วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

338

ตอนที่ 338 สื่อชิงเฉิง

 

ฉินหยุนกําหมัดแน่น ขณะมองที่ชายร่างใหญ่เบื้องล่าง ภายในใจของ เขาตอนนี้สุมด้วยโทสะ!

 

ศิษย์หญิงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง อดไม่ได้ที่จะหลับตา พวกนางไม่คิดอยากรับชมศิษย์พี่ถูกกระทําการหยามเหยียด จน วามเป็นผู้คนก็ไม่อาจหลงเหลือ

 

“ผู้อาวุโสโปรดไปเสีย ผู้คนของสํานักวิญญาณหมัดมังกรโฉดชั่วนัก พวกมันจะทําร้ายท่าน!”

 

เมื่อหญิงสาวบนลานประลองเห็นใบหน้าของฉินหยุนเปี่ยมด้วย ความโกรธ นางกังวลว่าฉินหยุนจะกระทําการสุ่มเสี่ยง จึงเร่งรีบ เกลี้ยกล่อม

 

ลุ่มศิษย์หญิงด้านนอกเองก็เกลี้ยกล่อมฉินหยุนให้จากไปโดยเร็ว

พื่อหลีกเลี่ยงเภทภัยจากคนของสํานักหมัดมังกร

 

“ผู้อาวุโส ข้ายอมรับชะตากรรมแล้ว! ท่านยืนหยัดเพื่อข้า แค่นี้ข้าก็ พอใจแล้ว!” เมื่อหญิงสาวได้เห็นฉินหยุนไม่ตอบสนอง นางจึง ตะโกนอีกครั้ง

 

กระโปรงของนางถูกฉีกขาด เผยให้เห็นต้นขา


 


 


 


นางกัดฟันไว้ หาได้ส่งเสียงร้องออก

 

ทางด้านชายวัยกลางคนโฉดชั่ว เขาเผยฟันออก ยิ้มกว้างอย่างตํ่าช้า ยิ่งทําให้หน้าตาของเขาอัปลักษณ์มากขึ้น

 

แท่งธูปที่ปักเอาไว้ด้านล่างลานประลองยุทธ์ เพียงเพิ่งไหม้ครึ่งหนึ่ง มีเพียงแต่ไหม้จนหมดสิ้น อาคมใหญ่จึงค่อยปิดตัวลง

 

“พี่ชาย ท่านเร่งรีบไปโดยเร็ว! อย่าได้มีเรื่องกับคนของสํานักวิญญาณ หมัดมังกร!”

 

“พี่ชาย ศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงซาบซึ้งท่านนัก! พวก เราจะจดจําเอาไว้!”

 

อย่างไรแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยหญิงนางนี้ หากฉินหยุนมีเรื่อง กับสํานักหมัดมังกร ถือว่าเป็นการไม่คุ้ม

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า สาวน้อย ให้ข้าได้ช่วยเจ้าสบายก่อนตาย!” เสียงหัวเราะ ฉดชั่วยังคงดังไม่หยุด

 

บรรดาศิษย์ชายต่างเผยดวงตาเบิกกว้าง รับชมเรื่องราวเกินจะกล่าว ตรงหน้า ทั้งยังส่งเสียงโห่ร้องให้เร่งรีบ

 

“พี่ชาย เร่งรีบขึ้นคร่อมนางเสีย! เอาเลย เอาเลย!”


 


 


 


“พวกนางแพศยาจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงอวดดีนัก ต้องสั่ง สอนให้จดจํา!”

 

กลุ่มคนเบื้องล่าง ร้องตะโกนออกอย่างหยาบโลน ชายชราที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก็เผยรอยยิ้มขณะลูบหนวดเครา ฉับพลันนี้เอง พื้นเริ่มสั่นไหว!

ผู้คนส่งเสียงร้อง!

 

ฉินหยุนผู้ซึ่งกําลังรวบรวมพลัง สูดลมหายใจเข้าลึก ควันสีดําเริ่ม หลุดลอยออกจากกาย!

 

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวในกายของเขา กําลังคํารามร้องอย่างกราด เกรี้ยว ขุมพลังสั่นไหวแกร่งกล้าเริ่มสั่นสะเทือนพื้นดิน ปลดปล่อย ออกซึ่งโทสะของมัน!

 

ตู้ม!

 

ฉินหยุนทะยานกายลงจากฟากฟ้า แขนราชสีห์สวรรค์ยิงสายฟ้า อสนีบาตทองม่วง เสียงคํารามร้องราชสีห์อันกราดเกรี้ยว เกิดขึ้นเป็น คลื่นเสียงคํารามลั่นสู่ท้องฟ้า เกิดขึ้นเป็นพายุหย่อมหนึ่ง!

 

โฮก!


 


 


 


หมัดของฉินหยุนระเบิดออกซึ่งอสนีบาตอัคคีทองม่วง มันแปรเปลี่ยน เป็นรูปหัวราชสีห์ทองม่วงขนาดใหญ่ยักษ์และทรงอํานาจ ทั้งนี้ มัน กําลังพุ่งเข้าปะทะกับเสาอาคม!

 

ตู้ม!

 

ยอดเสาอาคมแตกกระจาย เพราะหมัดโทสะราชสีห์ของฉินหยุน!

 

ผลลัพธ์จากคลื่นกระแทกเพราะแรงปะทะ ส่งผลให้เกิดรูโลหิต ปรากฏบนร่างของศิษย์ใกล้เคียงจากสํานักหมัดมังกร

 

ศิษย์เหล่านี้ เพื่อรับชมเรื่องราวที่ชายโฉดชั่ว คิดก่อการต่อหญิงสาว ชุดสีม่วง ล้วนรวมตัวกันรอบลานประลอง ขับไล่ศิษย์จากตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีม่วงให้พ้นทาง

 

ตอนนี้ พวกเขาโดนแรงปะทะจากพายุคลื่นกระแทกของฉินหยุน พวกเขาต่างบาดเจ็บสาหัส!

 

อาคมของลานประลองยุทธ์พังทลายแล้ว! ทั้งยังเป็นการพังทลายอย่างง่ายดาย! ฉินหยุนยืนบนลานประลองยุทธ์ มองร่างชายโฉดชั่วผู้นั้น เขากล่าว

เสียงเย็น “ตัวตนของเจ้า ทําให้วิถียุทธ์ต้องแปดเปื้อน! ข้ายอมรับแต่ นักสู้ที่แท้จริง ข้าไม่คิดยอมให้เศษสวะเช่นเจ้าทําให้วิถียุทธ์ต้องแปด


 


 


 


เปื้อน! ข้าจะไม่ยินยอมให้เจ้าได้ก้าวเดินต่อในเส้นทางยุทธ์! จงรับ ความตาย!”

 

พอเขากล่าวดังนี้ หมัดเงื้อขึ้น ปลดปล่อยออกซึ่งหมัดอ่อนอัคคี เปลว เพลิงรุนแรงปะทุ เปี่ยมด้วยพลังแห่งความยุติธรรม ปะทะเข้ากับร่าง ของชายโฉด เผาไหม้ร่างนั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน!

 

เจ้า! เจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไง! เจ้ากล้าดียังไงถึงแทรกแซงการแข่งขัน ประลองยุทธ์!”

 

ชายชราจากสํานักหมัดมังกร ผู้ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศจนกระทั่งถึง ตอนนี้ เขายังคงมึนงง กระนั้นหลังได้สติ จึงคํารามออกอย่างกราด เกรี้ยว

 

ฝูงชนนับหมื่นรอบลานประลองยุทธ์ ต่างต้องสูดลมหายใจเข้าลึก!

 

ถึงกับมีคนสามารถทําลายค่ายอาคมใหญ่ที่แข็งแกร่ง และสังหารผู้ ฝึกตนทั้งหมดโดยรอบเช่นนี้!

 

ฉินหยุนถอดเสื้อสีดําออก นํามันคลุมที่ร่างได้รับบาดเจ็บของหญิง สาว เขากล่าวเสียงเบา “ชุดของข้ามีผังธาตุแสงระดับสูง จะทําให้เจ้า ได้ฟื้นฟูเร็วขึ้น!”

 

ไม่ช้า หลันเฟิงจินบินเข้ามา ช่วยคุ้มกันหญิงสาวผู้นี้ไว้!


 


 


 


เมื่อศิษย์หญิงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง ได้เห็นแผ่นหลัง กว้างใหญ่และหนักแน่นของฉินหยุน พวกนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับ ถือจากใจ เป็นพวกนางตื่นเต้น กระนั้นก็ยิ่งกังวล!

 

พวกนางกังวลว่าผู้กล้าบนลานประลองยุทธ์จะถูกลงโทษ!

 

“ผู้อาวุโส… ขอบคุณ!” ศิษย์หญิงผู้ซึ่งถูกช่วยเหลือเอาไว้ กล่าวออก ากใจทั้งใบหน้านองนํ้าตา

 

ฉินหยุนมองนางและยิ้มให้ “อย่าได้เรียกข้าเป็นผู้อาวุโส ข้าเพียงอายุ สิบแปดปี! อ่อนเยาว์กว่าเจ้าอีก!”

 

ฮือ! ฮา!

 

เบื้องล่างลานประลองยุทธ์ เสียงฮือฮาระเบิดออก ตัวตนที่น่า สะพรึงกลัวเพียงนี้ แท้จริงอายุเพียงสิบแปดปี!

 

เรื่องนี้ทําเอาดวงตาของศิษย์หญิงจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง ลุกโชนเป็นประกาย กับตัวตนที่แข็งแกร่งเพียงนี้ พวกนางมีแต่จะยิ่ง นับถือมากยิ่งขึ้น!

 

“เจ้า… จงตอบข้า เจ้าเป็นใครกัน?” ผู้อาวุโสที่ถูกฉินหยุนเมินเฉย พล่งโทสะเอ่ยถามออก

 

พร้อมกันนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากสํานักอื่น ก็เริ่มเข้ามาปิด ล้อมเขาเอาไว้


 


 


 


ฉินหยุนกล่าวเฉยชา วายร้ายเช่นพวกเจ้าไม่คู่ควรได้ทราบนามข้า! หากให้ทราบนามข้า มีแต่จะทําให้ข้ารู้สึกถูกหยามเหยียด! จงรีบไส หัวไป อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าพวกเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง!”

 

“เจ้าหนู รนหาที่ตาย!”

 

ชายชราระเบิดโทสะ เขาปลดปล่อยหมัดดุร้ายเข้าใส่ พลังของมหา วิถีแห่งเต๋า คล้ายกับมังกรคํารามร้องถูกปลดปล่อยออก

 

เป็นวิชาที่ทรงพลังของสํานักหมัดมังกร วิชาหมัดมังกร! หมัดนี้รวดเร็วยิ่ง กระนั้นกลับเชื่องช้าในสายตาของฉินหยุน “เป็นเจ้าที่รนหาที่ตาย!”

ฉินหยุนแค่นเสียงเดียดฉันท์ หมัดของตนปลดปล่อยออก โดยทันที พลังของมหาวิถีแห่งเต๋าทะลักออก กระจายทั่วทั้งลานประลองยุทธ์

 

หมัดของฉินหยุนที่ปล่อยออกนี้ ผสมผสานด้วยพลังภายในและพลัง ของมหาวิถีแห่งเต๋า มันรวมกันพร้อมระเบิดออกรุนแรง!

 

นอกจากนี้แล้ว เมื่อผสานรวมเข้ากับวิชายุทธ์โทเทมอย่างพลังอสนีบาต ราชสีห์สวรรค์ มันยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้น!

 

ผู้อาวุโสไม่คิด ว่าฉินหยุนจะปะทะกับเขาด้วยกําปั้นเช่นนี้!


 


 


 


ตู้ม!

หมัดมังกรและหมัดราชสีห์ ปะทะกันจนเกิดขึ้นเป็นเสียงคํารามร้อง ของมังกรและราชสีห์!

สองขั้วพลังของมหาวิถีแห่งเต๋าปะทะกัน เป็นผลให้ลานกว้างแตก กระจาย คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดออกเป็นสายลมกระโชก “อ๊าก!”

ชายชรากรีดร้องอย่างน่าสังเวช แขนของเขาข้างที่ใช้ปล่อยหมัด มัน แตกร้าวจนถึงหัวไหล่ ร่างกายท่อนบนของเขากลายเป็นปกคลุมด้วย เลือด

ชายชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถึงกับพ่ายแพ้โดยเด็กหนุ่มอายุสิบแปด

ทั้งยังภายในหนึ่งหมัด!

“ช่างมัน ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเพียงนี้ เช่นนั้นข้าจะบอกนามให้! เช่นนี้ เมื่อเจ้าได้พบจ้าวปรโลก จะได้บอกได้ว่าผู้ใดสังหารเจ้า! เขา จะได้ไม่ต้องตามมาขอบคุณข้า!”

“จงฟัง นามข้าคือฉินหยุน เป็นจ้าวสํานักจารึกแห่งตําหนักดวงดาว

วิญญาณสีคราม!”

ฉินหยุนระเบิดจิตสังหารรุนแรง ก้าวออกไปสองก้าว ใช้งานมือต่าง ใบมีด ปลดปล่อยวิชาวายุสังหาร สับฟันร่างของผู้อาวุโสเป็นชิ้น พร้อมเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงทองม่วง!


 


 


 


ผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสิ้นชีพ! ท่ามกลางลานกว้างที่เงียบสงบ ผู้คนล้วนแตกตื่น!

กลุ่มผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ในการแข่งขันประลองยุทธ์ ต่างตื่นตระหนก ร้อมมองฉินหยุนด้วยความหวาดกลัว

 

พวกเขาไม่กล้าเข้ามาห้าม!

 

ชั่วขณะนี้ พวกเขาจึงได้ทราบ ว่าผู้ที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคือใคร เป็นฉินหยุนผู้มีชื่อเสียงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!

 

ฉินหยุนเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เป็นอาจารย์จารึก ระดับสูง ทั้งยังก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าก่อนอายุยี่สิบ นอกจากนี้ ยังครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ สองแก่นเต๋า และสองโทเทม!

 

เพียงคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง เขาถือเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากอย่างยิ่ง แม้ในแดนยุทธ์อ้างว้าง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่เขาถือครอง ความหายากทั้งหมดไว้กับตัว!

 

“ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ได้ผนวกรวมกับตําหนักดวงดาว วิญญาณสีม่วง! กระทั่งว่าเจ้าเป็นจ้าวสํานักของประตูจารึก ก็ยังถือ เป็นส่วนหนึ่งของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง เป็นเจ้าละเมิดกฎ ของสี่สํานักที่ตกลงในการประลอง! เจ้าคิดรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นไร?”


 


 


 


หญิงชราจากหุบเขาวิญญาณลอยล่อง สูดลมหายใจเข้าลึกขณะตะโกน ถาม

 

ฉินหยุนหัวเราะตอบ “รับผิดชอบหรือ? ข้าเป็นส่วนหนึ่งของตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีม่วง ข้าย่อมรับผิดชอบศิษย์ในสํานัก! ข้าไม่อาจ รับชมศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง ถูกกระทําการเหยียด ยามเช่นนี้ได้!”

 

“การช่วยนางถือเป็นความรับผิดชอบของข้า! เช่นกัน ข้ายังรับผิดชอบ สังหารต่อผู้ที่เหยียดหยามนาง!”

 

“จงไสหัวกลับไปบอกต่อจ้าวสํานักพวกเจ้า! ตําหนักดวงดาววิญญาณ สีม่วงของพวกเรา ล้วนเดียดฉันท์นักที่ต้องร่วมมือกับกลุ่มคนสารเลว เช่นนี้ การประลองยุทธ์ล้วนไม่จําเป็นอีก!”

 

“กระทั่งว่าพวกเราได้รับความเป็นผู้นํา พวกเราก็ไม่ยินดีรับ พวกเรา ไม่คิดต้องการนํากลุ่มเดรัจฉานที่ตํ่าช้า!”

 

เมื่อศิษย์และผู้อาวุโสของสํานักวิญญาณสายลม หุบเขาวิญญาณลอย ล่อง และสํานักวิญญาณหมัดมังกรได้ยินคํากล่าวของฉินหยุน พวก ขาถึงกับมีโทสะ

 

กระนั้น กระทั่งหายใจพวกเขาก็ไม่กล้า!


 


 


 


ในแดนยุทธ์อ้างว้าง พวกเขาทราบเป็นอย่างดี ว่าผู้ฝึกตนที่ครอบครอง โทเทมและก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าน่าสะพรึงเพียงใด!

 

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ต่อผู้ที่ครอบครองสองวิญญาณยุทธ์!

 

ิษย์ของสํานักหมัดมังกรถือว่าได้รับบาดเจ็บรุนแรงและถูกเหยียด

หยามมากที่สุด กระนั้นพวกเขาได้แต่กลํ้ากลืน! ชั่วขณะนี้เอง เสียงดังออกมาจากที่ไกลออกไป

“พวกเจ้าทั้งหมดล้วนกลับไป! หากมีอะไรไม่พอใจ จงบอกต่อจ้าว สํานักของพวกเจ้าให้มาพูดคุยกับข้า! ข้า สื่อชิงเฉิง จะมอบคําตอบที่ น่าพอใจให้แก่พวกเขา!”

 

เสียงนี้พลันดังขึ้นอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็มีร่องรอยความอ่อนโยน เจือปนอยู่ในพลังอํานาจ ล้วนไม่มีผู้ใดคิดต่อต้าน

 

สื่อชิงเฉิงไม่ใช่ใครอื่น เว้นเสียแต่จ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง!

 

“จ้าวตําหนักชิงเฉิง พวกเราต้องรายงานเรื่องนี้ต่อจ้าวสํานักอย่าง จริงจัง!” ผู้อาวุโสแค่นเสียงเย็น ก่อนจากไปพร้อมศิษย์ที่ได้รับ บาดเจ็บ

 

บรรดาศิษย์ของสํานักอื่น ล้วนเร่งรีบจากไป พวกเขากระทั่งวิ่งหนี ด้วยซํ้า!


 


 


 


นี่เป็นเพราะจิตสังหารของฉินหยุน สะกดข่มพวกเขาอย่างล้นพ้น!

 

มีแต่ศิษย์หญิงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงที่เหลืออยู่ พวกนาง อดไม่ได้ที่จะสนทนาต่อกระซิบกันเอง ขณะมองฉินหยุนที่เป็น ตัวตนเหนือลํ้าและสง่างาม

 

“เขาคือสามีของเชี่ยวเย่ว์หลาน! สมแล้ว ไม่ธรรมดาเลย!”

 

“ช่างเป็นมังกรในหมู่ชายชาตรี เปี่ยมด้วยความเป็นธรรม ทั้งยังดูดี นัก!”

 

“ได้ยินมาว่าเพื่อช่วยหยางฉีเย่ว์ เขาถึงขั้นสู้ขนาดฟ้าดินสะเทือน!”

 

“อัจฉริยะเช่นนี้ แท้จริงถึงกับถือกําเนิดในพื้นที่ห่างไกลขาดแคลน ซึ่งทรัพยากร ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”

 

มีศิษย์หญิงจํานวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้ เพื่อรับชมรูปลักษณ์ของฉินหยุน ให้ชัดกระจ่าง

 

พอฉินหยุนพบว่าพวกนางเข้ามาใกล้ เขาจึงยิ้ม “อย่าได้เรียกหาข้า เป็นผู้อาวุโสอีก เรียกข้าว่าเหล่าหยุนยังพอทําเนา!”

 

เรื่องนี้ทําเอาบรรดาศิษย์หญิงระเบิดเสียงหัวเราะออก หลายคนเข้ามา แสดงความนับถือพร้อมทั้งดูอาการศิษย์หญิงที่เป็นมิตรสหายซึ่ง บาดเจ็บ


 


 


 


หลันเฟิงจินกล่าวเสียงเบา นางไม่เป็นไร”

 

“ขอบคุณพี่ชาย… ไม่สิ จ้าวสํานักฉิน!” หญิงสาวผู้นี้ ส่งคืนชุดสีดํา แก่ฉินหยุนทั้งใบหน้าแดงเรื่อ

 

หลังรับชุดกลับคืนและสวมใส่ ฉินหยุนมองไปยังจ้าวตําหนักหลิงที่ อยู่ใกล้เคียง

 

ก่อนจ้าวตําหนักหลิงนําฉินหยุนมาที่นี่ นางไม่เคยคิดเลย ว่าฉินหยุน จะถึงขั้นลงมือสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!

 

“ฉินหยุน มาพบข้าที่ตําหนักชิงเฉิง พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน!” เสียง ของสื่อชิงเฉิงดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

รรดาศิษย์หญิงอุทานออก

 

“ตําหนักชิงเฉิง ถือเป็นสถานที่ส่วนตัวที่สุดของจ้าวตําหนัก ไม่เคยมี ชายใดได้รับอนุญาตให้เข้าไป!”

 

“จ้าวตําหนักถึงขั้นยกเว้นให้แก่จ้าวสํานักฉิน หาได้ยากยิ่งนัก!”

 

“ได้ยินมาว่า กระทั่งทูตพิเศษจากสํานักลึกลํ้า ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ เข้าตําหนักชิงเฉิงด้วยซํ้า!”


 


 


 


ตอนที่ 339 คิดผูกมัด

 

พอฉินหยุนได้ยินบทสนทนาของบรรดาศิษย์หญิง เขาจึงทราบว่าสื่อ ชิงเฉิงให้ค่าเขาเอาไว้สูงลํ้า ไม่เช่นนั้น นางคงไม่เชื้อเชิญเขาไปยัง ตําหนักชิงเฉิง!

 

“จ้าวตําหนักวิญญาณสีม่วง ข้าขอถาม เหตุใดท่านจึงไม่ช่วยศิษย์ของ สํานักท่านเมื่อครู่นี้?”

 

ฉินหยุนยังคงไม่เข้าใจ กลับกัน เขาเลือกที่จะถาม “เดิมข้าเป็นศิษย์ ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ตอนนี้ ข้าเป็นส่วนหนึ่งของ สํานักท่าน! แต่พอท่านได้เห็นศิษย์ของท่านกระทําการถูกหยาม เหยียด ท่านกลับไม่ส่งมอบความช่วยเหลือใด! เป็นข้าไม่ต้องการพบ ท่าน จ้าวตําหนักที่กระทําตัวเช่นนี้!”

 

รรดาศิษย์หญิงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงกลายเป็นเงียบ

งัน ร้องอุทานออกภายในใจ

 

พวกนางประหลาดใจ ที่ฉินหยุนถึงขั้นกล้าพูดกล่าวกับจ้าวตําหนัก ของพวกนางเช่นนี้ กระนั้น ภายในใจกลับรู้สึกอบอุ่นยามเมื่อพบว่า ฉินหยุนใส่ใจศิษย์ในสํานักตนเองถึงเพียงนี้!

 

สื่อชิงเฉิงหาได้ส่งเสียงใดตอบกลับอยู่นาน ชัดเจนว่านางไม่ทราบว่า ควรตอบอย่างไร!


 


 


 


ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงอ่อนนุ่มของสื่อชิงเฉิงค่อยดังขึ้นเชื่องช้า “เป็น ข้าผิดเอง! ข้า สื่อชิงเฉิงต้องขออภัยต่อศิษย์ของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีม่วง! ข้ารับประกันว่าเรื่องราวเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าจะ ทะนุบํารุงศิษย์ของสํานัก!”

 

“ท่านไม่ได้เผยตัวตน เป็นการกล่าวขออภัยที่ไม่จริงใจเอาเสียเลย!” ินหยุนกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

 

ศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง ถึงขั้นประหลาดใจที่สื่อชิง เฉิงยอมกล่าวขอโทษ ทั้งนี้ พวกนางยังยินดีให้อภัยแก่นายหญิงแห่ง ตําหนักผู้นี้จากใจ

 

กระนั้น ฉินหยุนกลับรู้สึกว่ามันหาได้จริงใจไม่!

 

“มันมีเหตุผล ว่าทําไมข้าไม่อาจออกจากตําหนักในเวลานี้! เมื่อข้า ออกไปแล้ว ข้าย่อมขออภัยต่อศิษย์เหล่านั้นด้วยตนเอง!” สื่อชิงเฉิง ถอนหายใจ “ครานี้ จะมายังตําหนักชิงเฉิงได้หรือยัง?”

 

“ข้าจะรอท่านที่ประตูจารึก!” ฉินหยุนตอบกลับ ยิ่งทําเอาผู้อื่น แตกตื่นมากขึ้น

 

การที่จ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง จะเชื้อเชิญบุรุษเพศไปยัง ตําหนักของนาง ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากพบเห็นแล้ว กระนั้นเขากลับ ปฏิเสธซํ้าแล้วซํ้าเล่า!


 


 


 


แม้สื่อชิงเฉิงไม่ได้เผยตัวตน กระนั้นผู้คนล้วนคาดเดา ว่านางจะต้อง เผยสีหน้างงงันในตอนนี้อย่างแน่นอน

 

ฉินหยุนกล่าวต่อ “ที่นี่คืออาณาเขตของท่าน และท่านก็เป็นผู้ฝึกตน ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ข้าเกรงว่านี่จะเป็นแผนการร้ายต่อข้า! ดังนั้นจะดีกว่าหากท่านไปพบข้าที่ประตูจารึก!”

 

ฝูงชนไม่ทราบว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาแทบคิดถึงฉากที่ สื่อชิงเฉิงควํ่าโต๊ะแล้วด้วยซํ้า!

 

“จ้าวสํานักฉิน… ท่านกังวลเกินไปหรือไม่? จ้าวตําหนักดวงดาว วิญญาณสีม่วงจะวางแผนร้ายต่อท่านได้อย่างไร?” จ้าวตําหนักหลิง เร่งรีบกล่าวเสียงเบา

 

“อะไรที่เป็นไปไม่ได้? ข้าครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ สองโทเทม ทั้งยังเป็นจ้าวสํานักจารึก มีความรู้ความเข้าใจต่อผังจารึกสูงลํ้า รูปลักษณ์ก็หาได้ธรรมดาไม่ เป็นเรื่องปกติที่หลายคนจะมีแรงจูงใจ ซ่อนเร้นต่อข้า

 

ฉินหยุนเอ่ยคําสีหน้าเคร่งเครียด จ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง หาได้เคยให้บุรุษเพศใดเข้าสู่สถานที่ส่วนตัว หากเชื้อเชิญข้าตอนนี้ ย่อมต้องมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอันใดสักอย่างแล้ว!”


 


 


 


สื่อชิงเฉิงหาได้ตอบกลับมา คล้ายนางไร้คําพูดจะกล่าว หรือไม่ก็บาง ทีอาจกําลังสะกดข่มความโกรธจนกายสั่นเทิ้ม ขนาดที่ไม่อาจพูดคํา ใดออกมาได้

“จ้าวตําหนักสื่อชิงเฉิง หากท่านมายังประตูจารึกเพื่อพบข้า จะเป็น การดียิ่งหากท่านมาในช่วงเวลากลางวัน! หากท่านมายามคํ่าคืน ข้า เกรงว่าชื่อเสียงของข้าจะมัวหมอง! เช่นนี้ ข้าขอตัวกลับก่อน เพิ่งสู้ ไปเมื่อครู่นี้ทําเอาเหนื่อยไม่น้อย!”

ฉินหยุนกล่าวคําจบ ก็ดึงหลันเฟิงจินเข้าหา พวกเขาทะยานกายผ่าน อากาศ หายลับผ่านขอบฟ้าไปเพียงพริบตา กลุ่มศิษย์หญิงของตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง เผยสายตาเหม่อ มองทิศทางที่ฉินหยุนหายวับไป ราวกับสายลมพัดผ่านมาวูบหนึ่ง แล้วจึงหาย… กระนั้นในใจพวกนาง ยิ่งรู้สึกนับถือว่าวีรบุรุษเช่นนี้! หลันเฟิงจินตามฉินหยุนเคลื่อนกายผ่านอากาศ นางกล่าวยิ้มบาง “อาจารย์ เมื่อครู่นี้ท่านยอดเยี่ยมนัก จริงด้วย เหตุใดท่านจึงไม่ไป ตําหนักชิงเฉิง? เป็นอาจารย์กลัวจ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง จริงหรือ? ข้าได้ยินว่านางงดงามไม่น้อย

ฉินหยุนแสยะยิ้ม “แน่นอน ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้ในทางตรง! ไม่ว่าจะ ด้วยอะไร ข้าก็ยังมีศักดิ์เป็นจ้าวสํานักจารึก หากข้าทําตามที่นางว่า เช่นนั้นภายหน้าข้าจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้เช่นไร?”


 


 


 


“อันดับแรกต้องแสดงอํานาจแก่นาง นอกจากนี้ ยังต้องให้นางได้ ทราบ ว่าข้า ฉินหยุนผู้นี้ หาได้ใช่บุรุษที่จะยอมก้มศีรษะโอนอ่อน! นางจะไม่มีทางควบคุมข้าได้ง่ายดังที่คิด!”

 

เป็นเช่นนี้ อย่างไรแล้ว อาจารย์ก็ถือเป็นจ้าวสํานักจารึก เพื่อเชี่ยวชาญ ผังจารึกระดับสูง ย่อมต้องแสดงศักดิ์และศรีอย่างสมเกียรติบ้าง!” หลันเฟิงจินคิดเห็นเช่นเดียวกับฉินหยุน

 

ฉินหยุนยิ้มตอบ “เป็นนางต่างหาก ครั้งที่ข้าขอให้นางกล่าวขออภัย ต่อศิษย์ นางยอมโอนอ่อน นี่จึงเรียกว่าจังหวะลีลา ต้องเป็นนาง คล้อยตามจังหวะลีลาของข้า ไม่เช่นนั้น นางจะมีแต่กดหัวข้า!”

 

หลันเฟิงจินหัวเราะเบา ยกนิ้วให้ฉินหยุนเป็นการยกใหญ่!

 

ไม่ช้า ฉินหยุนและหลันเฟิงจิน ค่อยบินกลับถึงภูเขาสีเงิน เข้าสู่ใน ้องโถงที่ถํ้าด้านบนสุดของยอดเขา

 

ฉินหยุนนําเอาจี้ห้อยคอหยกออกมา เปิดทางเข้าถํ้า ภายในถํ้ามีประตู หินมากมาย พวกมันน่าจะเป็นห้องหิน

 

ตอนนี้ หลันเฟิงจินถูกนับเป็นศิษย์ของสํานักจารึกแล้ว ดังนั้นนางจึง ้องอาศัยอยู่ที่นี่

 

ทันทีที่นางได้รับผังวิญญาณระดับสูงที่ฉินหยุนมอบให้ นางเร่งรีบ เข้าห้องหิน เริ่มทําการศึกษาอย่างตั้งใจ


 


 


 


ฉินหยุนนั่งในห้องโถง นําเอายาเหลวตะวันโชติช่วงออกมา หยดลง มันในดวงตา

การหยดยาเหลวตะวันโชติช่วงสู่ดวงตา ถือว่าความเสี่ยงสูงลํ้า กระนั้นหากสําเร็จ มันจะทําให้สามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงอันแรง กล้าออกจากดวงตาได้

“สําเร็จ!”

ดวงตาของฉินหยุน ดูดกลืนพลังของยาเหลวตะวันโชติช่วงโดยทันที กระบวนการนี้ราวกับดวงตาของเขาจมดิ่งสู่ห้วงเม็ดทราย เขาควบคุมเปลวเพลิงสีม่วง จากนั้นค่อยยิงพวกมันออกผ่านดวงตา ควบแน่นพวกมันเป็นสองกระแสเปลวเพลิง ให้พุ่งเข้าหาชิ้นกระดูก เหล็กกล้าระดับสูง! กระดูกเหล็กกล้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานโดยทันที “ค่อนข้างใช้พลังเยอะ แต่ก็ถือว่าไม่เลวในการใช้หลอกลวงผู้คน!” ินหยุนพยักหน้ารับพึงพอใจ

เขาจัดการเชี่ยวหยางหลงได้ กระทั่งได้รับถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรามา รอบครอง

ถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรา สามารถดูดกลืนแก่นของตะวันจันทรา และ ควบแน่นพวกมันเป็นของเหลว ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช มุนไพร


 


 


 


“สิ่งนี้เสียหายหนักยิ่งนัก! ผังสัญญาโลหิตทั้งสองชุดเสียหาย แต่ก็ยัง สามารถใช้งาน หากซ่อมแซมให้ดี น่าจะกลายเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า ระดับสูง!”

 

ฉินหยุนเก็บถ้วยลึกลํ้าตะวันจันทรา บางทีการผสมยาในอนาคต เขา อาจจําเป็นต้องใช้มัน

 

ตอนนี้ สิ่งสําคัญที่สุดคือการเปิดไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะ เก้าตะวัน

 

เขาต้องใช้เวลา เพื่อทําลายอาคมของไข่มุกเม็ดที่สอง!

 

แต่ขณะเขาจะเข้าห้องหินเก็บตัว พลันสัมผัสได้ถึงออร่าแข็งแกร่ง ใกล้เข้ามา!

 

เขาเร่งรีบเปิดประตูหลัก สายลมเย็นพัดผ่าน ร่างหญิงงามในชุดสี ม่วงปรากฏกายในห้องโถง

 

นางสวมใส่ชุดสีม่วง ปิ่นปักผมสีม่วง ต่างหูสีม่วง และกระโปรงยาว งดงามสีม่วง นี่ยิ่งทําให้นางดูสูงศักดิ์และสง่างาม

 

ฉินหยุนแทบไม่ต้องคาดเดา ก็ทราบว่าบุคคลตรงหน้าคือสื่อชิงเฉิง

 

ก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นเสวี้ยซือเยี่ยสวมใส่ชุดสีม่วง กระนั้นรูปแบบ องนางจะออกไปในทางเย็นชา


 


 


 


ทว่าสื่อชิงเฉิงตรงหน้าเขาผู้นี้ ทั้งงดงามและสง่างาม สูงส่งและทรง ศักดิ์ มันแตกต่างจากเสวี้ยซือเยี่ยอย่างมากลํ้า!

 

นางเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ออร่าของนางจึงแข็งแกร่ง เลิศลํ้า ทําให้ผู้คนรู้สึกถูกสะกดข่ม ทําเอาผู้คนล้วนไม่กล้าสบตา นาง!

 

ทันทีที่สื่อชิงเฉิงเข้ามา นางพิจารณามองฉินหยุน

 

ฉินหยุนเองก็มองที่นาง นอกจากนี้ เขายังตรวจสอบตั้งแต่หัวจรดเท้า ของนางอย่างไม่สนโลก

 

เขารู้สึกได้ ว่าท่ามกลางหญิงสาวที่เคยพบเจอมาก่อน สื่อชิงเฉิงผู้นี้ อาจไม่งดงามที่สุด กระนั้น เสน่ห์ของนางกลับมากลํ้าอย่างเหลือล้น นี่จะต้องเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งที่นางครอบครอง!

 

“ท่านคือ? เข้ามาแล้วเงียบ ไม่เสียมารยาทเกินไปหรือ!” ฉินหยุน แรกเริ่มสับสนเพราะออร่าของสื่อชิงเฉิง กระนั้นเขาก็เร่งรีบดึงสติได้ อย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าถามคําถามที่ทราบแล้วออกมา!” สื่อชิงเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่นเสียงออก กระนั้นกลับอ่อนนุ่ม “ข้าคือสื่อชิงเฉิง!”

 

ฉินหยุนหัวเราะรับ “เช่นนี้เอง เป็นจ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสี ม่วง! ท่านเร่งรีบมายิ่งนัก แต่นี่ออกจะไม่มีมารยาทไปบ้างแล้ว!”


 


 


 


“หากท่านนึกโผล่พรวดเข้ามาเช่นนี้ คงน่าลําบากนักหากข้ากําลัง อาบนํ้าหรือทํากิจธุระส่วนตัวอยู่!”

 

“ฉินหยุน เจ้าบอกต่อข้าให้มาพบเจ้า ข้ามาแล้ว ตอนนี้พวกเราจะนั่ง ลงพูดคุยกันได้หรือยัง?” สื่อชิงเฉิงทราบ ว่าฉินหยุนไม่คิดสนทนา อย่างจริงจังกับนางแม้แต่น้อย นี่เป็นการจงใจกระทําเพื่อแสดง ํานาจของเขาต่อหน้านาง

 

ฉินหยุนชี้ยังเก้าอี้และกล่าว “เช่นนั้นโปรดนั่ง! จริงด้วย อาการ บาดเจ็บของอาจารย์หยางเป็นเช่นไร? เย่ว์หลานเล่า? นางก้าวสู่ ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหรือยัง?”

 

“สภาพการณ์ของฉีเย่ว์ตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน! นางไม่อาจฟื้นฟูได้ ในระยะเวลาอันสั้น แต่ด้วยวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วงของนาง ข้า ย่อมช่วยเหลือให้นางฟื้นฟูอย่างแน่นอน!”

 

สื่อชิงเฉิงนั่งลงอย่างสง่างาม นางมองที่ฉินหยุน ผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่ง ทรงเกียรติกว่า ทําเอานางเกิดความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย อย่างไร แล้ว นางก็เป็นถึงจ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง การพูดคุยเช่นนี้ ฉินหยุนยังเลือกวางตัวต่อนาง

 

“เย่ว์หลานอยู่ระหว่างการเก็บตัว เลื่อนระดับนั้นขึ้นอยู่กับเวลา!”


 


 


 


ฉินหยุนพยักหน้ารับ “จ้าวตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง ท่านมีธุระ อันใดกับข้าหรือ?”

 

สื่อชิงเฉิงกล่าว “สองเรื่อง! หนึ่งคือ เจ้าลงมือสังหารศิษย์ของสํานัก วิญญาณหมัดมังกรที่ลานกว้างสาธารณะของตําหนักดวงดาววิญญาณ สีม่วง ทั้งยังทําศิษย์จํานวนมากของอีกสามสํานักต้องบาดเจ็บ

 

“สอง เจ้าสามารถผ่านการทดสอบประตูจารึก และได้รับมรดกสืบ ทอด เมื่อตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงของข้าต้องการความ ช่วยเหลือในภายหน้า ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยพวกเรา!”

 

“ผังจารึกที่ได้รับสืบทอดจากประตูจารึก ไม่ใช่อะไรที่ข้าสามารถใช้ งานได้ตอนนี้ ดังนั้นข้าไม่อาจช่วยท่านในเวลานี้ได้!”

 

ฉินหยุนถอนหายใจ เป็นเขากล่าวตอบอย่างสัตย์จริง การเรียนรู้ผัง จารึกดวงดาวและจันทรา ถือเป็นเรื่องราวที่ยากเย็นอย่างยิ่ง

 

“เช่นนั้น… เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ และผังวิญญาณระดับสูงที่เจ้า เชี่ยวชาญตอนนี้ ก็จะถือเป็นส่วนช่วยเหลืออย่างใหญ่หลวงต่อ ตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง! หากพวกเราต้องการ โปรดช่วยพวก เราอย่างสุดความสามารถ ข้าไม่คิดตอบแทนอย่างอยุติธรรมอย่าง แน่นอน!”


 


 


 


“เช่นนั้นก็ง่าย รอจนกระทั่งท่านต้องการค่อยแจ้งต่อข้า! วันนี้จบ เท่านี้ ข้ามีเรื่องด่วนต้องลงมือทํา! ขอเชิญจ้าวตําหนักดวงดาว วิญญาณสีม่วงกลับแล้ว” ฉินหยุนลุกจากเก้าอี้เดินออก เผยเจตนา เป็นการส่งแขกต่อสื่อชิงเฉิง

 

คิ้วงดงามของสื่อชิงเฉิงขมวดมุ่น ชัดเจนว่าไม่พอใจ นางกล่าวด้วย นํ้าเสียงขื่นขมอย่างซ่อนเร้น “ฉินหยุน เจ้าไม่คิดพูดคุยกับข้าเรื่องราว ภายหน้า และการพัฒนาตําหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงของพวกเรา หน่อยหรือ?”

 

“เรื่องนี้… ไว้พูดคุยในคราวหลังได้ เป็นข้ามีเรื่องอื่นต้องทํา!” ฉิน หยุนคิดเร่งรีบเปิดไข่มุกเม็ดที่สอง เขาปรารถนาจะเตะไล่สื่อชิงเฉิง ออกไปเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซํ้าหากสามารถทําได้

 

สื่อชิงเฉิงไม่พอใจ นางมองฉินหยุนเป็นบุคคลสําคัญต่อตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีม่วง ทั้งคิดหารือเรื่องในภายหน้ากับเขา กระนั้น ินหยุนกลับบอกให้นางจากไป

 

นี่ยังไม่รวมถึง ว่านางเป็นนายหญิงแห่งตําหนักดวงดาววิญญาณสี ม่วง กระทั่งในแดนยุทธ์อ้างว้าง นางก็ถือเป็นแขกทรงเกียรติใน หลายสํานัก

 

แต่แล้ว ปีศาจน้อยตรงหน้านางผู้นี้ กลับเร่งรีบบอกให้นางจากไป!


 


 


 


“ฉินหยุน เจ้าจะมากเกินไปแล้ว! หากเจ้าไม่ไว้หน้าข้า ข้าก็คงต้อง แสดงท่าทีให้เจ้าได้เห็นบ้างแล้ว!” กล่าวคําจบ ด้วยเสียงเย็นเยือก ใบหน้าขาวนวลงดงามของสื่อชิงเฉิงพลันตั้งมั่น ลุกยืนขึ้น นําเอา ชือกที่ส่องประกายแสงสีม่วงออกมา

 

นางขว้างเชือกเส้นนั้นออก มันแปรเปลี่ยนสภาพขณะระเบิดแสงสี ม่วง รัดพันรอบกายฉินหยุนเอาไว้จนไม่อาจขยับ!

 

“ท่าน! นี่คิดทําอะไร!” ฉินหยุนที่โดนมัด อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เขายังตระหนักได้ว่าเชือกเส้นนี้แข็งแกร่งยิ่ง สมควรเป็นอุปกรณ์ลึก ลํ้าแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะหลบหนีพ้นจากมัน

 

พลังทั้งหมดในกายเขา ยังถูกกักเก็บปิดกั้น ไม่อาจโคจรได้แม้แต่ น้อย!