกใจ “เจ้าทำได้
รวดเร็วเพียงนี้อย่างไร? กล่าวไปแล้ว กว่าอาจารย์จารึกระดับสูงจะ
สามารถทำได้ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง!”
“ขำเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ เป็นขำสัมผัสได้อย่างง่ายดายถึงเส้น
โคจรพลังจากผังวิญญาณในค่ายอาคม จากนั้นจึงทำการผนึกพวกมัน
เอาได้!”
ฉินหยุนเกาศีรษะยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสหลัน กระโจมขำมีปัญหาอันใด
หรือไม่? เพราะขำรู้สึกได้ถึงการโคจรพลังผ่านผังวิญญาณได้
ง่ายดาย!”
ไม่มีผู้ชมใดเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มีก็แต่อาจารย์จารึกจำนวนหนึ่งที่
จะทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
จ้าวฉวนกล่าว “เส้นโคจรพลังงานของผังวิญญาณ ค่อนขำงเก็บ
เอาได้เป็นความลับ และยากยิ่งที่จะขัดขวาง ตามปกติ ค่ายอาคมจะมี
เส้นโคจรจำนวนหนึ่ง และพวกมันก็ยากพบเจอด้วย”
หลันยัวอวี้ตรวจสอบกระโจมของฉินหยุน เขากล่าวออกมาอย่าง
มั่นใจ “ค่ายอาคมนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด บางทีอาจเป็นเพราะเจ้า
จึเกฝนเส้นวิญญาณด้นกำเนิด การรับรู้จึงแข็งแกร่งขึ้นมาก!”
เส้นวิญญาณต้นกำเนิด สามารถทำให้เส้นวิญญาณออกจากร่างกาย
ไปพร้อมกับจิตวิญญาณต้นกำเนิดไต้
เส้นวิญญาณคือสิ่งที่อ่อนไหวต่อพลังงาน หากคนผูหนงปลดปล่อย
พลังออกสำรวจค่ายอาคมไต้โดยง่าย พวกเขาย่อมสามารถสัมผัสไต้
อย่างชัดเจนถึงพลังงานที่โคจรในผังวิญญาณ
ฉินหยุนถึงขั้นลอบขอบคุณต่อฮั่วจง มันเป็นเพราะหยกวิญญาณที่ฮั่ว
จงมอบแก่เขา จึงทำให้เขาสามารถใช้งานจิตวิญญาณต้นกำเนิดได้
อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เขาไม่ทราบว่าจะมีความหมายอันใดหรือไม่ที่ออกมาเป็นคนแรก
เขาคิดว่าอาจารย์จารึกอื่นก็น่าจะออกมาได้เมื่อเวลาใกล้ครบครึ่งชั่ว
ยาม
แส่แส้วตอนนี้ หลังจากเขาออกมารอด้านนอกได้สักพัก ก็ยังไม่มีการ
เคลื่อนไหวจากกระโจมอื่นในสนามเลย!
“อาคมผนึกนี้ทรงพลังเพียงนั้นเลยหรือ?” ฉินหยุนจ้องมองกระโจม
ของหลันเฟิงจิน คาดหวังว่านางจะเร่งรีบออกมาไต้โดยเร็ว
“ทรงพลังมาก กระทั่งช้า ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่อาจทำลายกระโจม ก็
ไม่อาจออกมาไต้รวดเร็วอย่างเจ้า!” หลันฮัวอวี้กล่าว “แน่นอนว่า
หลังจากข้าพิจารณาค่ายอาคมผนึกเรียบร้อย การออกมาจึงค่อยเป็น
เรื่องง่าย!”
กระทั่งว่าเขาคุ้นเคยกับมัน ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี
นี่ก็เพราะพลังงานที่ไหลเวียนในเส้นโคจรของอาคมผนึกสามารถ
เปลี่ยนแปลง เมื่อพวกมันถูกติดตั้ง อาจารย์จารึกที่ทำการติดตั้ง จะ
เลือกเส้นโคจรพลังงานตามที่พวกเขาต้องการแตกต่างกันออกไป
ต้วยเหตุนี้ พลังงานที่โคจรของกระโจมทั้งห้าสิบหลังจึงแตกต่างกัน
ครื่งชั่วยามเกือบมาถึง ห้ายที่สุด ค่อยมีอาจารย์จารึกออกมาไต้!
อาจารย์จารึกที่ออกมาผูนี้สวมใส่ชุดสีนั้าเงิน เขาเป็นอาจารย์จารึก
ชราจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เมื่อเขาออกมา ก็อดไม่ไต้ที่
จะลอบชื่นชมตนเอง เพราะไต้เห็นหลายกระโจมยังคงปิดอยู่
กระนั้น เมื่อไต้เห็นฉินหยุนยืนอยู่ข้างสนาม สีหห้าของเขาราวกับ
เห็นผี กระทั่งทำเอาใบหห้านั้นชราเพิ่มขึ้นอีกหลายปื
ฉินหยุน เข้าปืศาจห้อยผู้นี้ ถึงขั้นออกมาไต้ก่อนเขา!
ชายชราแค่นเสียงเบา เดินไปข้างกายหลันฮัวอวี้
ลัดจากนั้น อาจารย์จารึกหลายส่อหลายคนจึงเริ่มออกมาจากกระโจม
กระนั้นก็ไม่มาก เพียงแค'แปดคนเท่านั้น!
ครื่งชั่วยามผ่านพ้น อาจารย์จารึกที่ไม่อาจทำลายค่ายอาคมผนึกได้
จะถูกคัดออก!
ฉินหยุนอดไม่ได้จนด้องขมวดคิ้ว เพราะหลันเปิงจินไม่สามารถ
ออกมาได้ทันเวลา!
หลายคนต่างรู้สึกเสียดาย หลันเปิงจิน อาจารย์จารึกรุ่นเยาว์กลับด้อง
มาพ่ายแพ้ที่ตรงนี้!
หลันฮัวอวี้ด้าวเดินออกมา เริ่มเปิดกระโจมทีละหลัง ทำให้อาจารย์
จารึกที่เหลือออกมาได้
หลันเปิงจินเองก็ทราบ ว่านางพ่ายแพ้แล้ว จึงเผยสีหห้าผิดหวังขณะ
เดินออกมา
ทันทีที่นางเดินออกมา กลับยินดีที่ได้ทราบว่าฉินหยุนคือบุคคลแรก
ที่ออกมาได้สำเร็จ
นางนับฉินหยุนเป็นอาจารย์เรื่องนี้ยิ่งทำให้นางมั่นใจว่าเลือกอาจารย์
ไม่ผิดคน ในเวลาเดียวลันนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จ ะชื่นชมอาจารย์ของ
นางอยู่ภายใน!
“ยอดเยี่ยมนัก สมแล้วที่เป็น... ฮี่สี่!”หลันเปิงจินเดินมาขางฉินหยุน
หยิกแขนฉินหยุนไปคราหนี้งขณะยิ้มกว้าง
“ข้าไม1นึกเลยว่าท่านจะต้องมาแพ่ในรอบที่สาม!” ฉินหยุนถอน
หายใจกล่าว “ข้าคิดว่าท่านจะสามารถเข้าถึงรอบสุดทายเพื่อแข่งขัน
กับข้าได้เสียอีก!”
“หืม นี่เข้าเยาะเย้ยข้าหรือ?” หลันเพ่งจินแค่นเสียงเบา
“ย่อมไม่ใช่!” ฉินหยุนยิ้ม “พี่หลัน ท่านยังสาว อนาคตของท่านย่อม
ไข้ขีดจำกัด!”
พอทุกคนได้เห็นหลันเพ่งจินพ่ายแพ้ พวกเขาจึงลอบนับถือหลันฮัว
อวี้กันขึ้นมา เขาไม่ได้ลักลอบคดโกง ไม่คิดช่วยเหลือให็หลานสาว
ต้องผ่านรอบที่สาม ไม่ได้ก่อเรื่องชั่วข้าเช่นการประลองยุทธ์
หลันเพ่งจินเองก็ประเมินระดับของตัวเองได้เป็นอย่างดี ด้วยการ
มาถึงระดับนี้ได้ ก็ถือว่าค่อนข้างลีมากแต้ว
นี่ก็เพราะ อาจารย์จารึกเฒ่าชราหลายคนต่างก็โดนคัดออกที่รอบนี้
ดังนั้นรึงไม่มีอันใดใพ้ต้องอับอายแต้สักนิด
ฉินหยุนทำสำเร็จ เขารึงสามารถไปยังรอบที่สี่
ลัดจากนั้น อาจารย์จารึกที่เหลือพ้าสิบคนรึงเข้าไปในกระโจม และ
เริ่มการทดสอบชุดที่สอง
ครื่งชั่วยามผ่านพ้น มีเพียงสิบพ้าคนที่สามารถหลบหนีออกจาก
กระ โจมมาได้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น