แม้แต่ประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์
รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลาย
ยังอดไม่,ได้ที่จะตื่นตระหนก พวกเขากลับมาพร้อมซากศพที่สมบูร๓
แบบ! แน่นอนว่านิกายอื่นนั้นหาใช่พวกใจกว้างไม่?!?
"ท่านประมุข และท่านปรมาจารย์
รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลายขอรับ
การเดินทางครั้งนี้ที่พวกเราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ นั้นล้วน
เป็นความดีความชอบของประมุขน้อยหลินแต่เพียงผู้เดียวขอรับ!! หาก
ไม่ได้เขาแล้ว... ไม่ใช่แค่เพียงพวกเราอาจจะต้องสูญเสียเหล่าศิษย์ไป
จำนวนมาก แม้แต่ผลงานพวกเราก็คงไม่ได้รับอันใดกลับมาเช่นนี้
ขอรับ”ช่งเชื่นเทียนกล่าวออกมาดังก้อง
ทุกสายตาของเหล่าศิษย์นับหมื่นล้วนหันมาทางหลินฟานเป็นตา
เดียวลัน
หลินฟานเพียงแย้มยิ้มออกมากว้างๆ
เด็กสาวตัวน้อยไช่ฉิเฉียวที่
อยู่ๆก็เห็นว่าอยู่ๆทุกคนล้วนหันมามองทางนี้ นางก็อดไม่,ได้ที่จะ
หวาดกลัวขึ้นมา รีบเคลื่อนร่างน้อยๆไปหลบอยู่ด้านหลังหลินฟานและ
เกาะขาเขาไว้ ราวกับลูกหมีโคอาล่า
ประมุขหยาง,ปรมาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสล้วนหันมามองหลินฟา
นด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ สีหน้าของทุก
คนแสดงถึงความคาดไม่,ถึงออกมาอย่างมาก
พวกเขาร้ดีว่าความ
แข็งแกร่งของสิงโตหิมะนี้น่าหวาดหวั่นถึงเพียงใดจากการพบเห็น
ซากศพ เหล่าผู้อาวุโสบางคนอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เพราะ
แม้แต่พวกเขา ต่อให้ทุ่มสุดความสามารถ ก็เกรงว่าคงไม่,อาจทำอะไร
สิงโตหิมะนี่ได้!!
ทว่าตอนนี้ซากศพสมบูรณ์นี้พลันปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าให้พวก
เขาได้เห็นเต็มสองตา พวกเขาทั้งหมดล้วนสงสัยว่าผู้ที่ออกไปปฏิบัติ
ภารกิจนี้สามารถนำมันกลับมาทั้งหมดได้อย่างไร หรือว่านิกายอื่นจะไม่
สามารถทำอะไรได้เลย?!
มองไปยังใบหน้าที่ตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
คลุกเคล้าไปกับความตกตะลึง หลินฟานเพียงยิ้มออกมาอย่างสงบ เขา
ส่ายหน้าด้วยทำทางไม่,ยี่หระ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสียงเรียบ
อย่างไม่อาทรร้อนใจ ราวกับยามนี้สถานการณ์ทั้งหมดล้วนอยู่ในความ
ควบคุมของเขาแล้ว “ซากศพนี้ ยังหาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากมาย ข้า
ประมุขลำบากเพียงลงมือเล็กน้อยเท่านั้น แมวน้อยตัวนี้หาได้เป็นคู่
ต่อล้ซ้าแม้แต่น้อย ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายหรอก อย่าได้กล่าวถึง
แล้ว ”
ทุกคนต่างอึ้งและทึ่งกับวาจาของประมุขน้อยหลิน
นี่น่ะหรือไม่ใช่
เรื่องใหญ่อะไร นี่น่ะหรือไม่สำคัญ?! แล้วมันมีอะไรทึ่จะยิ่งใหญ่แล้ว
สำคัญไปกว่านี้อีกเล่า พี่นั่น?!?
ประมุขหยางเหล่าปรมาจารย์และผู้อาวุโสล้วนมองหน้ากันแล้วยิ้ม
แห้งๆพวกมันอดคิดขึ้นมาไม่,ได้ว่า
‘หลินฟานผู้นี้ช่างเหลือเกินนัก
กล่าววาจายั่วยุกระตุ้นต่อมความสงสัยของพวกมันออกมาถึงเยี่ยงนี้
ในนํ้าเต้ามันขายยาอันใดกันแน่!!’
เมื่อมองไปด้วยสายตาคาดหวังและสงสัยทึ่จ้องเขม็งมายังเขา
หลิน
ฟานทำเพียงแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนทึ่จะสะบัดมือให้ผ้าคลุมปลิว
ไสวเล็กน้อย แล้วเอื้อมมีอออกมาหงายฝ่ามีอกลางอากาศ ทันใด
นั้นเองบนฝ่ามีอทึ่ค่อยๆกางออกมา ก็ปรากฏร่างของลูกสัตว์อสูรสิงโต
หิมะตัวน้อยๆกำลังหลับใหลอยู่อย่างสงบ!!
เมื่อลูกของสัตว์อสูรสิงโตหิมะตัวน้อยปรากฏขึ้น
ทุกผู้คนทึ่จ้องมา
ล้วนตกตะลึงจนอ้าปากด้าง ราวกับขากรรไกรล่างของพวกมันจะถูก
แช่เข็งอย่างไรอย่างนั้น
"นะ ... นั่นคือลูกสิงโตหิมะ
มันเป็นลูกของสิงโตหิมะ มีผิดแน่!!"
"โอ้สวรรค์
เรื่องเข่นนี้มันเป็นไปได้อย่างไร? ไม่เพียงแต่พวกเราจะ
ได้รับซากสัตว์อสูรสิงโตหิมะกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูร๓ แต่นี่พวก
เรายังได้แม้กระทั่งลูกน้อยของมันกลับมาด้วย แล้วเข่นนี้เหล่านิกาย
อื่นๆมันจะได้อันใดกลับไปเล่า?!"
ทุกคนถ้วนไร้วาจาจะกล่าว
พวกมันตกตะลึงทั่งแสดงสีหน้า
เหลือเชื่อออกมาราวกับตัวโง่งม
แม้แต่ประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์เอง
ก็บังเกิดความรู้ลึก
ยินดีท่วมท้นในหัวใจ ทั่งยังสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางครั้งนี้มัน
เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นมากันแน่?
บทที่ 158 ต้องไม่ให้นางแปดเข้อนเด็ดขาด
หลินฟานเพียงยืนยิ้มไม่กล่าววาจา เขาจำเป็นต้องปล่อยให้
สถานการ๓มันสุกงอมเสียก่อน เขากำลังรอให้คนเหล่านี้สงสัยและ
อยากรู้จนบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา ซากของสิงโตหิมะนี่
นับว่าเป็นแรงกระตุ้นชั้นเลิศ มันค่อนข้างมีมูลค่ามหาศาล ทำให้เหล่า
ศิษย์ทั้งหลายยากที่จะเชื่อว่ามีอะไรที่ลํ้าเลิศกว่านี้อีก
เข้ากำลังเฝ้ารอโอกาสปล่อยหมัดอุคเด็ดๆ หวังน็อคในช็อตเดียว
แต่ก็อย่างว่าคนอยากรู้มันบังเกิดความสงสัยแทบตกตายแล้ว
และเมื่อเขาแสดงมันออกมา
ก็เป็นไปดั่งที่เขาคิดเอาไว่ไม่มีผิด!
ในขณะที่เฝ้ามองดูอาการและสีหน้าของคนรอบๆ หลินฟานนั้นก็
ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ คราวนี้สิ่งนี้ต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนได้
อย่างมหาศาลแน่นอน! และด้วยเรื่องนี้ หลังจากวันนี้ไปชื่อเสียงของ
ขุนเขาไร้นามต้องพุ่งทะยานฟ้า!!
"นั้นก็ยังมิใช่ทั้งหมด ศิษย์อัจฉริยะไร้ผู้ต้าน รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายเฟิงเทียน ที่มีนามว่า หลินอู ลูกประมุข
น้อยหลินลงมือสยบได้ในชั่วอึดใจ!" ศิษย์สายในคนนึงกล่าวเสริม
ออกมา แม้ว่าเสียงของมันจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ทว่าคนทั้งหมด
ล้วนได้ยินมันอย่างชัดเจน
แม้กระทั้งหลินฟานเองก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เขาจึงหันไป
มองศิษย์สายในที่กล่าววาจาคนนั้นทันที
บางคนนั้นก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้คนยามที่ผู้คนคน
ต้องการ...บางสถานการณ์ที่มันดีอยู่แล้วหากเข้ามายุ่งวุ่นวายมันจะ
เรียกว่าการรบกวน
แต่มันก็มีบางครั้งที่การรบกวน
อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
มากกว่าการช่วยเหลือ!
และในตอนนี้
หลังจากที่ศิษย์สายในคนนั้นกล่าววาจา
เลืยงตะโกน
ก็กระหึ่มออกมาจากฝูงชน
"อะไรนะ
ประมุขน้อยหลินสยบหลินอู่ได็ในชั่วอึดใจ?!"
บรรดาคนที่
รู้จักหลินอูต่างตะโกนถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ศิษย์พี่!
อัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่พวกเขากำลังกล่าววาจาถึงกันอยู่ นี่
คือผู้ใดหรือขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งที่ไม่,รู้จัก
กล่าวถามศิษย์พี่ข้างๆ
"หลินอู่ในคำกล่าวเมื่อครู่
คือ ศิษย์อัจฉริยะไร้ผู้ต้านของนิกายเหิเง
เหียน และยังเป็นไอ้บัดฃบที่ทำให้ศิษย์พื่ เทียนอี่ สูญเสียระดับบ่มเพาะ
ในการเดินทางไปยังพื้นที่ต้องห้ามครั้งที่แล้ว!"
“อะไรนะ!?
อัจฉริยะบัดฃบที่กล่าวกันว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่งนั่นน่ะ
หรือ? แล้วมันถูกประมุขน้อยหลินสยบลงได้อย่างไร ซํ้ายังเป็นเวลาชั่ว
อึดใจเช่นนี้?!”
“ฮึ่ม!
เจ้านี่ไม่ได้ล่วงรู้อันใดเสียเลย! เจ้าคิดว่าพ่านประมุขน้อยหลิน
เป็นตัวตนระดับใด! อาศัยตัวสารเลวบัดซบนั่นจักไปต่อด้านอันใด
ประมุขน้อย อย่างมันคงทำได้เพียงถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดายด้วย
นํ้ามือของพ่านประมุขน้อย ”
"น่าพรั่นพรึงยิ่ง!
พ่านประมุขหลินช่างน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง!"
"ประมุขน้อยหลิน ไร้เทียมทาน!!"
"ประมุขน้อยหลิน
ไร้เทียมทาน!!"
ข่าวเด็ดประเด็นร้อนครั้งนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่
เป็นคศิษย์สายในย่อมรู้ดีว่าตัวบัดซบหลินอู๋นั้น
มันทำอะไรกับศิษย์พี่
เทียนอี่ของพวกเขาเอาไว้ไอ้สารเลวที่บังอาจทำลายระดับบ่มเพาะ
ของศิษย์พี่
พวกมันเป็นศัตรูกับพวกเขาและเหล่าศิษย์ในนิกายเม้งก่า
ทั้งหมด
แต่มายามนี้ท่านประมุขน้อยหลินลำบากเพียงยกมือสยบมันจน
สินทำในไม่ถึง 5 ลมหายใจ! นับว่าวันนี้ทุกคนล้วนแตกตื่นยินดีอย่าง
แท้จริง!
สีหน้าประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์ก็นับว่าต้องแปรเปลี่ยนอีก
ครั้งในรอบวัน หากเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้พวกมันตกตะลึงจนตาด้าง
เรื่องราวครั้งนี้นับว่าสร้างความตื่นตระหนกให้พวกมันจนแทบเขย่า
ขวัญสั่นประสาทเลยทีเดียว
เรื่องราวของตัวอัจฉริยะไร้ผู้ต้านรุ่นเยาว์ของนิกายเฟิงเทียนนั้น
พวกเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี หากมันทำการเดินบนเสนทางนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง
อย่างไร้สินสุด แต่ยามนี้พวกเขาได้รับรู้ว่าหลินฟานทุบดีคนเช่นนั้นมา
อย่างย่อยยับ...นี่!
และประมุขหยางกับคนอื่นๆเองก็รู้ถึงสถานะของหลินฟานดี...ไม่
คิดเลยว่านอกจากเขาจะมีพรสวรรค์ลํ้าเลิศในศาสตร์แห่งโอสระดับ
ตำนานแล้ว แต่เขากลับยังแข็งแกร่งและมีความสามารถในการต่อส้
เช่นนี้อีก...เขาเป็นคนที่น่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง
เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้
หลินฟานเพียง
ยิ้มอย่างสงบสยบการเคลื่อนไหว ถึงตอนนี้ภายในใจของเขานั้นมัน
ตื่นเต้นราวลิงโลด จนอยากจะกระโดดออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกให้
โลกตะลึง แต่เขาก็พยายามอดกลั้นอาการเหล่านั้นและพยายามจะ
แสดงความสงบ สูงส่งออกมา ...เขายกมือขึ้นมาชูช้าๆ
“เอาล่ะ
เรื่องเท่านี้ไม่มีได้มีค่าอะไรให้กล่าวถึง อัจฉริยะของนิกาย
เฟิงเทียนนั้นไม่,นับเป็นตัวอะไรได้”
หลินฟานรู้สึกว่าเขาควรจะแสดงทีท่าถ่อมตนให้มากเข้าไว้
เพราะ
เขาวางภาพลักษณ์ตัวเองไว้ว่าต้องสูงส่ง ใจดี มีเมตตา ไม่หยิ่งยโส
แต่ทางด้านประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์ได้แต่อึดอัดใจและยิ้ม
ออกมาเจื่อนๆอย่างกระดาก ศิษย์อัจฉริยะที่สุดของนิกายเม้งก่าได้ถูก
ทำลายระดับบ่มเพาะโดยหลินอู๋ แต่หลินฟานกลับกล่าวออกมาว่ามัน
ไม่ได้มีอะไรมากมาย? แล้วนี่มันก็ไม่ได้หมายความว่านิกายเม้งก่าเองก็
ไม่ได้มีอะไรมากมายด้วยหรือ...วาจาครั้งนี้จะว่าไปเหมือนกล่าวออกมา
ตบหน้าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น?
แต่ช่างเถอะพวกเขาสามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้
เพราะจะอย่างไรเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ของเม้งก่าครั้งนี้
ล้วน
เป็นหลินฟานนำพามาอย่างแท้จริง ความจริงซ้อนี้นับว่าสลักลงไป
กลางใจของพวกเขาอย่างแท้จริง
ทันใดนั้นประมุขหยางก็เบนสายตาไปยังเด็กสาวตัวน้อยที่เกาะขา
หลินฟานอยู่ แล้วกล่าวถามออกมาว่า "แล้วแม่หนูน้อยนี่เป็นผู้ใดกัน?"
"พ่านประมุขหยาง
นี่เป็นลูกศิษย์ของข้าเอง
ข้ารับนางไว้ยามที่อยู่
เมืองนภา ไช่ฉิเฉียว" หลินฟานยิ้มออกมาพร้อมกับลูกศีรษะของเด็ก
สาวตัวน้อย
แม้แต่ประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์
รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลาย
ยังอดไม่,ได้ที่จะตื่นตระหนก พวกเขากลับมาพร้อมซากศพที่สมบูร๓
แบบ! แน่นอนว่านิกายอื่นนั้นหาใช่พวกใจกว้างไม่?!?
"ท่านประมุข และท่านปรมาจารย์
รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลายขอรับ
การเดินทางครั้งนี้ที่พวกเราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ นั้นล้วน
เป็นความดีความชอบของประมุขน้อยหลินแต่เพียงผู้เดียวขอรับ!! หาก
ไม่ได้เขาแล้ว... ไม่ใช่แค่เพียงพวกเราอาจจะต้องสูญเสียเหล่าศิษย์ไป
จำนวนมาก แม้แต่ผลงานพวกเราก็คงไม่ได้รับอันใดกลับมาเช่นนี้
ขอรับ”ช่งเชื่นเทียนกล่าวออกมาดังก้อง
ทุกสายตาของเหล่าศิษย์นับหมื่นล้วนหันมาทางหลินฟานเป็นตา
เดียวลัน
หลินฟานเพียงแย้มยิ้มออกมากว้างๆ
เด็กสาวตัวน้อยไช่ฉิเฉียวที่
อยู่ๆก็เห็นว่าอยู่ๆทุกคนล้วนหันมามองทางนี้ นางก็อดไม่,ได้ที่จะ
หวาดกลัวขึ้นมา รีบเคลื่อนร่างน้อยๆไปหลบอยู่ด้านหลังหลินฟานและ
เกาะขาเขาไว้ ราวกับลูกหมีโคอาล่า
ประมุขหยาง,ปรมาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสล้วนหันมามองหลินฟา
นด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ สีหน้าของทุก
คนแสดงถึงความคาดไม่,ถึงออกมาอย่างมาก
พวกเขาร้ดีว่าความ
แข็งแกร่งของสิงโตหิมะนี้น่าหวาดหวั่นถึงเพียงใดจากการพบเห็น
ซากศพ เหล่าผู้อาวุโสบางคนอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เพราะ
แม้แต่พวกเขา ต่อให้ทุ่มสุดความสามารถ ก็เกรงว่าคงไม่,อาจทำอะไร
สิงโตหิมะนี่ได้!!
ทว่าตอนนี้ซากศพสมบูรณ์นี้พลันปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าให้พวก
เขาได้เห็นเต็มสองตา พวกเขาทั้งหมดล้วนสงสัยว่าผู้ที่ออกไปปฏิบัติ
ภารกิจนี้สามารถนำมันกลับมาทั้งหมดได้อย่างไร หรือว่านิกายอื่นจะไม่
สามารถทำอะไรได้เลย?!
มองไปยังใบหน้าที่ตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
คลุกเคล้าไปกับความตกตะลึง หลินฟานเพียงยิ้มออกมาอย่างสงบ เขา
ส่ายหน้าด้วยทำทางไม่,ยี่หระ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยนํ้าเสียงเรียบ
อย่างไม่อาทรร้อนใจ ราวกับยามนี้สถานการณ์ทั้งหมดล้วนอยู่ในความ
ควบคุมของเขาแล้ว “ซากศพนี้ ยังหาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากมาย ข้า
ประมุขลำบากเพียงลงมือเล็กน้อยเท่านั้น แมวน้อยตัวนี้หาได้เป็นคู่
ต่อล้ซ้าแม้แต่น้อย ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายหรอก อย่าได้กล่าวถึง
แล้ว ”
ทุกคนต่างอึ้งและทึ่งกับวาจาของประมุขน้อยหลิน
นี่น่ะหรือไม่ใช่
เรื่องใหญ่อะไร นี่น่ะหรือไม่สำคัญ?! แล้วมันมีอะไรทึ่จะยิ่งใหญ่แล้ว
สำคัญไปกว่านี้อีกเล่า พี่นั่น?!?
ประมุขหยางเหล่าปรมาจารย์และผู้อาวุโสล้วนมองหน้ากันแล้วยิ้ม
แห้งๆพวกมันอดคิดขึ้นมาไม่,ได้ว่า
‘หลินฟานผู้นี้ช่างเหลือเกินนัก
กล่าววาจายั่วยุกระตุ้นต่อมความสงสัยของพวกมันออกมาถึงเยี่ยงนี้
ในนํ้าเต้ามันขายยาอันใดกันแน่!!’
เมื่อมองไปด้วยสายตาคาดหวังและสงสัยทึ่จ้องเขม็งมายังเขา
หลิน
ฟานทำเพียงแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนทึ่จะสะบัดมือให้ผ้าคลุมปลิว
ไสวเล็กน้อย แล้วเอื้อมมีอออกมาหงายฝ่ามีอกลางอากาศ ทันใด
นั้นเองบนฝ่ามีอทึ่ค่อยๆกางออกมา ก็ปรากฏร่างของลูกสัตว์อสูรสิงโต
หิมะตัวน้อยๆกำลังหลับใหลอยู่อย่างสงบ!!
เมื่อลูกของสัตว์อสูรสิงโตหิมะตัวน้อยปรากฏขึ้น
ทุกผู้คนทึ่จ้องมา
ล้วนตกตะลึงจนอ้าปากด้าง ราวกับขากรรไกรล่างของพวกมันจะถูก
แช่เข็งอย่างไรอย่างนั้น
"นะ ... นั่นคือลูกสิงโตหิมะ
มันเป็นลูกของสิงโตหิมะ มีผิดแน่!!"
"โอ้สวรรค์
เรื่องเข่นนี้มันเป็นไปได้อย่างไร? ไม่เพียงแต่พวกเราจะ
ได้รับซากสัตว์อสูรสิงโตหิมะกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูร๓ แต่นี่พวก
เรายังได้แม้กระทั่งลูกน้อยของมันกลับมาด้วย แล้วเข่นนี้เหล่านิกาย
อื่นๆมันจะได้อันใดกลับไปเล่า?!"
ทุกคนถ้วนไร้วาจาจะกล่าว
พวกมันตกตะลึงทั่งแสดงสีหน้า
เหลือเชื่อออกมาราวกับตัวโง่งม
แม้แต่ประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์เอง
ก็บังเกิดความรู้ลึก
ยินดีท่วมท้นในหัวใจ ทั่งยังสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางครั้งนี้มัน
เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นมากันแน่?
บทที่ 158 ต้องไม่ให้นางแปดเข้อนเด็ดขาด
หลินฟานเพียงยืนยิ้มไม่กล่าววาจา เขาจำเป็นต้องปล่อยให้
สถานการ๓มันสุกงอมเสียก่อน เขากำลังรอให้คนเหล่านี้สงสัยและ
อยากรู้จนบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา ซากของสิงโตหิมะนี่
นับว่าเป็นแรงกระตุ้นชั้นเลิศ มันค่อนข้างมีมูลค่ามหาศาล ทำให้เหล่า
ศิษย์ทั้งหลายยากที่จะเชื่อว่ามีอะไรที่ลํ้าเลิศกว่านี้อีก
เข้ากำลังเฝ้ารอโอกาสปล่อยหมัดอุคเด็ดๆ หวังน็อคในช็อตเดียว
แต่ก็อย่างว่าคนอยากรู้มันบังเกิดความสงสัยแทบตกตายแล้ว
และเมื่อเขาแสดงมันออกมา
ก็เป็นไปดั่งที่เขาคิดเอาไว่ไม่มีผิด!
ในขณะที่เฝ้ามองดูอาการและสีหน้าของคนรอบๆ หลินฟานนั้นก็
ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ คราวนี้สิ่งนี้ต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนได้
อย่างมหาศาลแน่นอน! และด้วยเรื่องนี้ หลังจากวันนี้ไปชื่อเสียงของ
ขุนเขาไร้นามต้องพุ่งทะยานฟ้า!!
"นั้นก็ยังมิใช่ทั้งหมด ศิษย์อัจฉริยะไร้ผู้ต้าน รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายเฟิงเทียน ที่มีนามว่า หลินอู ลูกประมุข
น้อยหลินลงมือสยบได้ในชั่วอึดใจ!" ศิษย์สายในคนนึงกล่าวเสริม
ออกมา แม้ว่าเสียงของมันจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ทว่าคนทั้งหมด
ล้วนได้ยินมันอย่างชัดเจน
แม้กระทั้งหลินฟานเองก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เขาจึงหันไป
มองศิษย์สายในที่กล่าววาจาคนนั้นทันที
บางคนนั้นก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้คนยามที่ผู้คนคน
ต้องการ...บางสถานการณ์ที่มันดีอยู่แล้วหากเข้ามายุ่งวุ่นวายมันจะ
เรียกว่าการรบกวน
แต่มันก็มีบางครั้งที่การรบกวน
อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
มากกว่าการช่วยเหลือ!
และในตอนนี้
หลังจากที่ศิษย์สายในคนนั้นกล่าววาจา
เลืยงตะโกน
ก็กระหึ่มออกมาจากฝูงชน
"อะไรนะ
ประมุขน้อยหลินสยบหลินอู่ได็ในชั่วอึดใจ?!"
บรรดาคนที่
รู้จักหลินอูต่างตะโกนถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ศิษย์พี่!
อัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่พวกเขากำลังกล่าววาจาถึงกันอยู่ นี่
คือผู้ใดหรือขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งที่ไม่,รู้จัก
กล่าวถามศิษย์พี่ข้างๆ
"หลินอู่ในคำกล่าวเมื่อครู่
คือ ศิษย์อัจฉริยะไร้ผู้ต้านของนิกายเหิเง
เหียน และยังเป็นไอ้บัดฃบที่ทำให้ศิษย์พื่ เทียนอี่ สูญเสียระดับบ่มเพาะ
ในการเดินทางไปยังพื้นที่ต้องห้ามครั้งที่แล้ว!"
“อะไรนะ!?
อัจฉริยะบัดฃบที่กล่าวกันว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่งนั่นน่ะ
หรือ? แล้วมันถูกประมุขน้อยหลินสยบลงได้อย่างไร ซํ้ายังเป็นเวลาชั่ว
อึดใจเช่นนี้?!”
“ฮึ่ม!
เจ้านี่ไม่ได้ล่วงรู้อันใดเสียเลย! เจ้าคิดว่าพ่านประมุขน้อยหลิน
เป็นตัวตนระดับใด! อาศัยตัวสารเลวบัดซบนั่นจักไปต่อด้านอันใด
ประมุขน้อย อย่างมันคงทำได้เพียงถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดายด้วย
นํ้ามือของพ่านประมุขน้อย ”
"น่าพรั่นพรึงยิ่ง!
พ่านประมุขหลินช่างน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง!"
"ประมุขน้อยหลิน ไร้เทียมทาน!!"
"ประมุขน้อยหลิน
ไร้เทียมทาน!!"
ข่าวเด็ดประเด็นร้อนครั้งนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่
เป็นคศิษย์สายในย่อมรู้ดีว่าตัวบัดซบหลินอู๋นั้น
มันทำอะไรกับศิษย์พี่
เทียนอี่ของพวกเขาเอาไว้ไอ้สารเลวที่บังอาจทำลายระดับบ่มเพาะ
ของศิษย์พี่
พวกมันเป็นศัตรูกับพวกเขาและเหล่าศิษย์ในนิกายเม้งก่า
ทั้งหมด
แต่มายามนี้ท่านประมุขน้อยหลินลำบากเพียงยกมือสยบมันจน
สินทำในไม่ถึง 5 ลมหายใจ! นับว่าวันนี้ทุกคนล้วนแตกตื่นยินดีอย่าง
แท้จริง!
สีหน้าประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์ก็นับว่าต้องแปรเปลี่ยนอีก
ครั้งในรอบวัน หากเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้พวกมันตกตะลึงจนตาด้าง
เรื่องราวครั้งนี้นับว่าสร้างความตื่นตระหนกให้พวกมันจนแทบเขย่า
ขวัญสั่นประสาทเลยทีเดียว
เรื่องราวของตัวอัจฉริยะไร้ผู้ต้านรุ่นเยาว์ของนิกายเฟิงเทียนนั้น
พวกเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี หากมันทำการเดินบนเสนทางนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง
อย่างไร้สินสุด แต่ยามนี้พวกเขาได้รับรู้ว่าหลินฟานทุบดีคนเช่นนั้นมา
อย่างย่อยยับ...นี่!
และประมุขหยางกับคนอื่นๆเองก็รู้ถึงสถานะของหลินฟานดี...ไม่
คิดเลยว่านอกจากเขาจะมีพรสวรรค์ลํ้าเลิศในศาสตร์แห่งโอสระดับ
ตำนานแล้ว แต่เขากลับยังแข็งแกร่งและมีความสามารถในการต่อส้
เช่นนี้อีก...เขาเป็นคนที่น่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง
เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้
หลินฟานเพียง
ยิ้มอย่างสงบสยบการเคลื่อนไหว ถึงตอนนี้ภายในใจของเขานั้นมัน
ตื่นเต้นราวลิงโลด จนอยากจะกระโดดออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกให้
โลกตะลึง แต่เขาก็พยายามอดกลั้นอาการเหล่านั้นและพยายามจะ
แสดงความสงบ สูงส่งออกมา ...เขายกมือขึ้นมาชูช้าๆ
“เอาล่ะ
เรื่องเท่านี้ไม่มีได้มีค่าอะไรให้กล่าวถึง อัจฉริยะของนิกาย
เฟิงเทียนนั้นไม่,นับเป็นตัวอะไรได้”
หลินฟานรู้สึกว่าเขาควรจะแสดงทีท่าถ่อมตนให้มากเข้าไว้
เพราะ
เขาวางภาพลักษณ์ตัวเองไว้ว่าต้องสูงส่ง ใจดี มีเมตตา ไม่หยิ่งยโส
แต่ทางด้านประมุขหยางและเหล่าปรมาจารย์ได้แต่อึดอัดใจและยิ้ม
ออกมาเจื่อนๆอย่างกระดาก ศิษย์อัจฉริยะที่สุดของนิกายเม้งก่าได้ถูก
ทำลายระดับบ่มเพาะโดยหลินอู๋ แต่หลินฟานกลับกล่าวออกมาว่ามัน
ไม่ได้มีอะไรมากมาย? แล้วนี่มันก็ไม่ได้หมายความว่านิกายเม้งก่าเองก็
ไม่ได้มีอะไรมากมายด้วยหรือ...วาจาครั้งนี้จะว่าไปเหมือนกล่าวออกมา
ตบหน้าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น?
แต่ช่างเถอะพวกเขาสามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้
เพราะจะอย่างไรเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ของเม้งก่าครั้งนี้
ล้วน
เป็นหลินฟานนำพามาอย่างแท้จริง ความจริงซ้อนี้นับว่าสลักลงไป
กลางใจของพวกเขาอย่างแท้จริง
ทันใดนั้นประมุขหยางก็เบนสายตาไปยังเด็กสาวตัวน้อยที่เกาะขา
หลินฟานอยู่ แล้วกล่าวถามออกมาว่า "แล้วแม่หนูน้อยนี่เป็นผู้ใดกัน?"
"พ่านประมุขหยาง
นี่เป็นลูกศิษย์ของข้าเอง
ข้ารับนางไว้ยามที่อยู่
เมืองนภา ไช่ฉิเฉียว" หลินฟานยิ้มออกมาพร้อมกับลูกศีรษะของเด็ก
สาวตัวน้อย
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น