ตอนที่ 183 วิญญาณยุทธ์ยักษ์
“หันกลับมาได้!” ฉินหยุนหันกลับ เขาได้เห็นร่างงดงามและสง่าของเชี่ยว
เสวียน ฉินในชุดสีม่วง ปากนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวคํา
“ป้าเชี่ยว ชุดนี้ ของท่านช่างเหมาะกับท่านนัก!”
เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะเบา “เจ้าและเย่ว์เหม่ยช่างซุกซน พวก เจ้าทั้งสอง
เอาแต่ทําในเรื่องที่พวกเราผู้ใหญ่ล้วนไม่กล้าทํา” ฉินหยุนกระแอมไอแห้ง
รับคํา
“เรื่องนี้ ระหว่างข้าและเย่ว์เหม่ย หาได้มีอันใดกันไม่ พวกเราเป็นสหายที่ดี
ต่อกัน เหตุผลว่าทําไม ข้าถึงข่าวกับนาง.. เหตุผลหลักก็เพราะนางเจตนา
ลวงหลอก ต่อข้า นางคิดใช้ข้าเป็นเส้นทางหลบหนี ข้าเห็นว่านางเป็นเด็ก
ดีผู้หนึ่ง จึงไม่คิดเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป”
นางเองก็ทราบว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังรักษาพรหมจรรย์เอาไว้อยู่ นางตอนนี้
พลันฉุนเฉียวขึ้นขณะเผยสีหน้าจริงจังต่อว่า
“หาก เจ้ายังมีชีวิตรอด เหตุใดไม่รีบโผล่ออกมาให้เร็วกว่านี้? เจ้าไม่ เห็น
หรือว่าเย่ว์เหม่ยทําอะไรไปบ้าง? ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ต้อง ประสบชะตา
กรรมเช่นนี้!” ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก
“เรื่องนี้เกี่ยวกับข้าทางตรง? เหตุผลว่า ทําไมเย่ว์เหม่ยถึงวิ่งสังหารคนพวก
นั้นไปทั่ว ไม่ใช่เพราะนางมี ความแค้นฝังลึกอยู่ก่อนแล้ว? ไม่นานนักหรอก
แม้ไม่มีเรื่องข้า นางก็คงเก็บงําได้ไม่นาน เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นเพราะพวกผู้
อาวุโสของท่านไม่ดูแลนางให้ดี นอกจากนี้ พวกเฒ่าชราสารเลวจาก
จักรวรรดิเทียนเชี่ยว รวมทั้งเดรัจฉานอย่างเชี่ยวหยางหลง พวกมันล้วนคิด
ขายนางในราคาที่สูงในทุกวี่วัน เพราะแบบนั้น จึงเกิดขึ้นเป็นประเด็น
ความแค้นสะสมไว้ในใจของนางมานาน ยิ่ง”
“เย่ว์เหม่ยโดนเคลื่อนย้ายไปที่พระราชวัง หลวงแล้ว!” พอได้ยินดังนี้ ต้วน
เฉียนถอนหายใจ
“เรื่องนี้เป็นปัญหาแล้ว พระราชวังหลวงตอนนี้เฝ้าระวังหนักมาก ดังนั้นจึง
ไม่ง่ายแม้ บินเข้าไป! กล่าวได้ว่ายอดฝีมือของตําหนักดวงดาววิญญาณสี
ครามได้รับการเชื้อเชิญมารับหน้าที่เฝ้าระวังคุ้มกันโดยเฉพาะ” เชี่ยว
เสวียนฉินก่อนหน้าก็บอกเช่นเดียวกันนี้ ดังนั้นนางจึงเป็นห่วงฉินหยุนที่คิด
บุกเข้าพระราชวังหลวงเทียนฉินโดยลําพัง
“ข้าคุ้นเคยกับพระราชวังหลวงเป็นอย่างดี ข้าจะคิดหาทาง ไม่ ช้า ข้า
จะต้องช่วยเหลือเย่ว์เหม่ยออกมาให้ได้ก่อนงานพิธี เพื่อ ไม่ให้เกิดเรื่องเกิน
คาดคิดขึ้นอีก” ฉินหยุนตอนนี้รู้สึกแย่ไม่น้อย เพราะเรื่องที่จักรวรรดิเทียน
เชี่ยวลงมือโหดเหี้ยมต่อเชียว เสวียนฉิน เซี่ยอูเฟิงและคณะไม่มีทางเลือก
อื่น อย่างไรแล้ว พละกําลังของ พวกเขาล้วนมีอย่างจํากัด ดังนั้นพวกเขา
จึงทําได้เพียงเดินเตร่ ไปทั่วเพื่อสอบถามและรวบรวมข้อมูล โดยคาดหวัง
ว่าจะได้ อะไรที่เป็นประโยชน์กลับมาบ้าง
ไม่กี่วันจากนั้น มู่หรงต้าเหรินและคณะจึงได้ทราบเรื่องราวชวน ตื่นตะลึง!
ข่าวแรกคือ เซี่ยวเสวียนฉินเป็นบุคคลต้องการตัว เหตุผลก็ เพราะนางถือ
ครองผงเขย่าวิญญาณ และยังใช้มันเพื่อสังหารผู้อาวุโสวรยุทธ์เต่าของ
จักรวรรดิเทียนเชี่ยวไป! ถัดจากนั้น จึงเป็นเรื่องของอาจารย์เว่ยและ
อาจารย์จาก สถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ที่ถูกพบว่าโดนเชี่ยวเสวียนฉินลง
มือ สังหาร เหตุการณ์นี้สะเทือนทั่วทั้งสามจักรวรรดิ! เรื่องนี้ทําเอาบรรดาผู้
ฝึกตนอยู่ในอาการแตกตื่น นอกจากนี้ผู้ต้องสงสัยที่จักรวรรดิ เทียนเชี่ยว
คาดเดาว่าก่อการที่คฤหาสน์เชี่ยวอี้ ก็คือเชี่ยว เสวียนฉิน เพราะเหตุการณ์
ดังกล่าว การตรวจตราผู้คนเข้าออกนครหลวง เทียนฉินยิ่งมายิ่งเข้มงวด!
เรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาของฉินหยุนแต่แรกแล้ว จักรวรรดิ เทียนเชี่ยว
ประเมินบรรดาหญิงสาวตํ่าเกินไป จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาต้องสูญเสีย
ร้ายแรงเพราะหญิงสาวเพียงคนเดียว กล่าวได้ว่าพวกเขาเสียหน้าอย่าง
รุนแรงเพราะความตายของผู้ อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ฉินหยุนอยู่แต่ในห้องลับ สายตา จ้องมองแต่
แผนที่ เขาหยดเลือดลงไปและตั้งใจแน่วแน่ เขาคิด อยากติดต่อกับเซี่ยฉี
โหรว กว่าสิบวันผ่านไป ตอนนี้เหลือแค่สามวันก่อนงานเลี้ยงฉลองพิธี
อภิเษกสมรสจะเริ่ม เป็นเพราะเรื่องของเชี่ยวเสวียนฉินที่ใช้ผงเขย่า
วิญญาณ ทั่วทั้ง นครหลวงจึงปกคลุมด้วยบรรยากาศหนักอึ้ง
ฉินหยุนใช้เวลาหลายวันเก็บตัวอยู่ในห้องลับ เซี่ยอู่เฟิงและ คณะไม่ทราบ
ว่าเขากําลังทําอะไร จึงได้แต่เงียบงันโดยไม่ถาม ท้ายที่สุด ความพยายาม
อย่างหนักสิบวันของฉินหยุนก็ไม่สูญ เปล่า เขาใช้พลังจิตไปมหาศาลจน
ท้ายที่สุดค่อยทําให้แผนที่ ตอบสนองได้
“เสี่ยวหยุน หาข้าอยู่หรือ?” เซี่ยฉีโหรวเผยเสียงดังจากแผนที่ หลุมฝังเซียน
“พี่สาว ข้ามีเรื่องเร่งด่วนและสําคัญมาก ท่านต้องช่วยข้า มีแต่ ท่าน” ฉิน
หยุนเร่งรีบแนบใบหน้ากับแผนที่ขณะเอ่ยคําขอร้อง ราวเด็กน้อยที่พบเจอ
เรื่องยากลําบากจนคิดหาทางออกไม่ได้
“รีบบอกต่อข้า ข้าจะพยายามเท่าที่ทําได้เพื่อช่วยเจ้า!” นํ้าเสียงของเซี่ยฉี
โหรวโอนอ่อน ฉินหยุนเริ่มไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เซี่ยฉีโหรวฟัง
“จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเทียนเชี่ยว สารเลวนัก! มันทรยศ น้องสาวที่แสนดี
ของข้า ตอนนี้ยังกระทั่งทําต่อบุตรสาวทั้งสอง ของนางเพียงนี้! ภายหน้า
มาดูกันว่าข้าจะสั่งสอนบทเรียนแก่ มันอย่างไร! ฮืม... มันนั้นหาได้ใส่ใจ
เย่ว์เหม่ยและเย่ว์หลานเลย แม้สักนิด”
เซี่ยฉีโหรวเผยนํ้าเสียงโกรธเคือง ฉินหยุนกําลังร้อนใจยิ่ง เขาลูบผืนหนัง
ว่างเปล่านั้นและกล่าว
“พี่สาว ข้าควรทําอย่างไรดี? ข้าต้องหาทางช่วยเชียวเย่ว์หลาน ไม่ว่าจะ
ด้วยอะไร และข้าก็ต้องช่วยเย่ว์เหม่ยด้วย”
“อย่าได้กังวลไป” เซี่ยฉีโหรวตอบคํา
“เจ้ามีผงเขย่าวิญญาณ อยู่ในมือ สิ่งนั้นเพียงพอให้รับมือผู้ฝึกตนวรยุทธ์
เต๋า นอกจากนี้การเข้าไปในพระราชวังหลวงง่ายดายนัก มันมี เส้นทางลับ
อยู่ภายในพระราชวังหลวง มีเพียงจักรพรรดิรุ่น ก่อนหน้าที่ทราบเรื่องนี้ แต่
ด้วยพระบิดาเจ้ารักมารดาเจ้ายิ่ง นัก เขาจึงบอกมารดาเจ้าถึงเส้นทางลับ
ดังกล่าว”
“แบบนั้นแล้ว พี่สาวก็ใช้เส้นทางนั้นหลบหนีเมื่อหลายปีก่อน หรือ?” ฉิน
หยุนเอ่ยถามประหลาดใจ เซี่ยฉีโหรวหัวเราะกล่าว “ข้าจะมอบแผนที่
เส้นทางลับนั่นให้ หากเจ้าพิจารณาสัญญาหมั้นนั้นให้ดี เจ้าจะพบว่ามันมี
สองชั้นตราบเท่าที่ราดนํ้าใส่มัน มันจะแบ่งออกเป็นสอง เพราะเร่งร้อน
ออกมาข้าจึงลืมบอกเรื่องนี้ต่อเจ้า”
ฉินหยุนเร่งรีบนํากระดาษสัญญาในมิติเก็บของออกมา หลังราด นํ้าลงไป
แล้ว เขาจึงแยกมันออกเป็นกระดาษสองแผ่น หนึ่งใน นั้นคือกระดาษที่มี
แผนที่เส้นทางลับปรากฏอยู่ในเส้นทาง ระบายนํ้าของเมือง
“ก็ตามนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องช่วยเสี่ยวเย่ว์เหม่ยได้แน่ ข้าขอตัว ไปนอนก่อน”
เสียงของเซี่ยฉีโหรวตอนนี้ยิ่งมายิ่งอ่อนเบาลง หลับ? ฉินหยุนงุนงง เขาเดา
ว่าเซี่ยฉีโหรวต้องนอนหลับเพราะ ยังฟื้นฟูสภาพไม่เต็มที่! หลังพิจารณา
แผนที่แล้ว ฉินหยุนจึงเร่งรีบออกจากห้อง พอออกมาแล้ว เขาจึงได้เห็นเซี่ย
อู่เฟิงและคณะรอเขาอยู่ที่ ห้องนั่งเล่น
“เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือตลอด หลายวันมานี้!”
ฉินหยุนมีความมั่นใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว
เซี่ยอูเฟิงพบว่าฉินหยุนตอนนี้เผยความมั่นใจออกมาเต็มที่ เขา จึงยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก!”
มู่หรงต้าเหรินกล่าว “น้องหยุน ไอ้สารเลวฉินเจิ้งเฟิ งผู้นั้น มัน ก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแล้ว!” เพิ่งเฟยหลิงเองก็กัดฟันแน่น
“ไอ้ตัวสารเลวชื่อ ก็ด้วย! เบื้องหลังพวกมันล้วนมีพลังอํานาจน่าหวาดกลัว
เก็บเอาไว้ จึงทําให้พวกมันสามารถก้าวทะยานยิ่งใหญ่ได้ในช่วงเวลานี้พอ
ดิบพอดี!”
“พวกเราทั้งหมดคิดเข้าร่วมงานแต่ง เจ้ามีเส้นทางเข้าไปแล้ว ใช่หรือไม่?”
ต้วนเฉียนเอ่ยถาม
“เพียงข้าเอ่ยนาม พวกมันย่อมต้องให้ข้าเข้าสู่พระราชวังหลวง เพื่อเข้า
ร่วมงานแต่ง เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไปขอรับ” ฉินหยุน ยิ้มตอบ
“เช่นนั้น ไว้พวกเราพบกันในพระราชวังอีกสามวันให้ หลัง!” ตอนนี้เป็น
เวลากลางคืนแล้ว ฉินหยุนจึงเร่งรีบออกจากตําหนัก จารึกเทวะ และมุ่ง
หน้าสู่ทางเข้าเส้นทางลับ
ทางเข้าเส้นทางลับอยู่ลึกภายในตําหนักฉินของนครหลวง ฉินหยุนตอนนี้
มาถึงตําหนักฉิน ไปตามเส้นทางที่แผนที่เส้นทาง ลับเขียนบอกเอาไว้ เขา
ได้พบช่องทางที่มีพืชนํ้าจํานวนมาก ปกปิดเส้นทางเอาไว้ ส่วนลึกของ
ช่องทางดังกล่าว มีค่ายอาคมติดตั้งเอาไว้เพื่อ ป้องกันนํ้าจากธารนํ้าไม่ให้
ไหลเข้าสู่เส้นทางลับ ฉินหยุนสามารถผ่านทางเข้าลับไปอย่างง่ายดาย
เส้นทางลับกว้างและสูงเพียงสองเมตร มันเป็นช่องทางสี่เหลี่ยมลึกยาวดํา
สนิท ฉินหยุนใช้มุกส่องแสงเพื่อส่องสว่างเส้นทาง เขาได้พบว่ามันถูก
สร้างขึ้นด้วยก้อนอิฐซึ่งทําจากหิน โครงสร้างของมันแข็งแรงยิ่ง เส้นทางลับ
นี้นําทางไปได้หลายแห่ง ทั้งห้องจักรพรรดิ สวน ห้องหนังสือ และในตัว
พระราชวังต้องห้าม
“พระราชวังต้องห้ามอยู่ทางส่วนทิศเหนือของพระราชวังหลวง เป็นสถานที่
ซึ่งนางสนมในราชวงศ์ถูกคุมขังเอาไว้ เหมือนเคย ได้ยินว่าบางครั้งก็มีองค์
ชายและองค์หญิงโดนคุมขังเอาไว้ที่นั่น ด้วย บางทีเย่ว์เหม่ยก็อาจอยู่ที่
นั่น”
ฉินหยุนเลือกเส้นทางที่นําไปสู่พระราชวังต้องห้าม หลังผ่าน หลายทาง
แยก เขาตอนนี้เริ่มออกวิ่งไปตามเส้นทาง ผ่านไปพักหนึ่ง เขาจึงค่อยออก
จากเส้นทางลับ ตอนนี้เขากําลัง ยืนอยู่ตรงหน้าห้องเก็บของแห่งหนึ่ง
เพียงนําแผ่นกระเบื้อง ด้านบนออก เขาก็จะได้ออกสู่ด้านนอกแล้ว การ
ออกแบบเส้นทางลับเป็นไปอย่างแยบยลและเป็นความลับ ยิ่ง ต่อให้คน
ด้านบนยกแผ่นกระเบื้อง พวกเขาก็จะไม่พบว่ามี เส้นทางลับอยู่ด้านล่าง
แต่อย่างใด
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน พื้นที่แถบนี้ค่อนข้างมืด ฉินหยุนใช้ วิญญาณยุทธ์
ตะวันทมิฬที่มีพลังภายในเฉพาะตัว สามารถหลบ ซ่อนตัวเองในความมืด
ตอนนี้เขาเรียกมันว่าพลังเงา ตราบเท่าที่แสงสว่างหม่นลง เขาสามารถ
ปกปิดตัวตนได้ ในตอนนี้ เขากําลังเดินไปตามเส้นทางของพระราชวัง
ต้องห้าม เพื่อค้นหาเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
พระราชวังต้องห้ามค่อนข้างใหญ่ มีห้องหับและกระทั่งลาน กว้างอยู่
ภายใน ฉินหยุนเดินไปรอบพระราชวังต้องห้ามกว่าชั่วโมง เขายังไม่ อาจ
สัมผัสถึงออร่าของผู้ฝึกตนวรยุทธ์เตํ่าได้ ดังนั้นจึงทําให้ยัง ไม่ทราบว่า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ที่ใด
เขาตอนนี้กําลังยืนในเส้นทางเดินมีดมิดขณะครุ่นคิดภายใน “หรือจะไม่ใช่
ที่พระราชวังต้องห้าม?” อย่างกะทันหัน ชายร่างใหญ่สองคนที่ถือตะเกียง
ในมือปรากฏ ตัว ฉินหยุนเร่งรีบทะยานขึ้นด้านบนแฝงตัวกับเพดานของ
เส้นทางเดินแห่งนี้
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่ที่ลานแห่งสวรรค์.... แม่เด็กนี่โง่อะไรได้ปาน นี้กันนะ?”
ชายร่างกํายํากล่าวอย่างเดียดฉันท์
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคนนี้ได้สังหารผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ แปดไป
พวกเราอยู่ที่ระดับหก แค่สามกระบวนท่าพวกเราก็ โดนนางสังหารได้แล้ว
นะ!” ชายอีกคนหนึ่งเอ่ยคํา
“นางทรงพลังจริง แต่ส่งขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าสองคน มาก็น่าจะ
พอ แต่กลับส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามา นับว่าเกินเลย นัก!” ชายสองคนที่
เดินตรวจตรา สนทนากันไปขณะเดินพ้นจาก ตรงที่เขาหลบซ่อน
ฉินหยุนลอบตระหนก เขาเองยังรู้สึกประหลาดใจที่เชี่ยวเย่ว์ เหม่ยโดนขัง
เอาไว้ที่ลานแห่งสวรรค์ ลานแห่งสวรรค์ถือเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดใน
พระราชวัง ต้องห้าม มันยังเป็นสถานที่ซึ่งมีค่ายอาคมจํานวนมากคุ้มกัน
เอาไว้ โดยปกติแล้วจะใช้เพื่อคุมขังผู้ที่ทรงพลัง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีผู้ฝึกตนวร
ยุทธ์เต๋าคุ้มกันอยู่แล้ว นางไม่สมควร ต้องถูกกักขังที่นั่นด้วยซํ้า!
แต่พอคิดให้ดี เขาก็เข้าใจได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นน้องสาวของ เชี่ยวเย่ว์
หลาน และเป็นจุดอ่อนเดียวของนาง หากไม่แล้ว นาง จะไม่มีทางให้ความ
ร่วมมือแต่โดยดีในวันงานพิธีอย่างแน่นอน เขาเริ่มคิดอยู่ภายใน
“เพื่อให้เซี่ยวเย่ว์หลานแต่งงานโดยราบ ลื่น จักรวรรดิเทียนเชี่ยวถึงขั้น
ลงทุนมหาศาลนัก! ผลประโยชน์ อันใดกันที่พวกเขาจะได้รับ?” กระทั่งเขา
ยังไม่เคยไปยังลานแห่งสวรรค์ เขาเพียงเคยอ่านใน ตําราที่เกี่ยวข้องกับ
พระราชวังต้องห้ามเท่านั้นเอง
ท้องฟ้ายามราตรีกาล เมฆหนาได้ลอยปกคลุมผืนใหญ่ เป็นการ บดบังแสง
จันทร์ พื้นเบื้องล่างยิ่งมืดมิดกว่าคืนใด ฉินหยุนตอนนี้มาถึงที่ทางเข้าของ
ลานแห่งสวรรค์ มันเป็นห้วง ความมืดที่ไร้ซึ่งแสงใด! ทางเข้าของลานแห่ง
สวรรค์สร้างขึ้นด้วยหินหนา เสาประตูทั้ง สองข้างแกะสลักเอาไว้ซึ่งผัง
วิญญาณที่เกิดขึ้นจนเป็นค่าย อาคม ตราบเท่าที่มีคนเดินผ่านเข้าไป มัน
จะกระตุ้นให้อาคม ทํางานและเกิดการแจ้งเตือน หากลงมาจากบนฟ้าเข้า
สู่ตัวลาน ก็จะกลายเป็นกระตุ้นอาคม ขึ้นเช่นเดียวกัน ฉินหยุนกลมกลืน
ตัวเองเข้ากับความมืด ด้วยการใช้ความรู้เรื่อง ผังวิญญาณที่มี เขาจึง
สามารถเข้าในลานได้โดยไม่กระตุ้น อาคมแต่อย่างใด
หลังเข้าไปแล้ว โดยทันที เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของขอบเขตวร ยุทธ์เต๋า
“เป็นค่ายอาคมป้องกันไม่ให้ออร่าลั่วไหลออกไปนี่เอง ไม่แปลก เลยว่า
ทําไมก่อนหน้าถึงจับสัมผัสไม่ได้” เมื่อฉินหยุนสัมผัสได้ ถึงออร่าทรงพลัง
อํานาจ เขาจึงนําผงเขย่าวิญญาณออกมาเตรียม
เขาตอนนี้กินยาแก้พิษเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้โดนพิษของ ผงเขย่า
วิญญาณ เขาก็ไม่ได้ติดพิษไปด้วยแต่อย่างใด มาถึงที่นี่ยิ่งทําเขาตึงเครียด
เพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว! หากล้มเหลว เขาก็ไม่ทราบแล้วว่าในภาย
หน้าจะช่วยเหลือ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้หรือไม่ ภายในลาน ฉินหยุนได้เห็นบ้าน
น้อยหลังหนึ่งซึ่งมีหน้าต่างเปิด ไว้ ออร่ากําลังทะลักจากด้านในนั้น และก็
มีออร่าของเชี่ยวเย่ว์ เหม่ยอยู่ด้วย
“เพี้ยะ!” เสียงการกระทบกันของเนื้อหนังดังขึ้น นี่เป็นการตบใบหน้า!
“เดรัจฉานน้อย เจ้ากล้าลองดีกับข้าหรือ ข้าจะตบปากเจ้า จนกว่าจะพูด
อีกไม่ได้! ตัวข้าอยากสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้ามา นานยิ่งแล้ว ถึงขั้นกล้าลง
มือสังหารบุคคลที่หลงเอ๋อไว้วางใจ และยังทําลายอัจฉริยะของจักรวรรดิ
เทียนเชี่ยวของข้าไปมาก ข้าจะทรมานเจ้าจนกว่าจะตาย นางเด็กสาร
เลว!”
บุคคลที่กล่าวคําพูดเหล่านี้เป็นผู้หญิง นํ้าเสียงของนางเย็น เยือกและ
โหดเหี้ยม ฉินหยุนชะงัก เป็นเพราะมีโอกาสสูงยิ่งที่ผู้หญิงด้านในนั้นจะ
เป็นจักรพรรดินีของจักรวรรดิเทียนเชี่ยว! จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเทียน
เซียว ไม่เพียงทรงอํานาจ แต่ ทรงอํานาจเป็นอย่างยิ่ง ฉินหยุนไม่เคยคิดมา
ก่อน ว่าจักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวจะอยู่
ถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ว่าเหตุใดจักรวรรดิเทียนเชี่ยว ต้องการขาย
สองพี่น้องเย่ว์เหม่ยและเย่ว์หลานออก เป็นเพราะพรสวรรค์ของพวกนาง
สูงลํ้า ทั้งรูปลักษณ์ยังงดงาม อย่างหาใดเปรียบ หากพวกนางไม่ถูกแต่ง
ออก ก็มีโอกาสสูงยิ่ง ว่าตําแหน่งของเซี่ยวหยางหลงในอนาคตจะต้องถูก
สั่นคลอน
นอกจากนี้ มารดาของสองพี่น้อง ยังตั้งตัวสาบานเป็นปฏิปักษ์ กับ
จักรพรรดินีเทียนเชี่ยวตั้งแต่ครั้งนางยังมีชีวิต ดังนั้นนางจึง ลอบช่วยเหลือ
และชี้นําให้เซี่ยวหยางหลงทําการจําหน่ายสองพี่ น้องออกด้วยราคาสูง
ที่สุดเท่าที่จะเรียกได้ ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวจะค่อยได้ถอน
หายใจ อย่างโล่งอกยามที่จําหน่ายสองพี่น้องซึ่งเป็นศัตรูของนาง ออกไป
ทั้งยังจะเรียกผลประโยชน์ให้แก่บุตรชายของนางได้อีก ด้วย!
“โหดเหี้ยมนัก เป็นบุคคลชั้นสวะไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดินี เย่!” ฉินหยุน
สะกดข่มความโกรธเอาไว้เพื่อไม่ให้ออร่าหลุดลั่ว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโดน
กระทํารุนแรง นางเพียงแต่ร้องคร่ําครวญ เล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด
ชัดเจนว่านางคิดอยากกรีดร้อง ออกมา แต่นั่นจะทําให้จักรพรรดินีแห่ง
เทียนเชี่ยวได้ใจ นางจึง สะกดกลั้นเอาไว้ ฉินหยุนระแวดระวังขณะถึงข้าง
หน้าต่างพร้อมหว่านโปรยผง เขย่าวิญญาณภายในถุง จากนั้นเขาจึงหลบ
ซ่อนตัวอยู่ภายนอก
“ใครกัน? นี่... ผงเขย่าวิญญาณ เชี่ยวเสวียนฉิน นังสวะชั้นตํ่า! อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของจักรพรรดินีดังขึ้น นางคิดว่าเป็นเชี่ยว เสวียนฉินมา
เพราะนางคือเพียงผู้เดียวที่ครอบครองผงเขย่า วิญญาณ ฉินหยุนไม่ได้เข้า
ไปในทันที อย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็อยู่ขอบเขต วรยุทธ์เด็ก เขาต้องรออย่าง
อดทนจนมั่นใจ
“ท่านป้าหรือ? หญิงโฉดผู้นี้นอนล้มกับพื้นไปแล้ว มันขยับตัว อีกไม่ได้
แล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องตะโกนเสียงอ่อนแรง แต่ กระนั้น ก็เห็นได้ชัดเจน
ถึงอารมณ์ที่แฝงมากับนํ้าเสียง
“เชี่ยวเสวียนฉิน นางสวะชั้นตํ่า เจ้าคงรู้นะว่าตัวเองอยู่ภายใต้ การตามล่า
ตอนนี้เจ้าถูกตั้งค่าหัวโดยสามจักรวรรดิและ ตําหนักดวงดาววิญญาณสี
คราม หากเจ้าเคลื่อนไหวต่อต้านข้า เจ้าก็ต้องตายอย่างน่าสังเวช!”
จักรพรรดินีเทียนเชี่ยวร่พร้อง นํ้าเสียงนี้ยังคล้ายเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
ในห้องมืดมิด หลังฉินหยุนเข้ามาแล้ว เขาจึงนําเอามุกส่อง สว่างออกมา
ส่องแสงภายในห้อง ด้วยความเร่งรีบ เขานํายา ถอนพิษให้เชี่ยวเย่ว์เหมย
ที่ปากยังมีคราบเลือดกลืนกินเข้าไป
“พี่ชาย เป็นท่าน! นี่ท่านยังมีชีวิตรอด!” แม้อ่อนแรง แต่ ดวงตาของเชี่ยว
เย่ว์เหม่ยยังเบิกออกกว้าง ใบหน้านี้เปี่ยมด้วย ความไม่เชื่อ นางกําลังมอง
ใบหน้าที่คุ้นเคยและหล่อเหลา ตรงหน้านาง
“เย่ว์เหม่ย ลําบากเจ้าแล้ว เป็นข้าไม่ดีที่ไม่มาให้เร็วกว่านี้!” ฉินหยุน
ตรวจสอบบาดแผลที่ใบหน้าของนาง เขาเผยแววตา เจ็บปวดขณะนําเอา
อุปกรณ์ฝั่งธาตุแสงออกมาให้นางสวมใส่
“เพียงท่านมีชีวิต ข้าก็ไม่ได้ทุกข์อะไร!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องไห้ ออก นางโดน
จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยวเคี่ยวกรํามานานยังไม่ มีนํ้าตาแม้สักหยด แต่
พอได้เห็นฉินหยุนยังมีชีวิต นางไม่อาจอด กลั้นจนต้องร้องไห้ออกมา
“อย่าได้ร้องแล้ว เจ้าตั้งใจรักษาแผลก่อน!” ฉินหยุนยิ้มและ ช่วยนางเช็ด
นํ้าตาออกจากใบหน้า
จักรพรรดินีแห่งเทียนเซี่ยวล้มนอนกับพื้น นางเป็นหญิงอวบ และน่า
รังเกียจโดยนิสัยไม่พอ รวมกับรูปลักษณ์อัปลักษณ์และ นิสัยยิ่งทําให้นาง
เลวร้าย ไม่แปลกใจที่นางจะไม่กล้าเปิดไฟส่อง สว่าง เป็นเพราะนางเกรง
ว่าการได้เห็นใบหน้างดงามของเชี่ยว เย่ว์เหม่ยจะยิ่งกระตุ้นโทสะนาง นาง
ตอนนี้มองฉินหยุนอย่างหวาดเกรง บุคคลที่มาหาได้ใช่ เชี่ยวเสวียนฉิน แต่
เป็นฉินหยุนที่ทุกคนล้วนเชื่อกันว่าตายไป
แล้ว ฉินหยุนนั่งยองลงขณะยิ้มกล่าวคํา “เจ้าคือมารดาของเขี้ยวห ยาง
หลงหรือ? มารดาและบุตรชายช่างนิสัยเหมือนกันนัก! พูด ไปเชี่ยวหยาง
หลงกลับค่อนข้างหล่อเหลา แต่เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ นี่มันเป็นบุตรชายจาก
ท้องเจ้าจริงหรือ? เป็นเจ้าอุ้มท้องมันเอง จริงหรือไม่!?”
“ฉินหยุน ไอ้ปีศาจอย่างเจ้าเหตุใดยังไม่ตายกัน?!” เมื่อ จักรพรรดินีเทียน
เชี่ยวเอ่ยคําถาม ฉินหยุนจึงวางมือลงที่ท้องของนาง
“เพราะปีศาจอย่างข้ายังมีชีวิต ข้าจึงสามารถจัดการกับตัวที่ยิ่ง กว่าปีศาจ
เช่นเจ้าได้ เพราะแบบนั้นราชันแห่งอเวจีจึงยอมให้ ข้าได้มีชีวิตรอดอยู่ต่อ”
ฉินหยุนยิ้มกล่าวคํา เขาตอนนี้กําลัง เริ่มกระบวนการแยกเอาวิญญาณ
ยุทธ์ของนางออกมาด้วย เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ
“อึก นี่เจ้าทําอะไร? คิดพรากเอาวิญญาณยุทธ์ข้าไปหรือ!” จักรพรรดินี
แห่งเทียนเชี่ยวกรีดร้องหวาดกลัว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยืนเคียงข้าง ตอนนี้
ดวงตาของนางเบิกกว้าง อย่างแตกตื่น มันเปี่ยมไปด้วยความยินดีขณะ
มองฉินหยุนที่ เชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณ! หลังวิญญาณยุทธ์ถูกแยก
ออก มันจึงแปรเปลี่ยนเป็นบอลแสง ทองขาวกลางอากาศที่เริ่มขยาย
ขนาดใหญ่ขึ้น
“เย่ว์เหม่ย วิญญาณยุทธ์นี้คือ?” ฉินหยุนไม่ทราบว่า จักรพรรดินีเทียน
เชี่ยวครอบครองวิญญาณยุทธ์ใดจึงเร่งร้อน เอ่ยถาม
“เป็นวิญญาณยุทธ์ยักษ์ระดับแพลทินัม!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้ อาการดี
ขึ้นแล้ว นางเร่งรีบนําเอาวิญญาณยุทธ์กระจกออกมา ใช้ส่องมอง และทํา
การคัดลอกวิญญาณยุทธ์ยักษ์เข้าสู่กระจก นาง
“ดี ข้าจะได้ขัดเกลามันลงคอนราชันยักษ์วิญญาณ!” ฉินหยุน อุทานยินดี
ขณะเก็บวิญญาณยุทธ์ดังกล่าวเอาไว้ภายในไข่มุก ผนึกวิญญาณ
“พี่ชาย นี่ท่านได้เรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณแล้ว น่าฟัง นัก!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยเอนกายพิงแผ่นหลังของฉินหยุนขณะ หัวเราะคิกคักยินดี นาง
“เย่ว์เหม่ย วิญญาณยุทธ์นี้คือ?” ฉินหยุนไม่ทราบว่า จักรพรรดินีเทียน
เชี่ยวครอบครองวิญญาณยุทธ์ใดจึงเร่งร้อน เอ่ยถาม
“เป็นวิญญาณยุทธ์ยักษ์ระดับแพลทินัม!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้ อาการดี
ขึ้นแล้ว นางเร่งรีบนําเอาวิญญาณยุทธ์กระจกออกมา ใช้ส่องมอง และทํา
การคัดลอกวิญญาณยุทธ์ยักษ์เข้าสู่กระจก นาง
“ดี ข้าจะได้ขัดเกลามันลงคอนราชันยักษ์วิญญาณ!” ฉินหยุน อุทานยินดี
ขณะเก็บวิญญาณยุทธ์ดังกล่าวเอาไว้ภายในไข่มุก ผนึกวิญญาณ
“พี่ชาย นี่ท่านได้เรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณแล้ว น่าฟัง นัก!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยเอนกายพิงแผ่นหลังของฉินหยุนขณะ หัวเราะคิกคักยินดี นาง
ตอนนี้ถึงขั้นลืมเลือนความเจ็บปวดที่ โดนจักรพรรดินีแห่งเทียนเชียว
ทรมานจนสิ้น หลังจากวิญญาณยุทธ์ถูกแยกออกจากร่างจักรพรรดินีแห่ง
เทียนเชี่ยว ความเจ็บปวดนี้มันมากพอทําให้คิดอยากตายเสีย ให้ได้
อย่างไรแล้วนางก็คือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า หากไร้ซึ่ง วิญญาณยุทธ์ ขุมพลัง
ภายในขั้นสูงของนางจะเริ่มกระจายตัว ออกทีละน้อย นี่ไม่ต่างอะไรกับผู้
พิการ
“เจ้ามันปีศาจชั่วช้า เจ้าต้องได้รับผลกรรม!” ใบหน้าของ จักรพรรดินีเทียน
เชี่ยวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้นาง ทําได้เพียงสบถก่นด่าต่อฉิน
หยุน เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก้าวเท้าเดินออก มันเหยียบย่ําที่ใบหน้าของ
จักรพรรดินีแห่งเทียนเชี่ยว ปากจิ้มลิ้มได้แค่นเสียงออก
“เจ้าสิ สารเลวตํ่าช้า ผู้ที่ต้องได้รับผลกรรมคือเจ้า มองดูด้วยตา ไม่ใช่ เจ้า
หรอกหรือที่รู้สึกว่านี่คือผลกรรมที่ย้อนกลับคืนสู่ตัวเจ้า เอง?”
ฉับพลันนั้นเอง ออร่าหนึ่งปรากฏ ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลัง เขา
เร่งรีบปลิดชีพ จักรพรรดินีเทียนเชี่ยวและโยนร่างของนางเก็บไว้ในมิติเก็บ
ของ!อย่างรวดเร็ว เขาแบกเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไว้บนหลังขณะทะยาน ออกนอก
หน้าต่าง หลบเลี่ยงอาคมและกับดักขณะเร่งร้อนออก จากลานแห่งสวรรค์
“ยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋ามาแล้ว!” ฉินหยุนตระหนก
ภายในพระราชวังหลวงเทียนฉิน ย่อมต้องมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋า นอกจากนี้
ออร่าดังกล่าวยังทําให้เขาคุ้นเคยยิ่ง “บิดาของจักรพรรดินี!” อย่าง
กะทันหัน เขานึกถึงคนบิดาของ จักรพรรดินีเย่ อีกฝ่ายเป็นผู้นําตระกูลเย่
นามว่าเย่ฉางเฉ่า! ตระกูลเย่ของจักรพรรดินี่เยู่ทรงอํานาจ พี่ชายของ
จักรพรรดินี แม่ทัพเยฉิงเฟิ งคือขีดสุดของกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า อีกเพียง
ก้าวเดียวเขาจะก้าวสู่วรยุทธ์เต๋า หากอีกฝ่ายไม่โดนฉินหยุน สังหารไป
ก่อน เขานั้นคงก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าไปแล้ว ส่วนบิดาของจักรพรรดินี
เย่ เขาเก็บตัวเพื่อก้าวสู่วรยุทธ์เต๋า เนิ่นนานแล้วเพื่อคิดกุมอํานาจแห่ง
จักรพรรดิ และตอนนี้ เขาก็ ทําสําเร็จแล้วด้วย! เมื่อเย่ฉางเฉ่ามาถึงลาน
แห่งสวรรค์ เขาได้เห็นถึงความวุ่นวาย และเศษที่หลงเหลือของผงเขย่า
วิญญาณ ดวงตานั้นหลับลง ขณะใช้ประสาทรับรู้ ไม่ช้า เขาไล่ตามไปยัง
ทิศทางที่ฉินหยุน หลบหนี
ด้วยความเป็นคนระวังตัว เขาได้หว่านโปรยผงพิเศษที่ขัดเกลา ขึ้นไว้ใน
ลานกว้าง ตั้งแต่เข้ามา ฉินหยุนก็วิ่งเข้าไปพร้อมโดนผงกลิ่นอ่อนจางติด
ตัวโดยเขาไม่รู้ หลังออกจากลาน มันก็ยังคงมีหลงเหลืออยู่ ด้วย เหตุนี้เขา
จึงโดนเยฉางเฉ่าสะกดรอยตามมาได้ ด้วยกลิ่นอ่อนจางยิ่ง จึงจําเป็นต้อง
ใช้เวลาสักพักเพื่อค้นหา เขาพบว่ามันเป็นเรื่องแปลกยิ่ง เพราะหลังสะกด
รอยเส้นทางที่ ฉินหยุนใช้ เขาตระหนักได้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้นําออกไปยัง
นอก พระราชวังต้องห้าม แต่เป็นด้านในของพระราชวังต้องห้าม
ตอนที่ 184 หอกราชามังกร
ฉินหยุนแบกเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไว้ขณะวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าผ่าน เส้นทางมืด
มิดของพระราชวังต้องห้าม เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพบว่าแปลกยิ่ง ฉินหยุนไม่ได้มุ่ง
หน้าออกจาก พระราชวังต้องห้าม กลับกัน เขาเอาแต่วิ่งอยู่ภายในตัว
พระราชวัง แต่ขณะที่นางคิดเอ่ยถาม ฉินหยุนก็เข้ามาในห้อง เก็บของแล้ว
ฉินหยุนพาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้าห้องเก็บของ พร้อมใช้พลังจิตยก กระเบื้อง
หินหนาขึ้นจากพื้น เขากระโดดลงสู่เส้นทางลับ
“เส้นทางลับ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอุทานตื่นตกใจ
ฉินหยุนใช้พลังจิตเคลื่อนแผ่นหินด้านบนปิดปากทางเข้า เส้นทางลับเอาไว้
จากนั้นเขาจึงเร่งรีบวิ่งผ่านเส้นทางลับเพื่อไป จากที่นี่ เขาวิ่งอยู่พักหนึ่ง
ก่อนจะสัมผัสได้ถึงออร่าน่าสะพรึงของเยฉาง เน่าที่มาจากทางด้านหลัง
ยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋กําลังโกรธแค้น จิตสังหารรุนแรงปรากฏ จากร่างกาย
เป็นคลื่นพลังที่ชวนให้ผู้ที่ด้อยกว่ารู้สึกพรั่นพรึง ฉินหยุนเร่งความเร็วทั้งยัง
สบถ
“บัดซบ นี่มันหาตัวเราเจอได้ ยังไง?”
“ท่านยังมีผงเขย่าวิญญาณอยู่อีกหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็น กังวลนัก
หากยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋ไล่ตามทัน ทั้งสองคงไม่อาจ หลบหนีได้พ้น ฉิน
หยุนถอนหายใจกล่าวคํา
“ไม่มีแล้ว!” ตลอดมา เขาคิดว่าก้าวอัคคีเมฆาเพียงพอ แต่ตอนนี้เขาค่อย
ตระหนักได้ ว่าความเร็วของตนเองเชื่องช้านัก เขาได้แต่วิ่งราววินาทีละ
เจ็ดสิบถึงแปดสิบเมตร ทว่าบุคคลที่ไล่ตามด้านหลัง เพียงวินาที่สามารถ
ทะยานกายมาได้สองถึงสามร้อยเมตร
เส้นทางลับ! ฉินหยุนเร่งรีบหมอบลงกับพื้นโดยให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่
ด้านล่าง เขาใช้ร่างตนเองเพื่อปกป้องนาง!
วูบ! ราวลมพายุ บอลพลังภายในวูบผ่านมาทางเส้นทางแคบจนส่ง เสียง
ร้องหวีดหวิว ราวคมดาบนับไม่ถ้วนฟาดฟันเข้าใส่ร่างฉินหยุน ยังไม่จบ
เท่านั้น พลังภายในดังกล่าวนี้ยังมาพร้อม คุณลักษณะสายฟ้าอสนีบาต
มันแทรกซึมทั่วทั้งร่างของเขา สร้างอาการเจ็บปวดแก่เส้นโคจรและ
กล้ามเนื้อรุนแรง แผ่นหลังของฉินหยุนตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งยัง
เจ็บปวด ยิ่ง เขากัดฟันสะกดใจข่มไม่คิดร้องออกไป หากเขามีเวลา
มากกว่านี้เพียงนิด เขาจะสามารถออกไปพ้นจากเส้นทางลับ และช่วย
เชียวเย่ว์เหม่ยเอาไว้ได้
ฉินหยุนล้มนอนกับพื้น ศีรษะกําลังหันมองด้านหลังอย่าง ยากลําบาก เป็น
ชายชราร่างผอมบางสวมใส่ชุดสีทองกําลังใกล้ เข้ามา ดวงตาของชายชรา
วูบไหวราวสายฟ้า ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด หมัดนั้นกําลังกําเอาไว้แน่น
ร่องรอยประกายไฟฟ้ายังคงแลบ แปลบปลาบออกมาในเส้นทางมืดมิด
แห่งนี้ ชายชราผู้นี้คือผู้นําตระกูลเย่ เป็นบิดาของจักรพรรดินีเย่ เย่ฉาง
เฉ่า!
พอเย่ฉางเฉ่ามองที่ใบหน้าฉินหยุน เขาตระหนักได้โดยทันที นํ้าเสียงนี้
ตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “ฉินหยุน นี่เจ้ายังรอดมาได้ อีกหรือ? แล้วศพ
ของจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวอยู่ที่ใด?” ราวกับเขาทราบ ว่าจักรพรรดินีเทียน
เชี่ยวโดนเขาสังหารทิ้งไป แล้ว!
“นี่เจ้าไม่สงสัยหรือไรว่าข้าออกมาจากแดนต้องห้ามเทียนชี่ได้ อย่างไร?”
ฉินหยุนสงบใจเอ่ยถามด้วยนํ้าเสียงเฉยชา
เย่ฉางเฉ่าเผยดวงตาทอแสงวูบ ปากนั้นเอ่ยถาม “อสูรขัดเกลา วิญญาณ
ช่วยเจ้าเอาไว้? มันอยู่ที่ใดแล้ว? เจ้าเชี่ยวชาญวิชาขัด เกลาวิญญาณ
แล้ว?”
ฉินหยุนอดทนต่อความเจ็บปวดขณะลุกขึ้นยืนด้วยอาการสงบ
“ข้าเชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณแล้ว ตราบเท่าที่เจ้าสัญญา จะปล่อย
ข้าและเย่ว์เหม่ยไปอย่างปลอดภัย ข้าจะมอบวิชาขัด เกลาวิญญาณให้!”
เย่ฉางเน่าหัวเราะชั่วช้า
“ตอนนี้เจ้าเป็นลูกไก่ในกํามือข้า กระทั่งคิดกล้าต่อรองเงื่อนไขหรือ? เจ้าได้
ลงมือสังหาร จักรพรรดินีเทียนเชี่ยว รู้หรือไม่ว่านางเป็นอะไรสําหรับข้า?
นางคือน้องสาวข้า!”
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยตระหนก โดยเฉพาะกับเชียวเย่ว์ เหม่ย เหตุผล
ก็เพราะจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวใช้สกุลลู่ และ จักรวรรดิเทียนเชี่ยวก็มี
ตระกูลลู่ หรือก็คือ เรื่องนี้มีส่วน เกี่ยวพันกันระหว่างตระกูลเยีและตระกูล
ลู่!
ฉินหยุนสบถในใจ เครือญาติของชนชั้นขุนนางถึงขั้นวุ่นวายยุ่ง เหยิงเพียง
นี้ “เชี่ยวเย่ว์เหม่ยต้องอยู่ในมือพวกข้า มีเพียงนางตกอยู่ในกํามือ พี่สาว
นางจึงค่อยยอมเชื่อฟังแต่งงาน มีเพียงวิธีนั้นพวกเราจึง จะได้รับแผนที่
หลุมฝังเซียนจากนาง”
เย่ฉางเฉ่ายกมือขึ้นยิ้มเยาะกล่าวคํา “ฉินหยุน ย้อนกลับไปตอน นั้น ครั้งที่
แยกเส้นวิญญาณจากกายเจ้า ข้าไม่คิดเลยว่าเด็ก น้อยผู้นั้นจะเติบโตได้
ถึงขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเจ้าที่ใช้ ผงเขย่าวิญญาณสังหาร
น้องสาววรยุทธ์เต๋าของข้า!” เย่ฉางเน่าหัวเราะชั่วช้า ตอนนี้เขากําลัง
ควบแน่นพลังภายใน ชวนสะพรึงที่ปลายนิ้ว ทั้งร่างตอนนี้ถูกปกคลุม
เอาไว้ด้วย สายฟ้า แต่ขณะที่กําลังจะโจมตีออก เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็พลันเข้า
ไปขวาง ตรงหน้าฉินหยุน!
ฉินหยุนไม่คิดว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะลงมือรวดเร็วเพียงนี้ และนี่ก็ สายเกินไป
แล้วด้วยที่เขาจะไปหยุดนางไว้
แต่แล้ว ชั่วขณะนี้เอง หน้าอกของเยฉางเฉ่าพลันโดนเสียบทะลุ ด้วยหัว
มังกรทองคํา! ประกายไฟฟ้าตามร่างหายวับกับตา รอยยิ้มที่ใบหน้านั้น
“ข้าคือฉินหยุน องค์ชายลําดับที่ห้า ข้าไม่มีสิทธิ์กลับบ้านตัวเอง หรือ?” ฉิน
หยุนเอ่ยคําเสียงเย็น ด้วยนํ้าเสียงและสายตาที่มแทง เขามองทหารยาม
เหล่านั้นที่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่หก ทหารยามเหล่านี้
ย่อมต้องเคยพบฉินหยุน พวกเขากําลัง แตกตื่น พวกเขาไม่ทราบว่าควร
รับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี ขณะพวกเขาส่งคนเข้าไปรายงานข่าวคราว ฉิน
หยุนก็ควบคุม หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินพุ่งตรงเข้าไปยังโถงกลางแล้ว เสียงดัง
มาจากภายในโถง ภายในคือผู้ฝึกตนทรงพลังอํานาจ และได้รับความนับ
ถือกันทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ ต้วนเฉียนได้บอกต่อเขาแล้วว่าจะมีคนราวสอง
หรือ สามพันคนเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองพิธีแต่งงาน
โถงหลักของพระราชวังหลวงเทียนฉินใหญ่โตยิ่ง มันทั้งยาว และกว้างกว่า
หลายร้อยเมตร มันเพียงพอที่จะจุคนจํานวน มหาศาลเอาไว้ได้ อย่าง
กะทันหัน คนผู้หนึ่งพลันวิ่งเข้ามาในโถงที่จอแจและ ตะโกนขึ้น
“ฉินหยุนอยู่ที่นี่ เขายังมีชีวิต!” น่าอัศจรรย์ ที่ทั้งโถงจัดเลี้ยงกลับกลายเป็น
เงียบกริบ!
ตอนที่ 186 ตราประทับเลือด
ประตูใหญ่ของโถงเปิดออกขณะหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินเดินเข้ามา ฉินหยุนคือ
ผู้ที่นั่งอยู่บนหลังของราชสีห์ เขากําลังมองไปยัง จักรพรรดินีเย่และฉินเจิ้ง
เฟิ ง , จักรพรรดินีและฉินเจิ้งเฟิง ทั้งสองสวมใส่ชุดงดงามขณะนั่งอยู่ ที่ตรง
ส่วนหัวของห้องโถง พวกเขาเห็นฉินหยุนตั้งแต่แรกเข้า ประตู
พวกเขาอดไม่อยู่จนต้องลุกขึ้นยืนเผยอาการแตกตื่น ฉินหยุนกวาดสายตา
มองผู้คนในโถง ที่แห่งนี้มีคนจํานวนมากที่ เขาคุ้นเคยด้วย หยางฉีเย่ว์สวม
ใส่ชุดสีนํ้าเงิน นางยังคงงดงามไร้ผู้ใดเทียบเช่น เคย เมื่อนางมองทางฉิน
หยุน นางถึงขึ้นลุกพรวดขึ้น ดวงตา งดงามของนางคู่นั้นเดิมที่เย็นเยือก
เสมอมา แต่แล้วตอนนี้ มัน กลับกลายเป็นอาการประหลาดใจอย่างไม่
อาจหาคําบรรยาย
ผู้คนที่นั่งร่วมโต๊ะกับนางล้วนสวมใส่ชุดสีนํ้าเงิน มีทั้งชายและ หญิง ผู้เยาว์
และผู้ชรา พวกเขาล้วนเป็นคนของตําหนัก ตะวันออกแห่งตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม เพิ่งเฟยหลิง เซี่ยอูเฟิง ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหรินต่างทราบ
ว่าฉัน หยุนยังรอดชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด ตู้ก่วย
และผู้อื่นไม่ทราบว่าฉินหยุนยังมีชีวิตรอด ถึงตอนนี้เอง พวกเขาพร้อมใจ
กันเผยความยินดีออก หลังจากฉินหยุนก้าวลงจากหลังราชสีห์ จักรพรรดินี
เย่และฉิน เจิ้งเฟิ งล้วนทะยานกายมาทางนี้
“ฉินหยุน นี่เจ้ามาทําอะไรที่นี่?” ดวงตาของจักรพรรดินีเย็น เยือกขณะ
ตะโกนอย่างไม่สนมารยาท ฉินหยุนเพียงยิ้มรับ
“ปีก่อน เป็นท่านบอกให้ข้าเข้าร่วมเอง นี่ ท่านหลงลืม? งานเลี้ยงเช่นนี้
ออกจะน่าเบื่อเกินไปหากไม่มีข้า! นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องเซี่ยวเย่ว์หลานและข้า
มีสัญญาหมั้นหมายต่อ กัน เพียงความจริงที่ว่าข้าคือองค์ชายลําดับที่ห้า
แห่งเทียนฉิน ก็เพียงพอให้ข้ามาที่นี่แล้ว!”
ฉินเจิ้งเฟิงสวมใส่ชุดคลุมมังกรทองคํา สีหน้าเย็นเยือก เมื่อเขา เห็นฉิน
หยุน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธแค้น สถานการณ์ตอนนี้ กลับกลายเป็น
สับสนและซับซ้อนขึ้นมา
“ฉินหยุน เจ้ามาเข้าร่วมงานพิธี จงอย่าได้ก่อปัญหาขึ้น!” ฉิน เจิ้งเฟิ งเผย
นํ้าเสียงคุกคาม แต่ความคิดนั้น แทบฆ่าฉินหยุนให้ ตายตกเสียแต่ตอนนี้
ด้วยซํ้า
“ดูชุดเจ้าสิ นี่เจ้าเป็นจักรพรรดิแล้วหรือ?” ฉินหยุนยิ้ม
“อีกไม่นาน!” ฉินเจิ้งเฟิงตอบกลับเย็นชา จักรพรรดินี่จ้องมองฉินหยุนอยู่
พัก นางค่อยเอ่ยเสียงเย็นเยือก
“จงรีบไปนั่งประจําที่ของเจ้า!” อย่างไรแล้ว ต่อหน้าผู้คนจํานวนมาก มัน
จะกลายเป็นพวกเขา ใจแคบอย่างยิ่งที่ไม่ให้ฉินหยุนเข้าร่วมงาน ฉินหยุน
เก็บราชสีห์สีเงินข้างกายที่ส่องประกายกลับคืน ด้วย รอยยิ้มสงบ เขาเดิน
เชื่องช้าไปยังโต๊ะของตู้ก่วยและนั่งลงข้าง เซี่ยอู่เฟิงและคณะ
จ้าวฉวนก็ร่วมโต๊ะนี้อยู่ด้วยเช่นกัน พระยาเยี่ยนผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้ากล่าว
คําเสียงดัง “ฉินหยุน เจ้า ถูกส่งเข้าแดนต้องห้าม และแดนต้องห้ามก็โดน
อุกกาบาต ทําลายล้างไปหลายวันหลังจากนั้น ข้าสงสัยนักว่าเจ้ารอดชีวิต
ได้อย่างไร? นอกจากนี้ ทั้งเจ้าและอสูรขัดเกลาวิญญาณล้วนอยู่ ด้วยกัน
ภายในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเจ้าสมควรได้เรียนรู้วิชา ขัดเกลาวิญญาณ
แล้ว” จ้าวฉวนยิ้มและกล่าว
“พระยาเยี่ยน หลังงานพิธีจบลง พวก เราค่อยหารือเรื่องนี้กันได้ วันนี้ยัง
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดคุยเรื่อง ทุกคนล้วนมองฉินหยุนอย่างตระหนก พวกเขา
ส่วนใหญ่ล้วน รู้สึกว่าฉินหยุนสมควรได้รับวิชาขัดเกลาวิญญาณแน่นอน
แล้ว สําหรับพวกเขา มันเป็นวิชาปีศาจที่น่าสะพรึงยิ่ง! ชื่อ กัดฟันกรอด
ขณะมองฉินหยุนแทบกินเลือดเนื้อ มีเพียง สมาชิกหลักของจักรวรรดิเทียน
ชี้เท่านั้นจึงทราบความจริงเรื่อง ของอสูรผู้นั้น
พวกเขาทราบว่าเฉียวรุ่ยเหวิ่นเป็นหญิงชราที่ดูแลผู้อื่นเป็น อย่างดี ดังนั้น
พวกเขาจึงมั่นใจว่าฉินหยุนต้องได้รับวิชาขัด เกลาวิญญาณจากเฉียวรุ่ยเห
วิ่นแน่แท้! ฉินหยุนมองไปยังโต๊ะตรงหน้า ผู้คนจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยว
ล้วนนั่งตรงนั้น เชี่ยวหยางหลงและจักรพรรดิก็ด้วย เมื่อเขามองไป เชี่ยว
เย่ว์หลานเองก็มองมาทางนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานวันนี้มัดผมหางม้าทั้งยังสวมใส่
ชุดรัดรูปสีนํ้าเงิน เครื่องแบบของนางเรียบง่าย เป็นผลให้ท่าทีของนาง
องอาจ สี หน้ายังคงเย็นเยือกเช่นเคย ร่องรอยความดื้อรั้นตอนนี้ปรากฏ
ในดวงตาเย็นเฉียบ
เป็นผลให้นางแผ่บรรยากาศเย็นเยือก ออกมา เมื่อเซี่ยวหยางหลงพบว่า
นางมองทางฉินหยุน เขาจึงส่งสายตา มองนางอย่างมีนัยยะ เป็นผลให้
นางต้องก้มหน้าลงเล็กน้อย ฉินหยุนไม่ได้มองที่เชี่ยวเย่ว์หลานอีก กลับกัน
เขาหันมองไป ทางหยางฉีเย่ว์ที่อีกโต๊ะ เขากระทั่งแลบลิ้นออกให้นาง เป็น
ผล ให้นางต้องเผยรอยยิ้มอ่อนจางออก ผู้คนล้วนทราบกันว่า
ตั้งแต่นางเข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม หาได้ยากยิ่ง ที่นางจะ
ยิ้ม แต่แล้ว เมื่อนางได้เห็นฉินหยุน นางกลับเผยซึ่ง รอยยิ้ม พอเชี่ยวหยาง
หลงเห็นฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์มองกันเอง เขา อดไม่ได้ที่จะเกิดโทสะ มือ
นั้นกําเอาไว้แน่นขณะจ้องมอง เหี้ยมโหดไปยังหยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์หาได้สนไม่ว่าเชี่ยวหยางลงจะมองเช่นไร นางเพียง มองแต่ฉิน
หยุน เรื่องนี้ยิ่งทําให้เชี่ยวหยางหลงโกรธแค้นมากขึ้น หากไม่ใช่ เพราะ
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาคงทะยานกายเข้าไป จัดการฉินหยุน เด็ก
น้อยที่เกี้ยวพาราสีคู่หมั้นของเขาต่อหน้า เช่นนี้ไปแล้ว ตอนนี้หลายคน
ล้วนให้ความสนใจฉินหยุน พวกเขาล้วนได้เห็น การเกี้ยวพาราสีระหว่าง
เขาและหยางฉีเย่ว์ ทั้งยังลอบชื่นชมใน ความกล้า กระทั่งทําให้โฉมงาม
ภูเขานํ้าแข็งอย่างหยางฉีเย่ว์ หัวเราะออกต่อหน้าเชี่ยวหยางหลงได้!
ตู้ก่วยกระแอมไอแห้งและกล่าว “เจ้าหนู งานพิธีวันนี้ไม่ง่ายดัง เจ้าคิดแน่!”
ฉินหยุนถอนสายตาจากหยางฉีเย่ว์อย่างอาวรณ์ก่อนมองไปยัง ตู้ก่วย เขา
กล่าว
“ท่านหมายความถึง?” มู่หรงต้าเหรินตอบกลับ
“เป็นเพราะชื่อ ต้องการแต่งกับเชี่ยว เย่ว์หลาน.... นอกจากชื่อ แล้ว ยังมี
หลานชายของจ้าวตําหนัก ทิศเหนือของตําหนักดวงดาว ยังมีบุตรชายคน
สุดท้องของจ้าว ตําหนักทิศใต้ และหลานชายของผู้อาวุโสใหญ่ของ
ตําหนัก ตะวันตกด้วย!” ฉินหยุนส่งผลกระทบต่อศิษย์ของตําหนักดวงดาว
วิญญาณสี ครามที่คิดตบแต่งกับเชี่ยวเย่ว์หลาน เมื่อเวลามาถึง พวกเขา
ต้องยื่นเสนอเงื่อนไขอลังการงานสร้างแน่! ในที่สุดฉินหยุนก็เข้าใจว่า
เพราะอะไรฉินเจิ้งเฟิงและ จักรพรรดินีถึงเผยสีหน้าน่าเกลียดทันทีเมื่อเขา
มาถึง พวกเขา ไม่คิดว่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นแล้วนั่นเอง
“แปลก เหตุใดจักรพรรดินีเทียนเชี่ยวไม่มาที่นี่? หรือเป็นเพราะ นาง
อัปลักษณ์จนเกินไปจึงไม่ต้องการออกที่สาธารณะ?” มู่ หรงต้าเหรินยิ้มตํ่า
ช้ากล่าวคํา จ้าวฉวนขมวดคิ้วกล่าวคํา
“เย่ฉางเฉ่าเองก็ไม่ปรากฏตัวที่นี่ บิดาของจักรพรรดินีเย่ ผู้นําตระกูลเย่ เขา
ถือเป็นผู้ทรงพลัง ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดในพระราชวังหลวงเทียนฉน
ด้วย ซํ้า!”
สองคนดังกล่าวถูกฉินหยุนสังหารไปแล้ว เพราะแบบนั้นจึงไม่ ปรากฏตัว
ร่วมงาน จักรพรรดินีและฉินเจิ้งเฟิงต่างเกิดความหนักอึ้งภายใน เป็น
เพราะเยฉางเฉ่าไม่ปรากฏตัว รวมทั้งเชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังหายตัว
โฮ่วฉิงเฟิงหัวเราะคิกคัก “เรื่องนี้ยิ่งมายิ่งน่าสนุกเข้าไปใหญ่!”
“น้องหยุน เจ้ามีแผนการแล้วหรือยัง?” เซี่ยอูเฟิ งเอ่ยถาม ฉินหยุนหยิบ
ตะเกียบขึ้นคู่หนึ่งเพื่อคว้าชิ้นเนื้อเข้าปาก เขา กล่าว “ยังไม่ใช่ตอนนี้ รอดู
เรื่องสนุกกันก่อนดีกว่า!”
นี่เป็นแผนการแต่แรกของเขาอยู่แล้วด้วย โดยสรุป เขาจะหาทางช่วยเหลือ
เชี่ยวเย่ว์หลานให้ดีที่สุดเพื่อ ตอบแทนที่นางมอบหญ้าหัวใจลึกลํ้าแก่เขา
พระยาเยี่ยนเดินมาทางด้านนี้ด้วยท่าทีอหังการ นํ้าเสียง กระจ่างชัดกล่าว
คํา
“ทุกคนล้วนทราบ ชื่อเสียงฉินหยุนป่นปี้ ตําแหน่งองค์ชายรัชทายาทถูก
เพิกถอน เรื่องนี้ส่งผลกระทบ รุนแรงต่อจักรวรรดิเทียนฉิน ครั้งเขายังเยาว์
ได้มีการหมั้น หมายเอาไว้กับองค์หญิงเย่ว์หลาน และเป็นเพราะชื่อเสียง
ของ เขาพังครืน องค์หญิงจึงกลายเป็นโดนผู้อื่นนินทาและทําให้ เกียรติ
ของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวหม่นหมอง”
“วันนี้ หลังการสนทนากันแล้ว จักรวรรดิเทียนเชี่ยวได้ตัดสินใจ ตบแต่ง
องค์หญิงเย่ว์หลานกับองค์ชายรัชทายาทเทียนฉิน ผู้ซึ่ง กําลังจะขึ้นครอง
บัลลังก์เป็นจักรพรรดิของพวกเรา ทุกคนล้วนทราบเรื่องนี้”
“วันนี้พวกเราจึงเชื้อเชิญแขกเหรื่อคนสําคัญเพื่อเป็นประจักษ์ พยานใน
งานพิธีสู่ขอ ระหว่างองค์หญิงเย่ว์หลานและองค์ชาย รัชทายาทเทียนฉิน!”
“ขอเรียนเชิญองค์หญิงเย่ว์หลานขึ้นมาเพื่อทําให้พิธีหมั้นหมาย เสร็จ
สมบูรณ์ด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานลุกขึ้นยืน นางมองฉินเจิ้งเฟิ งที่คิดพูดอะไร
นาง พลันกล่าวคําเย็นเยือกออก
“คู่หมั้นแต่แรกของข้าคือฉินหยุน นอกจากนี้พวกเรายังมีสัญญาหมั้น
หมายที่ลงนามจักรพรรดิ ของจักรวรรดิทั้งสองด้วยตราประทับเลือด! ข้า
เชื่อว่าทุกคน ควรรู้ว่าสิ่งนั้นหมายถึงอะไร!”
คํากล่าวนี้ทําเอาทั้งโถงหลักระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้น! ทุกคนที่นี่ต่างคิดว่า
การหมั้นหมายในปีนั้น เป็นแค่การพูดคุยตก ลงกัน ใครกันจะคิดว่าถึงขั้น
มีสัญญาตราประทับเลือด!? ตราประทับเลือด คือสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์
อย่างถึงที่สุด หากฝ่าย หนึ่งไม่เติมเต็มคําสัญญา ไม่ใช่เพียงแต่บุคคลผู้นั้น
เสื่อมเสียเกียรติ แต่ยังจะมีการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของทุก
จักรวรรดิเก็บไว้นานนับพันปี
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นการประทับตราของราชวงศ์ หากมันถูก บันทึกใน
ประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงของทั้งจักรวรรดิได้กลายเป็นมี มลทินแล้ว ทุกคน
ล้วนทันควับมองยังจักรพรรดิเทียนเชี่ยว เชี่ยวหลงเฉิน เขาเป็นซายร่าง
ผอมสูง ด้วยริ้วรอยที่มุมดวงตา ทั้งยังมีหนวด เคราที่ใบหน้า คิ้วนั้นเรียวดัง
เล่มดาบ เขาดูค่อนข้างเหมือน ปราชญ์ผู้หนึ่ง หาได้มีออร่าอันใดของ
จักรพรรดิไม่ ดวงตานั้นพร่าเลือน จิตวิญญาณของเขาไม่คล้ายมีสภาพที่ดี
นัก เขาพยักหน้ารับและกล่าว
“เป็นเช่นนั้น ย้อนกลับไป เราใช้ ตราประทับเลือดลงนามสัญญานั่น!”
เสมือนอย่างฉินหลง เชี่ยวหลงเฉินผู้นี้หาได้เรียกแทนตัวว่า ข้า เมื่อฝูงชน
ได้ยินคํากล่าวนี้ พวกเขาอึ้งซึ่งกันอีกครั้ง
“เสด็จพ่อ... เรื่องนี้สําคัญยิ่ง เหตุใดท่านไม่พูดให้เร็วกว่านี้?” ใบหน้าของ
เซี่ยวหยางหลงชัดเจนว่าหนักอึ้ง นํ้าเสียงนี้ตําหนิ อีกฝ่ายอย่างชัดเจน “เรา
หลงลืม!” คําพูดของเชี่ยวหลงเฉินทําเอาผู้คนล้วนสติหลุด พวกเขาไม่
ทราบว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีแล้ว ตอนนี้ ทุกคนล้วนเชื่อในข่าวลือ ว่า
จักรพรรดิเทียนเซี่ยวมี อาการทางจิตไม่ค่อยดีนัก มันถือเป็นเรื่องจริง
พระยาเยี่ยนเร่งร้อนเอ่ยคํา “ข้าเคยได้ยินนานมาแล้ว ว่าเป็น เพราะความ
ผิดพลาดระหว่างการฝึกตนจึงส่งผลกระทบต่อจิต และวิญญาณของ
จักรพรรดิเทียนเชี่ยว ความทรงจําค่อนข้าง สับสน พวกเราต้องได้เห็น
สัญญาหมั้นหมายดังกล่าวก่อนจึง มั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องจริง และเรื่องนี้
เกิดขึ้นอย่างน้อยก็สิบปี ก่อน!”
“นี่เป็นเรื่องที่จักรพรรดิและอดีตจักรพรรดินีกระทํา สัญญา ดังกล่าวควร
อยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเรา ใครกัน จะส่งมอบแก่พวกเราที่
เป็นเพียงข้าราชบริพาร อย่าได้คิดหา ความจริงในเรื่องนี้จากพวกเราแล้ว”
“องค์หญิงเย่ว์หลาน ท่านจดจําอันใดผิดหรือไม่? เรื่องนี้สมควร เป็น
มารดาท่านกระทํา กระทั่งท่านก็ไม่น่ามั่นใจว่าเป็นความ จริงหรือไม่!”
เชี่ยวหยางหลงเอ่ยคําโดยทันที
“สมควรเป็นเช่นนั้น! เย่ว์หลาน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจเรื่องเย่ว์เหม่ย แต่
อย่าได้สร้างความวุ่นวาย ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่!” ฉินหยุนจ้องมองผู้ก่วย
เขาพยักหน้า หรือก็คือ จักรพรรดิเทียน เชี่ยวอยู่ในการควบคุมของผู้อื่น
หากไม่แล้ว บุคคลที่ลุกขึ้นมา กล่าวต้องไม่ใช่เชี่ยวหยางหลงที่เป็นเพียงรัช
ทายาทอย่าง แน่นอน เชี่ยวเย่ว์หลานหันมองทางฉินหยุนและตะโกนขึ้น
“ฉินหยุน สัญญาหมั้นหมายนั้นอยู่ในมือเจ้าใช่หรือไม่?” ฉินหยุนที่กําลัง
กินอาหารเต็มปากพลันรับคํา “ใช่!”
พอทุกคนได้เห็นภาพลักษณ์ของเขาตอนนี้ พวกเขาล้วนขมวด คิ้วและส่าย
หน้า พวกเขาล้วนคิดว่าเป็นเรื่องฉลาดยิ่งแล้วที่ จักรวรรดิเทียนเชี่ยว
ตัดสินใจแต่งเชี่ยวเย่ว์หลานให้กับฉินเจิ้ง เฟิ ง
“จงรีบเร่งนํามันออกมา!” เชี่ยวเย่ว์หลานตะโกนรําคาญ นาง เองก็ขมวด
คิ้ว ฉินหยุนยังเอาแต่กินและดื่มทั้งที่อยู่ในช่วงเวลา สําคัญ ฉินหยุดนําผ้า
ปาดเช็ดคราบนํ้ามันที่ปากขณะนําเอา แผ่นกระดาษสีเหลืองออกมา มันมี
ตราประทับขนาดใหญ่สอง ตรากําลังส่องแสงสีแดงทองคําสว่างไสวอยู่
“นี่เป็นตราประทับเลือดของจักรพรรดิแห่งเทียนเชี่ยวและ เทียนฉิน
ลายเซ็นนี้ยังเหมือนกับที่ตําหนักจารึกเทวะบันทึก เอาไว้ด้วย!” จ้าวฉวน
กล่าว “และยิ่งไปกว่านั้น ตราประทับ ของเทียนเชี่ยวยังสว่างไสวที่สุด
หมายความว่าจักรพรรดิเทียน เชี่ยวอยู่ใกล้ที่นี่”
จ้าวฉวนคือผู้อาวุโสใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะ เขามีตราเลือด ของทุก
ประเทศเก็บเอาไว้เทียบ ดังนั้นจึงย่อมต้องมีการเก็บ บันทึกตราผนึกเลือด
ของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเอาไว้ เมื่อเชียวหยางหลง พระยาเยี่ยน
จักรพรรดินี และฉินเจิ้งเฟิ งได้ เห็นตัวสัญญา พวกเขาอดไม่ได้จนต้องกัด
ฟันดังกรอด ผู้อื่นที่อยากตบแต่งกับเชี่ยวเย่ว์หลาน และกองกําลังที่หนุน
หลังพวกเขา ได้ทราบว่าเรื่องราวนี้เกิดปัญหาขึ้นแทรกแล้ว เป็นเพราะ
สัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจทําลาย หากพวกเขาคิด ฝืนทําลายสัญญา
ดังกล่าว พวกเขาจะกลายเป็นที่อับอายของ ชนรุ่นหลังไปนับพันปี อย่าง
น้อย นางตอนนี้ก็ไม่ต้องแต่งกับฉินเจิ้งเฟิง ฉินเจิ้งเฟิ งโกรธรุนแรงขณะกํา
หมัดแน่น ขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสจากตําหนักตะวันตกจึงเอ่ยคําขึ้น
“ตราบ เท่าที่เผาหนังสือสัญญา สัญญานั่นก็เป็นโมฆะ! ฉินหยุน พลัง ธาตุ
ของเจ้าแตกสลาย ทั้งยังขาดเส้นวิญญาณ แม้เจ้า ครอบครองผังวิญญาณ
ระดับสูงจํานวนหนึ่ง พวกมันก็ยังไม่ ช่วยให้เจ้าพ้นจากสภาพน่าสังเวชได้
เหตุใดเจ้าไม่ขายสัญญา นั่นแก่ข้าเสียเล่า?”
ตอนที่ 187 ประมูล
เชี่ยวหยางหลงเผยสีหน้ายินดี ปากเอ่ยคํา “หากผู้อาวุโสลั่วสามารถซื้อ
สัญญาดังกล่าว จักรวรรดิเทียนเชี่ยวของเรายินดี หารือเรื่องการเปลี่ยน
การแต่งงานกับท่าน! ให้เย่ว์หลาน แต่งงานกับหลานชายของท่านผู้อาวุโส
ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม นัก”
ฉินเจิ้งเฟิงและจักรพรรดินีพลันมองเชี่ยวหยางหลงด้วยสายตา เย็นเยือก
ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงพริบตาเดียว เชี่ยวหยางหลงจะ ตัดสินใจขายเตี๋ยว
เย่ว์หลานแก่หลานชายของผู้อาวุโสใหญ่ของ ตําหนักตะวันตก
“หากสําเร็จจริง เช่นนั้นสินสอดที่พวกเรามอบให้จะไม่ถือว่า ขาดแคลน
อย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสคั่วลูบหนวดเคราสีขาวยาว ของตนขณะหัวเราะ
กล่าวได้ว่านี่เป็นการใช้สินสอดเพื่อซื้อตัวเชียวเย่ว์หลานไป แต่งงาน! ผู้
อาวุโสลั่วหันมองฉินหยุนและเอ่ยคํา
“ฉินหยุน กระทั่งว่าเจ้า แต่งงานกับเชี่ยวเย่ว์หลาน นางก็คงไม่ยินดีนัก
นอกจากนี้ เจ้า ยังไม่มีพลังเพื่อควบคุมนางด้วยซํ้า!” ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์
หลานพลันเย็นเยือกหาใดเปรียบ นางโกรธ ขณะจดจ้องผู้อาวุโสลั่วที่โต๊ะ
จิตสังหารของนางระเบิดออกเป็น ผลให้ทุกคนที่นี่ล้วนสะท้าน ทุกคนใน
โถงใหญ่แห่งนี้ลอบตะลึง เชี่ยวเย่ว์หลาน หญิงสาว อายุน้อย กลับมีจิต
สังหารรุนแรงได้เพียงนี้ บรรดาชนชั้นสูงซึ่งเข้าร่วมงานต่างรู้แล้วว่าวันนี้
ไม่ใช่จบ โดยง่าย นอกจากนี้ ฉินหยุนเองก็มา พวกเขารู้สึกว่าอีกไม่นาน
ที่นี่จะต้องมีเรื่องบันเทิงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ฉินหยุน เจ้าคิดขายสัญญานั่นหรือไม่?” แม้ว่าผู้อาวุโสลั่วรู้สึก ได้ถึงจิต
สังหารของเชี่ยวเย่ว์หลาน แต่เขาหาได้สนใจไม่ ฉินหยุนตอบกลับเสียงดัง
“ไม่ขาย!” ผู้อาวุโสลัวยิ้ม
“ห้าสิบล้านเหรียญผลึก!” ฉินหยุนตอบ
“ข้าไม่ขาย!” ผู้อาวุโสคั่วกล่าวต่อ “เจ็ดสิบล้านเหรียญผลึก!” ทุกคนล้วน
อึ้ง ตําหนักตะวันตกถึงขั้นรํ่ารวยเพียงนี้ คําเจ็ดสิบ ล้านออกจากปากยังไม่
กระพริบตาด้วยซํ้า เมื่อเชียวเย่ว์หลานได้เห็นว่าฉินหยุนไม่ยอม นางค่อยมี
สีหน้าดีขึ้นบ้าง
เซี่ยอูเฟิงและคณะต่างทราบ ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานมี สัมพันธ์ที่ดี
ต่อกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าน้องชายของพวกตน จะต้องไม่ขายออก
อย่างแน่นอน มู่หรงต้าเหรินพลันเอ่ยคํา “ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานต่างก็
ไป ด้วยกันได้ดี น้องหยุน หากเจ้าได้ตบแต่งกับสองพี่น้องสวรรค์ ประทาน
เช่นนี้ มันแทบไม่อาจนับราคาได้! หากเป็นข้า เสนอ อย่างไรก็ไม่ขาย
แน่นอน!”
เชี่ยวเย่ว์หลานจ้องมองโกรธเคืองไปยังมู่หรงต้าเหริน นางคิด อยากตบ
ปากอีกฝ่ายสักสองสามครั้ง ใบหน้าของนางตอนนี้ยิ่ง ดํามืด เมื่อฝูงชนได้
ยินดังนี้ พวกเขาล้วนอดไม่ได้ที่จะคิดเลยเถิด พวก เขาต่างคิดว่าสองพี่
น้องล้วนยอดเยี่ยม เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยว เย่ว์หลาน หากอยู่ร่วมกับฉิน
หยุน มันจะกลายเป็นสิ่งที่ต่อให้ เอาเหรียญผลึกมากมายเพียงใดมาก็
แลกเปลี่ยนไม่ได้ เชี่ยวหยางหลงจ้องมองมู่หรงต้าเหรินด้วยจิตสังหาร
รุนแรง ทว่ามู่หรงต้าเหรินกลับเพียงหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวต่อ
“พลังภายในถูกทําลายแล้วยังไง? เส้นวิญญาณน้อยแล้วยังไง? ฉินหยุน
ได้รับความรักจากหญิงสาวทั้งสอง เรื่องนี้ยิ่งกว่า สวรรค์ประทานของขวัญ
ด้วยซํ้า!”
“หุบปาก!” เซี่ยวหยางหลงคํารามลั่น
เพิ่งเฟยหลิงยิ้มหวานและกล่าว “ข้าเป็นกังวลนัก เกรงว่า ร่างกายน้อง
หยุนจะรับไม่ไหว กล่าวไปแล้ว เขากระทั่งมอบ สร้อยข้อมือมิติเก็บของลํ้า
ค่าแก่ข้าโดยไม่หวังผลประโยชน์ เขา คงไม่ขาดแคลนเหรียญผลึกหรอก!”
สร้อยข้อมือมิติเก็บของถูกมอบให้ตามใจชอบ บุคคลเช่นนี้ สมควรไม่ขาด
แคลนเหรียญผลึกแน่แท้ หญิงสาวหลายคนต่าง มองเพิ่งเฟยหลิงด้วย
อาการริษยายิ่ง ฉินหยุนคืออาจารย์จารึก ผู้ซึ่งสามารถขัดเกลาอุปกรณ์
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น