ตอนที่ 97
ใบรับรองอาจารย์จารึก
หยวนหยานหยิงยิ้มสดใสที่ใบหน้า
เส้นผมของนางยุ่งเหยิงไป บ้าง และ
เสื้อผ้าก็ทรุดโทรมไม่น้อย
ทว่านางกลับดูเรียบง่ายเป็น ธรรมชาติ ทั้งนี้นาง
ยังดูมีความกล้าหาญมากขึ้น
หยวนหยานหยิงที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
แตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับหยวนหยานหยิงที่เต็มไปด้วยความละโมบก่อน
หน้า!
“เจ้าเปลี่ยนไปอีกแล้ว
ทําเอาข้าเกือบจําไม่ได้!” ฉินหยุนยิ้ม กล่าว
“ตอนนี้เจ้างดงามยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่านัก!
เมื่อใด ที่จิตใจของผู้คน
งดงาม เมื่อนั้นคนผู้นั้นก็จะงดงามแท้จริง!”
หยวนหยานหยิงยิ้มบางกล่าว
“นี่เป็นเพราะพี่หยุนที่ช่วยปลุก
ข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นข้าคง
กลายเป็นหญิงโฉดชั่วที่ แปดเปื้อนไปแล้ว”
หยวนหยานหยิ่งตอนนี้สามารถบอกได้อย่างชัดเจน
ว่าฉินหยุน ไม่ใช่ผู้ที่
หวังลาภยศอย่างองค์ชายรัชทายาทหรือจักรพรรดิ
เมื่อ เทียบกับความ
แข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของเขา
สิ่งเหล่านั้นล้วนเล็ก จ้อย ตอนนี้เย่ฉิงเฟิ งผู้อยู่
ตําแหน่งสูง ทั้งยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เก้าได้ตายไปแล้ว อีก
ฝ่ายเผชิญหน้ากับพลังอํานาจที่ มากกว่า
แม้กระทั่งหนึ่งการโจมตีก็ไม่อาจ
ทนได้! ไม่ว่าทรงอํานาจเพียงใด
มันจะมีประโยชน์อันใด?
อย่างไรแล้ว
ท้ายที่สุดซึ่งเผชิญก็คือความตายต่อพลังอันแข็งแกร่ง! ฉิน
หยุนนับถือหยวนหยานหยิงที่ยิ้มออกราวดวงตะวัน
เขาค่อย กล่าวได้อย่าง
โล่งใจ
“ข้าดีใจนะที่เจ้าหลุดพ้นจากโคลนตมได้แล้ว!”
ความรู้สึกผิดปรากฏในดวงตากระจ่างของหยวนหยานหยิง
นางถอน
หายใจออกมา “เหตุผลที่ข้าหลุดพ้นได้ก็เพราะท่าน
แต่แล้ว ครั้งที่ท่านตก
อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ท่านกลับไม่มี
ผู้ใดช่วยเหลือ ท่านตัวคนเดียวมา
ตลอด...”
“ในตอนนั้น
ทั้งที่ท่านต้องการกําลังใจและการเอาใจใส่ แต่ แล้วขากลับทํา
กับท่านเช่นนั้น ข้าต้องขออภัยจากหัวใจ!”
ดวงตากระจ่างชัดและงดงาม
ของนางเปี่ยมล้นด้วยนํ้าตา นาง
รู้สึกอัปยศเกินจะกล่าวจนแทบใจสลาย
... หัวใจของนางอยาก
กลายเป็นขี้เถ้าโบยบินโดยลําพังสักนานแสนนาน
เพื่อไถ่โทษสิ่ง ที่ได้ทําลงไป
“อดีตผ่านไปแล้วล้วนเป็นอดีต มากันดีกว่า
มาดื่มให้มันหนําใจ แล้วลืม
เรื่องไม่น่าจจดในอดีตเสียให้หมดกันดีกว่า!”
ฉินหยุน หัวเราะขณะนําเอา
ไหหมักไวน์ออกมา
หยวนหยานหยิงคว้าไหดังกล่าวเอาและยกกระดกดื่ม
ทั้งหมดใน อีกเดียว หน้าของนางแดงเรื่อเล็กน้อย
จากนั้นนางค่อย
กระแทกไหกับพื้นรุนแรง
ทั้งยังหัวเราะออกเสียงดังกล่าว
“คราวท่านแล้ว!”
ฉินหยุนยิ้มขณะกระดกไวน์ในอีกเดียวเช่นกัน ทั้งยัง
กระแทกไห รุนแรงจนแตกพังไป
พวกเขาทั้งสองยิ้มให้กัน พวกเขาได้
กลับมาเป็นมิตรกันอีกครั้งหนึ่ง
ฉินหยุนยังคงลูบพยัคฆ์โลหะตัวนี้และเอ่ยถาม
“หยานหยิง เกิด อะไร
ขึ้นกับพยัคฆ์โลหะตัวนี้? เจ้านี่เลื่อนระดับแล้วด้วยใช่
ไหม!”
หยวนหยานหยิงพยักหน้าและกล่าว
“ครั้งแรกที่ข้าพบมัน ข้า ตระหนักได้
ว่าข้าน่าจะสื่อสารกับมันได้
ดังนั้นข้าจึงสอนวิธีการ ฝึกตนของมนุษย์แก่
มัน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะถึงขั้นเลื่อนสู่ ระดับเก้า
บางทีอาจเป็นเพราะ
วิญญาณยุทธ์ของมันจึงมีสภาพ เป็นสีดําเช่นนี้”
เป็นสีดํา? ฉินหยุนนึกย้อนถึงวิญญาณยุทธ์สั่นไหวของตนที่เป็น
สีดํา
เช่นกัน
เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยต่อวิญญาณยุทธ์ของ พยัคฆ์โลหะ
ตรงหน้า
“หลังเลื่อนระดับ มันบอกว่าอยากมาเจอท่าน
แต่ข้าเองก็ไม่ ทราบว่าพวก
เราจะได้เจอกันเมื่อไหร่” หยวนหยานหยิงลูบขน
หนาของพยัคฆ์โลหะ
“พวกเรารอคอยท่านอยู่ที่ป่ าแห่งนี้มา
หลายวันแล้ว” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
ขณะมองเข้าไปในดวงตาของพยัคฆ์โลหะ และเอ่ยถาม
“แล้วหลังจากนี้เจ้าคิดทําอะไรต่อกัน?” หยวนหยานหยิงตอบกลับ
“พวกเราจะหาทางผ่านเทือกเขา เมฆมังกร!
มันกล่าวเช่นนั้น พี่หยุน ท่าน
คิดอยากร่วมทางไปกับพวกเราด้วยหรือไม่?”
เมื่อได้ยินดังนี้ ความคิดของ
ฉินหยุนยิ่งวิ่งไปมารุนแรง แต่เขา
ยังมีอีกหลายเรื่องสําคัญที่ต้องทํา เขา
ส่ายหน้า
“ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ยังทําไม่สําเร็จ
ในเมื่อพวกเจ้าคิดไป เช่นนั้นก็
เดินทางโดยระวัง ข้ามอบนี้ให้แก่เจ้า”
เขาส่งสร้อยข้อมืออสนีบาตสองเส้น
แก่หยวนหยานหยิง สิ่งนี้
สามารถช่วยเหลือได้มหาศาล นอกจากนี้สําหรับ
เขาแล้ว มัน ไม่ใช่เรื่องยากขัดเกลาขึ้นมาใหม่
ทั้งตอนนี้ยังสามารถทําได้
ดีกว่า
หยวนหยานหญิงก็มอบกล่องใหญ่แก่เขา
ภายในคือเกล็ดเกราะ ของ
พยัคฆ์โลหะ มันมีมากกว่าสิบเกล็ด
ด้วยเพราะเป็นเกล็ด ของสัตว์ปีศาจ
ระดับที่แปด นับว่าล้ําค่าไม่ใช่น้อย
“พี่หยุนรักษาตัว! พวกเราต้องได้พบกันอีกแน่!”
หยวนหยานห ยิงเข้ามา
กอดฉินหยุนพักหนึ่งก่อนจะขีพยัคฆ์โลหะจากไปไกล
นางได้ประสบพบ
เจอหลายเรื่องก่อนสามารถเติบโตได้เป็นวันนี้
นางจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และ
นางก็มีเป้าหมายในอนาคตแล้ว
ฉินหยุนมองหยวนหยางหยิงจากไปพร้อม
ถอนหายใจ เป็นเขา
ต้องพบเจอการจากลาอีกครั้งแล้ว จากนั้นเขาจึงเผา
ร่างของเยฉิงเฟิง ใช้ผังธาตุแสงเพื่อรักษา
อาการบาดแผลขณะวิ่งไป
ระหว่างทาง เมื่อถึงทางเข้านคร
หลวงก็พบว่าฟ้าค่ํามืดแล้ว อาการ
บาดเจ็บตอนนี้ก็ดีขึ้นไม่น้อย
“ตระกูลเย่เสียผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าไป
ความ สูญเสีย
ครั้งนี้ใหญ่หลวงมากแล้ว เหอะ ใครกันให้คิดมาหาเรื่อง
ข้า?” ฉินหยุน
เพียงมองทางเข้านครหลวงขณะเดินผ่านความ
มีดยามราตรีกาลเข้าเมือง
ด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว
ฉินหยุนมาเยือนนครหลวงอีกครั้งหนึ่ง
แม้เขาเติบโตในเมืองนี้ แต่กลับไม่
รู้สึกคุ้นเคยกับมันเลยสักนิด
หลังเข้าสู่นครหลวง เขารู้สึกได้ถึงความกังวล
ภายในใจ โชคยัง
ดีที่สถานที่ปลายทางคือตําหนักจารึกเทวะ มีเพียง
ตําหนักจารึกเทวะจึงทําให้เขารู้สึกวางใจได้
สําหรับเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้
ปลอดภัยยิ่งกว่าสถาบันยุทธ์ ฮัวหลิง
ในห้องชุดของหอหลักแห่งตําหนัก
จารึกเทวะ ต้วนเฉียนเร่งรีบ
มาเยี่ยมเยือนหลังทราบว่าฉินหยุนมาถึง พอ
ฉินหยุนได้เห็นตัวนเฉียน
เขาเร่งรีบลุกขึ้นกล่าวทักทายอีก ฝ่าย จากนั้นจึง
ค่อยส่งจดหมายให้
เพียงแค่มอง
ต้วนเฉียนก็ทราบได้ว่าฉินหยุนได้รับคําแนะนําให้ เข้าร่วม
สถาบันซานเสวียน นี้หมายความถึงระดับพลังของเขา
ก้าวสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว
แม้เขาตระหนักได้ดีถึงพรสวรรค์ของฉินหยุน
แต่ก็ไม่เคยคิดว่า จะรวดเร็วได้เพียงนี้
“ครั้งล่าสุดที่เจ้าไปจากที่นี่
ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าอีกครั้งที่เจ้ามาที่นี่ จะนําสิ่งนี้
มาด้วย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้!” ต้วน
เฉียนเปิดจดหมายอ่าน
ขณะยิ้มพยักหน้ารับ ฉินหยุนยิ้มซุกซน
“ท่านปู่ต้วน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพียงเพราะเรื่อง
เข้าร่วมสถาบันซานเสวียน แต่
ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องทําด้วย ขอรับ”
ต้วนเฉียนเผยความสงสัย หลังคิดชั่ว
ครู่เขาจึงถาม
“เรื่องอะไร หรือ?” ฉินหยุนนําเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมาเหวี่ยง
มันเบา ๆ ไปมาหลายครั้ง เขากล่าวยิ้มกว้างว่า
“เพื่อเข้าทดสอบเป็น
อาจารย์จารึกขั้นต้นอย่างเป็นทางการ!”
ตัวนเฉียนจ้องมองค้อนดังกล่าวด้วยดวงตาเบิกออกกว้าง
หลัง แตกตื่นไป
วูบ เขาค่อยถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม
เพียงมองเขาก็ทราบว่านี่คือค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณ แม้ไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับราชัน
แต่ค้อนราชันยักษ์
วิญญาณ
นี้ก็ขัดเกลาขึ้นจนเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ํา เพียงเท่านี้ก็
นับว่าเหนือล้ําได้แล้ว
“นี่เจ้าขัดเกลามันขึ้นมาเองจริงหรือนี่?”
ขณะอัศจรรย์ใจ ต้วน เฉียนที่เคย
เห็นพิมพ์เขียวของคอนราชันยักษ์วิญญาณจึงทราบ
ว่ามันเป็นสิ่งที่หลอม
ได้ยากยิ่ง กระทั่งว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับตํ่า
มันก็ยังไม่ใช่อะไรที่หน้า
ใหม่อย่างฉินหยุนจะสามารถหลอมขึ้นได้
“วัสดุที่ใช้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ขอรับ
อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นการขัด เกลาครั้งแรก
ด้วย น่าจะใช้เท่าที่มีไปก่อน”
ฉินหยุนส่งค้อนให้ต้ วนเฉียนได้รับชม
ต้วนเฉียนรับค้อนมาพร้อมขมวดคิ้วพิจารณาสํารวจ
เขา ทดลองใส่พลัง
ภายในเข้าไปเพื่อตรวจสอบ บางครั้งก็ส่ายหัว
และบางครั้งก็พยักหน้า เขา
ยังดูต่ออีกชั่วครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวออกมาเชื่องช้า
“กระบวนการหลอมวัสดุค่อนข้างวิเศษมาก
วัสดุที่ใช้ไม่ดีพอ ดังที่ว่า แต่
มันก็นับว่าเหนือกว่าอุปกรณ์วิญญาณระดับตํ่าทั่วไป
นัก”
“หากเจ้าต้องการหาข้อผิดพลาด
ก็คงบอกได้ว่าเป็นลวดลาย แกะสลักที่
ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เรื่องนี้เพราะเจ้าขาด
ประสบการณ์ แต่ก็ยังดีกว่า
ผู้สร้างชราภาพหลายคนนัก”
“พวกเราจะเริ่มการทดสอบได้เมื่อไหร่ขอรับ?”
หลังฉินหยุนได้ เป็นนักทํา
ยันต์ระดับต้นแล้ว เขาจึงมีอิสระในการเข้าออก
ตําหนักจารึกเทวะ ทั้งนี้
เขายังสามารถใช้ห้องชุดที่หรูหราได้
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งยังได้รับการ
ปฏิบัติด้วยอย่างมืออาชีพ
ยามต้องการซื้อหาวัสดุ
หากเขาได้เป็นอาจารย์จารึกระดับต้นที่แท้จริง
สถานะของเขา จะดียิ่งกว่า
นี้ ตําหนักจารึกเทวะมีสาขาอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
และ ทุกแห่งล้วนอํานวย
ความสะดวกได้อย่างดีเยี่ยม ตัวนเฉียนกล่าว
“อาจารย์จารึกจะต้องสามารถสร้างอุปกรณ์ วิญญาณ
สร้างยันต์ และ
ติดตั้งค่ายอาคม ข้ายังไม่ทราบ
ความสามารถในการติดตั้งค่ายอาคมของ
เจ้า แต่หากเจ้า ต้องการทดสอบ
ก็ทดสอบเพียงแค่ความสามารถในการ
ติดตั้ง ค่ายอาคมก็พอ”
ครั้งเหตุการณ์ในหอคอยทัณฑ์สวรรค์ ฉินหยุนได้
ติดตั้งค่าย
อาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันเพื่อใช้หลบหนี เพราะฉะนั้น
แล้วจึงไม่เป็นปัญหากับเขาแต่อย่างใด
เขาเอ่ยด้วยนํ้าเสียงมาดมั่น
“ขอรับ
เช่นนั้นข้าขอเริ่มติดตั้งค่ายอาคมเลยแล้วกัน!” ต้วนเฉียนนําเอา
แผ่นหนังสัตว์สี่เหลี่ยมกว้างด้านละเมตร
ออกมาจากอุปกรณ์มิติเก็บของ
และกล่าว “แกะสลักค่ายอาคม ที่หนังแผ่นนี้!”
ค่ายอาคมหนังสัตว์
เป็นหนึ่งในสิ่งที่จัดเก็บค่ายอาคมได้ง่ายที่สุด
ฉินหยุนนั่งยองลงขณะนําเอามีดแกะสลักออกมา
จากนั้นจึงเริ่ม การ
แกะสลักผังวิญญาณ
เขาคิดแกะสลักค่ายอาคมรวมนํ้าที่ค่อนข้างง่ายที่สุด
จุดประสงค์ของค่ายอาคมรวมนํ้าคือ
วางมันเอาไว้ในถังและ ค่อยสั่งให้
ค่ายอาคมทํางาน จากนั้นมันจะค่อย ๆ รวบรวมพลัง
วิญญาณเก้าตะวัน
และควบแน่นจิตวิญญาณนํ้าก่อเกิดเป็นนํ้า
จนเต็มถัง จิตวิญญาณนํ้าโดย
หลักแล้วมักจะใช้ร่วมกับการหลอมหรือขัด
เกลาอุปกรณ์ด้วย ทั้งนี้ยังมี
การใช้สําหรับการอาบนํ้าแช่ สมุนไพร
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว และมี
การใช้งานกัน บ่อยครั้งที่สุดก็ว่าได้
ตอนที่ 98
การแข่งขันแปรธาตุ
ผังวิญญาณที่จําเป็นต่อค่ายอาคมรวบรวมนํ้า
ทั้งหมดล้วนเป็น ผัง
วิญญาณพื้นฐาน การได้รับพวกมันไม่ใช่เรื่องยาก
ดังนั้นฉัน หยุนจึง
ค่อนข้างเชี่ยวชาญผังวิญญาณนี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
เขาเคยติดตั้งค่าย
อาคมขนาดใหญ่อย่างค่ายอาคมวิญญาณ
บรรจบเก้าตะวันมาก่อน
ดังนั้นแค่ค่ายอาคมรวบรวมนํ้าจึง
ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเขาแต่อย่างใด ไม่
นานเขาก็ติดตั้งมัน สําเร็จได้แล้ว
หลังแกะสลักผังวิญญาณบนหนังสัตว์
ฉินหยุนเพียงแค่วาง
เหรียญผลึกหรือเหรียญม่วงลงไปเพื่อทําการเปิดใช้
งานค่าย อาคมก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น
จากด้านข้าง ต้วนเฉียนรับชมทั้งยังลอบประหลาดใจ
นี่เป็น เพราะฉินหยุน
ทําได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังดูเชี่ยวชาญการวาดผัง
วิญญาณไม่ใช่น้อย
เช่นกัน การแกะสลักก็เป็นไปได้อย่างดียิ่ง
เขาพยักหน้ารับเอ่ยชม “ค่าย
อาคมรวบรวมนํ้า ทําได้ดี!”
ฉินหยุนเริ่มการทํางานของค่ายอาคม ไม่ช้า
จิตวิญญาณนํ้าที่ โปร่งแสง
และเป็นประกายจึงเริ่มหยดลงบนอ่างไม้ตรงกลาง
ห้อง
“เจ้าผ่านการรับรองเป็นอาจารย์จารึกแล้ว
ข้าจะมอบเหรียญ ตราอาจารย์
จารึกระดับต้นแก่เจ้าเดี๋ยวนี้เลย!” ต้วนเฉียน
หัวเราะยินดี “เจ้านับเป็น
อาจารย์จารึกอายุน้อยที่สุดเท่าที่
ตําหนักเราเคยพบเจอแล้ว!” ฉินหยุน
เพียงยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นแต่อย่าง
ต้วนเฉียนนํ้าเอา
ตราสัญลักษณ์ออกมาพร้อมสลักชื่อฉินหยุนไว้
คล้ายเขาก็ยินดีกับเรื่องนี้
ไม่น้อยเช่นกัน!
อาจารย์จารึกอายุเพียงสิบห้าปี
กระทั่งในประวัติศาสตร์ของ ภูมิภาคนี้ ก็
ไม่เคยปรากฏบุคคลเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เพียงแค่ตําหนัก
จารึกเทวะ เมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มสงบที่ใบหน้าฉินหยุน
เขาก็อดลอบถอน
หายใจไม่ได้ หลังความลําบากยากแค้นห้าปี
ไม่เพียงแต่เป็นองค์ชายรัช
ทายาทที่พิการซึ่งสามารถก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
แต่ยังได้
เป็นอาจารย์จารึก
พรสวรรค์เช่นนี้คงมีแต่เชี่ยวเย่ว์หลานแล้วที่สามารถ
เทียบเคียงได้
“ฉินหยุน ในอีกสองวัน
ตําหนักจารึกเทวะของเราจะเป็น เจ้าภาพในการ
แข่งขันแปรธาตุ เจ้าควรเข้าร่วมนะ!” ต้วน
เฉียนแกะสลักป้ายชื่อเรียบร้อย
พร้อมส่งให้ฉินหยุนประทับตรา
เลือดเป็นการยืนยันตัวตน เฉินหยุนเอ่ย
ถามขณะหยดเลือดลงไป “การแข่งขันแปรธาตุหรือ
ขอรับ? ข้าไม่เคยได้ยิน
มาก่อนเลย”
ด้วนเฉียนหัวเราะ “เจ้าก็คงไม่ทราบแหละ
แต่ในหมู่อาจารย์ จารึก สิ่งนี้
นับว่าเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงไม่น้อย
เมื่อเวลา มาถึง บรรดาอาจารย์ที่
มีชื่อเสียงจะเข้าร่วม ดังนั้นเจ้าก็ต้องเข้า
ร่วมให้ได้ละ”
“แล้วการแข่งขันหลักคืออะไรขอรับ?” ใจฉินหยุนเริ่มสั่นไหว
ขณะเอ่ยถาม
“การหลอม..
เป็นการหลอมเหล็กพื้นฐานให้กลายเป็นเหล็ก วิญญาณ
หากเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง คุณภาพของเหล็ก
วิญญาณก็จะยิ่งดีมาก
ขึ้น” ต้วนเฉียนอธิบาย
“อาจารย์เว่ยก็ เป็นผู้ชนะเลิศมาแล้วสองครั้งในสายการแข่ง”
“อาจารย์เว่ยก็เข้าร่วมด้วย?” ดวงตาฉินหยุนเบิกออกกว้าง
แม้ อาจารย์
เว่ยเป็นคนโหดเหี้ยมชั่วช้า
แต่อีกฝ่ายก็มีฝีไม้ลายมือ การหลอมอุปกรณ์
ของจริง หาไม่แล้วคงไม่มีผู้คนมากมายนับ
หน้าถือตาเขาพร้อมติดสอย
ห้อยตามมากมายเพียงนั้น ต้วนเฉียนพยักหน้า
“มีเพียงอาจารย์จารึกที่เข้าร่วมได้ เจ้าก็
เป็นอาจารย์จารึกแล้ว ดังนั้นจง
เข้าร่วมเสีย นี่เป็นหนึ่งในการ
นัดพบครั้งใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะ
อาจารย์เวียมีชื่อเสียงได้
ก็เพราะได้รับอันดับหนึ่งมาสองสมัย” ฉินหยุนพ
ยักหน้ารับเล็กน้อย หากเป็นการแข่งขันประลองยุทธ์
หรืออะไรแบบนั้น
คนที่เข้าร่วมก็ต้องอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่ห้าหรือไม่ก็หก แบบนั้น
เขายังมีความมั่นใจ
แต่ถึงกับมีคนอย่างอาจารย์เว่ยเข้าร่วมการแข่งขัน
แปรธาตุ เขาไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าใดนัก
เมื่อเห็นฉินหยุนขาดความมั่นใจ ต้
วนเฉียนจึงยิ้มให้
“ก็แค่การ หลอมเหล็กวิญญาณ!
เจ้านั้นไม่แย่กว่าผู้อื่นหรอก!” ฉินหยุนมี
พื้นฐานการหลอมค่อนข้างดี แต่ว่า เขาไม่เคยนํา
ตนเองไปเทียบเปรียบกับ
ผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าตนเองทําได้
ดีระดับใด
“อืม หลังการแข่งขัน
เราน่าจะได้รู้รายละเอียดและเข้าใจ อาจารย์จารึกคน
อื่นมากขึ้น” ฉินหยุนพยักหน้าสองวันถัดมา
ฉินหยุนฝึกฝนหลอมเหล็ก
วิญญาณซํ้าแล้วซํ้าเล่า
ในกระบวนการหลอมเหล็กวิญญาณ คือการนํ้าแร่
เหล็ก ธรรมดาใส่เข้าเตาหลอมที่มีผังแปรธาตุ
ทั้งการแกะสลักและ เปลว
เพลิงเป็นของเขาเองทั้งสิ้น
เขาจึงสามารถหลอมแร่เหล็ก และทุบตีมันด้วย
ค้อนครั้งแล้วครั้งเล่าได้
ระหว่างกระบวนการหลอม
ต้องกําจัดความไม่บริสุทธิ์ออกจาก ตัวแร่ และ
ใช้กําลังภายในเพื่อผสมผสานหลอมขึ้นเป็นเหล็ก
วิญญาณ แร่เหล็กหนัก
ราวหนึ่งพันจิน จะถูกขัดเกลาจนกลายเป็นแท่ง
เหล็กวิญญาณขนาดหัว
นิ้วมือ นี่คือขนาดพื้นฐานของแร่เหล็ก
วิญญาณที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่
โบราณแล้ว
หากเขาต้องการเหล็กวิญญาณชิ้นใหญ่
เช่นนั้นก็ต้องนําเหล็ก วิญญาณ
ขนาดเล็กหลายแห่งมารวมกันเป็นชิ้นใหญ่เพียงหนึ่ง
ฉินหยุนตีเหล็ก
วิญญาณเหล่านี้อยู่ในตําหนักจารึกเทวะอยู่
หลายต่อหลายครั้งเมื่อนาน
มาแล้ว
เขาได้ผสมเหล็กวิญญาณกับกระดูกของสัตว์ปีศาจเข้าด้วยกันจน
เกิดขึ้นเป็นกระดูก เหล็กกล้าคุณภาพดีด้วยซํ้า
เพื่อได้เป็นอาจารย์จารึก
การแปรธาตุและการหลอมคือทักษะที่
จําเป็นต้องเชี่ยวชาญ
“ยิ่งได้แท่งเหล็กขนาดเดียวกันแต่หนักกว่า
ยิ่งหมายถึง คุณภาพของแท่ง
เหล็กที่สูงกว่า การแข่งขันแปรธาตุสมควร
ต้องใช้พื้นฐานตรงส่วนนี้งั้น
สินะ?”
ฉินหยุนชั่งนํ้าหนักแท่ง
เหล็กวิญญาณที่เขาทําออกมา เพียงขนาดเล็ก
นํ้าหนักก็กว่าสิบ จินเข้าไปแล้ว
ซึ่งก็ถือว่าหนักกว่าแท่งเหล็กวิญญาณที่
เขาซื้อ จากตําหนักจารึกเทวะกว่าสองหรือสามจินได้
หลังผ่านไปสองวัน
กับการฝึกฝนตีเหล็ก เขาจึงค่อยมั่นใจว่า
พัฒนาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว ด้วย
เปลวเพลิงทองม่วง เขา
สามารถเสริมศักยภาพการหลอมเหล็กได้
มหาศาลเลยทีเดียว
ตําหนักจารึกเทวะเวลานี้ถูกอาบได้ด้วยแสงอรุณรุ่งอบอุ่น
เช้าวันใหม่มาถึง
วันนี้คือวันเริ่มต้นการแข่งขันแปรธาตุ เป็น วันที่ผู้คนต่าง
รอคอย!
ภายในโถงที่เป็นทางการและงดงาม
มีอาจารย์จารึกกว่าห้าสิบ คนรวมตัว
กันเรียงเป็นแถว
พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นอาจารย์จารึกจากหลายประเทศ
ส่วน ใหญ่เรียกได้ว่าวัยชรากันแล้วทั้งนั้น
มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นวัย
กลางคน ทางด้านผู้เยาว์ไม่ต้องกล่าวถึง
ไม่มีแม้แต่คนเดียว อาจารย์จารึก
เหล่านี้บ่อยครั้งมักจะมีท่าทีอหังการ
แต่แล้วเมื่อ พวกเขามาอยู่ที่โถงจารึก
แห่งนี้ ท่าที่อหังการของพวกเขากลับ
เก็บเอาไว้มิด การแข่งขันแปรธาตุจะ
จัดขึ้นทุกสิบปีต่อหนึ่งครั้ง นับเป็น
โอกาสครั้งสําคัญแก่พวกเขายิ่ง หาก
สามารถได้รับอันดับหนึ่ง ไม่เพียงแต่ชื่อเสียง
ทั้งยังจะ ได้รับรางวัลไม่ใช่
น้อย รางวัลที่ได้รับกระทั่งว่าเป็นอาจารย์จารึกยังต้องเอาจริงเอาจัง
เพื่อ
ไขว่คว้าพวกมันมา!
โดยเฉพาะในปีนี้
กล่าวว่าตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้ ส่งคนมา
เข้าร่วมด้วย!
“คิดว่าอาจารย์จารึกจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามน่าจะ
มีกว่า
ยี่สิบคน” ชายชราคนหนึ่งกล่าวเสียงเบา
“ก็ไม่เยอะ! ดูเหมือนตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็เหมือน
เช่นพวก
เรา ทั้งตําหนักดวงดาวกลับมีเพียงแค่ยี่สิบคน”
ชาย ชราอีกคนหนึ่งกล่าว
ขึ้น อาจารย์เว่ยพลันแค่นเสียงกล่าว
“บุคคลที่ถูกส่งมาโดยตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีคราม
เพื่อเข้าร่วม
แข่งขันแปรธาตุล้วนอายุ ยี่สิบถึงสามสิบปี!
แต่แล้วในแถบภูมิภาคเรามี
อาจารย์จารึกวัย เยาว์กี่คนกัน? ไม่มีเลยแม้สักคน!”
ไม่มีแม้สักคน? เรื่องนี้
ทําเอาบรรดาอาจารย์จารึกอาวุโสหลายท่านรู้สึกได้ถึง
ความแตกต่าง!
“ดังนั้น พวกเราจะแพ้พวกคนหนุ่มสาวไม่ได้
ไม่งั้นก็อับอาย ขายหน้าแย่
แล้ว!” ผู้อาวุโสชุดดํากล่าวทั้งยังหัวเราะ
อาจารย์จารึกจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามมาถึงแล้ว!
กลุ่มคนที่เดินเข้ามา
ท่วงท่าก้าวเดินของพวกเขาสูงส่ง ทั้งหมด ล้วนสวม
ใส่ชุดสีนํ้าเงิน แม้พวกเขาสีหน้าไร้อารมณ์
ทว่าความอหังการนั้นไม่ปิดบัง
อีกทางหนึ่ง
ผู้อาวุโสคนหนึ่งหันมองที่อาจารย์เว่ยขณะยิ้มและ พยักหน้า
ให้ อาจารย์เว่ยเดินเข้าไปพร้อมยิ้มกล่าวทักทายจางเสวียนด้วย
ท่าที่มี
มารยาท
ทุกผู้คนล้วนลอบริษยาและอิจฉาเมื่อได้เห็น ว่าอาจารย์เว่ยและ
คนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
มีความสัมพันธ์อันดี กันเพียงใด
อาจารย์เว่ยมองเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี
พร้อมยิ้ม
กล่าว
“นี่คงเป็นอัจฉริยะแห่งตําหนักทิศใต้ที่มีชื่อเสียง
ด้านการแกะสลักแล้ว เหลี
ยงชั่วจิน? ถึงกับได้เป็นอาจารย์
จารึกระดับต้นด้วยวัยเพียงสิบเก้า ช่างน่า
นับถือนัก วันนี้ข้า
โชคดีแล้วที่ได้พบเจออาจารย์เหลียงที่น่านับถือด้วย
ตนเองนับว่าหล่อเหลาและมากล้นด้วยพรสวรรค์นัก
สมแล้วที่เป็นผู้ โด่ง
ดัง!” เหลียงชั่วจินยิ้ม
ใบหน้าเปี่ยมด้วยความอหังการขณะตอบกลับ
“อาจารย์เว่ยก็เชี่ยวชาญฝังวิญญาณที่ผู้อาวุโสหลายท่านนับ
ถือไม่น้อย
ข้าได้ยินชื่อเสียงท่านมาไม่น้อยเช่นกัน”
ขณะพวกเขาพูดคุย อาจารย์เว่ย
พลันเห็นฉินหยุนก้าวเดินเข้า มา
รอยยิ้มพลันแข็งค้าง
“นั่นฉินหยุนนี่?” เมื่ออาจารย์จารึกอาวุโสท่านหนึ่งเห็นฉินหยุน
เขาพลัน
ตะโกนอย่างตระหนก ถึงตอนนี้
ศีรษะทุกผู้คนล้วนทันควับมองทางประตู
สิ่งที่พวก เขาได้เห็นคือ เด็กหนุ่มในชุดสีเทา
หน้าตาหล่อเหลา และกําลัง
เดินเข้าสู่โถงที่เงียบงันทันทีเมื่อเขาปรากฏกายขึ้น
ตอนที่ 99
อัคคีร่วงหล่น
ฉินหยุนค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามา
แม้เขาสวมใส่ชุดเรียบง่าย ทว่า ท่วงท่านั้น
สง่างามและเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ เป็นเขามั่นใจแต่
ไม่ได้อหังการ เขา
สงบเยือกเย็นไม่เหมือนดังอายุที่เผยให้เห็น
นับว่าดึงดูดผู้คนได้ไม่น้อย
แล้ว
สายตาทุกคู่ตอนนี้จับจ้องมองที่ตราทองแดงบนอกซ้ายของเขา!
นี่คือเหรียญตราที่มีแต่อาจารย์จารึกเท่านั้นจึงครอบครอง
มัน
เปรียบเสมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง บ่งบอกว่าเขาเป็นอาจารย์
จารึกระดับ
ต้น
ทุกคนต่างทราบว่าฉินหยุนอายุเพียงสิบห้ากับอีกครึ่งปี เรียกได้ว่าเขา
อ่อนเยาว์กว่าเหลียงชั่วจนถึงสี่ปี
แต่แล้วตอนนี้ กลับได้เป็นอาจารย์จารึก
ระดับต้นเรียบร้อยแล้ว บรรดา
อาจารย์จารึกอาวุโสหลายคนล้วนอึ้งทิ้งกัน
ทั้งสิ้น
ผู้จัดการต้วนเฉียนปรากฏตัว เขายิ้มและกล่าว
“ครั้งนี้เหมือน จะมีคนเข้าร่วมเพิ่มขึ้นไม่น้อย
โดยรวมแล้วราวแปดสิบคน
เห็น จะได้”
“ท่านผู้จัดการ
ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกแล้วจริงหรือ?” อาจารย์เว่ยแทบ
ไม่อาจยอมรับ ต้วนเฉียนหัวเราะ
“ฉินหยุนสามารถขัดเกลายันต์ ท่านเป็น ประจักษ์พยานถึงเรื่องนี้ด้วย
ตัวเอง! หลังเขาก้าวสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่หก เขาจึงขัดเกลาอาวุธ
วิญญาณระดับต ่า ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
ทั้งยังสามารถจัดตั้งค่ายอาคม” ความ
จริงที่ว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
เป็นสิ่ง ที่หลายคน
ทราบอยู่แล้ว
แม้กระนั้นได้ยินอีกครั้งก็ยังแทบไม่ อยากเชื่ออยู่ดี
โดยเฉพาะกับคนจากต าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
พวกเขา มั่นใจ
อย่างยิ่งว่า
กว่าฉินหยุนจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่หกได้ ก็ต้อง
ใช้เวลาอีกหลายปี กระทั่งว่าอาจฝึกฝนวิถี
วิญญาณผิดพลาดด้วยซ ้า
แต่แล้ว เพียงเวลาไม่นานหลังจากนั้น
ฉินหยุนสามารถเลื่อน พลังสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
นับเป็นการตบหน้าพวก เขารุนแรงยิ่งแล้ว
และถึงตอนนี้
เรื่องราวที่แทบไม่อาจยอมรับได้ที่สุดคือ ฉินหยุน ถึงกับได้
เป็นอาจารย์จารึกระดับต้น! ภายในต
าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ความภาคภูมิใจแห่ง
สวรรค์ของพวกเขาก็อายุเข้าไปสิบเก้าแล้วยามเมื่อ
ได้เป็น อาจารย์จารึกระดับต้น
เพราะแบบนี้จึงเป็นเรื่องยากได้เห็น
อาจารย์จารึกทั้งที่อายุยังเยาว์!
แต่แล้ววันนี้ ฉินหยุนที่โดนปลดจากต
าแหน่งครั้งอดีต กลับมี
ความก้าวหน้าเติบโตอย่างน่าสะพรึงทั้งที่เว้นว่างไปถึงห้าปี
ทุก ผู้คนล้วน
ทราบกันดีว่าเขาต้องแบกรับความทุกข์ทรมาน
เพียงใดกว่าจะมาถึงตรง
จุดนี้ได้ เหลียงชั่วจินกัดฟันกรอด
เพราะฉินหยุนปรากฏตัว แสงเจิดจรัส
รอบกายเขาจึงถูกพรากเอาไป
“ไม่เลว ไม่เลว
เป็นเรื่องดีที่คิดเข้าร่วมหาประสบการณ์ หาก เจ้าต้องการ
ได้อันดับที่ดี
เช่นนั้นจงอย่าได้นับครั้งนี้น่าจะดีกว่า”
อาจารย์เว่ยแค่นยิ้มออก
บุตรชายของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และ
ตอนนี้ฉินหยุนที่ เขาเกลียดชังที่สุด
ถึงกับได้มาเป็นอาจารย์จารึกระดับต้น
ใจ
ของเขาแทบหลั่งเลือดแห่งความเกลียดชังออกมาจนล้นกาย ฉินหยุน
เพียงยิ้มอ่อนตอบรับ ต้วนเฉียนกล่าว
“การแข่งขันวันนี้จะแตกต่างจากการแข่งขัน
ครั้งก่อน ครั้งนี้พวกเรา
ต้องการให้ทุกท่านหลอมเหล็กน ้าหนัก
หนึ่งหมื่นจินเป็นแท่งเหล็ก
วิญญาณ! โปรดจดจ าว่าวัตถุตั้งต้น
เป็นเหล็กหนักหนึ่งหมื่นจิน ไม่ใช่เหล็ก
วิญญาณ!”
ฉินหยุนขมวดคิ้วแน่นขณะอาจารย์จารึกคนอื่นร้องออกอย่าง
ประหลาดใจ
แน่นอนว่ามันคือเหล็กที่ผู้คนทั่วไปใช้
เหล็กประเภทนี้ถูกหลอมขึ้นจากแร่
เหล็ก มันแตกต่างจากเหล็กวิญญาณ
เหล็กทั่วไปไม่มีพลังวิญญาณ และ
มันยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ทั้งยัง
ไม่บริสุทธิ์ มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะ
หลอมเหล็กเป็นเหล็กวิญญาณ แต่
กระบวนการออกจะยากไปบ้าง
นอกจากนี้
มันยังเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะแปรเปลี่ยนเหล็ก หนักหนึ่ง
หมื่นจินให้เหลือขนาดเพียงปลายนิ้วมือ
“นี่ไม่ยากเกินไปหรือ?” คนจากต
าหนักดวงดาวกล่าวถาม ต้วนเฉียนยิ้ม
กล่าว
“ต าหนักจารึกเทวะของเราทราบว่าต าหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามของ
ท่านต้องการเข้าร่วม เพราะแบบ
นั้นพวกเราจึงจัดเตรียมวัตถุล ้าค่ายิ่งไว้
เป็นรางวัลของอันดับ หนึ่ง
เพราะแบบนั้นระดับความยากจึงเพิ่มสูงขึ้น
ตามไปด้วย”
ทุกคนต่างสบถภายในใจ
ซัดเจนว่ากฎการแข่งขันครั้งนี้ถูก เปลี่ยนแปลง
โดยต าหนักจารึกเทวะ ต
าหนักดวงดาววิญญาณสีครามส่งคนหนุ่มสาวที
ยังไม่ได้มีฝีมือ เข้าร่วม
มันจะยิ่งเป็นการแข่งขันที่ยากยิ่งขึ้น โอกาสที่ได้รับ
นับว่าน้อยนิดแล้ว
“ผู้จัดการ
นี่หมายความถึงรางวัลอันดับหนึ่งจะไม่ท าให้พวก เราผิดหวัง
เช่นนั้นสินะ?” อาจารย์เว่ยยิ้มกล่าว
“ท่านพอจะ บอกรายละเอียดก่อนได้หรือไม่? เช่นนั้นพวกเราจะได้
ตัดสินใจ ว่าควรลงทะเบียนหรืออย่างไรดี”
หลอมเหล็กวิญญาณขนาดเท่า
ปลายนิ้วมือ จากเหล็กหนักหนึ่ง
หมื่นจินนับเป็นงานโหดหิน อาจารย์จารึก
กลุ่มนี้ตามปกติจะไม่ท างานยากล าบากเช่นนั้น
โดยเฉพาะกับอาจารย์
จารึกรุ่นอาวุโส พวกเขามักส่งงานหลอม
เหล็กวิญญาณให้กับผู้ใต้บัญชา
เสียด้วยซ ้า ไม่เช่นนั้นก็ซื้อหา
มันโดยตรงเพื่อความสะดวกยิ่งกว่า
“อัคคีร่วงหล่น!” ค าของตัวนเฉียนพอกล่าวออก
อาจารย์จารึก ทุกคนใน
โถงต่างเผยความยินดีกันออกมาไม่อาจปิดได้มิด
ใจของฉินหยุนก็เต้น
ระรัวยินดีเช่นกัน! ต านานกล่าวว่า
วิญญาณยุทธ์อัคคีร่วงหล่นได้เคลื่อน
คล้อยลง มาจากท้องฟ้า
หากมันหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ส าเร็จ
วิญญาณยุทธ์จะเลื่อนระดับขึ้นกลายเป็นวิญญาณยุทธ์อัคคีเทวะ
เมื่อได้เห็นสีหน้าทุกผู้คนที่นี้แตกตื่น
ต้วนเฉียนจึงหัวเราะ
“อัน
ที่จริงอัคคีร่วงหล่นไม่ได้น่าพึ่งเหมือนดังต านานกล่าว มันไม่ อาจท า
ให้ผู้คนได้รับวิญญาณยุทธ์อัคคีเทวะในทันที
และเพียง แค่ช่วยให้
วิญญาณยุทธ์เลื่อนระดับขึ้นเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น”
“ยกตัวอย่าง
ความสามารถในการเพิ่มระดับของวิญญาณยุทธ์ ไฟระดับ
ทองให้เป็นระดับแพลทินัม
หรือสูงขึ้นไปกว่านั้น” ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น สิ่ง
นี้ก็นับได้ว่าล ้าค่ายิ่งแล้ว
ฉินหยุนมองทางผู้คนจากต าหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม พวก
เขาก็คล้ายอยากได้อัคคีร่วงหล่นกันตัวสั่น หรือก็
คือ สิ่งนี้ก็ นับว่าหาได้ยากยิ่งแม้กับต
าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
“แล้วมันต่างกับศิลาวิญญาณลอยล่องอย่างไรหรือขอรับ?”
ฉิน หยุนเอ่ย
ถาม
เพราะเขาก็มีศิลาดังกล่าวสีทองม่วงอยู่ก้อนหนึ่ง ต้วนเฉียนตอบค า
“แตกต่างอย่างมาก ยกตัวอย่าง ศิลา
วิญญาณลอยล่องสีทอง จะช่วยท า
ให้วิญญาณยุทธ์เลื่อนระดับขึ้นเป็นทอง
นั่นเป็นขีดจ ากัดที่มันสามารถท า
ให้วิญญาณยุทธ์ ก้าวหน้าได้”
“อีกทางหนึ่ง อัคคีร่วงหล่นแตกต่างออกไป
มันสามารถเพิ่ม ระดับของ
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับใดก็ได้ ยกตัวอย่างเจ้า
ในตอนนี้ครอบครอง
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง หากเจ้า
สามารถเพิ่มพลังเป็นอีกระดับ
หนึ่งได้ เช่นนั้นคิดว่าเป็นอย่างไร เล่า?”
ทุกผู้คนล้วนสูดลมหายใจเข้าลึก
วิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงก็ นับได้ว่า
เป็นวิญญาณยุทธ์ระดับสูงสุดที่พวกเขาทราบแล้ว
พวกเขาคิดอยากทราบ
ค าตอบ แต่ก็ไม่อยากเป็นพยานรู้เห็นต่อ
การเลื่อนระดับวิญญาณยุทธ์ไฟ
ระดับทองม่วงของฉินหยุน
“ก็ตามนั้น คิดอยากลงทะเบียนหรือไม่แล้วแต่การตัดสินใจส่วน
บุคคล!” ต้
วนเฉียนหัวเราะดังให้ได้ยิน
เมื่อฉินหยุนเห็นสีหน้าผู้อื่น เขาจึงทราบว่า
ค่าลงทะเบียนต้อง ไม่ใช่เล่นแล้ว
นอกจากนี้เขายังไม่มีเหรียญผลึกอยู่กับ
ตัวมาก สักเท่าใดนัก
“ห้าแสนเหรียญผลึกเหมือนเดิม?” อาจารย์เว่ยเป็นคนแรกที่
ก้าวเดินออก
หากวิญญาณยุทธ์ไฟของเขาเลื่อนระดับ พละก
าลังของเขาจะเพิ่มขึ้น
อย่างมหาศาล ไม่ต้องกล่าวถึงห้า แสนเหรียญผลึก
ต่อให้เป็นห้าล้าน
เหรียญผลึกก็นับว่าคุ้มค่า
“ปีนี้ราคาแปดแสนเหรียญผลึก และผู้เยาว์ไม่จ
าเป็นต้องจ่าย” ต้วนเฉีย
นยิ้มกล่าว ผู้ใหญ่ถูกนับก็ต่อเมื่ออายุสิบหกปี
และฉินหยุนปีนี้อายุเพียง
สิบห้าปี ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่จ
าเป็นต้องจ่ายค่าลงทะเบียน เรื่องนี้ ค่อยท า
เอาเขาถอนหายใจโล่งอกได้ กฎนี้มีมานานยิ่งแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใด
ทักท้วง
“แปดแสนเหรียญผลึก!”
อาจารย์เว่ยวางเงินอย่างใจกว้าง ต้วนเฉียนยิ้ม
ขณะรับแปดร้อยเหรียญม่วงเก็บเข้าไป อาจารย์
จารึกท่านอื่นเองก็ร่วม
ลงทะเบียนและจ่ายค่าธรรมเนียม แต่ไม่
มีใครแม้สักคนจากต าหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามเข้าร่วม
“เรื่องนี้รอได้หรือไม่?” ผู้น
าของต าหนักดวงดาวกล่าวด้วยสี หน้าล าบากใจ
ท่าที่อหังการในตอนแรกยามมาถึงนั้นเลือน
หายไปแล้วเช่นกัน นี่สมควร
เป็นเพราะกลุ่มของพวกเขาไม่มีใครน
าเหรียญผลึกติด ตัวมาด้วย!
ค่าลงทะเบียนคือแปดแสนเหรียญผลึกต่อคน
ไม่มีทางที่ผู้เยาว์เหล่านี้จะมี
ความสามารถพอจ่าย
ทั้งนี้พวกเขายังมีกันถึงยี่สิบ คน แค่นั้นก็เป็นเงิน
มากถึงสิบหกล้านเหรียญผลึกแล้ว!
หากต้องลงทะเบียนอาจารย์จารึกอาวุโสของพวกเขาด้วย
แบบ นั้นจะ
กลายเป็นเงินปริมาณมหาศาลเกินจะกล่าว
ถึงตอนนั้น กระทั่งว่าต าหนัก
จารึกเทวะต้องส่งมอบอัคคีร่วงหล่นออกไป ก็
แทบไม่นับเป็นการสูญเสีย
แต่อย่างใด
“พวกท่านมั่นใจหรือว่าอันดับหนึ่งนั้นต้องได้รับแน่นอน?”
แม้ เขาจะยิ้ม
กล่าวอย่างสุภาพ
แต่ก็เผยให้เห็นถึงการเย้ยหยันแอบ แฝง
“ในหมู่พวกเรายี่สิบคน
หนึ่งในพวกเราต้องได้อันดับหนึ่ง!” หลังจากผู้น า
จากต าหนักดวงดาววิญญาณสีครามรู้สึกคล้าย
โดนยั่วยุ เขาจึงตะโกน
ออก
“เรื่องนี้สามารถรออีกหน่อยได้หรือไม่? ข้าจะส่งเรื่องให้คนน
าเหรียญผลึก
มาเพื่อช าระ ค่าลงทะเบียน
ต้วนเฉียนยังคงยิ้มไม่เสื่อมคลายขณะกล่าว
รับค า
“ข้าให้พวก ท่านทั้งหมดลงทะเบียนก่อนได้
เช่นนั้นพวกเราจะได้เริ่มการ
แข่งขันในช่วงบ่ายวันนี้”
“ อาจารย์จารึกแทบทุกคนล้วนอิจฉาฉินหยุน
ถึงกับสามารถเข้า ร่วมการ
แข่งขันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด
กระทั่งว่าไม่ได้รับ อันดับหนึ่ง แต่ก็ได้
นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาสั่งสม
ประสบการณ์แล้ว
“ก็เป็นตามนี้ การลงทะเบียนแข่งขันแปรธาตุประจ
าปีนี้จะ สิ้นสุดลงในช่วง
บ่าย!” ต้วนเฉียนกล่าวประกาศก้อง
ตอนที่ 100
ประตูจารึก
การลงทะเบียนแข่งขันแปรธาตุสิ้นสุดลง
สุดท้ายแล้วต าหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีครามก็ไม่ได้ส่งอาจารย์จารึกอาวุโสลง ส
าหรับคนหนุ่มสาว
พวกเขาลงทะเบียนกันเรียบร้อย หากพวก
เขาไม่จ่ายค่าลงทะเบียน
เช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายออกพ้นจาก ต
าหนักจารึกเทวะ ต้วนเฉียนยิ้มชั่ว
ร้าย เป็นผลให้บรรดาอาจารย์จารึกอาวุโสต่าง
ต้องอึ้งอยู่ภายใน ต าหนัก
จารึกเทวะถึงกับไม่ยอมอ่อนข้อให้ ต
าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
อาจารย์เว่ยค่อนข้างยินดีไม่น้อย
เพราะเขาคือคนมีโอกาสสูง ที่สุดซึ่งจะ
ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันครั้งนี้
จากท่าทียินดีเผย ออกผ่านใบหน้า ราว
กับว่าเขาได้รับอัคคีร่วงหล่นไปแล้วก็ไม่ปาน
เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับแพลทินัม
หากเขาได้รับ มันมา เมื่อ
นั้นวิญญาณยุทธ์จะเลื่อนสู่ระดับทองม่วง
อาจารย์จารึกอาวุโสท่านอื่นก็
เป็นกังวลเมื่อคิดเช่นนี้
บรรดาอาจารย์จารึกทั้งหมดเริ่มน าเอาเตาหลอม
พร้อมแท่น หลอมออกมา เด็กหนุ่มสาวจากต
าหนักดวงดาวล้วนมีอุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของ ชัดเจนว่าสถานะของพวกเขาย่อมสูงล
้า กว่าพวกที
ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะวิถียุทธ์
เตาหลอมของฉินหยุน ไม่ต้องสงสัยกัน
เพราะมันแย่ที่สุด เพราะ
เป็นเพียงแค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น เตาหลอม
ของผู้อื่นอย่าง
น้อยก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับต่ํา กระทั่งเป็น
ระดับกลางก็มี ให้เห็น เรื่องนี้ดึงความสนใจพร้อมเสียงหัวเราะลั่นจาก
อาจารย์จารึก ผู้อื่นไม่ใช่น้อย ต้วนเฉียนกล่าว
“เวลาในการแข่งขันคือสี่ชั่วโมง!”
เพียงแค่สี่ชั่วโมง!
ทุกผู้คนจากต
าหนักดวงดาววิญญาณสีครามถึงกับเผยดวงตา เบิกออก
กว้าง ราวกับขวัญผวา เหลียงชั่วจินกล่าวด้วยน
้าเสียงจองหองเช่นเดิม
“ระยะเวลา การแข่งขันนี้ไม่สั้นเกินไปหรือ?”
ต้วนเฉียนหันมองอาจารย์เว่ยและกล่าว
“อาจารย์เว่ย ท่านคิด ว่าสั้นเกินไปหรือไม่?”
อาจารย์เว่ยขมวดคิ้ว “จริงที่
ออกจะสั้นไปบ้าง แต่ในเมื่อนี่เป็น
กฏที่ตั้งโดยต าหนักจารึกเทวะ พวกเราก็
ได้แต่ยอมท าตาม แล้ว”
ต้วนเฉียนมองเหลียงชั่วจินที่คล้ายกล่าวต่อไม่ออกขณะยิ้ม
กว้างให้เห็น
“ในอดีต ระยะเวลาการแข่งขันเพียงแค่สอง
ชั่วโมงเท่านั้น เท่ากับว่าสี่
ชั่วโมงคราวนี้ไม่ได้น้อยไปแต่อย่างใด!”
หัวใจฉินหยุนเริ่มหนักอึ้ง
เขารู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง เขา เกือบจะบอก
ออกไปเช่นกันว่าระยะเวลาน้อยเกินไป แต่พอคิด
ว่าเป็นการแข่งขันที่
เตรียมไว้ส าหรับอาจารย์จารึกอาวุโส เขาก็ ท
าได้เพียงแต่ยอมรับ ในช่วง
บ่าย ผู้อาวุโสหลายท่านจากต
าหนักดวงดาววิญญาณสี ครามมาถึง พวก
เขาล้วนเป็นอาจารย์จารึกอาวุโสจากทั้ง ต
าหนักตะวันออก ต าหนัก
ตะวันตก ต าหนักทิศเหนือ และ ต าหนักทิศใต้
เมื่อผู้เยาว์ของต าหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามพบเห็นพวกเขา มาถึง
พวกเขาต้องเร่งร้อนเข้า
กล่าวทักทาย
“ต าหนักจารึกเทวะของเจ้ายังคงเป็นเช่นเดิม
อกตัญญอย่างไร ก็เป็น
เช่นนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยจริง ๆ”
ผู้อาวุโสจาก ต าหนักทิศใต้แค่น
เสียงกล่าวเย็นเยือก เขาน าเอาเตาหลอมและ
ค้อนหลอมออกมาพร้อม
กล่าว
“เตาหลอมและค้อนหลอม
เหล่านี้คืออุปกรณ์วิญญาณระดับสูง อาหรง
จัดแจงด้วย!” ผู้อาวุโสทุกคนจากต
าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เริ่ม
น าเอา
อุปกรณ์วิญญาณระดับสูงกันออกมาพร้อมส่งมอบแก่ผู้เยาว์ เรื่องนี้
ท าเอาอาจารย์เว่ยและผู้อื่นล้วนริษยา
แน่นอน
ว่าเตาหลอมและค้อนหลอมของอาจารย์เว่ยก็ดีไม่ยิ่ง หย่อนไป
กว่ากัน ท่ามกลางคนกลุ่มนี้
มีเพียงเตาหลอมของฉินหยุนที่ยิ่งมายิ่งแย่
กว่าเก่า เพราะมันเป็นแค่อุปกรณ์วิญญาณครึ่งขั้น
นี่จึงเป็นอีก ครั้งที่ศิษย์
จากต าหนักดวงดาววิญญาณสีครามเย้ยหยันต่อเขา
“ฉินหยุน พรสวรรค์วิถีจารึกของเจ้านั้นดีเยี่ยม
ในอนาคตเจ้า คิดอยากมา
เยือนต าหนักตะวันออกของพวกเราหรือไม่? ข้าคือ
ผู้อาวุโสนอกแห่งประตู
จารึกต าหนักตะวันออก นามข้าคือเวิ่ง
เชี่ยวฮัว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินถึง
ข้างกายฉินหยุนและกล่าว ถาม
ฉินหยุนเองก็ได้เห็น ว่าไม่มีศิษย์ของต
าหนักตะวันออกในหมู่ ศิษย์ของ
ต าหนักดวงดาววิญญาณสีครามเข้าร่วมการแข่งขัน
เลย
เวิ่งเชี่ยวฮัวเป็นผู้อาวุโสจากต
าหนักตะวันออกแห่งส านักจารึก ก็เพียงมา
ที่นี่เพื่อรับชมเรื่องสนุกเพียงเท่านั้นเอง
“ประตูจารึกต าหนักตะวันออกก็มีแต่เจ้า
กระทั่งเตาหรือค้อน หลอมยังไม่
มีให้น าออกมาด้วยซ ้า
นี่เจ้ายังคิดรับคนงั้นหรือ? นอกจากนี้ ฉินหยุนมีเส้น
วิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน ในอนาคต
ยากคาดเดานักว่าเขาจะก้าวเดินต่อ
ในวิถียุทธ์ได้อีกนาน เพียงไร”
ผู้อาวุโสจากต าหนักทิศใต้แค่นเสียงเย้ย
“ข้านึกว่าเป็นพวกเจ้าเสียอีก ที่
บอกว่าเขาคงยากก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก หรือนั่นข้าจ า
ผิดพลาดไป? แต่
แล้วตอนนี้เขาก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว
บางที อาจเหนือล
้ากว่าพวกเจ้าก็ได้ยามเมื่อเวลาผันผ่าน!”
ผู้อาวุโสอีกคนแค่นเสียงกล่าวค า
“ประตูจารึกนั่นไม่มีแม้สักคน ได้เข้าไปสู่
ภายใน มีเพียงแต่เจ้าเป็นผู้อาวุโสนอก
ทั้งยังคิดฝืน รับคนเข้าส านักนอก
เสียอีก และเจ้า จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่
อาจผ่านการทดสอบได้ด้วยซ ้า!
กระทั่งว่าเจ้าคิดอยากรับฉิน หยุนเป็นศิษย์
เขาก็คงไม่หน้ามืดเลือกเจ้า
อย่างแน่นอน!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวพวกนี้
เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว สี หน้าทั้ง
เจ็บปวดและหดหู
เป็นเขาถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่นั่น เขาแทบคิดเดิน
ออกไปให้พ้นจากที่นี
“ฉินหยุนเหมือนจะจนตรอกแล้ว หลังใช้ก าลังภายใน
แปรเปลี่ยนเป็นเปลว
เพลิงคงทนได้อีกไม่นานนัก และการ
หลอมเหล็กในขั้นตอนถัดไปยังต้อง
ใช้ก าลังภายในอีกมาก” ผู้ อาวุโสจากต
าหนักใต้กล่าวขึ้น
“ได้เวลาให้เอาอาคมธงออกมาใช้งานแล้ว!”
ผู้อาวุโสอีกหนึ่ง คนพลัน
กล่าวขึ้น
เหลียงชั่วจินนับว่าเยาว์วัยที่สุดในบรรดาอาจารย์จารึกของ
ฝ่ายเขา พลัง
ภายในที่เขามีสะสมเอาไว้นับว่าอ่อนด้อยกว่าผู้อื่น
ดังนั้นสิ่งที่เขาเตรียม
มาแต่แรกจึงถูกใช้งาน มันเป็นธงขนาด
เล็กกว่ายี่สิบผืน ตอนนี้มันก าลัง
ตั้งเรียงรายรอบตัวเขาเป็นค่าย อาคมธง
สิ่งนี้ถูกใช้งานเพื่อเสริมพลัง
อ านาจการดูดกลืนพลัง วิญญาณเก้าตะวัน
ฉินหยุนรู้สึกอิจฉายิ่ง ค่าย
อาคมธงนับว่าเป็นวิธีการปราดเปรื่อง ที่น
ามาใช้งานตอนนี้ และ
กระบวนการขัดเกลาอาคมนี้ขึ้นยัง
ซับซ้อนอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ศิษย์ของ
ต าหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่มีอาคม ธง
อาจารย์เว่ยและผู้อาวุโส
ท่านอื่นล้วนก็มีเตรียมเอาไว้ใช้งาน
เช่นเดียวกัน
ตอนที่ 101
ศักยภาพเกินคาด
ฉินหยุนทําได้เพียงถอนหายใจภายใน
พวกเขาเหล่านี้ล้วน เตรียมตัวกันมา
อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอาจารย์เว่ยและผู้อื่น
พวกเขาย่อมเตรียมการ
สําหรับการแข่งครั้งนี้มาหลายปียิ่งแล้ว
สําหรับฉินหยุน เขาเพียงทราบเมื่อ
สองวันก่อน และนั่นก็ถือว่า
สายเกินไปแล้วที่จะเตรียมการได้ทัน
ทุกคนต่างสงสัย
ว่าเพราะเหตุใดต้วนเฉียนจึงไม่มอบทรัพยากร ใดแก่ฉิน
หยุนเลย
ไม่เช่นนั้นคงไม่โดนผู้อื่นทิ้งไว้ห่างไกลเพียงนี้ แน่ ชั่วขณะนี้ ฉิน
หยุนโดนผู้อื่นเมินโดยสมบูรณ์แล้ว อาจารย์จารึกท่านอื่นได้หลอมชิ้นเหล็ก
ให้เป็นเหล็กชิ้นเล็ก เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้พวกเขากําลังเริ่มหลอมอีกชิ้น
หนึ่ง
ทางด้านฉินหยุน
เขาเพิ่งนําเอาเหล็กร้อนออกจากเตาหลอม และกําลัง
หลอมต่อด้วยค้อน “ในมือฉินหยุนนั่น...
ใช่คอนราชันยักษ์วิญญาณหรือ
เปล่า? ไม่ สิ นั่นเป็นคอนราชันยักษ์วิญญาณจําลอง!”
ถึงตอนนี้เพิ่งมีคน ตระหนักถึงตัวตนฉินหยุนได้
“พิมพ์เขียวค้อนราชันยักษ์
วิญญาณที่เขาได้รับตอนนี้ขัดเกลา ออกมาได้แล้ว?
กระบวนการขัดเกลา
อุปกรณ์วิญญาณระดับ ราชันนั้นซับซ้อนยิ่ง
นอกจากนี้ยังไม่ง่ายต่อการ
หลอม โดยเฉพาะกับการจัดวางผังวิญญาณ
ความต้องการกว่าจะ หลอม
มันได้นับว่าสูงยิ่ง
จําเป็นต้องทําให้ผังเกิดความสอด ประสานกับ
รูปลักษณ์ทั้งมวล
ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางทําสําเร็จได้”
“เหมือนว่าเขาจะหลอมคอนราชันยักษ์วิญญาณระดับตํ่าได้
สําเร็จจริง
นะ!”
“กล่าวกันว่าพิมพ์เขียวนั้นถูกส่งต่อมาจากยักษ์โบราณ
การ จัดเรียงของ
ผังวิญญาณจะยิ่งทําให้พลังของผังวิญญาณสอด
ประสานกันและ
แข็งแกร่งขึ้น!”
“ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของจริงสามารถเพิ่มขนาดขึ้นได้
เพราะเดิมที่
มันเป็นของที่ออกแบบมาเพื่อยักษ์!”
ฉินหยุนไม่ทราบประวัติเบื้องลึก
เบื้องหลังค้อนราชันยักษ์ วิญญาณ
ชั่วขณะที่เขานําค้อนออกมา เขาจึงใช้
เคล็ดวิชามังกร หลอมหกกระบวนเพื่อทําการหลอม
ตู้ม! ขณะค้อนทุบลงมา
ออร่ารุนแรงแทบสามารถแยกขุนเขา ทุก ผู้คน
ล้วนแตกตื่น ใบหน้าเหล่านั้นเปี่ยมไปด้วยความกังขา!
“ค้อนราชันยักษ์วิญญาณระดับตํ่ามีพลังถึงเพียงนี้?”
“ทุบหนึ่งครั้งเทียบเท่าของพวกเราหลายครั้ง!”
“เจ้าหนูนี่อาจไล่ตามเราทันได้
ต้องเร่งมืออย่าได้เสียเวลา อย่า วอกแวก
ไม่งั้นได้กลายเป็นตัวตลกกันหมดแน่!”
ฉินหยุนตอนนี้ทุ่มสุดตัวเพื่อการ
หลอมด้วยการเผยออกซึ่งพลัง
อันน่าสะพรึงเพียงการใช้ค้อนทุบไม่กี่ครั้ง
เขาก็สามารถเปลี่ยนเหล็กหนัก
หนึ่งร้อยจินให้กลายเป็นเหล็กวิญญาณชิ้น
เล็กได้แล้ว
หลังทําการหลอมเหล็กวิญญาณชิ้นเล็กเสร็จสิ้น เขาจึงรีบนํา
เหล็กอีกก้อนโยนเข้าเตาหลอมและทุบมันอยู่อีกหลายต่อหลาย
ครั้ง
ความเร็วของเขายิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้น
เป็นผลให้อาจารย์จารึก อาวุโสหลายคน
อดไม่ได้ที่จะอุทานออกด้วยความชื่นชม
“ดูเหมือนค้อนราชันยักษ์วิญญาณจะสามารถปล่อยกําลัง
ภายในของ
ยักษ์ออกมาได้”
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะถึงกับมีค้อนเช่นนี้ในมือ”
“เจ้าหนูนใกล้ไล่ตามพวกเราทันแล้ว!”
เมื่อได้ยินคนจากตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามพูดคุยกันเอง อย่างเป็นกังวล
ต้วนเฉียนจึงยิ้มออก เขา
ทราบอยู่แล้วว่าค้อน
ราชันยักษ์วิญญาณทรงพลังเพียงใด แต่ที่มันเกิดขึ้น
ได้ก็เพราะ ตัวของฉินหยุนเองด้วย
พละกําลังที่ฉินหยุนเผยให้เห็น แม้เคย
เห็นแล้วเขาก็ยังต้องรู้สึกทึ่ง
การจะปลดปล่อยพลังค้อนยักษ์ราชันวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างน้อยก็
ต้องใช้เคล็ดวิชายุทธ์ระดับลึกลํ้าที่เกี่ยวข้องกับ
เคล็ดวิชาค้อนโดยเฉพาะ
มังกรหลอมหกกระบวนของฉินหยุนนับว่าไม่เลว
มันค่อนข้าง ใกล้เคียงกับ
วิชายุทธ์ระดับลึกลํ้า นอกจากนี้เขายังเรียนรู้มันถึง
ขั้นกลาง และเขายังใช้
กําลังภายในเสริมเข้าไปอีก
“กับเหล็กธรรมดาแบบนี้ไม่เห็นต้องใช้เตาหลอมเลยนี่!”
ฉินหยุนมอง
ประกายวิบวับจากผังแปรธาตุบนตัวค้อนราชันยักษ์
วิญญาณ มัน
สามารถปล่อยความร้อนรุนแรงออกด้วยตัวของ
มันเองได้ เขาหยุดส่ง
เปลวเพลิงเข้าเตาหลอม
จากนั้นจึงนําเอาเหล็กที่ยัง ไม่ผ่านการหลอมใน
เตามาวางบนแท่นหลอม
เขาคิดใช้มังกรหลอมหกกระบวนทุบเข้าที่เหล็ก
โดยตรง ชั่ว ขณะที่ค้อนปะทะ
ผังแปรธาตุจะดูดกลืนกําลังภายในเขาสู่ตัว
ค้อน
จากนั้นมันจะปลดปล่อยคลื่นความร้อนแรงกล้าเพื่อทํา การหลอม
เหล็กก้อนจนกลายเป็นสีแดงฉาน
เพียงชั่วครู่
ทุกคนถึงกับต้องมองว่าเขาทําอันใดอยู่กันแน่ แต่ หลังได้เห็น
พวกเขาแทบหนาวถึงสันหลัง! หนึ่งค้อน สองค้อน
สามค้อน.... รวมทั้งสิ้น
หกค้อนเขาก็จบงาน ได้ชิ้นหนึ่ง
นอกจากนี้ยังใช้เพียงแค่สองกระบวนท่า
จากวิชา มังกรหลอมหกกระบวน
“ไอ้เด็กนี่”
อาจารย์เว่ยถึงกับริษยาขณะจ้องมองแทบตาถลน เขาถึงขึ้น
สบถสาปแช่งภายในใจ
ฉินหยุนไม่จําเป็นต้องใช้เตาหลอมอีกต่อไป
ทั้งยังทํางานได้ รวดเร็วยิ่งกว่า
ต้วนเฉียนเองก็แตกตื่นขณะหัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
มี เพียงเขาที่
ทราบว่าผังแปรธาตุบนตัวค้อนราชันยักษ์วิญญาณ
คือผังวิญญาณ
ระดับสูง
เพราะเหตุนี้มันจึงทําให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นตรงหน้า
นอกจากนี้กําลังภายในของเปลวเพลิงทองม่วงยังสามารถ
ผสานเข้ากับ
คอนราชันยักษ์วิญญาณและผังแปรธาตุได้อย่าง
สมบูรณ์
ฉินหยุนตั้งสมาธิกับการหลอม
เขาคล้ายหลอมรวมเป็นหนึ่งกับ ค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณ ท่วงท่าการทุบค้อนทั้งเป็นธรรมชาติ
และไหลลื่น ราวกับ
เขาตอนนี้เข้าถึงความกระจ่างรู้ในการใช้ งานมัน
ทุกคนล้วนคิด ว่าฉิน
หยุนที่เป็นอาจารย์จารึกซึ่งเยาว์วัยที่สุดก็
เท่านั้น เขาสมควรต้องด้อยกว่า
เหลียงชั่วจิน แต่แล้วในความเป็นจริง
เขากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหลียงชั่ว
จินมากนัก
ฝีมือการหลอมของเหลียงชั่วจนค่อนข้างงุ่มง่าม
ในสายตาของ อาจารย์
จารึกหลายท่าน
นี่สมควรเป็นสิ่งที่มีอใหม่ควรเป็น แต่แล้วทางด้านฉิน
หยุน เขากลับมีฝีมือระดับอาจารย์ชํานาญ
ยามเมื่อทําการหลอม
“ฉินหยุนทําออกมาได้ห้าสิบแล้ว
ส่วนทางเหลียงชั่วจินเพิ่งสี่ สิบ!” ช่างตี
เหล็กอาวุโสแห่งตําหนักจารึกเทวะอุทานเสียงเบา
กระทั่งว่ารวดเร็วที่สุดอย่างอาจารย์เว่ย
ก็เพียงแค่หกสิบแปด ชิ้นเท่านั้น!
ด้วยเพราะเตาหลอมและค้อนหลอมระดับสูง เขายัง
ไม่อาจเร็วกว่าฉิน
หยุนได้มากนัก
ในบรรดาศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
จํานวน มากที่สุดตอนนี้คือห้าสิบหก
ซึ่งก็ไม่ได้มากกว่าฉินหยุนมาก
เท่าใดนัก
ศิษย์ทั้งยี่สิบคนของตําหนักดวงดาวส่วนใหญ่ถูกฉินหยุนทิ้ง
ห่าง!
เรื่องหนึ่งที่ควรทราบคือ
พวกเขาเหล่านั้นครอบครองค่าย อาคมธงและ
อุปกรณ์วิญญาณระดับสูง แต่แล้วพวกเขากลับ
โดนฉินหยุนที่พวกเขาดู
ถูกทิ้งห่าง!
ฉินหยุนเองก็ไม่คิดว่าตนสามารถไล่ตามทันได้!
ในบรรดาผู้เข้าร่วม
เขาคิดว่าตนอยู่แค่ระดับปานกลาง
“ฉินหยุนเดี๋ยวมันก็หมดแรง! ความยากลําบากในงานนี้คือ
หลอมเหล็ก
วิญญาณหนึ่งร้อยชิ้นให้กลายเป็นชิ้นเดียว
ถึงตอน นั้นมันจะต้องใช้กําลัง
ภายในอีกไม่น้อยเพื่อให้ผ่านกระบวนการ
นั้นไปได้” ผู้อาวุโสจากตําหนัก
ตะวันตกแค่นเสียงกล่าว
ฉินหยุนอยู่ใกล้บริเวณศูนย์กลาง
เรียกได้ว่าค่ายอาคมธงปักราย ล้อมเขา
เต็มไปหมด
ผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดของสถานที่ตรงนี้ คือเขาสามารถ
ดูดกลืนพลังเก้าตะวันปริมาณมหาศาลจากสร้อยข้อมือ
วิญญาณเทวะเก้า
ตะวันได้โดยไม่มีผู้ใดตรวจพบ นอกจากนี้
เขายังสามารถฉกฉวยเอาพลัง
ปราณจากค่ายอาคมธงรวบรวม
พลังวิญญาณได้อีกด้วย
หลังฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกําเนิดได้ การรับรู้พลัง
วิญญาณของ เขายิ่งมายิ่งกระจ่าง ด้วยเหตุนี้
เมื่อถึงเวลาที่ใช้สร้อยข้อมือ
วิญญาณเทวะเก้าตะวันดูดกลืนพลังวิญญาณ
มันจะยิ่งสามารถ ดูดกลืน
ได้มากขึ้น! เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
“เหล็กวิญญาณหนึ่งร้อยชิ้นในที่สุดก็สําเร็จ!”
ฉินหยุนหันมอง เหล็ก
วิญญาณที่กองกันไว้ขณะปาดเช็ดเหงื่อ
นับว่าเขาหลอม เหล็กวิญญาณ
หนึ่งร้อยชิ้นได้เร็วกว่าที่คิดนับยี่สิบเท่าเห็นจะได้
บรรดาผู้อาวุโสจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามเผยสีหน้า
น่าเกลียด
กันแล้ว
นี่เป็นเพราะฉินหยุนเสร็จงานช่วงแรกได้เร็ว กว่าบรรดาศิษย์ของ
พวกเขา! ในสายตาของอาจารย์จารึกอาวุโส
ศิษย์ของตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามมีศักยภาพที่ดีพอสมควรแล้ว
ทว่า พวกเขา
ยังคงห่างไกลนักหากนําไปเทียบกับสัตว์ประหลาดอย่างฉิน
หยุน ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงกลับไปใช้เตาหลอม
เขานําเหล็กวิญญาณหนึ่ง
ร้อยก้อนใส่ลงไปเพื่อแปรเปลี่ยนพวก
มันเป็นสีแดงฉาน จากนั้นจึงเริ่มทํา
การหลอมให้พวกมัน
รวมเข้าด้วยกันทีละหนึ่งเพื่อเพิ่มขนาดเป็นเส้นเหล็ก
วิญญาณ สิ่งที่น่าฟังเหนืออื่นใดคือ
ฉินหยุนยังมีแรงเหลือล้น เรื่องนี้ไม่
สมเหตุสมผลแล้ว
เป็นเพราะทุกคนต่างทราบว่าเขามีเส้นวิญญาณเพียง
หนึ่ง ตะวัน
ทั้งยังไม่ได้กินเม็ดยาเพื่อช่วยฟื้นฟูแต่อย่างใด แต่แล้ว เขากลับ
ยังมีพลังอยู่แม้ผ่านการใช้พลังเป็นเวลายาวนาน
กระทั่งอาจารย์เว่ยที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้ายังไม่
อาจทําเช่นนี้
ได้ด้วยซ้ํา
“หัวหน้า
ท่านไม่คิดว่าฉินหยุนนั่นแปลกเกินไปหน่อยหรือ? นี่
มันผิดปกติ
แล้ว!”
ผู้อาวุโสจากตําหนักทิศใต้กล่าวเสียงยะเยือก
“ที่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามของพวกท่านตกตํ่า
และ ต้องมาซ่อน
ตัวอยู่ที่นี่นั้นไม่ใช่ไร้เหตุผลเสียแล้วกระมัง
สถานการณ์ตอนนี้ยังตระหนัก
ไม่ได้อีกหรือ? วิธีฝึกฝนพลัง
ภายในของฉินหยุน ก้าวถึงขั้นสมบูรณ์แบบ นี่
หมายความว่า
เขาสามารถฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็วผ่านการควบแน่นจิต
วิญญาณ และยังได้ฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกําเนิด”
ต้วนเฉียน หัวเราะคิก
คักกล่าว
เคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในขั้นสมบูรณ์แบบ
นั่นนับเป็นสิ่งที่ ขอบเขต
กายวรยุทธ์ทั้งหมดได้เพียงแต่ฝันถึง!
ด้วยด้วนเฉียนกล่าวคํา อาจารย์เว่
ยถึงกับหยุดงานในมือขณะ
มองฉินหยุนอย่างตื่นตะลึง อาจารย์จารึก
อาวุโสท่านอื่นล้วน เป็นเช่นเดียวกัน!
ด้วนเฉียนยังคงกล่าวต่ออย่างเย้ยหยัน
“ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาจะ หนีออกจาก
หอคอยทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไร? จิตวิญญาณต้น
กําเนิดของเขาออกมา
จากหอคอย และทําการดูดกลืนพลัง วิญญาณ
จากนั้นจึงควบแน่นเปลว
เพลิงทองม่วง และค่อย ส่งผ่านไปยังผังวิญญาณ
เพราะแบบนั้นรูที่
หอคอยถึงมีร่องรอย
การโดนหลอมละลายเกิดขึ้นยังไงละ”
ตอนที่ 102
อันดับหนึ่งคือ?
ฉินหยุนถึงกับอึ้ง
เขาไม่คิดว่าต้วนเฉียนจะทราบเรื่องวิญญาณ ต้นกําเนิด
ดวงตาของอาจารย์อาวุโสถึงกับเปี่ยมด้วยความตระหนักก่อน
ร้องอุทาน
“มีคําเล่าลือว่า เมื่อฝึกฝนวิญญาณต้นกําเนิด
มัน เทียบเท่ากับเป็นการ
เปิดประตูจิตวิญญาณสู่พลังธาตุของคนผู้ นั้น
พลังวิญญาณโดยรอบจะ
ไหลเข้าหามันด้วยตัวเองก็ไม่ใช่
การกล่าวเกินเลย” ต้วนเฉียนพยักหน้า
และกล่าว
“แม้ฉินหยุนมีเส้นวิญญาณเพียง หนึ่ง
แต่ความจริงคือจิตวิญญาณต้น
กําเนิดสามารถลบล้าง ข้อบกพร่องนั้น! หนึ่งในสิ่งที่ได้รับผลประโยชน์จาก
จิตวิญญาณ
ต้นกําเนิดก็คืออ่อนไหวต่อพลังวิญญาณโดยรอบ เขาจะ
สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเล็กน้อยจากพื้นที่ซึ่งค่ายอาคมธง
ตั้งอยู่ได้”
ฉินหยุนดูดกลืนพลังวิญญาณที่โดนค่ายอาคมธงชักนําเข้ามา!
เรื่องนี้ถึงกับทําเอาหลายคนโกรธแค้น ทว่าตําหนักจารึกเทวะ
ตอนนี้เต็ม
ไปด้วยผู้คน
พวกเขาจึงไม่อาจเลี่ยงการใช้ค่ายอาคม ธง หากไม่ใช้ค่าย
อาคมธง แบบนั้นกําลังภายในที่พวกเขาต้อง
ใช้จะไม่เพียงพอต่ออัตรา
ได้รับ
บรรดาผู้มาจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามพลันหล่นวูบ และ
หนักอึ้ง แม้เด็กหนุ่มสาวที่พวกเขาส่งออกไปจะเปี่ยมด้วย
คุณภาพ แต่
ช่องว่างระหว่างพวกเขาและอาจารย์จารึกวัย
กลางคนและอาวุโสนับว่า
ห่างไกลนัก
แต่สิ่งที่ทําเอาหัวใจพวกเขาหนักอึ้งคือ
ศิษย์ของพวกเขาไม่ อาจเทียบแม้
กับฉินหยุนที่เป็นอาจารย์จารึกตัวเล็กจ้อย หาก
ข่าวคราวนี้แพร่กระจาย
ออกไป ชื่อเสียงของตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามที่โด่งดังเรื่อง
อาจารย์จารึกได้กลายเป็นอากาศ ธาตุแล้ว
บรรดาผู้อาวุโสจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามเริ่มมอง
กันเองอย่าง
ลําบากใจ พวกเขาลงเม็ดเงินไปปริมาณมหาศาล
กับค่าลงทะเบียนเมื่อครู่
แต่แล้วตอนนี้เงินก้อนนั้นคล้ายจะสูญ เปล่า
เหตุผลหลักก็เพราะพวกเขาดู
ถูกบรรดาอาจารย์จารึกที่นี่ พวก
เขาคิดว่าอันดับแรกสมควรต้องเป็นคน
หนุ่มสาวของตัวเองคน ใดคนหนึ่งได้รับนอนมา
ต้วนเฉียนนั้นพยายามเฝ้า
ระวังอยู่ตลอดเผื่อมีกรณีที่ใครบางคน
คิดคดโกงครั้งนี้ ทั้งยังจับตาดู
บรรดาศิษย์ของตําหนักดวงดาว อย่างใกล้ชิด
บรรยากาศตึงเครียดปก
คลุมห้องโถงกว้างใหญ่
เวลาเริ่มไหล ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
สภาพจิตใจฉินหยุนตอนนี้สงบ เขายัง
รักษาประสิทธิภาพอย่าง ที่เคยเป็น หากเขาตรากตรําได้จนจบ
ชัยชนะก็
สมควรเป็นของ เขา
แม้ว่าเขาไม่อาจได้รับอันดับหนึ่ง แต่ประสบการณ์ที่
ได้รับ
ในครั้งนี้ก็ถือเป็นรางวัลแก่เขาชนิดหนึ่งแล้ว
เมื่อเขามองไปยังเด็กหนุ่มจากตําหนักดวงดาว
เขานึกคิดกับ ตนเอง
“ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามตกตํ่านัก อาจารย์
จารึกรุ่นเยาว์พวกนี้
หาได้แข็งแกร่งไม่ จองหองเกินไปจนแพ้ พ่าย
เหมือนที่ท่านทวดกล่าว
เอาไว้จะเป็นเรื่องจริง”
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามต้องการคัดเลือกกลุ่มคนมีความสามารถ
เหมือนหยางฉีเย่ว์ เชี่ยวเย่ว์หลาน
ฉินเจิ้งเฟิง และผู้อื่นที่ยังเยาว์และทรง
พลังอํานาจ
ในอนาคต ฉินหยุนมีความคิดไปเยือนประตูจารึกแห่งตําหนัก
ตะวันออก
เช่นกัน
“ใกล้หมดเวลาแล้ว!” ต้วนเฉียนตะโกนดังขึ้น
บรรดาผู้อาวุโสนับว่า
ระดับสูงกันทั้งนั้น พวกเขาสามารถยืน
หยัดจนกระทั่งถึงที่สุด พวกเขา
สามารถหลอมแท่งเหล็ก
วิญญาณจากเหล็กหนักหนึ่งหมื่นจินได้สําเร็จ ใน
บรรดาศิษย์ของตําหนักดวงดาว
มีห้าคนที่ไม่อาจไปถึงฝั่งฝัน ฉินหยุนเองก็
ทําทุกคนประหลาดใจไม่ใช่น้อย เป็นเพราะเขา
ถึงกับสามารถทําแท่ง
เหล็กวิญญาณมาตรฐานออกมาได้
อาจารย์จารึกระดับต้นอายุเพียงสิบห้าถึงกับสามารถทําได้ถึง
ระดับนี้ นี่
หมายความถึงความสามารถในการแปรธาตุของเขา
ทัดเทียมอาจารย์
จารึกระดับกลาง
ทางด้านเหลียงชั่วจิน
อัจฉริยะซึ่งอ่อนเยาว์ที่สุดผู้มาจาก ตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม ไม่อาจทํางานครั้งนี้ได้จน
สําเร็จ เมื่อนําตัวเขา
เปรียบเทียบกับฉินหยุน ช่องว่างที่เผยให้เห็น
นับว่าชัดเจนเกินกว่าจะชัด
แล้ว เขาไม่อาจทําอะไรอื่นได้อีก
ที่ทําได้ก็เพียงแต่เกลียดชังฉินหยุน ถึง
กระดูกดําเพราะทําให้เขาต้องเสียหน้าอย่างรุนแรง
หากไม่มีการ
เปรียบเทียบ ก็คงไม่มีการเสียหน้า!
หากไม่มีฉินหยุน ทุกคนก็คงเพียงพูดว่าเพราะเหลียงชั่วจินเป็น
ผู้เยาว์ แต่
แล้วฉินหยุนกลับอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าเหลียงชั่วจิน
เขา จึงไม่ใช่ผู้ที่อ่อนเยาว์
ที่สุดในที่นี้อีก! ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก
ทั้งยังลอบยินดีไม่น้อยที่ตน
สามารถ ยืนหยัดจนถึงที่สุดได้!
โดยภายนอก บรรดาอาจารย์จารึกในโถงไม่ได้พูดกล่าวสิ่งใด
แต่ภายในใจ
พวกเขา ล้วนชื่นชมกับพละกําลังระดับนี้
เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้า ทั้งยัง
ไม่มีเตาหลอมที่ดีหรือค่ายอาคม ธง
กระทั่งไม่ใช้เม็ดยาแม้เพียงเม็ดเดียว
ถึงกับสามารถร่วมการ
แข่งที่มีแต่อาจารย์จารึกระดับกลางและระดับสูงได้
จนสําเร็จ งานทั้งที่อาศัยเพียงค้อนด้ามเดียว
นี่สิถึงควรเรียกว่าอัจฉริยะ!
หากเทียบกับเหลียงชั่วจินแล้วไม่
ทราบว่าอัจฉริยภาพนี้เหนือกว่าไม่รู้กี่
เท่า!
“นับเป็นงานหนักต่อทุกท่านแล้ว
ตอนนี้คือขั้นตอนชั่งนํ้าหนัก ผู้ที่ทําแท่ง
เหล็กวิญญาณได้หนักที่สุดจึงได้รับอันดับหนึ่ง!”
ต้ วนเฉียนนําเอาตราชั่ง
ทองคําออกมา แท่งเหล็กวิญญาณไม่ใหญ่
มันใหญ่กว่าปลายนิ้วมือเพียง
เล็กน้อยด้วยซ้ํา แต่อย่างไรแล้ว
เพราะผ่านการขัดเกลาหลาย ต่อหลาย
ขั้นตอนมาก่อน มันจึงมีนํ้าหนักมหาศาลนัก
อาจารย์จารึกทุกท่านที่เข้า
ร่วมการแข่งขันต่างลุกออกจากที่นั่ง กันทีละคน
แท่งเหล็กวิญญาณที่พวก
เขาหลอมจะถูกวางเอาไว้
บนแท่นหลอมก่อนหน้านี้
เพื่อรอให้ต้วนเฉียนลงมาทําการสั่ง นํ้าหนักพวก
มันไปทีละแท่ง
ต้วนเฉียนขานเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถงอัง หนึ่งร้อยหกสิบจิน!”
“ลู่เดินหลี่
หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าจินกับอีกแปดเหลี่ยง!”
*ผู้แปล : หน่วย เหลี่ยง ย่อยมาจาก จิน โดยที่ 1
จิน = 10 เห ลี่ยง*
“ซูจงปิง หนึ่งร้อยหกสิบสามจิน!”
ผ่านไปแล้วหลายสิบคน นํ้าหนักของ
พวกเขาอยู่ที่ราวหนึ่งร้อย
ห้าสิบจินหรือมากกว่านั้น กล่าวได้ว่าอาจารย์
จารึกแต่ละท่าน
ในที่นี้ล้วนมีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ในส่วนของบรรดา
ศิษย์จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็
นับว่าไม่เลว พวกเขาก็อยู่ใน
เกณฑ์หนึ่งร้อยห้าสิบจินเช่นกัน!
แท่งเหล็กวิญญาณขนาดเท่าปลายนิ้วมือ
มีนํ้าหนักมหาศาล เพียงนี้
นับว่าเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ไม่น้อย!
ฉินหยุนเคยอ่านในตํารามาก่อน
ระดับเท่านี้ถือว่าอยู่ชั้นแนว หน้า แต่ตัว
เขาเองก็ไม่เคยคิดหลอมมันมาก่อน
นับว่าครั้งนี้เป็น การหลอมครั้งแรก
ทั้งยังใช้วิธีที่ทรหดไม่ใช่น้อย
ในที่สุดต้วนเฉียนก็ถึงตรงหน้าอาจารย์เว่ย
ทุกผู้คนล้วนรอรับ ฟังด้วยความสนอกสนใจ
“เว่ยหย่ง
หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าจินกับอีกแปดเหลี่ยง!” นํ้าหนักเกือบถึงสอง
ร้อยจิน นี่นับว่าหนักที่สุดเท่าที่เคยชั่ง
มาแล้ว กระทั่งว่าที่หนักที่สุดซึ่งมี
การบันทึกเอาไว้ในอดีตยังแค่
หนึ่งร้อยแปดสิบเก้าจินเท่านั้น! ทุกผู้คน
ทอดถอนเสียงหายใจด้วยความชื่นชม แต่พร้อมกันนี้
พวกเขาก็อดที่จะ
ผิดหวังไม่ได้
ครั้งนี้ชัยชนะตกเป็นของอาจารย์เว่ยอีกแล้ว!
อาจารย์เว่ยที่ก่อนหน้าเป็นกังวลในที่สุดตอนนี้ค่อยเผยรอยยิ้ม
ออกได้
อาจารย์จารึกท่านอื่นที่มีสัมพันธ์อันดีกับเขา
ล้วนก้าว เข้ามาแสดงความ
ยินดีด้วยทั้งสิ้น
ตัวนเฉียนเดินถึงตรงหน้าแท่นหลอมของฉินหยุน
ทุกคนกลับ กลายเป็น
เงียบกริบ
พวกเขาอยากเห็นว่าฝีมือของฉินหยุนอยู่ ระดับใด อย่างไรแล้ว
หากได้ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยมาตรฐานก็นับว่า
ดีเยี่ยมมากแล้ว
“หนึ่งร้อยจินก็มากแล้ว!”
เหลียงชั่วจินแค่นเสียง
“ก็แค่พึ่งพา เปลวเพลิงทองม่วงกับคอนราชันยักษ์วิญญาณ
ฝีมือของมันที่
จริงก็ไม่เท่าไหร่หรอก!” คําพูดและนํ้าเสียงนี้
ทุกคนกล้าบอกว่าเป็นเขา
อิจฉาฉินหยุนอย่างเปี่ยมล้นแล้ว
ฉินหยุนเพียงยิ้มบางขณะกล่าวเหยียด
หยัน
“ก็ข้าไม่ได้วิเศษ เท่าเจ้านี่!
เจ้ามีทั้งเตาหลอมระดับสูง ค้อนหลอมระดับสูง
ทั้งยัง มีค่ายอาคมธง
แม้ไม่อาจสําเร็จเป้าหมายของการแข่ง แต่ อดทนมา
ได้จนจบการแข่งก็นับว่าไม่เลว!”
โทสะภายในเหลียงชั่วจินเริ่มทะลัก
เพราะคําพูดที่ตอนแรก เหมือนจะดีแต่กลับไม่ใช่
ต้วนเฉียนตอนนี้พลัน
ตะโกนขึ้น
“ฉิน หยุน สองร้อยจินกับอีกหนึ่งเหลี่ยง!”
ทั่วทั้งห้องโถงกว้างใหญ่พลันฮือฮาขึ้น
ทุกผู้คนต่างร้องอย่างไม่ เชื่อสิ่งที่ได้
ยิน
“นี่ข้าหูฝาดหรือเปล่า?”
“เหล็กวิญญาณที่ฉินหยุนตีออกมาได้หนักกว่าของอาจารย์เว่ย
หรือ
เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่มีทาง!
ไม่ว่าฉินหยุนจะมีความสามารถท้าทายสวรรค์ เพียงใด เรื่องนี้
กับพลังเท่านั้นของเขาก็ไม่มีทางทําได้!”
“ผู้จัดการ ท่านพูดอะไรผิดพลาดหรือไม่?” บรรดาผู้อาวุโสต่างตั้งคําถาม
พวกเขาร้องอุทานทักท้วงกันที ละคน
พวกเขาล้วนไม่เชื่อ ว่าเหล็ก
วิญญาณของฉินหยุนจะหนักได้ถึง สองร้อยจิน!
กระทั่งฉินหยุนยังคิดว่า
ตนหูฟาด เขาทราบดีว่าแท่งเหล็ก
วิญญาณของตนไม่ได้เบาอะไร เขาคาด
ว่าอย่างน้อยก็ราวหนึ่งร้อยแปดสิบจิน
เขาไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ําว่า
นํ้าหนักของมันจะ ถึงสองร้อยจิน
“หากเจ้าไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็จงมาชั่งมันด้วยตนเอง!”
ต้วนเฉียนยิ้มขณะ
เดินไปยังอาจารย์เว่ยและผู้อื่น
พวกเขาล้วนได้เห็น เข็มของตราชั่งกันถ้วน
หน้า คนในกลุ่มนี้
อาจารย์จารึกกว่าสิบท่านได้เป็นประจักษ์พยาน เมื่อ
อาจารย์เว่ยได้เห็นกับตา
ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม!
เหลียงชั่วจินที่เพิ่งเย้ยหยันฉินหยุนไปเมื่อครู่
สีหน้าตอนนี้น่า เกลียดเกิน
กว่าจะบรรยายได้แล้ว เขาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น
อัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุด
กระทั่งได้รับขนานนามสัตว์ประหลาด แต่มาวันนี้
เขาถูกฉินหยุนทิ้ง
ห่างไกลเป็นโยชน์ คํากล่าว “อัจฉริยะ”
จะกลายเป็นการฉีกหน้าเขาอย่าง
ร้ายแรงแล้ว
อาจารย์เว่ยคือผู้ที่ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ที่สุด เป็นเพราะ
อันดับหนึ่งมันต้องสมควรตกแก่เขา!
“นี่ ข้าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ฉินหยุนอายุเพียงสิบห้า เท่านั้น...” อาจารย์
เว่ยเริ่มสั่นศีรษะรุนแรง ไม่ว่าความจริงเป็น
อย่างไร เขาไม่อาจยอมรับ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้
“ความจริงก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว จงยอมรับ!”
ต้วนเฉียนตะคอกใส่
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น