ตอนที่ 317 : วิธีการที่สอง อาจารย์จารึกสองคนแรก
ที่ขัดเกลากุญแจ ต่างล้มเหลวทั้งคู่ ผู้คนในห้องโถงกว้าง รวมถึงจ้าวตําหนัก พวกเขาล้วนหันมองหลัน
ฮัวอวี้ สายตาเปี่ยมด้วยคําถาม
หลันฮัวอวี้ยิ้มอ่อน ราวกับคาดคิดต่อผลลัพธ์นี้ไว้อยู่ก่อนแล้ว
ตอนนี้เอง อาจารย์จารึกอีกคนเพิ่งขัดเกลากุญแจเสร็จ เขาเร่งรีบ
ทะยานร่างมา นํากุญแจเสียบเข้าไป
พยายามบิดอย่างรุนแรง
ผลลัพธ์เป็นเช่นเดียวกัน กุญแจไม่อาจขยับเขยื้อน กล่องไม่สามารถ
เปิดออกได้!
ถัดจากนั้น อาจารย์จารึกที่เหลืออีกสองคน ก็ขัดเกลากุญแจเสร็จแล้ว
เช่นกัน พวกเขาทั้งสองเร่งเดินมา
พยายามอยู่นาน
ก็ไม่อาจเปิดกล่อง ได้เช่นเดียวกัน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรนี่?” มู่หรงต้าเหรินมองทางหลันเฟิงจิน เขาเอ่ย ถาม “พี่หลัน ปู่ของท่านทําอะไรกับสองกล่องนั่นกัน? เหตุใดมันไม่
อาจเปิดได้!”
“ข้าไม่รู้!” นางส่ายหน้าให้
คิ้วนั้นขมวดขณะมองที่กล่องทั้งสอง
แม้นางเป็นหลานสาวของหลันฮัวอวี้ กระนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิด เรื่องราวใดขึ้น
ฉินหยุนล้มเหลวกลับมา ได้แต่ถือค้อนหลอมไว้ในมือ เขากําลังมอง
กุญแจ จมดิ่งในความคิด
อาจารย์จารึกท่านอื่นที่ล้มเหลว เริ่มทําการหลอมกุญแจขึ้นใหม่โดย ทันที
เมื่อครู่ อาจารย์จารึกทั้งห้าคน ต่างเลือกใช้กระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่า
เหมือนกันหมด
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเขาพยายามบิดกุญแจ
มันจึงเสียรูป
เพราะขาด ความแข็งแกร่ง
เหตุผลว่าทําไมพวกเขา ถึงเลือกใช้กระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่า เพื่อขัด
เกลากุญแจขึ้นมา ก็เพื่อลดระยะเวลาการขัดเกลาให้รวดเร็วที่สุด อย่างไรแล้วกล่องก็มีเพียงแค่สอง พวกเขาไม่อยากถูกทิ้งไว้ด้านหลัง
ตอนนี้ พวกเขาได้แต่ใช้ความสามารถทุ่มสุดตัว ขัดเกลากระดูก
เหล็กกล้าระดับสูงขึ้นเป็นกุญแจ!
สําหรับอาจารย์จารึกระดับสูง การใช้กระดูกเหล็กกล้าระดับสูงขัด เกลาอุปกรณ์
ถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่ทําได้แล้ว
การแข่งขันเช่นนี้ ย่อมไม่ต้องการอะไรที่เกินเลยอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น
กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศหรือระดับราชัน จึงไม่น่าใช่
คําตอบ
นี่คือความเห็นของอาจารย์จารึกส่วนมาก
ฉินหยุนคิดเห็นเช่นเดียวกัน กระนั้น เขายังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง
ที่ไม่มากพอ หากไม่แล้ว
หลันฮัวอวี้คงไม่ทําอะไรลึกลับเช่นนี้แน่
มันจะต้องมีสิ่งอื่นให้ต้องเพ่งความสนใจมากกว่า!
เขามองที่กุญแจซึ่งเสียหายและขมวดคิ้ว ทันใดนั้น เขาพลันจดจําได้
ครั้งที่ใส่กุญแจเข้าไปในรูกุญแจ พวกมันคล้ายจะมีปัญหาที่ถูก มองข้าม!
ก็คือการใส่พลังเข้าไปในตัวกุญแจ!
“เพราะกุญแจไม่อาจนับเป็นอุปกรณ์วิญญาณ พวกเราจึงมองเป็น สิ่งของธรรมดา
พวกเราจึงไม่ใส่พลังเข้าไป! แต่ก็ต้องไม่ใช่เรื่องง่าย
เพียงแค่นี้!”
ฉินหยุนนําเอากระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่าออกมาอีกก้อน โยนพวกมัน ใส่เตาหลอม
อาจารย์จารึกทั้งหมดที่รับชมการแข่งขัน อดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเห็น เขา นําเอากระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่าออกมา
อาจารย์จารึกส่วนใหญ่ ล้วนเชื่อว่ากุญแจที่ทําขึ้นด้วยกระดูกเหล็กกล้า ระดับตํ่า
มีความแข็งแกร่งไม่พอ พวกมันสมควรต้องถูกขัดเกลาขึ้น โดยกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงต่างหาก!
ไม่มีผู้ใดทราบว่าฉินหยุนคิดทําอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่รับชม ด้วยความสับสน
ฉินหยุนทํากุญแจอีกดอกหนึ่งอย่างรวดเร็ว กระนั้น เขาไม่ได้ตรงไป
เปิดกล่อง กลับกัน เขาเลือกใส่พลังงานเข้าไปในตัวกุญแจ!
ผังวิญญาณที่ตัวกุญแจ เริ่มส่องแสงขึ้นมา มันเริ่มดูดกลืนพลังงาน
ของเขาเข้าไป
“เหมือนที่คิดไว้!” หลังพิจารณาถี่ถ้วน
ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่า พลังงานที่ตัวกุญแจดูดกลืนได้มีเพียงน้อยนิด มันจึงยากที่จะส่อง สว่างผังวิญญาณบนตัวกุญแจ
ปริมาณของพลังที่ดูดกลืนมีน้อยนิด ทั้งหมดก็เพราะพวกมันเป็นผัง วิญญาณระดับตํ่า
นอกจากนี้ ปัญหายังอยู่ที่การกระจายผังวิญญาณทั้งสองชุด ผลลัพธ์ คือทําให้พวกมันดูดกลืนพลังงานได้น้อยนิด
“เป็นแบบนี้นี่เอง!”
ฉินหยุนพบ ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมันลึกลํ้า ตอนนี้เขากําลังครุ่นคิด
กับตนเอง “ปัญหาคือตําแหน่งของผังแข็งตัวกับผังแปรธาตุ ผลลัพธ์ ของผังทั้งสองชุด ทําให้ไม่อาจผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้น แล้วจึงสามารถดูดกลืนพลังงานได้เพียงน้อยนิด แต่ว่า ตําแหน่งของ ผังวิญญาณไม่อาจดัดแปลง ต้องทําตามพิมพ์เขียวถึงจะเปิดกล่อง
ได้!”
ปัญหาตอนนี้ก็คือ ตัวกุญแจขาดแคลนพลังงาน!
เมื่อขาดแคลนพลังงานไปกระตุ้นผังวิญญาณ ผังวิญญาณที่ไม่อาจ ทํางาน จึงทําให้ไม่สามารถเปิดกล่อง!
หากทําตามแผนผังและแกะสลักตามไป ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิด การทํางานของผังวิญญาณอย่างเต็มที่ แต่หากเขาไม่ทําตามข้อแนะนํา
เช่นนั้นกล่องก็ไม่อาจเปิดได้เช่นเดียวกัน
นี่เป็นเสมือนเงื่อนตาย!
ท้ายที่สุด ฉินหยุนนําเอากระดูกเหล็กกล้าระดับสูงออกมา พร้อม เหรียญผลึกสีม่วงอีกกองหนึ่ง!
“คงได้แต่เริ่มด้วยวัสดุแล้ว ผู้อาวุโสหลันไม่บอกว่าวัสดุควรใช้ อะไรบ้าง
หมายความว่าจุดเปลี่ยนต้องอยู่ที่วัสดุ!” ฉินหยุนนํา
กระดูกเหล็กกล้าระดับสูง และเหรียญผลึกสีม่วงใส่เข้าเตาหลอม
“เผาเหรียญม่วง?”
“นั่นเขาคิดทําอะไร? หากเหรียญม่วงเผชิญอุณหภูมิสูง มันจะ กลายเป็นไอนํ้า!
เท่ากับทําให้สูญเสียพลังงานจํานวนมากภายใน!”
“เขาคิดเพิ่มความรุนแรงของเปลวเพลิงงั้นหรือ?” อาจารย์จารึกหลายคนเริ่มคาดเดา ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ย่อมอ่อนด้อยกว่าขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าในทุกด้าน ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อ ว่าเขาเลือกใช้เหรียญม่วงก็
เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนี้
“เราต้องผสานเหรียญม่วงเข้ากับกระดูกเหล็กกล้า!” กระดูกเหล็กกล้า ที่ฉินหยุนใส่เข้าไป เป็นก้อนเล็กที่จํานวนเรียกได้ว่าน้อยนิด
หากผู้อื่นเผาไหม้เหรียญม่วงด้วยเปลวเพลิง ย่อมต้องกลายเป็นไอนํ้า ทว่าที่ฉินหยุนใช้คือเปลวเพลิงตะวันทมิฬทองม่วง กระบวนการของ มันพิเศษและเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ!
ด้วยวิธีนี้ เขาจะทําให้เหรียญม่วงอ่อนตัว
และพร้อมกันนี้ ก็จะทําให้ มันไม่สูญเสียพลังงานไปมากแต่อย่างใด
เหรียญม่วงบรรจุเอาไว้ซึ่งพลังวิญญาณเก้าตะวัน หากผังวิญญาณ
และเหรียญม่วงผสานเข้าด้วยกัน มันย่อมดูดกลืนพลังงานที่อยู่ ภายในเหรียญม่วง
การใช้เหรียญม่วงเพื่อหลอมอุปกรณ์ขึ้นมา ขั้นตอนนั้นซับซ้อนอย่าง ยิ่ง!
ฉินหยุนพยายามอยู่นาน ก่อนจะขัดเกลาเหรียญม่วงออกมาเป็น รูปลักษณ์กุญแจได้
ตอนนี้ เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วยาม
อาจารย์จารึกทั้งสี่คน ได้ขัดเกลากุญแจขึ้นสองดอก กระนั้นพวกเขา
ก็ยังไม่อาจเปิดกล่องได้
“ผู้อาวุโสหลัน ท่านคิดหลอกลวงต่อพวกเราหรือไม่?” อาจารย์จารึก
ตําหนักตะวันตกกล่าวถามโกรธเคือง
หลันฮัวอวี้ยิ้มอ่อน “หากการแข่งขันจบลง และไม่มีผู้ใดสามารถเปิด
กล่องได้ เช่นนั้นข้าจะเผยความลับของมันออก
ข้ารับประกันว่า ข้า สามารถทําให้พวกเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ออกจากใจได้!”
ตอนนี้เอง ฉินหยุนกําลังนําบางสิ่งออกจากเตาหลอม หลังทําการหลอมอยู่นาน ในที่สุดกระบวนการหลอมก็เสร็จ ทุกคนมองตามโดยทันที
พวกเขาคิดอยากเห็นว่าเรื่องราวจะเป็น
อย่างไรต่อ
ที่ฉินหยุนนําออกมา คือวัตถุสีดําสนิทรูปลักษณ์กุญแจ!
เหรียญม่วงผสานเข้ากับกระดูกเหล็กกล้าระดับสูง หลังผ่านอุณหภูมิ ความร้อนสูง พวกมันหลอมเข้าด้วยกัน
จากนั้น เขาเร่งรีบนําวัตถุสีดํารูปกุญแจ เริ่มทําการแกะสลักผัง
วิญญาณ
อาจารย์จารึกอีกสี่คนต่างยอมถอยแล้ว พวกเขาได้แต่รับชมฉินหยุน ได้แต่ปรารถนาว่าเขาจะไม่สําเร็จ
ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงอิจฉาตา ร้อนกันจนตายแล้ว
ตําหนักทั้งสี่ทิศ หาได้มีพิมพ์เขียวอุปกรณ์ลึกลํ้าไม่ มีแต่ตําหนัก
ศักดิ์สิทธิ์ที่มีในครอบครอง
นี่จึงเป็นเหตุผล ว่าทําไมตําหนักศักดิ์สิทธิ์ จึงนําเสนอรางวัลนี้ต่อสี่
ตําหนัก
หลังจากฉินหยุนแกะสลักเสร็จเรียบร้อย ยังพอเหลือเวลาอยู่ เขาเดิน ไปมาและครุ่นคิด
หากเขาไม่อาจทําสําเร็จ เช่นนั้นก็ไม่มีอื่นใดที่เขาสามารถทําได้อีก แล้ว
พอหลันฮัวอวี้เห็นฉินหยุนได้แต่ถือกุญแจสีดําเอาไว้ เขาทอดถอนใจ “ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถเปิดกล่องในรอบที่ห้าได้แล้ว!”
“จริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนขมวดคิ้ว “วิธีการของข้าผิดหรือ?”
“แน่นอน มันแตกต่างจากวิธีการของเจ้า มีเพียงวิธีเดียวที่จะหลอม
กุญแจสําหรับกล่องนี้ และมันก็ไม่ได้ยากอะไร!” หลันฮัวอวี้ยิ้มและ
กล่าว “อย่าได้เสียกําลังใจ หากเจ้าเข้าร่วมตําหนักศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ในภายหน้า เจ้าย่อมมีโอกาสได้รับพิมพ์เขียวอุปกรณ์ลึกลํ้า!”
ฉินหยุนถอนหายใจและกล่าว “ในเมื่อขัดเกลาออกมาแล้ว ไม่ลองดู
ก็กระไรอยู่!”
เขาใส่กุญแจเข้าไปในช่อง เริ่มการทํางานของผังวิญญาณที่ตัวกุญแจ ด้วยวิธีการนี้ ผังวิญญาณจึงเริ่มดูดกลืนพลังงานโดยทันที
หลังจากตัวกุญแจดูดกลืนพลังงานแล้ว ฉินหยุนค่อยบิดกุญแจ
ทั่วทั้งที่นั่งผู้ชมต่างเงียบงัน! แค้ก!
เขาถึงกับบิดมันได้!
โดยทันที ฝูงชนโห่ร้องดังระงม พวกเขาระเบิดเสียงตะโกนออกด้วย
ความอึ้งทึ่งและประหลาดใจ!
“สมกับเป็นฉินหยุน ทําได้สําเร็จจริง!”
“ฮ่าฮ่า หลันฮัวอวี้บอกว่าฉินหยุนไม่อาจเปิดได้ นี่เป็นการตบใบหน้า
ตนเองแล้ว!”
“ฉินหยุนแข็งแกร่งนัก นี่เขาทําได้อย่างไรกัน?”
อาจารย์จารึกหลายคนในสนามแข่งขันล้วนอิจฉาริษยาเปี่ยมล้น พวก เขามองที่ฉินหยุนด้วยใบหน้าแดงกํ่า
รู้สึกอับอายจากใจ นี่เป็นความ สําเร็จที่ได้รับการพิสูจน์ ว่าพื้นฐานพวกเขาอ่อนด้อยกว่าฉินหยุนที่ เป็นปีศาจน้อย!
ครั้งฉินหยุนได้ยินคําของหลันฮัวอวี้ เขาเองยังนึกว่าไม่อาจสําเร็จ แล้ว
แต่ตอนนี้เอง เขาเปิดกล่องได้!
เขาหันมองทางหลันฮัวอวี้ รอยยิ้มภาคภูมิเผยออก!
หลันฮัวอวี้เผยดวงตาเบิกออกกว้าง มองที่ฉินหยุนด้วยความตื่นตะลึง “เจ้า…
เจ้าทําได้! เอาเถอะ ถือว่าเจ้าแข็งแกร่งก็แล้วกัน!”
การแข่งขันจารึกครั้งนี้ ในที่สุดก็จบสิ้นลง และผู้ได้รับชัยชนะใน
ท้ายที่สุดก็คือฉินหยุน ที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
ฉินหยุนยินดียิ่ง เร่งรีบเปิดกล่อง นําเอาแผ่นกระดาษหนายิ่งออกมา
สํารวจมันว่าเป็นพิมพ์เขียวของอุปกรณ์ลึกลํ้า มันสามารถขัดเกลาขึ้น เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
“ผู้อาวุโสหลัน มันมีวิธีมากกว่าหนึ่ง!” ฉินหยุนหัวเราะออก
อาจารย์จารึกตําหนักตะวันตก เร่งรีบเดินเข้ามากล่าวถาม “ผู้อาวุโส หลัน ตอนนี้ท่านสามารถชี้แจงถึงความลับได้แล้วใช่หรือไม่? ฉินหยุน คล้ายจะใช้วิธีการแตกต่างไปจากท่านนะ!” “กุญแจต้องสามารถดูดกลืนพลังงานสู่ผังวิญญาณอย่างเต็มที่ การ จัดเรียงผังวิญญาณทั้งสองชุด เป็นข้าทําขึ้นอย่างพิถีพิถัน ด้วยวิธีการ นี้ พวกเจ้าจึงไม่อาจใส่พลังจากภายนอกเข้าไปได้ ข้าต้องการให้พวก
เจ้าได้คิด เมื่อทําการขัดเกลาวัสดุ ให้กักเก็บพลังงานจํานวนมาก
เอาไว้ภายใน”
หลันฮัวอวี้มองกุญแจของฉินหยุน หยุดไปครู่ ก่อนจะเอ่ยคําต่อ
“และตอนที่ข้าหลอมมันขึ้น ข้าได้ใส่พลังภายในของแก่นเต๋าเข้าสู่ตัว วัสดุด้วย
เมื่อทําการหลอม ข้ายังผสานรวมพลังภายใน และหลอม มันซํ้าแล้วซํ้าเล่า เพื่อทําให้กระดูกเหล็กกล้าสามารถดูดกลืน พลังงานได้อย่างเต็มที่”
“สําหรับวิธีการของฉินหยุน ดูเหมือนเขาจะขัดเกลาด้วยเหรียญม่วง ร่วมกับกระดูกเหล็กกล้า
เกิดขึ้นเป็นแหล่งพลังงาน ข้าไม่คิดเลยว่า
เขาจะทําได้สําเร็จ ถือว่าน่าเหลือเชื่อจริง!” หลอมเหรียญม่วงเป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง พอหลันฮัวอวี้บอกถึงวิธีการ ของฉินหยุน
อาจารย์จารึกอื่นค่อยเชื่อว่าวิธีการนี้ยากเกินไปจริง
“ฉินหยุน พิมพ์เขียวของเจ้าเป็นของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ของเรา
อย่าได้เผยแพร่มันออกไป! ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ของตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามแล้ว ต้องปฏิบัติตามแต่โดยดี!” จ้าวตําหนัก
ตะวันตกกล่าวขึ้น “ส่งพิมพ์เขียวนั้นมา ในฐานะส่วนหนึ่งของ
ตําหนักตะวันตก เจ้าถือว่าทําคุณงามความดีอย่างมหาศาล!” “ว่าอะไร? เป็นข้าที่พยายามอย่างหนักจึงได้รับสิ่งลํ้าค่ามาด้วย
ตนเอง!” ฉินหยุนโพล่งตอบกลับเย็นชา
“ข้าไม่ได้ต้องการ เพียงแค่หยิบยืมไปคัดลอก ภายหลังค่อยส่งกลับ คืนให้! สําหรับผลประโยชน์ครั้งนี้
เจ้าย่อมได้รับอย่างแน่นอน! หนึ่ง ร้อยล้านเหรียญผลึกเป็นอย่างไร?” จ้าวตําหนักตะวันตกกล่าวขึ้น
ต่อให้จะเสนอกี่พันล้าน ฉินหยุนก็ไม่ยินยอมขายต่อคนที่เขาเกลียด ชังอย่างแน่นอน!
ฉินหยุนนําเอาพิมพ์เขียวออกมา จ้าวตําหนักเผยรอยยิ้มโดยทันที ขณะยื่นมือออกไปรับ เขากลับเห็นฉินหยุนส่งพิมพ์เขียวต่อไปยัง
หลันเฟิงจิน
“พี่หลัน เป็นข้าสัญญาต่อท่าน
ว่าจะมอบรางวัลให้!” ฉินหยุนส่ง พิมพ์เขียวแก่หลันเฟิงจิน เขาไม่คิดอยากมอบมันให้แก่นางจริงแต่ อย่างใด
แต่เป็นการมอบให้นางเป็นการชั่วคราว ด้วยวิธีนี้ จ้าว ตำหนักตะวันตกจะไม่มีทางได้อะไรจากนางอย่างแน่นอน
หลันเฟิงจินเข้าใจเจตนาของฉินหยุน นางเร่งรีบรับเอาไว้โดยทันที
“เจ้า ข้าบอกแล้วว่าพิมพ์เขียวอย่าได้เผยแพร่ต่อคนนอก!” จ้าวตําหนัก ตะวันตกโกรธเกรี้ยว ใบหน้าชราภาพนั้นแดงกํ่าขณะตะโกนออก
ด้วยโทสะล้นพ้น
“พี่หลันเป็นนักบุญของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นอาจารย์จารึก นี่ ถือว่านางเป็นคนนอกได้เช่นไร? นอกจากนี้แล้ว พิมพ์เขียวนี้เดิมก็ ถูกส่งต่อมาจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
“จ้าวตําหนัก ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน!”
ฉินหยุนบอกลาเซี่ยอู๋เฟิงและคณะ ก่อนเร่งรีบออกจากห้องโถงแห่ง นี้ไป
หยางฉีเย่ว์กําลังรอคอย เพื่อชี้แนะการฝึกฝนก้าวดาราเร้นลับแก่เขา
การแข่งขันประลองยุทธ์จะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน ฉินหยุนยังพอมี เวลาให้พักได้อีกวันหนึ่ง
ตอนที่ 318 : หอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม หลันเฟิงจินและฉินหยุน กลับมายังบ้านพักในป่าน้อยด้วยกัน
ระหว่างทาง นางส่งพิมพ์เขียวคืนแก่ฉินหยุน
ทั้งยังถามหลาย
เรื่องราว
นางเป็นศิษย์ของฉินหยุน ย่อมภูมิใจที่อาจารย์ได้รับชัยชนะ ที่ถามนางออกมา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องระหว่างการแข่งขัน
ฉินหยุนแบ่งปันประสบการณ์จากการแข่งให้ ทําให้หลันเฟิงจินได้
นําไปครุ่นคิดต่อ มันจะเป็นส่วนช่วยเหลือแก่นาง
หยางฉีเย่ว์รอที่ในป่าน้อยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อนางพบว่าฉินหยุนและ หลันเฟิงจิน กําลังสนทนากันอย่างสนุกสนานเดินกลับมา นางจึง ทราบว่าฉินหยุนได้รับชัยชนะ
“ทั้งสองฝึกฝนกันต่อไปเถอะ ข้าจะกลับไปฝึกเรื่องการจารึกสัก หน่อย”
ระหว่างการแข่งขัน หลันเฟิงจินก็ได้รับประสบการณ์เจ็บปวดไม่ น้อย กระนั้นนางก็ยังมีอารมณ์ยินดี
“เจ้าได้อะไรมา?” หยางฉีเย่ว์ยิ้มเอ่ยถาม
“พิมพ์เขียวอุปกรณ์ลึกลํ้า เป็นกระบี่!” ฉินหยุนกล่าวตอบอย่างยินดี
“ตอนนี้ข้ายังไม่อาจขัดเกลามันได้ แต่ก็อีกไม่นาน!”
เขารู้สึกว่า เมื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า การขัดเกลาอุปกรณ์ลึกลํ้าก็
อยู่ไม่ไกลแล้ว
“การแข่งขันจารึกจบลงแล้ว แต่ก็ยังมีการแข่งขันประลองยุทธ์อยู่! รางวัลย่อมต้องดีเช่นเดียวกัน
อาจารย์โปรดรีบสอนก้าวดาราเร้นลับ
แก่ข้าด้วย”
หยางฉีเย่ว์เอง ก็อยากใช้โอกาสนี้สอนวิชายุทธ์อีกหลายอย่างให้แก่ ฉินหยุนเช่นกัน
ฉินหยุนพยักหน้าทวนซํ้า จากนั้น เขาจึงเข้าไปในป่าน้อยพร้อมหยาง
ฉีเย่ว์ เริ่มทําการเรียนรู้ก้าวดาราเร้นลับ
หลังจากหยางฉีเย่ว์วิเคราะห์ ถึงความแตกต่างภายในก้าวดาราเร้นลับ ฉินหยุนจึงสามารถเข้าใจพวกมันได้ดีมากขึ้น ทําให้เริ่มเรียนรู้พวก
มันได้
อันดับแรก เขาใช้กําลังภายในของแก่นภายในอสนีบาตอัคคี เพื่อทํา
การปลดปล่อยก้าวดาราเร้นลับ
ด้วยความแตกต่างทางคุณลักษณะของพลังภายใน ก้าวดาราเร้นลับ
จะแสดงผลลัพธ์การเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันด้วย
พยายามอยู่ครึ่งค่อนวัน ฉินหยุนค่อยสําเร็จการใช้ก้าวดาราเร้นลับใน ตอนกลางคืน
ตอนนี้เขาสามารถโคจรพลังภายในอย่างลื่นไหล โดย อาศัยเคล็ดวิชาพลังจิตเพื่อใช้ก้าวดาราเร้นลับ
ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!
เขาใช้แก่นภายในอสนีบาตอัคคี ปลดปล่อยก้าวดาราเร้นลับ จากนั้น จึงทะยานกายออก ท่วงท่าเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง ร่างกายพุ่งตัวออก
พร้อมอสนีบาตอัคคีสีทองม่วงลุกท่วม
ยามคํ่าคืน เขาวิ่งผ่านท้องฟ้าราวอุกกาบาตเพลิงสีทองม่วงวูบไหว
“ในที่สุดก็สําเร็จขั้นต้น ความเร็วถือว่าเหนือลํ้ากว่าก้าวอัคคีเมฆา สม กับเป็นวิชายุทธ์ระดับโลกา! แต่สําหรับเราตอนนี้ อัตราการใช้พลัง
ถือว่าสูงเกินไป ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเวลานาน หากไม่ใช่เหตุการณ์
เร่งด่วน เพียงใช้ก้าวอัคคีเมฆาจะดีกว่า”
พอฉินหยุนร่อนลงที่พื้น เขาเคลื่อนคล้อยลงมาเปรียบดั่งอุกกาบาต อสนีบาตอัคคี
ขณะร่อนลงที่ป่า เขาเห็นหยางฉีเย่ว์กําลังมุ่งหน้ามา
นางสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ท่ามกลางแสงจันทราสีเงิน นางทั้งทอ ประกายและงดงาม เปรียบดังเทพธิดาจากพระราชวังจันทรา นางทั้ง สง่างามและสูงศักดิ์
หยางฉีเย่ว์เองก็ฝึกฝนก้าวดาราเร้นลับ ขณะที่นางมีวิญญาณยุทธ์ จันทรา เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวของนาง จึงแตกต่างออกไปจากฉิน หยุน
“เมื่อมีแสงจันทร์ ข้าจะสามารถใช้ก้าวดาราเร้นลับ เพื่อบินกลาง
อากาศ อัตราการใช้พลังงานถือว่าไม่มาก และความเร็วยังมากลํ้า!”
หยางฉีเย่ว์ยิ้มบาง “นี่เป็นจุดต่างของก้าวดาราเร้นลับที่แตกต่างกันใน แต่ละคน”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เมื่อข้าใช้งาน มันค่อนข้างรุนแรง หากอยู่ ระหว่างการต่อสู้ ด้วยความเร็วการพุ่งตัว มันจะนําพามาซึ่งพลัง
มหาศาล!”
“ถูกต้อง! ถัดไป เจ้าค่อยลองใช้พลังภายในสั่นไหว!” หยางฉีเย่ว์
กล่าวเสียงเบา “มาดูกันว่า มันจะเปิดเผยวิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเจ้า
หรือไม่!”
ฉินหยุนเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยทันที เขาเริ่มโคจรพลัง
ภายในสั่นไหว
หลังใช้พลังภายในสั่นไหว ทุกย่างก้าวของเขา จะเป็นผลให้พื้นดิน
สั่นไหว ด้วยเสียง
“ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้น พื้นที่ปลายเท้าสัมผัสจะเกิด
รอยปริแตก
สิ่งนี้ มันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใช้พลังภายในอสนีบาตอัคคี!
“อาจารย์… นี่ดูเหมือนไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง!”
ฉินหยุนยิ้มเก้กัง “ไม่ เพียงแต่ใช้พลังงานมากล้น
ยังเกิดผลกระทบมหาศาล นอกจากนี้ แล้ว ความเร็วยังเชื่องช้านัก!”
“อืม มันเป็นการเปิดเผยพลังภายในสั่นไหวจนหมดเปลือก! กําลัง ภายในสั่นไหวคล้ายไม่เหมาะสมต่อเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว แต่ก็น่าจะ ดีสําหรับการต่อสู้ เมื่อเจ้าใช้ท่าเท้านี้ จะสามารถสร้างคลื่นกระแทก อันแข็งแกร่งได้”
“หากเจ้าต่อสู้ระยะประชิดกับผู้อื่น เจ้าสามารถใช้มันเพื่อสวนกลับ ยามกําลังวิ่งหลบหนี
หากคลื่นกระแทกแข็งแกร่งมากพอ มันจะ ส่งผลกระทบต่อแก่นภายในของคู่ต่อสู้ได้” หยางฉีเย่ว์กล่าว
พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา เขายิ้มรับ
โดยทันที “จริงขอรับ
แต่ก็ไม่ใช่ใช้งานได้โดยง่าย! อาจารย์ ขอบคุณ ที่ชี้แนะขอรับ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องใช้เวลาอยู่นานหากคิดศึกษามัน ด้วยตนเอง!”
หยางฉีเย่ว์ลูบหัวของเขา นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้
“ข้าหวังว่า
ใน ภายหน้าเจ้าจะแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่านี้!”
“ข้าย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้น!” ฉินหยุนพยักหน้ารับจริงจัง
พวกเขาต่างเข้าใจกันดี ดังนั้นจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องงานพิธีอภิเษกสมรส ครั้งใหญ่ จนเป็นการทําลายบรรยากาศตอนนี้
“อาจารย์ ข้าสําเร็จขั้นต้นแล้ว หากสามารถเรียนรู้ถึงขั้นกลาง
เช่นนั้นจะเป็นอย่างไรหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ก้าวดาราเร้น ลับนี้
มีเขียนถึงไว้ใช่หรือไม่?”
หยางฉีเย่ว์ตอบ “สําเร็จขั้นกลางค่อนข้างยาก ทั้งยังต้องใช้พลัง
ภายในจํานวนมาก หากเจ้าสําเร็จขั้นกลาง
เมื่อใช้ก้าวดาราเร้นลับ จะ สามารถใช้พลังของดวงดาวได้”
“พลังดวงดาว สามารถทําให้ผู้ใช้งานลอยตัวอย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้
เมื่อเจ้าก้าวเท้าออกไป จะเปรียบดั่งแมลงปอสัมผัสนํ้า และด้วยพลัง อสนีบาตอัคคีของเจ้า
จะยิ่งทําให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น!”
“สมแล้ว การได้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับโลกาถือว่าดีเยี่ยมนัก!” ฉิน หยุนพึงพอใจ เขายิ้มตอบกลับ
ฉินหยุนอยู่ฝึกจนดึก เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา เขาจึงกลับพร้อม หยางฉีเย่ว์เพื่อไปพักผ่อน
เช้าวันถัดมา ฉินหยุนตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อทําการฝึกฝนก้าวดาราเร้นลับ
อย่างต่อเนื่อง เป็นเขาคิดอยากทําความคุ้นชินกับมัน
หลังผ่านการฝึกฝนทั้งวัน เขาค่อยคุ้นเคยกับก้าวดาราเร้นลับมากขึ้น * * *
การแข่งขันประลองยุทธ์ยังไม่จบ ยังเหลือรอบที่สี่และรอบที่ห้า
วันนี้ ในที่สุดก็กําลังจะเริ่มรอบที่สี่!
ในรอบที่สี่ มีเพียงสามสิบคนเท่านั้นซึ่งสามารถเข้ารอบ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาได้อยู่ร่วมกับผู้ชี้แนะ ได้รับการ
แนะนําและฝึกฝนหลายต่อหลายอย่าง
สําหรับฉินหยุน ด้วยความที่เป็นผู้ชนะเลิศในรอบที่ห้าของการ แข่งขันจารึก เขายิ่งกลายเป็นมีชื่อเสียงและถูกจับตา
และเรื่องนี้เช่นกัน ที่ทําให้หน้าตาของอาจารย์จารึกจากตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามหล่นแทบถึงพื้นดิน
หากพวกเขายังพ่ายแพ้การประลองยุทธ์ ตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสี ครามก็เสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว
อย่างไรแล้ว งานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ก็จัดขึ้นโดยตําหนัก
ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม เพื่อเป็นการอวดโอ่พละกําลังของพวกเขา
หากใครไม่รู้ชนะในรอบสุดท้าย โดยไม่มีคนจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์ เลยแม้สักคน ก็ออกจะเป็นเรื่องน่าอับอายจนเกินไปแล้ว
ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์
และจ้าวฉวน
พวกเขาล้วนมาถึงตําหนักยุทธ์ วิญญาณ ขณะรอคอย พวกเขาพูดคุยกันเพื่อเข้าไปยังหอลึกลํ้า
วิญญาณสีคราม
หอลึกลํ้าวิญญาณสีคราม เป็นหอเก้าชั้นของตําหนักดวงดาววิญญาณ สีคราม ทั้งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้ประตูหลักมากที่สุด
นี่ถือเป็นอาคารที่ต้องตามากที่สุดของตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามก็ว่าได้
หอลึกลํ้าวิญญาณสีครามทั้งสูงและใหญ่โต ตัวอาคารคล้ายสร้างขึ้น จากผลึกแก้วสีนํ้าเงิน
ยามเมื่อสะท้อนแสงตะวันทั้งเก้า พวกมันต้อง
แสงสาดส่องงดงามเป็นประกาย
จากภายนอก พวกมันเหมือนมีทั้งสิ้นแค่เก้าชั้น กระนั้นภายในกลับ
คล้ายไม่ใช่ กลายเป็นว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าแท้จริงภายในนั้นมีกี่ชั้นกัน แน่
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ สวมใส่ชุดสีขาวเหมือนกัน ขณะที่ศิษย์อื่น
จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างสวมใส่ชุดคลุมสีนํ้าเงิน เรื่องนี้ทําเอาศิษย์และอาจารย์คู่นี้ กลายเป็นเป้าสายตาที่เด่นชัด
เซี่ยอู๋เฟิง หลันอัวฮวี้
และคณะคนที่เหลือซึ่งยืนข้างกายพวกเขา ต่างก็ สวมใส่ชุดคลุมสีนํ้าเงินเช่นกัน กลุ่มของพวกเขานี้แข็งแกร่ง ทุกเส้น ทางที่เดินผ่าน ล้วนจะมีเสียงการสนทนาถึงพวกเขาเป็นการตามหลัง
เซี่ยอู๋เฟิงมองยังหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีครามตรงหน้า เขาขมวดคิ้ว กล่าว “รอบที่สี่ พวกเขาถึงขั้นให้เจ้าเข้าสู่หอคอยลึกลํ้าวิญญาณสี ครามเพื่อรับการทดสอบ นี่ออกจะอันตรายเกินไปแล้ว!”
“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านเคยมาที่นี่หรือ?”
ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
“ข้าไม่เคยเข้าไปมาก่อน! ข้าเพียงแต่ได้ยินมา!” เซี่ยอู๋เฟิงหันมอง
ทางหลันฮัวอวี้ “ผู้อาวุโสหลัน ท่านน่าจะเป็นผู้ทราบเรื่องราวภายใน
ดีที่สุดแล้ว!”
หลันฮัวอวี้พยักหน้ารับ “ภายในมีหุ่นเชิดอยู่มาก หุ่นเชิดภายใน
เหล่านั้น ล้วนถูกขัดเกลาขึ้นโดยสํานักจารึกเมื่อกาลก่อน มีเพียงพวก
คนจากสํานักจารึก จึงสามารถสร้างของเช่นนั้นได้ พวกมันน่า สะพรึงกลัวยิ่ง”
“หุ่นเชิดสร้างขึ้นโดยอาศัยพื้นฐานจากอัจฉริยะเมื่อครั้งนั้น พวกมัน มีความสามารถต่อสู้อันแข็งแกร่ง
เดิมมีหุ่นเชิดหลายตัวที่สามารถ
ทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าพวกมันทั้งหมดถูกพวกเรา นําออกไปสู้ ล้วนได้รับความเสียหายร้ายแรง”
“ตอนนี้ หุ่นเชิดทั้งหมดในหอคอย เทียบเท่าได้แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า!”
หุ่นเชิดที่สามารถทัดเทียมผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถือว่าเหนือลํ้า อย่างแท้จริง เพียงแค่คิดก็ทําเอาหัวใจหนักอึ้งได้แล้ว
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก สํานักจารึกทรงพลังอํานาจและ น่าสะพรึง พวกเขาถึงขั้นสามารถขัดเกลาของเช่นนั้นขึ้นมาได้
หลันฮัวอวี้กล่าวเสริม “หอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม มีทั้งสิ้นเก้าชั้น
ชั้นเก้าใช้งานต่างออกไป อีกแปดชั้นมีเพื่อการทดสอบ! แต่ละชั้นจะ มีกลุ่มหุ่นเชิดเฝ้าอยู่ พวกมันล้วนแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตกาย วรยุทธ์ระดับที่เก้า”
“ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด จะ สามารถเข้าไปรับการฝึกฝนได้”
ชัดเจนว่า เซี่ยอู๋เฟิงและคณะไม่เคยเข้าไปมาก่อน
หลันเฟิงจินกล่าวขึ้น “ข้าเคยเข้าไปมาก่อน หุ่นเชิดพวกนั้นแข็งแกร่ง
ยิ่ง พวกมันทั้งหมดสร้างขึ้นจากกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน กระทั่ง ว่าใช้อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจัดการพวกมัน แน่นอนว่า
ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบไม่อาจใช้อาวุธ พวกเขาใช้ได้ก็แต่
อุปกรณ์ป้องกันเท่านั้น!”
กล่าวคําจบ ผู้คนล้วนสามารถบอกได้ ว่าหุ่นเชิดที่หลอมสร้างขึ้น
จากกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันน่าสะพรึงเพียงใด
มู่หรงต้าเหรินอุทานขึ้น “หุ่นเชิดเหล่านั้นแพงมหาศาลยิ่ง เช่นนั้น พวกมันมีค่าเพียงใด? มีหุ่นเชิดผู้หญิงหรือไม่?
งดงามหรือไม่?
คล้าย คนปกติทั่วไปหรือไม่?”
เสวี้ยซือเยี่ยกลอกตามอง นางตอนนี้คล้ายทราบแล้ว ระหว่างเรื่อง
ของผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้นจึงทราบว่าคําพูดเหล่านั้นเป็นเรื่อง สกปรก
หลันฮัวอวี้หัวเราะตอบ “ย่อมแพง! อย่างไรแล้วพละกําลังของพวก
มัน ก็เทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้านะ ลองนึกสภาพดูสิ!”
“น้องมู่หรง หากต้องการ ให้ข้าช่วยขัดเกลามนุษย์ไม้ขึ้นสักตัวดี
หรือไม่? ข้าคิดเจ้าเพียงหนึ่งร้อยล้านเหรียญผลึกเท่านั้น!” หลันเฟิง
จินหัวเราะคิกคัก
“ข้าไม่ได้ต้องการไม้! ข้าคิดอยากได้หุ่นเชิดโฉมงามสักคนหนึ่งเป็น หญิงรับใช้!”
มู่หรงต้าเหรินตอบ “หากท่านสามารถทําได้ ข้ายินดีซื้อ
ที่สองร้อยล้านเหรียญผลึก แต่นี่ไม่นับเป็นจํานวนเล็กน้อยเกินไป หรือ?”
“ข้าขัดเกลาให้ได้ แต่เจ้าจะจ่ายหรือ?”
หลันฮัวอวี้หัวเราะ
“เรื่องนี้… ข้าเพียงแค่พูด!” เพราะเขาไม่มีเหรียญผลึกมากมายเพียงนั้น
ฉินหยุนเองก็สามารถขัดเกลาหุ่นเชิดขึ้นได้ แต่พวกมันจะถูกแบ่งเป็น จำพวกสัตว์
เพื่อขัดเกลาหุ่นเชิดรูปแบบมนุษย์ หนึ่งต้องมีผังโทเทมที่ใกล้เคียง กับมนุษย์ อย่างเช่นลิงหรืออะไรจําพวกนั้น
ที่ด้านล่างของหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม หลายคนกําลังรวมตัว กันอยู่
ผู้ฝึกยุทธ์หลายคน รวมทั้งผู้ชี้แนะของพวกเขา ต่างรวมตัวกันที่นี่
จี้ไค่หลินและอาจารย์ของเขา ก็เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน
วันนี้ จี้ไค่หลินสวมใส่ชุดเกราะอ่อนสีนํ้าเงินทองคํา มองเพียงครั้ง
เดียว ก็บ่งบอกจากโครงสร้างได้ว่าราคาย่อมไม่ใช่ชั่ว
ผู้ชี้แนะของจี้ไค่หลิน เป็นนักบุญเฒ่าชราจากตําหนักศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณสีคราม
นามนั้นคือเซียงอวี้ เขาคือผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีกับปู่
ของจี้ไค่หลิน
กล่าวกันว่า จี้ไค่หลินติดตามเขา เพื่อฝึกฝนวิชายุทธ์ตั้งแต่ยังเยาว์
บุคคลที่สามารถสอนสั่งตัวตนเช่นจี้ไค่หลิน ย่อมไม่ใช่คนดีอย่าง แน่นอน
เซียงอวี้ย่อมต้องเป็นชายชราโหดเหี้ยมเกินผู้ใดคาดคิด ใบหน้านั้น เต็มไปด้วยริ้วรอย
ทําให้ยิ่งดูชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก
เซียงอวี้เป็นนักบุญชรา สถานะสูงส่ง นักบุญหลายคนยังต้องแสดง
ความนับถือแก่เขาเมื่อพบเห็น
“ข้าได้รับเชิญ ให้ไปรับชมเรื่องราวที่บนหอคอย จ้าวตําหนักทั้งสี่ก็
อยู่ที่นั่น ข้าขอตัวก่อน!”
หลันฮัวอวี้กล่าวคําจบ จึงมุ่งหน้าขึ้นหอคอย ไปก่อน
ตอนนี้ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดพร้อมแล้ว และผู้ที่มีชื่อเสียงมาก ที่สุด
ย่อมเป็นนักบุญวิญญาณสีคราม!
โดยเฉพาะกับจี้ไค่หลิน ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดเกราะเงางามเป็นประกาย ทํา เอาหลายผู้คนอิจฉาตาร้อน มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบ ว่านั่นจะต้อง
เป็นอุปกรณ์ป้องกันสุดแสนจะลํ้าค่าอย่างแน่นอน
ตอนที่ 319 : ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต
นักบุญที่เข้าร่วม ต่างก็สวมใส่ชุดเกราะ ราวกับพวกเขาเตรียมการ
เอาไว้แต่แรกแล้ว
ทางด้านผู้เข้าแข่งขันคนอื่น แม้พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะ ก็เป็นเพียง
ระดับทั่วไป
“ชุดเกราะของจี้ไค่หลิน เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน น่าอิจฉา นัก!”
“ไม่แปลกเลย ที่คนระดับเขาจะมีของเช่นนั้น!” “ชักเริ่มสงสัยแล้ว ว่าเรื่องนี้จะแข่งขันอะไรกัน?” ผู้คนรอบด้านเริ่มสนทนากัน
ชายชราที่รับหน้าที่จัดการแข่งขันมาถึง โดยทันที ทั่วทั้งห้องโถง
เงียบสงัด
กระทั่งผู้ไม่ได้เข้าร่วม ยังเกิดข้อสงสัยต่อเนื้อหาและรางวัลการ แข่งขันครั้งนี้ พวกเขาล้วนเงียบและตั้งใจรับฟัง
“เนื้อหาการแข่งขันครั้งนี้ คือเข้าสู่หอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม ตราบเท่าที่สามารถไปถึงชั้นสี่
ก็จะสามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายได้!”
“หากสามารถไปยังชั้นที่สูงกว่านั้น และมีเพียงผู้เดียวที่ขึ้นนํา เช่นนั้น จะได้รับรางวัล”
“รางวัลของผู้ชี้แนะ เป็นยาเหลวฟื้นคืนร่างกาย กับ ยาเหลวกล้ามเนื้อ หยก!”
ได้ยินรายชื่อของรางวัล ผู้ชี้แนะเฒ่าชราหลายคนต่างตื่นเต้นยินดี
ยาเหลวฟื้นคืนร่างกาย ถือเป็นส่วนของการเสริมความงาม มัน สามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์กลับมาได้ และเมื่อเป็นผู้เยาว์ ยาเหลว กล้ามเนื้อหยก จะช่วยทําให้ผิวหนังเปล่งปลั่งขาวนวลนุ่ม
สองสิ่งนี้เป็นยาเหลว สําหรับผู้ที่มีอายุต้องการฟื้นคืนความเยาว์วัย
หากคนหนุ่มสาวใช้งาน รูปลักษณ์ของพวกเขาจะคงอยู่เช่นนั้นไป ตลอดกาล
แม้อยู่ไปหนึ่งหรือสองร้อยปี ก็ไม่มีทางชราภาพลง
หลันฮัวอวี้เองก็เป็นชายชรา กระนั้นที่เผยให้เห็นก็มีแต่เส้นผมสีขาว และคิ้วสีขาว รูปลักษณ์ภายนอกยังเหมือนคนหนุ่มผู้หนึ่ง
ชายชรากล่าวต่อ “รางวัลของผู้เข้าแข่งขันอันดับหนึ่ง คือผลึกแก้ว
หยกอักขระชีวิต!”
ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต ถือเป็นของที่ดีชิ้นหนึ่ง มันจะช่วยให้
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า สามารถฝึกฝนอักขระชีวิตของมหา วิถีแห่งเต๋า
ตอนนี้ ฉินหยุนปรารถนาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอย่างยิ่งยวด หาก เขาสามารถได้รับผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต มันย่อมต้องช่วยให้เขา เลื่อนระดับได้อย่างแน่นอน
ชายชรากล่าวต่อ “ภายในหอคอยไม่อาจใช้งานอาวุธ! เมื่อโจมตีหุ่น
เชิด อย่าได้กังวลว่าจะเป็นสังหารพวกมัน ทั้งหมดล้วนเป็นหุ่นเชิด
อย่างมากก็แค่เสียหาย!”
“ทางที่ดี ควรระวังเรื่องอย่าได้ถูกสังหารโดยหุ่นเชิดเหล่านั้น เมื่อขึ้น
ไปอีกชั้นของหอคอย หน้าต่างบนชั้นนั้นจะเปิดออก หากคิดว่าไม่
อาจต้านรับพวกมันได้ไหว ให้กระโดดออกหน้าต่างมาเสีย”
“พวกเราสามารถไปด้วยกัน หรือต้องไปเพียงลําพัง?” คนผู้หนึ่งเอ่ย ถาม
“ไปพร้อมกัน! ในแต่ละชั้น
จํานวนหุ่นเชิดมีน้อยนิด จากชั้นแรกถึง ชั้นสาม มีห้องสําหรับประลองอยู่ห้าห้อง และทั้งห้าห้องนั้นจะมี
บันไดนําไปสู่ชั้นถัดไป”
“ในแต่ละห้องมีหุ่นเชิดเพียงห้าตัว ที่ต้องทําคือจัดการพวกมันก่อน จึงค่อยสามารถขึ้นบันได!”
“และที่ชั้นสี่หรือเหนือขึ้นไป จะมีห้องสําหรับประลองเพียงสอง แต่ ละห้องจะมีหุ่นเชิดเพียงหนึ่ง ทว่าพวกมันแข็งแกร่งยิ่ง!”
“พวกเจ้าทุกคนจงระวัง อย่าได้คิดว่าไม่มีผู้ใดพบเห็น!
จ้าวตําหนัก ผู้ อาวุโสหลัน และผู้อาวุโสอีกมากของสี่ตําหนัก ล้วนรับชมการ
แข่งขันครั้งนี้ พวกเจ้าไม่อาจใช้งานอาวุธเพื่อคดโกง ไม่เช่นนั้นผลที่
ตามมาจะรุนแรงจนนึกไม่ถึงเลยเชียวละ”
“ระยะเวลาการแข่งขันคือสองชั่วยาม ภายในสองชั่วยามนี้ ผู้ใด สามารถเข้าสู่ชั้นสูงสุดเหนือผู้อื่น จะได้รับอันดับหนึ่ง!”
ทุกคนพยักหน้ารับ
“ที่นี่พวกเรารับชมการต่อสู้ได้หรือไม่?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม “ย่อมไม่!”
“เพราะอะไร? ครั้งล่าสุด
ตอนพวกเราอยู่ด้านนอก ยังเห็นการกระทํา พวกเขาได้ แต่ครั้งนี้เหตุใดจึงไม่ได้?”
มู่หรงต้าเหรินทักท้วงขึ้นมา
หลายคนต่างส่งเสียงโห่ร้อง พวกเขาจะได้แต่รอคอยด้านนอก ไม่ อาจรู้สถานการณ์ด้านใน
“หุ่นเชิดด้านในถือเป็นความลับของเรา มันไม่สะดวกที่จะให้ผู้อื่น จํานวนมากได้พบเห็น!”
ชายชรากล่าว
“เริ่มกันได้แล้ว!”
หลังกล่าวลากับผู้ชี้แนะของตนเอง ผู้เข้าร่วมทั้งสี่สิบคน ต่างเดินมุ่ง
หน้าไปยังทางเข้าหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม
ทันทีเมื่อเข้ามา ประตูปิดไล่หลังพวกเขา
ฉินหยุนระมัดระวังตัวแจตั้งแต่เข้ามา
สาเหตุหนึ่งก็เพราะ เขาเกรงว่า พวกจี้ไค่หลินจะโจมตีตนเอง อีกสาเหตุหนึ่ง ก็เพราะกังวลว่าจะมี
หุ่นเชิดอยู่ที่ชั้นแรกแห่งนี้
ทันทีเมื่อเข้ามา เขาจึงได้เห็นประตูห้าบาน แต่ละบานสูงและกว้าง
สามเมตร พวกมันสมควรเป็นประตูสู่ห้องประลองทั้งห้า
ประตูแต่ละบาน จะมีชายร่างใหญ่ในชุดเกราะสีนํ้าเงินยืนเฝ้าเอาไว้ “แต่ละห้องไม่อาจเข้าไปเกินสิบคนได้!” ชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น จี้ไค่หลินและนักบุญทั้งห้า คล้ายตัดสินใจร่วมกันมาก่อนแล้ว พวก
เขาเดินไปยังประตูใหญ่บานหนึ่ง
“รอเดี๋ยว คิดเข้าไปต้องจับสลาก! เพื่อตัดสินว่าต้องเข้าประตูบาน
ใด!” ชายร่างใหญ่นําเอากล่องออกมา
และวางไว้ที่พื้น “เรียงแถว และเริ่มจับสลาก!”
ได้ยินดังนี้ จี้ไค่หลินกล่าวเสียงเย็น “การเปลี่ยนแปลงฉับพลันเช่นนี้?
เหตุใดไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า?”
“เป็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน หากไม่ทําตาม ก็จงกระโดดออก
หน้าต่างไป!” สีหน้าของชายร่างใหญ่คล้ายไม่เห็นผู้อื่นในสายตา
นํ้าเสียงตอบกลับเย็นชา
จี้ไค่หลินได้แต่แค่นเสียงรําคาญ ที่เขาทําได้ก็มีแต่ก้าวเดินออกไปจับ สลากขึ้นมา
ไม่ช้า ทุกคนก็จับกันครบถ้วน
ฉินหยุนได้เข้าห้องหมายเลขสาม ขณะที่จี้ไค่หลินได้เข้าห้อง หมายเลขหนึ่ง
ฉินหยุนลอบยินดีขึ้นมา ที่ไม่มีนักบุญผู้ใดได้เข้าห้องประลอง ร่วมกับเขาแม้สักคน
ที่ห้องหมายเลขสอง มีนักบุญสองคนได้ร่วมทางด้วยกัน หากพวก เขาร่วมมือกัน เช่นนั้นก็มีโอกาสมากที่จะขึ้นสู่ชั้นสูงได้
“เข้าไปได้แล้ว!” ชายร่างใหญ่ตะโกน ผู้เข้าแข่งขัน
เร่งรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องหิน
หากพวกเขาไม่อาจชนะ พวกเขาจะไม่มีเวลาได้พัก ที่ทําได้มีแต่ต้อง
กระโดดออกนอกหน้าต่างไป
ฉินหยุนและผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคน เข้าห้องหมายเลขสามไปพร้อมกัน
ที่บันไดของห้องประลองแห่งนี้ มีห้าร่างกําลังนั่งอยู่ สีหน้านั้นแข็ง
ทื่อ ดวงตาไร้แสงสี
พวกมันราวกับรูปปั้นเคลือบสี ทว่าพลังงานที่
ปลดปล่อยออกจากร่างเหล่านั้นแข็งแกร่งยิ่ง
พวกมันคือหุ่นเชิด รูปลักษณ์ของพวกมันเป็นคนหนุ่ม ดูไปคล้ายคน
จริงหากแยกแยะไม่ทัน!
พวกหุ่นเชิด พอเห็นคนเข้ามาใกล้ พวกมันเร่งทะยานกายออกโดย
ทันที!
พวกเขาไม่อาจใช้งานอาวุธ ไม่อาจใช้ยันต์ ทําได้แต่ต่อสู้ด้วยมือ เปล่า!
ทั่วทั้งร่างหุ่นเชิดปกคลุมด้วยกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน ขณะ ปะทะกัน
เสียงหมัดนั้นเปรียบดั่งค้อนทุบเข้าที่ท้องผู้ฝึกตน ทําเอา ซี่โครงหักไปหลายท่อน
พอผู้ฝึกตนคนหนึ่งโดนโจมตี เขาตะโกนร้องอย่างเจ็บปวด เร่ง ทะยานกายออกจากหน้าต่างของห้องประลอง เป็นการบอกยอมแพ้ ต่อการแข่งขันนัดนี้
ห้องประลองค่อนข้างกว้าง น่าจะราวยี่สิบเมตรได้ จึงมีช่องว่าง
เหลือเฟือ ให้ผู้คนสามารถเคลื่อนไหวร่างกายหลบหลีกยามปะทะ
ผู้ฝึกตนสองคน ใช้โอกาสที่หุ่นเชิดทั้งห้าทําการโจมตี พุ่งเข้าไปยัง
ช่องบันได คิดปีนป่ายขึ้นไปยังชั้นถัดไป!
ฉินหยุนหลบเลี่ยงหุ่นเชิดและทะยานกายออก เมื่อเห็นผู้ฝึกตนสอง คนวิ่งไปแล้ว เขาจึงไม่คิดรีบลงมือแต่อย่างใด
ต่อให้พวกเขาขึ้นไปได้ ข้างบนก็ยังมีแต่หุ่นเชิดเช่นเดียวกัน ทางเลือก เดียวก็มีแต่ยอมแพ้และกระโดดออกหน้าต่างไปหากไม่อาจต่อสู้
ที่นี่ ฉินหยุนถือว่าเป็นผู้ที่สบายที่สุดแล้ว เขาเพียงใช้ก้าวอัคคีเมฆา
หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกหุ่นเชิดโดยง่าย
ในมุมมองของเขา หุ่นเชิดพวกนี้ค่อนข้างเร็ว แต่กระนั้นก็แค่เร็วใน ระดับทั่วไป
“จะยังไงมันก็แค่หุ่นเชิด!” ฉินหยุนพบเห็นโอกาส เร่งรีบมุ่งหน้าบุก
ไปยังบันไดสู่ชั้นที่สอง
เมื่อถึงชั้นที่สอง เขาพบเห็นหุ่นเชิดสามตัวโดยทันที คราบเลือด
ตอนนี้กระจายเต็มพื้น น่าจะเป็นผู้ฝึกตนสองคนที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ เหลือทิ้งเอาไว้ รอยหยดเลือดเป็นทางยาวจนถึงหน้าต่าง
เป็นดังที่ฉินหยุนคิด ผู้ฝึกตนสองคนที่เร่งรีบขึ้นมาก่อน ตัดสินใจ
ยอมปล่อยวาง
กระโดดออกจากหน้าต่างเอาตัวรอด
หุ่นเชิดที่ชั้นสอง ค่อนข้างแตกต่างจากชั้นหนึ่งพอสมควร
พวกมันไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีโดยทันที
กลับกัน สองตัวทําการเฝ้าระวัง บันได
ขณะที่อีกหนึ่งเดินเชื่องช้ามาทางเขา
“เป็นหุ่นเชิดที่มีสติปัญญางั้นหรือ?” ฉินหยุนลอบคาดเดา ไม่เช่นนั้น
ก็ต้องมีผู้อื่นควบคุมหุ่นเชิดเหล่านี้แล้ว
ฉินหยุนมองหุ่นเชิดที่เดินเข้ามา เป็นร่างคนหนุ่มสวมใส่ชุดคลุมสีดํา เปรอะเปื้อนด้วยฝุ่น
หลังเข้ามาใกล้ มันพลันยื่นฝ่ามือออก!
หุ่นเชิดจากเดินเชื่องช้า กลายเป็นโจมตีเข้ามาเร็วยิ่ง ทั้งยังปลดปล่อย
พลังภายในได้!
“ต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง หุ่นเชิดที่ชั้นสองน่าเหลือเชื่อนัก ถึงขั้นสามารถ
ใช้ชั้นเชิงการต่อสู้ได้ด้วย!” ด้วยความประหลาดใจ
ฉินหยุนวูบไหว ไปยังกําแพง หลบเลี่ยงฝ่ามือที่พุ่งออกมานี้
ขณะเดียวกัน หุ่นเชิดที่คล้ายชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่หน้าบันได ฉับพลันทะยานกายเข้ามา
มันยื่นฝ่ามือออกราวขวานยักษ์ ระเบิด ออกซึ่งพลังสายฟ้าและเสียงฟ้าคํารามรุนแรง!
ตู้ม!
หุ่นเชิดชายวัยกลางคน พลาดคว้าฉินหยุน
ร่างปะทะกับผนัง เป็นผล ให้เกิดหินถล่มลงมาเสียงดังสนั่น!
ฉินหยุนหลบเลี่ยงฝ่ามือโจมตีหวุดหวิด หากโดนโจมตีเข้า ย่อมต้อง บาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
หุ่นเชิดทั้งสองโจมตีจากสองฟากข้าง ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่อาจหลบ ได้อีก!
เขาผลักฝ่ามือออก ปลดปล่อยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ ส่งคลื่นกระแทก
ขุมหนึ่ง เข้าปะทะกับหุ่นเชิดทั้งสอง ผลักดันพวกมันไปกระแทกกับ
ผนัง
จากนั้น เขาเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังบันได ที่ซึ่งมีหุ่นเชิดอีกตัวรออยู่!
หุ่นเชิดตัวนี้ก็ทรงพลังเช่นกัน เมื่อมันเห็นฉินหยุนพุ่งเข้ามา กายนั้น ยืนขึ้น ปล่อยหมัดออก
ราวเพลิงพิโรธทะลัก มันปลดปล่อยออกมา อย่างดุดัน
พอฉินหยุนเข้าใกล้ เขาเร่งโคจรพลังระเบิด ควบแน่นวัชระกําลัง ภายใน!
เมื่อเห็นหุ่นเชิดคิดโจมตีเข้ามา เขาทะยานกายผ่านอากาศ ระเบิด กําลังภายในออก ส่งร่างนั้นปลิวกระเด็น!
ตู้ม!
หุ่นเชิดลอยลิ่ว ปะทะกับพื้นบันได ทําให้ชั่วขณะหนึ่งมันไม่อาจลุก
ขึ้นยืนได้!
ฉินหยุนเร่งรีบมุ่งหน้าไป ด้วยฝีเท้าหนักอึ้งเตะกระทืบซํ้ามัน จากนั้น จึงเร่งรีบปีนป่ายสู่ชั้นบน
เขาเข้าสู่ชั้นที่สามได้แล้ว!
ที่ชั้นสาม มีหุ่นเชิดเพียงสอง รูปลักษณ์พวกมันน่ากลัวทั้งยังร่างสูง
ตราบเท่าที่มีคนเข้ามาในห้องประลอง หน้าต่างจะเปิดออกโดยทันที ทันทีที่ฉินหยุนมาถึง
เขามองไปยังหน้าต่าง หากเขารับมือไม่ไหว
เช่นนั้นก็ยังมีทางออก
หุ่นเชิดร่างสูงทั้งสองไม่เข้าโจมตีฉินหยุน กลับกัน พวกมันเพียงยืน
ตรงหน้าบันได รอคอยให้ฉินหยุนเป็นฝ่ายเข้าหาพวกมัน
ที่ชั้นสูงสุดของหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม ภายในห้องหิน จ้าว ตําหนักทั้งสี่ หลันฮัวอวี้
และผู้อาวุโสอีกจํานวนหนึ่ง กําลังรับชม
ผ่านกระจกบานใหญ่บนผนังหิน มันทําให้พวกเขาสามารถรับชม สถานการณ์ในห้องประลองได้
“พละกําลังของฉินหยุนค่อนข้างดี เขาสามารถเร่งรีบมุ่งสู่ชั้นสามได้ และตอนนี้เขาเลือกไม่โจมตี
คิดพักก่อนหรือไร?” หญิงชรากล่าว นางคือจ้าวตําหนักตะวันออก
“จี้ไค่หลินเองก็แข็งแกร่ง เขามาถึงชั้นสามเร็วยิ่งกว่าฉินหยุนและเริ่ม ต่อสู้แล้ว ไม่ช้าเขาจะถึงชั้นที่สี่!”
“พละกําลังของนักบุญวิญญาณสีครามไม่แย่ ตอนนี้พวกเราก็มั่นใจ ได้ ว่าจี้ไค่หลินสามารถไปถึงชั้นที่สี่ได้อย่างแน่นอน!”
หลันฮัวอวี้กล่าว “ข้าหวังว่าพวกเขาจะไม่ทําหุ่นเชิดเสียหาย ไม่เช่นนั้นแล้ว
ก็มีแต่พวกเราที่ต้องรับหน้าที่ซ่อมแซมพวกมัน!”
“ฉินหยุนเคลื่อนไหวแล้ว!” ชายชราโพล่งออก
ฉินหยุนสํารวจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินเข้าไป เมื่อเขาอยู่ห่างจากหุ่นเชิด
ทั้งสองราวสามเมตร หมัดทั้งสองถูกปล่อยออก ด้วยแรงสั่นสะเทือน
อากาศแทบระเบิดออก นี่คือเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์
หุ่นเชิดทั้งสองแตกตื่น พวกมันไม่อาจยืนอย่างมั่นคงได้อีก!
ฉินหยุนใช้โอกาสนี้ ผลักฝ่ามือออก เสียงกรีดร้องของสายลมผ่านฝ่า มือนี้ ราวเสียงของม้านับพันตัว นี่คือฝ่ามือหมื่นอาชา!
ผู้ที่เชี่ยวชาญฝ่ามือหมื่นอาชา จะสามารถปลดปล่อยพลังราวม้านับ หมื่นตัวได้
ด้วยฝ่ามือปะทะกับหุ่นเชิดทั้งสอง ทําเอาพวกมันล้มลง
ไม่อาจไหวติง
“ได้ผล!” ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆา พุ่งกายขึ้นไปยังชั้นที่สี่โดยทันที
ที่ชั้นสี่ของหอคอยลึกลํ้าวิญญาณสีคราม มีห้องประลองเพียงสอง ดังนั้นแต่ละห้องจึงได้รับพื้นที่กว้างหลายสิบเมตร และมีเพียงหุ่น เชิดตัวเดียวอยู่ภายในห้อง
บันไดสู่ชั้นที่สี่นําไปเพียงสองห้อง และมีแต่ฉินหยุนที่มาถึงชั้นที่สี่นี้ เป็นคนแรก
ตอนที่ 320 : หุ่นเชิดสุดแกร่ง
ฉินหยุนมองที่หุ่นเชิด กําหมัดเอาไว้แน่น ตอนนี้เขาตระเตรียม
เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
หุ่นเชิดตัวนี้แตกต่างจากก่อนหน้า มันให้ความรู้สึกถึงการสะกดข่ม อย่างลึกลํ้า!
ฉินหยุนมองที่บันไดซึ่งมาจากชั้นที่สาม หากนักบุญวิญญาณสีคราม แข็งแกร่งพอ พวกเขาย่อมสามารถมาถึงชั้นนี้ได้
หากเขาต่อสู้กับหุ่นเชิดช่วงที่ผู้อื่นมาถึง จะกลายเป็นว่าเขาช่วย นักบุญเหล่านั้นสู่ชั้นที่ห้า เขาไม่คิดให้เรื่องแบบนั้นต้องเกิดขึ้น
หุ่นเชิดเฝ้าระวังบันไดสู่ชั้นที่ห้า มันมองฉินหยุนที่ไม่ขยับ ร่างของ มันเปี่ยมด้วยพลังเหลือล้นคล้ายพร้อมรับศึกตลอดเวลา
“หุ่นเชิดตัวนี้แข็งแกร่งนัก เราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันเลย คิดทํา ให้มันเคลื่อนไหวออกมา คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น
ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเคลื่อนไหว
หมัดทอแสงออกวูบ ปลดปล่อยออกซึ่งเปลวเพลิง เพียงก้าวเท้าเดียว
เขาก็เข้าถึงตรงหน้าของหุ่นเชิดแล้ว
หมัดอ่อนอัคคีปลดปล่อยออก เกิดขึ้นเป็นเปลวเพลิงร้อนแรง แสง เพลิงปะทุระเบิดออกรุนแรง
ที่ฉินหยุนไม่คาดคิด คือความเร็วการโจมตีของหุ่นเชิดตัวนี้สูงลํ้า เพียงพริบตา มันยื่นฝ่ามือออกรับหมัดของเขาเอาไว้ได้!
ตู้ม!
หมัดและฝ่ามือปะทะกัน เกิดขึ้นเป็นคลื่นอากาศร้อนแรงกระจายทั่ว ทั้งชั้น
ฉินหยุนถูกบีบบังคับให้ถอยกลับไปหลายสิบก้าว หมัดของเขา เลือดออกด้วยความเจ็บปวด
เป็นเขาอึ้งอย่างรุนแรง พละกําลังของ หุ่นเชิดตัวนี้เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก!
เมื่อครู่นี้เป็นเขาใช้พลังภายในไป!
กระนั้น หลังจากเขาโจมตีออกไป มันกลับสามารถสกัดการโจมตี
เอาไว้ได้ด้วยฝ่ามือ!
ที่น่าเป็นกังวลกว่านั้น คือตัวหุ่นเชิดไม่คล้ายจะโดนเขาทําให้ต้อง ถอยกลับแม้สักนิด
“หุ่นเชิดที่ชั้นสี่แข็งแกร่งนัก สงสัยว่าหุ่นเชิดตัวนี้จะเหนือกว่าที่คิด แล้ว!”
พอฉินหยุนประเมินมันสูงมากขึ้น เขาลอบสูดลมหายใจเข้า
ลึก
หุ่นเชิดระดับสูงเช่นนี้ ย่อมต้องแข็งแกร่ง!
“หุ่นเชิดนี้เพียงป้องกันยามเราโจมตี อย่างน้อยก็ลดแรงกดดันไป ได้มาก!”
ขณะฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก เขาจึงได้เห็นหุ่นเชิดที่ยืน
ตรงหน้าบันได ฉับพลันหายวับไปกับตา
หุ่นเชิดกําลังบุกโจมตีด้วยความเร็วสูงลํ้า! ตึง!
ฉินหยุนที่หย่อนความระวัง หุ่นเชิดที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน มันทํา ร่างเขากระเด็นอย่างเหี้ยมโหด!
ร่างของเขากระเด็นรุนแรง ปะทะกับกําแพงหินของห้องประลอง ยุทธ์แห่งนี้
แม้ทั้งร่างกายรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาตอบสนองอย่างทันท่วงที เมื่อร่าง
ปลิวกระเด็นมา
เขาเร่งรีบไปพ้นจากตําแหน่งปะทะโดยทันที!
ตู้ม!
หุ่นเชิดที่ไล่ตามมา ผลักฝ่ามือปะทะกับกําแพงหิน เป็นผลให้เกิด
ก้อนหินถล่มลงมา!
พลังของฝ่ามือที่ทะลักออก เกิดเป็นพายุรุนแรง กระจายความ
โกลาหลเอาไว้ทั่วห้องประลอง
“ไอ้เจ้านี่ใช้พลังธาตุสายฟ้า!” พร้อมกันนี้
ฉินหยุนตระหนก
เขาใช้ งานอุปกรณ์ผังธาตุแสงรักษาอาการบาดเจ็บ จากนั้นจึงสั่นไหวหมัด
ทะยานกายออก ปลดปล่อยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ ส่งคลื่นกระแทก
ออกไปถึงเก้าคลื่น!
หุ่นเชิดโจมตีอย่างรัดกุมยิ่ง มันเข้าปะทะกับฉินหยุนเกือบสําเร็จ แต่ กลับโดนเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์เก้าระลอกคลื่นสะท้อนกลับไปก่อน
ร่างนั้นถูกผลักชิดกับผนังเพราะคลื่นกระแทก และยังคงถูกคลื่น กระแทกระลอกที่เหลือซํ้าตามเข้าไป
อาการบาดเจ็บของฉินหยุนค่อยมีโอกาสได้ฟื้นฟูตอนนี้!
เขาเร่งรีบทะยานกายออก ใช้วิชาหานซาน จับทุ่มหุ่นเชิดร่างใหญ่
กํายํากับพื้น จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือหมื่นอาชา โจมตีเข้าใส่ตัวหุ่นเชิดอยู่
หลายครั้งครา
หุ่นเชิดที่ล้มกับพื้น ฉับพลันระเบิดสายฟ้าออก สายอสนีบาตจํานวน
หนึ่งเปรียบดั่งอสรพิษพุ่งเข้าหาฉินหยุน!
“อ๊าก!”
ฉินหยุนโดนสายอสนีบาตรุนแรงเข้าโจมตี ทั่วทั้งร่างรู้สึกเจ็บปวด จนถึงกับส่งเสียงร้องคํารามออกมา
ทั้งยังร่างกระเด็นปลิวกลับ
กระแทกผนังเข้าอย่างแรง
หุ่นเชิดที่โดนโจมตีไปหลายครั้ง กระนั้นไม่คล้ายช้าลงแม้เพียงนิด การตอบสนองของมันยังคงรวดเร็วเหมือนอย่างตอนแรกพบเจอ
ขณะยืนขึ้น มันพุ่งเข้าหาฉินหยุนราวอสนีบาตสายหนึ่ง ฝ่ามือของ
มันคล้ายค้อนยักษ์สองด้าม กระโดดขึ้นและปล่อยสายอสนีบาต ออกมา สับฟันเข้าใส่หัวไหล่ของฉินหยุนอย่างไร้ความปรานี
ฉินหยุนไม่แม้มีโอกาสได้หลบการโจมตีนี้ กระนั้นด้วยสัญชาตญาณ ของร่างกาย มันปลดปล่อยพลังภายในสั่นไหวและตะวันทมิฬออก
และไปรวมตัวกันอยู่ที่หัวไหล่
ตึง!
ฉินหยุนถึงกับต้องคุกเข่าลงเพราะการโจมตีนี้ แม้แขนของเขา เจ็บปวด
แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด
หากไม่ใช่เพราะพลังสั่นไหวและตะวันทมิฬ แขนของเขาคงบาดเจ็บ สาหัสไปแล้ว
“ถอยไป!”
ฉินหยุนคํารามออก เป็นวิชาเสียงคํารามราชสีห์สวรรค์ พลังจิต ควบแน่นเข้าด้วยกัน พร้อมกันนี้ เขาใช้งานเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณ
สังหาร รวมเข้าไปกับคลื่นกระแทกและปลดปล่อยออก
สิ่งที่ขับเคลื่อนหุ่นเชิด ก็คือพลังจิต!
เมื่อขัดเกลาหุ่นเชิด ย่อมต้องมีพื้นที่กักเก็บพลังจิต เป็นปกติที่มันจะ
ความแข็งแกร่งพอต้านทานการโจมตีทางพลังจิตได้
ทว่า การโจมตีระยะประชิดของฉินหยุน ผสานเอาไว้กับคลื่นกระแทก ที่สามารถทะลุทะลวงร่างหุ่นเชิด ทําให้เกิดความเสียหายต่อเส้นสาย พลังจิตภายในตัวของมัน
ฉินหยุนยืนขึ้น ปลดปล่อยกรงเล็บราชสีห์สวรรค์ออกมาจากแขน ราชสีห์สวรรค์!
เขาเร่งทะยานกายออก เข้าหาหุ่นเชิดที่นิ่งไม่ไหวติง ใช้เคล็ดวิชาวายุ
สังหารทั้งหกกระบวนท่าออกมา!
ร่างกายหุ่นเชิดแข็งแกร่งยิ่ง สมแล้วที่พวกมันขัดเกลาขึ้นจากกระดูก เหล็กกล้าระดับราชัน!
ฉินหยุนเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งกระบวนท่า ก็ทราบว่ากรงเล็บราชสีห์ สวรรค์ ไม่อาจทะลวงการป้องกันแข็งแกร่งของหุ่นเชิดได้
ทั้งนี้ เขาเร่งรีบเปลี่ยนไปใช้วิชามังกรหลอมหกกระบวน!
ด้วยหมัดกําเอาไว้แน่น รอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่แขนซ้ายของ เขาทอประกายแสงออก เกิดขึ้นเป็นสายเลือดราชสีห์สวรรค์ใน
ร่างกายถูกกระตุ้น แขนข้างนี้ยิ่งทรงพลังอํานาจมากขึ้น!
หมัดกําเอาไว้แน่น อสนีบาตสีทองม่วงพลันวูบไหวพุ่งเข้าหาหัวของ หุ่นเชิด
นี่เป็นการใช้สายอสนีบาตโจมตีออกไป!
ตู้ม!
แสงสว่างวูบมาพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทั่วทั้งห้อง
ประลองสั่นไหวรุนแรง!
หัวของหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งยิ่ง พลันเกิดรอยร้าว พลังงานภายในเริ่ม
ไหลรั่วออกมา!
ขณะฉินหยุนคิดปลดปล่อยกระบวนท่าที่สอง หุ่นเชิดกลับถอยหลัง ไปก้าว พร้อมปลดปล่อยฝ่ามือออกเข้าปะทะที่หน้าท้องของฉินหยุน! ฉินหยุนคํารามร้อง
ถอยกลับไปหลายก้าว เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูก สายอสนีบาตรุนแรงเล่นงาน ราวกับมันแทบแตกออกเป็นเสี่ยง! หลังโจมตีฉินหยุนได้ หุ่นเชิดล้มลงกับพื้น คล้ายมันเสียหายจนไม่ อาจเคลื่อนไหวได้อีก!
“ไอ้เจ้านี่ ถึงขั้นมีการปล่อยแรงฮึดเฮือกสุดท้ายก่อนตายด้วย!” ฉิน หยุนเร่งรีบใช้ชุดเกราะผังธาตุแสง ปลดปล่อยพลังวิญญาณเพื่อรักษา อาการบาดเจ็บ
เขาทั้งบาดเจ็บภายในและภายนอก หากไม่มีการป้องกันจากทั้งพลัง สั่นไหวและตะวันทมิฬ เขาย่อมถูกหุ่นเชิดนั่นฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นแล้ว
เขาไม่คิดเร่งรีบไปยังชั้นที่ห้า หุ่นเชิดที่อยู่เหนือขึ้นไป ย่อมต้อง แข็งแกร่งยิ่งกว่า เขาตอนนี้อยู่ชั้นที่สี่
ดังนั้นจึงมั่นใจได้แล้ว ว่าอย่าง น้อยก็ผ่านรอบนี้ได้สําเร็จ
ผู้อาวุโสที่รับชมเรื่องราวอยู่ชั้นเก้า ต่างตื่นตกใจต่อพละกําลังของ ฉินหยุน
พวกเขาถึงขั้นหวั่นไหวด้วยซํ้า!
ระหว่างที่พักฟื้นอยู่ ฉินหยุนฉับพลันรู้สึกได้ ว่ามีคนกําลังเข้ามา
ใกล้!
ห้องประลองที่ชั้นนี้ มีบันไดเพียงสองที่นําไปสู่ชั้นถัดไป หนึ่งใน นั้นคือที่ฉินหยุนกําลังอยู่ตอนนี้
อีกหนึ่งอยู่ที่ห้องประลองอีกห้องหนึ่ง!
ผู้ซึ่งขึ้นมาบนเส้นทางนี้ เป็นชายในชุดเกราะสีนํ้าเงินทองคํา รูปลักษณ์ทั่วไป
กระนั้นใบหน้าเปี่ยมด้วยความหยิ่งผยอง เขาเป็น นักบุญวิญญาณสีคราม!
พอได้เห็นฉินหยุนปรากฏแก่สายตา ดวงตานั้นถึงขั้นแปรเปลี่ยนเป็น ชั่วช้า และเปี่ยมด้วยความยินดีเผยให้เห็น
นักบุญผู้นี้ คือผู้ที่ใส่ร้ายต่อฉินหยุน กล่าวอ้างว่าฉินหยุนเหยียบเท้า
ของเขา!
นามของมันผู้นี้คือหวงอวี้คุน ในเมื่ออีกฝ่ายได้เป็นนักบุญของ ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน
“ฉินหยุน พละกําลังเจ้าไม่เลวเลย
มาถึงชั้นสี่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยัง จัดการหุ่นเชิดที่ชั้นนี้ได้!”
หวงอวี้คุนยิ้มชั่วช้าขณะเดินเข้ามาใกล้ สํารวจมองหุ่นเชิดที่ได้รับ ความเสียหาย
“จะไปที่ชั้นห้าก็ไป!” ฉินหยุนกล่าวอย่างเฉยชา
“กล่าวตามตรง ข้าเคยมาที่นี่
หากคิดอยากจัดการหุ่นเชิดที่ชั้นสี่ ข้า แทบต้องเสี่ยงชีวิต ดังนั้นหากขึ้นไปยังชั้นที่ห้า ข้าไม่มีทางจัดการ
หุ่นเชิดที่ชั้นนั้นได้ อันที่จริง หากข้าไป คงกลายเป็นแส่หาเรื่องให้
ตัวเองบาดเจ็บสาหัส หรืออาจถึงขั้นถูกสังหาร”
หวงอวี้คุนหยุดตรงหน้าฉินหยุน ดวงตาเผยความโฉดชั่วออกมา ปาก ยังคงกล่าวต่อ “ฉินหยุนเอ๋ยฉินหยุน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะตกอยู่ในกํา
มือข้าเช่นนี้!”
ฉินหยุนตระหนกขณะเร่งรีบกล่าวเตือน “ที่นี่ห้ามไม่ให้ต่อสู้ ประลองกันส่วนตัว!”
“ผู้ใดกล่าวอ้าง หาได้มีกฎเช่นนั้นไม่!
ในเมื่อไม่มีการกล่าวอ้างถึง ก็ หมายความว่าไม่ใช่ข้อห้ามแต่อย่างใด! นี่คือการประลองยุทธ์ การ ต่อสู้กันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา!”
หวงอวี้คุนยิ้มชั่วช้า เขานําเอาไข่มุกสีนํ้าเงินส่องสว่างออกจาก กระเป๋า
ใส่พลังภายในเข้าไป ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขากําลังคิดทําอะไร
ขณะผสานพลังภายในเข้าไป ไข่มุกส่องสว่างสีนํ้าเงิน ฉับพลันขา
นั้นยกขึ้น กระทืบเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายของฉินหยุน หมอกสีทอง
ม่วงระเบิดออก
มันเปี่ยมไปด้วยออร่าของสัตว์ดุร้าย
ฉินหยุนบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก ดังนั้นเขาจึงไม่อาจฟื้นตัว ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยการโจมตีนี้ มันส่งร่างของเขาปลิวกระเด็น กระแทกกับผนังห้อง
หวงอวี้คุนหัวเราะตํ่าช้า พุ่งเข้าหาฉินหยุน
เตะซํ้าอยู่หลายครั้ง เตะ จนถึงขั้นใบหน้าฉินหยุนปูดบวม ร่างได้แต่ฟุบอยู่กับพื้น
“เจ้าเดรัจฉาน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
ฉินหยุนคํารามด้วยโทสะ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปนออก ร่างกาย ตอนนี้แทบถูกไฟแห่งโทสะเผาไหม้
“กล้าด่าข้าหรือ!” หวงอวี้คุนกราดเกรี้ยว กระทืบใส่ที่ใบหน้าฉิน
หยุนหลายต่อหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เขาได้กล่าวคําอื่นใดได้อีก
หลันฮัวอวี้อยู่ในห้องลับที่ชั้นเก้า ด้วยเห็นภาพฉากนี้ เขาคิดอยากพุ่ง
ตัวออกไป กระนั้นกลับถูกผู้อาวุโสหลายคนของตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ห้ามปรามเอาไว้
“หวงอวี้คุนละเมิดกฎ ไม่เห็นหรือยังไงกัน?” หลันฮัวอวี้โพล่งออก
อย่างมีโทสะ
“ย่อมไม่ การต่อสู้ในหอคอยล้วนสามารถกระทํา!” ผู้อาวุโสที่มี
สถานะสูงส่งยิ้มบาง “หากเจ้าไปช่วยเหลือฉินหยุน เขาจะไม่มีสิทธิ์
เข้ารอบต่อไป!
เช่นนี้ยังคิดออกไปช่วยเขาอยู่อีกหรือ?”
“ฉินหยุนหากไม่อาจชนะ เขาสามารถหลบหนีออกมาได้ทุกเมื่อ อย่าได้กังวลแทนเขาไปเลย!”
“เขาคือศิษย์ของตําหนักตะวันตก กระทั่งข้ายังไม่กังวล ท่านกังวล
อันใดกัน?”
ใบหน้าหลันฮัวอวี้มืดมนกล่าวออกเย็นชา “พวกเจ้าคิดจริงหรือ ว่าข้า ไม่ทราบว่าไข่มุกในมือของหวงอวี้คุนคือสิ่งใด? นั่นเป็นไข่มุกสกัด
โทเทม!”
“เจ้ามีพวกมันอยู่จํานวนหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเป็นเจ้าที่มอบให้พวกนักบุญ เพื่อปล้นชิงเอาโทเทมราชสีห์สวรรค์จากฉินหยุนเมื่อพบเจอพวกเขา หรือไม่ใช่?”
“หลันฮัวอวี้ แล้วท่านคิดทําอะไร?” ชายชราจากตําหนักนักบุญที่มี
สถานะสูงส่งหัวเราะคิกคักตํ่าช้า “ไม่ว่าจะด้วยอะไร
พวกเราไม่อาจ ให้ท่านได้ออกไป!”
หลันฮัวอวี้มีโทสะล้นพ้น “ย่อมได้ ในเมื่อพวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าที่เป็น
อาจารย์จารึกในสายตา เช่นนั้นหลังจบเรื่องราวครั้งนี้ ข้าจะไปจาก
ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ออกสํารวจเทือกเขาเมฆมังกร ข้าไม่คิดข้อง
เกี่ยวกับฝ่ายจารึกของตําหนักศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป!”
คํากล่าวนี้ ทําเอาใบหน้าของผู้อาวุโสหลายคนแปรเปลี่ยน
คล้ายว่า หลันฮัวอวี้ยังมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อตําหนักศักดิ์สิทธิ์
“เหล่าหลัน หากพวกเราได้รับรอยสักโทเทมนั้นมาครอบครอง พวก เราย่อมแบ่งปันร่วมกันศึกษา นี่ถือเป็นเรื่องดีต่อตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามของพวกเรา
เหตุใดท่านคิดทําเช่นนี้? เพื่อคนนอก
เช่นฉินหยุน ท่านคิดให้พวกเราพลาดโอกาสใหญ่เช่นนี้หรือ?”
“ถูกต้องแล้ว! ผังโทเทม!
หากพวกเราได้รับและเชี่ยวชาญ ตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามของพวกเรามีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้น พวกเราจะได้มีหน้ากลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง จัดการพวกศัตรูของ เรา!”
ฉับพลันนี้เอง ฉินหยุนร้องตะโกนดังขึ้น ทุกคนหันมองทางกระจกที่
ผนังโดยทันที!
พวกเขาได้เห็น หวงอวี้คุนที่เหยียบใบหน้าของฉินหยุน กําลังใช้ ไข่มุกสกัดโทเทม ทําการดูดกลืนโทเทมออกจากแขนของฉินหยุน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น