วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563


159 พลังระเบิด
ขณะที่เขากับเซี่ยอู่เฟิ งคิดทะยานกายเข้าไป พวกเขาพลัน โดนกัวเจิ้งและ
ผู้อาวุโสจํานวนหนึ่งของสถาบันยุทธ์เทียน เสวียนห้ามปรามไว้! “ฮ่าฮ่า
สายเกินไปแล้ว!” เย่ว์ขายหัวเราะลั่น ขานั้นยกขึ้น พร้อมกระทืบลงด้วย
ความรุนแรงยิ่ง

เอวของฮั่วจงโดนกระทืบอย่างรุนแรง กระดูกเชิงกรานถึงกับ หัก เขา
คํารามร้องออกด้วยความเจ็บปวด

“ฉินหยุน จงอย่าได้ขึ้นไป นี่เป็นการขัดต่อกฎกติกา!” เชี่ยวหยางหลงมี
ความสุขยิ่ง “ผู้อํานวยการไป่ พวกเราขอถอนตัว!” เซี่ยอูเฟิ งกล่าวคํา

“ประกาศให้พวกเราแพ้!”

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กระทํา! มีเพียงผู้ที่อยู่บนลานประลอง จึงขอถอน
ตัวได้!” เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ

“อาข่ายที่ เปรียบเสมือนคนในครอบครัวข้ากําลังสนุกสนาน พวกเจ้าล้วน
อย่าขัดได้หรือไม่?”

ฉินหยุนกําหมัดเอาไว้แน่น เขากล่าวอย่างโกรธแค้น “ถั่วเจิ้ง เชี่ยวหยาง
หลง พวกเจ้าสักวันต้องตายด้วยมือข้า รอก่อนเถอะ!”

ทุกคําพูดของเขาเผยผ่านนํ้าเสียงที่มแทงราวมีดน้ําแข็ง แทง ทะลุถึง
กระดูก มันเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง “ฮ่าฮ่า ข้าจะรอก็แล้วกัน!” เซี่ยวห
ยางหลงหัวเราะดัง ราวกับ เขาเห็นว่านี่เป็นเรื่องตลกฉากหนึ่ง

ก้วเจิ้งเองก็หัวเราะดัง “เจ้าอยากสังหารพวกเราหรือ? ช่าง กล่าวโอ้อวด
นัก! น่าขัน!” ฉินหยุนหลับตาและเพ่งสมาธิ เขาปลดปล่อยกลุ่มก้อนพลัง
จิต ทั้งหมดที่แปรเปลี่ยนเป็นดวงดาวในจิตใจออกมา จากนั้นจึงใช้ เคล็ด
วิชาเทวะควบคุม เข้าปกคลุมร่างของฮั่วจง

“วัวที่โง่เขลา ข้าจะให้เจ้าได้ประสบกับความตาย!” เย่ว์ข่าย หัวเราะสุขใจ
ขณะเดียวกันนั้น ขาก็ยกขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว

แต่แล้ว เท้านี้กลับพลาดเป้า เป็นเพราะชั่วขณะนี้ ฮั่วจงที่ได้รับ บาดเจ็บ
รุนแรงกลับลอยขึ้นเหนือพื้น เพียงพริบตาเท่านั้นเอง ร่างนั้นก็ออกไปพ้น
จากลานประลองยุทธ์แล้ว ได้เห็นภาพฉากดังนี้ ทุกคนล้วนอึ้งทึ่ง! หยางฉี
เย่ว์หันมองฉินหยุน นางได้เห็นว่าใบหน้าของเขาเปี่ยม ด้วยเหงื่อทั้งยังซีด
เผือด ผู้คนใกล้เคียงกับฉินหยุน พวกเขาล้วนเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ พวก
เขาล้วนทราบว่าเป็นเขาใช้พลังจิตอันน่าสะพรึงยกร่าง ของฮั่วจงขึ้นก่อน
จะเคลื่อนร่างนั้นออกพ้นจากลานประลอง! เป็นพลังจิตทรงพลังที่น่าสะ
พรึงยิ่ง!

“ฉินหยุน! นี่เจ้า!” ขณะที่กัวเจิ้งคิดกล่าวคําออก โฮวฉิงเฟิ งกลับขัดคําขึ้น

“ฉิน หยุน แม้เจ้าพลาดการประเมินผลในครั้งนี้ ข้าจะยังให้เจ้าและ เซี่ยอู่
เฟิ งได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ทว่ามู่หรงต้าเหริน และยั่วจงไม่อาจ!”
จ้าวฉวนเข้ามาและกล่าวคําเช่นกัน “ฉินหยุน เจ้าเลือกที่จะไม่ ก้าวขึ้นไป
ได้ กระนั้นเจ้าก็จะยังได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ซิงเสวียน หากเจ้าประลอง
กับเย่ว์ข่ายและไม่อาจผ่านการทดสอบ เช่นนั้น สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก็ไม่
ยอมรับเจ้าแล้ว” โฮ้วฉิงเฟิ งพยักหน้ารับ

“จงรีบตัดสินใจ!” หยางฉีเย่ว์เดินเข้ามาและกล่าวแนะนําบางเบา

“ฉินหยุน เย่ว์ ข่ายโหดเหี้ยมนัก เขาสามารถระเบิดพลังภายในของเจ้าได้!
เจ้าต้องตัดสินใจให้ดี!” ฮั่วจงมองที่ฉินหยุน เขากล่าวเสียงเบา

“น้องหยุน เจ้ากับพี่ ใหญ่เซี่ยทําเพื่อพวกเราพอแล้ว จงเข้าร่วมสถาบัน
ยุทธ์ชิง เสวียนเสีย อย่าได้สนใจข้ากับพี่รองมู่หรงเลย” ม่ตรงต้าเหรินยิ้ม
กล่าว

“อย่านอนาคตของเจ้ามาสูญเปล่า เพราะพวกเราสองคน ไปซะ!”

“ฉินหยุน ยอมแพ้เสีย! เจ้าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้แก่เย่ว์ข่ายได้!” ต้ วนเฉียนเอง
ก็ชี้แนะ

“หากพลังธาตุของเจ้าโดนเขาทําให้ระเบิด แบบนั้นเจ้าก็จบเห่!”

“เจ้าหนู เชื่อฟังคําแนะนําเหล่านี้เสีย!” ผู้อํานวยการจางเองก็ กล่าวคํา ฉิน
หยุนมองไปยังเซี่ยอูเฟิ ง เซี่ยอู่เฟิ งยิ้มให้เล็กน้อย

“หากเจ้าต้องการขึ้นไป เช่นนั้นเจ้า ต้องชนะ!” ผู้คนล้วนสะท้าน พวกเขา
แนะนําให้ฉินหยุนอย่าได้ขึ้นไป แต่ แล้ว พี่ใหญ่ของเขาอย่างเซี่ยอูเฟิ งกลับ
ให้กําลังใจแก่เขา! ฉินหยุนพยักหน้ารับก่อนทะยานร่างขึ้นบนลาน
ประลอง! เขาขึ้นไปแล้ว!

ทุกคนกลับกลายเป็นรู้สึกผิดหวัง ยอดฝีมือหลายต่อหลายคน แนะนําแก่
เขา แต่แล้วเขากลับไม่รับฟัง เขายังดื้อดึงคิดขึ้นไป เพื่อทําให้อนาคต
ตัวเองฟังด้วยมือของตัวเอง!

หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจ และทําได้เพียงรับชมเรื่องราว จนสุดทาง

“น้องหยุน” ฮั่วจงกําหมัดแน่น เขาทราบว่าฉินหยุนขึ้นไป เพื่อคิดล้างแค้น
แก่เขา ตั้งแต่ที่เส้นวิญญาณของฉินหยุนถูกพรากเอาไป ผู้คนมักเอาแต่
เย้ยหยันเขา ต่างก่นด่าเขาเป็นขยะที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง ท้ายที่สุด
กลับกลายเป็นศัตรูของจักรพรรดินี ไม่มีผู้ใดกล้ามี สัมพันธ์เป็นมิตรกับเขา
พวกเขาล้วนตีตัวออกห่าง!

แต่แล้ว เมื่อเขามาที่สถาบันซานเสวียน เขาได้พบกับเซี่ยอูเฟิ ง ฮั่วจง และมู่
หรงต้าเหริน พวกเขาทั้งสามให้การดูแลแก่เขาดียิ่ง นับตั้งแต่แรกเริ่ม พวก
เขาไม่เคยเผยความรังเกียจต่อเขาที่มี เส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง พวกเขาคือ
สหายที่ควรค่าแก่การรักษา เอาไว้อย่างถึงที่สุด ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าจะด้วย
อะไร เขาจะต้องทุ่มสุดตัวเอาชนะเย่ว์ ข่าย!

“ข้าก็หวังให้เจ้าขึ้นมานะ แล้วเจ้าก็ขึ้นมาจริง เจ้าและวัวโง่นั่น คงอยู่
ด้วยกันนานเกินไปจนเชื้อโง่แพร่กระจายถึงกันงั้นสิ?” เย่ว์ขายหัวเราะดัง
ก่อนทะยานกายพุ่งเข้ามา เขาปลดปล่อยคลื่นพลังโปร่งแสงในทางลับ
เตรียมเข้าปะทะกับท้องของฉัน หยุน โดยทันที ฉินหยุนตั้งรับ เท้าก้าวด้วย
ก้าวอัคคีเมฆา เขาทิ้ง ระยะห่างออกไปนับสิบเมตรและหลบเลี่ยงการ

โจมตีมาได้ การโจมตีที่ซุกซ่อนแอบแฝงมานั้น มันเปี่ยมด้วยพลังระเบิด
ลึกลับรุนแรง มันสามารถทําลายพลังธาตุของเขาได้!

“โห หลบได้ด้วยหรือนี่!” เย่ว์ข่ายประหลาดใจเล็กน้อย ขณะ โจมตีออกอีก
ครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ ฉินหยุนปลดปล่อยเคล็ดวิชาระเบิดปราณออกจาก
ระยะไกล ตามด้วยเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์ เขาปล่อยคลื่นกระแทก ออกถึง
สามครั้งพุ่งเข้าปะทะกับเย่ว์ข่าย เมื่อคลื่นพลังภายในผ่านออกไป มันพลัน
ระเบิดออก!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! เย่ว์ข่ายโดนบีบบังคับให้ถอยกลับ ชุดสีน้ําเงินงดงามบนร่าง
ตอนนี้ฉีกขาดจนไม่งดงามอีกต่อไป

กําลังภายในที่ปลดปล่อยออกครั้งนี้ ถึงกับระเบิดใส่เย่ว์ข่ายที่ เป็น
ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ฉินหยุนถึงกับสามารถกระทําได้ “เป็นเคล็ดวิชาระเบิด
ปราณและคลื่นยักษ์! เป็นวิชายุทธ์ระดับ ลึกลํ้าทั้งคู่!” จ้าวฉวนร้องอุทาน

“พรสวรรค์ทางวิชายุทธ์ของ เขาน่ากลัวนัก กระทั่งปล่อยวิชายุทธ์ระดับลึก
ลํ้าถึงสองวิชา ออกพร้อมกัน นี่เขาไม่หวาดเกรงพลังปราณบ้าคลั่ง หรือเข้า
กลืนกินพลังภายในจนหมดสิ้นเลยหรืออย่างไร?” เมื่อทุกคนได้ยินดังนี้
พวกเขาล้วนตื่นตะลึง!

กระทั่งว่าวิชายุทธ์ระดับสูงสามารถนํามาผสมผสานรวมกัน แต่ มันก็ยัง
อันตรายนัก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงวิชายุทธ์ระดับลึกล้ําถึง สองวิชา แต่แล้ว
ท่ี
น่ี
และตรงน


ฉินหยนุ ทาํ มนัได!้
เซ่ี
ยอ๋เูฟิงมองไปยงันาฬิกาทราย ตอนน



เวลาเหลือไม่มากแล้ว! มีเพียงแต่ต้องเข้าต่อสู้ประชิดจึงสามารถจัดการ
เย่ว์ขาย ทว่า เมื่อคิดเข้าประชิด เมื่อนั้นจะเป็นระยะที่อันตรายยิ่ง

ฉินหยนุ มองไปยงันาฬิกาทรายและกดัฟันแน่น เปลวเพลิงเผา ไหมร
ุ้นแรง
ที่เท้าของเขา นําพาให้ร่างทะยานเข้าหาเย่ว์ข่าย! ในทันที ความเร็วเคล็ด
วิชาเคลื่อนไหวของเขาถึงกับใกล้เคียง เย่ว์ข่ายได้

ดวงตางดงามของหยางฉีเย่ว์สั่นไหว นางไม่คิดว่าฉินหยุนจะมี ความ
เปลี่ยนแปลงมหาศาลเพียงนี้หลังนางออกจากสถาบัน ยุทธ์ฮัวหลิงไปแล้ว!
เมื่อเย่ว์ข่ายเห็นฉินหยุนทะยานเข้ามา ในใจนั้นแค่นเสียงขณะ เร่งรีบ
รวบรวมพลังระเบิด

โฮก! แต่เมื่อเข้าใกล้ได้ระยะ ฉินหยุนกลับคํารามร้อง! เป็นเขาใช้เสียง
คํารามราชสีห์สวรรค์เสียงคํารามร้องของราชสีห์อันน่าสะพรึง ดังกระจาย
ทั่วทั้งหุบ เขา กระทั่งเย่ว์ข่ายยังแตกตื่นมึนงง!

“อาข่าย ระวัง!” เชี่ยวหยางหลงตะโกนเตือน ทันทีเมื่อเย่ว์ข่ายตกอยู่ใน
ภวังค์ ฉินหยุนจึงปลดปล่อยกรงเล็บ ราชสีห์ออกมา! ถึงตอนนี้ เขาใช้งาน
วิชาวายุสังหารหก กระบวนท่าฟาดฟันออกด้วยกรงเล็บราชสีห์! เย่ว์ขาย
ดึงสติกลับคืน เขาเร่งร้อนหลบเลี่ยงสุดความสามารถ เป็นเขารู้สึกจากก้น
บึงของหัวใจ ว่าหากตนโดนกรงเล็บราชสีห์ นั่นเข้า เขาจะต้องได้รับ
บาดเจ็บสาหัสแน่! |

“อ๊าก!” กระทั่งหลบเลี่ยงได้ ร่างกายท่อนบนยังคงโดนปะทะ ส่งผลให้เกิด
รอยเลือดสามขีดลึกยาวเป็นเส้น เมื่อได้เห็นภาพฉากนี้ ผู้คนล้วนกายแข็ง
ที่อ!

เย่ว์ข่ายคิดว่าไม่น่าได้รับบาดเจ็บอันใด แต่ร่างกายท่อนบนของ เขา
เกือบจะถูกตัดขาดออกเป็นสามส่วน! เมื่อมองลึกลงไปใน บาดแผล จะ
สามารถเห็นเส้นสายสีทองคําอ่อนจาง พวกมัน เหล่านี้คือวัชระเส้นโคจร
หากไม่ใช่มีการเชื่อมต่อของเส้นโคจรเหล่านี้ เลือดปริมาณมาก คงทะลัก
ออกมาแล้ว!

“จงระเบิดแก่ข้า!” เย่ว์ข่ายตะโกนเปี่ยมด้วยโทสะ เขาตอนนี้ ปลดปล่อย
พลังระเบิดรุนแรงอันแข็งแกร่งออกมาแล้ว!

ตอนท
ี่160 ผ

้ฝึ
กตนดาบ

เมื่อฉินหยุนได้เห็นพลังระเบิดเข้ามาใกล้ เขาเร่งร้อนควบคุม พลังธาตุทั้ง
สองในตันเถียนโคจรพวกมันสู่แขนซ้าย! แขนซ้าย ของเขาเป็นแขนแห่ง
ราชสีห์สวรรค์ มันทรงพลังมหาศาล และ เพียงพอที่จะรองรับพลังธาตุทั้ง
สองของเขา หลังส่งถ่ายพลังไปเรียบร้อย เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรง
ที่ ท้อง มันระเบิดกลายเป็นฝอยเลือดออกมา!

ถึงตอนนี้เอง เขาใช้แขนซ้ายสับฟันเข้าใส่เย่ว์ข่ายด้วยเคล็ด วิชาวายุ
สังหาร ทลายนที! เย่ว์ข่ายแตกตื่นเร่งร้อนหลบหลีก ทว่าแขนซ้ายและไหล่
ซ้าย ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทั้งหัวไหล่และแขนพลันถูกสับฟันกลับ
กลายเป็นเศษชิ้นเนื้อ!

ชั่วขณะที่หมอกเลือดทะลักออกจากท้องของฉินหยุน ทุกคน ล้วนแตกตื่น!
หยางฉีเย่ว์กัดริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด โฮ่วฉิงเฟิ ง จ้าวฉ
วน ผู้อํานวยการจาง ผู้อํานวยการไป่ และ ผู้อื่นล้วนเผยใบหน้าเปี่ยมด้วย

ความเสียดาย และส่ายศีรษะ พร้อมถอนหายใจ! เรื่องที่พวกเขาไม่อยาก
เห็นที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว! กระทั่งอาจารย์เว่ยและผู้อื่นยังส่งเสียงโห่ร้อง พวก
เขาได้เห็น กับตาว่าเย่ว์ข่ายเองก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรง เพราะสีหน้าของ
เชี่ยวหยางหลงตอนนี้ พวกเขาจึงไม่กล้ากล่าวอันใดออกมา ที่ ทําได้ก็
เพียงแต่ยินดีอยู่ภายในใจเท่านั้น ฉินหยุนนอนทอดร่างบนลานประลอง
อาการบาดเจ็บของเขา รุนแรงยิ่ง ช่องท้องระเบิดออก อวัยวะภายในได้รับ
บาดเจ็บ สาหัสรุนแรง! แขนและไหล่ของเย่ว์ขายถูกนั่นออกจากร่าง
บาดแผลรอยตัดที่ ร่างส่วนบนตอนนี้ยังไม่ได้รับการรักษา

“น้องหยุน ลงมาเร็วเข้า!” เซี่ยอู่เฟิ งเร่งรีบตะโกน ฉินหยุนไม่อาจเคลื่อนไหว
แต่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งยิ่ง เขา สามารถใช้พลังจิตอย่างเต็มแรงทําการ
เหวี่ยงให้ร่างตัวเองไถล กับพื้นออกนอกลานประลองยุทธ์ได้ เซี่ยอู่เฟิ งเร่ง
รีบเข้ามารับตัวเขาไว้พร้อมช่วยใส่อุปกรณ์ฝั่งธาตุแสง

หยางฉีเย่ว์เองก็เข้ามาช่วยโคจรพลังภายในของนางใส่ร่างของ ฉินหยุน
นางกําลังสางอวัยวะภายในของเขาที่ยุ่งเหยิงภายใน ร่าง นางถอนหายใจ
ออกมาบางเบา

“เหตุใดเจ้าต้องทําถึงเพียงนี้?”

“เขาไม่มีพลังธาตุหรือวิญญาณยุทธ์อีกต่อไปแล้ว.... เฮ้อ!” จ้าวฉวนเดิน
เข้ามาพร้อมถอนหายใจเช่นกัน

“ตันเถียนถูกทําลาย ทุกสิ่งอย่างภายในล้วนมลายหาย!” โฮ้ว ฉิงเฟิ งเผยสี
หน้าดํามืด เขาถอนหายใจด้วยความเสียดายยิ่ง

“รองอธิการโฮ่ว แม้ฉินหยุนมีสภาพเช่นนี้ หากพวกเราผ่านการ ทดสอบ
เขาจะได้เข้าสถาบันยุทธ์ซิงเสวียนไม่ว่าจะด้วยอะไรใช่ หรือไม่?” เซี่ยอู่เฟิ ง
กล่าวถาม

“เป็นตามนั้น แต่ว่า มันยังคงมีการทดสอบตามช่วงเวลาใน สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน หลังจากเขาเข้าไปแล้ว หากไม่อาจผ่าน การทดสอบ เขาก็ต้องโดน

เชิญให้ออกจากสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนอยู่ดี” โฮ้วฉิงเฟิ งกล่าวตอบ เซี่ยอู
เฟิ งมองฉินหยุนและกล่าว

“ข้าจะขึ้นไปจบการ ประเมินผลครั้งนี้ ไม่ว่าจะอะไร เจ้ายังคงเป็นน้องชาย
ที่ดีของ พวกเรา!”

“น้องหยุน อย่าได้กังวล พี่ใหญ่เซี่ยต้องชนะ!” มู่หรงต้าเหริน ยิ้ม เขาเข้ามา
เขย่ามือของฉินหยุนเป็นการให้กําลังใจ

“น้องหยุน ต่อให้ข้า ฮั่วจง ผู้นี้ต้องตาย ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้ ใครมา
รังแกเจ้า!” เมื่อฉินหยุนได้ยินคําพูดเหล่านี้ เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
เขาพยักหน้ารับให้แก่พวกเขา!

ครั้งนี้ ทุกคนเชื่อว่าเขาต้องพิการแล้ว แต่มันไม่เหมือนครั้งก่อน หน้า ตอน
ที่เขาสูญเสียเส้นวิญญาณสี่ตะวัน เขาไม่ได้มีทุกคน อยู่เคียงข้างดังเช่น

ตอนนี้! เซี่ยอูเฟิ งเดินขึ้นบนลานประลอง เขามองเย่ว์ข่ายที่แขนได้รับ
บาดเจ็บรุนแรง น้ําเสียงนี้กล่าวเย็นเยือก

“เจ้ายังคิดประลอง ต่อหรือไม่?” สีหน้าของเชี่ยวหยางหลงดํามืดและเย็น
เยือก เขาตะโกนขึ้น

“อาข่าย เป่ าพลังธาตุมันให้แตกสลายซะ! ต่อให้แขนของเจ้าใช้ การไม่ได้
พลังภายในเจ้าก็ยังแข็งแกร่ง! มันก็เป็นเช่นเดียวกับ เจ้า มีเพียงแขนเดียว
นอกจากนี้ยังได้รับบาดเจ็บสูญเสียพลัง ไปมาก มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า!”
แขนของเย่ว์ขายแทบไม่เหลือสภาพเป็นแขน เขาเพียงกล้ํา กลืนมันเอาไว้
เพื่อรอให้ลงจากลานประลองยุทธ์ แล้วค่อย ประสานมันกลับเข้าด้วยกัน
ใหม่!

“เซี่ยอูเฟิ งหรือ? ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าต้องพิการเหมือนอย่าง ฉินหยุน!”
เย่ว์ขายหัวเราะลั่นชั่วช้า เขาตอนนี้กลับกลายคล้าย คนคลั่งเปี่ยมด้วย

โทสะรุนแรง หยางฉีเย่ว์โคจรพลังภายในช่วยเหลือฉินหยุน นางเอ่ยถาม
เสียงเบา

“ข้ายินดีนักที่เจ้าได้มีสหายที่ดีเช่นนี้! พี่ใหญ่เซี่ยของ เจ้าสามารถชนะได้
จริงหรือ?” ฉินหยุนยิ้มรับ

“ชนะแน่นอน!” เขาทราบดีว่าเซี่ยอู่เฟิ งยังมีไพ่ลับในมืออยู่อีก ด้วยเหตุนั้น
เมื่อ เขาขึ้นลานประลองด้วยตนเอง คือเขาต้องมั่นใจว่าไม่พ่ายแพ้ต่อเย่ว์
ข่าย เป็นเพราะพวกเขาคือสหายและพี่น้องร่วมกัน พวกเขาต่าง เชื่อมั่นกัน
และกัน ฉินหยุนมองเซี่ยอู่เฟิ งบนลานประลอง แม้เขาเสียแขนไปข้าง หนึ่ง
แต่ออร่าที่ปลดปล่อยนั้นยังทรงพลังยิ่ง ทุกคนล้วนจับตามองรับชม

กระทั่งในสายตาของผู้ฝึกตนมากมาย การประลองยุทธ์ครั้งนี้ได้ สร้าง
ความตื่นตะลึงแก่พวกเขาไม่ใช่น้อย! “จงพิการไปซะ!” เย่ว์ขายหัวเราะชั่ว
ร้ายขณะพุ่งทะยานเตรียม เข้าปะทะ สีหน้าของเซี่ยอู่เฟิ งยังคงสงบขณะ

แสงสว่างสีขาวปรากฏจาก ฝ่ ามือ ถัดจากนั้น จึงเกิดขึ้นเป็นปราณดาบคม
กล้าปรากฏออก!

ตู้ม!

ชุดสีขาวของเซี่ยอู่เฟิ งสั่นไหว ร่างกายนั้นระเบิดออกซึ่งคลื่น กระแทก
รุนแรงทรงพลังกระจายทั่วทุกทิศทาง นี่คือขุมพลัง ดาบที่น่าสะพรึงไม่อาจ
หาสิ่งใดเทียบได้! ผู้คนเบื้องล่างลานประลองต่างโดนแรงระเบิดของขุม
พลังดาบ พัดกระเด็น เส้นผมและเสื้อผ้าของพวกเขาล้วนยุ่งเหยิง! ดาบน่า
สะพรึงขนาดใหญ่ยักษ์ เป็นผลให้หมู่เมฆและสายลม เกิดขึ้นเป็นฟ้าแลบ
วูบวาบบนท้องฟ้า!

หลังเย่ว์ข่ายทะยานร่างเข้ามา เขากลับต้องแตกตื่นกับขุมพลัง ดาบ เมื่อ
ครู่เขาเกือบโดนโจมตีครั้งที่เห็นแสงสว่างสีขาวในมือ ของเซี่ยอูเฟิ ง ตอนนี้
มันแปรเปลี่ยนเป็นดาบสีขาว! ดาบสีขาววิจิตรงดงามราวกับมันถูก
แกะสลักขึ้นจากก้อนหยกสีขาว!

เซี่ยอู่เฟิ งไหววูบดาบในมือ ร่างเงาดาบพลันปกคลุมท้องฟ้า มัน เข้าล้อม
ร่างของเย่ว์ข่าย!

ฉึบ!

ร่างเงาดาบจํานวนนับไม่ถ้วนพาดผ่าน เย่ว์ข่ายกลับกลายเป็น ชิ้นเนื้อ
เล็กน้อย ไม่ช้า เศษเนื้อแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีขาวถูก อากาศพัดกระจาย
หายวับ เย่ว์ข่ายตายด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ กระทั่งบรรดายอดฝีมือที่ รวมตัว
กันที่นี่ยังต้องร่างกายแข็งที่อ! และดาบในมือของเซี่ยอี้เฟิ ง คือสิ่งที่ทําให้
พวกเขาตื่นตะลึง อย่างถึงที่สุด!

“เจ้าบังอาจใช้อาวุธสังหารอาข่าย! รับความตาย!” เชี่ยวหยาง หลงโกรธ
เกรี้ยว ขณะร่างนั้นคิดทะยานออก เขากลับโดนสะกด เอาไว้โดยคลื่นพลัง
ของโฮ่วฉิงเฟิ ง โฮ้วฉิงเฟิ งถึงลานประลองก่อนผู้ใด เขาเข้าไปรับเซี่ยอูเฟิ งที่
เผย สีหน้าซีดขาว เขาแค่นเสียงไปทางเชี่ยวหยางหลง

“จงดูให้ดี นี่ ไม่ใช่อาวุธ!”

“ไม่ใช่อาวุธ? แล้วมันคืออะไร?” เชี่ยวหยางหลงตอบโต้เกรี้ยว กราด สีหน้า
ตอนนี้ดํามืด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหารแรง กล้า

“ดาบแห่งลิขิต!” จ้าวฉวนก้าวเดินขึ้นมาเช่นกัน

“เขาคือผู้ฝึก ตนดาบ นี่คือดาบมีชีวิตที่เขาสร้างขึ้นด้วยการฝึกตนของ
ตนเอง!”

ผู้ฝึกตนดาบ? หลายคนไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน มัน กลับ
กลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรง! ฉินหยุนเอ่ยถาม “อาจารย์ อะไรคือผู้ฝึก
ตนดาบ?”

หยางฉีเย่ว์เผยสีหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง นางเอ่ยตอบ เสียงเบา
“เป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวยิ่ง กล่าวกันว่าเป็นเรื่อง ยากพบเจอผู้ฝึกตน
ดาบแม้ในแดนยุทธ์อ้างว้าง เป็นเพราะผู้ฝึก ตนดาบทรงพลังยิ่ง พวกเขา
จึงโดนสวรรค์ลงทัณฑ์และเสียชีวิต กันไปนานยิ่งนัก หลังผ่านไปครู่หนึ่ง
ผู้อํานวยการไป่ค่อยตะโกนออกเสียงดัง

“หน่วยที่สิบผ่านการทดสอบ!” หางตาของเซี่ยวหยางหลงกระตุก เขา
มองเซี่ยอูเฟิ งอย่างกราด เกรี้ยว หมัดนั้นกําเอาไว้แน่นจนแทบส่งเสียงปริ
แตกออกมาได้ เขาไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ฝึกตนดาบปรากฏขึ้น ไม่เช่นนั้น เขา
คง ไม่ปล่อยให้เย่ว์ข่ายต่อสู้กับอีกฝ่าย! เป็นเรื่องปกติ เขารู้จักผู้ฝึกตนดาบ
เขาทราบว่าเซี่ยอูเฟิ งไม่ได้ ใช้อาวุธ เพราะนั่นคือดาบที่เกิดขึ้นจากพลัง
ธาตุ!

หยางฉีเย่ว์กล่าวด้วยอาการประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน “ข่าว ลือว่า ผู้ฝึก
ตนดาบ ดาบแห่งลิขิต มันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาวุธ วิญญาณระดับราชัน
บ้างก็กล่าวว่าพวกมันแข็งแกร่งทัดเทียมอุปกรณ์ลึกลํ้า! เป็นเพราะผู้ฝึกตน
ดาบมีพลังน่าสะพรึงเกินไป พวกเขาจึงโดนสวรรค์ลงทัณฑ์ พวกเขา

เหล่านั้นล้วนมี เป้าหมายคือไปให้สูงยิ่งขึ้น ทว่า การได้เป็นผู้ฝึกตนดาบที่
แท้จริงก็ยากเย็นยิ่ง!”

ฉินหยุนมองไปยังเซี่ยอูเฟิ ง เขายินดียิ่งที่ได้มีสหายแข็งแกร่ง เพียงนี้ ตอนนี้
เขาจึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดเซี่ยอู่เฟิ งจึงไม่คิดใช้อาวุธอื่นใด เป็นเพราะพลัง
ธาตุดาบของเขาทรงพลังยิ่ง ด้วยการเป็นผู้ฝึก ตนดาบ เขาไม่จําเป็นต้อง
ใช้อาวุธใด!

ตอนท
ี่161 สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

หยางฉีเย่ว์มองที่ฉินหยุน นางถอนหายใจบางเบาออกมา “ด้วย สหายที่
แข็งแกร่ง ในภายหน้าเจ้าไม่น่าจะโดนรังแกอันใดอีก พวกเขาจะกลายเป็น
ผู้ที่คอยช่วยดูแลเจ้า! และข้าข้าเองก็มี เรื่องของตนเองต้องสะสาง ดังนั้น
จึงไม่อาจอยู่ร่วมกับเจ้าไป ตลอดทางได้!”

“อาจารย์อย่าได้กังวล ข้าจะต้องลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง!” ฉินหยุนยิ้มให้ แต่
ฝูงชนต่างได้เห็นว่าเขาไม่คล้ายบาดเจ็บแต่อย่างใด ด้วยความ จริงที่ว่า
พลังธาตุระเบิดแตกสลาย ถือว่าเป็นเรื่องแปลกนักที่ เขายังอารมณ์ดี เป็น
เพราะไม่ว่าเรื่องนี้หากเกิดขึ้นกับผู้ใด พวกเขาจะไม่มีวันยิ้มออกได้หาก
ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์

ดังกล่าว จ้าวฉวนก้าวเดินเข้ามา “ฉินหยุน หากเจ้าโดนขับไล่จาก สถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียนในภายหน้า จงมาที่ตําหนักจารึกเทวะ ของข้า! ด้วยภูมิ

ความรู้ระดับเจ้า เจ้าจะได้กลายเป็นอาจารย์ที่ ยิ่งใหญ่ของตําหนักจารึกเท
วะเรา เจ้าจะยังได้ศึกษาในวิถีจารึก และกลายเป็นอาจารย์จารึกได้”

ฉินหยุนยิ้มและพยักหน้ารับ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาก รู ขนาดใหญ่
ที่ท้องตอนนี้ก็เริ่มรักษาตัวเองไปไม่ใช่น้อยแล้ว เป็น เพราะเส้นโคจรเหลือง
ดําของเขา อัตราการฟื้นฟูจึงรวดเร็วยิ่ง ทุกคนต่างนึกย้อนได้ว่า ฉินหยุน
คือผู้เชี่ยวชาญผังวิญญาณ ระดับสูงจํานวนมาก ลําพังเพียงเรื่องนี้ก็พอให้
เขามีหนทางที่ดี ในอนาคตได้แล้ว! หลังจากเชี่ยวหยางหลงสงบใจลงได้ สี
หน้าตอนนี้กลับ กลายเป็นเย็นเยือก เขาเกลียดชังทั้งเซี่ยอูเฟิ งและฉินหยุน
เข้ากระดูกดํา เป็นเพราะอีกฝ่ายสังหารลูกน้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เขา
ไป!

เขาก้าวเดินถึงข้างกายฉินหยุน และนําเอาสร้อยข้อมือมิติเก็บ ของออกมา
จากนั้นจึงโยนมันใส่ฉินหยุนและกล่าวเย็นเยือก

ขยะเช่นเจ้าอย่าได้คิดเข้าใกล้เย่ว์เหม่ยอีก เจ้าไม่คู่ควรกับนาง เจ้าเก็บ
สร้อยข้อมือพัง ๆ นี้ไว้ดูต่างหน้าก็แล้วกัน!” ฉินหยุนรับสร้อยข้อมือมิติเก็บ
ของ ที่เขามอบให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ย มาถือ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งลํ้าค่ายิ่ง แต่
มันกลับอยู่ในมือของ เชี่ยวหยางหลง!

“เหตุใดสร้อยข้อมือของนางถึงได้อยู่กับเจ้า?” ฉินหยุนถือสร้อย ข้อมือ
ดังกล่าวไว้ถามเสียงเย็นเยือก

“ข้าคือพี่ชายของนาง! ด้วยพรสวรรค์ของนาง นางสมควรต้อง ได้แต่งงาน
กับผู้ชายที่ดี แต่ตอนนี้มันกลับพังเพราะเจ้า เจ้ารู้ หรือไม่ว่าจักรวรรดิเทียน
เชี่ยวสูญเสียไปมากเพียงใด?” เชี่ยวห ยางหลงกล่าวโกรธแค้น จากนั้นจึง
มองทางหยางฉีเย่ว์กล่าว เสียงเย็นเยือก “เจ้าเองก็ควรอยู่ให้ห่างจากมัน
เจ้าเป็นคู่หมั้นข้า!”

หยางฉีเย่ว์เผยสีหน้าดํามืด นางยืนขึ้นก่อนทะยานร่างหายไป จากที่นี่ ฉิน
หยุนยิ่งเดือดดาล!

ผู้คนล้วนทราบ ว่าหยางฉีเย่ว์เกลียดเชี่ยวหยางหลงมากมาย เพียงใด!
เมื่อนางอยู่กับฉินหยุนก่อนหน้านี้ สีหน้าของนาง อ่อนโยน แต่พออยู่กับ
เชี่ยวหยางหลง มันกลับกลายเป็นเย็น เยือก

“เหอะ!” เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียงก่อนจะบินหายไปเช่นกัน กัวเจิ้งเดินเข้า
มาและแค่นเสียงเหยียดหยาม

“ฉินหยุน อย่าได้ คิดเป็นศัตรูกับเซี่ยวหยางหลง ไม่เพียงเขาเป็นอาจารย์
ใหญ่อัน ทรงเกียรติของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขายังเป็นองค์รัช ทายาท
แห่งจักรวรรดิเทียนเซียว ทั้งยังเป็นศิษย์ของผู้นํา ตําหนักตะวันตก เขาจะ
ได้กลายเป็นจ้าวตําหนักในภายหน้า!และเจ้า ก็เพียงแค่คนที่มีผัง
วิญญาณระดับสูง เจ้าไม่แม้กระทั่ง จะมีพลังธาตุและวิญญาณยุทธ์
หลงเหลือด้วยซํ้าฮ่าฮ่าฮ่า”

พระยาเยี่ยนเดินเข้ามาเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มกล่าวคําออก “ฉินหยุน ใน
อีกสามหรือสี่เดือนนับจากนี้ พิธีอภิเษกสมรส ระหว่างองค์ชายรัชทายาท
และเชี่ยวเย่ว์หลานจะจัดขึ้น! เจ้าคง คิดว่าได้ทะยานขึ้นไปแล้ว แต่กลับ
ต้องย้อนกลับลงมาเช่นนี้ เจ้าก็ยังเป็นได้แค่องค์ชายยากไร้ที่โดนข้านําเอา
เส้นวิญญาณ ออกจากร่าง!”

ฉินหยุนมองอย่างเฉยชาและรอให้อีกฝ่ายกล่าวจนจบคํา เขา ค่อยตอบ
“ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ข้ายังมีชีวิตรอด ข้ายังมีผัง วิญญาณระดับสูงใน
ครอบครอง แต่แล้วหลานชายเจ้านั้นเล่า เยี่ยนชิงหยู ชื่อนี้กระมัง? มันยัง
ไม่ตื่นเลยไม่ใช่หรือ? โอ้ใช่ ยังมี เรื่องหลานสาวสุดที่รักของเจ้าอีก ชื่อว่า
อะไรนะ เยี่ยนหยุน หรือ? จําได้ว่าตายไปแล้วนี่! ผู้สืบทอดสวรรค์ประทาน
แก่เจ้า ล้วนไม่มีชีวิตหลงเหลือ แล้วตอนนี้ยังคิดพล่ามอะไรไร้สาระกับ ข้า
อีกงั้นหรือ?”

พระยาเยี่ยนโดนแทงเข้าใจดํา เขาจึงต้องถอนตัวกลับด้วย ใบหน้าที่เปี่ยม
ด้วยความโกรธแค้น! ฉินหยุน ผู้ซึ่งสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสง ตอนนี้เขา
อาการดีขึ้น แล้ว ใบหน้าแม้ยังซีดขาวแต่ก็สามารถยืนขึ้นได้! เรื่องนี้ทําเอา

หลายผู้คนตื่นตะลึง บุคคลที่เพิ่งสูญเสียพลังธาตุ กลับสามารถเดินไปมา
ได้ราวกับไม่ได้เกิดอันใดขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่คล้ายมีร่องรอยความโศก
ปรากฏที่ใบหน้านั้นแม้สักนิด ช่างเป็นความแข็งแกร่งที่ควรค่าแก่การนับ
ถือ! พลังที่เซี่ยอู่เฟิ งเพิ่งปล่อยออกโดยดาบแห่งชีวิต มันใหญ่หลวง นัก
กระทั่งขายังเกือบไร้สิ้นเรี่ยวแรง หากไม่ใช่เพราะโฮวฉิงเฟิ ง โคจรพลัง
ภายในช่วยเหลือ เขาคงเป็นลมไปแล้ว โฮ่วฉิงเฟิ งกล่าว

“พวกเจ้าทั้งหมดล้วนผ่านการทดสอบ พวก เรายินดีต้อนรับสู่สถาบันยุทธ์
ชิงเสวียน ค่าเล่าเรียนนั้น... หนึ่ง ล้านเหรียญผลึกต่อปี! ในปีแรกข้ายินดี
ให้พวกเจ้าหยิบยืมก่อน ได้!”

“แพงอะไรขนาดนั้น? นี่คุ้มค่าหรือ?”

โฮ้วฉิงเฟิ งยิ้มกล่าว “ย่อมต้องคุ้มค่า เมื่อเข้าไปแล้วพวกเจ้าจะ ได้รับรู้เอง!
ยกตัวอย่าง ทุกเดือนพวกเจ้าจะได้รับอนุญาตให้เข้า สู่ค่ายอาคมรวบรวม
พลังวิญญาณ และสามารถซื้อหาหลายสิ่ง อย่างที่ภายนอกไม่อาจหาซื้อ

เช่นกัน ยังมีอาจารย์ที่คอยชี้แนะ และทําให้เจ้าสามารถก้าวทะยานอย่าง
ยิ่งใหญ่ได้!”

ลั่วเค่อจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนแค่นเสียงตอบ “เหล่าโฮ้ว สําหรับฉิน
หยุนที่ประสบเรื่องราวเช่นนั้น เจ้ายังไม่คิดปฏิเสธมัน อีกหรือ? ถือว่าเจ้า
นั้นช่างใจกว้างยิ่งนัก หากเป็นข้า ข้าไม่มี ทางรับมันเข้าร่วมแน่ นี่จะ
กลายเป็นการทําให้ส่งผลกระทบต่อ ชื่อเสียงของสถาบัน มันจะกลายเป็น
มลทิน!” ฉินหยุนแค่นเสียงในลําคอตอบกลับ

“เยี่ยนชิงหยูจากสถาบัน ยุทธ์หลิงเสวียนเล่า? ท่านคิดหรือไม่ว่ารับขยะ
เช่นนั้นที่โดนข้า จัดการไปได้จะเป็นมลทิน ดูเหมือนจะกลายเป็นมลทิน
รอยใหญ่ ของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนเลยด้วยซํ้านี่? นั่นสินะ อัจฉริยะที่มี
ชื่อเสียงของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนก็แค่นั้นหรือนี่? ฮ่าฮ่าฮ่า”

ลั่วเค่อโกรธเกรี้ยว จมูกแทบสั่นเทิ้ม เขาตะโกนเสียงเย็นเยือก “เจ้ากล้าดี
บังอาจทําลายอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนั้น ข้าจะ จดจําหนี้แค้นครั้งนี้
เอาไว้เ”

“เหตุใดต้องโกรธแค้นกับขยะเช่นเยี่ยนชิงหยู? ท่านควรเป็นคน ใจกว้างนะ
ไม่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสถาบันแล้ว หรือ?” ฉินหยุนหัวเราะ
ตอบกลับ

“เจ้า” ลั่วเค่อโกรธแค้น แต่เขาไม่อาจกล่าวคําใด เขาทําได้ เพียงนกาย
กลับและจากไปเท่านั้น ผู้คนในหุบเขาก็เริ่มกระจายตัวกันไป วันนี้ คือการ
ทดสอบครั้ง สุดท้ายของสถาบันซานเสวียน พวกเขาทําได้ก็แค่กระจายตัว
กันออกไปทั่วสารทิศอย่างไร้จุดหมาย ได้เห็นหุบเขากลับกลายเป็นไร้
ชีวิตชีวา ผู้อํานวยการไปถอน หายใจอย่างนึกเศร้า อย่างไรแล้วเขาก็อยู่
ที่นี่มาเป็นเวลาตั้ง หลายปี ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีแดงขณะดวงตะวันทั้งเก้า
กําลังละขอบฟ้า ทางตะวันตก แสงตะวันงดงามสาดส่องเป็นประกายแห่ง
ความ เศร้าโศก คล้ายกับพวกมันเองก็เศร้าใจที่สถาบันซานเสวียนจะ คง
อยู่เพียงแค่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว

“ไปกัน ข้าจะพาเจ้าไปยังสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!” โฮวฉิงเฟิ ง นําเอารถม้า
คันใหญ่ออกมา หลังจากฉินหยุนและคณะขึ้นไปโดยสาร รถม้ากลับ
กลายเป็น ลอยขึ้นกลางอากาศ มันทะยานผ่านท้องฟ้าสีแดงฉานมุ่งหน้าสู่
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน! สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่ได้ตั้งอยู่ในอาณาเขตของ
ประเทศแห่ง ใด แต่มันกลับอยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกร เป็นทะเลสาบหมื่น
ดาราที่อยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกร ทะเลสาบหมื่นดารามีขนาดใหญ่โตยิ่ง
พื้นผิวของทะเลสาบนั้น เปรียบดั่งกระจก ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ําคืนที่เต็ม
ด้วยหมู่ดาว ผิวทะเลสาบที่เปรียบดั่งกระจกนั้นจะสะท้อนประกายแสง
ดาววิ บวับออกมา เพราะเหตุนี้จึงมันจึงถูกตั้งชื่อขึ้นเป็นทะเลสาบ หมื่น
ดารา

ที่ตรงกลางของทะเลสาบหมื่นดารา มีเกาะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กล่าวได้ว่า
มันมีการสร้างเมืองและสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งขึ้น บนเกาะแห่งนั้นอย่าง
ยิ่งใหญ่ ที่ปลูกสร้างอยู่บนเกาะแห่งนั้นคือสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน สถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียนถูกล้อมเอาไว้ด้วยกําแพงสูงและหนา ภายนอกนั้นงดงาม
และสง่า โครงสร้างสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ให้ ความรู้สึกถึงความสง่างาม

ในรูปแบบดั้งเดิมทั้งสิ้น สวนหย่อม หลายแห่งและศาลาต่างทําให้
บรรยากาศร่มรื่น ที่แห่งนี้มีสิ่งปลูกสร้างขนาดยักษ์ที่รองรับผู้คนได้จํานวน
มหาศาล

ยกตัวอย่าง โรงฝึกสามารถบรรจุคนได้มากถึงหนึ่งหมื่น อัฒจันทร์ผู้ชมที่
อยู่ภายในก็เป็นชั้นซ้อนเรียงกัน ลานประลอง ยุทธ์เบื้องล่างกว้างหลาย
ร้อยเมตร ด้วยความกว้างระดับนี้จึง ทําให้ผู้คนสามารถใช้วิชายุทธ์ออกได้
โดยไม่ต้องสนใจว่าจะ ติดขัดด้านความกว้างของพื้นที่หรือไม่

ฉินหยุนและคณะตอนนี้เข้ารับเหรียญตรายืนยันตัวตนที่ทางเข้า พวกเขา
กําลังมองไปยังลานกว้าง แค่เพียงตรงนี้พวกเขาก็อด ไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
แล้ว เซี่ยอู่เฟิ งและคณะต้องทุกข์ตรมมานานหลายปีในสถาบันซาน
เสวียน วันนี้ ในที่สุดพวกเขาก็จะได้ย่างเท้าผ่านประตูบานนี้ เข้าไป

ตอนท
ี่162 ต้นไม้สมบัติตะวันดารา

มู่หรงต้าเหรินถูไม้ถูมือขณะดวงตาเป็นประกาย “สาวงามแห่ง สถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน เทพบุตรผู้สง่างามมู่หรงมาเยือนแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวยิ้ม

“แม่มดของท่านก็อยู่ที่นี่ ท่านต้องระวังให้ดี!” แน่นอน กล่าวคําถึงเมิ่งเฟย
หลิง มู่หรงต้าเหรินจึงเผยสีหน้า แปรเปลี่ยน โฮ่วฉิงเฟิ งพาพวกเขาไปยัง
อาคารสามชั้นขนาดเล็กทางด้าน ตะวันตก อาคารนี้อยู่ใกล้ทางเข้าหลัก
ของสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนมากที่สุดแล้ว

ที่ชั้นแรก เป็นโถงเล็กเอาไว้ใช้รับรอง

“รอข้าที่โถงแห่งนี้ ข้าจะไปตระเตรียมนัดแนะอาจารย์แก่พวก เจ้า” โฮ้วฉิ
งเฟิ งกล่าวบอก จากนั้นจึงออกจากโถงรับรองแห่งนี้

ฉินหยุนและคณะนั่งอยู่ในโถงขณะสายตาสอดส่องไปทั่ว เซี่ยเฟิ งกล่าว “ดู
เหมือนพวกเราคงไม่ได้อยู่ห้องเรียนเดียวกัน สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะต้อง
จัดแจงอาจารย์ที่เหมาะสมแก่พวกเรา”

ฮั่วจงเป็นกังวลไม่น้อยขณะกล่าวคํา “น้องหยุน ด้วยสภาพ ตอนนี้ของเจ้า
ข้าสงสัยจริงว่าอาจารย์ที่มาจะรังเกียจเจ้า หรือไม่? หากพวกนั้นแสดงออก
ว่าไม่ต้องการเจ้า ข้าจะจัดการ ให้เอง!” ฉินหยุนยิ้มรับคํา

“ท่านอย่าได้ห่วงข้า สภาพของข้าไม่ได้ เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด! ขุมพลังจิต
ในร่างของข้ายังแข็งแกร่งว่าไป...” เขานําเอาจี้ห้อยคอยหยกสีเขียวออกมา
สิ่งนี้คือ “หยก วิญญาณเทวะ” ที่เย่ว์ขายเคยนําออกมาให้เห็น

ตอนเขาตัดแขนของเย่ว์ขาย เป็นเขาลอบฉกชิงมันมา “พี่ฮั่ว สิ่งนี้คือมรดก
ตระกูลท่าน รับไว้!” ฉินหยุนส่งหยก วิญญาณเทวะแก่ฮั่วจง ฮั่วจงรับไว้
อย่างตื่นเต้นยินดี จากนั้น เขาถอนหายใจ

“แม้เป็น มรดกของตระกูลข้าที่ได้รับสืบทอด แต่ตระกูลฮั่วไม่เคยใช้พลัง
ของหยกชิ้นนี้ได้เลย พวกเราไม่ทราบวิธีใช้งานมันด้วยซํ้า! น้อง หยุน เจ้า
ฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกําเนิด และสถานการณ์ของเจ้า ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก
ดังนั้นหยกชิ้นนี้ควรเป็นของเจ้า!” เขาส่งหยกวิญญาณเทวะกลับคืนแก่ฉิน
หยุนและกล่าวเสริม

“ตราบเท่าที่เจ้าไม่ปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของผู้อื่น ข้าเชื่อว่า เจ้าจะ
สามารถใช้งานหยกชิ้นนี้ได้ เจ้าต้องรับไว้ ข้าไม่ยินยอม ให้ปฏิเสธ!” เซี่ยอู
เฟิ งและมู่หรงต้าเหรินต่างก็พยักหน้าแก่ฉินหยุนให้เขารับ เอาไว้ เฉินหยุน
ทําได้เพียงรับเอาไว้จริง ๆ หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขา ค่อยเอ่ยถาม “หยก
วิญญาณเทวะนี้มีวิธีใช้งานเป็นพิเศษหรือ?

เชี่ยวหยางหลงเหมือนจะใส่ใจมันมาก แต่ก็คงคิดว่าหยกชิ้นนี้ โดนพี่
ใหญ่เซี่ยทําลายไปแล้ว” ฮั่วจงสัมผัสกับหัวล้านเลี่ยนของตนเอง เขาคิดอยู่
พักหนึ่งก่อน กล่าวคําออกมา

“ปู่ ของข้าได้บอกเอาไว้ ว่าเมื่อฝึกฝนจิต วิญญาณต้นกําเนิดแล้วเท่านั้น จึง
สามารถใช้งานหยกวิญญาณ นี้ได้ ข้าไม่ทราบเช่นกันว่ามันเอาไว้ใช้ทํา
อะไรกันแน่ กล่าวก็คือ มันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ฝึกจิตวิญญาณต้น
กําเนิดได้” ฉินหยุนเริ่มคิดอ่านวางแผนเตรียมหาเวลาศึกษามัน โฮ้วฉิงเฟิ ง
นําผู้อาวุโสสองท่านกลับมา หนึ่งคือคนที่ฉินหยุน คุ้นเคย เป็นตู้ก่วย

“เซี่ยอูเฟิ ง เจ้านับแต่นี้นับเป็นศิษย์ข้า ข้าจะคอยชี้แนะเจ้า เอง!” โฮ่วฉิ
งเป็งกล่าวคําขึ้น เขาคือรองอธิการบดี ทั้งยังเป็นผู้ ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์
เต๋า ทั้งนี้ตัวเขาเองยังฝึกฝนวิถีแห่งดาบ ดังนั้นจึงค่อนข้างเหมาะสม
กับเซียอู่เฟิ งเป็นอย่างยิ่ง เซี่ยอู่เพิ่งพยักหน้ารับและกล่าวคํา “คํานับ
อาจารย์โฮว!”

โฮ้วฉิงเฟิ งยิ้มพึงพอใจยิ่ง เซี่ยอูเฟิ งคือผู้ฝึกตนดาบ แต่เขากลับ ไม่ได้
อหังการหรืออวดดี ไม่เหมือนบรรดาอัจฉริยะผู้อื่นเลยแม้ สักนิด เขามอง
ไปยังชายชราที่ใบหน้ามีหนวดเครายาวและกล่าว “นี่คือคังฮู อาจารย์ดัง
ค่อนข้างเชี่ยวชาญวิญญาณยุทธ์สัตว์ ฮั่วจง ในเมื่อเจ้ามีวิญญาณยุทธ์วัว
ระดับทอง จงติดตามเขา!”

“เช่นกัน มู่หรงต้าเหรินก็ด้วย”

ขณะโฮวฉิงเฟิ งตะโกนชื่อนี้ออก เขาพลันรู้สึกตงิดใจ เขาเป็นรองอธิการบดี
แต่แล้วกลับต้องเรียกคนหนุ่มว่า “ต้าเหริน” ภายในล้วนอดไม่ได้ที่ลอบก่น
ด่าผู้ที่ตั้งชื่อนี้

“ผู้แปล : ต้าเหริน คือคํายกย่องบุคคล หรือหมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ชื่อของมู่
หรงต้าเหริน สะกดด้วนตัวอักษรจีนอื่นๆ เขากล่าวต่อ “ติดตามอาจารย์ดัง!
ข้าไม่ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ ของเจ้าคืออันใด แต่ข้ารู้สึกได้ถึงร่องรอย
วิญญาณยุทธ์สัตว์ เช่นนั้นวิญญาณยุทธ์ของเจ้าก็สมควรเป็นสัตว์ใดสัก
ประเภทใช่หรือไม่?”

มู่หรงต้าเหรินหัวเราะออกและพยักหน้ารับ ฮั่วจงยื่นมือออกตบเข้าที่ไหล่
ของมู่หรงต้าเหริน เขาหัวเราะ กล่าวคํา “พี่รองมู่หรง ข้าอยู่กับท่านมานาน

ยิ่ง ข้ายังไม่รู้ด้วย ซํ้าว่าวิญญาณยุทธ์ของท่านคืออะไร! แท้จริงแล้วมันคือ
อะไร กันแน่? รีบบอกต่อพวกเรา พวกเราจะช่วยเก็บเป็นความลับให้”

ด้วยสีหน้าจริงจัง มู่หรงต้าเหรินกล่าวตอบ “วิญญาณยุทธ์ของ ข้าไม่ใช่
เรื่องเล็ก ข้าต้องเก็บไว้เป็นความลับ ตอนนี้ข้าไม่อาจ พูดกล่าวสิ่งใดได้
ดังนั้นโปรดอภัยให้ข้าด้วย!”

“ตามแต่สะดวก!” คังฮ่ลูบหนวดเคราใหญ่ยาวที่ใบหน้าและ หัวเราะกล่าว
คํา

“ตราบเท่าที่เป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์ เช่นนั้น ติดตามข้าไม่นับเป็นเรื่อง
ผิดพลาด!” โฮ่วฉิงเฟิ งมองทางฉินหยุนและเอ่ยคํา

“เจ้าคงรู้จักอาจารย์ตู้อยู่ แล้วใช่หรือไม่? ต่อให้วิญญาณยุทธ์และพลังธาตุ
ของเจ้าแตก สลาย แต่พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งนัก ดังนั้นให้เขาเป็น
อาจารย์ของเจ้าน่าจะดีกว่าใช่หรือไม่?”

“ขอรับ!” ฉินหยุนลอบยินดี ตู้ก๋วยเชี่ยวชาญเรื่องพลังจิต หลัง ก้าวขึ้นสู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาต้องเริ่มการฝึกจิตวิญญาณ ด้วยเช่นกัน หากคนผู้
หนึ่งสร้างรากฐานทางจิตที่มั่นคงได้ตั้งแต่ขอบเขต กายวรยุทธ์ พวกเขา
เหล่านั้นจะมีความก้าวหน้าแบบก้าว ทะยานกว้างใหญ่หลังก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋า

“เช่นนั้นก็ตามนี้ วิธีการฝึกสอนของอาจารย์แต่ละท่านล้วน แตกต่างกันไป
เช่นกัน บ่อยครั้งต้องออกไปหาประสบการณ์ที่ ภายนอก พวกเจ้าสามารถ
ใช้ชีวิตประจําวันร่วมกับอาจารย์ได้” โฮวฉิงเฟิ งกล่าว แม้โฮวฉิงเฟิ งเป็น
รองอธิการบดี เขาก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ่ายทอดวิชายุทธ์ของวิถีแห่ง
ดาบด้วย

“อย่าได้กังวลไป ในภายหน้าพวกเจ้าจะได้พบเจอกันบ่อยครั้ง ปัญหา
ตอนนี้คือหาทางได้รับเหรียญผลึกมาโดยเร็ว อย่าได้ลืม เลือนค่าเล่าเรียน
ของภาคเรียนนี้ทั้งสิ้นหนึ่งล้านเหรียญผลึกเสีย ละ” โฮ้วฉิงเฟิ งหัวเราะ
กล่าว

สําหรับฉินหยุนไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เขาสามารถขายยันต์ได้ แต่
สําหรับเซี่ยอูเฟิ งและคณะ นับเป็นเรื่องชวนปวดหัวแล้ว มู่หรงต้าเหรินฝืน
ยิ้มออก “ก็ดี ด้วยใบหน้าของข้า หญิงงาม หลายคนจะต้องยินดีส่งมอบ
เหรียญผลึกแก่ข้าแน่นอน”

“ไปกัน!”

ตู้ก่วยยิ้มหันกล่าวกับฉินหยุน “ตามข้ามา!” ฉิ

นหยุนตามติดตู้ก่วยออกจากอาคาร ด้วยพลังอันใดไม่ทราบ ตู้ก๋วยช่วยพา
เขาลอยขึ้นกลางอากาศ พวกเขากําลังลอย ทะยานสู่ทิศตะวันตกของ
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน จากบนกลางอากาศ เขาสามารถได้เห็นถึงความ
กว้างใหญ่ของ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน กล่าวได้ว่าเป็นเมืองขนาดเล็กแห่ง
หนึ่ง เลยทีเดียว ในสถานที่แห่งนี้ ยังมีภูเขาสูงชันเสียดแทงถึงเมฆอยู่

หลายแห่ง ยอดเขาหลายแห่งยังมีนํ้าตกร่วงหล่นลงมา ส่งผลให้เกิดเสียง
นํ้าตามธรรมชาติ

บ้านพักของตู้ก่วยอยู่ในสวนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณ ทาง
ตะวันออกไกลของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน นับว่าอยู่ห่างไกล จากศูนย์กลาง
ยิ่ง ภายในสวน มีต้นไม้หลายต้นที่ตั้งตรงหนาใหญ่ พวกมันเหล่านี้ สูงกว่า
ร้อยเมตร และตรงกลางสวน ก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่มากอยู่ ต้นหนึ่ง ต้นไม้
ยักษ์นี้มีความสูงกว่าพันเมตร ทั้งยังมีรูขนาดเล็กบนลําต้น อยู่เต็มไปหมด
หากมองเข้าไปให้ดี พวกมันเหล่านั้นคล้าย หน้าต่าง ยอดของต้นไม้ใหญ่
ยักษ์นี้แผ่ขยายกว้างประหนึ่งร่มที่ถูกกาง ออก ใบของต้นไม้เป็นสีขาวซีด
นับว่าให้ความรู้สึกแปลก ประหลาดยามมองดูไม่น้อย

“ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่อาศัยอยู่ในต้นไม้นี้ นับจากนี้เจ้าเป็นอีก คนหนึ่ง
แล้ว!” แม้เขาจะเป็นชายชราร่างเตี้ยและหลังค่อม แต่ กลับเป็นคนใจดียิ่ง
และพูดคุยด้วยง่าย

“อาจารย์ตู้ ต้นไม้นี้บดบังดวงตะวัน เรื่องนี้จะส่งผลต่อการ ดูดกลืนพลัง
วิญญาณหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนกล่าวถาม “ฮ่าฮ่า ต้นไม้ของข้านี้ดียิ่งกว่า
ค่ายอาคมรวบรวมพลังเสียอีก!” ตู้ก๋วยยิ้มตอบคํา

“นามของต้นไม้นี้คือ ต้นไม้สมบัติตะวันดารา มันเติบโตมาเป็นเวลาหลาย
พันปีแล้ว และต้นไม้สมบัติตะวัน ดาราต้นนี้ ก็สามารถดูดกลืนพลัง
วิญญาณเก้าตะวันเข้าสู่ ตนเองได้ เมื่อเข้าไปด้านในต้นไม้ พวกเราจะ
สามารถสัมผัสถึง มันได้เอง”

ฉินหยุนนึกถึง “วิถีหัวใจตะวันดารา” ที่เขาได้ทําความรู้และ เข้าใจมา เขา
ลอบสงสัยว่า นี่จะเป็นมรดกที่หลงเหลือไว้ โดย ราชันยุทธ์หลันเซียวใน
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแห่งนี้

ตอนท
ี่163 หยกวิญญาณเทวะ

ฉินหยุนตามตู้ก๋วยเข้าไปในถํ้าต้นไม้ โดยทันที เขาเริ่มสํารวจ พลัง
วิญญาณเก้าตะวันด้านใน มันหนาแน่นยิ่งกว่าด้านนอก มากนัก กล่าวได้
ว่านี่เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ก็ว่าได้ ตู้ก่วยกล่าว

“เจ้าสามารถเลือกถํ้าต้นไม้ที่นี่ หรือเลือกเปิดตรง อื่นเองก็ได้เพื่อใช้เป็นที่
พักอาศัยของเจ้า” ตอนฉินหยุนอยู่ด้านนอก เขาพบว่าต้นไม้แห่งนี้มีรู
มากมาย ปรากฏตั้งแต่โคนต้นจนถึงความสูงระดับสองหรือสามร้อยเมตร
รูต้นไม้ซึ่งตู้ก่วยกําลังยืนอยู่นี้สูงเหนือพื้นไม่กี่สิบเมตรเท่า นั้นเอง

“มีถํ้าว่างมากมายในต้นไม้ใหญ่แห่งนี้ คิดว่าคงไม่จําเป็นต้อง เปิดมันใหม่
หรอกขอรับ ข้าจะไปเลือกสักหนึ่งแห่ง” ฉินหยุน ทะยานกายขึ้นและเลือก
ถํ้าต้นไม้ซึ่งสูงราวสามร้อยเมตรได้ หลังเลือกได้แล้ว เขาจึงนําป้ายชื่อที่
ได้รับจากตู้ก่วยมาติดไว้ที่ ทางเข้าของถํ้าต้นไม้ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าที่นี่
มีคนอยู่ จากนั้นเขาจึงเริ่มสํารวจ ถํ้าที่เลือกมีห้องทั้งสิ้นสองห้อง หนึ่งใหญ่

และหนึ่งเล็ก แต่ละ ห้องค่อนข้างมีพื้นที่กว้าง เป็นเพราะนี้เป็นช่องภายใน
ต้นไม้ ยักษ์ ผนังของถํ้าแห่งนี้จึงเป็นไม้เนื้อแข็ง มีลายไม้งดงามให้เห็น
ตลอดแนว ถํ้าแห่งนี้ว่างเปล่า เขาจําเป็นต้องหาเครื่องเรือนมาวางด้านใน
เมื่อตู้ก๋วยมาถึงถํ้าของฉินหยุน เขาสํารวจมองความว่างเปล่า จากนั้นจึง
ยิ้มกล่าวคํา

“เจ้าคงต้องมีเครื่องเรือนประดับบ้าง ทํา ด้วยตัวเองแล้วกัน ป่ าสมบัตินี้
เป็นพื้นที่ของข้า มีไม้ที่แห้งแล้ว และเหมาะสมทําเครื่องเรือนอยู่ไม่น้อย
เลยทีเดียว”

“ขอรับ ก่อนอื่นคงต้องทําความสะอาดก่อน!” ฉินหยุนพยัก หน้ารับยิ้ม
กล่าวคํา ตู้ก่วยกล่าวคํา

“อยู่ที่นี่ด้วยตนเองไปก่อน อย่าเพิ่งออกไป เตร็ดเตร่ภายนอก ข้าจะต้องไป
ประชุมหารือเรื่องวิญญาณสัตว์ ร้ายกับอาจารย์ท่านอื่นของสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนก่อน” ฉินหยุนทราบดีว่าภัยคุกคามจากวิญญาณสัตว์ร้ายนั้น

รุนแรง แค่ไหน ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายที่เขาได้พบเจอก่อนหน้านี้ถือว่า
ทรงพลังยิ่ง ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉินหยุนก็ทําความสะอาดที่พัก
ตนเองเสร็จเรียบร้อย เขาตอนนี้ยืนที่ปากทางเข้าถํ้าขณะมองลงไปยังป่ า
กว้างใหญ่ เขารู้สึกสบายใจยิ่ง และยามเมื่อได้เห็นทะเลสาบหมื่นดาราที่
อยู่ไกลออกไป เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกลับภายในหัวใจ ทะเลสาบ
หมื่นดาราสงบและกว้างใหญ่ เป็นผลให้ผู้คนรู้สึก คล้ายมันมีสัตว์ร้าย
ขนาดยักษ์ที่น่าสะพรึงซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง

ป่ าสมบัติมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างหลายพันเมตร กล่าวได้ว่านี่ เป็นป่ า
ขนาดย่อมแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ในสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่ต้นไม้ใหญ่
มันยังมีดอกไม้ที่ เป็นประกายและงดงาม ทั้งยังมีนกหลายประเภทส่ง
เสียงร้องดัง เจื้อยแจ้วในป่ า เสียงนกร้องนานาชนิดล้วนสามารถได้ยิน มัน
ทําให้สถานที่แห่งนี้คล้ายเป็นป่ าโดดเดี่ยวที่ร่มรื่นน่าใช้ชีวิตยิ่ง

“การฝึกฝนพลังจิต สิ่งสําคัญคือสภาพแวดล้อม ดังนั้นอาจารย์ ตู้จึงเลือก
ที่นั่งั้นสินะ” ฉินหยุนเองก็รู้สึก ว่าสภาพแวดล้อมตอนนี้ดีเยี่ยมยิ่งนัก เป็น
ผล ให้เขาผ่อนคลาย เขาก้าวด้วยก้าวอัคคีเมฆาลอยลัดผ่านอากาศเหนือ

ป่ าขนาด ย่อมแห่งนี้ เขาเริ่มค้นหาไม้แห้ง ไม่นานจากนั้น เขาก็ได้ไม้แห้ง
กว่าสิบต้นและนําพวกมันกลับต้นไม้สมบัติตะวันดารา หลังกลับมาแล้ว
ฉินหยุนจึงเริ่มง่วนกับการสร้างเครื่องเรือน

เครื่องเรือนไม้ถือเป็นงานง่ายสําหรับเขา เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ดีถํ้าที่ว่าง
เปล่าแห่งนี้ กลับกลายเป็นที่พักอาศัยประกอบด้วย เครื่องเรือนงดงาม ใน
ห้องเงียบสงบชวนสบายใจ ฉินหยุนนั่งหลับตาลง สัมผัสถึง พลังธาตุทั้ง
สองที่อยู่ในแขนราชสีห์สวรรค์ หลังจากแขนราชสีห์สวรรค์ตื่นขึ้นผ่าน
สายเลือดราชสีห์สวรรค์ เขาสัมผัสได้ว่าพลังธาตุทั้งสองของตนเองนั้นได้
ย้ายไปอยู่ที่ แขนของตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ ยามเมื่อเย่ว์ข่ายทําลายพลังธาตุ
ของเขา เขา สามารถเคลื่อนย้ายพวกมันทั้งสองไปยังแขนซ้ายได้อย่าง
รวดเร็ว ที่เหลือไว้ในตันเถียนซึ่งถูกทําลายก็แค่กลุ่มก้อนพลัง ปราณ
เล็กน้อย ตอนนี้เขาได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนสําเร็จเรียบร้อยแล้ว
เขาสามารถเคลื่อนย้ายพลังธาตุทั้งสองกลับไปที่เดิมได้ เขานั่งนิ่งกว่าสอง
ชั่วโมงก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นอย่างแตกตื่น เสียง นี้พึมพํากับตัวเอง “แย่แล้ว
ย้ายพวกมันกลับไม่ได้!”

“ช่างมัน แม้พลังธาตุไปอยู่ในแขน ก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ใน ตันเถียนนัก”
ตอนนี้ เขายังสามารถควบคุมพลังภายในให้ไหลไปสู่ทุกส่วน ของร่างกาย
ได้อย่างลื่นไหล

“เป็นไปได้ว่านับตั้งแต่นี้มันจะไม่สามารถกลับคืนที่เดิม ในกรณี นั้นก็ไม่ถือ
ว่าแย่ แขนราชสีห์สวรรค์ถือเป็นส่วนแข็งแกร่งที่สุด ในร่างกายของเรา
แล้ว” ฉินหยุนคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะปล่อย ให้สถานการณ์เป็นไปอย่างที่
มันเป็นไปแล้ว เขาปล่อยวางเรื่องนี้ไว้ จากนั้นจึงนําเอาหยกวิญญาณเทวะ
ที่ ฮั่วจงมอบให้ออกมา เขาเริ่มใส่จิตวิญญาณต้นกําเนิดเข้าไป

“ให้ความรู้สึกแปลกนัก หยกวิญญาณเทวะนี้ค่อนข้างพิเศษ จริง มัน
เหมือนกับสามารถทําให้จิตวิญญาณต้นกําเนิด แข็งแกร่งขึ้นได้ ทั้งยังช่วย
ให้รู้สึกสามารถใช้งานมันได้อย่าง ชาญฉลาดขึ้นด้วย!”
ฉินหยุนลอบยินดี เขาสั่งการให้พลังจิตผสานรวมเข้ากับจิต วิญญาณต้น
กําเนิด เพื่อทดสอบพละกําลังของจิตวิญญาณต้น กําเนิด ขณะที่เขากําลัง
ผสานพลังจิตเข้ากับจิตวิญญาณต้นกําเนิดอยู่ นั้นเอง เขาพลันแตกตื่นที่
พบว่าจิตวิญญาณต้นกําเนิดสามารถ ออกจากร่างกายไปได้ สิ่งหนึ่งที่ควร

ทราบก็คือ การปลดปล่อยพลังของจิตวิญญาณ ต้นกําเนิด จะมีเส้นไหมสี
ขาวเชื่อมต่อหลุดลอยจากร่างกาย ดังนั้นแล้วจิตวิญญาณต้นกําเนิดจึง
เป็นพลังที่มีการเชื่อมต่อกับ ร่างกาย แต่แล้วครั้งนี้ ด้วยหยกวิญญาณเท
วะ จิตวิญญาณ สามารถออกจากร่างกายบินไปไหนต่อไหนได้เปรียบดั่ง
พลังจิต

“พลังของจิตวิญญาณต้นกําเนิดและพลังจิตผสานรวมกันได้ อย่าง
สมบูรณ์!” ฉินหยุนรู้สึกยินดีขึ้นมา เขาควบคุมให้จิตวิญญาณต้นกําเนิด
ยก ร่างกายตนเอง เขาได้พบ ว่ามันทําให้ร่างของตนเองลอยล่องได้
ง่ายดายยิ่ง

ครั้งที่สู้กับเย่ว์ข่ายก่อนหน้านี้ มันเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งที่เขาจะ ยกร่าง
ตัวเองขึ้นผ่านพลังจิต เขาถึงขั้นต้องใช้พลังจิตทั้งหมดที่ มี เพื่อยกร่าง
ตัวเองออกพ้นจากลานประลองด้วยซํ้าแต่มาคราวนี้ ด้วยหยกวิญญาณเท
วะ มันง่ายขึ้นมาก

“หากพลังภายในของเราผสานรวมเข้ากับทั้งสองอย่างนี้ ไม่ใช่ ว่าพวกมัน
ทั้งสามจะแข็งแกร่งยิ่งหรอกหรือ? สงสัยจริงว่าจะทํา สําเร็จไหม!” เมื่อฉิน
หยุนคิดได้ดังนี้ เขาลอบยินดีกับตนเอง ขณะทดสอบโดยทันที หลังผ่าน
ความพยายามเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ผสานรวมพลัง ภายในเข้ากับจิต
วิญญาณต้นกําเนิดได้สําเร็จ นี่ถือเป็นการ ผสานรวมพลังทั้งสามเข้า
ด้วยกัน ภาระทางจิตใจถูกเคี่ยวกรํา อย่างหนัก พลังภายในของเขาถูกสูบ
ใช้งานอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแล้วจึงไม่อาจคงสภาพการผสานรวมทั้งสาม
เอาไว้ได้ นานนัก

“ดูเหมือนแค่ครู่เดียว ก็ใช้พลังจิตและพลังภายในไป มหาศาลเลย!” นี่คือ
สิ่งที่ฉินหยุนได้ข้อสรุป

ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังจิต เพื่อควบคุมค้อนยักษ์ราชัน วิญญาณที่หนัก
กว่าหนึ่งพันจินเพื่อหลอมกระดูกเหล็กกล้าได้ เข้าสามารถนั่งบนพื้นได้โดย
ไม่ต้องเคลื่อนไหว เพียงใช้การ ควบคุมคอนราชันยักษ์วิญญาณให้ลอย
ออกไปตีกระดูก เหล็กกล้าครั้งแล้วครั้งเล่า

นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ตีวัสดุ มันทรงพลังอํานาจยิ่ง พละกําลังระดับนี้เพียง
พอที่จะสร้างอาการ บาดเจ็บให้แก่กายวรยุทธ์ระดับที่หกด้วยซํ้า!

“หากเป็นในสถานการณ์ปกติ เราเพียงแค่ใช้พลังจิตและจิต วิญญาณต้น
กําเนิด น่าจะเพียงพอให้ใช้กระบี่บินปล่อยการ โจมตีทรงพลังออกได้” เฉิน
หยุนเก็บหยกวิญญาณเทวะกลับ ตราบเท่าที่หยกนี้ยังอยู่ใน ร่างกายของ
เขา เขาสามารถแยกจิตวิญญาณต้นกําเนิดออก จากร่างกาย และ
สามารถผสานรวมพลังจิตและพลังภายในกับ มันได้อย่างง่ายดาย
หลังจากพักผ่อนไปครู่หนึ่ง เขาจึงเริ่มทําการหลอมอุปกรณ์ วิญญาณใน
ห้อง

“ไอ้สารเลวเชี่ยวหยางหลงนั่น กล้าดีอย่างไรฉกชิงสร้อยข้อมือ ที่ข้ามอบให้
เย่ว์เหม่ย กระทั่งทํามันได้รับความเสียหาย!” เขาสบถก่นด่าออกมาด้วย
ลมหายใจหนักหน่วง ตอนนี้เขากําลังซ่อมแซมสร้อยข้อมือที่เสียหาย อีกไม่
นาน เขาและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะเข้าสู่ค่ายอาคมขัดเกลา กระดูกร่วมกัน
ซ่อมมันตอนนี้ ไว้เวลานั้นมาถึงเขาจะได้ส่งมอบ มันกลับคืนแก่นางได้ สอง

วันผ่านไป ตู้ก๋วยยังไม่กลับมา ฉินหยุนตอนนี้หลอมสร้อย ข้อมือมิติเก็บ
ของสําเร็จไปแล้วสองชิ้นงาน

“เชี่ยวหยางหลง บังอาจทําลายอุปกรณ์วิญญาณที่ข้ามอบ ให้แก่เย่ว์เหม่ย
เรื่องนี้ต้องมีการชําระความ รอก่อนเถอะ!” ฉินหยุนคาดหวังก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต้โดยเร็ว มีเพียงพลัง ระดับนั้นเขาจึงสามารถต่อกรกับเชียวหยาง
หลงได้

“พี่หยุน... พี่หยุน”

ชั่วขณะที่ฉินหยุนเพิ่งชําระกายเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาพลันได้ ยินเสียง
บางเบาจากด้านนอก เขาเร่งร้อนวิ่งออกไปปากถํ้า ต้นไม้ขณะมองลงไป มี
คนอยู่ด้านล่างนั่น แม้เขาอยู่สูงขึ้นมาหลายร้อยเมตร ด้วยสายตาดีเยี่ยม
เขา สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบุคคลที่มาพบเขาเบื้องล่างเป็น เด็ก
สาวผู้หนึ่ง

“น้องเม่ยเหลียน!” ฉินหยุนยินดีขณะเร่งร้อนกระโดดลงไป หลังลงมาที่พื้น
แล้ว เขาจึงเผยรอยยิ้มให้เด็กสาวในชุดสีเหลือง งดงาม ชี่เม่ยเหลียนวันนี้
ไว้ผมหางม้าสองข้างลากยาวจนถึงช่วงเอว ใบหน้าของนางเปี่ยมด้วย
รอยยิ้มหวานน่ารัก ดวงตาที่เปี่ยม ด้วยความชุ่มชื้นกลมโตนั้นสุกสว่างเมื่อ
ได้เห็นใบหน้าของฉัน หยุน เมื่อนางตระหนักได้ว่าฉินหยุนมองที่นาง
ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นพลัน แดงฝาดกระจายทั่วใบหน้า

“น้องเม่ย มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม

“ข้าออกไปฝึกกับอาจารย์ที่ภายนอก เพิ่งมาถึงไม่นานนัก ทันที ที่ข้ากลับ
มาถึง ก็ได้ยินว่าพี่หยุนมาที่นี่แล้ว ข้าจึงรีบเร่งมาพบ!”

ชี่เม่ยเหลียนเดิมมีความสุขยิ่ง แต่ฉับพลันกลับต้องเศร้า นาง กัดริมฝีปาก
ล่างคล้ายขื่นขมขณะเอ่ยคําเบา

“พี่หยุน ข้าได้ยิน ว่าท่านไม่เหลือวิญญาณยุทธ์อีกต่อไปแล้ว...” ฉินหยุน
รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเมื่อได้เห็นว่าชี่เม่ยเหลียนแทบจะ หลั่งนํ้าตาออกเพราะ
ความเศร้า เขายิ้มให้อีกฝ่าย “เสี่ยวเม่ยเหลียน ย้อนกลับไปตอนที่ข้าโดน
นําเส้นวิญญาณทั้งสื่ออกจากร่าง ไม่ใช่ว่าผู้คนล้วนคิดว่าข้าจบ สิ้นแล้ว
หรอกหรือ? แต่ในภายหลัง ไม่ใช่ข้าหรือที่ก้าวถึง ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่หกและสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน? อย่าได้ห่วง พี่หยุนของเจ้ายัง
สบายดีอยู่”

“จริงหรือ?” ซี่เม่ยเหลียนพลันเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยความยินดี นํ้าเสียง
พลันดังขึ้นมา “วิเศษนัก! ข้าเกรงว่าท่านจะถูกรังแก ดังนั้นข้าจึงเกลี้ย
กล่อมให้อาจารย์ข้ายอมตกลงที่จะให้ข้ามาอยู่ ที่นี่กับท่าน แม้ข้ายังไม่ได้
แข็งแกร่งนัก แต่ข้าต้องปกป้องท่าน ได้แน่”

“เด็กโง่!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกและช่วยเช็ดคราบ นํ้าตา “เสี่ยว
เม่ยเหลียน เจ้าต้องฝึกฝนในสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนแห่งนี้ให้ดี เข้าใจ
หรือไม่? อาจารย์ของเจ้าสมควรดีต่อ เจ้ามากใช่ไหม?”

ซี่เม่ยเหลียนพยักหน้ารับและยิ้มกว้างตอบกลับมา “อาจารย์ ดูแลข้าเป็น
อย่างดี นางเป็นคุณยายท่านหนึ่งที่มีฝีปากแหลมคม แต่กลับใจดียิ่ง แม้
นางเข้มงวดกับผู้อื่นนัก แต่ก็ใจดีกับข้ามาก” ฉินหยุนรู้สึกโล่งใจขณะยิ้ม
กล่าวตอบ

“แล้วศิษย์คนอื่นเล่า? มี ใครรังแกเจ้าหรือไม่? หากมี ข้าจะไปจัดการพวก
มันเอง!”

“ใครกันจะกล้ารังแกนาง? เจ้าไม่ต้องคิดออกไปทําอะไรให้ เปลืองมือ
เชียว” ฉับพลัน เสียงหัวเราะเย้ายวนและทรงเสน่ห์ ดังขึ้น สายลมบางเบา
พัดผ่าน นําพามาซึ่งกลิ่นหอมเร้าอารมณ์

เป็นเมิ่งเฟยหลิง นางวันนี้สวมใส่ชุดสีม่วงขณะร่อนลงจากฟ้า ราวกับผีเสื้อ
สีม่วงที่งดงามถลาลมลงมา นางค่อย ๆจรดปลาย เท้ากับพื้นอย่างบาง
เบา

“ศิษย์น้อง พวกเราได้พบกันอีกแล้ว จงรีบเรียกข้าเป็นศิษย์พี่!” เมิ่งเฟย
หลิงหรี่ตามากล้นเสน่ห์ขณะหัวเราะออก มือขาวราวหยกแก้ว บางเบา
และมีกลิ่นหอมของนางยื่น ออกมาด้วยท่าที่เร้าอารมณ์ มือของนางนั้น
พลันลูบเข้าที่ ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน

“ศิษย์พี่แม่มด!” ฉินหยุนสบถออกมาเสียงเบา ชี่เม่ยเหลียนที่รับชมจาก
ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียง หัวเราะออก ใบหน้าของฉินหยุนโดนเมิ่ง
เฟยหลิงปู่ ปู่ ยําจนพอใจจนค่อย ปล่อยมือ เขาเป็นกังวลยิ่งว่าวันหนึ่ง ตน
จะต้องกินอยู่ร่วม อาศัยกับแม่มดมากล้นเสน่ห์ผู้นี้เข้า

“ศิษย์พี่ ขอบคุณท่านที่ช่วยดูแลเสี่ยวเม่ยเหลียน!” เขากล่าว ออกจากใจ

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด.... อย่างไรแล้วนางก็เข้าสถาบันยุทธ์ชิง เสวียน
พร้อมกับข้า นับเป็นน้องสาวข้าผู้หนึ่ง แล้วข้าก็คิดอยาก ช่วยดูแลนางอยู่
แล้ว เพราะว่านางน่ารักยิ่ง” เมิ่งเฟยหลิงยกยิ้ม นางตอนนี้ค่อยเลื่อนมือ
ย้ายไปลูบไล้ใบหน้างดงามของขี่เม่ย เหลียนแทน ฉินหยุนนําเอาสร้อย

ข้อมือมิติเก็บของออกมาสองเส้น และส่ง พวกมันออก เขายิ้มบอกต่อทั้ง
สองคน

“สิ่งนี้คือสร้อยข้อมือมิติ เก็บของที่ข้าทําขึ้น รับไว้!” เมิ่งเฟยหลิงทราบแล้ว
ว่าฉินหยุนมอบสร้อยข้อมือมิติเก็บของ แก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ย้อนกลับไปตอน
นั้น นางอิจฉาแทบแย่ นางเผยรอยยิ้มเย้ายวนขณะรับเอาสร้อยข้อมือไว้
“นี่ลํ้าค่ายิ่ง นัก ขอบคุณอาจารย์ฉิน ดูเหมือนข้าต้องจ่ายออกด้วยร่างกาย
เสียแล้ว” ชี่เม่ยเหลียนไม่กล้ารับเอาไว้

ฉินหยุนคว้ามือขาวอ่อนนุ่มของนางเอาไว้และช่วยใส่ให้ เขา กล่าวทั้ง
รอยยิ้ม “สิ่งนี้สําหรับข้าไม่นับเป็นอะไร ดูแลรักษาและ ใช้งานมันให้ดีก็
พอแล้ว!”

“ขอบคุณพี่หยุน” ที่เม่ยเหลียนตอนนี้ตัดสินใจรับและหยด เลือดลงบนตัว
สร้อยข้อมือ จากนั้นจึงโคจรพลังจิตเข้าสู่ภายใน เมื่อได้เห็นความกว้างของ

มิติเก็บของ ใบหน้าจิ้มลิ้มของนาง พลันต้องเปี่ยมด้วยรอยยิ้มยินดีออก
จากใจ

ตอนท
ี่164 วิญญาณเทวะเก้าจันทรา

หลังได้รับสร้อยข้อมือเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเฟยหลิงค่อยยิ้มยินดี ออกมา นาง
กล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน หากชี่เม่ยเหลียนไม่อยู่ ที่นี่ นางอาจทํามากกว่า
แค่พูดเพื่อแสดงความสนิทสนมต่อฉิน หยุนแล้วก็เป็นไปได้ นางถามออก

“น้องหยุน แม้พลังธาตุของเจ้าสลาย แต่เหมือน เจ้ายังดูดีและสบาย ๆ อยู่
เลยนะ หมายความว่าเจ้าสบายดีใช่ หรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ

“พี่เฟยหลิงมีสายตาที่ดี ข้าสบายดี วางใจ ได้! ว่าแต่คิดไปร่วมนั่งสนทนา
จิบชากันหรือไม่?”

“คงไม่ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องต้องไปทํา! เสี่ยวเม่ยเหลียนเมิ่ง กลับมา น่าจะ
ว่างอยู่นะ”

เมิ่งเฟยหลิงนําเอาบัตรใบหนึ่งออกมาและส่งให้ฉินหยุน “บัตร ใบนี้มีอยู่
สองแสนเหรียญผลึก รับมันไปก่อน ไว้ข้าหามาได้ มากกว่านี้จะนํามาเพิ่ม
ให้” ฉินหยุนไม่รับ ทั้งยังเผยรอยยิ้มซุกซน เขาหัวเราะกล่าวคํา

“พี่ เฟยหลิง ท่านบอกข้าไม่ใช่หรือว่าจะจ่ายให้ด้วยร่างกาย? ตอนนี้กลับ
จ่ายเป็นเหรียญผลึก นี่ไม่ห่างเหินเกินไปหรือ?” เมิ่งเฟยหลิงปุ๋ ยปากก่นด่า
ออกมา

“เจ้ามารน้อย.... เจ้า กลายเป็นคนเลวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ย่อมได้ ข้าจะ
จ่ายให้เจ้า ด้วยร่างกายของข้าในภายหน้า อย่าให้ข้ารอนานจนเกินไป
ละ!”

นางเลียริมฝีปากตนเองขณะเผยท่าที่เย้าเสน่ห์ออกมา มือนั้น ยื่นไปสัมผัส
ใบหน้าของฉินหยุนขณะยัดบัตรเหรียญผลึกในมือ นางหัวเราะคิกคักก่อน
จากไป ชี่เม่ยเหลียนยิ้มบาง

“พี่หยุน พี่เฟยหลิงเหมือนจะดูแลท่านเป็น อย่างดี พวกผู้ชายในสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียนหลายต่อหลายคนละ! โดนนางละเล่นด้วยจนหมดสภาพ
ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามา รังแกข้าที่ใกล้ชิดกับนางที่นี่เลย” ฉินหยุนกอดเอว
บางของนางเอาไว้ก่อนจะยิ้มกล่าว

“ให้ข้าพา เจ้าขึ้นไปหาที่นั่งสนทนาก่อนแล้วกัน!” เขาใช้พลังจิตยกร่าง
ตนเองขึ้น แม้มีชี่เม่ยเหลียนในอ้อมแขน เขาก็ยังบินขึ้นได้ง่ายดาย เขาไม่
รู้สึกคล้ายว่าพลังจิตจะถดถอย แต่อย่างใดเลยด้วยซํ้า หากเป็นก่อนหน้า
เรื่องนี้คงยากกระทํา เว้นแต่จะมีอุปกรณ์ วิญญาณอย่างเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ขี่
ดาบบิน กระนั้นมันก็ต้องรอให้ เขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเทวะควบคุมจนถึง
ขั้นกลางเสียก่อน ไม่ช้า ฉินหยุนจึงพาชี่เม่ยเหลียนไปยังถํ้าต้นไม้ที่สูงจาก
พื้นกว่า สามร้อยเมตร

ชี่เม่ยเหลียนไม่เข้าไป กลับกัน นางเพียงนั่งที่ปากทางเข้าของ ถํ้าต้นไม้
เพื่อรับชมความงดงามของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจาก ด้านบน ดวงตากลม
โตงดงามตอนนี้แทบไม่กระพริบยามต้องแสง ภาพฉากที่งดงามทําให้นาง
ยินดีก่อนจะประทับพวกมัน เก็บไว้ในใจ ฉินหยุนนั่งเคียงข้าง เขากําลัง

มองนางยิ้มหวานอย่างใสซื่อ เขา รู้สึกยินดีจากใจ มันทําให้เขานึกย้อนไป
ถึงตอนยังเป็นเด็ก

“ตอนข้ายังเด็ก พี่หยุนก็พาข้าขึ้นต้นไม้เช่นนี้ ตอนนี้ต้นไม้ที่ ท่านพาข้า
ขึ้นมาทั้งสูงและใหญ่โตกว่าครั้งนั้นมากนัก นี่ หมายความถึงพี่หยุน
แข็งแกร่งขึ้นแล้ว”

ชี่เม่ยเหลียนหัน กลับมาพูดด้วยทั้งรอยยิ้ม ฉินหยุนพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้
จึงเอ่ยถามออกไป “เสี่ยวเม่ย เหลียน เจ้ารู้เรื่องแผนที่หลุมฝังเซียน
หรือไม่?”

เมื่อได้ยินดังนี้ ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้ารับ นางลืมตาและหลับตา ขนตาแพ
ยาวนั้นสั่นเล็กน้อย แสงสว่างสีขาวปรากฏที่ฝ่ามือ ผ้า ผืนหนึ่งค่อยปรากฏ
ออกจากฝ่ามือของนาง นางกล่าวจริงจัง

“สิ่งนี้คือแผนที่หลุมฝังเซียน แม่ของข้าบอก ไว้ว่า แม่ของพี่หยุน และแม่
ของพี่เย่ว์หลานกับเย่ว์เหม่ยก็มีอีก หนึ่ง”

ฉินหยุนพานางเข้าไปในห้องหลัก จากนั้นจึงนําเอาแผนที่หลุม ฝังเซียน
ของตนเองออกมากางไว้บนโต๊ะ ได้เห็นดังนี้ ชี่เม่ยเหลียนจึงกล่าวคํา
“แผนที่หลุมฝังเซียนของ ข้าเดิมที่ใหญ่กว่านี้ แต่หลังจากหยดเลือดลงไป
มันก็กลายเป็น ขนาดแค่ราวผ้าเช็ดหน้า หลังจากนั้น เส้นโคจรทั้งหมดใน
ร่าง ของข้าจึงเปิดออก อัตราการดูดกลืนพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นกว่า แต่
ก่อนหลายเท่าเลยทีเดียว”

เหตุผลว่าทําไมนางถึงยอมเปิดเผยความลับ ก็เพราะนางเชื่อฉันหยุนอย่าง
หมดใจ ฉินหยุนกล่าว “เซี่ยวเย่ว์หลานก็เพิ่มพูนพลังตนเองแบบก้าว
ทะยานได้ ก็เพราะแผนที่หลุมฝังเซียนเช่นกัน! เสี่ยวเม่ยเหลียน เจ้าต้อง
เก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ดี อย่าได้ให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงเรื่อง

ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น แม่ของข้าบอกเอาไว้ว่า เรื่องนี้ให้บอก
ได้แต่กับพี่หยุนเท่านั้น โอ้จริงด้วย พี่หยุน พี่กับพี่ เย่ว์เหม่ยจะแต่งงานกัน
เมื่อไหร่หรือ?! ข้าได้ยินว่าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ข้า
ก็หวังว่าพวกท่านจะไม่ โดนพรากแยกจากกันนะ กับภรรยาที่ดีเช่นนี้ท่าน
ต้องพยายาม ให้มากเข้าไว้” ฉินหยุนยิ้มรับ

“เด็กโง่ เย่ว์เหม่ยอายุใกล้เคียงกับเจ้า นางเป็น เพียงเด็กสาวซุกซน นางแค่
แสร้งทําดีต่อข้า เพื่อที่นางจะได้ ออกห่างจากบรรดาพี่ชายของนาง และ
หลบเลี่ยงการโดน บังคับแต่งงานจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวก็เท่านั้น”

“โอ้!” ซี่เม่ยเหลียนอึ้งไปครู่ นางขมวดคิ้วคล้ายคิดอันใดอยู่ แต่เหมือน นาง
ก็เข้าใจกับการกระทําของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ ใบหน้าของนางเปี่ยมด้วย
ความกังวลขณะกล่าวคํา

“จักรพรรดินีแห่งเทียนชี้ก็อยากขายข้าให้แต่งออก นานมาแล้ว นางส่งองค์
ชายรัชทายาทมาหาข้าเพื่อจัดแจงเรื่องให้ข้านัดดู ตัวกับผู้คน นางกล่าวว่า

ต้องการให้พวกเขารับชมข้าก่อนจึง ค่อยตัดสินใจ โชคดีที่พี่เฟยหลิงช่วย
หยุดคนกลุ่มนั้นเอาไว้และ บอกต่ออาจารย์ หลังจากนั้นพวกมันจึงไม่กล้า
กลับมาอีก”

องค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนก็อยู่ที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน! สีหน้าของฉิน
หยุนพลันกลายเป็นมืดมนขณะกล่าวคํา “อย่า ห่วงไป เจ้าอยู่ที่นี่พวกมัน
จะไม่กล้ารังแก! เจ้าจําเซี่ยอู่เพิ่งได้ หรือไม่? อาจารย์ของเขาคือรอง
อธิการบดีของที่นี่ และเซี่ยอู่ เฟิ งก็เป็นพี่ชายที่ข้านับถือ!”

ชี่เม่ยเหลียนดูประหลาดใจ “แน่นอนว่าข้าจําได้ เป็นพี่เซี่ยที่ เกลี้ยกล่อมให้
ข้ามาที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแห่งนี้ เขาทั้งใจดี และช่วยดูแลข้าเป็นอย่างดี
เลยทีเดียว”

ขณะที่นางกล่าวคําจบนี้เอง ผืนผ้าในมือนางพลันลอยขึ้น จากนั้น มันส่อง
แสงสว่างสีขาววาบออก ก่อนจะแปรเปลี่ยน เป็นหนังผืนใหญ่อย่างแผนที่

ของฉินหยุน หลังร่อนลงที่แผนที่ของฉินหยุน เสียงเบาเสียงหนึ่งจึงดังขึ้น
จากภายใน

“เสี่ยวหยุน? เสี่ยวเม่ยเหลียน? พวกเจ้าหรือ?” เสียงนี้กระจ่าง อ่อนโยน
และเสนาะหู เป็นเสียงของเซี่ยฉีโหรว!

“พี่สาว! เป็นพวกเราเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบตอบกลับอย่างยินดี

“พี่สาว ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใด? ท่านพบเจอเรื่องราวยากลําบาก หรือไม่?”

“พี่ฉีโหรว เสียงของท่านยังคงงดงามไม่เปลี่ยน!” หลังดึงสติ กลับมาได้ ชี่
เม่ยเหลียนจึงตอบกลับ นางเคยพบอีกฝ่ายครั้งยังเด็ก เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ

“แผนที่หลุมฝังเซียนอยู่ในมือเจ้า ข้าก็ วางใจ ตอนนี้ข้าปลอดภัยดี ไม่ได้
พบเจอปัญหาแต่อย่างใด อย่าได้ห่วงเรื่องข้า!” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยคํา

“พี่สาว เมื่อครั้งที่ข้าไปยังแม่นํ้าเมฆ มังกรก่อนหน้านี้ ข้าได้เจอกลุ่ม
วิญญาณสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ มี ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายรวมอยู่ด้วย พวก
มันบอกว่า ข้าที่ ครอบครองวิญญาณเทวะเก้าตะวันจะถูกสังหารโดยผู้
ครอบครองวิญญาณเทวะเก้าจันทรา เรื่องนี้หมายความถึง อะไร? ที่หลุม
ฝังเซียนเกิดปัญหาขึ้นหรือ?”

“เด็กโง่ อย่าโดนมันหลอก! วิญญาณเทวะเก้าจันทรางั้นหรือ? ข้าจะสังหาร
เจ้าไปเพื่ออะไร?” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะตอบกลับ

“อย่านําคําพูดพวกมันมาใส่ใจ”

ฉินหยุนจึงทราบว่าตอนนี้วิญญาณเทวะเก้าจันทราตกอยู่ในมือ ของเซี่ยฉี
โหรว เรื่องนี้ทําเอาเขาสบายใจขึ้นได้ไม่น้อย ชี่เม่ยเหลียนเอ่ยถาม “พี่ฉี
โหรว พวกเราจะค้นหาสถานที่ซึ่งฝัง กระดูกเซียนผ่านแผนที่หลุมฝังเซียน
ได้จริงหรือ?”

เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “แน่นอน แต่ว่า พวกเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ! เมื่อใดที่
พวกเจ้าแข็งแกร่ง จงร่วมมือกันเพื่อมายังแดนฝังเซียน เจ้าต้องช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกัน และเสี่ยวหยุน อย่าได้คิดรังแก เสี่ยวเม่ยเหลียน เลิกกัน
เท่านี้ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ครั้งหน้า!”

หลังเสียงจางหาย ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถามอีกหลายคํา แต่ก็ ไม่ได้รับ
คําตอบแต่อย่างใด “ดูเหมือนข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว จะได้ร่วมทางกับ
พี่หยุน ไปหลุมฝั่งเซียน” ชี่เม่ยเหลียนกล่าวมาดมั่น

แผนที่หลุมฝังเซียนของนางตอนนี้ แปรเปลี่ยนกลับเป็นผืน ผ้าเช็ดหน้า
และกลับเข้าฝ่ ามือ มันผสานกับกายเนื้อและหายวับ เข้าไป

“เสี่ยวเม่ยเหลียน หากองค์ชายรัชทายาทเทียนขี่มาหาเจ้าอีก ครั้ง จงบอก
ต่อข้า” ฉินหยุนกล่าวยํ้า “ข้าจะจัดการมันให้เอง”

“แน่นอน!” ชี่เม่ยเหลียนพยักหน้ารับรัวเร็ว ฉินหยุนพานางขึ้นหลังก่อนจะ
ใช้ก้าวอัคคีเมฆาทะยานขึ้น ท้องฟ้าสูง เขากําลังออกจากป่ าสมบัติเพื่อไป
ส่งนาง ขณะที่เขากําลังเดินทางกลับสู่ต้นไม้สมบัติตะวันดารา ตู้ก๋วยก็ ไล่
ตามหลังเขาเดินทางกลับมาเช่นกัน ฉินหยุนเอ่ยถาม

“อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว? สองวันที่ผ่าน มาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
ตู้ก๋วยเผยสีหน้าดํามืดและกล่าวตอบ

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของหลานชายของผู้นํา
ตาํ หนกัศกัดิ์สิทธิ์ของตาํ หนกัดวงดาววิญญาณสีคราม เป็นเพราะการร่วง
หล่นของตําหนักดวงดาว พวกเขากลับไปปลุกวิญญาณร้าย จํานวน
มหาศาลในหลุมฝังเซียนเข้า”

ฉินหยุนเดาได้แต่แรกแล้วว่าความผิดปกติจํานวนมากใน เทือกเขาเมฆ
มังกร มันจะต้องเกี่ยวข้องกับตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม สีหน้าของ
ตู้ก่วยเปี่ยมด้วยโทสะขณะสบถคําออก

“ที่แย่ยิ่งกว่า คือ ไอ้พวกสารเลวตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามนั่นตั้งใจ
ก่อ เรื่องนี้ขึ้น! พวกมันต้องการปลุกวิญญาณร้ายจํานวนมากและ จับพวก
มันเอาไว้ เพื่อให้พวกมันสามารถเข้าไปสํารวจในหลุม ฝั่งเซียนได้ ช่างเป็น
กลุ่มคนสารเลวชั่วช้ายิ่งนัก หากวิญญาณ ร้ายบินลัดผ่านแม่นํ้าเมฆมังกร
ออกมา ความเสียหายก็เกินจะ คาดคิดได้แล้ว” ฉินหยุนถอนหายใจ

“หลุมฝังเซียนดึงดูดพวกมันถึงเพียงนั้น?” ตู้ก่วยแค่นเสียง

“ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามกลับมาที่นี่ ก็เพราะพ่ายแพ้เสียหาย
รุนแรง ครั้งต่อสู้กับสํานักอื่นในแดนยุทธ์อ้างว้าง หากพวกมันได้รับวัตถุ
จากหลุมฝังเซียน พละกําลังของพวกมันจะพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว”

“อะไรอยู่ในหลุมฝังเซียนกันแน่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะมีสิ่งตกทอดจากเซียนอย่างเคล็ดวิชา ยา อายุวัฒนะ
อุปกรณ์เซียน และสิ่งอื่นอีกหลายอย่าง” ตู้ก่วย กล่าวขณะฉินหยุนกลับไป
ยังถํ้าต้นไม้

ฉินหยุนเพียงทราบว่าหลุมฝังเซียนเป็นตํานานและคงอยู่มา นานยิ่ง มันมี
อยู่ตั้งแต่ยุคของราชันยุทธ์หลันเซียวแล้วด้วยซํ้า หลังจากตู้ก่วยให้ฉินหยุน
นั่ง เขาจึงกล่าวด้วยนํ้าเสียงจริงจัง

“ฉินหยุน พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งยิ่ง หากเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก ที่พื้นที่นี้
เจ้าจะสําเร็จได้หลายสิ่งอย่าง! ตอนนี้ข้าจะคอยชี้แนะ เจ้าให้ฝึกฝนเคล็ด
วิชาเทวะควบคุม! นี่คือเคล็ดวิชาพลังจิตซึ่ง แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้า
ครอบครองแล้ว” ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาเริ่มสนทนาถึงเรื่องความ
ยากลําบากที่ พบระหว่างการเรียนรู้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม

เมื่อตู้ก๋วยได้ยินคําถาม สีหน้านั้นต้องเผยออกซึ่งความประหลาดใจ “นี่เจ้า
เรียนรู้ได้รวดเร็วนัก เจ้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง ได้เพียงนี้เลยหรือ? ระดับของเจ้า
ช่างน่าทึ่ง!”

“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแข็งแกร่งกว่าข้าอีกขอรับ นางเชี่ยวชาญวิชา เทวะควบคุม
ถึงขั้นกลางแล้ว” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เด็กสาวผู้นั้นมีวิญญาณยุทธ์เกี่ยวข้อง
กับพลังจิต เป็นปกติที่ นางจะรวดเร็วยิ่งกว่า! ในวันนั้น ระหว่างการ
ทดสอบพลังจิต นางไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ช่างเป็นเด็กสาวที่ซุกซนยิ่ง”

ตู้ก่วยยิ้ม กล่าว “หลังข้าแนะแนวเจ้าถึงเคล็ดวิชาเทวะควบคุม ข้าจะ เรียก
เสี่ยวเย่ว์เหม่ยมาที่นี่และเปิดค่ายอาคมขัดเกลากระดูกให้ พวกเจ้า”

“ขอรับ!” ฉินหยุนกําลังคาดหวังจะได้เข้าสู่ค่ายอาคมขัดเกลา กระดูกอยู่
พอดี ตู้ก๋วยจริงจังและอดทนขณะอธิบายเคล็ดวิชาเทวะควบคุม อย่าง
ต่อเนื่อง ฉินหยุนก็สมกับที่มีความรู้และเข้าใจสูง เขาสามารถเข้าใจได้
อย่างรวดเร็ว ราวกับทุกลมหายใจที่ผ่านไป เขาก็สามารถเข้าใจที่ผู้อื่นต้อง

ใช้เวลานานได้ กว่าจะจบเรื่องก็ตกดึกแล้ว พวกเขาจึงแยกย้ายกันไป
พักผ่อน ฉินหยุนกลับถํ้าต้นไม้ของตนเองและพักอยู่สองชั่วโมงจนค่อย
ฟื้นฟูพลังกลับมาได้ จากนั้น เขาจึงฝึกฝนวิชาเทวะควบคุม ด้วยสิ่งนี้มันจะ
ทําให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นและใช้งานได้มากมายหลากหลาย

ตอนท
ี่165 ค่ายอาคมขัดเกลากระด



ฉินหยุนมีความคืบหน้าก้าวทะยานนับตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น ด้วยหยก
วิญญาณเทวะ เขาสามารถควบคุมพลังจิตและจิต วิญญาณต้นกําเนิดให้
ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ทําให้เขาสามารถรีด ประสิทธิภาพของมันออกมาได้ดี
มากขึ้น ตอนนี้เขาทดลอบควบคุมมีดสั้น มันสามารถบินออกไปได้กว่า
ร้อยเมตร

สามารถตัดกิ่งไม้ได้ง่ายดาย กระทั่งขุดรูบนตัวต้นไม้ ใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่อย่างไรแล้วมันก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะใช้รับมือกับสัตว์ ปีศาจหรือ
วิญญาณสัตว์ร้าย ต้นไม้สมบัติตะวันดาราคล้ายภาพมายาสีแดงฉานยาม
ต้องแสง ตะวันยามอาทิตย์อัสดง

ที่ปากทางเข้าถํ้าของฉินหยุน ตู้ก่วยและเด็กสาวในชุดสีแดง ปรากฏตัวขึ้น
ตู้ก่วยตะโกน “เจ้าหนู คนรักเด็กของเจ้ามาหาถึงที่แล้ว”

ฉินหยุนตอนนี้อยู่ในห้อง เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนี้ เขาไม่ ทราบว่าคนรัก
เด็กที่ตู้ก๋วยพูดถึงคือใคร เขาเร่งรีบเดินออกไปจึง พบว่าเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
นางกําลังยิ้มยินดียิ่ง เมื่อสายตาได้เห็น ปากของเขาจึงร้องออก

“เย่ว์เหม่ย! ทําไมมา อยู่ที่นี่ได้ละ?”

ตู้ก๋วยยิ้ม “เพื่อเข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูก ข้ามีค่ายอาคม ดังกล่าวอยู่
ในมือแล้ว ที่เหลือก็แค่หาสถานที่เหมาะสมติดตั้งมัน น่าจะหาถํ้ากว้างสัก
แห่งภายในต้นไม้ใหญ่นี่แหละ! ข้าจะไป จัดการก่อน พวกเจ้าสองคนรอข้า
ที่นี่!”

หลังตู้ก๋วยยิ้มให้และจากไป เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเดินเข้ามายิ้ม หวานให้เห็น
นางนั่งลงบนโต๊ะด้วยท่วงท่าสบาย ทั้งยังคว้าผลไม้บนโต๊ะ ขึ้นมากินอย่าง
ไม่คิดถามอีกต่างหาก เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่ชุดสีแดง แส้ยาวรัดพันเอาไว้
บริเวณ ลําคอของนาง ปากได้รูปของนางตอนนี้กําลังกัดลูกแพรขนาด
ใหญ่ลงไป ฉินหยุนเอ่ยคํา

“เย่ว์เหม่ย เหตุใดสร้อยข้อมือที่ข้าให้เจ้าไปอยู่ ในมือเชี่ยวหยางหลงได้กัน?
ทั้งยังโดนไอ้สารเลวนั่นทําลาย อีก!”

“เป็นเชี่ยวหยางหลงขโมยไปจากข้า! ฮืม.... อิ่ม! มันอิจฉาที่ สร้อยข้อมือ
มิติเก็บของที่ข้ามีดีกว่าของมัน ทั้งท่านยังมีสัมพันธ์ ที่ดีกับอาจารย์หยางฉี
เย่ว์ข้าเพียงแค่พูดออกไปว่าอาจารย์หยางดูแลท่านเป็นอย่างดี มันจึง
ระเบิดโทสะออก คว้าเอาสร้อย ข้อมือไปจากข้าและทําลายทิ้ง” เมื่อเชียว
เย่ว์เหม่ยเอ่ยถึงเรื่องนี้ นางโกรธแค้นยิ่งนางทราบเรื่องการทดสอบของฉิน
หยุน นางจึงเอ่ยถามเสียงเบา

“พี่ชาย นี่วิญญาณยุทธ์ทั้งสองของท่านหายไปจริง?”

ฉินหยุนยกแขนซ้ายขึ้นและยิ้มกล่าว “ข้าย้ายมันมาที่นี่ข้ายัง สบายดีอยู่!”
ได้ยินดังนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงยินดีกระทั่งหัวเราะออก

“วิเศษนัก เชี่ยวหยางหลง ไอ้เต่าในกระดอง มันแท้จริงคิดว่าท่าน
กลายเป็นคนทุพพลภาพไปแล้ว! อีกทางหนึ่ง อาข่ายที่เป็น หมากตัว
สําคัญของมันกลับต้องตายอย่างน่าสังเวช สุนัข ซื่อสัตย์ที่ฝึกเลี้ยงและ
ทํานุบํารุงมาเป็นอย่างดีกลับโดนสังหาร ทิ้งอย่างไม่เหลือชิ้นส่วน!”

“รับไป อย่าให้มันเอาไปได้อีกละ!” ฉินหยุนนําสร้อยข้อมือมิติ เก็บของที่
ซ่อมแซมแล้วส่งต่อแก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย

“ขอบคุณพี่ชายแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ นางยินดียิ่งขณะ รับเอาไว้
และหยดเลือดลงไป พร้อมกันนี้ ตู้ก๋วยเองก็กลับมาบอกต่อพวกเขา ว่า
ค่ายอาคมขัด เกลากระดูกพร้อมแล้ว เขานําทั้งสองขึ้นไปบนถํ้าต้นไม้ที่อยู่
สูง กว่าแปดร้อยเมตร ถํ้าต้นไม้แห่งนี้กว้างใหญ่และเงียบสงบ ทั้ง ยังเป็น
โถงที่กว้างขวางยิ่ง

หลังฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาแล้ว ตู้ก๋วยจึงเปิดการ ทํางานของ
ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกและเร่งร้อนจากไป อาคมขัดเกลากระดูก เป็น

การผสมผสานกันระหว่างอาคมธง และอาคมหินอักขระ พลังที่บรรจุเอาไว้
ภายในจะมี ความสามารถในการขัดเกลา โครงสร้างโดยรวมซับซ้อนยิ่ง
ฉินหยุนเดิมคิดอยากทดสอบว่าตนสามารถคัดลอกไปได้หรือไม่ แต่หลัง
เข้ามาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาตัดสินใจยอมปล่อยวาง

ถัดจากนั้น เขาจึงเริ่มการฝึกฝนภายในค่ายอาคมขัดเกลา กระดูก เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยดูดกลืนพลังงานที่ปลดปล่อยออกจากค่ายอาคม ขัดเกลากระดูก
นางกล่าวตื่นเต้นยินดี “พี่ชาย ข้ารู้สึกมั่นใจนัก ว่าสามารถก้าวสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้!”

ฉินหยุนทดลองดู เขาพบว่าพลังของค่ายอาคมขัดเกลากระดูก ค่อนข้าง
แปลกประหลาดยิ่ง มันไหลตรงเข้าสู่กระดูก มันคือการ บํารุงหล่อเลี้ยง
กระดูกโดยตรง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวต่อ “พี่ชาย ข้าได้ยินว่าฉินเจิ้งเฟิ งเตรียม ก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแล้ว ท่านควรเร่งรีบไล่ ตามไอ้สารเลวผู้นั้น
อย่าได้ให้มันแต่งงานกับพี่สาวข้า”

“อืม ข้าจะทําอย่างเต็มที่เพื่อก้าวสู่กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดก่อน งานพิธี”
ฉินหยุนหลับตาลง ผ่อนคลายร่างกาย เขาเริ่มดูดกลืน พลังงานของค่าย
อาคมขัดเกลากระดูกเพื่อหล่อเลี้ยงกระดูกของตนเอง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม “พี่ชาย วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ของท่าน
เกิดอะไรขึ้นกัน? มันมีปัญหาหรือไม่?”

“วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของข้าหิวโหยยิ่ง มันจําศีลไป เพราะเหตุ
นั้น ข้าจําเป็นต้องรวบรวมวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลัง เพื่อป้อนแก่มัน สงสัย
นักว่าข้าจะไปหาวิญญาณยุทธ์ที่ เหมาะสมได้จากที่ใด” ฉินหยุนตอบ
อย่างอับจน เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเม้มริมฝีปาก ดวงตานั้นกลอกไปมา นางคิดอยู่
พักหนึ่งค่อยกล่าวคํา

“พี่ชาย หลังจากพวกเราฝึกฝนในค่าย อาคมขัดเกลากระดูกเสร็จแล้ว พวก
เราจะเข้าเทือกเขาเมฆมังกรด้วยกันเพื่อหาวิญญาณยุทธ์ วิญญาณยุทธ์
กระจกของข้า สามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณยุทธ์อื่นเป็นอย่างดี”

“ได้!” ฉินหยุนรู้ดีว่าตนไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ให้ลากถ่วงออกไป ไม่เช่นนั้นมัน
จะกลายเป็นตัวจํากัดพละกําลังของเขา เพื่อให้ได้รับพลังที่แข็งแกร่ง เขา
ต้องก้าวสู่เทือกเขาเมฆมังกร เพื่อค้นหาวิญญาณยุทธ์ ชั่วขณะนี้ ฉินหยุน
และเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกําลังดูดกลืนพลังของ ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกอย่าง
ขะมักเขม้น! เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีความมั่นใจมาก หากทุกอย่างเป็นไปได้
ด้วยดี

นางจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด เรื่องนี้ทํานางยินดี ยิ่ง ด้วย
อายุเพียงสิบสี่ปี แต่แล้วนางกําลังจะได้เป็นผู้ฝึกตน ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด พลังงานภายในค่ายอาคมขัดเกลากระดูกเลิศลํ้า หลังผ่านไป
หนึ่งเดือน ค่ายอาคมจึงค่อยหยุดทํางาน!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหลับตาลง นั่งอย่างสงบบนพื้นด้วยท่าขัดสมาธิคลื่นหมอก
อ่อนจางสีทองคําปรากฏจากชุดสีแดงของนาง เมื่อฉินหยุนลืมตาขึ้น เขา
ได้เห็นหมอกสีทองคําอ่อนจางล้อม กายนางเอาไว้ มันทําเอาประหลาดใจ
ไม่น้อย ด้วยสภาพนี้ หมายความถึงกระดูกทั้งหมดในร่างของนางได้
แปรเปลี่ยนเป็นวัชระกระดูกแล้ว!

การฝึกฝนวัชระกระดูกคือการก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ ที่เจ็ด!

“เย่ว์เหม่ยทรงพลังยิ่งนัก หลังนางตื่นขึ้น นางจะได้เป็นผู้ฝึกตน ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด” ฉินหยุนลอบยินดีกับอีกฝ่าย ในช่วงเดือนนี้ เขา
เองก็ฝึกฝนจนกระดูกส่องแสงสีทองอ่อนจาง ออกมาแล้ว เขาพบว่าตั้งแต่
ที่มีวิถีหัวใจเหลืองดํา เมื่อขัดเกลาวัชระกระดูก เขายิ่งจําเป็นต้องใช้พลัง
เพื่อขัดเกลากระดูกให้มากยิ่งขึ้น เพื่อแปรเปลี่ยนพวกมันเป็นโลหะสีทอง
ก่อนจะปลดปล่อยแสงเรือง สีทองออกจากกระดูกได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะวิถี
หัวใจเหลืองดําของเขาทําให้เชื่องช้า เพียงแต่การขัดเกลาวัชระกระดูก

จําเป็นต้องใช้พลังที่แข็งแกร่ง เป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้พลังมากขึ้น นี่
หมายความถึงวัชระ

กระดูกที่เขาจะฝึกฝนในภายหน้า มันจะทรงพลังยิ่งกว่าที่ผู้ใด ครอบครอง
ร่างของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันทะลักออกด้วยกลุ่มหมอกสีทองคํา นางลืมตา
ตื่นขึ้น แสงสว่างสีทองวิบวับในดวงตา พลังกระดูก ทองคํา ทรงพลังขนาด
ทําเอาฉินหยุนหวั่นไหว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก้าวพ้นแล้ว! ข้าได้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่
เจ็ดแล้ว!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะยินดี

“พี่ชาย ไป เทือกเขาเมฆมังกรกันเลยดีกว่า!” ถึงตอนนี้เอง ตู้ก๋วยพลันบิน
ขึ้นมาจากต้นไม้เบื้องล่าง เขามา เพื่อเก็บค่ายอาคมขัดเกลากระดูก เขา
ต้องนํามันกลับไปและใช้เคล็ดวิชาอันซับซ้อนแก่หินพลังงาน ก่อนจะ
สามารถนํามัน กลับมาใช้ได้อีกครั้ง

“เหตุใดพวกเจ้าคิดไปเทือกเขาเมฆมังกร? ตอนนี้ที่นั่นอันตราย ยิ่ง... โห
แม่สาวน้อย เจ้าก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แล้วนี่!” ตู้ก่วยกล่าว
ประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้ ถึงพลังกระดูก ทองคําที่ปลดปล่อยออกจาก
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย

“ข้าคิดอยากไปฝึกฝนที่เทือกเขาเมฆมังกร! อาจารย์ตู้ ท่าน อย่าได้ห่วง
ด้วยข้าปกป้องศิษย์ของท่าน เขาต้องปลอดภัย กลับมาแน่นอน” เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยตบหน้าอกตนเองกล่าวด้วย ความมั่นใจ สภาพนี้คล้ายพี่สาวออกตัว
ปกป้องน้องชายตัวน้อย ยามกําลังออกไปเที่ยวเล่น ตู้ก่วยกล่าว

“เช่นนั้นก็ดี ครั้งล่าสุดตอนพวกเจ้าออกไปล่า วิญญาณสัตว์ร้ายใน
เทือกเขาเมฆมังกร พวกเจ้าทําผลงานได้ดี เยี่ยม ข้าคงไม่ต้องห่วงนักว่าจะ
มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นต่อพวก เจ้า”

เมื่อตู้ก่วยอนุญาต ฉินหยุนจึงพาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับไปที่ถํ้า ต้นไม้ของ
ตนเอง เขาคิดอยากขัดเกลายันต์สะกดวิญญาณจํานวนหนึ่ง ครั้งนี้เขา

ต้องการพวกมันสะสมไว้จํานวนหนึ่ง เพื่อให้สามารถมีเพียงพอ ใช้รับมือ
กับวิญญาณสัตว์ร้ายที่ทรงพลังได้ หลังผ่านการเตรียมตัวอยู่หลายวัน ฉิน
หยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย จึงเปลี่ยนเป็นสวมใส่ชุดดํา ก่อนออกจากสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน พร้อมกับตู้ก่วยในช่วงกลางคืน เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ ตู้ก๋วย
ระมัดระวังยิ่งตลอดทางที่นําออกมา เป็นเขานําพวกเขาออกจากสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน

เทือกเขาเมฆมังกรกว้างใหญ่ ฉินหยุนและคณะเข้าสู่เทือกเขา เมฆมังกร
จากทางด้านของสถาบันยุทธ์ซิงเสวียน เทือกเขาเมฆมังกรทางฝั่งสถาบัน
ยุทธ์ฮัวหลิง อยู่บริเวณทาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามอยู่ บริเวณทางตะวันออกของเทือกเขาเมฆมังกร
เช่นเดียวกัน

ทางเข้าของสถาบันซานเสวียนตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเทือกเขา เมฆมังกร
สําหรับทางด้านสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน มันตั้งอยู่บริเวณทาง ตะวันตกเฉียง
เหนือ ด้วยเหตุนี้ เทือกเขาเมฆมังกรที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย กําลังไป
ครั้งนี้จึงไม่ใช่สถานที่คุ้นเคย ตู้ก๋วยบินร่วมทางกับพวกเขาผ่านความมืด

กลางค่ําคืน พวกเขา เหล่านี้มาถึงเทือกเขารอบนอกของเทือกเขาเมฆ
มังกรในเวลา เพียงไม่นาน ภูเขาที่เรียงรายชั้นแล้วชั้นเล่าของเทือกเขาเมฆ
มังกรปรากฏแก่ สายตา ทุกครั้งที่ฉินหยุนมาถึงบริเวณพื้นที่รอบนอก เขา
จะรู้สึก ได้ถึงความยิ่งใหญ่ที่สะกดข่มอย่างบอกไม่ถูก

“วิญญาณสัตว์ร้ายก็มาถึงพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ เทือกเขาเมฆ
มังกรแล้ว เมื่อเข้าไปแล้วให้ระมัดระวังตัวให้ดี” ตู้ก่วยกล่าวเตือน

“ขอรับอาจารย์!” ฉินหยุนพยักหน้ารับหนักแน่น ตู้ก่วยตบไหล่ฉินหยุนก่อน
กล่าวคําว่า

“เจ้าเข้าไปได้แล้ว เนื่อง ด้วยสถานการณ์ของเจ้าที่ไม่เหมือนใคร ข้าจะสู้
เพื่อเจ้าให้ได้ ยกเว้นการทดสอบในภาคเรียนนี้ แล้วในภาคเรียนหน้าค่อย
ให้ เจ้าได้เข้าร่วมการทดสอบเหมือนศิษย์ผู้อื่น”

หลังกล่าวลากับตู้ก๋วยเรียบร้อย ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึง เริ่มทะยาน
กายเข้าสู่ภูเขาลูกตรงหน้า

“พี่ชาย ท่านไม่อาจรับการทดสอบเหมือนศิษย์ผู้อื่น นี่จะ กลายเป็นเรื่อง
เสียหายยิ่ง!” เขียวเย่ว์เหม่ยบินด้วยดาบของ นาง คิ้วนั้นขมวดมุ่นขณะ
กล่าวคํา ฉินหยุนสับสนจึงเอ่ยถาม

“ข้าจะเสียหายอันใด? ไม่ใช่ว่าสบาย กว่าเก่าหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ตอบ

“การผ่านบททดสอบ สิ่งที่จะได้รับคือ รางวัลแต้มเสวียน มันสามารถนําไป
แลกเปล่ี
ยนเป็
นเคลด

วิชา ต่างๆเม

ดยา หรอ

สิทธิ์การเขา

คา่ ยอาคมฝึ
กฝน
ภายใต้เงื่อนไข โดยปกติ มีเพียงต้องเข้าร่วมการทดสอบเท่านั้นจึงสามารถ
ได้รับแต้มเสวียนจํานวนมากเป็นรางวัล”

ครั้งฉินหยุนแรกเข้าสถาบันซานเสวียน เขาก็ได้เรียนรู้เรื่อง รางวัลที่ได้รับ ก็
คือแต้มเสวียน นี่หมายความว่าระบบแต้ม เสวียนคงอยู่ร่วมกับสถาบัน
ยุทธ์ระดับเสวียนมานานยิ่งแล้ว เขาเอ่ยถาม

“ก็มีวิธีอื่นที่สามารถได้รับแต้มเสวียนไม่ใช่หรือ? ยกตัวอย่าง หากข้าหลอม
อุปกรณ์ขึ้น หรือช่วยหลอมอุปกรณ์ วิญญาณ นั่นก็น่าจะเป็นไปได้ใช่
หรือไม่?”

“เรื่องนี้ ข้าไม่แน่ใจนัก แต้มเสวียนเป็นระบบพื้นฐานของ สถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนทั้งสาม ท่านสามารถไปยังร้านค้าแต้ม เสวียน เพื่อใช้งานบัตร
ผลึกแต้มเสวียนได้!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยน บัตรผลึกแต้มเสวียนโปร่งแสง
ออกมาในฝ่ามือ เมื่อนางทะลวง พลังจิตเข้าไป มันจะเผยคํา “หนึ่งแสน”
ออกมา แปลว่านางมี หนึ่งแสนแต้มเสวียน

“หนึ่งแสนแต้มเสวียน นี่ถือว่าน้อยหรือมาก?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“น้อยนัก การแลกเปลี่ยนเม็ดยาวิญญาณคุณภาพสูง จําเป็นต้องใช้อย่าง
น้อยก็หลายล้านแต้มเสวียน เดิมข้ามีอยู่เก้า ล้านแต้มเสวียน แต่ก็เพิ่งใช้
พวกมันไปจนหมดสิ้น” เชี่ยวเย่ว์ เหม่ยแลบลิ้นออกเผยความน่ารักที่มี

“ตรงนี้จะมีการจัดอันดับ รายการแต้มเสวียนของศิษย์ในสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียน และผู้ ที่อยู่อันดับหนึ่งตอนนี้ก็คือเจ้าเต่าในกระดองอย่าง
เซี่ยวหยาง หลง เฮอะ!” เชี่ยวหยางหลงนับเป็นพี่ชายต่างแม่ของเชี่ยวเย่ว์
เหม่ย แต่นางหาได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายไม่ ทั้งยังเกลียดเข้ากระดูกดํา
ครั้งล่าสุดเชี่ยวหยางหลงฉกชิงสร้อยข้อมือไปจากนาง เป็นผล ให้นางโกรธ
จนแทบคิดเข้าไปท้าทายอีกฝ่าย

“อันดับแต้มเสวียนหรือ? น่าสนใจนัก!” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม

“เช่นนั้นแล้วอันดับสองคือใครกัน?” “อันดับสองคืออาจารย์หยางฉีเย่ว์ของ
ท่าน! อันดับสามคือ พี่สาวข้า อันดับสี่เป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนชี่
ชื่อวี้และ อันดับห้าก็คือฉินเจิ้งเฟิ ง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวตอบ

ตอนท
ี่166 ชื่อว
ี้

ฉินหยุนได้ยินชื่อวี้คุ้นเคยบนเทียบอันดับ แต่เขาก็ยังคงมีข้อ สงสัยอยู่ “
หมายความว่า มีศิษย์ในสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้ง สามไม่น้อยที่อยู่
ระดับที่แปดหรือเก้า อันดับความมั่งคั่งนี้น่าจะ ครองโดยศิษย์ที่อยู่ระดับ
แปดหรือเก้าแล้ว แต่ทางด้านชื่อวี้และ ฉินเจิ้งเฟิ ง พวกเขาก็แค่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดเองนี่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบกลับ

“ฉินเจิ้งเฟิ งและชื่อวี้ทั้งสองได้รับ แต้มเสวียนจํานวนมากผ่านการ
ประเมินผลและภารกิจ เหตุผล หลักก็เพราะบ่อยครั้งพวกเขาได้รับอันดับ
ต้นของการ ประเมินผล! และศิษย์ที่ระดับแปดหรือเก้า หากพวกเขาต้อง
พบ กับอัจฉริยะอย่างพี่สาวข้า หรือหยางฉีเย่ว์ระหว่างการ ประเมินผล
พวกเขาก็คงได้แต้มเสวียนเพียงแค่เล็กน้อยแล้ว”

ฉินหยุนตอบคํา “โอ้” และพยักหน้ารับ

“ดูเหมือนอันดับหนึ่ง ในเทียบอันดับนี้ ก็ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในคนระดับ
เดียวกัน อย่างนั้นสินะ! แต่มันก็ต้องมีคนเบื้องหลังที่คอยช่วยพวกเขาให้
สามารถทําภารกิจจํานวนมากสําเร็จได้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเม้มริมฝีปาก

“ตอนนี้ ข้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด ทั้งยังมีคู่แข่งมากมาย ชื่อวี้
ฉินเจิ้งเฟิ ง ทั้งสองถือ เป็นคู่แข่งซึ่งแข็งแกร่งที่สุด” ฉินหยุนคาดว่า การ
แข่งขันในสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนสมควร โหดร้ายยิ่ง ทรัพยากรส่วนใหญ่
จะถูกยึดครองโดยผู้แข็งแกร่ง พวกเขาตอนนี้บินลัดผ่านอากาศ เมื่อผ่าน
ภูเขาลูกแรกไปแล้ว จึงค่อยชะลอความเร็วและร่อนลงสู่พื้น ในสถานที่ซึ่งมี
สัตว์ปีศาจแข็งแกร่งอาศัยอยู่และเดินเพ่นพ่าน ไปมา หากพวกเขาไม่
แข็งแกร่งมากพอ จะกลายเป็นเป้าได้ ง่ายดายยิ่งหากอยู่กลางอากาศ
ขณะที่พวกเขาร่อนลงกับพื้นนั้นเอง พวกเขารู้สึกได้บางเบา ถึง ออร่าเย็น
เยือกที่มาจากทางด้านหลัง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยประสาทสัมผัสดีเยี่ยม หลังสัมผัสได้ถึงออร่าอ่อนจาง นาง
พลันดึงฉินหยุนหลบเลี่ยงไปอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ด้วยความเร็วสูงลํ้า

ฉีก! ฉีก! ฉีก! ขณะที่พวกเขาหลบไปแล้ว ลูกธนูจํานวนหนึ่งพลันยิงออก
พวกมันปักเข้าที่พื้นอย่างรุนแรง หากเป็นพวกเขาโดนโจมตี ก็ คงต้อง
บาดเจ็บหนักไม่ใช่น้อยแล้ว

“ผู้ใดถูกทําร้ายพวกเรากัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา

“นักลอบสังหาร! พวกมันคงตามพวกเรามาจนถึงที่นี่” เชี่ยว เย่ว์เหม่ย
ขมวดคิ้ว

“มีเพียงนักลอบสังหารมืออาชีพเท่านั้น จึง สามารถติดตามพวกเรามา
จนถึงที่นี่ได้โดยไม่ถูกอาจารย์ผู้พบ เห็น” ฉินหยุนทราบว่าตนมีศัตรู
มากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะมี นักลอบสังหารเข้ามาลอบสังหาร
ตนเอง และเขาก็พอจะคาด เดาได้ด้วยว่าใครที่เป็นคนส่งนักลอบสังหาร
เหล่านี้มา!

“ฉินหยุน เมิ่งเฟยหลิง เลิกคิดหลบหนี! ข้าคือผู้ฝึกตนขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่แปด ด้วยพละกําลังของพวกเจ้า ไม่มีหวัง ชนะแต่แรกแล้ว!” เสียง
หยาบกร้านดังขึ้นจากทางด้านหลัง เสียงนี้คล้ายผ่านการดัดแปลงเพื่อ
ไม่ให้ผู้อื่นจดจําได้ นักลอบสังหารทั้งสองคนต่างมีพื้นฐานการฝึกฝนอยู่ที่
ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด!

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยอาการประหลาดใจ ทว่าพวก เขาหาได้หวั่น
เกรงไม่ โดยเฉพาะกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ใบหน้าของ นางเปี่ยมล้นด้วยความ
ตื่นเต้น คล้ายนางคิดอยากระบายออก อยู่พอดี นํ้าเสียงของเซี่ยวเย่ว์
เหม่ยเฉียบคมส่งผ่านเข้าหูของฉินหยุน โดยตรง

“พี่ชาย นักลอบสังหารเหล่านี้หาได้มีอันใดน่า หวาดกลัวไม่ พวกมันก็แค่
ตาเฒ่าสองคน วิญญาณยุทธ์และเส้น วิญญาณล้วนธรรมดา”

“พวกมันสองคนมองพวกเราว่าอ่อนด้อยกว่า! ตราบเท่าที่พวก เราแสร้ง
เผยช่องว่าง พวกมันก็จะเผยช่องว่าง ชั่วขณะนั้นท่าน ค่อยร่วมมือกับข้า

จัดการพวกมัน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพิ่งฝึกฝนวัชระกระดูกได้สําเร็จ นางคิด
อยาก ลองพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดอยู่พอดี เมื่อฉินหยุนได้เห็น
ว่านางคล้ายมากประสบการณ์ด้านนี้ เขาจึงปล่อยให้นางรับหน้าที่ออก
คําสั่งการไป นักลอบสังหารทั้งสองคนเริ่มเข้ามาใกล้ แม้ก้าวเท้าเบายิ่ง

ทว่า ยังคงมีเสียงฝีเท้าดังให้ได้ยิน หลังเข้ามาใกล้แล้ว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึง
กระโดดพรวดออกจาก ด้านหลังต้นไม้ใหญ่และตะโกน

“ข้าคือเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เจ้ากล้า ดีอย่างไรจึงลอบสังหารข้า จักรวรรดิเทียน
เชี่ยวจะไม่ปล่อย พวกเจ้าไปแน่! จงบอกต่อข้า ผู้ใดส่งพวกเจ้ามาที่นี่!?”
มือสังหารทั้งสองสวมใส่หน้ากากสีดําและชุดสีดํา ที่เผยออกก็ แค่ดวงตา
ภายใต้แสงจันทร์อ่อนจาง พวกเขาสามารถเห็นได้ อย่างชัดเจนว่าที่
ปรากฏตัวเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย หาได้ใช่เมิ่งเฟย หลิงไม่ ดวงตานั้นถึงกับเผย
ความแตกตื่นออก

“ชะ-เชี่ยวเย่ว์เหม่ย!” หนึ่งในมือสังหารร้องแตกตื่น ขณะที่กล่าวคําจบ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงปล่อยเคล็ดวิชารวมจิต วิญญาณสังหาร พร้อมใช้พลังจิต
ทรงพลังเข้าโจมตีศัตรู ตรงหน้านาง! สําหรับผู้คนจํานวนมาก หากไม่
เตรียมการรับการโจมตีทางจิต เอาไว้ก่อน เป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะตั้ง
ป้องกันได้ แม้เป็น กายวรยุทธ์ระดับที่แปด หากพบเจอเข้าเช่นนี้ก็ต้อง
แตกตื่น ระดับหนึ่งแล้ว นักลอบสังหารกายวรยุทธ์ระดับแปดทั้งสองคน
โดนปะทะเข้า ด้วยการโจมตีทางพลังจิต เป็นผลให้หัวของพวกเขาหมุนติ้ว
ขณะดวงตาพร่ามัว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้นําดาบวิญญาณจันทราออกมา
นางใช้พลังจิตส่งดาบบินออก ฉินหยุนเร่งรีบเข้าถึงด้านหลังนักลอบ
สังหารอีกคนหนึ่ง พร้อมแทงด้วยกระบี่สั้นไปหลายครั้ง

หนึ่งกระบี่แทงที่หัวใจ อีกหนึ่งกระบี่แทงที่ตันเถียนพลังธาตุซึ่ง โยงใยถึง
เส้นโคจรทั้งร่าง นี่เป็นการตัดหนทางการโคจรพลัง ภายในของศัตรู เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยทําเช่นเดียวกัน นางแทงเข้าใส่จุดตายของนัก ลอบสังหาร ไม่คิด
เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้

“องค์หญิงเย่ว์เหม่ย โปรดไว้ชีวิตพวกเรา!” นักลอบสังหาร พลันตะโกนร้อง
ด้วยความหวาดกลัว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเย็นเยือก

“เจ้าเป็นนักลอบสังหารไม่ใช่หรือ? คิดทํางานนี้แต่กลับหวาดเกรงความ
ตายหรือ?” ฉินหยุนบอกได้จากสายตาคนเหล่านี้ ว่าพวกเขาหวาดเกรง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ่ง หากไม่แล้ว พวกเขาคงไม่แตกตื่นทันทีที่เห็นนางเป็นแน่
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมายังสถาบันยุทธ์ซิงเสวียน และเข้าค่ายอาคม ขัดเกลา
กระดูกกับฉินหยุน เรื่องนี้มีเพียงน้อยคนนักที่ทราบ

นักลอบสังหารทั้งสองติดตามพวกเขามาตั้งแต่ไกล พวกเขาคิด ว่าเป็นฉิน
หยุนกับเมิ่งเฟยหลิงที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจผิดว่า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นเมิ่งเฟยหลิง

“พวกเจ้าเป็นใคร? มาที่นี่เพื่อสังหารข้าหรือ?” เขาพอคาดเดา ได้แล้วว่า
เป็นผู้ใดส่งคนมาฆ่าเขา แต่เพื่อความมั่นใจเขาจึงคิด ถามให้ชัดเจนเพื่อ
การล้างแค้นในภายหน้า

“ฉินหยุน เจ้าลืมคําเตือนของนายท่านเชี่ยวหยางหลงแล้ว อย่างนั้นหรือ?
เขาบอกให้เจ้าอย่าได้เข้าใกล้องค์หญิงเย่ว์เหม่ย เป็นครั้งที่สอง” เมื่อนัก
ลอบสังหารกล่าวดังนี้ เขาจึงโดนตบเข้า ที่ใบหน้าด้วยมือของฉินหยุนอ
ย่างรุนแรง จากนั้น จึงเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาตบซํ้าอีกรอบ นางสบถคํา
หยาบออก

“หุบปากเจ้าเสีย! ไอ้ลูกเต่าเชี่ยวหยางหลงนั่น มัน คิดว่าจะห้ามข้าให้พบ
ใครก็ได้อย่างนั้นหรือ? เป็นเชี่ยวหยาง หลงสั่งให้พวกเจ้ามาใช่หรือไม่? นัก
ลอบสังหารทั้งสองไม่ได้กล่าวอันใดเพิ่มเติมอีก

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหรี่ตา ดวงตานั้นเผยออกซึ่งความน่าสะพรึงขณะ หัวเราะ
เย็นเยือก “ก็ดี ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลิ้มลองสิบทัณฑ์ ทรมานของจักรวรรดิ
เทียนเซี่ยวของเราว่ายอดเยี่ยมเพียงใด!”

คําพูดของนางได้ผลยิ่ง นักลอบสังหารทั้งสองถึงกับกายสั่นเพิ่ม

“เป็นองค์ชายชื่อวี้! เขาส่งพวกเรามา! ก่อนหน้านี้เขาบอกต่อ พวกเราว่า
ตราบเท่าที่มีโอกาสได้เข้าใกล้ฉินหยุน ให้จับเป็นมัน และส่งตัวให้เขา!
องค์ชายรัชทายาทบอกว่าฉินหยุนทําให้องค์ หญิงเย่ว์เหม่ยมีมลทิน ต้อง
ได้รับการลงทัณฑ์ นอกจากนี้ พวก เราต้องบีบบังคับให้เขาส่งผังวิญญาณ
ทั้งหมดที่มีในมือออกมา ด้วย” นักลอบสังหารละล่ําละลักกล่าวออกมา
ใบหน้าฉินหยุนเปี่ยมด้วยโทสะ เขาเอ่ยด้วยนํ้าเสียงทุ้มลึก

“สารเลวชื่อวี้ข้ายังไม่เคยเจอแม้แต่หน้าตั้งแต่เข้าสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน
แต่มันคิดอยากสังหารข้างั้นหรือ ล้างคอรอได้เลย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“พี่ชายอย่าเพิ่งมีโทสะ บางที่สองคนนี้อาจโกหก!”

เมื่อนักลอบสังหารทั้งสองได้ยินนางเรียกฉินหยุน “พี่ชาย”

พวกเขาล้วนลอบตะลึง “สิ่งที่กล่าวนั้นเป็นความจริง?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
หัวเราะเสียงเย็น รูปลักษณ์ของนางแม้งดงามแต่กดดันอย่างรุนแรง นัก
ลอบ สังหารทั้งสองอดไม่ได้ที่จะต้องสั่นกลัว

“จริงแท้!” นักลอบสังหารตะโกนตอบ

“เหอะ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง นางกดมือลงที่ศีรษะอีกฝ่าย จากนั้น
พลังจิตจากมือของนางพลันไหลหลั่งเข้าสู่สมอง เป็น ผลให้พวกเขารู้สึก
เหมือนหัวกําลังถูกผ่าแยกออก

“อ๊าก!” นักลอบสังหารทั้งสองกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หลังนางหยุดมือ
นักลอบสังหารทั้งสองได้แต่คุกเข่านิ่งกับพื้น

“บอกทุกสิ่งที่พวกเจ้ารู้ต่อข้า!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงยะเยือก แต่แล้ว
นางกลับหันไปแลบลิ้นยิ้มขี้เล่นต่อฉินหยุน

ฉินหยุนลอบอึ้ง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงกับมีประสบการณ์ทรมาน ผู้คนบีบเค้น
ความจริงเพียงนี้ เขารู้สึกคล้ายว่านางทํามันบ่อย เสียด้วยซํ้า

“พวกเราเพียงอยู่แถวนี้ ตอนพวกเราเห็นฉินหยุนและหญิงสาว เดินทาง
ร่วมกัน พวกเราจึงนึกว่าเป็นเมิ่งเฟยหลิงจึงติดตามมา พวกเขาไม่คาดคิด
ว่าหญิงสาวผู้นั้นจะเป็นองค์หญิงเย่ว์เหม่ย ท่าน....”

“พวกเราเป็นคนขององค์ชายชื่อวี้! ชื่อวี้นี้ได้ก่อตั้งกลุ่มนักลอบ สังหาร
หลายสิบคนเอาไว้ในพื้นที่แถบนี้ เป้าหมายหลักก็คือ ลอบสังหารฝ่ายตรง
ข้ามของนายท่านในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เพื่อทําให้นายท่านได้สําเร็จ
ภารกิจสังหารวิญญาณสัตว์ร้าย เพื่อที่จะได้รับแต้มเสวียนจํานวนมาก”

“กว่าครึ่งของแต้มเสวียนที่นายท่านได้รับ เป็นผลงานของพวก เรา”

“เป็นเพราะองค์หญิงเย่ว์เหม่ยและฉิน... นายน้อยฉินอยู่ร่วมกัน องค์ชาย
ชื่อวี้และองค์ชายเชี่ยวหยางหลงจึงเกิดความพิโรธ เป็นเพราะพวกเขา

หารือกันในเรื่องนี้แล้ว องค์ชายชื่อวี้ได้กล่าว ว่า หากองค์หญิงเย่ว์เหม่ย
แต่งงานกับตนได้สําเร็จ เช่นนั้นเขา จะยกพวกเราแก่องค์ชายเซี่ยวหยาง
หลงเพื่อได้รับหนึ่งร้อยล้าน แต้มเสวียนเป็นการตอบแทน!” มือสังหาร
เหล่านี้กล่าวคําทั้งอาการสั่นเพิ่ม ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันมองหน้า
กันเอง นี่เป็นเรื่องราว ชวนประหลาดใจยิ่ง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่เพียง
ประหลาดใจ นางถึงกับมีโทสะ ฟันขาว ของนางกัดกันแน่นขณะสบกด่า
เชี่ยวหยางหลงและชื่อวี้

“คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเพียงใด?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถาม

“นอกจากพวกเรา มีนักลอบสังหารอีกสองคนที่อยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่แปด ทุกคนที่เหลือล้วนอยู่ระดับที่เจ็ด พวก เราถูกคัดเลือกมาโดย
องค์ชายชื่อวี้จากจักรวรรดิเทียน” นักลอบสังหารร้องขอ

“เห็นแก่คําตอบที่จริงใจเหล่านี้ โปรดไว้ ชีวิตพวกเรา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ต่อ

“สหายพวกเจ้าอยู่ที่ใด? หากบอกต่อข้า จะยอมไว้ชีวิตพวกเจ้า!” นักลอบ
สังหารทั้งสองคนพูดออกพร้อมกันเพื่อบอกต่อเซี่ยวเย่ว์ เหม่ยและฉินหยุน
ถึงสถานที่ตั้ง มันเป็นถํ้าในภูเขาแห่งหนึ่ง ตรงหน้าพวกเขา ฉินหยุนนําหุ่น
เชิดราชสีห์สีเงินออกมาและแบกร่างของนักลอบ สังหารทั้งสอง เขาให้
พวกเขาเป็นคนชี้ทางไปยังสถานที่ เป้าหมาย เมื่อนักลอบสังหารทั้งสองได้
เห็นหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินของฉัน หยุน พวกเขายิ่งตื่นตระหนก ตอนนี้พวก
เขาเพิ่งทราบ ว่าพวก ตนประเมินพละกําลังของฉินหยุนผิดไปอย่าง
ร้ายแรง นี่เป็นเพราะการขัดเกลาหุ่นเชิดสัตว์ร้ายขึ้นได้ด้วยตนเอง มัน
หมายความถึงต้องมีความรู้และเข้าใจลึกลํ้าต่อวิถีจารึกแห่งเต๋า คนผู้ที่มี
ความสามารถระดับนี้ ภายหน้าสมควรเป็นถึง ปรมาจารย์จารึกได้

กลางดึก พวกเขาเดินทางผ่านป่ าที่มีดมิด หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ฉินหยุนและ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยในที่สุดจึงได้เห็น ถํ้าปลายทาง มันอยู่ห่างออกไปราวหนึ่ง
พันเมตร ทั้งยังมีพง หญ้าสูงปิดบังเอาไว้ ทว่า หากพวกเขามองให้ดี จะได้
เห็นตัวถํ้า ที่อยู่ด้านหลัง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยใช้พลังจิตตรวจสอบจํานวนคน
ภายในและพยัก หน้า

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น