ตําหนักยุทธ์วิญญาณที่ใหญ่โตกลับถล่มลงมา มวลฝุ่นทรายมหาศาล ปลิวกระจายทั่วทุกทิศ!
ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่ง ใช้พลังของตนปัดเป่าเอาฝุ่น เหล่านี้ให้พ้นทาง
หลายคนต่างลอยขึ้นกลางอากาศ รับชมตําหนักยุทธ์วิญญาณที่ กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง!
ที่น่ากลัวที่สุดคือ รอบบริเวณของตําหนักยุทธ์วิญญาณ เกิดรอยปริ
แตกกระจายวงกว้างถึงหลายร้อยเมตร
พลังอํานาจรุนแรงถึงขั้นทําพื้นดินแทบถล่มยุบตัว เป็นผลให้สิ่งที่ เกิดขึ้นตามมายิ่งเลวร้ายและน่าสะพรึง
หลายคนใบหน้าเปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นเพราะเรื่องราวนี้ โชคดีที่พวก เขาล้วนเป็นผู้ฝึกตน
สภาพจึงไม่ได้ยํ่าแย่นัก พวกเขาสามารถปีน ออกจากซากปรักหักพัง พร้อมมองไปยังทิศทางที่สนามประลอง ตั้งอยู่ได้
ฉินหยุนยังคงยืนที่ตรงหน้า ศีรษะของเขาเงยขึ้น สีหน้าเย็นเยือก
หลังเหยียดตรง
สายตาจับจ้องไปยังจี้เสวียนอีที่อยู่ไม่ไกลออกไป!
“จี้เสวียนอี ข้าชนะแล้ว ส่งเม็ดยาหัวใจเงียบสงบมา!”
นํ้าเสียงนี้กล่าวอย่างเฉยชา พลังภายในสีดําหายไปแล้ว ดวงตาของ
เขากลับมามีสีขาว เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตอนที่ 325 : หลันเฉิน
จี้เสวียนอีมองที่หลุมขนาดใหญ่!
หลานชายของเขา จี้ไค่หลิน ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านเพราะหมัดของ
ฉินหยุน เขาตายจนถึงขั้นไม่หลงเหลือเศษซากให้ได้เห็น
ผู้คนมองที่จี้เสวียนอี ออร่าที่น่าสะพรึงของขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเริ่ม ปะทุขึ้นมา!
“ฉินหยุนใช้วิชาปีศาจสังหารจี้ไค่หลิน!” “เป็นเขาฝึกฝนวิชาปีศาจจริง! ช่างน่ากลัวนัก!”
“เขาฝึกฝนวิชาปีศาจ คราครั้งนี้ไม่มีผู้ใดปกป้องเขาได้แล้ว หากมีคน คิดอยากปกป้อง ย่อมต้องถูกรวมเป็นผู้ฝึกฝนวิชาปีศาจไปด้วย!”
จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ รวมถึงหลันเฟิงจินต่างเร่งรีบเข้ามา กระนั้น พวกเขาก็ถูกหยุดเอาไว้โดยชายชราจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์
“หากเจ้าคิดเข้าช่วยเหลือฉินหยุน พวกเราจะหยุดเจ้าไม่ว่าจะด้วย อะไร!”
เซี่ยอู๋เฟิงเองก็กราดเกรี้ยว เร่งรีบเคลื่อนตัวออก ขณะบินไปเขาถูก
เชี่ยวหยางหลงขัดขวางเอาไว้!
“เซี่ยอู๋เฟิง เจ้าคิดห้ามผู้อาวุโสจี้ในการสังหารปีศาจร้ายหรือ?” เชี่ยวหยางหลงเผยเสียงเย็น
“ข้าไม่ให้เจ้าได้ผ่านไปแน่!”
“จงถอยให้พ้นทางข้า เพื่อฉินหยุน
ข้ายอมเสี่ยงชีวิต! เจ้ากล้าเสี่ยง ชีวิตหยุดข้าหรือไม่!” เซี่ยอู๋เฟิงกล่าวทั้งสีหน้าเรียบเฉย
เซี่ยอู๋เฟิงเองก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนดาบ ผู้คนต่าง
ทราบว่าเขาครอบครองพละกําลังน่าสะพรึงเพียงใด
เชี่ยงหยางหลงลังเล ชัดเจนว่าเขาทราบว่าเซี่ยอู๋เฟิงรับมือไม่ง่าย!
จ้าวตําหนักตะวันตกพลันเข้ามาและกล่าว “เซี่ยอู๋เฟิง เช่นนี้ละเป็น
อย่างไร? กระทั่งเจ้าคิดเอาชีวิตเข้าแลก เจ้าก็ไม่มีทางช่วยเหลือฉิน
หยุนได้! จงรับชมความจริง ที่นี่คือตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ฉินหยุนไม่อาจหลบหนีได้พ้น!”
ผู้อาวุโสหลายตนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ล้วนอยู่ ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาเริ่มเข้าหยุดยั้งผู้คิดเข้าช่วยเหลือฉินหยุน
หยางฉีเย่ว์อยู่ไกล จ้าวตําหนักตะวันออกอยู่ข้างกายนาง คล้ายไม่
ต้องการให้นางแทรกแซงเรื่องนี้!
“ฉินหยุน เจ้าฝึกฝนวิชายุทธ์ของปีศาจ
เรื่องนี้ต้องถูกลงทัณฑ์! เจ้าจง ลงนรกไปพร้อมอาหลิน!” จี้เสวียนอีตะโกนกราดเกรี้ยว
หยางฉีเย่ว์กําหมัดแน่น โลกแทบสั่นสะเทือน!
ท้องฟ้ากลับกลายเป็นปกคลุมด้วยเมฆดํา ประกายแสงทองม่วงกําลัง ส่องสว่างออกมา!
ผู้คนต่างมองขึ้นไป พวกเขาล้วนได้เห็นดวงจันทราสีทองม่วงอยู่ เหนือเมฆสีดําเหล่านั้น!
เป็นวิญญาณยุทธ์จันทรา! ทั้งยังเป็นวิญญาณยุทธ์จันทราระดับทอง ม่วง!
ผู้คนมองที่หยางฉีเย่ว์ด้วยความหวาดกลัว สีหน้าของนางเย็นชา ตะโกนใส่จี้เสวียนอี
“จงถอยออกมา! ไม่เช่นนั้น ข้าจะใช้วิญญาณ
ยุทธ์จันทราฝังร่างเจ้า!”
วิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงลอยกลางอากาศ ปลดปล่อยพลังที่น่า สะพรึงออกมา ทําเอาทั่วทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามต้องสั่น
ไหว!
นี่คือวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว!
ผู้คนต่างทราบ ว่าหยางฉีเย่ว์มีวิญญาณยุทธ์ฟ้าประทาน กระนั้นพวก
เขาทราบว่ามันเพียงแค่ระดับแพลทินัม!
และตอนนี้ มันได้แปรเปลี่ยนเป็นสีทองม่วง หมายความถึงวิญญาณ
ยุทธ์ของนางวิวัฒนาการขึ้นมา!
มีแต่ฉินหยุนที่ทราบ ว่าวิญญาณยุทธ์จันทราของหยางฉีเย่ว์ วิวัฒนาการ เป็นระดับทองม่วงเพราะดูดกลืนพลังของหินวิญญาณลอยล่อง
“หยางฉีเย่ว์ ฉินหยุนใช้วิชาปีศาจร้าย
เจ้าไม่เห็นหรือไร? หากเจ้าคิด ปกป้องปีศาจเช่นนี้ เจ้าเองก็ต้องถูกลงทัณฑ์!” จี้เสวียนอีคําราม
เกรี้ยวกราด
หยางฉีเย่ว์เอ่ยคําเสียงเย็น “ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามล้วนดวงตามืดบอดหรือไร? ฉินหยุนเมื่อครู่ใช้ วิญญาณยุทธ์ที่สอง
วิญญาณยุทธ์สั่นไหว!”
ท่ามกลางซากปรักหักพังที่เงียบงัน เสียงของหยางฉีเย่ว์สะท้อนดัง ผู้คนต่างกายแข็งทื่อเป็นตุ๊กตาไม้!
ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วงว่าน่า สะพรึงกลัวแล้ว!
กระนั้นเขากลับมีวิญญาณยุทธ์ที่สอง วิญญาณยุทธ์
สั่นไหว!
เขาเป็นผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์ถึงสอง!
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ปิดบังเอาไว้ถึงขั้นเป็นวิญญาณยุทธ์ที่น่าสะพรึงกว่า!
หลันฮัวอวี้ จ้าวฉวน
และหลันเฟิงจิน ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า สายตามองที่ฉินหยุนอย่างไม่อาจเชื่อ!
ชั่วขณะนี้ ผู้คนต่างนึกย้อนถึงพลังที่ฉินหยุนใช้งาน มันคือพลังสั่น
ไหวจริง!
“นี่… นี่เป็นไปไม่ได้!”
จี้เสวียนอีที่มั่นใจเมื่อครู่ คิดอยากสังหารฉินหยุนมากขึ้น กระนั้น เหนือศีรษะของเขาคือวิญญาณยุทธ์ของหยางฉีเย่ว์
หากเขาลงมือ เมื่อนั้นวิญญาณยุทธ์จันทราจะร่วงหล่นลงมา พราก เอาชีวิตของเขาไป!
“ฉินหยุน เขา… มีสองวิญญาณยุทธ์งั้นหรือ! ไม่ใช่หมายความถึงเขา ฝึกฝนแก่นภายในถึงสองหรือ?”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาแข็งแกร่งได้น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ เพราะมีสอง วิญญาณยุทธ์
ผู้ฝึกตนเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก!”
“หยางฉีเย่ว์ทราบเรื่องนี้นานแล้วแน่ เพราะเหตุนั้นนางจึงตีค่าเขา เอาไว้สูง!”
“วิญญาณยุทธ์สั่นไหว เป็นวิญญาณยุทธ์ในตํานาน!”
วิญญาณยุทธ์ที่สองเกินกว่าจะเชื่อได้! นอกจากนี้แล้ว วิญญาณยุทธ์
ทั้งสองยังเหนือลํ้ากว่าวิญญาณยุทธ์ทั่วไป เรื่องนี้ทําเอาผู้คนอิจฉาจน แทบตายตก
จี้เสวียนอีคําราม “ทั้งร่างกายของเขาปกคลุมด้วยออร่าพลังภายในสี ดํา มันไม่ใช่วิญญาณยุทธ์สั่นไหว! มีแต่ผู้ฝึกฝนวิชาปีศาจจึงเป็น เช่นนั้น! หยางฉีเย่ว์
อย่าได้คิดหลอกลวงต่อข้า!”
ฉินหยุนแค่นเสียง ร่างกายสั่นเทิ้ม
ออร่าสีดําปลดปล่อยออก พื้นดิน สั่นไหวโดยทันที
ในมือถือค้อนราชันยักษ์วิญญาณเอาไว้ อีกมือหนึ่ง
ถือยันต์สะกดกาย เขากล่าวเสียงเย็น “เช่นนั้นจึงต้องการสังหารข้า
ใช่หรือไม่?”
“ฉินหยุน เจ้าใช้วิชาปีศาจสังหารหลานชายข้า ข้าย่อมต้องสังหารเจ้า
เป็นการลงทัณฑ์!” จี้เสวียนอีจดจําถึงความตายของจี้ไค่หลิน ความ โกรธของเขายิ่งมายิ่งปะทุแทบถึงสวรรค์ สายตามองที่ดวงจันทร์ ทองม่วงบนท้องฟ้า มันอัดแน่นเอาไว้ด้วยพลังของแก่นเต๋าอันกราด เกรี้ยวของเจ้าของมัน
สายลมพัดผ่าน หมู่เมฆดํามืดหนาแน่น
พื้นดินสั่นไหว สายฟ้าเริ่ม แปลบปลาบจากท้องฟ้า!
วิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง เปล่งประกายแสงสีทองม่วงออกมา มากยิ่งขึ้น
มันปกคลุมทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม จิตสังหาร
เปี่ยมล้นล้วนสัมผัสได้ชัดเจน!
“ทุกคนจงหยุด!”
ฉับพลันนี้เอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
หมู่เมฆหนาบนท้องฟ้า พลันกระจายตัวออก พื้นดินที่สั่นไหวก็เริ่ม
สงบลง
วิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงของหยางฉีเย่ว์เริ่มหดตัว เมื่อแรงกดดัน นี้มาถึง นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอนวิญญาณยุทธ์จันทรา
กลับมา
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามค่อยสงบลง!
หมู่เมฆหนาบนท้องฟ้ากระจายหาย แสงจากเก้าตะวันสาดส่องลงมา ที่ซากปรักหักพังอีกครั้ง!
หลังความเงียบชั่ววูบหนึ่ง แรงกดดันชวนสะพรึงค่อยเคลื่อนเข้ามา! ผู้ฝึกตนที่ลอยกลางอากาศ ล้วนกลับลงสู่พื้นกันทั้งสิ้น! ตราบเท่าที่ไม่ใช่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
พวกเขาแทบไม่อาจยืนหยัด ได้
เพียงแต่ต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง!
“ต้อนรับจ้าวตําหนักใหญ่!” นักบุญหลายคนที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ต่างโค้งกาย
มองไปยังชายวัยกลางคนในชุดสีนํ้าเงิน ค่อย ๆ เคลื่อน คล้อยลงจากท้องฟ้า
ถัดจากนั้น หลันฮัวอวี้
จ้าวตําหนักจากตําหนักทั้งสี่ จี้เสวียนอี พวก เขาล้วนโค้งกายทําความเคารพแด่ชายวัยกลางคนในชุดสีนํ้าเงินโดย ทันที
จ้าวตําหนักใหญ่แห่งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม แท้จริงเป็นชาย
วัยกลางคน!
ฉินหยุนเคยได้ยินจากหลันเฟิงจิน ว่าจ้าวตําหนักใหญ่นามว่าหลันเฉิน!
หลันเฉินรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน กระนั้นเขากลับมีชีวิตอยู่มา นานหลายปียิ่งแล้ว
รูปลักษณ์ของเขา เป็นชายวัยกลางคนไว้หนวดเครา ดูธรรมดา กระนั้น ออร่าที่ปลดปล่อยออกมา ทําให้ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เก้าทั้งหมดล้วนต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
แม้ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เขากลับสามารถยืน หยัดรับแรงกดดันนี้เอาไว้ได้
ชั่วขณะนี้เอง เขาค่อยได้สํารวจพิจารณาหลันเฉิน
ที่ทําเขาตื่นตะลึงกว่า คือรอยสักโทเทมบนศีรษะล้านเลี่ยนของหลัน เฉิน! ชายผู้นี้ครอบครองรอยสักโทเทม!
“ตําหนักยุทธ์วิญญาณสร้างขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว มันถูกทําลายลง ได้เช่นไร?”
หลันเฉินมองไปยังจี้เสวียนอี กล่าวถามด้วยนํ้าเสียงที่
สง่างาม
“จ้าวตําหนักใหญ่ โปรดพิจารณา! เป็นเพราะชายผู้นี้ประลองยุทธ์
กับหลานชายข้า จี้ไค่หลิน เป็นเขาใช้วิชายุทธ์ของปีศาจสังหาร
หลานชายข้า!” ใบหน้าของจี้เสวียนอีเปี่ยมด้วยความโกรธ กระนั้นก็
ยังไม่อาจโพล่งอารมณ์ออกได้
หลันเฉินมองทางฉินหยุน กล่าวถามเสียงดัง
“เจ้าใช้วิชาปีศาจหรือ?” “ย่อมไม่ใช่ขอรับ!” ฉินหยุนตอบโดยทันที “เป็นเพราะเขาขาด
ประสบการณ์ความรู้ ดังนั้นจึงเข้าใจผิดคิดว่าข้าใช้วิชาปีศาจ!” หลันเฉินอดไม่ได้
หรี่ตาลง สํารวจมองรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์ ที่แขนซ้ายของฉินหยุน
จากนั้น เขามองไปทางเซี่ยอู๋เฟิงและกล่าว
“อู๋เฟิง นี่คือน้องชายที่เจ้า เอ่ยถึงข้าหรือ?
บอกมาว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
ข่าวลือว่า หลันเฉินคิดต้องการรับเซี่ยอู๋เฟิงเป็นศิษย์คนสุดท้าย จากที่เห็น เรื่องนี้น่าจะเป็นจริง! เชี่ยวหยางหลงถึงกับลอบริษยาอยู่ภายใน เพราะเซี่ยอู๋เฟิงกําลังจะ ได้รับสืบทอดจากหลันเฉิน ถึงตําแหน่งที่ศิษย์ของทุกตําหนักล้วน
เฝ้าฝันถึง
เซี่ยอู๋เฟิงก้าวเดินออก บอกเล่าทุกสิ่งแก่หลันเฉิน!
“จ้าวตําหนักใหญ่ ฉินหยุนใช้พลังภายในสีดํา นี่ย่อมต้องไม่ใช่
วิญญาณยุทธ์สั่นไหว!” จี้เสวียนอีเร่งรีบเดินเข้ามา โพล่งคํากล่าวขึ้น
หลังจากได้รับคําบรรยายจากเซี่ยอู๋เฟิง ใบหน้าของหลันเฉินเริ่มดํามืด
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่า การฝึกฝนของเชี่ยวเย่ว์หลานเกิดบ้าคลั่ง ออ ร่านี้อดไม่ได้ที่จะเพิ่มพูนขึ้น เป็นผลให้ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าในที่นี้ ต่างหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หลันเฉินมองที่จี้เสวียนอี กล่าวออกด้วยโทสะ “เจ้าและคนของเจ้า ทําถึงเพียงนี้เพื่อรอยสักโทเทม!”
“ทําเหมือนตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามของเราเป็นสุนัขหิวโหย ที่ต้องเผ่นหนีมายังสถานที่แห่งนี้!”
“จ้าวตําหนักใหญ่ ข้ารับทราบความผิดแล้ว ข้ายินดีรับผิดชอบทุกสิ่ง
อย่าง! ทว่า ฉินหยุนใช้วิชาปีศาจ เรื่องนี้ไม่อาจได้รับการอภัย หากข้า ต้องตายย่อมไม่นับเป็นอะไร แต่ข้าจะไม่ยอมให้ปีศาจเช่นเขาต้องทํา ร้ายผู้บริสุทธิ์!” จี้เสวียนอีเผยนํ้าเสียงเรียกร้องหาความยุติธรรม
ขณะนี้เอง จ้าวตําหนักตะวันตกก้าวเดินออกมา
“แม้ฉินหยุนเข้าร่วม
ตําหนักตะวันตก ข้าหวังว่าจ้าวตําหนักใหญ่จะปลิดชีพเขาที่นี่ เพื่อ เป็นการกําจัดปีศาจร้าย!”
ผู้พิทักษ์จางและผู้อาวุโสอื่นของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็เข้ามา ร้อง ขอให้หลันเฉินสังหารฉินหยุน
หลันเฉินหลับตาลง ถอนหายใจยาว ราวเขากําลังโกรธเกรี้ยวยิ่ง
กระนั้นก็สะกดข่มความโกรธเอาไว้ขณะกล่าว “จี้เสวียนอี นําเอาเม็ด ยาหัวใจเงียบสงบของเจ้าออกมา!”
จี้เสวียนอีลังเล กระนั้นก็ยอมนํามันออกมา ส่งมอบแก่หลันเฉิน
หลันเฉินรับไว้และกล่าว “ข้าจะสืบสวนเรื่องของฉินหยุนเดี๋ยวนี้
หากเขาฝึกฝนวิชายุทธ์ปีศาจ ข้าจะสังหารเขาอย่างแน่นอน!” จี้เสวียนอีกลายเป็นยินดีขณะคาดหวังถึงผลลัพธ์ต่อฉินหยุน สีหน้าของหยางฉีเย่ว์เฉยชา ราวกับนางหาได้กังวลอันใดไม่ เซี่ยอู๋เฟิงและผู้อื่น ไม่คิดกล่าวอันใดยามได้เห็นสีหน้าสงบของนาง ผู้อื่นลุกขึ้นยืน พวกเขาไม่กล้าหายใจด้วยซํ้า ยามได้เห็นหลันเฉิน
เดินไปยังฉินหยุน
หลันเฉินเดินถึงตรงหน้าฉินหยุนและกล่าว “ฉินหยุน ให้ข้า ตรวจสอบแก่นภายในสั่นไหวของเจ้าได้หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนไม่เชื่อหลันเฟิงจิน เพราะนางบอกว่าหลันเฉิน
เป็นคนดีอย่างยิ่ง เขาได้เห็นท่าทีเป็นมิตรด้วยตนเอง เขาจึงค่อยเชื่อ
ว่านางกล่าวได้ถูกต้อง
“วิญญาณยุทธ์สั่นไหว และแก่นภายใน ทั้งสองอยู่ภายในหัวใจของ
ข้าขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้าและตอบกลับ
ผู้คนตื่นตะลึง แก่นภายในถึงขั้นไปอยู่ที่หัวใจ! กระทั่งหยางฉีเย่ว์ยังไม่ทราบเรื่องนี้!
“ไม่แปลกใจเลย ที่เชี่ยวหยางหลงถึงขั้นนิ้วหักเพราะทิ่มแทงหัวใจ น้องหยุน
เป็นเช่นนี้นี่เอง!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มออก
นิ้วของเชี่ยวหยางหลงบิดงดผิดรูปเพราะเหตุนี้ เขาลอบสบถอยู่ ภายใน
ใบหน้าของหลันเฉินเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ ขณะนี้ปลายนิ้ว เคลื่อนไปยังตําแหน่งหัวใจของฉินหยุน
ขณะเขาสัมผัสถึงหัวใจของฉินหยุน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน เป็น เพราะเขาตรวจพบโทเทมมังกรพยัคฆ์ภายในหัวใจของฉินหยุน!
“ฉินหยุนฝึกฝนวิชาปีศาจร้าย จ้าวตําหนักใหญ่ โปรดลงมือสังหาร
มันโดยเร็ว!” พอได้เห็นสีหน้าหลันเฉินแปรเปลี่ยน จี้เสวียนอีโพล่ง
ออกด้วยความยินดี
ตอนที่ 326 : ตอบโต้ด้วยโทสะ
เมื่อทุกคนได้เห็นสีหน้าแปรเปลี่ยนของหลันเฉิน พวกเขาต่างคิด ภายใน เชื่อมั่นว่าฉินหยุนฝึกฝนวิชาของปีศาจเป็นแน่แท้แล้ว
หลายคนเผยดวงตาเบิกออกกว้างขณะรับชม พวกเขาเชื่อว่าฉินหยุน ต้องตาย
ณ ที่นี้!
หลันเฉินประหลาดใจ เพราะเขาพบโทเทมมังกรพยัคฆ์ที่หัวใจของ ฉินหยุน
นอกจากนี้ วิญญาณยุทธ์สั่นไหว ยังเป็นวิญญาณยุทธ์สีดํา!
“ฉินหยุนหาได้ฝึกฝนวิชาปีศาจ!” หลันเฉินกล่าวคําเชื่องช้า ขณะ ถอนมือออก และสูดลมหายใจเข้าลึก
จี้เสวียนอีร่างกายแข็งทื่อ กล้ามเนื้อคล้ายหมดสิ้นเรี่ยวแรง! เขาไม่ อาจยอมรับความจริงนี้!
ฉินหยุนไม่ได้ฝึกฝนวิชาปีศาจ เช่นนั้นหมายความถึงเขาสังหารจี้ไค่ หลินด้วยพละกําลังล้วน!
พรสวรรค์ของจี้ไค่หลินถือว่าเหนือลํ้า ทั้งยังครอบครองเจ็ดเส้น วิญญาณ
รวมถึงครอบครองวิญญาณยุทธ์กิเลนสายฟ้า และยังได้รับ
อุปกรณ์ลึกลํ้าอย่างดาบชีพจรอสนีบาต แต่แล้วก็ยังไม่อาจสังหารฉิน หยุน!
“ข้าย่อมไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ…
หากฉินหยุนไม่ได้ใช้วิชาปีศาจ แล้วเขา สังหารอาหลินได้อย่างไร?” ดวงตาของจี้เสวียนอีแปรเปลี่ยนเป็นสี
แดงโกรธแค้น “อาหลินต้องไม่ตายโดยสูญเปล่า ฉินหยุนต้องฝึกฝน
วิชาปีศาจ เขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ท่ามกลางการประลองเสี่ยงชีวิต ไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชอบ!
กระนั้น เขากลับยืนกรานดื้อรั้นบอกว่าฉินหยุนฝึกฝนวิชาปีศาจ เป็น เขาไม่ยอมปล่อยวางเรื่องราวที่หยิบยกขึ้นมาเอง!
หลันเฉินเผยเสียงดัง “ฉินหยุนหาได้ฝึกฝนวิชาปีศาจไม่ เขาครอบครอง วิญญาณยุทธ์สั่นไหวจริง
ทั้งยังเป็นระดับสีดํา! ดังทุกคนทราบ วิญญาณยุทธ์ทองม่วงถือเป็นระดับสูงที่สุด! กระนั้น เหนือกว่าระดับ ทองม่วง ก็ยังมีวิญญาณยุทธ์สีดําอยู่”
“วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของฉินหยุน เป็นวิญญาณยุทธ์สีดํา!”
“วิญญาณยุทธ์ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ครอบครองความสามารถผสานรวม กับร่างกายเป็นหนึ่ง วิญญาณยุทธ์และร่างกายจะผสานรวมเข้า
ด้วยกัน ยิ่งก่อให้เกิดพลังตามคุณลักษณะที่มากขึ้น!”
เป็นวิญญาณยุทธ์สีดําในตํานาน! ฮือ! ฮา!
เสียงร้องด้วยความตื่นตกใจปกคลุมทั่วทั้งซากปรักหักพัง! วิญญาณยุทธ์สีดําในตํานาน มันเหนือลํ้ากว่าที่ผู้ใดคาดคิด! กระทั่งในตําราโบราณ ยังไม่มีการกล่าวอ้างถึง “วิญญาณยุทธ์สีดํา!
ข้าเพียงเคยได้ยิน แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะมีอยู่
จริง!”
“นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นถึงวิญญาณยุทธ์ในตํานาน
น่ากลัวนัก ฉิน หยุนช่างเก็บซ่อนไว้ได้มิดชิดยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่จัดการจี้ไค่หลิน แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีอุปกรณ์ลึกลํ้าก็ตาม!”
“จี้ไค่หลินสมควรตายแล้ว!”
“นั่นแทบเทียบเท่าวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ประทาน พรสวรรค์ของ ฉินหยุนช่างน่ากลัวนัก! น่าเสียดายที่เขามีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง
ไม่เช่นนั้นคงเป็นการท้าทายสวรรค์แล้ว!”
บรรดาผู้ฝึกตนต่างสนทนากันอย่างออกรส
เชี่ยวหยางหลงกําหมัดเอาไว้แน่น เขาไม่เคยคิด ว่าฉินหยุนจะเก็บ
ซ่อนพลังน่าสะพรึงเพียงนี้เอาไว้
หากฉินหยุนก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะ เอาชนะฉินหยุนได้!
ทว่า ฉินหยุนเพียงอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่
เขาจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
จี้เสวียนอีเหม่อมองฉินหยุน พร้อมกันนี้ ความริษยาพลันทะลักใน
หัวใจล้นพ้น
จี้ไค่หลินถูกฉินหยุนสังหาร หลานชายมากพรสวรรค์ของเขาตายไป แล้ว กระทั่งเถ้ากระดูกยังไม่หลงเหลือ
เขาคิดอยากสังหารฉินหยุนแรงกล้า กระนั้นตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว!
“จี้เสวียนอี เจ้าก่อการทําชั่ว ทําการขัดต่อกฎของตําหนักศักดิ์สิทธิ์
อย่างร้ายแรง ข้าต้องลงทัณฑ์เจ้า!”
หลันเฉินกล่าวเสียงเย็น “เจ้าไม่ คล้ายเป็นผู้สํานึกผิดแม้สักนิด!”
“ข้า… ข้าทราบความผิดแล้ว!”
จี้เสวียนอีกัดฟันแน่น สายตาจับจ้อง ที่ฉินหยุน
หลันเฉินหาได้สนใจ ก่อนจะมองไปยังฉินหยุน
เขากล่าวออก
“ฉิน หยุน
ข้าคิดรับศิษย์เพียงหนึ่ง อู๋เฟิงเป็นศิษย์ข้าแล้ว กระนั้นเขาก็ยัง ไม่ได้รับการประกาศว่าเป็นศิษย์ข้าอย่างเป็นทางการ!”
“ตอนนี้ ข้าคิดอยากรับเจ้าเป็นศิษย์คนที่สอง เจ้าจะว่าอย่างไร?”
ผู้คนต่างทราบ ว่าหลันเฉินแข็งแกร่งเพียงใด เขาคือยอดฝีมืออันดับ หนึ่งของตําหนักศักดิ์สิทธิ์
ย้อนกลับไป ครั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังอยู่ในแดนยุทธ์ อ้างว้าง
พวกเขาแทบถูกทําลาย เป็นหลันเฉินที่พลิกกระแสนํ้า นําพา ทั่วทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามกลับมาที่นี่
เซี่ยอู๋เฟิงยินดียิ่ง หากฉินหยุนรับหลันเฉินเป็นอาจารย์ เขาและฉิน
หยุนจะได้เป็นศิษย์พี่น้องกันในภายหน้าอย่างแท้จริง
“ท่านต้องการให้ข้ารับเงื่อนไขใดหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
พอทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาพลันรู้สึก ว่าฉินหยุนออกจะโง่งม
เกินไปแล้ว ถึงขั้นจะได้รับหลันเฉินเป็นอาจารย์ แน่นอนว่าหากเป็น
พวกเขา แม้มีเงื่อนไขอันใดก็ต้องรับอย่างไม่ต้องคิด
หลันเฉินกล่าว “เจ้าต้องรับฟังคําข้าหากต้องการเป็นศิษย์ เพราะ สถานการณ์ของเจ้าค่อนข้างพิเศษ เจ้าจะต้องฝึกฝนตามเส้นทางการ ฝึกตนที่ข้ามอบให้อย่างเข้มงวด ไม่เช่นนั้นการฝึกฝนของเจ้าอาจ แตกซ่านได้!”
“เช่นกัน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตแม้เพียงครึ่งก้าว ให้ออกจากตําหนัก
ศักดิ์สิทธิ์หากข้าไม่อนุญาต!”
“หากเจ้าต้องการก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เจ้าต้องฟังคําข้าอย่าง เข้มงวด ข้าไม่ได้คิดเข้มงวดต่ออิสรภาพของเจ้า เป็นข้าต้องการช่วย
ให้เจ้ามีเสถียรภาพเพื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว ก่อนจะโค้งกายให้และกล่าวตอบ “ศิษย์ผู้นี้
ขอขอบคุณต่อความหวังดีของจ้าวตําหนักใหญ่ขอรับ!”
ทุกคนถึงกับสะท้าน ฉินหยุนปฏิเสธออกไป!
หลันเฉินไม่ใช่รับศิษย์โดยง่าย อัจฉริยะหลายต่อหลายคน คิดอยาก ขอร้องเขานับถือเป็นอาจารย์ แต่ฉินหยุนกลับยอมปล่อยมือจาก โอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้!
“ฉินหยุน เจ้าโง่หรือว่าอะไร?
จงรีบรับเสีย!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเดินมา กล่าวบอก
นางคล้ายคาดเดาได้ ว่าฉินหยุนคิดท้าประลองเชี่ยวหยางหลงในเร็ว วันนี้
เพราะเหตุนั้นเขาจึงปฏิเสธหลันเฉิน
หากรับหลันเฉินเป็นอาจารย์ หมายความถึงเขาไม่อาจออกไปนอก ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ได้ตามใจต้องการ!
เซี่ยอู๋เฟิงเข้าใจเจตนาของฉินหยุน เขาไม่กล่าวคําใด เขารู้จักฉินหยุน
เป็นอย่างดี หากฉินหยุนตัดสินใจแล้ว เกลี้ยกล่อมไปย่อมไม่มี
ประโยชน์
หลันเฉินเองยังแปลกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีผู้ใดปฏิเสธตนเอง!
“ฉินหยุน มีแต่ข้าจึงสามารถช่วยเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! เจ้า ควรทราบอยู่แล้ว ว่าการฝึกฝนแก่นภายในถึงสอง รวมถึงมีวิญญาณ
ยุทธ์ถึงสองเป็นอย่างไร มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะเลื่อนระดับด้วย ตนเอง มีโอกาสสูงมากที่การฝึกฝนของเจ้าจะแตกซ่าน!”
“วิญญาณยุทธ์ของเจ้าแข็งแกร่งยิ่ง
ทั้งยังมีถึงสอง หากเจ้าไม่อาจ ควบคุมวิญญาณยุทธ์ระหว่างการเลื่อนระดับ เรื่องราวจะอันตราย อย่างยิ่ง!”
ผู้คนต่างลอบพยักหน้ารับถึงสิ่งที่หลันเฉินกล่าว
“ขอขอบคุณในความห่วงใยของจ้าวตําหนักใหญ่ขอรับ!” สีหน้าของ ฉินหยุนยังคงแน่วแน่
“ข้ามีแผนการเป็นของตัวเองแล้วขอรับ!”
ฉินหยุนปฏิเสธออกไปอีกครั้ง ผู้คนต่างก็ร้องอุทานอีกครั้งหนึ่ง
หลันเฉินยังคงกล่าวต่อ “ข้าสัญญาต่อเจ้า ว่าข้าจะช่วยเจ้าก้าวสู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เจ้าสามารถวางใจ!”
พอได้ยินดังนี้ ผู้คนต่างรู้สึก ว่ากลายเป็นหลันเฉินแล้วที่ขอต่อฉิน
หยุนให้รับตนเป็นอาจารย์!
สําหรับผู้แข็งแกร่งที่สุดของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ถึงขั้น ร้องขอต่อฉินหยุนให้รับเป็นอาจารย์ หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ!
“นานหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนถาม
“ภายในสิบปี!” หลันเฉินกล่าว
ฉินหยุนส่ายศีรษะ “นานเกินไปขอรับ ข้าไม่อาจรอได้! หากท่านช่วย
ข้าเลื่อนระดับในหนึ่งหรือสองวัน ข้าสาบานว่าจะยอมรับท่านเป็น อาจารย์!”
หลันเฉินขมวดคิ้ว “นั่นเป็นไปไม่ได้! มันเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ผู้ฝึก
ตนซึ่งมีสองแก่นภายในจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! เจ้าควรทราบดี
อยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝนสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ยิ่งไม่ต้อง กล่าวถึงผู้ที่มีสองแก่นภายใน!”
คํากล่าวนี้ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าหลายคนพยักหน้ารับ พวก เขาเข้าใจถึงความยากลําบากตรงจุดนี้เป็นอย่างดี
“ฉินหยุน สถานการณ์ของเจ้าไม่อาจเร่งร้อน
ไม่เช่นนั้น
จะเป็นเรื่อง ง่ายดายผิดพลาด!
ภายในสิบปี
นั่นเป็นเพียงการคาดการณ์โดยคร่าว เท่านั้น มันอาจมากกว่าสิบปีด้วยซํ้า
กระนั้น เมื่อเจ้าก้าวถึงขอบเขต วรยุทธ์เต๋า
พละกําลังของเจ้าจะเกินผู้ใดเทียบ”
หลันเฉินมีทั้งประสบการณ์และภูมิความรู้ ดังนั้นเขาย่อมทราบว่าผู้ ครอบครองสองวิญญาณยุทธ์มีความยากลําบากเพียงใด
ฉินหยุนถอนหายใจ “จ้าวตําหนักใหญ่ขอรับ ข้าเองก็มีเรื่องลําบากใจ ได้โปรดเข้าใจด้วยขอรับ!”
หลันเฉินพูดไม่ออก ด้วยสถานะจ้าวตําหนักใหญ่ของเขา ไม่เคยมี
การรับศิษย์ครั้งใดที่ไม่สําเร็จ
ช่างเป็นคนหัวดื้อนัก! ฉินหยุนถึงขั้นปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ก็ได้ บางทีโชคชะตาของพวกเราอาจไม่ได้ต้องกัน!” หลันเฉินถอน
หายใจ “เช่นนั้นข้าไม่คิดบังคับ
หากเจ้าคิดใหม่ สามารถมาพบข้าได้ ทุกเมื่อ”
“จ้าวตําหนักใหญ่ เย่ว์หลานเป็นภรรยาข้า สถานการณ์ของนาง
ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก!” ฉินหยุนเป็นกังวลถึงเรื่องนี้ยิ่ง จากนั้นสายตาของ
เขาจึงมองอย่างกราดเกรี้ยวไปยังจี้เสวียนอี
“เข้าใจแล้ว ข้าจะมอบเม็ดยาหัวใจสงบนิ่งแก่นางตอนนี้ เพื่อช่วยให้
นางฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ” หลันเฉินมองทางจี้เสวียนอีและคณะ
นํ้าเสียงกล่าวเย็นเยือก “จงรอข้ากลับมา!”
“ขอรับ!” จี้เสวียนอีและคณะ
ล้วนเป็นคนของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ พวก เขาทราบดีว่าบทลงโทษใดที่รอคอยพวกเขาอยู่ หลันเฉินนําเม็ดยาหัวใจสงบนิ่ง ทะยานขึ้นสู่อากาศ
บินออกไปจาก ที่แห่งนี้
ไม่นานหลังหลันเฉินจากไป ดาบสั้นพลันปรากฏในมือของจี้เสวียน อี ด้วยสีหน้าแน่วแน่ เปี่ยมด้วยจิตสังหารล้นพ้น เขาพุ่งตรงเข้าหาฉิน
หยุน!
การปรากฏตัวของหลันเฉิน ถือเป็นการสะกดผู้ฝึกตนทั้งหมดในที่นี้
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าจี้เสวียนอีจะลงมืออย่างกะทันหัน
เพียงนี้!
พอหยางฉีเย่ว์ จ้าวฉวน
เซี่ยอู๋เฟิง
และหลันฮัวอวี้รับรู้ได้ถึงจิตสังหาร รุนแรง พวกเขาตื่นตกใจเกินจะเชื่อ เป็นพวกเขาไม่ทันระวังตัว
จี้เสวียนอีอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า หากเขาเคลื่อนไหว ย่อมสังหารฉิน
หยุนได้ในทันที!
ฉินหยุนจะเป็นได้แค่เหยื่อสําหรับจี้เสวียนอี!
การตอบสนองของเขารวดเร็ว พอจี้เสวียนอีบุกเข้ามา เขาเร่งรีบถอย
ขว้างยันต์สะกดกายชั้นเลิศออกไปจํานวนหนึ่งพร้อมกัน
จี้เสวียนอี ผู้ซึ่งทะยานกายเข้ามา
พลันต้องหยุดชะงักเพราะยันต์ สะกดกาย!
ยันต์สะกดกายชั้นเลิศจํานวนหนึ่ง สามารถหยุดยั้งจี้เสวียนอีเอาไว้ ได้เพียงสองวินาทีเท่านั้น!
ทว่า สองวินาทีนี้ ก็เพียงพอให้ฉินหยุนลงมือสังหารอีกฝ่าย!
ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆา ปลดปล่อยท่าเท้าดาวตก พุ่งเข้าถึงตรงหน้า จี้เสวียนอี ด้วยกระบี่แก่นจิตในมือ เขาคิดใช้วิชาวายุสังหาร!
“ฉินหยุน หยุดมือ!”
หลันเฉินตะโกนจากระยะไกล ทันทีที่เขาสัมผัส ได้ถึงจิตสังหารของจี้เสวียนอี เขาเร่งรีบกลับมา
วูบ! วูบ! วูบ!
วายุสังหาร คลื่นทลาย
แยกภูผา แยกพสุธา
ทลายนที อสนีฟาดฟัน กระบวนท่าทั้งหกถูกปลดปล่อยออกในคราวเดียว!
ฉินหยุนใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงบริสุทธิ์ ปลดปล่อยวิชาวายุสังหาร ขั้นสมบูรณ์แบบ แสดงถึงพลังอํานาจเต็มที่ของมันออกมา!
ขณะกระบี่สับฟัน พลังสั่นสะเทือนพื้นดินปรากฏ เป็นคลื่นกระแทก
สีดํา ทําเอาทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามถึงกับสั่นไหวอีกครั้ง!
ด้วยมือเงื้อขึ้นสับฟันกระบี่ออก เขาปลดปล่อยวิชาวายุสังหารออก โดยทันที
สับ ฟัน และหั่นร่างของจี้เสวียนอีออกเป็นแปดท่อน!
กระบี่คมกล้าก่อเกิดเป็นสายลมกระโชกรุนแรง พัดผ่านไปทั่ว ทิศทางอยู่นานจนค่อยสงบ
พอหลันเฉินกลับมา จี้เสวียนอีก็สิ้นชีวิตแล้ว!
สีหน้าของฉินหยุนเฉยชา สะบัดคราบเลือดที่กระบี่ทิ้ง สายตาจับจ้อง
ที่ร่างศพของจี้เสวียนอี!
ยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่ง ถึงขั้นถูกสังหาร!
พละกําลังของฉินหยุนทําเอาขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหลายคนสั่นสะท้าน! หลันเฉินเองก็มองที่ร่างของจี้เสวียนอี เขาไร้คําพูดใดกล่าวออก! เขาไม่เคยคิด ว่าฉินหยุนจะลงมือสังหารจี้เสวียนอีได้รวดเร็วเพียงนี้! “จ้าวตําหนักใหญ่ขอรับ
ข้าเพียงแต่ป้องกันตนเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบ
กล่าว
แม้จี้เสวียนอีแหกกฎของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสถานะของเขา โทษ ก็เพียงแค่ถูกกักขังชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ไม่นาน มันแทบไม่นับเป็น อะไรสําหรับเขาเลยด้วยซํ้า
ทว่า อีกฝ่ายคือผู้ก่อการทําให้การฝึกฝนของเชี่ยวเย่ว์หลานแตกซ่าน เพียงเรื่องนี้ ฉินหยุนหากมีโอกาสย่อมไม่มีทางไว้ชีวิตอีกฝ่ายอย่าง
แน่นอน!
ตอนที่ 327 : วิวัฒนาการโทเทม สายลมเย็นเยือกพัดผ่านซากปรักหักพัง ทําเอาผู้คนหนาวเย็นสะท้าน! แคร้ก!
กระบี่ในมือฉินหยุนพลันแตกกระจาย อย่างไรแล้ว นี่ก็เป็นอุปกรณ์
วิญญาณระดับต้น มันย่อมไม่อาจรองรับพลังอันแข็งแกร่งได้ ดังนั้น จะเสียหายย่อมไม่แปลก!
หลันเฉินสูดลมหายใจยาว มองไปทางผู้พิทักษ์จางและคณะพร้อม กล่าว “พวกเจ้า จงไปยังหอคอยทัณฑ์สวรรค์
รอข้าที่นั่น!”
“จ้าวตําหนักใหญ่ ฉินหยุนลงมือสังหารจี้เสวียนอี ไม่ลงโทษเขา หรือ?” ผู้พิทักษ์จางปรารถนาพบเห็นความตายของฉินหยุน เขาเร่ง รีบกล่าวคําขึ้นมา
“เป็นจี้เสวียนอีคิดสังหารเขาก่อน นี่เป็นเพียงการป้องกันตนเอง!” หลันเฉินเผยนํ้าเสียงเย็นเยียบ
กดดันผู้พิทักษ์และคณะ เป็นการบ่ง บอกให้พวกเขาเร่งรีบไปยังหอคอยทัณฑ์สวรรค์
หลันเฉินมองฝูงชนและกล่าว “เรื่องราวจบที่เท่านี้! กลับไปกันได้
แล้ว!”
ด้วยเหตุนี้ งานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของตําหนักศักดิ์สิทธิ์จึงจบลง
ฉินหยุนเป็นผู้ชนะทั้งการแข่งขันจารึก และการแข่งขันประลองยุทธ์ เขาคือผู้ชนะเลิศอย่างแท้จริง!
“ข้าชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธ์ รางวัลที่ควรได้รับคือยาเหลว ตะวันโชติช่วง
ตอนนี้ข้ายังไม่ได้รับมัน!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนขึ้น
เมื่อเห็นว่าหลันเฉินกําลังจะจากไป
หากเขาไม่พูดออก ฝูงชนคงลืมไปแล้วว่ารางวัลอันดับที่หนึ่งยังไม่ ถูกส่งมอบ!
“ฮัวอวี้ ให้เขาไป!”
หลันเฉินกล่าวคําจบ เขาบินจากไป นําเม็ดยา
หัวใจสงบนิ่งไปมอบให้แก่เชี่ยวเย่ว์หลาน
ฉินหยุนเดิมคิดอยากตามไปด้วย แต่เขาเป็นกังวล ว่าจะกลายเป็น
ส่งผลกระทบต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน อาจทําให้นางต้องคิดมาก ดังนั้นเขา จึงไม่ติดตามไป เพียงแต่ปล่อยให้นางได้เก็บตัวฝึกฝนอย่างสงบคง ดีกว่า
งานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของตําหนักศักดิ์สิทธิ์จบลงแล้ว หมายความ ถึงงานพิธีอภิเษกสมรสครั้งใหญ่
ระหว่างเชี่ยวหยางหลงและหยางฉี
เย่ว์กําลังจะเริ่มขึ้น!
ฉินหยุนเหนื่อยล้ายิ่ง เขาเร่งรีบกลับไปยังบ้านพักในป่าน้อย
ด้วยฐานะผู้ชี้แนะแก่ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์นําพาฉินหยุนสู่อันดับที่ หนึ่ง นางจึงได้รับขวดยาเหลวตะวันโชติช่วงด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่องานจบลง นางจึงไม่ได้เป็นผู้ชี้แนะแก่ฉินหยุนอีกต่อไป จึงต้อง กลับไปยังที่พักของนางภายในตําหนักศักดิ์สิทธิ์
ฉินหยุนอยู่ในบ้านไม้ นอนบนเตียงนุ่ม เขาไม่อาจหลับลง ได้แต่จ้อง
มองเพดานด้วยดวงตาเบิกออกกว้าง
“โมโม ข้ายังมีชีวิตอยู่
เป็นข้าทําเจ้ากังวลแล้ว!” ฉินหยุนกําลังใช้
เพียงความคิดพูดคุยกับโมโม
“พี่หยุน วิญญาณโทเทมต้นไม้คล้ายเติบโตขึ้นเล็กน้อย! สาเหตุที่โท
เทมเติบโตขึ้น ก็เพราะสภาวะทางจิตของท่าน!” ภูติน้อยในมิติเก็บ
ของกระซิบบอกกล่าว
“โมโม ข้าคิดส่งต่อเจ้าไปยังผู้อื่น
เพราะข้ามีศึกครั้งใหญ่รออยู่ ถึง ตอนนั้น ข้าอาจตายก็ได้!”
ฉินหยุนนําภูติน้อยออกจากมิติเก็บของ วางร่างของนางเอาไว้บน หน้าอก
โมโมพอได้ยินดังนี้ นางร้องออกด้วยความโศกเศร้า
“พี่หยุน ท่าน ต้องไม่ตาย! ต่อให้ท่านตาย ข้าจะก็ตายร่วมกับท่าน! ข้าเพียงยอมรับ
ท่านเป็นเจ้านาย!”
“โมโม อย่าได้ห่วงไป
ข้าคิดเตรียมให้เจ้าไปอยู่กับเจ้านายที่ดี ทั้งนาง ยังเป็นผู้หญิง!”
ฉินหยุนยิ้มขณะลูบหัวของนางด้วยนิ้ว
ดวงตาสีเขียวเข้มของโมโมพลันรื้นนํ้าตา นางสะอื้นกล่าวคําออกมา เสียงเบา
“พี่หยุน ข้าไม่ต้องการไปจากท่าน!”
“ต้องขออภัย แต่ข้าไม่อาจอยู่กับเจ้าได้อีกแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวด้วย
ความโศก เขาเองก็ไม่ได้อยากแยกจากภูติน้อยหากเป็นไปได้
โมโมสูดนํ้ามูก หยุดร้องไห้
กล่าวคําออกจริงจัง “พี่หยุน งานแต่ง ของพี่หยางจะเริ่มในอีกสองหรือสามวัน ในช่วงสองถึงสามวันนี้ ให้ ข้าช่วยท่านวิวัฒนาการโทเทมราชสีห์สวรรค์!
ด้วยวิธีนี้
ท่านจะได้ แข็งแกร่งขึ้น
ต่อให้ท่านไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า อย่างน้อยก็
ยังได้เพิ่มพูนพละกําลัง!”
ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขากระโดดลุกพรวดจากที่นอนเอ่ยถาม “เป็นไปได้หรือนี่?”
“ข้าไม่อาจมั่นใจ… เพราะเวลากระชั้นชิดนัก ข้าได้แต่ต้องใช้เคล็ด
วิชาต้องห้าม มันต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล ดังนั้นข้าจึงต้องการ
ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรราวยี่สิบฟอง!” โมโมกระซิบตอบกลับ
“ไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนเร่งรีบเก็บภูติน้อยใส่มิติเก็บของ พร้อมเดิน
ออกจากบ้านไม้หลังน้อย
หลันเฟิงจิน หลันฮัวอวี้ และจ้าวฉวนต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะหินด้านนอก
พวกเขากําลังรอคอยให้ฉินหยุนพักผ่อน จากนั้นจึงค่อยสอบถามถึง เรื่องราวจากเขา
แต่แล้ว ไม่นานหลังฉินหยุนเข้าไป เขากลับเร่งร้อนเดินออกมา
“ฉินหยุน เหตุใดเจ้าออกมารวดเร็วเพียงนี้ แทนที่จะพักผ่อน?”
หลันเฟิงจินเอ่ยถาม
“พี่หลัน ผู้อาวุโส!
ได้โปรดช่วยเหลือข้า!” ฉินหยุนเร่งร้อนกล่าว “ท่านพอจะช่วยข้าหาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสักยี่สิบฟองในวันนี้ได้
หรือไม่? ข้ายินดีใช้ยาเหลวตะวันโชติช่วงเพื่อแลกเปลี่ยน!”
“เจ้าไม่ต้องมอบยาเหลวตะวันโชติช่วง พวกเราจะช่วยเจ้าเอง!” หลันฮัวอวี้หัวเราะ
“ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส ภายหน้าข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน ขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวทราบซึ้งใจโดยทันที
จ้าวฉวนยิ้มให้ ก่อนออกไปจากป่าน้อย
ตอนนี้ พวกเขาทราบแล้วว่าฉินหยุนครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ นอกจากนี้ พรสวรรค์ทางวิถีจารึกของเขายังน่าสะพรึงมากลํ้า
ฉินหยุนติดหนี้บุญคุณพวกเขา มีแต่จะเป็นเรื่องดีในภายหน้า
“อาจารย์ เหตุใดจึงต้องการไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจํานวนมาก? คิด ต้องการเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหรือ?” หลันเฟิงจินกล่าว
เป็นกังวล “จ้าวตําหนักใหญ่ยังกล่าวไว้
ว่าเพื่อความเสถียรภาพ ต้อง ไม่เร่งรีบหากคิดก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”
“ข้าไม่ได้คิดลองเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
“ควรเป็นเช่นนั้น ที่ไม่ยอมรับจ้าวตําหนักใหญ่เป็นอาจารย์ สาเหตุคง
เพราะฉีเย่ว์ เพราะเวลามีจํากัด มีแต่ต้องต่อสู้กับเชี่ยวหยางหลงและ
หยุดมันเสียแต่ตอนนี้งั้นสินะ!” หลันเฟิงจินถอนหายใจ
“พี่หลัน โดยพื้นฐานความเข้าใจจ้าวตําหนักของท่าน หากข้ายอมรับ
เขาเป็นอาจารย์ ให้เขาช่วยข้าจัดการเรื่องปัญหาของอาจารย์หยาง เขา จะสามารถช่วยข้าได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ไม่ เพราะเขาเป็นผู้มีจริยธรรมมากล้น! งานแต่งงานระหว่างเชี่ยวห
ยางหลงและหยางฉีเย่ว์ได้ตระเตรียมเอาไว้แล้ว กล่าวได้ว่าเรื่องราวนี้ เป็นเจ้าและข้าคิดอยากทํา
เขาย่อมไม่คิดเข้าแทรกแซง” หลันเฟิงจิน
ตอบกลับมา
“เป็นเช่นนี้ เป็นศิษย์เขาไม่เห็นจะช่วยอะไรข้าได้สักนิด!” ฉินหยุน ถอนหายใจเบา “อาจารย์หยางถูกเชี่ยวหยางหลงบีบบังคับ!”
“ข้าสอบถามต่อนางหลายครั้ง กระนั้นนางไม่เคยตอบกลับคําใด แต่ ข้าก็คาดเดาได้ ว่าสิ่งสําคัญของนางน่าจะตกอยู่ในมือของเชี่ยวหยาง หลง” หลันเฟิงจินแค่นเสียงเบา
“ไอ้ตัวสารเลวเชี่ยวหยางหลง ข้าคิด อยากออกไปสังหารมันเสียเดี๋ยวนี้!”
“จริงด้วย กําหนดวันงานพิธีมีแจ้งมาหรือยัง?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“วันนี้คือวันที่สามของเดือนเจ็ด พวกนั้นจะจัดงานแต่งขึ้นในวันที่ เจ็ดของเดือนที่เจ็ด!” หลันเฟิงจินตอบกลับ “เชี่ยวหยางหลง มันป่าว ประกาศเรื่องนี้ไปทั่วทุกหนแห่ง ถึงตอนนั้น กลุ่มคนจํานวนมากจะ มาเข้าร่วม
ดูเหมือนมันคิดใช้โอกาสนี้ รับสมัครยอดฝีมือเข้าร่วม
ตําหนักตะวันตก เพื่อเพิ่มพูนพละกําลังและอํานาจของพวกมัน!”
“เหลืออีกเพียงสามวัน!” ฉินหยุนถอนหายใจ
“อาจารย์ บอกต่อพี่สาวผู้นี้ตามตรง คิดประลองต่อเชี่ยวหยางหลงใช่
หรือไม่?” หลันเฟิงจินเอ่ยถาม
สีหน้ามืดหม่น
“ย่อมใช่!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“เชี่ยวหยางหลงพูดเอาไว้ ตราบ เท่าที่ข้าอยู่ในตําหนักตะวันตก ข้าสามารถท้าทายมันได้ทุกเมื่อ!”
หลันเฟิงจินเร่งรีบคว้ามือของเขาเอาไว้ กล่าวออกด้วยนํ้าเสียงจริงจัง “อาจารย์
ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า การประลองยุทธ์ไม่
อาจใช้งานยันต์ หนทางการเอาชนะขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแทบเป็นไป ไม่ได้!
ทั้งนี้ เชี่ยวหยางหลงย่อมคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ว่าอาจารย์
จะต้องท้าประลองต่อมัน และมันก็ต้องคิดว่าความพ่ายแพ้ของ อาจารย์เป็นสิ่งแน่นอน!”
“ถึงตอนนั้น มันจะสังหารอาจารย์ ถือเป็นของขวัญรับงานแต่งของ
มัน!”
“อย่างที่ทราบ มันเชิญชวนผู้คนมากมายมาเข้าร่วมงาน เมื่ออาจารย์
แพ้ นามของมันจะยิ่งลือไกล!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงต้องจัดการมัน!”
“เป็นเช่นนี้!” หลันเฟิงจินยิ้ม
“อาจารย์ ข้าได้แต่เชื่อมั่นแล้วว่าชัย ชนะจะตกอยู่กับฝ่ายเรา!”
กล่าวคําจบ นางบรรจงจูบที่แก้มของฉินหยุน จากนั้นจึงเผยรอยยิ้ม
กว้างออก “อาจารย์ต้องชนะ! อาจารย์ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ยัง
ไม่ได้สอนต่อข้า!”
“ให้ข้าสอนท่านเดี๋ยวนี้!” ฉินหยุนยิ้ม จากนั้นจึงส่งถ่ายภูมิความรู้
ของวิถีจารึกส่วนหนึ่ง รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่เขามีให้แก่หลันเฟิงจิน
เมื่อฟ้ามืด จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้กลับมา พวกเขานําไข่ผลึกแก้ว
สัตว์อสูรมาทั้งสิ้นยี่สิบฟอง ทั้งหมดนี้มอบให้แก่ฉินหยุน
ฉินหยุนยังคงมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจํานวนหนึ่งอยู่ในมือ ถือว่ายังมี สํารองอยู่บ้าง
หลังจากได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรทั้งยี่สิบฟอง เขากล่าวขอบคุณต่อ จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้
เร่งรีบกลับไปยังห้องใต้ดิน ทําการตั้งอาคม
ปิดกั้นเสียง พร้อมอาคมปิดกั้นออร่าพลังไม่ให้หลุดรั่วออกไป
“โมโม ฝากเจ้าแล้ว!”
ฉินหยุนนั่งที่ตรงกลางของห้องลับ ตอนนี้เขา
วางไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรทั้งยี่สิบฟองเอาไว้ล้อมรอบ
โมโมสวมใส่ชุดสีขาวงดงาม เส้นผมของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีดํา สี หน้าเคร่งเครียด
นางมองที่แขนราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุนและกล่าว “รอยสักโทเทม ถูกแบ่งออกเป็น
รอยสักโทเทมวิญญาณ รอยสักโทเทมลึกลํ้า และ รอยสักโทเทมเต๋า ก็เหมือนดังผังจารึกที่ถูกแบ่งระดับเป็นวิญญาณ ลึกลํ้า และเต๋า!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับและเอ่ยถาม “เช่นนั้น ระดับของโทเทมราชสีห์
สวรรค์บนแขนของข้าคือ?”
“แน่นอน ย่อมเป็นโทเทมระดับวิญญาณ!”
โมโมกล่าว “หากทุก อย่างเป็นไปได้ด้วยดี
ข้าจะวิวัฒนาการมันขึ้นสู่โทเทมลึกลํ้า!”
“วิวัฒนาการสู่โทเทมลึกลํ้าในคราวเดียว! ไม่ใช่ว่าโทเทมวิญญาณก็ มีแบ่งระดับต้น
กลาง สูง อะไรทํานองนั้นหรอกหรือ?” ฉินหยุนเอ่ย ถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่! เพราะเหตุนั้นการที่โทเทมจะวิวัฒนาการได้ จึงถือเป็นเรื่อง
ยาก แต่ด้วยข้าช่วยเหลือ ข้าย่อมสามารถทําได้อย่างง่ายดาย!”
“อันที่จริง มีแต่ผู้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถวิวัฒนาการโท เทมได้
กรณีนั้นจะง่ายกว่า ตอนนี้ถือเป็นความเร่งด่วน ท่านต้องการ
พละกําลัง และท่านไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าโดยเร็วได้ ข้ามี แต่ต้องใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามเพื่อช่วยท่าน!”
ขณะนางกล่าว นางหลับตาลง ปลดปล่อยพลังสีแดงเข้มออกมา
ผสานพวกมันเข้าสู่แขนของฉินหยุน
ตอนนี้เอง พลังงานจากไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเริ่มไหลหลั่งเข้าสู่ร่าง ของภูติน้อย
“มันอาจเจ็บบ้าง!” โมโมกล่าวเสียงเบา “พี่หยุน รบกวนท่านอดทน!”
“ไม่มีปัญหา!” ฉินหยุนเริ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดแล้ว เขากัดฟัน
เอาไว้แน่น ต้านรับความเจ็บปวดเอาไว้
เขามองที่แขนราชสีห์สวรรค์ของตนเอง รอยสักโทเทมบนผิวหนัง ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด
ทว่า เขารู้สึกได้ ถึงเส้นสายสีทองที่กําลังเริ่มปรากฏตามกล้ามเนื้อ
และเส้นโคจรในร่างกาย
โทเทมราชสีห์สวรรค์ กําลังเติบโตขึ้นเป็นเส้นสายใหม่!
คล้ายมันซุกซ่อนเอาไว้ภายในกล้ามเนื้อ พวกมันเริ่มทําการเชื่อมต่อ กับเส้นโคจร
“หลังการวิวัฒนาการ โทเทมจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น! อักขระโทเทมที่
ศีรษะของจ้าวตําหนักใหญ่ ก็เป็นโทเทมลึกลํ้า!
หลังโทเทมของท่าน วิวัฒนาการ มันจะอยู่ระดับเดียวกับเขาผู้นั้น!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงศีรษะล้านเลี่ยนของหลันเฉิน เมื่อคิดเรื่องรอยสัก โทเทมนั้นที่ปรากฏบนศีรษะของอีกฝ่าย เขาไม่ทราบว่ามันคือโท
เทมอะไร มีแต่ต้องพิจารณามองให้ดีจึงค่อยทราบว่ามันคืออะไร
“โมโม เจ้าต้องใช้เวลานานหรือไม่ในการวิวัฒนาการโทเทม?” ฉิน หยุนเอ่ยถามขณะต้านรับความเจ็บปวด เหงื่อของเขาไหลหลั่งอย่าง มากล้นเพราะความเจ็บปวด
“ต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน ข้าจะทําโดยเร็วที่สุด!” โมโมเองก็
ลําบากใจยามต้องพูดกล่าวเสียงเบา คิ้วที่ใบหน้านั้นขมวดแน่น
เพียงพริบตา สองวันผ่านพ้น
ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรทั้งสิ้นยี่สิบฟอง ถูกโมโมดูดกลืนจนหมดสิ้น
โชคยังดีที่ฉินหยุนยังมีเก็บสํารองเอาไว้ เขานําเอาออกมาเพิ่มอีก จํานวนหนึ่ง
วางพวกมันไว้ที่พื้นเพื่อให้โมโมได้กลืนกินพลัง
ระหว่างกระบวนการ เขายังได้ดูดกลืนพลังงานของผลึกแก้วหยก อักขระชีวิต!
ชั่วขณะนี้ เขาเริ่มรู้สึกได้ ถึงกล้ามเนื้อและเส้นโคจรภายในแขน
ราชสีห์สวรรค์ พวกมันกําลังถูกอักขระโทเทมเข้าปกคลุม ยิ่งมายิ่ง
ซับซ้อนมากขึ้น!
หลังจากโมโมดูดกลืนพลังงานจากไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเข้าไปเพิ่ม
ความเจ็บปวดที่แขนของฉินหยุนค่อยทุเลาลง
“พี่หยุน สําเร็จแล้ว!
รอยสักโทเทมที่วิวัฒนาการนี้ จะมอบพลัง
ให้แก่ท่านมากขึ้น!” โมโมกล่าวออกด้วยความตื่นเต้นยินดี
รอยสักโทเทมที่วิวัฒนาการจะมอบพลังใดให้? ฉินหยุนตอนนี้เปี่ยม ด้วยความสงสัยคิดอยากทราบคําตอบ!
ตอนที่ 328 : พิธีสมรสตําหนักตะวันตก
โมโมเหนื่อยล้าอย่างหนัก นางเลือกนอนบนไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร และผล็อยหลับไป
ฉินหยุนยังคงมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรอีกสองฟอง มันเพียงพอให้นาง ได้ใช้กินอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“เมื่อเราใช้วิชายุทธ์โทเทม ด้วยโทเทมที่วิวัฒนาการ มันจะยิ่งปลด
ปล่อยพลังออกมาได้มากขึ้น!”
หลังจากนําโมโมสู่มิติเก็บของ ฉินหยุนหลับตาหลง
สัมผัสถึงโทเทม ที่วิวัฒนาการและพิจารณา
มีแต่โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่มีความสามารถวิวัฒนาการ!
ทางด้านโทเทมมังกรพยัคฆ์ และโทเทมต้นไม้ เขายังไม่เคยใช้พวก
มันมากนัก พวกมันยังอยู่ในสภาพเด็กแรกเกิดด้วยซํ้าหากให้กล่าว เที่ยบเปรียบ
“พละกําลังของเรา สมควรเพิ่มขึ้นอย่างมาก!”
ด้วยโทเทมราชสีห์สวรรค์วิวัฒนาการ ไม่นานนัก เขาคล้ายนึกอะไร
ขึ้นมาได้
“พลังสายฟ้าราชสีห์สวรรค์? ใช้เป็นพลังงาน?”
หลายคําปรากฏขึ้นภายในใจของฉินหยุน โดยทันที เขาเริ่มทําตาม
คำแนะนําที่ได้รับและเริ่มโคจรพลังภายใน
ขณะพลังภายในไหลเวียนผ่านเลือดและเนื้อ โลหิตราชสีห์สวรรค์ เริ่มเดือดพล่าน มันควบแน่นซึ่งพลังของสัตว์ร้ายโบราณ เป็นขุม พลังที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!
ฉินหยุนควบคุมพลังงานสัตว์ร้ายนี้ นําพวกมันเข้าสู่แขนราชสีห์ สวรรค์ โดยทันที แขนของเขาเริ่มปรากฏเป็นพลังงานสายฟ้า ผสาน รวมเข้ากับรอยสักโทเทม มันยิ่งมายิ่งรุนแรง
“รุนแรงนัก! นี่คือวิชายุทธ์ที่ใช้พลังผสานร่วมกับสายเลือดราชสีห์ สวรรค์!”
เขาเร่งรีบถอนพลังกลับ หากปลดปล่อยมันออก คงเป็นการนําพลัง
ของแก่นภายในอสนีบาตอัคคีทองม่วงออกมาใช้จนหมด กระนั้นเขา ก็ได้ทราบแล้ว ว่าพลังอํานาจของมันน่าสะพรึงเพียงใด
ถัดจากนั้น เขาเริ่มทําความคุ้นเคยกับโทเทมต้นไม้
ตราบเท่าที่สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันสู่ร่างกายอย่าง รวดเร็ว โทเทมต้นไม้จะปลดปล่อยขุมพลังชีวิตอันแกร่งกล้าออกมา
มันสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เปรียบดั่งอุปกรณ์ผังธาตุ แสง ที่ช่วยรักษาบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเย็น ในที่สุดฉินหยุนก็เดินออกจากบ้านไม้! สายตาของเขาจับจ้องที่แสงอาทิตย์อัสดงและถอนหายใจเบา
วันพรุ่งนี้ งานพิธีอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ระหว่างเชี่ยวหยางหลง และ
หยางฉีเย่ว์จะจัดขึ้น ที่ลานกว้างในตําหนักตะวันตก! “อาจารย์
มีคนต้องการพบ! เป็นราชันปืนใหญ่ เหล่าถาน!”
พอหลันเฟิงจินได้เห็นฉินหยุนเดินออกมา นางเร่งรีบเดินเข้ามากล่าว “เขายังนําชายชราร่างเล็กมาด้วย!”
ฉินหยุนกลายเป็นตื่นเต้นยินดี เร่งรีบตามหลันเฟิงจินไปยังกระท่อม น้อยอีกหลัง
เหล่าถานและอู๋เซี่ยง เผยความยินดีโดยทันทีที่ได้พบฉินหยุน
อู๋เซี่ยงเป็นหมอผี ยาเหลวของเขาได้ช่วยเหลือการฝึกฝนของฉินหยุน ให้คืบหน้าอย่างมหาศาล แม้เขาไม่อาจช่วยให้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าได้สําเร็จ ฉินหยุนก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าอย่างมาก
เป็นเพราะ เขาต้องวิวัฒนาการแก่นภายในสู่แก่นเต๋าถึงสาม ถือว่า มากกว่าผู้อื่นถึงสามเท่า
และตอนนี้ เขาก็อยู่ไม่ห่างไกลจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามากนัก
สองวันที่ผ่านมา เขาได้ดูดกลืนพลังของผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต อักขระชีวิตแห่งเต๋าที่พื้นผิวของแก่นภายในทั้งสาม ยิ่งมายิ่งเด่นชัด มากขึ้น
ราวกับว่าเขาสามารถทําลายกําแพงที่ปิดกั้นแก่นภายในเอาไว้เมื่อใด
ก็ได้ และเมื่อนั้นมันก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“ผู้อาวุโสอู๋ เหล่าถาน!
เหตุใดพวกท่านมาที่นี่?” พอฉินหยุนเข้ามา เขาจึงยิ้มรับและเอ่ยถาม
“อาหยุน เจ้าช่างน่าทึ่งนัก!”
อู๋เซี่ยงหัวเราะ “น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจ เห็นเจ้าจัดการไอ้สารเลวผู้นั้น!”
หลันเฟิงจินออกจากบ้านไม้ไปแล้ว นางไม่คิดรบกวนการสนทนา
เหล่าถานหัวเราะ “พวกเราทราบว่างานแต่งระหว่างเชี่ยวหยางหลง และหยางฉีเย่ว์กําลังจะจัดขึ้น
ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งรีบมาพบเจ้า!”
อู๋เซี่ยงกล่าวเสียงเบา “พวกเราได้ยินว่าหยางฉีเย่ว์เป็นอาจารย์ของเจ้า นางแท้จริงไม่ได้ต้องการแต่งกับเชี่ยวหยางหลง เจ้ามีแผนการ อย่างไร?”
“ข้าคิดท้าประลองเชี่ยวหยางหลงโดยตรง!” ฉินหยุนเผยสีหน้าแน่ว แน่กล่าวตอบ
เหล่าถานหุบรอยยิ้ม กล่าวด้วยนํ้าเสียงเคร่งเครียด “แต่เจ้าเพียง
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า! มั่นใจแล้วหรือ?”
“กระทั่งว่าข้าไม่มั่นใจ ข้าก็ยังต้องลงมือ!”
ฉินหยุนถอนหายใจ “หาก มีเรื่องใดเกิดขึ้นกับข้า หวังว่าท่านทั้งสองจะสามารถช่วยอาจารย์
ของข้าได้!”
อู๋เซี่ยงกล่าว “เจ้าหนู เชี่ยวหยางหลงย่อมต้องใช้วิธีการบีบบังคับ
ให้หยางฉีเย่ว์แต่งงานด้วย! คืนนี้ พวกเราจะไปสืบสวนถึงเรื่องนี้ ออกมา”
“ผู้อาวุโสอู๋ ที่นี่คือตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ท่านอย่าได้
กระทําการสุ่มเสี่ยง!” ฉินหยุนเร่งรีบออกปาก
อู๋เซี่ยงหัวเราะ “เจ้ากลัวอันใด? ในแขนเสื้อข้ายังมีลูกเล่นอีกเยอะ!”
“เพื่อให้เชี่ยวหยางหลงกล่าวคําสาบานร่วมกับหยางฉีเย่ว์ได้สําเร็จ เรื่องราวนี้มันเตรียมการมาเป็นอย่างดี!”
“เรื่องราวเก่าก่อน ประมาณเจ็ดถึงแปดปีที่แล้ว ตระกูลหยางได้ตกลง
รับปากการหมั้นหมายระหว่างหยางฉีเย่ว์และเชี่ยวหยางหลง!”
“วันนี้ พวกคนจากตระกูลหยางล้วนมาที่นี่ ข้าจึงคิดไปพบเจอและ
สอบถามกับพวกมัน!”
เหล่าถานกล่าว “อาหยุนอย่าได้กังวลถึงผู้อาวุโสอู๋! เขามียาสารพัด
เรื่องให้ผู้อื่นพูดความจริง… แน่นอนว่าย่อมต้องมียาตํารับลับ มีเพียง เจ้าและข้าที่รู้ก็พอ”
หางตาของฉินหยุนกระตุกขณะเกลี้ยกล่อม “ผู้อาวุโสอู๋ ที่นี่คือ ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม มันอันตรายเกินไปหากท่านคิดใช้ยา ต้องห้ามที่นี่”
“เจ้านับเป็นสหายต่อข้า อย่าได้มากพิธี!” อู๋เซี่ยงทราบ ว่าฉินหยุนมี
พรสวรรค์ทางวิถีจารึกมากล้นเพียงใด
ในภายหน้า เขายังต้องการใช้งานยันต์วิญญาณชีวิต ดังนั้นเขาจึงคิด
ช่วยเหลือฉินหยุน
“ขอรับ เช่นนั้นระวังตัวด้วย” ฉินหยุนรับคํา
“พวกเราได้เชี่ยวหยางหลงเชิญตัวมา และได้พักอาศัยที่ตําหนัก ตะวันตก!
ตระกูลหยางเองก็อยู่ที่ตําหนักตะวันตก ข้าคิดกลับไป
ตอนนี้ ดูว่าพวกมันพักผ่อนกันอยู่ที่ใด!”
อู๋เซี่ยงแสยะยิ้ม ไม่ช้าจึง จากไปพร้อมเหล่าถาน
ฉินหยุนยังคงประหลาดใจยามมองพวกเขาเดินจากไป เขาไม่คิดเลย ว่าเชี่ยวหยางหลงเชิญชวนคนมามากมายถึงเพียงนี้
“คิดว่าเสด็จพ่อน่าจะทราบเรื่องนี้แล้ว แต่ตอนนี้เสด็จพ่อน่าจะอยู่ที่ เทือกเขามนุษย์อสูรมากกว่า!” ฉินหยุนเข้าใจสถานการณ์ทางด้าน นั้นเป็นอย่างดี มนุษย์อสูรบุกโจมตีเมืองหลายแห่ง พวกมันก่อการ
อย่างไม่ยําเกรงผู้ใด
ด้วยฐานะจักรพรรดิ ฉินหลงแข็งแกร่ง เป็นปกติที่จะออกสู้ศึกด้วย
ตนเอง เขาต้องหาทางสังหารมนุษย์อสูรที่แข็งแกร่ง เพื่อลดทอนแรง
กดดันให้แก่เหล่าแม่ทัพนายกอง
“พี่หลัน ทางด้านพี่เฟยหลิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม ก่อน หน้านี้เขาได้ฝากฝังต่อหลันเฟิงจิน ให้ช่วยเหลือเมิ่งเฟยหลิงได้รับ โอกาสเข้าร่วมตําหนักสัตว์ยุทธ์
“เรียบร้อยแล้ว หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ข้าจะนํานางมายัง
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามด้วยตัวเอง เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ของตําหนักสัตว์ยุทธ์!”
หลันเฟิงจินมองไปยังทิศทางที่อู๋เซี่ยงและเหล่าถานจากไป นางเอ่ย คําเบา
“อาจารย์ ชายชราร่างเล็กผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่ง! ทั้งยังดูคุ้นเคยกับ
อาจารย์นัก!”
“ใช่ เขาแข็งแกร่งมาก! เขาสามารถปรุงยาเหลวที่ช่วยก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าได้! เหล่าถานครั้งนั้นอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า
เรื่องนี้ท่านทราบดี! หลังแช่กายในยาเหลวที่ผู้อาวุโสปรุงขึ้น เขาจึง ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้สําเร็จ!”
ฉินหยุนกล่าวต่อ “เหตุผลว่าทําไมข้าไปยังเมืองอี้ ก็เพื่อพบผู้อาวุโส
อู๋! เขามอบยาเหลวแก่ข้ามากมายเพื่อแช่กาย แต่เพราะมีแก่นภายใน
มากกว่าหนึ่ง ข้าจึงไม่อาจเลื่อนระดับพลัง! กระนั้นก็ช่วยเพิ่มพลังแก่
ข้าอย่างมหาศาล”
หลันเฟิงจินพยักหน้า “อาจารย์
คืนนี้กลับไปพักผ่อนให้ดี! วันพรุ่งนี้
สําคัญยิ่ง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอาจารย์แล้ว!”
“อืม” ฉินหยุนเงยหน้ามองท้องฟ้า
ตอนนี้มืดคํ่าแล้ว เขาจึงกลับบ้าน ไม้
กลางดึก ฉินหยุนไม่อาจนอนหลับ
เขานอนริมหน้าต่าง มองไปยัง จันทราครึ่งดวงบนท้องฟ้า อดไม่ได้ที่จะนึกถึงจันทร์เต็มดวงทอง ม่วงอันน่าสะพรึงกลัวของหยางฉีเย่ว์
เขารู้สึกได้ ว่าหากเขาปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬออกมา
มัน
ก็ต้องเป็นสิ่งที่น่าพรั่นพรึงไม่ต่างกัน
กระนั้น เขาในตอนนี้ยังไม่อาจควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬได้! ครั้งหยางฉีเย่ว์อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า นางสามารถควบคุม วิญญาณยุทธ์จันทรา ปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งและทรงอํานาจ ออกมาได้
“เฮ้อ วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬนี้แปลกเกินไป เหมือนกับมันไม่มี
ตัวตนคงอยู่ กระทั่งหลันเฉินยังหามันไม่พบ!” ฉินหยุนค่อนข้าง
มั่นใจ ว่าหลันเฉินไม่พบวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเขา
ระหว่างจมดิ่งในความคิด ฉับพลันเขาเห็นร่างเงาหนึ่งเข้ามาใกล้ “ข้าเอง!” อู๋เซี่ยงหัวเราะ
“ผู้อาวุโสอู๋!” ฉินหยุนอุทานเบา
อู๋เซี่ยงกระโดดผ่านหน้าต่างเข้ามา “ข้าได้เรื่องจากตําหนักตะวันตก ไม่น้อยเลยละ!”
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“พวกคนจากตระกูลหยาง นําคนครึ่งเป็นครึ่งตายมาด้วย! คนผู้นี้ถูก
แช่เอาไว้ในอ่างขนาดใหญ่ ร่างกายบาดเจ็บรุนแรง ดูเหมือนเขา จําเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อคงสภาพชีวิตเอาไว้!”
อู๋เซี่ยงกล่าว “ข้าคิดว่า บุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นผู้นําตระกูลหยาง”
“เช่นนั้นก็เป็นบิดาของอาจารย์หยาง?” ฉินหยุนตระหนักได้ “บิดา ของอาจารย์ คงได้รับบาดเจ็บหนัก จําเป็นต้องใช้ยาเหลวพิเศษเพื่อ
คงสภาพชีวิตเอาไว้ เพราะเหตุนี้อาจารย์หยางจึงต้องแต่งงานกับ เชี่ยวหยางหลง?”
“ยาเหลวนั่นค่อนข้างพิเศษ น่าจะเป็นเชี่ยวหยางหลงนําพวกมัน ออกมา!”
อู๋เซี่ยงแค่นเสียงเล็กน้อย “ข้าเก็บตัวอย่างมาจากอ่างนํ้านั่น
แล้ว ข้าจะกลับไป ศึกษาพวกมัน ดูว่าจะทําพวกมันขึ้นมาได้หรือไม่!”
“หากเป็นไปได้ อาจารย์หยางก็ไม่จําเป็นต้องเชื่อฟังเชี่ยวหยางหลง!” ฉินหยุนยินดีขึ้นมา
“คืนนี้ข้าคิดทําการค้นคว้า น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ แต่จะรีบยืนยัน
ให้ได้โดยเร็วที่สุด!” อู๋เซี่ยงกล่าว
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ขอรับ!
รบกวนผู้อาวุโสอู๋แล้ว!”
“ไม่เป็นไร!” อู๋เซี่ยงยิ้มตอบ กระโดดออกจากหน้าต่างไป
ฉินหยุนจึงได้ทราบ สถานการณ์ทางด้านบิดาของหยางฉีเย่ว์จากการ สืบสวนของอู๋เซี่ยง
เขาเองยังได้เข้าใจถึงความลําบากของนาง เขาเริ่มคาดเดาส่วนสําคัญ ของเรื่องราวได้แล้ว
รุ่งสาง หลันเฟิงจินมารอที่ด้านนอกห้องของฉินหยุน
ฉินหยุนสวมใส่ชุดสีนํ้าเงิน เป็นการบ่งบอกว่าเขาอยู่ภายใต้ตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามเช่นกัน
ด้วยรูปลักษณ์พร้อมชุดนี้ ยิ่งขับเน้น
ความหล่อเหลาของเขาให้มากขึ้น
“อาจารย์ยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาหรือ?” หลันเฟิงจินเอ่ยถามเป็นกังวล ยามได้เห็นท่าทีมั่นใจของฉินหยุน
“อย่าได้ห่วง ย่อมไม่มีปัญหา!”
ฉินหยุนยิ้มมั่นใจตอบรับ จากนั้นจึง มุ่งหน้าไปยังตําหนักตะวันตก
ประตูใหญ่ของตําหนักตะวันตก ประดับประดาด้วยโคมไฟพร้อม ของตกแต่งอีกหลายอย่าง ให้อารมณ์ถึงเทศกาลอย่างหนึ่ง
งานอภิเษกสมรสของเชี่ยวหยางหลง ถือว่าจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ขณะเดินเข้าตําหนักตะวันตก เขาจึงได้เห็นลานกว้างขนาดใหญ่ ที่ตรงกลางของลานกว้าง เดิมเป็นลานประลองขนาดใหญ่ ขณะนี้มัน
ถูกปกคลุมด้วยพรมแดง เชี่ยวหยางหลงและหยางฉีเย่ว์ จะต้อง ปรากฏตัวที่ด้านบนลานประลองซึ่งแปรสภาพเป็นเวที
การกระทําเช่นนี้ จะยิ่งทําให้ผู้คนมากมายได้รับชมเจ้าบ่าวและ เจ้าสาวกันอย่างทั่วถึง
รอบด้านลานประลองยุทธ์ ประกอบด้วยโต๊ะที่มีไวน์มากมายเรียง ราย จํานวนโต๊ะมีมากกว่าหนึ่งพัน ตอนนี้มีหลายคนจับจองที่นั่งกัน เรียบร้อยแล้ว
ทั่วทั้งลานกว้างของตําหนักตะวันตก เปี่ยมด้วยสีสันและเสียง ครื้นเครง กําลังรอคอยให้เชี่ยวหยางหลงและหยางฉีเย่ว์เริ่มงานพิธี
ฉินหยุนมาถึง เกิดขึ้นเป็นความวุ่นวายขึ้นมาฉากหนึ่ง!
หลายวันก่อน ฉินหยุนจัดการจี้ไค่หลิน เผยออกซึ่งวิญญาณยุทธ์ทั้ง
สองที่ครอบครอง พรสวรรค์ที่เหนือลํ้าของเขา ทําเอาหลายผู้คนต่าง
หารือกันอย่างออกรสด้วยความริษยาเกลียดชัง
ผู้คนต่างทราบ ว่าฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน
และหยางฉีเย่ว์เองก็หาได้อยากตบแต่งกับเชี่ยวหยางหลงไม่ เป็นนาง ถูกบังคับอย่างอับจนหนทาง
งานพิธีอภิเษกสมรสครั้งนี้ ถูกจัดแจง ขึ้นโดยตระกูลของนาง
นางไร้ทางเลือกนอกจากต้องแต่ง
ตอนนี้ มีโอกาสสูงอย่างยิ่ง ที่การปรากฏตัวของฉินหยุนจะสร้าง
ความวุ่นวายขึ้น
อย่างไรแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็เคยท้าทายเชี่ยวหยางหลงครั้งหนึ่ง
ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงกําหนดการท้าประลอง กระนั้น เชี่ยวหยางหลงได้พูดกล่าวด้วยตนเอง ว่าตราบเท่าที่เขาเข้าร่วม
ตําหนักตะวันตกวิญญาณสีคราม ฉินหยุนจะสามารถท้าทายเขาที่ เป็นหัวหน้าศิษย์ได้ทุกเมื่อ!
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น