วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563


121 ชิงแขน

พี่ใหญ่เซี่ยจะไม่เป็นอะไรจริง?” ฉินหยุนยังคงกังวล ศัตรูที่เซี่ยอู่เฟิ ง
เผชิญหน้าครั้งนี้ทรงพลังยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์จากตําหนักดวงดาวที่
อยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ทั้งยังมีมนุษย์เหล็กอีกหลายตัว มู่
หรงต้าเหรินขมวดคิ้ว

ดูเหมือนพวกเราคงต้องเตรียมตัวเพื่อ กรณีเลวร้ายเอาไว้ หากมีเรื่องเกิด
ขึ้นกับพี่ใหญ่เซี่ยจริง พวก เราจะต้องให้ไอ้พวกสารเลวเหล่านั้นต้องชดใช้
ด้วยเลือด” สีหน้าฉินหยุนหนักอึ้งขณะนั่งลงเก้าอี้ไม่พูดกล่าวแม้ครึ่งคํา ทั้ง
ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินล้วนเป็นเช่นเดียวกัน พวกเขานั่งใน โถงหลักของ
บ้านโดยไม่พูดกล่าวคําใดอีก พวกเขากําลังรอให้ ผู้อํานวยการไป่กลับมา
ตกดึก ความมืดและลมหนาวเย็นเข้าปกคลุมพื้นที่ในหุบเขา

ฉินหยุนและพรรคพวกยังคงนั่งกันจนถึงดึกดื่นโดยไม่พูดกล่าว คําใดกัน
ออกมา อย่างกะทันหัน พวกเขาได้ยินเสียงดังจากนอกบ้านหิน ทันใด นั้น
พวกเขาเร่งรีบออกไป ที่เขาได้เห็นคือผู้อํานวยการไป่ที่ช่วย พยุงเซี่ยอูเฟิง

ก้าวเดินเชื่องช้าเข้ามา พอได้เห็นเซี่ยอูเฟิง ฉินหยุนและคณะค่อยถอน
หายใจได้โล่งอก เพราะอย่างน้อยเซี่ยอู่เฟิงก็ยังมีชีวิตรอด เซี่ยอู่เฟิงตอนนี้
สวมใส่ชุดคลุมสีขาวของผู้อํานวยการไป่ ใบหน้านั้นซีดเผือด เบื้องใต้เสื้อ
คลุมสีขาว พวกเขามองเห็นว่า มีแต่ไหล่ขวาหาได้มีแขนไม่!

พี่ใหญ่!” เมื่อฮั่วจงได้เห็นเซี่ยอูเฟิ งสูญเสียแขน เขาถึงกับ คํารามลั่นด้วย
ความโกรธแค้น ฉินหยุนและมู่หรงต้าเหรินเร่งรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงเซี่ยอู่
เฟิ ง
ผู้อํานวยการไป่ คนของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เล่า?” ฉินหยุน
ถามนํ้าเสียงทุ้มลึก เขากําลังพยายามสะกดความโกรธไว้จนร่างกายสั่น
เพิ่ม

อุปกรณ์ผังธาตุแสงของเจ้าก็หายไป! ไอ้เวรพวกนั้นหรือ?” มู่ หรงต้าเหริน
เผยสีหน้าดํามืด เขาเองก็กําลังอดกลั้นโทสะเอาไว้ ไม่ให้ระเบิดออก

ข้าจะไปบดขยี้ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!” ฮั่วจงกลับ ระเบิดความ
โกรธ เขาคว้าไม้คทาออกมากําไว้แน่นเตรียม ทะยานกายออกไป

สงบกันก่อน!” นํ้าเสียงอ่อนแรงของเซี่ยอู่เฟิงดังขึ้น ฉินหยุนและคณะ
เงียบเสียงลง พวกเขากําลังอดกลั้นความโกรธ ขณะเดินเข้าไปในบ้าน
พร้อมกัน เมื่อเข้ามาแล้ว ผู้อํานวยการไป่จึงกล่าวคําขึ้น

แขนขวาของ เซี่ยอู่เฟิ งโดนคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามชิงเอา
ไป ตอนข้าไปถึง ก็ช่วยไว้ได้แค่แขนข้างซ้ายที่ยังไม่โดนนําเอาไป”

ไอ้พวกสารเลวตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามนั่นไปไหน แล้ว? ข้าจะไป
ฆ่าพวกมัน!” ฮั่วจงเมื่อได้ยินดังนี้ ความโกรธ ของเขาพลันปะทุอีกครั้งหนึ่ง
ผู้อํานวยการไป่รู้สึกว่าเรื่องนี้เกินจะช่วย ตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม
ถือเป็นขั้วอํานาจที่พวกเขาไม่อาจต่อกรด้วยได้ เขาถอนหายใจและกล่าว

พวกนั้นอยู่ในหุบเขา” เซี่ยอู่เฟิงกล่าวยะเยือก

พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน... สิบ ปียังไม่สายเกินไปสําหรับให้
สุภาพบุรุษได้แก้แค้น เมื่อใดที่พวก เราแข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า พวกเราจะ
ไปสะสางหนี้แค้นครั้งนี้ กับพวกมัน!” ผู้อํานวยการไป่ถอนหายใจ

บรรดาศิษย์ของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม ไม่ใช่ศิษย์ของสถาบัน
ซานเสวียน ข้าไม่อาจ เข้ายุ่งเกี่ยว ตอนนี้ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ส่องสว่าง ราวดวงตะวัน พวกเราไม่อาจทําอะไรพวกมันได้!”

เพราะเหตุนั้นตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามจึงมีท่าทีอหังการ ไม่ยิ่ง
หย่อน กระทั่งเผาบ้านแล้วปล้นจนหมดในเวลากลางวัน พวกมันก็ล้วน
กระทํา! มู่หรงต้าเหรินเอ่ยคําอย่างกราดเกรี้ยว

แล้วพวกเราจะปล่อย ไปแบบนี้?” ผู้อํานวยการไป่ส่ายหน้า

หากข้ายืนกรานเรื่องนี้ พวกมันจะปลดข้าออก ไม่ว่าพวกมันจะพูดอันใด
ออกมา ข้าทําได้เพียงแต่ อดทนจนกระทั่งพวกเจ้าเข้าสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน จากนั้นข้า ค่อยไปจากที่นี่ ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อํานวยการ
คนใหม่ ที่พวกมันส่งมาก่อเรื่องแก่พวกเจ้า” ฉินหยุนและคณะรู้สึกได้ว่า
ผู้อํานวยการไป่มีเจตนาคิดปกป้อง แต่พละกําลังที่เขากระทําได้นั้นเป็นไป
อย่างจํากัด เซี่ยอูเฟิ งถอนหายใจกล่าว

ผู้อํานวยการ ท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วขอรับ”

ฉินหยุนยังคงเงียบ ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามทรงพลัง อํานาจยิ่ง
ด้วยพละกําลังของพวกมัน พวกเขาไม่อาจยืนหยัด ต้านรับ หลัง
ผู้อํานวยการไป่จากไปแล้ว เซี่ยอู่เฟิงจึงกล่าว

ข้านั้น เกลียดชังตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยิ่งกว่าพวกเจ้าทุกคน
แต่เพราะพวกเรายังอ่อนแอ พวกเราไม่อาจต่อต้านพวกมัน เมื่อใดที่พวก
เราแข็งแกร่งขึ้น พวกเราจะต้องทวงหนี้แค้นครั้ง

ฉินหยุนพยักหน้ารับกล่าวคํา “ขอบคุณพี่ใหญ่เซี่ย ท่านไปพัก ก่อน! ข้าจะ
นําอุปกรณ์ธาตุแสงของข้าให้ท่านเพื่อฟื้นตัวจาก อาการบาดเจ็บโดยเร็ว
เมื่อพวกเราเข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ในภายหน้า ข้าจะคิดหาทางนําแขน
ของท่านกลับคืนมา” เซี่ยอู่เพิ่งเปลี่ยนไปใส่ชุดอุปกรณ์ธาตุแสงของฉิน
หยุน ทั้งยังยํ้า ต่อฉินหยุนและคณะว่าอย่าคิดทําอะไรทุ่มบ่าม จากนั้นเขา
จึง ค่อยเข้าห้องไปฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

มู่หรงต้าเหรินกัดฟันกรอด “พวกเราจะปล่อยไอ้เวรพวกนั้นไป ทั้งแบบนี้”

ฉินหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่กล่าวคําใด เพียงแต่ยืนนิ่งต่อหน้า กําแพงบ้าน ฮั่ว
จงเองก็โกรธ เขาถึงขั้นกระทืบเท้าทุนแรง พื้นบ้านเกิดขึ้น เป็นหลุมยุบตัว
ลง เขากล่าวอย่างโกรธแค้น “

ข้าจะทําให้ไอ้สาร เลวพวกนั้นต้องกลายเป็นชิ้นเนื้อ!” เซี่ยอู่เพิ่งมีชีพจร
วิญญาณเพียงสอง ทั้งยังไม่มีวิญญาณยุทธ์ แต่ด้วยความพยายามอย่าง

หนัก เขาถึงขั้นประสบความสําเร็จ ได้จนเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่แล้วคราครั้ง
นี้ต้องสูญเสียแขนไป ข้างหนึ่ง นับเป็นความเสียหายร้ายแรงมหาศาล ฉิน
หยุนและคณะนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยจิตใจหนักอึ้ง พวกเขายัง เอาแต่เงียบ
จนกระทั่งรุ่งสาง

ดวงตะวันส่องแสง ฝนหยุดตกลงแล้ว อย่างกะทันหัน เสียงอื้ออึงพลันดัง
จากด้านนอกของตัวบ้าน

ฉินหยุนจงออกมาเดี๋ยวนี้!” น้ําเสียงอหังการตะโกนดังขึ้น

เป็นคนจากตําหนักดวงดาว!” เซี่ยอูเฟิงเร่งร้อนออกจากห้อง หลับพักผ่อน
ทั้งคืนด้วยผังธาตุแสง อาการเขาดูดีขึ้นไม่ใช่น้อย

ไอ้เวรพวกนั้นยังกล้ามา! ข้าจะฆ่าพวกมันเสียที่นี่!” ฮั่วจง พลันยืนขึ้น
กล่าวโกรธแค้น

พวกมันมาหาข้า!” ฉินหยุนเร่งรีบออกไปก่อนเป็นคนแรก มู่หรงต้าเหริน
ยิ้มยะเยือกกล่าวคํา

ศิษย์ของตําหนักดวงดาว ยังอหังการได้เพียงนี้ทั้งที่มาอาศัยพักใน
สถาบันซานเสวียน!” ฉินหยุนเปิดประตูก้าวเดินออกไป เขาได้เห็นกลุ่ม
ศิษย์กว่าสิบ คนของตําหนักดวงดาวอยู่หน้าบ้าน ด้านหลังพวกเขา มี
อาจารย์จากตําหนักดวงดาวร่วมทางมา ด้วย เขาคือชายวัยกลางคนที่จับ
ตัวเซี่ยอูเฟิ งเอาไว้ก่อนหน้านี้ เป็นผู้ฝึกตนกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
ผู้อํานวยการไป่ไม่ได้เข้ามาใกล้ กลับกัน เขาเพียงรับชม เรื่องราวจาก
ระยะไกลด้วยสีหน้าดํามืด...

อาจารย์และศิษย์คนอื่นของสถาบันซานเสวียนต่างก็กลับมากัน แล้ว พวก
เขาตอนนี้กําลังคิดรับชมเรื่องสนุกต่อหายนะที่จะ บังเกิดกับผู้อื่น

มีเรื่องอะไร!” ดวงตาของฉินหยุนเปี่ยมด้วยเจตนาฆ่าฟัน น้ําเสียงนี้ยะ
เยือก

ข้าส่งมนุษย์เหล็กไปสังหารเจ้า แต่แล้วข้ากลับโดนตัดการ เชื่อมต่อ เป็น
เจ้าฆ่ามัน?” เด็กหนุ่มจากตําหนักดวงดาวกล่าว ถามด้วยโทสะเปี่ยมล้น
เด็กหนุ่มผู้นี้นามว่าเก๋อตง อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก และสวมใส่
ชุดคลุมสีน้ําเงินเข้ม นี่หมายความถึงสถานะของเขา ต้องสูงถึงระดับหนึ่ง
อย่างแน่นอน

เป็นความผิดของเจ้าที่ส่งมนุษย์เหล็กติดตามสังหารข้า แต่ แล้วตอนนี้พอ
เจ้าติดต่อมันไม่ได้ แล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับข้า กันเล่า?” ฉินหยุนปฏิเสธ
ทั้งยังตะโกนอย่างไม่ไว้หน้า

มนุษย์เหล็กของข้าไล่ล่าเจ้า แต่เจ้าตายหรือ? เจ้าไม่ได้ตาย เจ้าต้องมี
ส่วนรับผิดชอบต่อการที่ทําให้ข้าสูญเสียมนุษย์เหล็ก! หากเจ้าไม่อาจชดใช้
เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยความตาย!” ใบหน้า ของเก๋อตงเปี่ยมไปด้วยความตํ่า

ช้าและโฉดชั่ว ดวงตานั้นเผย ออกซึ่งประกายความเหี้ยมโหดเกินจะกล่าว
บรรดาศิษย์ชั้นยอดของตําหนักดวงดาวล้วนมีท่าทีอหังการและ ไม่สนใจ
ซึ่งกฎเกณฑ์ใด ฉินหยุนกําหมัดแน่น จนแทบส่งเสียงกระดูกแตกร้าว เขา
กําลัง สะกดข่มความโกรธเอาไว้ หากยั่วจงไม่โดนรั้งตัว เขาย่อมต้องพุ่ง
เข้าปะทะไปแล้ว อาจารย์จากตําหนักดวงดาวกล่าวถามเสียงเย็น

ฉินหยุน เจ้ารู้ ถึงมูลค่าของมนุษย์เหล็กหรือไม่? ตอนนี้เพราะไล่ตามเจ้า
มนุษย์เหล็กถึงหายตัวไป เจ้าต้องชดใช้!”

คิดจริงหรือว่าไอ้เศษเหล็กนั้นจะไล่ตามจนสังหารข้าได้? แล้ว ครั้งนี้ยังให้
ข้าชดใช้?” ฉินหยุนโพล่งคํา เส้นเลือดที่หน้าผาก ของเขาสูบฉีดจนใบหน้า
แดงกํ่า เขากล่าวด้วยน้ําเสียงทุ้มลึก เก๋อตงหัวเราะใส่

เดิมพวกเราไม่คิดสังหารเจ้า พวกเราเพียง ต้องการฉีกแขนเจ้าออกมา
แล้วใครบอกให้เจ้าวิ่งหนีหายไป เสียอย่างนั้น เพราะแบบนั้นข้าจึงต้องส่ง
มนุษย์เหล็กไปไล่ล่า เอาตัวเจ้ากลับมา เรื่องนี้เป็นความผิดเจ้า!”

ตอนท
ี่122 อหังการ

บรรดาศิษย์ผู้อื่นที่รับชมอยู่ห่างไกล พวกเขาล้วนรู้สึกได้ถึง ความโกรธ
ภายในใจของฉินหยุน พวกเขาได้เห็นว่าฉินหยุน กําลังสะกดกลั้นความ
โกรธเอาไว้ไม่ให้ปะทุออกมามากเพียงใด พร้อมกันนี้ พวกเขาก็รู้สึกอย่าง
ลึกล้ําถึงความอหังการที่ศิษย์ ของตําหนักดวงดาวเป็น!

ทว่า ไม่ใช่พวกเขารู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ แต่เป็นพวกเขาคิด อยากเข้าร่วม
เป็นศิษย์ของตําหนักดวงดาว เพราะพวกเขา ต้องการก่อการอย่างอหังการ
เช่นนี้บ้าง! ฉินหยุนกําหมัดเอาไว้แน่นขณะสูดลมหายใจเข้าลึก เขากําลัง
สะกดข่มความโกรธเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เรื่องนี้เป็น ความ
อหังการของตําหนักดวงดาวที่คิดยั่วยุ เขาต้องอดทน

เก๋อตงเมื่อเห็นฉินหยุนสะกดกลั้นความโกรธ เขาจึงหัวเราะออก ราวชื่น
ชอบเรื่องพวกนี้ “ฉินหยุน ข้าขอมอบทางเลือกให้เจ้า สามทาง!”

หนึ่ง ตาย!”

สอง ตัดแขนเจ้าออกมา!”

สาม ส่งผังธาตุแสงของเจ้ามา!” โดยทันที ฉินหยุนตระหนักได้ กลุ่มคน
ตรงหน้าเขานี้ มาเพื่อตั้ง ธาตุแสง อุปกรณ์ฝั่งธาตุแสงที่เขามอบให้แก่เซี่ยอู่
เฟิ งตกอยู่ใน มือกลุ่มคนตรงหน้า พวกเขาย่อมต้องทราบแล้วว่ามันเป็นยัง
ธาตุแสงระดับสูง กระทั่งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังต้องการผัง
ธาตุแสง ระดับสูง! เซี่ยอูเฟิ งผู้ซึ่งยืนเงียบมาตลอด เขาเองก็สะกดข่มความ
โกรธ เอาไว้ พร้อมกันนี้เขาเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงลุ่มลึก

แล้วหากข้า ไม่ยอมรับคําขอของเจ้า?”

เก๋อตงแค่นเสียง “หากเจ้าไม่ยอมรับ พวกเราจะฆ่าพวกเจ้าทุก คน! ฉิน
หยุนไม่ใช่ว่าเจ้าทรงพลังหรือ? ย้อนกลับไปครั้งหน้า ประตูตําหนักดวงดาว
เจ้ากระทั่งทําร้ายศิษย์นอกของตําหนัก ตะวันตกด้วยซ้ํานี่”

แต่ครั้งนี้เจ้าไม่กล้า! เจ้ารู้แล้วว่าตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามของ
พวกเราน่าหวาดกลัวเพียงใด เพราะแบบนั้นเจ้าถึง ยอมแบกรับความโกรธ
เอาไว้ ช่างขลาดเขลานัก เจ้ารู้จักความ เกรงกลัวแล้วงั้นหรือ? เจ้ารู้แล้วใช่
หรือไม่ว่าตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย!” ฉินหยุน
สูดลมหายใจเข้าลึก ความโกรธที่ใบหน้าของเขาเลือน หาย เขากล่าวอย่าง
เยือกเย็น

ข้าให้โอกาสเจ้า ส่งคืนแขนของ พี่ใหญ่เซี่ยและอุปกรณ์ฝั่งธาตุแสงมา!”
เก๋อตงพลันหัวเราะเสียงดังกล่าวคํา “มันก็แค่ขยะที่ไม่มี แม้กระทั่ง
วิญญาณยุทธ์ แขนนี้อยู่กับมันไม่เป็นการเสียของหรือ อย่างไร?”

กล่าวคําจบ เขาพลันเลิกแขนเสื้อขึ้นทั้งยังหัวเราะราวเห็นว่านี่ เป็นเรื่อง
สนุกเหลือจะกล่าว “แขนของเจ้าอยู่ที่นี่ กับข้าผู้นี้ หากเจ้ามีกําลังก็จงเข้า
มาเอามันไป! เช่นกัน อุปกรณ์ตั้งธาตุ แสงก็อยู่กับข้า! หากเจ้ามี
ความสามารถ ก็จงมาเอามันไป!”

ทุกผู้คนล้วนกล้าบอกว่าเก๋อตงมีสถานะสูงส่งในตําหนัก ดวงดาววิญญาณ
สีคราม ไม่เช่นนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ ครอบครองสิ่งของดีทั้งหมด
เหล่านี้แต่เพียงผู้เดียว เก๋อตงเพราะมีความสามารถถึงก่อการอย่าง
อหังการ พร้อมกัน นี้ เขาปลดปล่อยมนุษย์เหล็กสี่ตัวออกมายืนหยัด
ตรงหน้า!

มนุษย์เหล็กสี่ตัว พร้อมทั้งอาจารย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ด!ฉิน
หยุนและคณะไม่มีทางเทียบเปรียบพวกเขาได้

ฉินหยุน จงรีบตัดสินใจ ส่งผังธาตุแสงมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ไม่เช่นนั้น
ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหมดได้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวด ยามโดนตัดแขนทั้งยังมี
ชีวิต! พวกเจ้าทุกคนต้องพิการ พี่ใหญ่เจ้าคงรู้ถึงความเจ็บปวดไปแล้วก่อน
พวกเจ้า พวกเจ้าสมควร ได้รับรู้บ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า” เก๋อตงหัวเราะลั่นโฉดชั่ว
บรรดาศิษย์จากตําหนักดวงดาวล้วนหัวเราะตาม

ฉินหยุน จง ส่งมอบผังธาตุแสงแล้วกราบกรานพวกเราสักหลายครั้ง พวก
เราจะยินยอมเมตตาแก่เจ้า!”

กราบกรานช่างน่าเบื่อนัก ต้องให้มันเลียเท้าสิ!”

อันดับหนึ่งของการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นกําลังจะมาเลีย เท้าข้า ช่าง
น่าสนใจนัก!”

แลว
้ใครควรไดร
บั สิทธิ์เป็

นคนแรกด
กนั นะ? ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฮ่าฮ่าฮ่า...”

โอ้ใช่ ไอ้พิการแซ่เซียผู้นั้น จงรีบปลดสัญญาโลหิตออกจาก เข็มขัดเก็บ
ของนี้เสีย!” เก๋อตงยื่นเข็มขัดที่เต็มไปด้วยคราบ เลือดทั้งยกยิ้ม

แขนพี่ใหญ่ของเจ้าถูกพวกเราเอามาเพราะ เข็มขัดนี้ กระบวนการช่าง
น่าสนใจนัก ใครใช้ให้เจ้าไม่ยอมปลด สัญญาเลือด? เป็นเจ้าสร้างปัญหา
แก่ตัวเอง!”

เมื่อฉินหยุน มู่หรงต้าเหริน และฮั่วจงได้ยินคํากล่าวพวกนี้จบ คํา พวกเขา
ล้วนอึ้ง ในใจพวกเขาเปี่ยมล้นด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาอดที่จะหัน
มองเซี่ยอู่เฟิ งไม่ได้! เพื่อให้ทั้งสามหลบหนี เซี่ยอู่เฟิ งสามารถสกัดบรรดา
ศิษย์ของ ตําหนักดวงดาวเอาไว้ เพราะเหตุนั้นเขาจึงเสียแขนไปข้างหนึ่ง
แต่แล้ว แขนที่ถูกตัดนั้นไม่ใช่เพราะต้องรับคมดาบ แต่เป็นเข็ม ขัดเส้นนี้ที่
ถูกใช้เพื่อตัดแขนของเขา! ช่างเป็นวิธีการที่ชวนเจ็บปวด! จนกระทั่งถึง
ตอนนี้ ฉินหยุนไม่เคยรู้ว่าแท้จริงปีศาจชั่วร้ายได้ เพียงใด แต่ตอนนี้เขาได้
เห็นพวกมันกับตาตัวเองแล้ว! กลุ่มคนตรงหน้าเขาล้วนแล้วแต่คือปีศาจชั่ว
ร้ายในคราบ มนุษย์! เซี่ยอี้เฟิ งหลับตาลง เขาสูดลมหายใจเข้า!

พี่ใหญ่เซี่ย ข้าต้องขออภัย ตอนนั้นพวกเราไม่ควรปล่อยท่าน ไว้!” ฉินหยุ
นอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งนํ้าตา เป็นเขารู้สึกผิดจากใจ ร่างสูงใหญ่ของฮั่วจง
อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ําตาสองสาย

ขอบคุณ พี่ใหญ่”

ไม่ต้องพูดกล่าวอะไร! พวกเราล้วนเป็นพี่น้อง!” เซี่ยอู่เฟิ ง กล่าวคําทั้งยัง
ยิ้มให้ เก๋อตงพลันแค่นเสียง

ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน เช่นนั้นเอา แบบนี้เป็นไร จงรับรู้ถึงความ
เจ็บปวดนั้นด้วยแขนของพวกเจ้า เองเสียเลยก็แล้วกัน!” ฉับพลัน มนุษย์
เหล็กเริ่มเคลื่อนไหว! ฉินหยุนเร่งรีบใช้จิตวิญญาณต้นกําเนิดสร้างบอล
แสงสีขาวขึ้น พวกมันจมลึกในร่างโลหะนั้นก่อนตัดการเชื่อมต่อทางจิตใจ
ร่างโลหะเหล่านั้นกลายเป็นเพียงก้อนเหล็กแล้ว! ถัดจากนั้น เขานําเอา
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมาพร้อมโยน เข้าใส่เก๋อตง!

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณผสานเข้ากับพลังภายในอันบ้าคลั่ง ปริมาณ
มหาศาล มันควงหมุนกลางอากาศรวดเร็วพร้อมฟาด หวดเข้าที่ใบหน้า
ของเก๋อตง!

อ๊าก!” ทุกผู้คนล้วนแตกตื่น ฉินหยุนถึงขั้นลงมือโจมตี เป็นเขาทําร้าย
ศิษย์สถานะสูงอย่างเก๋อตง กระทั่งทําให้เลือดอาบท่วมใบหน้า

จัดการมัน!” ศิษย์ของตําหนักดวงดาวคํารามด้วยความกราดเกรี้ยว
ออกมา!

พวกเดรัจฉานต้องโดนลงทัณฑ์!” ใบหน้าฉินหยุนเปี่ยมล้น ด้วยโทสะ
ด้วยเสียงคํารามทุ่มลึก เขาโยนเอาวัตถุสีดํากว่าสิบ ออกมา! - เหล่านี้คือ
ยันต์เกล็ด!
ชั่วเวลานี้ กลุ่มศิษย์และอาจารย์ของตําหนักดวงดาวร่วมสิบคน เพิ่ง
ทะยานกายเข้ามายันต์เกล็ดพลันระเบิดออกเสียงดังสนั่น เสียงฟ้าคําราม
และ เพลิงพิโรธเกิดเป็นคลื่นยักษ์โหมเข้ากวาดล้างอย่างโหดเหี้ยม!

ตู้ม!

เซี่ยอู่เฟิ งตอบสนองรวดเร็วที่สุด เขารีบปล่อยม่านพลังภายในที่เกิดขึ้นจาก
วัชระพลังภายในขวางการโจมตีที่พุ่งเข้ามา มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงเร่งรีบ
โคจรวัชระพลังภายในสกัดการ โจมตีเอาไว้ พวกเขาตอนนี้นับว่าอยู่ใกล้
จุดศูนย์กลางการ ระเบิดของยันต์เกล็ด หากพวกเขาไม่สกัดเอาไว้ พวกเขา
จะ ได้รับผลกระทบไปด้วย!

ภาพฉากนี้ทําเอาทั้งศิษย์และอาจารย์ที่รับซมเรื่องอยู่ไกล ออกไปล้วน
แตกตื่น! ระยะสิบเมตรจากฉินหยุนและคณะตอนนี้ปกคลุมด้วยอัคคี
เพลิงและอสนีบาตรุนแรง ทั้งเปลวเพลิงและสายฟ้ากําลัง คํารามร้องจน
ทําเอาผู้คนล้วนขนลุก “

ผู้อํานวยการไป่..ท่านไม่เคลื่อนไหวหรือ? ท่านคือขอบเขตวร ยุทธ์เต๋านะ!”
อาจารย์ท่านหนึ่งเร่งร้อนตะโกนถาม

เมื่อครู่ คนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยํ้าเตือนต่อข้า ว่าห้าม
เข้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวครั้งนี้ ข้าเพียงทําตามที่พวกเขา บอก พวกเจ้าเองก็
ล้วนได้ยิน!” ผู้อํานวยการไป่แค่นเสียง

ยันต์ที่ฉินหยุดขัดเกลาเหล่านั้น... พลังระดับนี้อย่างน้อยก็เป็น ยันต์
ระดับสูง! ทั้งยังมีหลายสิบ!”

ข่าวลือที่ว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกถือเป็นเรื่องจริงงั้นสิ! ผัง วิญญาณ
ระดับสูงช่างทรงพลังน่าสะพรึงนัก!”

ยันต์ระดับนั้น สมควรเป็นมูลค่าอย่างน้อยก็หลายแสนเหรียญ ผลึกใช่
หรือไม่?”

ผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก หากไม่ตายก็บาดเจ็บ สาหัสยาม
ต้องเผชิญหน้ากับยันต์พวกนั้น!” ตอนนี้ สายตาทุกคนจ้องมองพื้นที่ซึ่ง
อสนีบาตและเปลวเพลิง ลุกโซนปกคลุม ใบหน้าของพวกเขาล้วนเปี่ยม
ด้วยความ หวาดกลัว เพียงไม่นาน อสนีบาตและเปลวเพลิงเริ่มอ่อนกําลัง
ลง บ้านหินตอนนี้ถล่มทลายไปแล้วเพราะแรงระเบิด!

ทางด้านฉินหยุนและคณะ พวกเขาใช้วัชระพลังภายในอย่าง ทันท่วงทีจึง
สามารถยืนหยัดเอาไว้ พวกเขาปลอดภัยกันดี! ทว่า ศิษย์ของตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามเพียงยืนกันอยู่ แค่สามคน ร่างกายนั้นดําไหม้
เป็นก้อนถ่านทั้งยังเต็มไปด้วย บาดแผล หากแค่มองคงไม่ทราบแล้วว่า
ผู้ใดเป็นผู้ใด เก๋อตงได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากทั้งอสนีบาตและเปลวเพลิง
ทั้ง ร่างกลับกลายเป็นสีดํา อุปกรณ์ตั้งธาตุแสงที่เขาฉกชิงเอามา เป็น
อุปกรณ์จากหนังสัตว์ มันไม่ใช่อะไรที่สามารถถูกเผาไหม้ได้ โดยง่าย
กระนั้นมันก็ถูกเผาจนไม่เหลือ

ฉินหยุน นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือยังไง? เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากระทํา อะไรลงไป!”
เขายืนอยู่กับผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ด แม้ได้รับบาดเจ็บแต่

ก็ไม่ได้สาหัสอย่างผู้อื่น ฉินหยุนมองเหยียดชายวัยกลางคน เท้าทะยาน
ออกด้วยก้าว อัคคีเมฆา เขาพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมค้อนราชันยักษ์
วิญญาณ ในมือ เป้าหมายที่เล็งไว้คืออาจารย์จากตําหนักดวงดาวพร้อม
ฟาดหวดออกด้วยมังกรหลอมหกกระบวน!
คิดอยากสังหารข้าหรือ?” อาจารย์จากตําหนักดวงดาวกล่าว อย่างโกรธ
แค้น ว่าภายในลอบหวาดกลัวถึงขั้วขณะตะโกน เสียงดัง

ผู้อํานวยการไป่ ช่วยพวกเราเร็ว...”

ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!” ฉินหยุนฟาดหวดด้วยมังกรหลอมหกกระบวนอย่าง
ไร้ซึ่งความ ปราณี มันคือกระบวนท่าแยกปฐพีที่รุนแรงขนาดสั่นคลอน
สวรรค์และพื้นโลก!

อาจารย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดจากตําหนักดวงดาวไม่ มีเวลาแม้
ตั้งท่าป้องกันรับมังกรหลอมหกกระบวน เขาตอนนี้ กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน
เพราะโดนเผาไหม้จนถึงแก่ความตาย!

ตอนท
ี่123 แข็งขืน

ทั้งอาจารย์และศิษย์ที่ทําตัวเป็นผู้ชมจากระยะไกลล้วนกายแข็ง ที่อ!

ศิษย์จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ล้วนไม่ใช่ศิษย์ ดาษดื่นธรรมดา
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีสถานะสูงส่ง ไม่เช่นนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะ
ไดร
บั สิทธิ์ควบคมุ มนษุ ยเ
หลก
แตแ่ ลว
ตอนน
พวกเขาทงั้

หมดกลบั ตอ
ประสบเภทภัยร้ายแรง! เซี่ยอู่เฟิ ง ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหรินล้วนตื่นตะลึง
ทว่าภายในใจ ของพวกเขานั้นกลับโล่ง!

เมื่อกี้เจ้าหรือที่อวดดี?” ฉินหยุนก้าวเหยียบที่ศีรษะของเก๋อตง หลังโดน
ทั้งอสนีบาตและอัคคีเพลิง เก๋อตงตอนนี้สภาพไม่ต่าง อะไรกับคนตายไป
แล้ว

อย่าได้กังวล ข้านั้นเป็นคนจิตใจดี ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะให้ เจ้าได้มีชีวิต
รอด!” กล่าวคําจบ หมัดของเขาพลันต่อยเข้าที่ ท้องของเก๋อตง แรงปะทะ

ครั้งนี้ไม่รุนแรง ทว่ามันเพียงพอให้ ทําลายพลังธาตุของเก๋อตงได้จนสิ้น
เก๋อตงเจ็บปวด ร่างกระตุกกับพื้น ไม่เพียงร่างกายเจ็บปวด ใจ ของเขาก็
เจ็บปวดยิ่ง! พลังธาตุถูกทําลาย นี่หมายความถึงวิถียุทธ์ของเขาจบสิ้น!

ตําหนักดวงดาววิญญาณส
ครามค
อแดนศกัดิส์ ิทธิ์ของผฝู้ึ

กตน พวกเขา
คงไม่รังเกียจเจ้าที่พลังภายในโดนทําลาย น่าจะให้การ ดูแลเจ้าเป็นอย่าง
ดีเลยเชียวละ!” ฉินหยุนหัวเราะลั่น หลังกล่าวจบคํา เขาจึงค่อยเดินไปไล่
เรียงทําลายพลังภายในแก่ ศิษย์ทั้งหมดของตําหนักดวงดาววิญญาณสี
คราม!

ดูสิ ข้าเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาเพียงใด ข้าไม่แม้กระทั่งสังหาร เจ้าด้วย
ซ้ํา!” ฉินหยุนหัวเราะชวนขนลุกที่ทําผู้คนสั่นสะท้าน ดวงตาของบรรดา
ศิษย์ทุกผู้คนที่นี่ อะไรคือความเมตตา?

โชคชะตาเช่นนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!

กระทั่งผู้เหี้ยมโหดยัง ไม่ทําเช่นนี้ ศิษย์ของตําหนักดวงดาวล้วนแต่มี
พรสวรรค์ทางวิถียุทธ์ แต่ แล้วตอนนี้พวกเขาล้วนพิการ พวกเขาไม่ต่าง
อะไรกับขยะข้าง ทาง ในภายหน้า ไม่เพียงพวกเขาจะโดนหัวเราะเยาะ
พวกเขา ยังจะโดนทอดทิ้ง ช่วงชีวิตที่เหลือจะต้องทุกข์ตรมในความสิ้น
หวังและเจ็บปวด มันคงดีกว่าหากพวกเขาเลือกจะตายเสียแต่ ตอนนี้!

ทุกคนต่างรู้สึก ว่าฉินหยุนบ้าคลั่งไปแล้ว เขากระทั่งหาญกล้า ยั่วยุตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม เป็นเพราะเขาแสวงหา การแก้แค้นต่อตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม! ถึงตอนนี้เอง พวกเขามองฉินหยุนไม่ต่างอะไร
กับกับผู้ที่ตายไป แล้ว! นี่เป็นเพราะฉินหยุนจงใจหาเรื่องต่อตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสี คราม เขาย่อมต้องตายอย่างไม่ผิดคาด!

ผู้อํานวยการไป่ทะยานกายจากระยะไกลและกล่าว

ฉินหยุน เจ้าไปได้แล้ว!” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ผู้อํานวยการไป่ ท่านคิดทําอย่างไรต่อ?” ผู้อํานวยการไป่ไม่ได้เข้ายุ่ง
เรื่องราวครั้งนี้แต่แรก หากไม่แล้ว ฉินหยุนคงไม่มีทางก่อการได้จนสําเร็จ
ครบถ้วนทุกคน เขา จะต้องโดนเก๋อตงและคณะกดขี่อย่างไม่ต้องสงสัย นี่
ถือเป็นการ ลอบช่วยเหลือฉินหยุนและพรรคพวก!

ผู้อํานวยการไป่หาได้กล่าวคําใด เขาเองก็ย่อมต้องมีปัญหา รวมทั้งคู่ชีวิต
และบุตร ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงไม่อยากให้เขาเป็นผู้เกี่ยวข้อง ที่นี่มี
อาจารย์จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามหลายท่าน สองในนั้น
กลับมาพบเห็นเรื่องราวพอดี เมื่อพวกเขาทราบ พวกเขาจะส่งคนกลับไป
ยังตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามเพื่อรายงานอย่างเร่งด่วน

เมื่อได้เห็นผู้อํานวยการไป่ อาจารย์เหล่านั้นไม่กล้าพูดสิ่งใด ที่ ทําเพียงแค่
เร่งรีบเข้าช่วยเหลือเก๋อตง อาจารย์ผู้นี้นามถั่วเหิง เขาเป็นชายวัยกลางคน
อยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด พลังระดับนี้นับว่าต่ําเตี้ยในตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม นี่หมายความถึงว่าเขาไร้ซึ่งสถานะ อันใดจึงต้อง
มาเป็นอาจารย์อยู่ที่สถาบันแห่งนี้

เก๋อตง เกิดอะไรขึ้น?” หลังมั่วเหิงช่วยเยียวยาเก๋อตง เขาเร่ง ร้อนเอ่ยถาม

รีบ... ฆ่าฉินหยุนเร็ว ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้น!? เก๋อตงฟื้นฟูอาการ มาได้บ้าง
แล้ว ดวงตาของเขาตอนนี้เปี่ยมล้นด้วยความเกลียด
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้และกล่าว “คิดอยากฆ่าข้าหรือ? ข้า ไว้ชีวิตสุนัข
ข้างทางเช่นเจ้า ดังนั้นที่เจ้าควรทําคือคุกเข่ากราบ กรานขอบคุณต่อข้า!”

เจ้า เจ้า” เก๋อตงโกรธแค้นจนแทบหายใจไม่ทัน กระทั่งอด ไม่ได้จนต้อง
กระอักโลหิตออก เป็นเขาโกรธจนสิ้นสติ

มั่วเพิ่งจ้องมองฉินหยุนและกล่าว “เก๋อตงเป็นหลานชายของผู้ อาวุโส
ตําหนักตะวันตก เจ้าไม่ต่างอะไรกับคนตาย! หากวันนี้ เจ้าหนี้ได้ ก็ไม่มี
ผู้ใดที่นี่รอดพ้นจากความผิดของเจ้า!” หลังกล่าวคํานี้จบ กลุ่มศิษย์และ
อาจารย์โดยรอบพลันตระหนัก ได้จนต้องเร่งร้อนเข้าปิดล้อม

ฉินหยุน พวกเราไม่คิดทําอะไรเจ้า เพียงเจ้ารอที่นี้ให้คนของ ตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามมาถึงก็พอแล้ว” อาจารย์จาก สถาบันยุทธ์เทียน
เสวียนตะโกนขึ้นเสียงดัง

เจ้าก็รู้ว่าไม่มีทางหนีพ้นได้!”

เจ้าควรรู้ว่าตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามน่าหวาดกลัว เพียงใด แต่
แล้วเจ้ายังกล้าต่อต้าน เป็นเจ้าน้ําเภทภัยสู่ตนเอง มันก็แค่ผังธาตุแสงไม่ใช่
หรืออย่างไร? ให้พวกมันไปก็ไม่ต้องมี เรื่องวุ่นวายปานนี้แล้ว” อาจารย์
ของสถาบันยุทธ์แต่ละคนเริ่มบ่นกันออกมา ฉินหยุนพบว่าผู้อํานวยการไป่
เองก็ส่งคนออกจากหุบเขาเพื่อ รายงานเรื่องนี้ แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดกันที่เขา
รายงานถึง

น้องหยุน ฆ่าเบิกทาง!” ฮั่วจงกล่าวคําขณะคว้าไม้คทาในมือ ไว้แน่น

ต่อให้พวกเราต้องตาย ก็ต้องลากพวกมันให้ตายตาม!” มู่ หรงต้าเหริน
จ้องมองบรรดาศิษย์และอาจารย์ที่ปิดล้อม ฉินหยุนกลับผ่อนคลาย เขาทํา
ความสะอาดเข็มขัดมิติเก็บของ ก่อนส่งคืนแก่เซี่ยอู่เฟิ ง เซี่ยอู่เฟิ งไม่กล่าว
คําใด ทว่าหัวใจของเขาหนักอึ้ง เขาไม่ได้กังวลถึงตนเอง แต่เป็นเพราะฉิน
หยุนกําลังจะถูกทําลายจนสิ้น เพราะเรื่องนี้

พวกท่านล้วนไม่ต้องทําอะไร ข้าเป็นคนรับผิดชอบเอง!” ฉิน หยุนกล่าว

อย่าได้ห่วง ข้าต้องรอด!”

ฝันเฟื่ องนัก! ความตายของเจ้าไม่ผิดพลาดแล้ว!” มั่วเหิงแค่น เสียง เขา
กําลังผสานพลังภายในเข้าสู่ร่างของบรรดาศิษย์เพื่อ รักษาอาการบาดเจ็บ
ด้วยเหตุนี้ หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ออร่าทรงพลังพลัน ปรากฏเข้า
สะกดข่ม

มั่วเหิงยินดีขณะจ้องมองฉินหยุนและกล่าวยกยิ้มชั่วร้าย “ความตายมา
เยือนเจ้าแล้ว! ยอดฝีมือจากตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามอยู่ที่นี่
รวมทั้งผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์ระดับ เสวียนทั้งสามก็ด้วย!” ใบหน้าของ
เซี่ยเฟิ งเคร่งเครียดขณะกล่าวคําเสียงเบา

น้อง หยุน รีบไปจากที่นี่... ข้ายังบินได้!” ฉินหยุนส่ายหน้าและกล่าวคํา

เปล่าประโยชน์แล้วพี่ใหญ่ ให้ ข้าเผชิญหน้าเอง!” ผู้อาวุโสกว่าเจ็ดหรือ
แปดคน รวมทั้งชายวัยกลางคนจํานวน หนึ่งร่อนลงจากฟ้า สองในนั้นเป็น
ชายชราสวมใส่ชุดคลุมสีน้ําเงิน พวกเขาคือคน จากตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม ผู้อื่นเป็นสามรองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
อาตง!” เมื่อชายชราผมสีดอกเลาในชุดสีน้ําเงินพบเห็นเก้อตง เขาถึงกับ
เร่งรีบเข้ามาพร้อมตะโกน

ชายชราผู้นี้คือปู่ ของเก๋อตง นามนั้นคือเกื้อหยวนเฟย ทั้งยังเป็น ผู้อาวุโส
ของตําหนักตะวันตก!

ท่านปู่ พลังธาตุข้าแตกสลาย...” เก๋อตงลืมตาขึ้นกล่าวคํา เสียงอ่อย
จากนั้น สายตาพลันเลื่อนมองโกรธแค้นฉินหยุน

เป็นมันที่ลงมือ... ท่านรีบจัดการมัน ข้าคิดอยากตัดเนื้อเถือ หนังมัน
ออกเป็นชิ้น ข้าต้องการทรมานมันที่ตําหนักตะวันตก!” เกือหยวนเฟยจับ
จ้องฉินหยุนขณะปลดปล่อยออร่า แต่ขณะที่ เขากําลังจะโจมตีนั้นเอง ชาย
ชราร่างผอมบางผู้หนึ่งในชุดแดง

พลันปรากฏต่อหน้าฉินหยุน ถัดจากนั้น ชายชราร่างผอมสูงในชุดขาวก็
มาถึงข้างกายฉิน หยุน - "

พวกเจ้าเป็นใคร? คิดอยากห้ามข้าหรือ?” เก๋อหยวนเฟย ตะโกนด้วยโทสะ
ผู้อาวุโสร่างเตี้ยในชุดคลุมสีแดงหัวเราะกล่าวคํา

ข้าคือจ้าวฉวน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตําหนักจารึกเทวะ สถาบันซานเสวียน
คือส่วนหนึ่งของตําหนักจารึกเทวะ ข้าไม่อนุญาตให้มีการสังหาร ศิษย์ของ
ที่นี่!” ชายชราในชุดขาวยังกล่าวคําด้วยสีหน้าเย็นเยือก

ข้าคือรอง อธิการฉิงเฟิ งแห่งสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!” พวกเขาเหล่านี้ยืน
หยัดเพื่อฉินหยุน บรรดาอาจารย์และศิษย์ที่ รายล้อม รวมทั้งเซี่ยอู่เฟยและ
คณะต่างอดไม่ได้ที่จะเผยความ แตกตื่น ทว่า พอมาคิดให้ดีแล้ว ก็นับว่า
สมเหตุสมผล จ้าวฉวนคือผู้ อาวุโสใหญ่แห่งตําหนักจารึกเทวะ และฉิน
หยุนก็คือผู้มี พรสวรรค์แห่งวิถีจารึก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาคิดเข้า
ปกป้อง ณ กระทั่งว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าจ้าวฉวนคือใคร แต่พวกเขาล้วนได้
เห็นว่าเขามั่นใจมากเพียงใด จากเรื่องนี้ ก็เพียงพอบ่งบอกแล้ว ว่าเขา
แข็งแกร่งยิ่ง เมื่อเก้อหยวนเฟยได้ยินนามของตําหนักจารึกเทวะ สีหน้า
โกรธขึงที่ใบหน้าพลันอ่อนลง

ถึงตอนนี้เอง เหลียวหนิงจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนพลันเดิน เข้ามาและ
กล่าวคํา “เป็นฉินหยุนก่อปัญหาอีกแล้ว เจ้าหนูนี่ก่อ ปัญหาได้ไม่เว้น!” ฉิน
หยุนแค่นเสียงกล่าวคํา

เหลียวหนิง หุบปากสุนัขของเจ้า เสีย! เจ้านายของเจ้าคงไม่ต้องการสุนัข
เช่นเจ้าที่ทําได้แต่เห่าไม่ อาจกัดผู้คน!” ถัดจากนั้น เขาจึงกล่าวกับจ้าวฉ
วน

ผู้อาวุโส ท่านรบกวน สนทนากับผู้อํานวยการไป่ถึงเรื่องราว ด้วยวิธีการนี้
น่าจะ เชื่อถือได้มากขึ้นขอรับ!”

ตอนท
ี่124 ผังวิญญาณมิติ

เหลียวหนิงพลันโกรธแค้นขึ้นมา ขณะคิดกล่าวคําใด จ้าวฉวน จึงหันหา
ผู้อํานวยการไป่และกล่าวถาม “เหล่าไป บอกข้าว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

ผู้อํานวยการไป่เองก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ ทว่าต่อ หน้าจ้าวฉวน
และโฮวฉิงเฟิ ง เขาให้ความยําเกรง! จากเรื่องนี้ก็ บ่งบอกได้แล้วว่าผู้
อาวุโสทั้งสองท่านทรงพลังอํานาจมาก เพียงใด! ที่แห่งนี้มีผู้อาวุโสอื่น
รวมตัว พวกเขาล้วนเป็นรองอธิการแห่ง สถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
พละกําลังของพวกเขาล้วนเกินหยั่ง ลึกถึงได้

ผู้อํานวยการไป่กระชับเรื่องราวและรายละเอียด... โดยเริ่มจาก ต้นเรื่องที่
ศิษย์ของตําหนักดวงดาวส่งข้อความร้องขอความ ช่วยเหลือ! เมื่อเก้อ
หยวนเฟยได้ยินการกระทําชั่วช้าของหลานชาย ใบหน้า ของเขาถึงกับแปร
เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาทําได้เพียงกัดฟัน แน่นอดทนอดกลั้น! หลังจบคํา
บอกเล่า จ้าวฉวนจึงแค่นเสียง

เจ้าสารเลวน้อยผู้นี้ สมควรถูกประนาม! นับว่าเมตตาเพียงใดแล้วที่ฉิน
หยุนไม่ได้ลง มือสังหาร” เก๋อตงพลันคํารามด้วยความโกรธแค้น

ท่านปู่ ท่านต้องล้าง แค้นแก่ข้า! ทั้งหมดเป็นความผิดของมัน มันทําลาย
มนุษย์เหล็ก ก่อน ข้าจึงต้องการให้มันชดใช้ แต่แล้วตอนนี้ ทั้งวิญญาณ
ยุทธ์ และพลังธาตุของข้าถูกทําลาย ข้าพิการ พิการอย่าง สมบูรณ์...”

จ้าวฉวนตะโกนกราดเกรี้ยว “หุบปาก!”

เก๋อตงถึงกับกระอักเลือดเต็มปาก

แม้เกือหยวนเฟยก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าสีหน้า ของเขาต้อง
ซีดเผือดยามได้ยินเสียงตะโกนนี้ เมื่อผู้ชมล้วนได้เห็นดังนี้ พวกเขาตื่น
ตะลึง! ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตําหนักจารึกเทวะที่เป็นชายชราร่างผอมบาง

ทว่าพละกําลังซึ่งเขาครอบครองกลับน่าสะพรึงกระทั่งผู้อาวุโส ตําหนัก
ตะวันตกยังต้องหวั่นเกรง!

ชัดเจนแล้วว่าใครผิดใครถูก วันนี้เลิกกันแค่นี้" จ้าวฉวน กล่าวคํากระจ่าง
ชัด เก๋อหยวนเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก เขาสะกดข่มความโกรธ ภายในใจ
จากนั้นจึงพาร่างของเก๋อตงไป ครั้งนี้เป็นหลานชาย เขาทําผิดจริง..
แน่นอนว่าหากจ้าวฉวนไม่อยู่ที่นี่ เขาคงลงมือต่อฉินหยุนไปแล้ว

พวกเราจะปล่อยเรื่องราวนี้ไปไม่ได้!” อย่างกะทันหัน ชาย ชราร่างอ้วน
เส้นผมสีเหลืองพลันก้าวเดินออกมาและกล่าวไม่ ดังนัก เขาผู้นี้คือรอง
อธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน กัวเจิ้ง!

กัวเจิ้ง ดวงตาเจ้ามืดบอดหรือ?” จ้าวฉวนแค่นเสียง

เจ้ายัง ไม่รู้อีกหรือว่าอะไรผิดและอะไรที่ถูก?” กัวเจิ้งยิ้มบางและกล่าวคํา

บรรดาศิษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้ ต่อสู้กับผู้อื่นในสถาบันซานเสวียน
ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องเป็น การประลองยุทธ์หรืออะไรทํานองนั้น! ชัดเจนว่า
ฉินหยุนขัดต่อ กฎดังกล่าว ต้องขับไล่เขาออกจากสถาบันซานเสวียน!”
เขาโดนบีบบังคับให้ลงมือ เรื่องนี้ล้วนเข้าใจกันได้!” จ้าวฉวน หัวเราะยะ
เยือก

แล้วยังไง? กระทั่งว่าเขากําลังจะโดนสังหารก็ ไม่อาจเคลื่อนไหวหรือ?
แล้วยามเมื่อกฎแรกก่อตั้ง คนจาก ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยัง
ไม่ได้แทรกแซงต่อเรื่องนี้ หากเป็นเมื่อครั้งก่อน นอกจากศิษย์ของสถาบัน
ซานเสวียนแล้ว ล้วนไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้ามาที่นี่ได้”

ตําหนักจารึกเทวะอย่าได้อหังการเกินไปนัก!” เกื้อหยวนเฟย ในที่สุดก็ทน
ต่อโทสะไม่ไหวจนต้องคําราม

ไม่ว่าข้าจะอหังการเพียงใด ข้าก็ยังเป็นมนุษย์ แต่เมื่อ หลานชายเจ้า
อหังการ เขาเป็นเพียงสัตว์บ้าคลั่ง!” จ้าวฉวน หัวเราะ

แล้วอะไร เจ้าคิดอยากมีปัญหากับตําหนักจารึกเทวะ หรือ? ลองดูสิ!”
เมื่อฝูงชนได้เห็นดังนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะต้องก้าวถอยกัน ออกไป พวก
เขาเป็นกังวลยิ่งว่าผู้อาวุโสยอดฝีมือทั้งสองจะสู้กัน อย่างกะทันหัน หาก
เกิดเรื่องแบบนั้น รอบข้างล้วนต้องได้รับ ผลกระทบ!

ฉินหยุนทราบจากต้วนเฉียนว่าตําหนักจารึกเทวะเป็น ผู้กว้างขวางในแดน
ยุทธ์อ้างว้างซึ่งผู้ฝึกตนได้รับการหล่อเลี้ยง พวกเขาห่างไกลเกินกว่าที่
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะ สามารถเทียบเปรียบได้ เก๋อหยวนเฟ
ยไม่กล้ากล่าวคําโกรธแค้นอีก เขาเพียงแต่พาร่าง เก๋อตงเดินจากไป เขา
คือผู้อาวุโส แต่แล้วตอนนี้ เขาเป็นฝ่าย ผิด พละกําลังของเขาไม่อาจเทียบ
จ้าวฉวน ดังนั้นเขาจึงทําได้ เพียงยอมรับความด้อยกว่า

กัวเจิ้งกล่าวขึ้น “แม้เข้าใจได้ว่าฉินหยุนประลองส่วนตัว แต่กฎ ของ
สถาบันซานเสวียนถูกเหยียดหยามอย่างร้ายแรง กฏต้อง ถูกบังคับให้
อย่างเข้มงวดเพื่อเป็นการยืนยันถึงตัวสถาบัน”

ด้วยการปล่อยให้สารเลวพวกนั้นอยู่ที่นี่ สถาบันซานเสวียนยัง นับว่ามี
อํานาจอะไรให้ยืนหยัด?” จ้าวฉวนแค่นเสียง เหตุผลว่าทําไมกัวเจิ้งแห่ง
สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนโต้เถียงครั้ง นี้ ชัดเจนว่าเพื่อเอาหน้าให้ตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามได้ เห็น เขายิ้มอ่อนขณะมองโฮ่วฉิงเฟิ งที่ไม่กล่าว
คําใดออกมา

เหล่าโฮ่ว เจ้าคิดเห็นเช่นไร? หากเป็นเจ้าคงไม่ละเมิดต่อกฎ แน่!
นอกจากนี้ฉินหยุนยังคิดเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เจ้า คิดรับคนแบบ
นี้ในภายหน้าจริงหรือ?”

เป็นที่เข้าใจได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้คือการประลองโดย ส่วนตัวของ
ฉินหยุน! อย่างไรแล้วนี่ก็ถือเป็นความรับผิดชอบ ของสถาบันซานเสวียน
เพราะแบบนั้นพวกเราควรเลิกยุ่งต่อ เรื่องนี้!” โฮ้วฉิงเฟิ งตอบกลับ

เหล่าไป ท่านเป็นผู้อํานวยการ ที่นี่ ท่านสามารถหยุดได้แต่แรก แต่ท่าน
ไม่กระทํา ดังนั้นแล้วท่านคือผู้รับผิดชอบสูงสุด นับจากวันนี้ท่านไม่ใช่
ผู้อํานวยการ ของสถาบันซานเสวียนอีกต่อไป!”

ข้ายอมรับการลงโทษในครั้งนี้!” ผู้อํานวยการไป่กล่าวด้วยสี หน้าผ่อน
คลาย กัวเจิ้งอึดฮัดไม่พอใจขณะกล่าวต่อ

การประลองส่วนตัวของ ฉินหยุนถือว่าส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมหาศาล
ทั้งเขายังไม่มี ความเชี่ยวชาญอื่นใดเป็นพิเศษ เขาสมควรถูกขับไล่ออก
จาก สถาบันซานเสวียน!” จ้าวฉวนหัวเราะลั่น

ฉินหยุนมีพรสวรรค์ที่ดีต่อวิถีจารึก นับเป็นเรื่องดีที่เขาจะได้มาอยู่ที่
ตําหนักจารึกเทวะ!”

ผู้อาวุโสใหญ่ ตําหนักจารึกเทวะสามารถช่วยให้ข้าเป็นผู้ฝึก ตนทรงพลัง
ได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

หากพูดถึงความเชี่ยวชาญในศาสตร์ แน่นอนว่าตําหนักจารึก เทวะของ
เรามีพื้นฐานอยู่ที่วิถีจารึก การฝึกตนล้วนขึ้นอยู่กับ เจ้า” จ้าวฉวนถอน
หายใจกล่าวคํา “อันที่จริง บุคคลเช่นเจ้าการเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับ
เสวียนนับเป็นเรื่องดีที่สุด แต่...”

กัวเจิ้งแค่นเสียง “ฉินหยุนมันมีอะไรพิเศษ? วิญญาณยุทธ์ของ มันตายไป
แล้ว? สํานักใดจะคิดรับตัวมัน? ในกรณีนี้ สถาบัน ยุทธ์เทียนเสวียนของข้า
ไม่คิดรับ”

สถาบันยุทธ์หลิงเสวียนก็ไม่ต้องการเช่นกัน!” รองอธิการบดี ของสถาบัน
ยุทธ์หลิงเสวียนก้าวเดินออกมาประกาศดังก้อง

คนหนุ่มสาวที่ยังมีความทะเยอทะยานคิดเข้าสถาบันยุทธ์หลิง เวียน
สามารถวางใจ สถาบันยุทธ์หลิงเสวียนของพวกเราไม่คิด รับฉินหยุน!”

สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนเราก็ไม่รับฉินหยุน!” กัวเจิ้งกล่าวคํา เสียงดัง

หากฉินหยุนผ่านการทดสอบได้ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเรา จะยอมรับ
เขา” โฮวฉิงเฟิ งกล่าวคําเสียงเบาแต่ล้วนได้ยินกันทั่ว แน่นอน ว่ามี
เพียงเซี่ยอูเฟิ งละคนจํานวนน้อยนิดที่คิดอยากเข้า สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

โฮ้วฉิงเฟิ งมองฉินหยุนและกล่าว “หากเจ้ามีความชํานาญพิเศษด้านอื่น
เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้จนกระทั่งถึงการทดสอบ ปลายภาค!”

ข้าสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ!” ฉินหยุนกล่าวคํา

วิญญาณยุทธ์ของข้าเพียงมีปัญหา มันไม่ได้พิการโดย สมบูรณ์ ข้ายัง
สามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงได้!” นี่เขายังสามารถขัดเกลาอุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของ? เรื่องราวนี้ทําเอาสามรองอธิการบดีแห่งสถาบัน
ยุทธ์ระดับ เสวียนถึงขั้นเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน

จ้าวฉวนถึงขั้นเผยใบหน้าไม่เชื่อขณะกล่าวถามด้วยความ ประหลาดใจ
นี่เจ้ามีผังวิญญาณมิติ?”

แน่นอน!” ฉินหยุนทราบดีว่าการเผยความสามารถนี้จะทําให้ ตนสามารถ
อยู่ต่อที่สถาบันซานเสวียนได้ ผังวิญญาณมิติถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง!

อาจารย์จารึกหลายท่านล้วนต้องจ่ายอย่างมหาศาลหลังหลอม อุปกรณ์
วิญญาณขึ้นมา พวกเขาต้องค้นหาผู้อื่นซึ่งสามารถ แกะสลักผังวิญญาณ

มิติให้แก่พวกเขาได้! และฉินหยุน คือผู้หนึ่งที่ครอบครองมัน! มู่หรงต้าเห
รินนําเข็มขัดมิติเก็บของของตนเองออกมาและ กล่าว

ผู้อาวุโส นี่คือเข้มขัดที่ฉินหยุนทําให้แก่ข้า!” เซี่ยอูเฟิ งและชั่วจงต่างก็
นําเอาเข็มขัดมิติเก็บของออกมาเผยให้เห็น

จ้าวฉวนและโฮวฉิงเฟิ งต่างพิจารณามองอย่างถี่ถ้วน ใบหน้า พวกเขาถึง
ขั้นแตกตื่นตกใจ กัวเจิ้งและผู้อื่นทําได้เพียงรับชมจากระยะไกล พวกเขา
ทําได้ เพียงกัดฟันแน่นอย่างแค้นเคือง ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งประกาศชัด
ก้องว่าจะไม่ให้ฉินหยุนเข้าร่วมสถาบัน! แต่แล้วตอนนี้ ฉินหยุนคือผู้ที่
สามารถหลอมอุปกรณ์และ แกะสลักผังวิญญาณมิติ!

มันต้องไปหยิบอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของจากผู้อื่นมา หลอกลวง!”
กัวเจิ้งแค่นเสียงกล่าวคํา

ผังวิญญาณพวกนั้น ซับซ้อนยิ่ง คนอย่างมันหรือสามารถแกะสลัก
ออกมาได้ ทั้งยัง เป็นการแกะสลักเข็มขัดขนาดเล็กนั่นอีก”

ผู้อาวุโส ท่านทั้งสองต้องการอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ หรือไม่? ข้า
สามารถขัดเกลามันตรงนี้และขายมันแก่ท่านได้!” ฉินหยุนกล่าวคําจริงจัง
ขณะนําเตาหลอมและแท่นหลอมออกมา

ตอนท
ี่125 พรสวรรค์วิถีจารึก

ฉินหยุนเผยสีหน้าจริงจัง ทุกคนตระหนักได้ เดิมที อาจารย์หลายท่านและ
บรรดาศิษย์ล้วนไม่เชื่อว่าฉินหยุน สามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บ
ของ แต่ตอนนี้ พวกเขา ล้วนเชื่อแล้ว

หากเจ้าขัดเกลามันขึ้นมาได้ ข้าจะขอซื้อที่สองพันเหรียญ ม่วง!” โฮ้วฉิง
เฟิ งเผยใบหน้ายะเยือกที่เปี่ยมด้วยความ ประหลาดใจขณะกล่าวถาม

นี่เจ้าขัดเกลามันได้จริง?” พร้อมกันนี้ พวกเขาส่งคืนเข็มขัดมิติเก็บของทั้ง
สามแก่เซี่ยอู่ เพิ่งและพรรคพวก ฉินหยุนยิ้มมั่นใจกล่าวคํา

ท่านจะทราบหลังข้าขัดเกลามัน เสร็จสิ้น หากไม่แล้ว ท่านคงไม่เชื่อในสิ่ง
ที่ข้ากล่าวเป็นแน่”

ย่อมได้!” จ้าวฉวนเองก็อยากเห็นจึงพยักหน้ารัวเร็ว กัวเจิ้งและผู้อื่นเผยสี
หน้าดํามืด หากฉินหยุนสามารถหลอม อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของได้
จริง เขาจะถือเป็นอัจฉริยะใต้ หล้าในวิถีจารึกแล้ว พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าสูง
ลํ้ากว่าฉินเจิ้งเฟิง ไม่รู้กี่เท่า ผู้ที่มีเส้นวิญญาณจํานวนมากและวิญญาณ
ยุทธ์หายาก พวก เขาเหล่านั้นมีน้อยนิด แต่ก็ยังพอมีให้เห็นบ้างตาม
กาลเวลา

ยกตัวอย่างเชี่ยวเย่ว์หลาน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ฉินเจิ้งเฟิ ง และผู้อื่น พวกเขา
ล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนต้อง ตาเสมอมา ทว่า
อัจฉริยะโดยธรรมชาติบนวิถีจารึกนั้นพบเจอได้ยากยิ่ง ก่อนจะได้รู้จักกับ
วิถีจารึกด้วยตัวเอง จะไม่มีผู้ใดทราบว่า แท้จริงมันคืออะไร และจะไม่มี
ทางทราบว่าผู้ใดมีความ เหมาะสมที่ดี ด้วยเหตุนี้อัจฉริยะของวิถีจารึกจึง
หาพบพานได้ยากยิ่งนัก

ยิ่งกับอัจฉริยะระดับที่รู้และเข้าใจด้วยตนเองอย่างฉินหยุน จะ นับเป็น
อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะในวิถีจารึก หลายคนต่างทราบว่าเขามีพรสวรรค์
บนวิถีจารึกโดยธรรมชาติ ทว่า หลังจากเขาพลาดการผสมผสานกับศิลา

อัคคีร่วงหล่นกับ วิญญาณยุทธ์ ทุกคนต่างคิดว่าวิญญาณยุทธ์ไฟของเขา
ถูก ทําลาย ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ค่าสนใจอะไรแก่เขาอีก และพอตอนนี้ เขา
กระทั่งสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณ มิติเก็บของ

ฉินหยุนหลอมเหล็กวิญญาณระดับตํ่าด้วยความเชี่ยวชาญ เขา ยังเสริม
เครื่องในและหนังสัตว์เพื่อทําให้เหล็กวิญญาณมีความ อ่อนตัว ด้วยเหตุนี้
เข็มขัดจึงมีทั้งความอ่อนตัวและเหนียวแน่น ในเวลาเดียวกัน

หากข้าขัดเกลามัน ข้าจะใช้เครื่องในสัตว์และหนังสัตว์ผสาน รวมเข้ากับ
ศิลาวิญญาณว่างเปล่า หากเจ้านําเหล็กวิญญาณ ระดับตํ่าผสมเข้าไป
มันจะกลายเป็นเสียประสิทธิภาพ เช่นนี้จะทําเพิ่มระดับความยากและ
ส่งผลต่อเสถียรภาพการแกะสลัก”

จ้าวฉวนกล่าวคําจากด้านข้าง ขณะทําการหลอม ฉินหยุนกล่าว “เครื่องใน
สัตว์และหนังสัตว์ เป็นเพียงส่วนเสริมขอรับ โดยหลักแล้วข้าใช้เหล็ก
วิญญาณ ระดับตํ่าเพื่อดูดกลืนศิลาวิญญาณว่างเปล่า! ศิลาวิญญาณว่าง

เปล่าเป็นแร่ ดังนั้นเหล็กที่ได้รับออกมาจึงเป็นแร่เช่นกัน คุณสมบัติพวกมัน
คล้ายคลึงกัน จึงทําให้เหล็กสามารถดูดกลืน วัตถุดิบอย่างศิลาวิญญาณ
ว่างเปล่าได้ดีกว่า”

ท่านผู้อาวุโสลองคาดเดา หากข้าใช้ศิลาขนาดเท่าเมล็ดข้าว เพื่อหลอม
อุปกรณ์วิญญาณ มิติเก็บของที่จะได้รับสามารถ กว้างเท่าใด?” เมื่อจ้าวฉ
วนได้ยินดังนี้ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผล นี่เป็น เพราะเมื่อพวกเขา
หลอมอุปกรณ์วิญญาณ พวกเขาไม่เคยคิดซับซ้อนเพียงนี้ ไม่ว่ามันจะง่าย
เพียงใด พวกเขาเพียงต้องการ หลอมอุปกรณ์วิญญาณโดยเน้นที่ความเร็ว
และความเสถียร

ผังวิญญาณมิติระดับสูงเหล่านั้น พวกมันสามารถทําให้พื้นที่ ใหญ่กว่า
...” จ้าวฉวนไม่กล้าคาดเดา กระทั่งว่าไม่อาจคาดเดา ได้ด้วยซํ้า เมื่อทุก
ผู้คนได้ยินคําของจ้าวฉวน พวกเขาเริ่มฮือฮา เป็นเพราะ ผังวิญญาณมิติที่
ฉินหยุนครอบครองอยู่ระดับสูง ก่อนหน้า เก๋อตงคิดอยากแย่งชิงผังธาตุ
แสงไปจากฉินหยุน นั่น ก็เป็นผังธาตุแสงระดับสูง!

เป็นฉินหยุนครอบครองผังวิญญาณระดับสูงมากมายเพียงใด กัน? ทุก
ผู้คนล้วนลอบลิ้งทึ่งภายใน! กัวเจิ้งลอบกัดฟันแน่น เขานึกเสียดายที่ไม่ซื้อ
ใจฉินหยุน หาก เขาสามารถได้รับผังวิญญาณระดับสูงจํานวนมาก
เหล่านั้น เขา ย่อมต้องสร้างผลกําไรมหาศาลขึ้นได้!

ถึงตอนนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน สถาบันยุทธ์ห
ลิงเสวียน และตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พลันน่าเกลียดยิ่ง เป็น
เพราะพวกเขาถึงกับมีเรื่องกับว่าที่ ปรมาจารย์จารึกในอนาคต!

โดยเฉพาะกับเหลียวหนิงแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขามอง ค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณในมือฉินหยุน เขารู้สึกโกรธแค้น นั่น เป็นเพราะความ
สูญเสียของเขาก่อนหน้า ทั้งยังเป็นผลให้เขาไม่ อาจโงหัวขึ้นในสถาบัน
ยุทธ์เทียนเสวียน กระทั่งโดนลงโทษที่ ก่อเรื่อง หลังคิดอยู่ชั่วระยะ จ้าวฉ
วนจึงกล่าว

ศิลาวิญญาณว่างเปล่า ขนาดเท่าเมล็ดข้าว รวมเข้ากับผังวิญญาณมิติ
ระดับสูงจํานวน หนึ่ง สมควรสร้างอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของได้ขนาด
ราว ยี่สิบตารางเมตรเป็นอย่างมาก”

ยี่สิบตารางเมตรนับเป็นอะไร นี่หมายความถึงมันสามารถใส่ ช้างโตเต็ม
วัยได้ราวยี่สิบตัวแล้ว เข็มขัดมิติเก็บของที่ฉินหยุนหลอมก่อนหน้า มัน
สามารถเก็บ สัตว์ปีศาจได้ถึงห้าสิบหรือเกือบหกสิบตัว สองชั่วโมงให้หลัง
เขาจึงค่อยสร้างเข็ดขัดสีดํางดงามขึ้นมาได้ ความประณีตของมันนับว่า
เป็นเลิศ จากนั้นเขาจึงนําเอามีด แกะสลักออกพร้อมเริ่มการแกะสลัก

จ้าวฉวน โฮ้วฉิงเฟิ ง และผู้อาวุโสท่านถึงกับส่งเสียงฮือฮา แกะสลักคือ
ขั้นตอนสําคัญของการขัดเกลาอุปกรณ์ขึ้นมา ระหว่างที่ฉินหยุนแกะสลัก
ม่านแสงจะปกคลุมรอบมีดแกะสลัก มือ รวมถึงตัวเข็มขัด กระนั้น เขาก็ยัง
เป็นกังวล จึงได้ปล่อยคลื่นพลังจิตออกมาก่อ เป็นม่านพลังเพื่อป้องกัน
ไม่ให้ผู้ที่มีพลังจิตแกร่งกล้าสอดแนม

เมื่อเริ่มการแกะสลักผังวิญญาณมิติ แสงสว่างที่ปกคลุมนี้ชวน คุ้นเคย มัน
เป็นไปอย่างลื่นไหลและสามารถเสร็จสิ้นในการลง มือรวดเดียวจนจบ แม้
ต้องใช้เวลาถึงสี่ชั่วโมง แต่เขารู้สึกคล้ายเวลาแทบไม่ได้ผ่าน ไปเลย

จ้าวฉวนผู้อยู่ด้านข้างมองอย่างสะพรึง โดยเฉพาะกับการ แกะสลักที่ลื่น
ไหลของฉินหยุนยิ่งทําให้เขาแตกตื่น!

เสร็จแล้วขอรับ ข้าแกะสลักผังวิญญาณสัญญาโลหิตและผัง วิญญาณ
มิติ เพียงหยดเลือดลงไปก่อน ท่านจึงค่อยใช้อุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บ
ของได้ หากมีคนฉกชิงเอาไป พวกมันจะไม่มี ทางได้รับสิ่งของภายในไม่ว่า
จะกระทําด้วยวิธีใดก็ตาม” ฉินหยุนส่งเข็มขัดให้จ้าวฉวน

เหล่าโฮ่ว มาตรวจสอบ! ข้าไม่ได้ขาดแคลนอุปกรณ์วิญญาณ มิติเก็บของ
ดังนั้นนี่จึงเป็นของเจ้า!” จ้าวฉวนตอนนี้มั่นใจเต็ม เปี่ยมว่าฉินหยุน
สามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของได้จริง

นอกจากนี้ วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนยังไม่ได้พิการ มันสามารถ ปล่อย
เปลวเพลิงอ่อนจางออกมาได้ นี่สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์ ของเขาเกิด
ปัญหาใหญ่ขึ้น ไม่เช่นนั้นความเร็วการแกะสลัก ลายเส้นผังวิญญาณ
สมควรรวดเร็วกว่านี้แล้ว โฮ้วฉิงเฟิ งรับเข็มขัดมิติเก็บของ หลังหยดเลือด
เขาจึงใช้พลัง จิตสํารวจมิติภายใน เขาถึงขั้นร้องอุทาน “กว้างขนาดเก็บ
สัตว์ ปีศาจได้ราวห้าสิบตัว!”

บรรดาศิษย์ที่นี่ล้วนไม่แปลกใจ เป็นเพราะพวกเขาทราบกันแต่ แรกแล้วว่า
เข็มขัดของเซี่ยอู่เฟิงและพรรคพวกสามารถเก็บร่าง ของสัตว์ร้ายได้หลาย
สิบตัว อีกทางหนึ่ง กัวเจิ้ง เก๋อหยวนเฟย เหลียวหนิง และผู้อื่นล้วน เผย
ใบหน้าเปี่ยมด้วยความไม่เชื่อ!

จริงหรือนี่?” จ้าวฉวนเองก็ประหลาดใจ

เหตุใดข้าจึงต้องโกหกเล่า?” โฮ้วฉิงเฟิ งเผยใบหน้ายะเยือก ทว่ารอยยิ้ม
นั้นอบอุ่น เขามองฉินหยุนอ่อนโยนขึ้นมาทันตา เขากล่าวต่อฉินหยุน

เจ้าจงเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เดี๋ยวนี้ ไม่จําเป็นต้องผ่านการ
ทดสอบใด!” ไม่เพียงแต่การเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเป็นเรื่องยาก
กระทั่งไม่เคยมีใครได้รับเชื้อเชิญให้เข้าร่วม! แต่คราครั้งนี้ ฉินหยุนกลับ
ได้รับการยกเว้น

มีเงื่อนไขใดต้องยอมรับหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

โฮวฉิงเฟิ งกล่าว “เมื่อพวกเราต้องการอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บ ของ และ
เมื่อเจ้าไม่มีเรื่องสําคัญอื่นใดต้องกระทํา ให้ช่วยพวก เราหลอมมันขึ้นมา
นี่คือเงื่อนไข! แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้รับ อนุญาตขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณมิติ
เก็บของเกินกว่าสาม ชิ้นงานต่อเดือน พวกเราเพียงต้องการให้เจ้าช่วย
แกะสลักผัง วิญญาณ พวกเราจะมอบวัสดุที่จําเป็นเพื่อให้เจ้าได้ทํางาน
เสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน”

เรื่องนี้ทําเอาสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและหลิงเสวียนล้วนอิจฉา ตาร้อน
ผ่าว!

เพราะนี่เท่ากับว่าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะได้รับ อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บ
ของสามชิ้นงานในทุกเดือน!

อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของไม่ใช่ของซื้อขายได้ตามท้องตลาด พวกมัน
เหล่านั้นจะกลายเป็นรางวัลแด่ศิษย์ของสถาบันเพื่อ เป็นแรงขับเคลื่อนต่อ
พวกเขา ฉินหยุนคิดเรื่องนี้ขณะรู้สึกว่าไม่เลว ทว่า เขาไม่ได้ตกปาก รับคํา
โดยทันที เขาเอ่ยถามต่อ

รองอธิการโฮ้ว ท่านสามารถ เชิญสหายทั้งสามของข้าด้วยได้หรือไม่?”

ไม่! เป็นข้ายกเว้นเฉพาะเจ้า นี่เป็นเพราะเจ้าเชี่ยวชาญผัง วิญญาณมิติ!”
โฮ่วฉิงเฟิ งส่ายหน้า

งั้นข้าขอปฏิเสธ!” ฉินหยุนกล่าว หากไร้ซึ่งแขน พละกําลังของเซี่ยอู่เฟิ งถือ
ว่าลดลงอย่าง มหาศาล นอกจากนี้ หน่วยนี้ยังคนเพียงสาม หากพวกเขา
ต้องการผ่านการทดสอบในภายหน้า มันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องยาก

ตอนท
ี่126 ความลับของหุ่นเชิด

เมื่อเซี่ยอู่เฟิ งได้เห็นฉินหยุนปฏิเสธออกไป เขาเร่งร้อนเข้าไป กล่าวคํา
น้องหยุน อย่าได้ห่วงเรื่องพวกเรา เจ้าควรเข้า สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อน!
หากเจ้าเข้าไปก่อน เจ้าจะสามารถ เพิ่มพลังได้รวดเร็วขึ้น” ฮั่วจงและมู่
หรงต้าเหรินต่างพยักหน้าเห็นด้วย เพื่อให้ฉินหยุน ได้ยอมรับข้อตกลงนี้

ไม่ ข้าต้องการผ่านการทดสอบพร้อมกับพวกท่านเพื่อเข้า สถาบันยุทธ์ซิง
เสวียนด้วยกัน!” ฉินหยุนยืนกรานหนักแน่น เขาทราบดีว่าเซี่ยอู่เฟิ งคือ
อัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากเพียงใดและเขาต้องไม่สมควรถูกเก็บเข้ากรุอยู่
ที่นี่ ด้วยเหตุนี้ เขาต้อง อยู่ต่อและช่วยเหลือเซี่ยอูเฟิ งเพื่อเข้าร่วมสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน ให้จงได้

ความสัตย์ถึงเพียงนี้ส่งผลให้เซี่ยอู่เฟิ งและอีกสองคนล้วนรู้สึก ยินดีประทับ
ลงแน่นในหัวใจ

ย่อมได้ ข้าจะทําให้มั่นใจเองว่าเจ้าจะยังได้อยู่สถาบันซาน เสวียนต่อ!”
โฮ้วฉิงเฟิ งมองที่เซี่ยอูเฟิ งและผู้อื่น

หากพวกเจ้าผ่านการประเมินผลได้ ข้ายินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง!” จ้าวฉ
วนเผยสีหน้าดํามืดขณะมองทางเก้อหยวนเฟยและกล่าว คํา

พวกเราต้องแจ้งให้กระจ่างชัดอีกครั้ง หากมีผู้ใดคิดเข้าสู่ สถาบันซาน
เสวียนในภายหน้า พวกเขาเหล่านั้นต้องได้รับการ ยินยอมจากสถาบัน
ยุทธ์ระดับเสวียนและตําหนักจารึกเทวะ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไม่ใส่ใจหาก
พวกมันเหล่านั้นต้องร่างถูก กลบฝังที่นี่!” รองอธิการบดีของสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนล้วนพยักหน้ารับ

ขอข้าบอกไว้ล่วงหน้า หากผู้ใดคิดอยากลงมือต่อฉินหยุน จํา เอาไว้ให้ดี
ว่าต้องทําอย่างหมดจดอย่าได้เหลือหลักฐานใดไว้ ไม่เช่นนั้นหากข้าพบ
เจอ ต่อให้เป็นตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ข้าก็จะไปลากคอมัน
ออกมา!” จ้าวฉวนกล่าวคํา โหดเหี้ยมจนผู้คนแตกตื่น

ความสามารถที่ฉินหยุนเผยให้เห็น ถือว่าเพียงพอที่จะเรียก ความสนใจ
จากตําหนักจารึกเทวะ หากมีผู้อื่นคิดอยากลงมือต่อ ฉินหยุนจริง พวกเขา
เหล่านั้นจําเป็นต้องคิดให้ดีและถี่ถ้วน จ้าวฉวนกล่าวคําต่อ

ผู้อํานวยการไป่จะรั้งตําแหน่งอยู่จนกว่า พวกเราจะคัดเลือกผู้อํานวยการ
คนใหม่ได้ พวกเราจะใช้เวลา ทั้งสิ้นสามเดือนเพื่อพิจารณาผู้อํานวยการ
ใหม่” เขาคือผู้เดียวที่พูดกล่าว จากคํากล่าวเหล่านั้น ชัดเจนว่าเขา หรือก็
อตาํ หนกัจารก
เทวะ ครอบครองสิทธิ์ในสถาบนซาน เสวียนมากเพียงใด ั

พลังอํานาจของตําหนักจารึกเทวะเหนือกว่าสถาบันยุทธ์ ระดับเสวียนและ
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เรื่องนี้ทําเอา ผู้คนถึงได้รู้และเข้าใจกัน
ใหม่ว่าแท้จริงแล้วตําหนักจารึกเทวะ คืออะไร

เก๋อหยวนเฟยเผยดวงตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชังมองที่ฉินหยุน เขาเร่ง
ร้อนจากไปพร้อมหลานชายที่กลายเป็นคนพิการ บรรดาอาจารย์จาก

ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็ช่วยพา ศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บตามหลัง
เกื้อหยวนเฟยไป โฮ้วฉิงเฟิ งนําสองพันเหรียญม่วงออกมาเพื่อทําการซื้อ
เข็มขัด มิติเก็บของจากฉินหยุน จากนั้น เขาและจ้าวฉวนจึงค่อยจาก
สถาบันซานเสวียนไป

ผู้อํานวยการไป่ถอนหายใจโล่งอก เขาเลือกพนั้นถูกข้าง!

เขา ทราบนานแล้วว่าตําหนักจารึกเทวะคาดหวังในตัวฉินหยุนสูง เพียงใด
เพราะด้วนเฉียนคือผู้ที่มาส่งฉินหยุนถึงที่นี่ด้วยตนเอง ตอนนี้ก็เป็นดังที่เขา
คาด ฉินหยุนยิ่งได้รับความคาดหวังจาก ตําหนักจารึกเทวะสูงขึ้นไปอีก
ขั้น!

ผู้อํานวยการไป่มองฉินหยุนและคณะพร้อมยิ้มกล่าว “บ้านเจ้า ถูกทําลาย
ไปแล้ว คงต้องเริ่มสร้างกันใหม่!”

ผู้อํานวยการไป่ พวกเราขุดลํ้าที่ภูเขาได้หรือไม่?”

แน่นอน!” ผู้อํานวยการไป่พยักหน้ารับ จากนั้นเขาจึงกลับไป สะสางธุระ
ตนเอง ถึงตอนนี้เซี่ยอูเฟิ งและผู้อื่นค่อยถอนหายใจได้อย่างโล่งอก

ฮั่วจงใช้อุปกรณ์ขุดถ้ําขึ้นแห่งหนึ่ง ด้วยสีหน้าเสียอกเสียใจ เขา ถอน
หายใจ

น้องหยุน เจ้าพลาดโอกาสอันดียิ่งไปเสียแล้ว! หากพวกเราล้มเหลวครั้งนี้
อีกเล่าจะทํายังไง?”

ใช่! ทําไมเจ้าต้องห่วงพวกเราด้วย?” มู่หรงต้าเหรินถอน หายใจเช่นกัน

หากท่านเป็นข้า ท่านก็ต้องปฏิเสธหรือไม่ใช่?” ฉินหยุนยิ้ม กล่าว

เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้เสียดาย หากข้าไม่อาจผ่านการ ประเมินผล ก็ยังมีครั้ง
หน้า!” เซี่ยอูเฟิ งไม่ได้กล่าวคําใดอีก หากเป็นเขา เขาก็คงไม่ปล่อยชั่ว จง
และผู้อื่นทิ้งไว้ด้านหลังเขาจึงกล่าว

ระหว่างช่วงเวลานี้ พวกเราต้องใช้ทุกชั่วขณะที่มีเสริมพละกําลังให้มาก
ขึ้น ภายหลังเมื่อเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิง เสวียน เราจะได้ปลอดภัย”

เซี่ยอูเฟิ งเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะถูกตามล้างแค้น นอกจากนี้ เขายังมีผัง
วิญญาณระดับสูงจํานวนมากไว้ในครอบครอง เรื่อง เพียงเท่านี้ก็เพียงพอ
ให้ขั้วอํานาจใหญ่ลงมืออย่างสุด ความสามารถแล้ว พวกเขาขุดถํ้าอย่าง
รวดเร็ว ทั้งยังสร้างโถงหลักและห้องหินไว้ ภายใน ด้านในค่อนข้างเงียบ
และเหมาะสมแก่การฝึกตนยิ่ง หลังอาบนํ้าชําระกายเสร็จเรียบร้อย มู่
หรงต้าเหรินจึงออกมา พร้อมสวมใส่ชุดสีนํ้าเงินเข้มและนั่งที่โถงเพื่อดื่มนํ้า
ชา เขา กล่าวกับฉินหยุนทั้งยังหัวเราะ

น้องหยุน เจ้าช่างไม่ธรรมดา นัก ถึงขั้นสังหารมนุษย์เหล็กได้ ย้อนกลับไป
ข้าเกือบถูกมันไล่ ล่าจนตายตก!” เซี่ยอู่เฟิ งฟื้นฟูอาการหลังพักผ่อนแล้วจึง
มีสีหน้าดีขึ้น เขาสวม ใส่ชุดผ้าฝ้ายสีขาวขณะนั่งในโถงกลางร่วมดื่มนํ้าชา

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ไม่เพียงแต่มนุษย์เหล็กถูกข้าสังหาร ข้า กระทั่งเก็บมัน
กลับมาด้วย” กล่าวคําจบ เขานําเอาชิ้นส่วนออกจากมิติเก็บของและโยน
พวกมันลงกับพื้น ฮั่วจงมองเศษชิ้นส่วนเหล่านี้ด้วยความยินดี เขาเดินเข้า
ไปหยิบ เอาแขนข้างหนึ่งของมนุษย์เหล็กขึ้นมา ทั้งยังหัวเราะเสียงดัง

หากข้ารู้แต่แรก ข้าคงสังหารมันบ้างแล้ว!”

ข้าคิดว่ามนุษย์เหล็กน่าจะสามารถนํามาใช้ได้ ข้าอยากรู้ว่าจะ เลียนแบบ
มันขึ้นสักตัวได้หรือไม่” ฉินหยุนชี้ไปยังหัวเหล็กและ กล่าว

พี่สามชั่ว ช่วยข้าเปิดหัวเหล็กนี่หน่อย ข้าอยากเห็น โครงสร้างภายใน
แล้วก็ช่วยข้ากะเทาะแขนและขาของพวก มันด้วยขอรับ” มู่หรงต้าเหริน
พลันตื่นเต้นทั้งยังหัวเราะ

น้องหยุน หากเจ้า สามารถสร้างหุ่นเชิด เจ้าต้องขายให้ข้าด้วยละ หากข้า
เก็บซ่อน มันไว้ในอุปกรณ์วิญญาณ เมื่อนําออกมาอย่างฉับพลันมันจะ
กลายเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือในการต่อสู้ได้มาก”

เรื่องนี้เอาไว้ข้าหลอมมันได้ก่อนดีกว่านะศิษย์พี่” ฉินหยุนส่าย ศีรษะยิ้ม
ให้ เขามองไปทางเซี่ยอูเฟิ งและเอ่ยถาม

พี่ใหญ่เซีย ท่านต้องการให้ข้าลองหลอมแขนให้ท่านหรือไม่? อย่างน้อยก็
น่าจะทําให้ท่านสะดวกขึ้นบ้าง!”

ไม่จําเป็น เท่าที่เป็นตอนนี้ก็ไม่แย่ ในภายหน้า ข้าจะหาเม็ดยา มาด้วย
ตนเองเพื่อให้แขนงอกขึ้นใหม่” เซี่ยอู่เฟิ งส่ายศีรษะและ ยิ้มให้

หากผู้ใดที่ต่อสู้กับข้าได้เห็นว่าข้าเสียแขนไปข้างหนึ่ง พวกมันจะประมาท
เรื่องนี้ก็นับว่าดีสําหรับข้าไม่น้อย” เซี่ยอูเฟิ งถึงขั้นมองแง่ดีเพียงนี้ ฉินหยุน
ลอบยินดีอยู่ภายใน เขา ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง ถัดจากนั้น มู่หรงต้าเห
รินได้ช่วยเขาแยกชิ้นส่วนมนุษย์เหล็ก เขาเปิดเผยผังวิญญาณทั้งหมด
เพื่อให้ฉินหยุนได้นําไปพิจารณา ฉินหยุนรับร่างเหล็กที่แทบจดจําสภาพ
เดิมไม่ได้กลับเข้าห้อง ของตน เขาใช้เวลาทั้งคืนเพื่อศึกษามัน กระทั่งต้อง
จดบันทึก เพื่อทําให้เกิดความกระจ่าง

หลังผ่านไปราวครึ่งคืน ตอนนี้เขานําผังวิญญาณทั้งหมดในร่าง ของมนุษย์
เหล็กออกมาสําเร็จ ตอนนี้คือขั้นตอนจัดเรียงพวก มันไว้บนโต๊ะ

ส่วนนี้คือผังวิญญาณที่หัว และตรงนี้คือคอ ร่างกาย แล้วก็ แขน...” เขา
จัดเรียงกระดาษผังวิญญาณแยกส่วนร่างกายของมนุษย์ เหล็กบนโต๊ะโดย
ไล่ไปทีละส่วน พอจัดเรียงผังวิญญาณเรียบร้อย เขาจึงพบว่าผังวิญญาณ
ที่ สมบูรณ์แท้จริงแล้วมันเชื่อมต่อกันเป็นโทเทมวานร!

โทเทมสัตว์... นี่คือความลับของการขัดเกลาหุ่นเชิดหรือ?

วานรสามารถยืนได้เหมือนอย่างมนุษย์” ฉินหยุนมองโทเทม วานรขณะ
ขมวดคิ้วครุ่นคิด ที่เขาได้เห็นก็เพียงเส้นสว่าง ไม่มีเส้นมืดให้เขาพบเจอ
ดังนั้นจึง เป็นไปไม่ได้ที่จะทําการคัดลอก

ไข่มุกที่อยู่ด้านในมนุษย์เหล็ก ตรงนั้นสมควรเป็นแหล่งพลัง วิญญาณ ผัง
วิญญาณบนไข่มุกถือเป็นการประทับจิต พวกมัน เปรียบเสมือนหัวใจของ
มนุษย์เหล็ก พวกมันสามารถเชื่อมต่อ เข้ากับโทเทมวานร จากนั้นจึงออก
คําสั่งต่อผังวิญญาณในโท เทม และนั่นคือการขับเคลื่อนมนุษย์เหล็ก”

ฉินหยุนหยิบไข่มุก โปร่งแสงออกมาสํารวจ จากนั้น เขาจึงหยิบไข่มุกสีขาว
อีกเม็ดที่ขนาดราวกําปั้นขึ้นมา สํารวจ มันเต็มไปด้วยผังรวบรวมต้น
กําเนิด “สิ่งนี้สามารถรวบรวมพลังและปลดปล่อยออกมา มันจะช่วย ให้
ประหยัดพลังงาน”

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีผังวิญญาณพิเศษที่สามารถทําให้ไข่มุก นี้สะสม
พลังงานเอาไว้และควบแน่นเป็นกําลังภายใน มันคือยัง วิญญาณประเภท
ใดกัน?” ฉินหยุนนําเอา

สามสิบหกผังวิญญาณ” ออกมาทําการสํารวจ ตรวจสอบ

หรือจะเป็นรอยประทับกําลัง? สิ่งนี้เป็นผังวิญญาณที่ช่วย เสริมกําลัง
ภายในให้คนผู้หนึ่งได้! หากมันสามารถเพิ่มกําลัง ภายใน มันก็สามารถ
แปรเปลี่ยนเป็นกําลังภายในได้!”

เขามีผังเจตจิต ฝังพละกําลัง ผังรวบรวมต้นกําเนิด พวกมัน เหล่านี้คือผัง
วิญญาณระดับสูง ตอนนี้เขาเพียงขาดผังโทเทมวานร

ถ้าเราได้เส้นมืดของโทเทมวานรมา เราน่าจะสร้างหุ่นเชิดขึ้น ได้!” ฉิน
หยุนถอนหายใจขณะเก็บพิมพ์เขียวไป แต่แล้วฉับพลันนั้นเอง เขาพลันนึก
อะไรขึ้นมาได้ เขาเร่งรีบ ถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อมองแขนซ้ายของตนเอง! มัน
มีรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์สีทองประทับอยู่ที่แขนข้างนี้!

ตอนท
ี่127 ผังโทเทม

ฉินหยุนเคยแช่กายในสระราชสีห์สวรรค์ถึงสิบวัน ครั้งที่เขา ออกจากการ
แช่ตัว เขาได้เห็นรอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์สี ทองบนแขนซ้ายของตนเอง
ครั้งนั้นเขาไม่ทราบว่ามันคืออะไร ตอนนี้ เมื่อเขาพิจารณามองมัน เขา
ถึงกับประหลาดใจที่พบว่า ผังโทเทมราชสีห์สวรรค์นี้มีประกอบด้วย
ลวดลายประหลาด จํานวนมาก มันคล้ายคลึงกับเส้นสว่างของผังโทเทม
วานร

หรือว่านี่ โทเทมราชสีห์สวรรค์เองก็เป็นผังจารึกหรือ?” ฉิน หยุนสูดลม
หายใจเข้าลึก หากเรื่องนี้เป็นความจริง เท่ากับว่า เขาจะสามารถสร้างหุ่น
เชิดเป็นราชสีห์ตนหนึ่งได้ ฉินหยุนสํารวจมองโทเทมราชสีห์สวรรค์บนแขน
ซ้ายจริงจัง ยิ่ง มองมากเพียงใด เขาก็ยิ่งตระหนักครั้งแล้วครั้งเล่า...

หากเขาไม่ได้พบกับโทเทมวานรในตัวมนุษย์เหล็ก เขาคงไม่มี ทางทราบว่า
โทเทมก็เป็นผังวิญญาณประเภทหนึ่ง!

เหมือนเคยอ่านในตําราเล่มหนึ่ง มันมีบันทึกเอาไว้ก็จริง แต่ไม่ คิดเลยว่า
โทเทมราชสีห์สวรรค์จะเป็นผังจารึก!” ฉินหยุนเร่งร้อนนํากระดาษกองหนึ่ง
ออกมา จากนั้นจึงเริ่มวาด โทเทมเหล่านั้นลงไป กระบวนการวาดยิ่งทําให้
เขาอึ้งทึ่ง เขามั่นใจขึ้นว่าโทเทม ราชสีห์สวรรค์ก็คือผังจารึก และยังเป็น
หนึ่งในความลึกลํ้า มัน ไม่ใช่ผังจารึกธรรมดาทั่วไป

วิเศษ! เราจะหลอมหุ่นเชิดได้ในทันที!” หลังฉินหยุนพบเจอเรื่องราวใหญ่
ในครั้งนี้ เขาพลันยินดีขึ้นมา เขาตื่นเต้นขณะนําเอาเตาหลอมออกมา
พร้อมโยนกระดูกสัตว์ ร้ายจํานวนมากเข้าไป พละกําลังของเขามีอย่าง
จํากัด เพราะแบบนั้นจึงขัดเกลาได้ เพียงแค่วัสดุธรรมดาทั่วไป

ไม่เช่นนั้นเขาคงเริ่มการหลอมมนุษย์เหล็กโดยตรง หรือไม่ก็ใช้ กระดูก
มังกรไปแล้ว แต่วัสดุเหล่านั้นล้วนมีไว้ใช้งานเพื่อ อุปกรณ์วิญญาณ
ระดับสูง

ใส่กระดูกมังกรลงไปหน่อยไม่น่าจะเป็นไร!” เขาคิดดังนี้ขณะ นํากระดูก
มังกรชิ้นเล็กออกมาและโยนเข้าไป

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉินหยุนที่นําเศษซากของมนุษย์เหล็กเข้าไป
ในห้อง เขาไม่ได้ ออกมาอีกเลย แต่ทุกวันจะมีเสียงค้อนตีอะไรบางอย่าง
อยู่ข้าง ในดังให้ได้ยินตลอด มู่หรงต้าเหรินที่อยู่ด้านนอก เขาตื่นเต้นยินดี
มาก เขาหวังว่าฉัน หยุนจะสามารถสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาได้ ที่พื้นในห้องของ
ฉินหยุน ตอนนี้มันเต็มไปด้วยโครงกระดูกสัตว์ จํานวนมาก กระดูกเหล่านี้
กําลังเป็นประกายทั้งยังโปร่งแสงรวมทั้งยังมีการแกะสลักลวดลายวิจิตร
เอาไว้ภายใน ลายเส้น เหล่านั้นที่ถูกแกะสลักเอาไว้คือโทเทมราชสีห์
สวรรค์

ขั้นตอนแรกคือหลอมกระดูกเหล่านี้ จากนั้นจึงค่อยแกะสลัก ลายเส้นโทเท
มลงไปที่ตัวกระดูก ถัดจากนั้น เขาจะใช้เครื่องในสัตว์ขัดเกลาและเชื่อมต่อ
กระดูก ทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นร่างโครงกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ที่ สมบูรณ์

ผิวหนังภายนอกหุ้มไว้ด้วยเกล็ดมังกรดํา และค่อยหลอม กระดูกสัตว์วั่น
ไว้ตรงกลางแทนกล้ามเนื้อ ส่วนวิธีการ เคลื่อนไหว คงต้องขึ้นอยู่กับว่าผัง
วิญญาณโทเทมราชสีห์ สวรรค์จะได้ผลหรือไม่แล้ว”

ฉินหยุนศึกษามนุษย์เหล็กจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม และได้
พบว่ามันมีโทเทมวานรอยู่ภายในซึ่งคล้ายเป็นวงจรหลัก มันเปรียบดั่ง
วิญญาณของร่างกายก็ว่าได้ สิ่งนี้จะเป็นแกนกลาง ในการขับเคลื่อนหุ่น
เชิด

หากหุ่นเชิดราชสีห์ที่เขาขัดเกลาขึ้นมาไม่สามารถขยับ แบบนั้น ปัญหาก็
อยู่ที่ผังโทเทมแล้ว “หลังขัดเกลาอย่างพิเศษ กระดูกเหล่านั้นสามารถ
สะสมกําลัง ภายในเอาไว้ได้ ถ้าเราแกะสลักอาคมวิญญาณบรรจบเก้า
ตะวัน เอาไว้ที่ด้านในของเกล็ด มันน่าจะดูดซับพลังวิญญาณเก้า ตะวัน
เข้ามาหล่อเลี้ยงตัวเองได้... อืม คงต้องขัดเกลาไข่มุกเจต จิตกับไข่มุก
สะสมพลังและอื่น ๆ อีกหลายอย่าง!”

ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉินหยุนได้พักเพียงแค่สองชั่วโมงต่อวัน ส่วนเวลา
ที่เหลือทุ่มเทให้กับการขัดเกลาหุ่นเชิดราชสีห์ เขาในตอนนี้มีความตื่นเต้น
ไม่น้อย ดังนั้นจึงหาได้รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใดไม่ตอนนี้เขาทําสําเร็จไปกว่า
ครึ่งแล้ว อีกไม่นานมันก็จะสําเร็จ! หลายวันให้หลัง ฉินหยุนเริ่มคลุมโครง
กระดูกด้วยเปลือกหนาที่ สร้างขึ้นจากเกล็ดมังกร

หลังขัดเกลาด้วยวิธีการพิเศษ เกล็ดของมังกรวารีจึงมีความ ยืดหยุ่น
เหมือนแผ่นหนังสัตว์ มันไม่ได้แข็งเหมือนเกล็ด ทว่า พื้นผิวนั้นคล้ายโลหะ
และเป็นสีเงินแวววาว กล้ามเนื้อเป็นอีกเรื่อง มันถูกสร้างขึ้นโดยการหลอม
รวมกระดูก สัตว์และเหล็กวิญญาณระดับสูงส่วนหนึ่งเข้าด้วยกัน ส่วน
สําคัญอย่างไข่มุกได้จัดวางเอาไว้ที่ส่วนกลางของร่าง ราชสีห์ โดยมีการ
หลอมเนื้อจํานวนมากปกคลุมพวกมันเอาไว้

ดังนั้นส่วนกลางนับว่าเป็นตําแหน่งซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ราชสีห์ตัวยาวกว่าสี่
เมตรสีเงินในที่สุดก็สําเร็จ! หัวของราชสีห์มีความดุร้ายที่ฉินหยุนแกะสลัก
ให้เป็นเช่นนั้น ทั้งตัวเคลือบไปด้วยสีเงินแวววาว ให้ความรู้สึกเหมือนโลหะ
แกร่ง หากดูจากรูปลักษณ์คงต้องกล่าวว่าเป็นราชสีห์โลหะแล้ว

ผังสัญญาโลหิตก็แกะสลักไปแล้ว เลือดก็หยดลงที่ไข่มุกไป แล้ว ตอนนี้
เหลือแค่ใส่พลังเข้าไป แล้วจะได้รู้กันว่าผลงานชิ้นนี้ สําเร็จหรือไม่”

ฉินหยุนเริ่มกระบวนการทํางานของอาคมวิญญาณบรรจบเก้า ตะวัน มัน
เริ่มดูดซับพลังวิญญาณเข้าสู่ไข่มุกเพื่อแปรเปลี่ยน เป็นกําลังภายใน ไข่มุก
เก็บพลังงานภายในหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน ไม่ใช่ง่ายดาย เพียงแค่กักเก็บพลัง
ภายใน มันยังมีมิติเก็บของอยู่ภายในเพื่อ เอาไว้บรรจุเหรียญผลึกเพื่อเป็น
พลังงานขับเคลื่อนได้อีกด้วย หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินตอนนี้มันกําลังสะสม
พลังงานเอาไว้ใน ไข่มุกเก็บพลัง เพื่อเปิดใช้งานค่ายอาคมวิญญาณเก้า
ตะวัน บรรจบและทําการดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน เพื่อนําไป สะสม
เข้าสู่ไข่มุกเก็บพลังอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ หลังผ่านการโคจร ไปชั่วระยะเวลา
หนึ่ง มันจะสะสมพลังได้จนเต็มเปี่ยมอัดแน่น ภายในไข่มุก

ฉินหยุนหลับตา เขาสามารถรู้สึกได้ว่าหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินกําลัง ดูดกลืน
พลัง มันทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มยินดีออกมา “มนุษย์เหล็กพวกนั้นใช้

ไข่มุกฟื้นฟูกําลัง แต่เราจะไม่ใช้! มาดูกันว่าไข่มุกเจตจิตจะดูดกลืน
ความคิดและทําให้หุ่นเชิดราชสีห์ สีเงินขยับได้หรือไม่”

กุญแจสู่ความสําเร็จหรือล้มเหลวอยู่ที่ขั้นตอนนี้!” หลังสงบใจลง เขา
ปล่อยพลังจิตเขาสู่ร่างหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน หลังสัมผัสได้ถึงเจตจิตในไข่มุก
เขาจึงผสานรวมพลังจิตเข้า ไป...

โฮก!

เสียงราชสีห์สีเงินพลันคําราม เคราะห์ดีที่อยู่ในถํ้า เสียงจึงคง อยู่เพียงแค่
ภายในถํ้า ทว่า เซี่ยอูเฟิ งและผู้อื่นที่อยู่ในถํ้าล้วนแตกตื่นยามได้ยินเสียง
คํารามร้อง ฉินหยุนเองก็ตระหนกไปเพราะเสียงคํารามราชสีห์ เขาสัมผัส
ได้ ถึงพละกําลังน่าสะพรึงที่หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินครอบครอง!

รอยประทับโทเทมราชสีห์สวรรค์... มันคือวิญญาณของ ราชสีห์สวรรค์....
น่ากลัวนัก!” เขามองไปยังรอยสักโทเทมที่ แขนซ้ายขณะยินดีไม่น้อย หลัง

ตื่นขึ้น หุ่นเชิดราชสีห์สวรรค์คํารามร้อง นี่เป็นการบ่งชี้ว่า หุ่นเชิดตัวนี้
คล้ายยินดีที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉินหยุนควบคุมหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน
ด้วยพลังจิต เขาเคลื่อนไหว มันอย่างรวดเร็วอยู่ครู่หนึ่ง

เราทําได้! ไม่น่าเชื่อว่าหลอมหุ่นเชิดครั้งแรกจะสําเร็จ!” ฉิน หยุนยินดียิ่ง
ขณะปาดเช็ดคราบเหงื่อ ถึงตอนนี้เขาค่อยรู้สึก หมดเรี่ยวแรง

น้องหยุน เกิดอะไรขึ้น?” ฮั่วจงเคาะประตูหินห้องของฉินหยุน เอ่ยถาม
เสียงดัง

ข้าสบายดี!” ฉินหยุนเดินไปเปิดประตูห้องทั้งยังกล่าวด้วย รอยยิ้ม

เซี่ยอูเฟิ งและมู่หรงต้าเหรินก็อยู่หน้าประตู เมื่อพวกเขามองเข้า ไปด้านใน
พวกเขาได้เห็นราชสีห์สีเงินตัวหนึ่ง มองเพียงครั้ง เดียว พวกเขาล้วนบอก
ได้ว่านั่นไม่ใช่ราชสีห์ของจริง

น้องหยุน เจ้าทําได้!” มู่หรงต้าเหรินตะโกนขึ้นขณะพุ่งกายเข้า ไป เขา
สํารวจมองร่างสูงใหญ่ของราชสีห์สีเงิน ทั้งยังลูบไล้ตัว มัน เป็นเขาตื่นเต้น
ยินดีไม่น้อยเลยทีเดียว ฉินหยุนพยักหน้ารับยิ้มกล่าวคํา

ขอรับ แต่พละกําลังของข้าม อย่างจํากัด ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดที่ข้า
ขัดเกลาขึ้นยังไม่ พอ มันไม่น่าจะทนทานอย่างมนุษย์เหล็ก!” เซี่ยเฟิ งและ
ยั่วจงต่างก็ตื่นตกใจ พวกเขาเร่งรีบเดินเข้าในห้อง ขณะสัมผัสมันด้วยมือ
ของตนเอง

เจ้าถึงขั้นทําได้ภายในหนึ่งเดือน นี่เร็วเกินไปแล้ว!” เสี่ยอู่ เฟิ งมี
ประสบการณ์และความรู้มากมาย เขาย่อมทราบว่าหุ่น เชิดไม่ใช่สิ่งที่ง่าย
สร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงแตกตื่นยิ่งกว่าผู้ใด

โฮ่โฮ่ ไม่เลวเลย!” ฮั่วจงยิ้มขณะปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน

ข้าเองก็ไม่คิด... นี่คล้ายเป็นความรู้สึกของข้ากลั่นกรองจน ออกมาเป็น
มัน!” ฉินหยุนเริ่มยกยอตัวเอง

ดูเหมือนเจ้าจะเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริงทางด้านนี้!” เซี่ยเฟิ งยิ้ม

น้องหยุน เมื่อใดที่เข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนในภายหน้า เจ้า ต้องขัดเกลา
หุ่นเชิดสัตว์เช่นนี้แก่ข้าด้วย!” มู่หรงต้าเหรินยิ้ม กล่าว

มีเพียงสิ่งนี้จึงคู่ควรกับผู้งดงามและสง่างามเช่นข้า เมื่อ ถึงเวลานั้น เด็ก
สาวในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะต้องกรีดร้อง อย่าบ้าคลั่งยามเมื่อได้เห็นข้า
ควบขี่หุ่นเชิดตัวนี้ พวกนาง จะต้องประทับใจข้าอย่างไม่อาจลืมเลือน...”
ฉินหยุนยังคงยินดีขณะยิ้มไม่หุบ

หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินตัวนี้เป็น ผลงานครั้งแรก แน่นอนว่าต้องมีอีกมาก
ตามมา ไว้เมื่อข้ามีพลัง ในอนาคตมากกว่านี้ มันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ถึง
ตอนนั้นข้าจะขัด เกลาให้พวกท่านคนละตัว!”

ตอนท
ี่128 เชี่ยวเย่วเ
หม่ย

เซี่ยอูเฟิ งมองหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินและเอ่ยคําขึ้น “น้องหยุน เหตุใดไม่ลอง
ให้มันโจมตีข้าดู จะได้เห็นกันว่ามันรวดเร็วและแข็งแกร่งเพียงใด... ไปห้อง
ฝึกฝนที่ใหญ่กว่านี้เพื่อทดสอบกัน ดีกว่า!”

ช่วงเดือนมานี้ ฮั่วจงเบื่อหน่ายยิ่ง เขาทําได้เพียงขุดห้องหิน แห่งหนึ่งที่
กว้างกว่าร้อยเมตรขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังห้องหินขนาดใหญ่
คบเพลิงบน ผนังหินตอนนี้พลันจุดติด แสงสว่างสาดส่องทั่วทั้งห้องหิน พอ
ฉินหยุนมาถึง เขาค่อยตระหนักแล้วหัวเราะกล่าวคํา

พี่ สามชั่ว นี่ท่านเมื่อขนาดไหนกัน!” เซี่ยอูเฟิ งและหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน
แยกห่างจากกันห้าสิบเมตร เขาพล้นตะโกนขึ้น “ให้มันโจมตีข้าได้เลย!”

ฉินหยุนรับคํารวดเร็ว “ขอรับ!” โดยทันที เขาบังคับควบคุมหุ่นเชิดราชสีห์สี
เงินให้พุ่งปะทะ เซียอู๋เฟิ ง ราชสีห์สีเงินพุ่งตัวออกด้วยความเร็วสูงลํ้า ราว
กับมันคือลําแสง สีเงิน ที่ถูกยิงออกและพุ่งรวดเร็ว

เร็วมาก!” เซียอี้เฟิ งอดไม่ได้จนต้องโพล่งคําตระหนกออกมา หลังหลบ
การโจมตีได้ หัวใจเขายังเต้นรัวเร็วอยู่เลย เป็นเพราะ เมื่อครู่เขาเกือบหลบ
ไม่พ้น

เร็วกว่าไอ้มนุษย์เหล็กหน้าโง่พวกนั้นเยอะมาก!” ใบหน้า ของมู่หรงต้าเห
รินซีดเผือดขณะโพล่งคําอย่างตื่นตกใจ

หาก เป็นข้า เมื่อครู่คงหลบไม่พ้นแล้ว! นี่วิเศษยิ่งนัก!” ฉินหยุนเองก็ลอบ
ประหลาดใจไม่น้อย อันที่จริงภายในเขาถึง ขั้นอัศจรรย์ใจต่อพลังของผัง
โทเทมราชสีห์สวรรค์ เหตุผลว่าทําไมราชสีห์สีเงินถึงรวดเร็วยิ่ง ก็เพราะผัง
โทเทม ภายในร่างกายของมันที่สามารถดูดกลืนพลังงานได้อย่างสมบูรณ์
... มันไม่ต่างอะไรกับมีวิญญาณยอดฝีมือควบคุม ร่างกายอยู่ภายใน!

หากวัสดุและพลังในกายของมันแข็งแกร่งกว่านี้ ราชสีห์สีเงิน ตัวนี้น่าจะ
ทรงพลังมากขึ้น” ขณะฉินหยุนกล่าว เขาบังคับ ควบคุมให้ราชสีห์สีเงินพุ่ง
เข้าใส่เซี่ยอู่เฟิ งอีกครั้งหนึ่ง วิชาตัวเบาของเซี่ยเฟิ งลึกลํ้ายิ่ง เขาสามารถ
หลบได้พ้นตลอด รอดฝั่ง ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเพียงแค่คิด เขา
กระทั่งโดน สัมผัสปลายเสื้อที่สวมใส่อยู่หลายครั้งด้วยซํ้า

มันโจมตีอย่างอื่นได้อีกหรือไม่?” เซี่ยอูเฟิ งตะโกนถาม

ได้ขอรับ มันพ่นอัคคีและอสนีบาตออกจากปากได้...” ฉินหยุ นกล่าว
ด้านในหัวของราชสีห์ เป็นเขาหลอมอะไรบางอย่างที่คล้ายกับ สร้อยข้อมือ
อสนีบาตที่เคยใช้งานไว้ภายใน มันสามารถสะสม พลังงาน ส่งถ่ายสู่
ลายเส้นอัคคีและอสนีบาต จากนั้นจึงค่อย ปล่อยพลังดังกล่าวออกมา

ได้ ให้ข้าลอง!” เซี่ยอู่เฟิ งตะโกนขึ้น

พี่ใหญ่เซี่ยต้องระวังตัวให้ดีด้วย!” ฉินหยุนยิ้มรับตะโกนตอบ กลับ
จากนั้นเขาจึงควบคุมราชสีห์ให้อ้าปากออกพ่นเป็น อสนีบาตสายหนึ่ง
ออกมา แสงอสนีบาตสว่างวูบ มันพุ่งเข้าหาเซียอี้เฟิ ง!

ร่างนั้นโดนกระแทกกระเด็นจนปะทะกับกําแพงถํ้า!

พี่ใหญ่!” ฉินหยุนตื่นตระหนกร้องตะโกน ใบหน้าของเซี่ยอูเฟิ งเปี่ยมไป
ด้วยความประหลาดใจขณะยิ้ม ตอบ

หากข้าไม่ได้ป้องกันตนเองไว้แต่แรก ข้าคงบาดเจ็บ ภายในสาหัสไปแล้ว!
พละกําลังของราชสีห์ตัวนี้สมควร เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่หก” ฉินหยุนค่อยทราบว่าก่อนหน้านี้เซี่ยอูเฟิ งหาได้โจมตีตอบ
โต้แต่ อย่างใด เขาเพียงแค่หลบไปมา ด้วยพละกําลังระดับเขา ย่อม
สมควรจัดการหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินได้ไม่ยากแน่นอน

น้องหยุน เจ้าต้องซ่อนสมบัติชิ้นนี้ไว้ให้ดี อย่าได้ให้ผู้อื่นรู้ว่า เจ้าสามารถ
สร้างของที่ดียิ่งแบบนี้ออกมาได้” มู่หรงต้าเหริน หัวเราะให้ได้ยินขณะเข้า
ไปตีที่ก้นของราชสีห์สีเงิน

ฮั่วจงก็หัวเราะ “ได้แค่เก็บซ่อนไว้หรือนี่ น่าสงสารนัก!” ฉินหยุนเพียงถอน
หายใจยาว เขายิ้มกล่าวคํา

ข้าอยู่ที่นี่นาน นับเดือน คงต้องออกไปสูดอากาศบ้างแล้ว!” เมื่อเขากล่าว
คําคิดออกไปด้านนอก สีหน้าฮั่วจงแปรเปลี่ยน ขณะกล่าวเตือน

น้องหยุน ศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน จํานวนหนึ่งมาจากภายนอก
เจ้าต้องระวังให้ดียามออกไป!”

พวกมันมาทําอะไรกัน?” ฉินหยุนขมวดคิ้วและก้าวเดินออกไป ตอนนี้เป็น
ช่วงบ่าย ท้องฟ้าเป็นสีเทา เมฆหนาทึบปกปิดดวง ตะวันทั้งเก้าเอาไว้ เป็น
ผลให้ดินแดนเกิดความหมองหม่น คล้ายอีกไม่ช้าฝนหนักจะพัดพาร่วงโรย

บริเวณพื้นที่สีเขียวในหุบเขา มีเต็นท์หลายสิบหลังที่สีสัน แตกต่างกัน
ออกไป ที่เหนือเต็นท์เหล่านั้น มันมีกระแสคลื่นพลัง เพียงมองก็บอกได้ว่า
ที่แห่งนั้นมีอาคมรวบรวมวิญญาณอยู่ มัน เอาไว้ใช้เพื่อรวบรวมพลัง
วิญญาณ

พวกมันมาที่นี่เพื่อจัดการวิญญาณสัตว์ร้าย!” เสี่ยอูเฟิ งกล่าว

วิญญาณสัตว์ร้ายนับเป็นตัวตนที่น่าขนลุก ทั้งยังยากรับมือ ด้วย”

ที่กลุ่มสวะจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามพวกนั้นพ่าย แพ้ก็เพราะ
วิญญาณสัตว์ร้ายพวกนี้?” ฉินหยุนนึกขึ้นได้ ว่าคน พวกนั้นกล่าวว่าโดน
โจมตีโดยสัตว์ร้าย

เป็นตามนั้น วิญญาณสัตว์ร้ายไม่ได้มีมากตั้งแต่แรกแล้ว แต่ ยิ่งมีสัตว์
ร้ายปรากฏตัวขึ้นมากเพียงใด มันก็จะยิ่งมีดวง วิญญาณร้ายที่เกิดขึ้นจาก

สัตว์ร้ายพวกนั้นมากขึ้น จากนั้นพวก มันจะแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณสัตว์
ร้าย” เซี่ยอูเฟิ งเผยสีหน้า หนักอึ้ง

วิญญาณสัตว์ร้ายชื่นชอบการตัดแขนขาผู้คน พวก มันจะนําไปรวมกับตัว
ของมันเอง...”

แปลกยิ่งนัก...” ฉินหยุนขมวดคิ้ว เขามองกระโจมเหล่านั้น และเอ่ยถาม

พวกเขาแข็งแกร่งหรือไม่?” มู่หรงต้าเหรินตอบคํา “พวกเขาเป็นศิษย์รุ่น
เยาว์ และมาที่นี่ เพื่อหาประสบการณ์ กองกําลังหลักพวกเขาไม่อยู่ที่นี่
และตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ครั้งนี้พวกเขาได้รับ
อนุญาตจากสถาบันระดับเสวียนทั้งสามให้เข้ามา ไม่ใช่อย่าง ศิษย์จาก
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามก่อนหน้านี้ที่เข้ามา โดยพลการ” ฉินหยุน
ถามต่อ

ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ มีศิษย์จากสถาบันซาน เสวียนกี่คนที่ตกเป็น
เป้าหมายของวิญญาณสัตว์ร้าย?”

มีศิษย์ราวสิบคนได้ แขนขาพวกเขาถูกตัดออกโดยวิญญาณ สัตว์ร้าย
พวกเขาไม่ได้ถูกลงมือสังหารแต่อย่างใด” เซี่ยอูเฟิ ง เผยสีหน้าหนักอึ้ง
เช่นเดิมขณะกล่าวต่อ

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้อํานวยการไป่แนะนําว่าพวกเราไม่ควรออกไป
ภายนอก ทุก คนกําลังรอให้วิญญาณสัตว์ร้ายถูกกวาดล้างก่อนค่อย
ออกไป ทําภารกิจที่ภายนอก” ฮั่วจงยิ้มให้เห็น

ครั้งล่าสุดที่พวกเราออกไป พวกเราไม่ได้ เผชิญหน้ากับวิญญาณสัตว์ร้าย
ใด นับว่าเป็นพวกมันโชคดีแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเราคงสังหารพวกมันจนสิ้น
แน่”

เซี่ยอู่เฟิ งส่ายศีรษะ “วิญญาณสัตว์ร้ายยากรับมือด้วย พวกมัน ไม่อาจ
ตายได้เพราะการโจมตีกายภาพ กล่าวได้ว่าจําเป็นต้อง ใช้พลังจิตเพื่อ
สังหารวิญญาณสัตว์ร้ายพวกนั้น ข้าก็ไม่ทราบ รายละเอียดเชิงลึก
ผู้อํานวยการไป่เพียงบอกข้าเท่านี้ ฉินหยุนดวงตาเป็นประกาย เขา
ครอบครองพลังจิตแกร่งกล้า ทั้งยังแปรเปลี่ยนพลังจิตเป็นดวงดาวได้แล้ว
ทว่า เขาไม่ทราบ ว่าจะใช้พลังจิตเพื่อจัดการกับวิญญาณสัตว์ร้ายได้
อย่างไร

มีคนกําลังใกล้เข้ามา!” มู่หรงต้าเหรินทางเข้าหุบเขาขณะ ตะโกน

ทั้งยังมีจํานวนน้อยคนด้วย! ทําไมศิษย์ของสถาบัน ยุทธ์ระดับเสวียน
เหล่านี้เชื่องช้านัก?” วิญญาณสัตว์ร้ายที่อยู่ด้านนอกยังไม่ถูกกวาดล้าง
ดังนั้นพวก เขาจึงไม่กล้าออกจากหุบเขา กล่าวกันว่าหากเผชิญหน้ากับ
วิญญาณสัตว์ร้าย ก็เท่ากับพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้พ้น ฉินหยุนมุง
กลุ่มคนที่เพิ่งเข้าหุบเขามา เขาตระหนักได้ถึงเด็ก สาวที่กําลังเดินเข้ามา
เพียงสายตามองไปทางด้านนั้น

เด็กสาวสวมใส่ชุดขาวทั้งตัว ทั้งร่างกายยังเล็ก ผมหางม้ายาว ของนางมัด
เอาไว้ด้วยริบบิ้นสีม่วง คิ้ววิจิตรบรรจงของนางไม่ ต่างอะไรกับหงส์อมตะ
ผิวหนงัของนางขาวราวหิมะบรสิทุ ธิ์รูปลกัษณข
องนางโดยรวมคืองดงาม

ยิ่ง ดวงตานั้นเปี่ยมด้วย ความภาคภูมิ สีหน้าเย็นชาระดับหนึ่ง

ฉินหยุนมองที่นางก็ลอบตระหนกในหัวใจ เพราะรูปลักษณ์ของ เด็กสาว
ตรงหน้าคล้ายคลึงกับเชี่ยวเย่ว์หลานยิ่ง แต่นางไม่ได้ เย็นชาเทียบเท่า
เชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งยังไม่ได้มีเจตนาฆ่าฟันแผ่ กระจายคุกคามรุนแรง

นั่นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่หรือ?” เมื่อมู่หรงต้าเหรินเห็นฉินหยุน ชะงัก เขาจึง
ถองสีข้างหยอกล้อ

จากประสบการณ์ข้าที่ราย ล้อมด้วยเด็กสาวจํานวนไม่ใช่น้อย แม่นางผู้
นั้นไม่ใช่หยอก ล้อเล่นด้วยได้ น้องหยุนควรระวังนางไว้ให้มาก!” ในที่สุด
ฉินหยุนก็ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยตัวจริง!

ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาไม่ได้รู้จักเชียวเย่ว์เหม่ย อะไรนัก
ทั้งหมดที่ทราบก็คือเด็กสาวผู้นี้ ครั้งหนึ่งคิดอยากรับ เขาเป็นผู้ติดตาม เมื่อ
ศิษย์ผู้อื่นจากสถาบันซานเสวียนได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาถึงพวกเขาล้วน
กระซิบกระซาบกัน เป็นเพราะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเองก็เคยอยู่ที่สถาบันซาน
เสวียน บรรดารุ่นพี่และอาจารย์ส่วนใหญ่ล้วนจดจํานางได้

นางอายุเพียงสิบหก แต่ตอนนี้กลับเป็นผู้ฝึกตนขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับ
ที่หกแล้ว นอกจากนี้วิญญาณยุทธ์ของนางยัง ลึกลับยิ่ง!” เสี่ยอู่เฟิ งกล่าว
ฉินหยุนไม่ทราบว่าเชียวเย่ว์เหม่ยจะมีท่าทีอย่างไรต่อเขา แต่ พี่สาวของ
นางมักเอาแต่ข่มขู่เขาอยู่ตลอด ผู้อํานวยการไป่ เมื่อพบว่าศิษย์ทั้งหมด
จากสถาบันยุทธ์ระดับ เสวียนมาถึง เขาจึงสั่นกระดิ่ง เสียงกระดิ่งดังขึ้น
ศิษย์ทั้งหมดในหุบเขาจะมารวมตัวกันที่ลาน กว้างฝึกฝนตรงกลางหุบเขา

ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนที่อยู่ในกระโจม เดินออกมา กันทีละคน
เพื่อรวมตัวกันที่ลานฝึกฝนตรงกลาง อย่างรวดเร็ว หลายหน่วยตอนนี้
ปรากฏตัวที่ลานกว้างเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว

ตอนท
ี่129
วย

ศิษย์กว่าห้าสิบคนจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน พวกเขาล้วน อายุราว
ยี่สิบปี ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วยความภาคภูมิ ไม่เพียงแต่ มองเหยียดศิษย์
ของสถาบันซานเสวียน พวกเขาไม่แม้กระทั่ง เห็นสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
แห่งอื่นในสายตา

มีเพียงศิษย์จากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและหลิงเสวียน ที่มา!” ฮั่วจง
กล่าว นํ้าเสียงนี้ค่อนข้างดัง ดังนั้นบรรดาศิษย์ ของสถาบันยุทธ์ระดับ
เสวียนล้วนได้ยิน ศิษย์ใบหน้ายาวของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนแค่นเสียง
กล่าวคํา

พวกเรามาก็เพราะพลังจิตของพวกเราแข็งแกร่งพอ พลังจิต ของผู้มาจาก
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนล้วนอ่อนด้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่ เรื่องแปลกที่พวกเขาไม่
มา”

พลังจิตที่แข็งแกร่งก็นับเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ดังนั้นกลุ่มคน จาก
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนจึงอวดดีได้เพียงนี้ ศิษย์ทุกคนในหุบเขารวมตัว
กันที่ลานฝึกวิชายุทธ์

ฉับพลัน ผู้ อาวุโสหลังค่อมในชุดสีดําจึงทะยานกายโผล่ออกมา ด้านหลัง
ของเขาคือกัวเจิ้ง รองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน และกั่วเค่อที่
เป็นรองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน เมื่อฉินหยุนได้เห็นผู้อาวุโส
หลังค่อม เขาก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสถึง ความหวั่นเกรง

ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินที่อยู่ข้างกายเขา ใบหน้านั้นเผยความหวาดกลัว
เช่นเดียวกัน เซี่ยอู่เฟิ งยังต้องหลั่งเหงื่อออก กระทั่งศิษย์จากสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนกว่ายี่สิบคน ก็ยังเผยสี หน้าหวั่นเกรง ชายชราหลังค่อมกล่าว
คํา

ข้าคือตู้ก่วย อาจารย์จากสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียนที่มีความถนัดทางพลัง
จิต! แม้ศิษย์ของสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียนเราจะไม่มีผู้ใดครอบครองพลังจิตที่

ควรค่า แต่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อสอนต่อพวกเจ้าทั้งหมดถึงเคล็ดวิชาพลังจิต
เช่นนั้นพวกเจ้าจึงค่อยสามารถรับมือกับวิญญาณสัตว์ร้ายได้”

ตู้ก๋วยเดิมที่ตัวเตี้ยและหลังค่อม เป็นผลให้เขาดูร่างกายเล็กยิ่ง ทว่า
ใบหน้านั้นไม่คล้ายมีรอยเหี่ยวย่นมากนัก คิ้วขาวราวหิมะ นั้นเหยียดยาว
ออก มันแทบลากยาวจนถึงแก้ม ดวงตาเล็กคู่นั้น ก็ทอประกายแสงเจิดจ้า
เป็นผลให้เขาดูเป็นชายชราที่อ่อนโยน ผู้หนึ่ง หลังเขาปล่อยแรงกดดันทาง
จิต เขาจึงกล่าวต่อ

สถาบันซาน เสวียนมีศิษย์กว่าสองร้อยคน ข้าจะคัดเลือกคนด้วยตนเอง
มาดู กันว่าใครกันที่มีพลังจิตกล้าแกร่ง” บรรดาศิษย์จากสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนล้วนขมวดคิ้ว! พวก เขามองเหยียดต่อศิษย์ของสถาบันซาน
เสวียน ทั้งยังคิดว่าพวก เขาเหล่านี้คือภาระทั้งสิ้น

อาจารย์ตู้ หากไก่อ่อนผู้หนึ่งร่วมทางกับพวกเรา เช่นนั้นขอได้ โปรดอย่า
กล่าวโทษพวกเราหากพวกเขาเกิดตายตกไป” เด็ก หนุ่มคนหนึ่งกล่าวคํา
ขึ้น

ข้าย่อมไม่กล่าวโทษ” ตู้ก๋วยหัวเราะลั่น

เช่นกัน พวกเจ้า ทั้งหมดต้องผ่านการทดสอบพลังจิตของข้าก่อนจึงค่อย
สามารถ ฝึกฝนเคล็ดวิชาของข้าได้”

การทดสอบพลังจิต มันไม่ได้สร้างแรงกดดันใดต่อศิษย์ของ สถาบันยุทธ์
ระดับเสวียน พวกเขาล้วนสามารถผ่านการทดสอบ ถึงได้มารวมตัวกันที่
ตรงนี้ พวกเขาตั้งแถวกันรอคอยให้การทดสอบเริ่มต้น ตู้ก่วยนําเอาหิน
ขนาดเล็กสีขาวออกมาจํานวนมาก จากนั้นจึง วางเรียงมันลงกับพื้น

ข้าขัดเกลาหินก้อนนี้ขึ้น นามของมันคือ ศิลานภาลอยล่อง เพื่อให้หินลอย
ขึ้นกลางอากาศ พวกเจ้าต้อง ใช้พลังจิต “อืม.... กล่าวโดยง่าย พวกเจ้า

ต้องทําให้หินก้อนนี้ลอยได้อย่าง ตํ่าก็ยี่สิบก้อนจึงคู่ควร แต่หากพวกเจ้า
คิดอยากไปจัดการ วิญญาณสัตว์ร้ายพวกนั้น ข้าก็ขอเพิ่มมาตรฐานเป็น
สามสิบก้อน”

ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนเริ่มเข้ารับการทดสอบ แม้ พวกเขาอวด
ดีมากเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตู้ก่วยก็ต้อง สํารวม ฉินหยุนรับชม
เรื่องราวจากด้านข้างอย่างจริงจัง เขาคาดหวังว่า ตนจะได้ทดสอบบ้าง
เพื่อจะได้ทราบว่าพลังจิตของตนอยู่ระดับ ใดแล้ว ผู้ทดสอบคนแรกนาม
หงอ เขามาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน เขายืนอยู่เคียงข้างก้อนหินสีขาว
นับร้อย จากนั้นจึงค่อยใช้พลัง จิตปกคลุมพวกมั่น ไม่ช้า ศิลานภาลอย
ล่องจํานวนหนึ่งจึงลอยขึ้นสู่อากาศ พอหงอได้เห็นดังนี้ เขาถึงกับเผยสี
หน้าอึกอัก เขาปลดปล่อย พลังจิตมากขึ้นเพื่อปกคลุมศิลานภาลอยล่อง
บนพื้น จากนั้นอีก สิบก้อนค่อยลอยขึ้นตามไป

แค่สิบแปดก้อน!” ตู้ก๋วยส่ายศีรษะ กัวเจิ้งเผยสีหน้ากระดาก

ผู้อาวุโส... เรื่องนี้ หงอ ถือว่ามี พลังจิตไม่เลว!”

ตู้ก๋วยส่ายศีรษะกล่าวคํา “ไม่ได้ ระดับของเขายังไม่สูงพอ เขา ไม่อาจ
เรียนรู้เคล็ดวิชาฝึกฝนพลังจิตจากข้าได้”

หน้าผากของหงอ เปี่ยมด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแดงกํ่า กระนั้น แล้วศิลา
นภาลอยล่องก้อนอื่นก็ไม่อาจลอยขึ้นกลางอากาศเพิ่ม ได้อีก รวมแล้วก็ได้
แค่สิบแปดก้อน!

เขาถึงกับไม่ผ่านการทดสอบพลังจิตของตู้ก๋วย! ความอวดดีของศิษย์จาก
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนตอนนี้พลัน ตื่นตระหนก! ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ
ว่าทําไมที่นี่ถึงไม่มีศิษย์จากสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน มันเป็นเพราะพวกเขา
ไม่อาจผ่านการทดสอบโหดหิน ตรงหน้านี้ได้!

ต่อมา!” ตู้ก๋วยตะโกนขึ้น ผู้ที่ก้าวขึ้นรับการทดสอบครั้งนี้เป็นหญิงสาว
สวมใส่ชุดสีแดง ดึงดูดเสน่ห์ นางเพียงยกศิลานภาลอยล่องได้ยี่สิบก้อน

หากเป็น ในช่วงเวลาปกติ เท่านี้ถือว่าเพียงพอ แต่เพื่อรับมือกับวิญญาณ
สัตว์ร้ายในขณะนี้ นางต้องทําให้ได้สามสิบก้อน เสียก่อน ดังนั้นนางก็ไม่
ผ่านคุณสมบัติ

นับตั้งแต่เริ่มต้น สองคนล้มเหลวไปแล้ว เรื่องนี้ทําเอาบรรดา ศิษย์ของ
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนกังวลกันยิ่ง การทดสอบของ ตู้ก๋วยเข้มงวดมาก
ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือไร้คุณสมบัติเท่ากับคัด ออก นับว่าเป็นการฉีกหน้าพวก
เขาอย่างรุนแรง หลังทดสอบต่อเนื่องไปหลายคน ทั้งหมดล้วนไม่ผ่าน เด็ก
หนุ่มคนหนึ่งตอนนี้ก้าวเดินออกด้วยสีหน้าอวดดีและเย็น เยือก เขาคล้าย
เปี่ยมด้วยความมั่นใจราวกับตนผ่านการ ทดสอบเรียบร้อยแล้ว!

อู่โยวเงิน ในสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนถือว่าเขามีพลังจิต แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
เพราะเขามาจากตระกูลที่เชี่ยวชาญพลัง จิต เขาย่อมต้องผ่านการทดสอบ
นี้ไปได้!” คนผู้หนึ่งกล่าว อู่โยวเสินเดินเข้าไปตรงกลาง และทันทีเมื่อเขา
ปลดปล่อยพลัง จิต ศิลานภาลอยล่องจึงลอยขึ้นสู่อากาศ ไม่ช้ามันก็ลอย
ขึ้นมาก ถึงยี่สิบห้าก้อน!

ทุกคนพอได้เห็นดังนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานชมกันไม่ขาดปาก สีหน้า
ของอู่โยวเส้นเริ่มจริงจังขึ้นมา เขาครวญครางเสียงเบา ขณะเพิ่มพลังจิต
เข้าไป จากนั้น ศิลานภาลอยล่องอีกสองก้อน จึงลอยขึ้นกลางอากาศ

ยี่สิบเจ็ด!”

ยี่สิบเก้า! ขาดอีกแค่หนึ่ง!”

ทันใดนั้นเอง ศิลานภาลอยล่องอีกห้าก้อนจึงลอยขึ้นกลาง อากาศ - - - - -

-

สามสิบสี่ วิเศษยิ่งนัก!” ศิษย์จากสถาบันซานเสวียนล้วนอุทานออกด้วย
ความตื่นตะลึง ทั่วทั้งร่างของอู่โยวเงินเปี่ยมด้วยเหงื่อไหลหลั่ง ชัดเจนว่า
เขา พยายามอย่างสุดกําลังแล้ว แม้สีหน้าซีดเผือด แต่ความอวดดีที่
ใบหน้าหาได้จางหายไปไม่ ถึงกับสามารถผ่านบททดสอบของ ตู้ก่วย เขา

ย่อมสมควรภูมิอกภูมิใจแล้ว ตู้ก๋วยพยักหน้ารับและกล่าว “อู่โยวเงินผ่าน
ต่อไป!”

ไม่นานจากนั้น กว่าสี่สิบคนที่เหลือของสถาบันยุทธ์ระดับ เสวียนก็เริ่มเข้า
ทดสอบกันทีละคน ที่ละคน มีศิษย์หลายคนที่ครอบครองพลังจิตทรงพลัง
และมีหลายคน เช่นกันที่อายุถึงยี่สิบห้าปีหรือเกินกว่านั้นแล้ว ตอนนี้ มี
เพียงสิบห้าคนที่ผ่านการทดสอบ นอกจากอู่โยวเงิน พวกเขาที่เหลือทําได้
เพียงยกศิลานภาลอย ล่องสามสิบก้อน กระทั่งยกให้ขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งก้อนก็
ยังเป็นเรื่อง ยากสําหรับพวกเขา

ถึงคราวเซี่ยวเย่ว์เหม่ยแล้ว นางนับว่าอ่อนเยาว์ที่สุด ข้าสงสัย จริงว่านาง
จะผ่านการทดสอบได้หรือไม่”

นี่ก็นานแล้วสินะ นางยังคงเป็นหญิงงามเช่นที่เคยเป็น”

นางอายุเพียงสิบสี่ปี แต่กลับอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ หกแล้ว พลัง
จิตของนางย่อมต้องแข็งแกร่ง เหมือนอย่างพี่สาว ของนาง พรสวรรค์ล้วน
สูงกันทั้งคู่!”

ทันทีเมื่อเชียวเย่ว์เหม่ยก้าวเดินออกไป ทุกคนล้วนสนทนากัน ถึงเรื่องนี้
นางนับเป็นเด็กสาวโฉมงามผู้หนึ่ง และนางยัง แข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วไม่ใช่
เรื่องแปลกที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน

ใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเย็นเยือกขณะนางก้าวเดินสู่ ตรงกลาง
ศิลานภาลอยล่อง นางฮมฮัมเล็กน้อยขณะปล่อยพลังจิตออกมา ศิลานภา
ลอยล่อง จํานวนมากพลันลอยขึ้น!

ศิลานภาลอยล่องหลายสิบก้อนลอยขึ้นกลางอากาศ ทั้งยังมีอีก ไม่น้อย
ค่อย ๆ ลอยตามขึ้นไป อย่างกะทันหัน เสียงฮือฮาพลัน ปะทุจากฝูงชน
พวกเขาล้วนอึ้งทึ่ง!
ใบหน้าของตู้ก่วยยังเปี่ยมด้วยความประหลาดใจขณะกล่าว “ห้าสิบห้า
ก้อน และยังไม่ได้ลงมือเต็มกําลังเสียด้วย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพียง
ปลดปล่อยพลังจิตชั่วครู่ก่อนถอนกลับอย่าง รวดเร็วด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ต่อหน้านาง ผู้เข้าทดสอบที่เหลือ ล้วนเสียกําลังใจกันทั้งสิ้น

เด็กน้อย จงแสงพลังจิตทั้งหมดของเจ้าออกมา!” ผู้ก่วย หัวเราะ

ข้าไม่อยาก มันเหนื่อย!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงตอบกลับ เดินไป
ด้านข้าง

ไม่ว่าข้าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด ข้าก็แค่ ศิษย์ของสถาบันยุทธ์เทียน
เสวียน มีอันใดให้ท่านต้องยุ่ง เกี่ยวกับข้ากัน?”

หากพรสวรรค์พลังจิตของเจ้าดีเยี่ยม เช่นนั้นข้าจะมอบเคล็ด วิชาอีกหนึ่ง
ให้ได้เรียนรู้!” ตู้ก๋วยหัวเราะร่วนขณะกล่าวคํา


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น