ลำบากใจ"
ไข่ฮุยประมุขตระกูลไข่ ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นลีแดงระเรื่อ
เต็มไปด้วยอารมณ์ ก่อนที่เขาจะค่อยๆถอดสร้อยหยกบนคอเขาออกมา
แล้วนำมันไปสวมไว้ที่คอของไข่ฉิเฉียว
ไข่เหิงเองก็เม้มริม'สิปากเอาไว้แน่น พร้อมทั้งพยามอดกลั้นนํ้าตา
เอาไว้ในขผะที่ลูบศึรษะของน้องสาวตัวน้อยๆของเขา ราวกับไม
อยากจะจากนางไป
แต่นี่นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดลำหรับน้องสาวของเขา
การที่นางได้
เขาร่วมนิกายใหญ่เข่นนี้นับว่าชีวิตในภายภาคหน้าของนางต้อง
ประสบความสำเร็จไม่น้อย และมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดลำหรับตัวนางเอง
เพียงแต่จิตใจของผู้เป็นพี่อย่างเขามันรํ่าร้อง...ประหนึ่งมีดร้อนกรีด
กลางใจ ทั้งต้องปวดร้าวทรมานด้วยความโหยหาอาลัย ด้วยไม่รู้ว่า
เมื่อไหร่...จะได้พบนางอีกครั้ง...
157 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่
ยามคํ่าดืน...
ภาพทิวทัศน์อันกอปรไปด้วยผืนป่าขุนเขาและสายนํ้าลำธารนำพา
ให้จิตใจสงบ ทิวเขาเทือกแล้วเทือกเล่าปรากฏขึ้นสู่สายตาก่อนที่จะ
หายลับไปราวกับเกลียวคลื่นในมหาสมุทร
ตอนนี้หลินฟานนั้น
ยืนกินลมชมวิวอยู่บนหัวเรืออย่างชื่นมื่น ตัว
เขาเองถ้าไม่ติดว่ากลัวภาพลักษณ์จะเสื่อมเสีย ...เขาก็อยากจะออกไป
กางแขนรับลมบนหัวเรือ แล้วกล่าววาจาให้ดังถ้องฟ้า ดูสักคราว่า ข้า
คือราชันย์แห่งโลกหล้า... ด้านข้างของหลินฟานยามนี้ มีไช่ฉิเฉียวยืน
เกาะขาเขาอยู่อย่างหวาดกลัว
หลินฟานเห็นดังนั้นเขาก็เอื้อมมือไปตรงหน้าของนาง
พร้อม
รอยยิ้มใจดี
เมื่อเด็กน้อยเห็นมือที่ที่หลินฟานยื่นมา
นางก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็
ได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นใจดี นางก็ยื่นมือน้อยๆไปเกาะกุมมือของหลินฟาน
เอาไว้อย่างนุ่มนวล
เมื่อจับมือสาวน้อยเอาไว้แล้วหลินฟานก็แย้มยิ้มออกมาอย่าง
อ่อนโยน ราวกับจะบอกว่า อาจารย์จะดูแลเจ้าให้ปลอดภัย อย่าได้
กังวล... สุดท้ายแล้วความหวาดกลัวของเด็กสาวตัวน้อยก็ค่อยๆสลาย
ไป นางหันมาชมลูวิวทิวทัศน์อย่างตื่นตาตื่นใจ
ส่วนทางด้านเรือเหาะประจัญบานของนิกายเฟิงเทียน
...
หลังจากที่หลินอูฟายแพ้ให้แก,คนของนิกายเม้งก่าด้วยเวลาเพียง
ไม่ถึง 5 ลมหายใจ ยามบี้ใบหน้าของพวกมันนั้นบิดเบี้ยวราวกับมารดา
ถูกถล่ม บิดาเป็นขันที ขึ้าพี่สาวยังเป็นโสเภณีสาธารณะอย่างไรอย่าง
นั้น
สีหน้าของผู้อาวุโสของนิกายเฟิงเทียนเองก็อัปลักษณ์บิดเบี้ยว
อย่างถึงขีดสุด ไม่หลงเหลือความหยิ่งโอหังเอาไว้แม้แต่น้อยนิด เขาอับ
อายและบังเกิดโทสะอย่างถึงขีดสุด
ส่วนหลินอู๋นั้นนั้นนอนแผ่อยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างหมดสภาพ
สิ่ง
เดียวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขายามบี้คือความเจ็บปวดอย่างที่ไม่
เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต สีหน้าของเขานั้นเขียวคลํ้าราวกับไปจุ่มสีมา
เขาพยายาม&เนรั้งและต้านทานคลื่นแห่งความรวดร้าวที่ปะทุออกมา
จากบริเวณเป้าของเขา
เอาเป็นว่ายามนี้นั้นไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้ลึกขึ้ง
เอาเป็นว่าเขา
ไม่รับรู้ลิ่งอื่นใดทั้งสิน นอกจากความเจ็บปวดยากแค้นแสนสาหัสที่ถา
โถมโหมกระหนํ่าเข้ามาดั่งเพลิงกัลป๋ไม,มีวันดับ
ที่สุดของที่สุดแห่งความเจ็บปวดอย่างแท้จริง
หลินฟาน ...
นิกายเม้งก่า
สายตาของหลินอู๋นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างลํ้าลึกเหนือ
ครั้งอื่นใดในชีวิต
เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเขานั้นสินสติไปตั้งแต่ตอนไหน
สิ่งสุดท้ายที่
เขารับรู้ได้คือเขากำลังตกอยู่ในอารมณ์สับสนเห่านั้น
สำหรับความแค้นครั้งนี้
เขาสาบานด้วยชีวิตหากไม่ได้ล้างแค้น
หลินฟาน เขาไม่ขออยู่เป็นคน!!
หลังข้ามผ่านหมื่นภูผาพันมหานที
ยามนี้ภาพขุนเขาสูงตระหง่าน
ราวกับจะเชื่อมโลกและสวรรค์ของนิกายเม้งก่าก็ปรากฏอยู่ไกลๆเบื้อง
หน้า
ภาพขุนเขาเม้งก่าค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแปรผันตรงกับระยะทางที่
ลดหลั่นลง ยามเรือเหาะประจัญบานชิงหมิงใกล้เข้าไป ยามนี้เหล่า
คิษย์ในนิกายล้วนตั้งแถวเรียงราวอย่างเนืองแน่น รอต้อนรับเหล่าคิษย์
ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นเต็มเปียมในหัวใจ
'ในที่สุด
พวกเราก็กลับมาถึงเสียที!"
"อานั่นสิ
ข้านั้นคิดถึงบ้านและเตียงนอนของข้าจักแย่อยู่แล้ว"
“แม้นพวกเรามิได้จัดการตัวบัดซบของนิกายเหิเงเทียนจน
ย่อยยัยอัปราอย่างล้วนหน้า แต่ตัวชาติชั่วอย่างหลินอู้ก็ถูกท่านประมุข
น้อยสอนสั่งบทเรียน และหยามหน้ามันไปมิใช่น้อย นั่นก็นับเป็นชัย
ชนะอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา!! "
หลินฟานที่จับมือเด็กสาวตัวน้อยอยู่พลันขึ้ไปข้างหน้าก่อนกล่าว
ออกมาอย่างอ่อนโยน "ต่อแต่นี้ไป ที่แห่งนี้คือบ้านหลังใหม่ของเจ้า"
ดวงตาเล็กๆของไช่ฉิเฉียวหันไปมองภาพด้านหน้าอย่างตื่นตาตื่น
ใจ ทุกอย่างที่สะท้อนอยู่ในดวงตาใสแจ๋วช่างแปลกใหม่สำหรับนาง
อย่างยิ่ง
สำหรับในช่วงเดินทาง
2-3 วันแรกนั้นหลินฟานก็พยายามละลาย
พฤติกรรมไม่คุ้นเคยและตื่นกลัวออกไปจากนางจนหมดสิน ยามนี้
เด็กหญิงตัวน้อยนับว่าสนิทสนมกับหลินฟานไม่ต่างอะไรกับพี่ชายที่
แสนดีของนาง อย่างว่าล่ะ จะอย่างไรนางก็มีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น
จะไปต้านทานอะไรมารร้อยเลหัอย่างหลินฟานได้เล่า!
นี่เพราะหลินฟานนั้นมาจากโลกเก่าที่พบปะผู้คนและเจอเรื่องราว
หลากหลายมามากมาย วิธีการดูแลเอาใจเด็กนั้นมีมากมายนา
นานับประการ ... รับมือเด็กน่ะหรือของเพียงมีอมยิ้มจุ๊บกาจุ๊บสักอัน
เรื่องราวก็ง่ายดายแล้ว
"ท่านอาจารย์เจ้าค้า
ข้าจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขใช่นั้ยเจ้าค้า" ไข่
ฉิเฉียวกล่าวถามออกมาอย่างน่าเอ็นดู สองตากลมแป้วของนางฉาย
ความตื่นเต้นเอาไว้ไม,น้อย
หลินฟานยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
ก่อนที่จะลูบหัวนางเบาๆ
วันนี้นิกายเม้งก่านั้นร้อนระอุไปด้วยความตื่นเต้น
ไม,มีผูใดรับรู้ว่าครั้งนี้ที่ออกไปนิกายของพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
พวกเขารู้เพียงครั้งที่แล้ว นิกายเม้งก่าได้รับความล้มเหลวกลับมา อีก
ทั้งยังต้องพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในพื้นที่ต้องห้าม เท่านั้นยังไม,
พอ
พวกเขายังต้องเลียหน้าให้แก่นิกายอื่นๆมากมาย ...ยามนี้พวกเขา
จึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ครานี้คิษย์ของนิกายจะสามารถกอบคู้ใบหน้า
รวมทั้งนำชัยกลับมาหรือไม่!
"ท่านประมุขของพวกเรากำลังจะกลับมาถึงแล้ว!"
ชั่งเอ้อกั๋วเองก็
มายืนรอคอยการกลับมาของหลินฟานอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างตื่นเต้น
ยามนี้ตัวเขาคิดถึงนายท่านประมุขอย่างถึงที่สุด
"คิษย์พี่ ท่านคิดถึงท่านประมุข
หรือคิดถึงโอสถเจ้าโลกาผยองของ
ท่านประมุขกันเล่า?" เฟิงป้จู่หรี่ตาลงออกมาก่อนที่จะกล่าวถาม
ออกมาพร้อมประกายตาวาวโรจน์อย่างรู้ทัน ซํ้ายังกล่าวเหน็บแนม
ออกมาอย่างไร้ปราณี
ทางด้าน'ชั่งเอ้อกั๋วได้ฟ้งถึงกับหน้าม้านไปไม่น้อย 'บัดซบ
เจ้าตัวดี
เดี๋ยวนี้เจ้ากลับกลายเป็นคนรู้มาก ซํ้ายังกล้ากล่าววาจาอย่างโผงผาง
เช่นนี้? เจ้าเห็นหรือไม,!
มิใช่ข้าคนเดียวเสียหน่อยที่คิดถึงสิงนั้น?
เหิ่เงป้จู่เองก็เข้าใจสีหน้าของชั่งเอ้อกํ่วดี
หลังจากหันไปมองอี้เหียน
เฉาที่ยืนอยู่ไม,ไกล มันเองก็อดถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แต่ลึกลงไปในหัวใจของมันนั้น...แท้จริงแล้ว...ก็ปรารถนาโอสถ
มหัศจรรย์นั้นอยู่ไม,น้อย
ถึงแม้ว่าท่านประมุขของเขาจะจากไปแค่เพียงครึ่งเดือนก็ตาม...ทำ
อย่างไรได้เล่า ของมันขาด!
ในที่สุดเรือเหาะประจัญบานก็ลอยมาถึงน่านฟ้าของนิกายเม้งล่า
และเหล่าศึษย์สายในที่ไปปฏิบัติภารกิจก็ทยอยเดินลงมาจากเรือเหาะ
1 ...
2 ...
* * *
20 ... !
"โล่งอกไปหี
ดูเหมือนพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาหาได้มีดวาม
สูญเสีย!" เหล่าศึษย์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอ รู้สึกโล่งอกที่ทุกคนกลับมาอย่าง
ปลอดภัยกล่าวออกมาด้วยความโล่งใจ
"เอ๊ะ
เหตุใดมีเด็กน้อยกลับมาด้วยเล่า !"
เหล่าคิษย์ที่มารวมตัวกันรู้สีกสงสัยขึ้นมาเมื่อเห็น
ไช่ฉิเฉียวตัวน้อย
ที่เดินตามหลังหลินฟานมา แต่ความสงสัยนี้ก็หาได้เยอะไปกว่าผลลัพธ์
ของการเดินทางครานี้ว่ามีความสำเร็จอันใด
"ท่านประมุข,ท่านปรมาจารย์ พวกเราทั้งหมดล้วนกลับมาอย่าง
ปลอดภัยขอรับ" อาวุโสอี้ที่ลงมาจากเรือเหาะคนแรกรีบมากล่าวคำ
รายงานต่อประมุขหยาง
"ท่าได้ดี!" ประมุขหยางพยักหน้ารับคำ
หลินฟานที่ก้าวออกมาท่ามกลางสายตาต้อนรับของเหล่าศึษย์
นิกายทั้งหลายก็แย้มยิ้มออกมาอย่างสง่างาม เพื่อเป็นกำลังใจและ
ตอบสนองต่อความคาดหวังของเหล่าดิษย์ในนิกาย ดูเหมือนว่า..เขา
ต้องท่า...ทำอะไรสักอย่างแล้วว!!
"พวกเจ้าช่วยถอยไปนิดได้หรือไม่
ข้าประมุขต้องการพื้นที่สัก
เล็กน้อย ... " เลียงของหลินฟานดังขึ้นมาอย่างอารม๓ดี เหล่าคิษย์
ทั้งหลายที่ได้ฟ้งล้วนถอยออกไปด้วยความสงสัย
เมื่อมีที่ว่างแล้วไซร้
หลินฟานก็ไม่รอข้า เพียงสะบัดมือเบาๆอย่าง
ไร้เรื่องราว ทันใดนั้นเอง! ร่างสัตว์อสูรขนาดมหึมาพลันปรากฏขึ้นตรง
พื้นที่ว่างอย่างฉับพลัน สัตว์อสูรตัวนี้ช่างดูแข็งแกร่งและทรงพลังอย่าง
ยิ่ง สภาพศพก็ค่อนข้างสมบูรณ์ เหล่าศึษย์สาวกทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะ
อุทานดังอาในลำคอเมื่อได้เห็น พวกที่อยู่ใกล้ๆล้วนถอยออกไปด้วย
ความตื่นตระหนก และมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
"สัตว์อสูรตัวนี้เหตุใดจึงใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้กันเล่า!"
"นี่มัน
สิงโตหิมะงั้นหรือ?!?"
"อะไรนะ
นี่หรือสิงโตหิมะ สัตว์อสูรที่มีระดับถึงสู่สวรรค์อมตะขั้น
สูง?"
“โอ้สวรรค์!
พวกเจ้าดูนั่น เหินหรือไม่ซากศพของสัตว์อสูรหิมะตัว
นี้ช่างดูสมบูรณ์แบบนัก! นิ...นี่หรือว่านิกายเม้งก่าของพวกเราจะ
สามารถล่ามันได้ด้วยความสามารถของตัวเองมิได้พึ่งพานิกายอื่นใด
กัน!?"
เหล่าดิษย์ล้วนตะโกนออกมากันอย่างฮือฮาด้วยความแตกตื่น
แต่
สิงหนึ่งที่นั่นใจได้เลยว่ายามนี้พวกมันล้วนมิความสุขและตื่นเต้นอย่าง
มาก ประกายตาของพวกมันล้วนฉายแววประทับใจและชื่นชมออกมา
อย่างล้นหลาม
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น