112 พลังธาตุแปรเป็นดาบ
ที่ข้างนํ้าพุวิญญาณ
มีร่างของแรดเกราะหยกกําลังนอนหลับอยู่ ฉินหยุน
ไปตักนํ้ามาหลายต่อหลายครั้งมันก็ยังไม่ตื่น
สร้อยข้อมือที่เขาหลอมขึ้นใน
ครั้งนี้ นับว่าเร็วกว่าชิ้นงานก่อน
หน้าร่วมสองชั่วโมง
“การแกะสลักผังวิญญาณบนวัตถุขนาดเล็กเป็นเรื่องยากมาก
ต้อง
ระมัดระวังและเป็นไปช้า ๆ”
สร้อยข้อมือวงที่สองซึ่งฉินหยุนกําลังถืออยู่ได้
ถูกหลอมขึ้นเพื่อ
น้องสาวของเขาอย่างที่เม่ยเหลียน ถัดจากนั้น เขาจึงเริ่ม
หลอมอุปกรณ์วิญญาณให้กับเซี่ยอูเฟิ ง
และอีกสองคนที่เหลือ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ฉินหยุนได้ร่วมศึกกับสหายทั้งสามหลาย ครั้งครา
เขารู้สึกว่าตนสามารถเชื่อใจพวกเขาว่าเป็นสหายที่
สนิทสนมด้วยแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกไปถามฮั่วจงและอีกสองคนเรื่องเข็มขัดมิติ
เก็บของ
เพราะพวกเขาคิดว่าใช้งานมันเป็นเข็มขัดน่าจะ
สะดวกกว่า ทั้งนี้เข็มขัดยัง
นับว่าเป็นระดับสูงแล้ว แน่นอนว่า
สําหรับพวกเขา การมีกระเป๋ ามิติเก็บ
ของเรียบง่าย ก็นับว่าดีไม่น้อยแล้ว
เข็มขัดมีขนาดใหญ่กว่าสร้อยข้อมือ
ดังนั้นฉินหยุนจึงสามารถ
หลอมมันได้รวดเร็วกว่าและง่ายดายกว่า ใช้
เวลาเพียงไม่กี่วันก็ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“พี่ชายทั้งสาม หยดเลือดพวกท่านและลองสํารวจดู!”
ฉินหยุน ยิ้มกว้าง
ขณะส่งเข็มขัดสีดําสามเส้นให้ทั้งสามคน
เข็มขัดพวกนี้หลอมขึ้นโดยเหล็ก
วิญญาณ หลังผ่าน กระบวนการพิเศษ
มันจึงมีความยืดหยุ่นและไม่ง่าย
เกิดความ เสียหาย
เซี่ยอูเฟิ งไม่รับ กลับกัน เขาถามออกมา “นี่นับเป็นกี่เหรียญ
ผลึก?”
ฉินหยุนฉีกยิ้มกว้าง
“ทําไมพวกท่านมากมารยาทต่อข้าขนาดนี้ กันเล่า?
ข้ายังต้องอยู่กับพวกท่านในสถาบันซานเสวียนในภาย
หน้าอีกนะ ต้อง
รบกวนฝากเนื้อฝากตัวด้วยแล้ว!” ฮั่วจงขมวดคิ้ว
“เหตุใดเจ้าไม่ต้องการเหรียญผลึก? อุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของที่มี
รูปลักษณ์เป็นเข็มขัดนับว่าประเมิน
ราคาแทบไม่ได้! ตัวข้ามีอยู่ราวห้า
แสนเหรียญผลึก ดังนั้นให้ ข้ามอบต่อเจ้า
ในภายหน้าข้าจะหามามากกว่า
นี้เพื่อจ่ายเพิ่ม”
ยิ่งกับฮั่วจงที่เป็นคนสัตย์ซื่อ เขาไม่กล้ารับโดยเปล่า
กระทั่งคน
อย่างมู่หรงต้าเหรินยังมอบห้าแสนเหรียญผลึกแก่ฉินหยุน เซี่ยอู
เฟิ งค่อนข้างมีเหรียญผลึกไม่น้อย
เขามีในครอบครองมาก ถึงแปดแสน
เหรียญผลึกด้วยกัน หลังรับไปและหยดเลือดที่เข็ม
ขัด เขาแทบอุทาน
“น้องหยุน ฝีมือการหลอมของเจ้าช่าง วิเศษ!
เอาเช่นนี้ หลังพวกเรา
กลับไป
แต้มเสวียนทั้งหมดที่พวกเราได้รับจะเป็นของเจ้าทั้งหมด หากครั้ง
นี้ไม่ได้เจ้า พวกเราคง
ไม่ได้รับผลการเก็บเกี่ยวมหาศาลเพียงนี้แน่” ฮั่วจง
และมู่หรงต้าเหรินต่างก็ยิ้มและพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
เช่นกัน พวกเขา
เหล่านี้ยินดียิ่ง ที่ในที่สุดก็ได้ครอบครองอุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของเป็น
ของส่วนตัว
โดยเฉพาะกับฮั่วจง
เขาสามารถนําไม้คทายาวของตัวเองเก็บ ไว้ได้ กระทั่ง
นํ้ามันเข้าออกคล้ายเด็กเพิ่งได้ของเล่นหลายต่อ
หลายครั้ง
“ในที่สุดข้าก็สามารถนําไม้คทาลํ้าค่านี้ไปกับข้าได้ทุกที่!”
ฮั่วจง ยิ้มกล่าว
เซี่ยอู่เฟิ งก็ยิ้มเช่นกัน
ไม่ช้าเขาเริ่มทําการรวบรวมร่างของสัตว์ ร้ายที่ก่อน
หน้านี้ไม่สามารถเก็บกลับไปได้
“น้องหยุน เมื่อใดที่ข้ามีเหรียญผลึกมากพอ
ข้าจะมาขอให้เจ้า ช่วย
ปรับแต่งอุปกรณ์วิญญาณเฉพาะตัว!”
มู่หรงต้าเหรินยิ้ม กว้างกล่าวคํา
“เจ้าหนูนี้ ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เลยด้วยซํ้าแต่ถึงขั้นสามารถหลอมอุปกรณ์
วิญญาณ ด้วยความสามารถระดับนี้
หากได้แต่งงานกับเชี่ยวเย่ว์หลาน
นับว่าสมควรแล้ว หากเจ้าไป
ยังสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เจ้าคงได้เนื้อหอม
ในบรรดาสาวงาม มากพรสวรรค์ภายในนั้นแน่”
เซี่ยอู่เฟิ งภายนอกดูสงบ
ทว่าในใจของเขาแทบไม่อาจรักษา ความสงบ
เอาไว้ได้ กระทั่งแตกตื่นด้วยซํ้า
นี่เพราะอุปกรณ์ วิญญาณที่ฉินหยุนหลอม
ขึ้นมันดีจนเกินไป เขากระทั่งสามารถ
เทียบได้กับบรรดายอดฝีมือในสาย
งานนี้ด้วยซํ้า บนเส้นทางการหลอมและจารึก
หลายต่อหลายคนยังยากที่
จะ ทําได้ถึงระดับที่ฉินหยุนสามารถทําได้ในตอนนี้
กระทั่งว่าพวก เขาอาจ
ต้องใช้เวลากันชั่วชีวิตกว่าจะถึงระดับนี้
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านไม่มีอาวุธหรือ? ข้ารู้สึกว่า
ดาบพลังปราณที่อัดแน่นด้วย
กําลังภายในของท่านค่อนข้าง แข็งแกร่ง
ต้องการให้ข้าช่วยขัดเกลาดาบ
สักเล่มหรือไม่?” เซี่ยอู่เฟิ
งยิ้มและส่ายหน้าให้ เขาพูดขึ้น
“เป็นข้าหมกหมุ่นกับ เส้นทางดาบจนเกินไป
หลังฝึกฝนเคล็ดวิชาดาบ
จนถึงขั้นสมบูรณ์
ข้าก็ควบแน่นพลังจนเกิดขึ้นเป็นวิญญาณยุทธ์ดาบ และ
ในภายหลังข้าค่อยผสานรวมพลังภายในและวิญญาณยุทธ์
เข้าด้วยกัน
จนเกิดขึ้นเป็นดาบชีวิต! หากไม่จําเป็น
ข้าก็ไม่คิด ใช้ดาบพวกนี้!”
พลังธาตุควบแน่นจนเกิดเป็นดาบ
เป็นอุปกรณ์ชีวิต!
เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุนเกิดความอัศจรรย์ใจ
“เส้นทางของวิชา
ยุทธ์ที่แท้จริงเปี่ยมไปด้วยความประหลาดมากมาย จน
สามารถ เกิดอะไรขึ้นก็ล้วนเป็นไปได้!” อย่างกะทันหัน
เสียงร้องพลันดัง
จากส่วนลึกในถํ้าแรดเกราะ
หยกในที่สุดก็ตื่นขึ้นหลังหลับไปหลายวัน ใน
ที่สุดมันก็กลับมา เคลื่อนไหวได้อีกครั้งแล้ว
เซี่ยอู่เฟิ งกล่าว
“นํ้าพุวิญญาณแทบเดือดแห้ง
ส่วนสุดท้ายน่าจะเป็นพลังให้แรดเกราะ
หยกได้ดูดกลืนเข้าไป ไปกันเถอะ บาดแผลของมันก็ถูกรักษาโดยสมบูรณ์
แล้ว ไม่น่ามีอะไรให้ พวกเราเป็นห่วงอีก”
ฉินหยุนพยักหน้า
และขณะที่เขากําลังจะจากไปนั้นเอง เขา พลันโดน
ล้อมรอบด้วยเสียงสายลมหอบ
เสียงนี้ยิ่งมายิ่งดัง สี หน้าของเขาถึงกับ
แปรเปลี่ยนขณะเร่งร้อนพูดขึ้น
“ฝูงสัตว์ ร้าย!” พวกเขาทั้งสี่ล้วนสัมผัสถึงเสียงสัตว์ร้ายกําลังใกล้เข้ามา!
“ไม่ใช่ว่ามังกรดําวารีตัวนั้นเป็นผู้นําของสัตว์ร้ายหรือยังไงกัน?
หรือยังมี
สัตว์ร้ายอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง
นี้ในเทือกเขาเมฆมังกรมีพวก มันอยู่ที่กลุ่มกัน!”
มู่หรงต้าเหรินยืนตรงหน้าทางเข้าถํ้า
เตรียมพร้อมต่อสู้ เซี่ยอู่เฟิ งยังคงสงบ
ขณะเตรียมตัว สายตาของเขาจ้องมองไปใน ป่
าก่อนกล่าวคําขึ้น
“ตราบเท่าที่พวกเราไม่ได้เผชิญหน้ากับ
ระดับหัวหน้าอย่างมังกรดําวารี
พวกเราก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
ด้วยพละกําลังของพวกเราสี่คน สมควร
รับมือกับสัตว์ร้ายได้นับ ร้อยตัว” ฮั่วจงเป็นคนแรกที่พุ่งทะยานกายออก
ฉินหยุนตามติดไป ด้านหลังขณะเซี่ยอู่เฟิ
งบินลัดเหนือขึ้นไปบนฟ้า
มู่หรงต้าเหรินรับหน้าที่เฝ้าปากทางเข้าถํ้า
ระหว่างนี้เขาจะคอย ช่วย
ประสานกับฉินหยุนและพรรคพวก
เขาจะคอยกันสัตว์ร้าย ไม่ให้เข้าไป
รบกวนแรดที่อยู่ในถํ้าฮั่วจงออกนํ้าเป็นแนวหน้า
เขากลับเป็นฝ่ายแรกที่
โดนโจมตีโดย สัตว์ร้าย
เป็นคางคกตัวหนึ่งร่างใหญ่ราววัว ทั้งร่างปกคลุม
ด้วย สีดําชวนขนลุกเต็มร่าง
“น้องฮั่ว คางคกนั่นมีพิษ!” พอเซียอี้เฟิ งเห็น
เขาเร่งร้อนโบก มือปล่อย
กระแสพลังปราณออกไปราวพายุ มันพัดพาร่าง
คางคกพิษตัวนั้นลอยลิ่ว
ปะทะกับท่อนไม้
“อย่าเข้าใกล้สัตว์ปีศาจที่มีพิษ
ให้ข้าจัดการเอง!” มู่หรงต้าเห รินตะโกน
จากแนวหลัง พัดในมือของเขาโบกสะบัดรวดเร็วราว
ระบําพัดที่สง่างาม
มันฟาดฟันคางคกตัวดังกล่าวออกเป็นสองท่อน
อ๋วว อ๋วว!
เสียงหอนของหมาป่ าดังขึ้น จากนั้น หมาป่
าร่างใหญ่จํานวนนับไม่ถ้วน
พร้อมดวงตาสีแดงฉานพลันพุ่งออกมา พวกมันล้วน
เป็นสัตว์ร้ายหมาป่ า
ยักษ์ ฉินหยุนมือหนึ่งถือค้อน
อีกมือหนึ่งถือกระบี่ เขาโจมตีด้วย กระบวน
ท่าทั้งหกของวิชาวายุสังหารและวิชามังกรหลอมหก
กระบวน ร่างหมาป่ า
สีดําซึ่งทะยานเข้าหาเขาพลันโดนสังหาร
ด้วยแรงระเบิดที่รุนแรงมหาศาล
ยิ่ง
“พวกนี้ก็แค่สัตว์ร้ายระดับห้า!
ช่างฉลาดนักที่ส่งคางคกมีพิษ นําหน้ามา
กะให้พวกเราติดพิษกันก่อนงั้นสินะ” ฉินหยุนแค่น
เสียง เท้าของเขาฟาด
ลงกับพื้นก่อนทะยานร่างเข้าใส่ฝูงหมาป่ าที่
ใกล้เข้าถึงตัว เขาตวัดกระบี่
และค้อนในมือ หมาป่ าจํานวนหนึ่ง
ที่ใกล้ถึงตัวเขาพลันโดนสับร่างเป็น
สองท่อนไม่ก็แตกกระจาย ล้มตาย
หมาป่ าแม้เป็นฝูงใหญ่
แต่พวกมันก็อ่อนแอกว่าสัตว์ร้ายระดับ หก ฮั่วจง
และฉินหยุนสามารถจัดการพวกมันกว่าครึ่งได้แทบ
จะในทันทีที่เริ่มศึก
ส่วนที่เหลือได้เซี่ยอูเฟิ
งและมู่หรงต้าเหรินช่วยกันโจมตีขณะ ถ่วงเวลา รอ
ให้ฉินหยุนและฮั่วจงเข้ามาเก็บงาน
“เจ้าพวกนี้กลายเป็นแต้มเสวียนแก่พวกเราแล้ว!”
ฮั่วจง หัวเราะคิกคัก
ขณะใช้ไม้คทาในมือฟาดเข้าใส่หมาป่
าที่กําลังหอนอนตายตก
“ราชาหมาป่ ายังไม่โผล่ออกมา
มันต้องหวาดกลัวแล้วหลบ ซ่อนตัวอยู่แน่”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวเหมือนอย่างเคย
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นอีกครั้งที่พวกเขา
สามารถได้รับร่างสัตว์ร้าย
จํานวนมากอย่างง่ายดาย รวมทั้งสิ้นแล้ว พวก
เขาได้เกินกว่า หนึ่งร้อยสามสิบตัว
ฉินหยุนขมวดคิ้วหันมองทางในป่ า
อย่างกะทันหัน เขาโพล่งขึ้น
“เหมือนยังมีฝูงสัตว์ร้ายอยู่อีก ไม่สิ
ไม่ใช่พวกสัตว์! นี่เป็น กลุ่มคน! คน
จํานวนมากด้วย!” อย่างกะทันหัน
กลุ่มคนเริ่มปรากฏตัว พวกเขาเหล่านี้
เป็นศิษย์ จากสถาบันซานเสวียน
“คงเป็นศิษย์ของสถาบันซานเสวียน
พวกเขาเหล่านี้น่ากลัวยิ่ง กว่าสัตว์
ร้ายพวกนั้นมากนัก”
เซี่ยอู่เฟิงกล่าวเย็นเยือกขณะยืน ตรงหน้าถํ้า ดวงตา
ตอนนี้เปี่ยมด้วยประกายแสงยะเยือก
ฉินหยุนและคณะตอนนี้เฝ้าที่ปาก
ทางเข้าของถํ้าเอาไว้ ภายใน มีแรดเกราะหยก
หากพวกเขาไปจากตรงนี้
แรดเกราะหยกต้อง ถูกสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย!
กลุ่มศิษย์กว่าสี่สิบคน
ทะยานร่างออกจากป่ าทั่วทิศทาง เมื่อ
พวกเขาพบเห็นความโกลาหล ทั้ง
ต้นไม้ที่ล้มครืนเป็นแถบ
คราบเลือดของสัตว์ปีศาจบนพื้น พวกเขาจึงได้
ทราบว่าสัตว์ ร้ายจํานวนมากถูกสังหารที่นี่
รวมแล้วพวกเขาสมควรเป็น
สองหน่วย ชายหน้าเหลี่ยมคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีนํ้าเงินก้าวเดินออกมา
ใบหน้านั้นดํามืดไม่ใช่น้อย
นามของเขาคืออวี้เซิน
เขาคือคนจากตระกูลอวี้สายตาเย็น เยือกตอนนี้
มองที่เซี่ยอู่เฟิ งและคณะ
นํ้าเสียงกล่าวถามเปี่ยม ด้วยความอหังการ
“หมาป่ าพวกนั้นไปไหนแล้ว? พวกเจ้า
ฆ่า?”
ตอนท
ี่113 หวัหน
้
าหน่วยทงั้สอง
อวี้เซินคือผู้นําหน่วย
เขาทั้งแข็งแกร่งและได้รับความเคารพ เมื่อฮั่วจงเห็น
ท่าที่อหังการของอีกฝ่ายจึงมองด้วยสายตาเปี่ยม
ด้วยเจตนาคิดสังหาร
เขากําไม้คทายาวในมือเอาไว้แน่น
เตรียมพร้อมต่อสู้ทุกชั่วขณะ! นํ้าเสียง
ของเซี่ยอูเฟิ งแผ่วเบาและเย็นเยือก
“หมาป่ าทั้งหมด นั่นพวกเราฆ่าไปแล้ว!
พวกเราโดนพวกมันล้อม ถ้าไม่ฆ่า
เจ้า อยากให้มันฆ่าพวกเราหรือ? กับเรื่องนี้เจ้ามีปัญหาอะไร
หรือไม่?” อวี้
เซินชักดาบออกพร้อมโบกมันไหวให้เห็น
นี่คือท่าทีของการ ข่มขู่และ
คุกคาม เขาแค่นเสียงโพล่งขึ้น
“เป็นพวกเราเจอฝูง หมาป่ านั่นก่อน
ส่งพวกมันมาแล้วพวกเราจะไม่เอา
ความกับ พวกเจ้า”
“แล้วถ้าไม่?” เซี่ยเฟิ
งยิ้มยะเยือก แม้เขาไม่มีอาวุธในมือ แต่ร่างของเขา
กําลังเผยออร่าดาบชวนสะพรึงกดดัน
ทั้งนํ้าเสียงยังคมกริบ เสมือนดาบที่
ทําให้เสียวสันหลังวาบ อวี้เซินขมวดคิ้ว
พวกเขามีกันกว่าสี่สิบคน หากสู้
กับสี่คน ตรงหน้าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด
ทว่า พวกเขาต่างก็รู้จัก กัน
ดีไม่ใช่น้อย
ทุกคนที่นี้ล้วนรู้ว่าศิษย์พี่อย่างเซี่ยอู่เฟิ งนั่นน่าสะพรึงเพียงใด!
“หากเจ้าไม่คิดส่งมอบมันออกมา
พวกเจ้าทุกคงหมดโอกาส กลับไปที่
สถาบันซานเสวียนแล้ว
เพราะต้องถูกฝังร่างทิ้งไว้ ที่นี่!” เด็กหนุ่มในชุดสี
ดําถือแส้ยาวในมือประกาศนํ้าเสียงมืด
หม่นและคมกล้า เขาคือหัวหน้า
ของอีกหน่วยหนึ่ง ผู้คนเรียกหาเขาเป็นหัวหน้า
ถึงกับได้รับตําแหน่ง
หัวหน้า เขาย่อมต้องไม่ใช่อ่อนแอแน่
“ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็จะลากหัวหน้าหน่วยอย่าง
พวกแกสอง
คนตายตามไปด้วย!” ฮั่วจงโกรธเกรี้ยว เขาเสียบ
แทงไม้คทายาวปักกับ
พื้นจนเกิดเป็นแรงกระแทกสะเทือน
ฉินหยุนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว
ด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราล้วน เป็นมนุษย์ ควรใช้วิธีที่มีอารยธรรมกว่านี้!”
“เอาแบบนี้เป็นอย่างไร
พวกเราส่งตัวแทนออกมาแข่งกัน ถ้า พวกเราแพ้
ไม่เพียงแต่จะมอบร่างของหมาป่ าฝูงนั้นให้
แต่ยัง จะให้ร่างของสัตว์ปีศาจ
อีกห้าสิบตัวให้ด้วย”
“นี่เจ้ายังมีอีกห้าสิบตัว?” อวี้เซินลอบตระหนก
เขากล่าวด้วย นํ้าเสียงไม่
เชื่อถือ ศิษย์ผู้อื่นล้วนไม่เชื่อเช่นกัน
เพราะกระทั่งพวกเขาสองหน่วย
รวมกันหลายสิบคน
ยังเพิ่งสังหารไปได้ราวห้าสิบตัว และนี่คือ ผลลัพธ์รวม
ของสองหน่วย
“ไม่เชื่อหรือ? งั้นมองโดยรอบให้เต็มตา
ที่นี่มีแต่เลือดหมาป่ า หรือ?” มู่
หรงต้าเหรินยิ้มยะเยือก “ที่นี่เคยเป็นรังของสัตว์ร้าย
มาก่อน เป็นพวกเรา
ยึดเอาไว้ได้”
หากเป็นการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เซี่ยอูเฟิ ง
ฉินหยุน และ อีกสองคน
ล้วนมั่นใจเปี่ยมล้นว่าสามารถเอาชนะได้“ฉินหยุน
ในเมื่อเจ้าเป็นคนเสนอ
เช่นนั้นเจ้าจะลงแข่งด้วย ตนเอง?” อวี้เซินรู้สึกว่าข้อเสนอนี้คุ้มค่าจึงกล่าว
“หากข้าแพ้ ข้าจะไม่ตอแยเรื่องฝูงหมาป่ านั่นอีก
แต่หากข้าชนะ ทําตาม
คําพูดเจ้าว่าด้วยแล้วกัน”
ฉินหยุนพยักหน้ารับด้วยท่าทีสงบ เขายิ้มกล่าว
“ตามนั้น!”
ทุกคนล้วนทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนตายแล้ว
พละกําลังของเขาต้องถดถอยลงอย่างมหาศาล
นี่จึงเป็นเหตุผล ว่า
ทําไมอวี้เซินถึงเลือกประลองกับฉินหยุน
“หัวหน้าอวี้คือหนึ่งในสิบอันดับแรกของสถาบันซานเสวียน
กับ เด็กใหม่ที่
เพิ่งเข้าอย่างหมอนั่นคงไม่นับเป็นอาหารว่างด้วย
ซํ้า!”
“ฉินหยุนเคยภูมิอกภูมิใจกับวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง
ไม่ใช่น้อย แต่
ครานี้มันคงจบสิ้นแล้ว
มั่นหน้าเกินเหตุยิ่งนัก”
“หัวหน้าอวี้ครอบครองห้าชีพจรวิญญาณ
ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ ระดับ
ทอง โดยพื้นฐานพรสวรรค์ทางชีพจรวิญญาณ ก็นับว่า
เป็นสามอันดับแรก
ของสถาบันซานเสวียนแล้ว!”
กลุ่มคนเริ่มวิพากวิจารณ์กันออกรส ฉินหยุน
แสร้งทําหูหนวกมองอย่างเฉยซาที่กระบี่งดงามในมือ
ของอวี้เซิน เขาเอ่ย
ถาม
“ในการประลองวิชายุทธ์คิดใช้อาวุธ ด้วย?”
“แน่นอนว่าข้าต้องใช้อาวุธ.... ข้าจะโยนหินนี่
เมื่อมันกระทบกับ พื้นคือเริ่ม
การต่อสู้” หลังอวี้เซินกล่าวคําจบ
เขาโยนหินในมือ ขึ้นฟ้า ฉินหยุนและอวี้
เซินอยู่ห่างกันราวยี่สิบเมตร พื้นที่โดยรอบ
นับว่าเพียงพอให้พวกเขาได้
แสดงฝีมือในการต่อสู้
หลังก้อนหินร่วงหล่นกับพื้น อวี้เซินเป็นฝ่ายบุกเข้า
โจมตีด้วย กระบี่ในมือ
พลังที่ปกคลุมรอบตัวกระบี่คือเปลวเพลิง ทั้งยังมี
พลังอํานาจไม่ใช่น้อย
พอฉินหยุนเห็นคมกระบี่เข้าใกล้
เขาจึงค่อยมั่นใจว่านี่เป็นอาวุธ วิญญาณ
ครึ่งขั้น
นอกจากนี้ค้อนหลอมในมือเขายังเป็นอาวุธ วิญญาณระดับตํ่า
นับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่า
เขาหวดก้อนผ่านอากาศอยู่หลายครั้ง คลื่นพลัง
เป็นผลให้เกิด ฝุ่นดินหนาเข้าปกคลุมอวี้เซิน
ปริมาณฝุ่นที่ปกคลุมพื้นที่มัน
พอทําให้จํากัดการมองเห็นได้!
การโจมตีอันงดงามของอเซินพลันถูก
ทําลายเพราะฝุ่นดิน เขา
ทําได้เพียงสะบัดกระบี่ในมืออย่างหงุดหงิดเพื่อ
กระจายฝุ่นดินที่ ปลิวเข้าหาตนให้พ้นทาง
ขณะอวี้เซินโบกฝุ่นดินให้พ้น
ทาง เขาก็เห็นฉินหยุนทะยานร่าง เข้ามา!
การกระทํานี้เพียงพอให้ทั้งสองหน่วยตัวแข็งที่อ
เพราะฉินหยุน รวดเร็วเกิน
กว่าจะเชื่อได้ลง! เมื่อฉินหยุนทะยานเข้าหา
ก้อนนั้นพลันฟาดหวดตั้งตรง
ลง อย่างรุนแรง
ร่างของอเซินตอบสนองโดยธรรมชาติด้วยการ ตั้งกระบี่
แนวขวางรับไว้
ค้อนเมื่อปะทะกับคมกระบี่
มันเกิดเสียงดังสนั่น! กระบี่ยาวของอวี้เซิน
แตกหัก ทั้งร่างถูกโจมตีด้วยคลื่นพลังงาน
ที่ตัวกระบี่รับเอาไว้ไม่หมดจน
สะท้าน อวัยวะภายในหลายแห่ง ได้รับบาดเจ็บ
ท้ายที่สุดจึงค่อยกระอัก
เลือดออกมาเต็มปาก
“ด้วยพละกําลังแค่นี้ ยังมีหน้าทําตัวเป็นหัวหน้าหน่วยด้วย
หรือ?” ฉินหยุน
แค่นเสียงเย้ยหยันพร้อมเตะอเซินกลับไปด้วย
ลูกเตะรุนแรง จากนั้นจึง
เป็นศิษย์น้องในหน่วยของเขาต้องเร่ง
ร้อนเข้ามารับตัวไว้ อวี้เซินเอามือกุม
หน้าอกที่แทบแตกออกเป็นเสี่ยงอย่างไม่
ยอมรับความจริง เขาอายุ
มากกว่าฉินหยุนหลายปี แต่แล้วกลับ
ต้องพ่ายแพ้จนถึงขั้นกระอัก
เลือดออก นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่น่า
สังเวชเกินไปแล้ว ศิษย์ผู้อื่นในหน่วย
พวกเขาล้วนใจหายวาบ หากวิญญาณยุทธ์
ของฉินหยุนไม่ตาย เขาคงเชื่อ
ว่าเรื่องนี้ไม่ผิดคาด แต่เพราะทุก
คนล้วนเชื่อว่าวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทอง
ม่วงที่เป็นพละกําลัง หลักแก่ฉินหยุนตายไปแล้ว
พวกเขาจึงไม่เชื่อผลลัพธ์
ที่เกิดขึ้นนี้
พละกําลังของฉินหยุน
มันไม่ได้ยิ่งหย่อนลงไปแม้สูญเสีย วิญญาณยุทธ์ นี่
แตกต่างจากที่ข่าวลือกล่าวอ้างมหาศาลแล้ว!
“พอใจหรือยังละ!” มู่หรงต้าเหรินตะโกนถาม
“เดี๋ยว!” 9uhเว่ยพลันกล่าวคําพร้อมก้าวเดินออกมา
“อวี้เซินก็แค่ตัวแทน
หน่วยของพวกเขา
เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอเป็นตัวแทนพวก เรา
ทั้งหมด! หากข้าชนะ
ข้อเสนอนั่นจะยังคงตกเป็นของหน่วย ข้าแต่เพียงผู้
เดียว เรื่องนี้ไม่เปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่?”
เซี่ยอู่เฟิ งยังคงมั่นใจในพละกําลัง
ของสหายร่วมรบ เขายิ้ม กล่าว
“ตามนั้น! แล้วคราวนี้เจ้าอยากประลองกับใครเล่า?”
ตี้เว่ยชี้นิ้วที่ฉินหยุน
“ฉินหยุน ข้าขอท้าเจ้าประลอง ไม่อนุญาต
ให้ใช้อาวุธ! ค้อนของเจ้าคือ
คอนราชันยักษ์วิญญาณ แม้เป็น
อาวุธวิญญาณระดับตํ่าแต่ศักยภาพ
ของมันเทียบเท่ากับอาวุธ วิญญาณระดับกลาง
เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม”
ค้อนที่ทัดเทียมได้กับอุปกรณ์วิญญาณระดับกลาง
ผู้อื่นล้วนไม่ แปลกใจ
เลยที่อวี้เซินจะบาดเจ็บหนักเพราะการโจมตีเพียงครั้ง
เดียว! หลังได้ยิน
เช่นนี้ ทุกคนค่อยโล่งใจขึ้นมากันบ้าง
อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็อายุเพียงสิบ
ห้า ทั้งยังมีชีพจรวิญญาณ เพียงหนึ่ง
วิญญาณยุทธ์ก็เพิ่งตายจาก หากถึง
แบบนี้ยัง แข็งแกร่งกว่าหัวหน้าหน่วยพวกเขา
ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินจะ
กล่าวแล้ว
ตี้เว่ยหยิบก้อนหินขึ้นโยนไปกลางอากาศ ทันทีเมื่อหินตก
กระทบกับพื้น ทั้งสองทะยานตัวออกราวลูกธนู หลุดจากคันธนูเข้าหากัน
และกัน!
ขณะที่ทั้งสองเตรียมปะทะกันนั้นเอง
ฉินหยุนยื่นฝ่ามือออกมา ทุกคนต่าง
คิดว่าเขาจะปลดปล่อยกําลังภายใน
จึงไม่ได้คิดอะไร อื่นให้มากความ แต่
แล้ว
ฝ่ามือของฉินหยุนที่ยื่นออกกลับไม่ใช่กําลังภายใน แต่ มันเป็น
อสนีบาตที่ป่ าเถื่อน!
อสนีบาตรวดเร็วและดุดัน
ราวกับอสรพิษอันเหี้ยมโหดคิดเข้า กัดกินศัตรู
การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ทําให้ตี้เว่ยต้องแตกตื่น!
ต้ม! เมื่ออสนีบาตฟาด
เข้าใส่ แรงระเบิดรุนแรงจึงตามมา มันเผา
แขนของตี้เว่ยจนดําเมี่ยมทั้งยัง
มีควันเหม็นฟังลอยทั่ว!
หลังกระเด็นถอยกลับหลายสิบเมตร
ตี๋เว่ยกระแทกพื้น ใบหน้า เผยความ
หวาดกลัวยิ่ง
เขาถึงขั้นอดผวากับเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ได้ หากโดนโจมตี
เข้าที่ศีรษะ เขาคงตายไปแล้ว!
ทุกคนต่างมองตี้เวยอย่างไม่อยากเชื่อ
สายตาตนเอง
ตี้เว่ยที่แข็งแกร่งแต่กลับพ่ายแพ้แก่ฉินหยุนผู้ซึ่งไม่มี
แม้กระทั่ง วิญญาณยุทธ์!
“เจ้า... เจ้าโกง!
นี่ต้องเป็นเจ้าใช้อาวุธวิญญาณแล้ว! วิญญาณ ยุทธ์ของ
เจ้าตายไปแล้ว ทําไมถึงใช้อสนีบาตออกมาได้กัน?”
ตี้ เว่ยกุมไหล่ตัวสั่น
ขณะตะโกนทักท้วงอย่างไม่อาจยอมรับผลที่
เกิดขึ้น
ตอนท
ี่114 หน่วยทแ
ี่ ข
็
งแกร่งทส
ี่ ุ
ด
ฉินหยุนอธิบายอย่างเฉยชา
“นี่คือวิชายุทธ์ระดับลึกลํ้า เมื่อข้า ฝึกถึงขั้น
สมบูรณ์ มันจะสามารถระเบิดพลังภายในออกเป็น
อสนีบาต และข้าก็ยังมี
พลงัธาตอุ ย่ใูนกาย ทงั้
ยงัสามารถใชพ
้
ลงั บรสิทุ ธิ์ไรค
้
ณุ ลกัษณะของพลงั
ปราณเพื่อเรียกใช้วิชายุทธ์ได้”
เซี่ยอูเฟิ
งเดินมาหยุดตรงหน้าฉินหยุนและกล่าวต่อคนของ หน่วยอื่น “พวก
เจ้าทุกคนแพ้แล้ว ไสหัวไป!”
ตี้เว่ยเสียหน้ารุนแรง เป็นเพราะเขาแพ้อย่าง
หมดรูปเพียงแค่ หนึ่งกระบวนท่า
อวี้เซินตอนนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง หาก
ไม่ใช่ตี๋เว่ยแพ้แก่ฉิน หยุน
เขาคงโดนเยาะเย้ยในภายหน้าไปอีกนานนับแน่
หัวหน้าหน่วยซึ่งแข็งแกร่งที่สุดทั้งสองคนแพ้พ่าย
ผู้อื่นตอนนี้ ต่างเอาใจ
ออกห่าง ไม่มีใครในบรรดาพวกเขาสามารถล้มฉิน
หยุนได้ ความต่างทาง
พลังที่ปรากฏตรงหน้านี้ใหญ่เกินไป
คนอื่นในหน่วย ยังมีบุคคลขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่หกซึ่ง ทรงพลังอยู่
หากพวกเขาเผชิญหน้ากับฉินหยุ
นพร้อมกัน ก็ น่าจะพอเอาชนะได้บ้าง
“ทุกคนรุมโจมตีพวกมัน
จับพวกมันไว้และบังคับให้ส่งร่างของ สัตว์ร้าย
พวกนั้นมา!” อวี้เซินตะโกนขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว
“ใช่ พวกเรามีกันสี่สิบคน ยังไงก็ชนะ!” เว่ยตะโกนขึ้นเช่นกัน
“ถ้าพวกเราปล่อยมันพ้นจากที่นี่
พวกเราได้กลายเป็นตัวตลก ของหน่วย
อื่นในภายหน้าแน่!”
เมื่อได้ยินคําของสองหัวหน้าหน่วย กลุ่มคนที่
หวาดกลัวเริ่ม
ตะโกนต่อกันเป็นทอดเพื่อปลูกกําลังใจฝ่ายตัวเอง พวกเขา
เลือกตอบสนองคําสั่งของหัวหน้าหน่วยขณะทะยานกายออก
“โจมตี!”
“ฆ่ามัน!” กลุ่มคนตะโกนดังลั่น
ด้วยขวัญกําลังใจแกร่งกล้าขึ้นจึงคิดพุ่ง
ปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง
ฉินหยุนก็หาได้หวาดกลัวพวกเขาไม่ ทั้งยังเป็น
ฝ่ายพุ่งเข้าหา ก่อนด้วยซํ้า
เมื่อเขาเห็นว่าอวี้เซินปลุกระดมศิษย์คนอื่นใน
หน่วย เขาจึงเริ่ม รวบรวมกําลัง
หลังทะยานกายออก ค้อนในมือพลันฟาด
ลง พร้อมกระจายคลื่นกระแทกออกไปทั่ว
กลุ่มคนที่คุ้มกันตี๋เว่ยอยู่ตอนนี้
พลันร่างกระเด็นเพราะแรงปะทะ อัดอากาศ
“ให้โอกาสถอยแล้วยังไม่คิดรับไว้
และตอนนี้พวกเจ้านึกเสียใจ ก็สาย
เกินไปแล้ว!” ฉินหยุนตบใบหน้าตี้เว่ยอยู่หลายครั้งก่อน
ฉกฉวยกล่องเก็บ
ของจากในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
ตี้เว่ยถึงกับโดนตบหน้าต่อหน้าทุกผู้คน
เขาโดนเหยียดหยาม
และกระทําเสื่อมเสียเกียรติจนแทบไม่สามารถรับได้
เพราะเขาบาดเจ็บจากกําลังภายในที่ระเบิดเข้าใส่จึงไม่อาจฟื้นตัวได้ใน
ระยะเวลาอันสั้น
ฮั่วจงเองก็พุ่งทะยานเข้ามาทางด้านนี้พร้อมกวัดแกว่งไม้คทา
ยาวในมือ
ราวไม้กวาด
ศิษย์เหล่านั้นที่คิดเข้าโจมตีพลันต้อง โดนกวาดกระเด็นอย่าง
รุนแรง เซี่ยอู่เฟิ
งและมู่หรงต้าเหรินช่วยเหลือโจมตีจากระยะไกลด้วย พลัง
ภายใน
สําหรับพวกเขานับเป็นเรื่องง่ายหากต้องรับมือกับ ศิษย์ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่หก
เฉินหยุนพลันพุ่งเข้าหาอี้เซินที่อยู่อีกด้าน เมื่อเซี่ยอู่
เฟิ งและมู่หรงต้าเหรินเห็นดังนี้
พวกเขาพลันพุ่งเข้า ปะทะกับบรรดาศิษย์ที่
คิดโจมตีฉินหยุนจากมุมอับ
ฉินหยุนก้าวเข้าหาหลายสิบก้าวจนกระทั่งถึง
ตรงหน้าอวี้เซิน เขาแค่นเสียงเย้ยหยันอีกฝ่าย
“คิดอยากขโมยจากพวกเรา หรือ? คิดหรือว่าเจ้ามีพลังพอให้ทํา!
อย่าได้
ห่วงไป ชีวิตของ
เจ้าไม่คู่ควรให้ข้าต้องลงมือสังหาร!”
กล่าวคําจบ เขาฉกฉวยกระเป๋
าเก็บของจากอ้อมแขนของอวี้เซินพร้อมตบ
หน้าอีกฝ่ายเข้าไปหลายที
ตอนนี้ยังมีศิษย์อีกหลายสิบคนที่ยังไม่ได้รับ
บาดเจ็บ แม้กระนั้น
พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาคิดก่อการอันใดอีก
“ฉินหยุน นี่เจ้า...
อุปกรณ์วิญญาณนั่นเจ้าขโมยจากพวกเรา! จงส่งมัน
กลับคืนมา!”
อวี้เซินอดกลั้นต่อการถูกหยามเหยียด และคํารามลั่น
“พวกเจ้านั้นไร้ซึ่งความสามารถ ทั้งยังคิดฉกฉวยจากผู้อื่น
เช่นนั้นก็จงโดน
ดาบที่ตนปล่อยออกย้อนกลับไปที่มแทง! หาก
ยังกล้าพูดจาไร้สาระข้าจะ
ลงมือสังหารพวกเจ้าให้หมดทุกคน!”
คําพูดของมู่หรงต้าเหรินได้ผลยิ่ง มัน
ทําเอาศิษย์ที่เหลือต่าง ร่างกายสั่นเพิ่ม
พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่หก แต่แล้วทําไม
พละกําลังถึงแตกต่างมหาศาลเช่นนี้? ทั้งที่
พวกเขามีกันกว่าสี่ สิบคน
แต่แล้วกลับไม่อาจจัดการสี่คนตรงหน้าได้
“ไสหัวไป!” ฮั่วจงคํารามลั่น
นํ้าเสียงดังกึกก้องนี้ทิ้งร่องรอย ความ
หวาดกลัวให้กับบรรดาศิษย์จนต้องเผยสีหน้าซีดขาว
เพียงอึดใจ บรรดา
ศิษย์เหล่านั้นเร่งร้อนหนีหายอย่างไม่คิดหัน
มองกลับ พวกเขาทุกคนล้วน
หวาดกลัวความตาย และตอนนี้
ไม่มีผู้ใดหนุนหลังพวกเขา การหนีรอด
โดยเร็วที่สุดถือเป็นเรื่อง สมควรทํา
“พี่ใหญ่เซี่ย
เมื่อพวกเรากลับสถาบันซานเสวียนจะโดนต่อว่าที่ ก่อเรื่องนี้
ขึ้นหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยท่าที่เป็นกังวล
“อย่าได้ห่วง ข้าจัดการเอง!” เสี่ยอู่เฟิ
งยิ้มกล่าว
“ฉินหยุน เจ้า ทรงพลังยิ่งนัก
หากวิญญาณยุทธ์ของเจ้าอยู่ในสภาพปกติ
แม้แต่ข้าก็คงไม่อาจเทียบเจ้าได้!”
“ได้เวลาแล้ว
พวกเราควรผนึกถํ้าเอาไว้และกลับสถาบันซาน เสวียน” มู่
หรงต้าเหรินกล่าว
พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน หลังผ่านไปครึ่งวัน
พวกเขาจึงค่อยนํา หินก้อน
ใหญ่มาปิดผนึกปากทางเข้าถํ้าไว้
“ไว้แรดเกราะหยกตื่นขึ้นเมื่อไหร่
แค่หินก้อนนี้คงไม่ยากต่อการ ออกมา!”
ฮั่วจงยิ้มและกล่าว
“ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว หากไม่ได้ เจ้า ผลการเก็บเกี่ยวของพวกเรารอบนี้คง
ไม่ดีเพียงนี้แน่”
ฉินหยุนฉกชิงอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของจากสองหน่วย
และ ทั้งสองยังไม่มีการลงผังสัญญาโลหิต
ดังนั้นเขาจึงสามารถนํา สิ่งของ
ภายในออกมาได้อย่างง่ายดาย
พอได้เห็นร่างสัตว์ปีศาจจํานวนมากอยู่
ภายใน เขายกยิ้มและ พูดขึ้น
“เจ้าพวกนั้นทําได้ไม่เลวเลย
รวมสองอุปกรณ์วิญญาณ มิติเก็บของแล้วมี
ร่างของสัตว์ร้ายอยู่ทั้งสิ้นห้าสิบตัว”
“ตอนนี้เท่ากับพวกเรามีหนึ่งร้อยแปด
สิบ ครานี้อันดับหนึ่ง สมควรตกแก่พวกเราแล้ว”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวคํา
“โอ้ใช่ นําสัตว์ปีศาจที่พวกนั้นสังหารออกมาให้เราได้ทุบตีกันเสีย
หน่อย
แบบนี้จะได้กลบเกลื่อนร่องรอยวิธีสังหารพวกมันได้”
การแข่งขันล่าสัตว์ร้ายของสถาบันซานเสวียนในที่สุดก็เสร็จสิ้น
ลง
หน่วยสี่คนของฉินหยุนถือเป็นหน่วยแรกที่ปืนพ้นจากหุบเขา
และเข้า
สํารวจป่ า แต่ยามกลับมาสถาบันซานเสวียนถือเป็น
หน่วยสุดท้าย เมื่อ
พวกเขากลับมาในหุบเขา
พวกเขาจึงได้เห็นบรรดาศิษย์ กลุ่มใหญ่ได้รับ
บาดเจ็บกําลังนอนอยู่ตรงกลางลานกว้าง ทั้งยัง
มีอาจารย์หลายท่านช่วย
ให้การรักษา ท่ามกลางหน่วยมากมาย
มีแต่ฉินหยุนและคณะที่ไม่ได้รับ
บาดเจ็บอันใด ในหมู่พวกเขา
หน่วยที่นําโดยอวี้เซินและตี๋เว่ยได้รับ
บาดเจ็บ หนักหนาที่สุด!
“สถิติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เซี่ยอู่เฟิ
งเอ่ยถามผู้อํานวยการ ไปเมื่อกลับ
มาถึง
“เจ้าได้ขโมยอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของจากอวี้เซินและตี๋เว่ย
หรือไม่?”
บุคคลนี้คืออาจารย์ของหน่วยอวี้เซิน
เขาเป็นหนึ่งใน อาจารย์ที่มาจาก
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
“เรื่องนี้เป็นไปได้เช่นไร?” เซี่ยอู่เฟิ
งขมวดคิ้ว
“พวกเรามีกันสี่ คนจะไปทําอะไรพวกเขาได้กัน?”
ฉินหยุนลอบตระหนก
เขาไม่คิดว่าเซี่ยอูเฟิ งจะปฏิเสธซึ่งหน้า
ขนาดนี้ อาจารย์ของอเชินและตี๋เว่
ยต่างมองกันอย่างไม่เชื่อ อาจารย์
ท่านอื่นก็คิดว่านี่แปลก เพราะศิษย์ของ
ทั้งสองหน่วยต่างให้การ ไปในทางเดียวกัน
“ผู้อํานวยการไปโปรดตัดสินใจ
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ถือเป็นสิ่งลํ้า
ค่ายิ่ง พวกเขาต้องฉกฉวยมันไปอย่างแน่นอน”
อาจารย์คนหนึ่งกล่าวร้อง
ต่อผู้อํานวยการ
“เซี่ยอูเฟิ ง พวกเจ้าได้ก่อการจริงหรือไม่?”
ผู้อํานวยการไปก้าว เดินมาทาง
พวกเขาและเอ่ยคําถาม
“ไม่!” เสี่ยอู่เฟิ งส่ายศีรษะสีหน้าสงบ
“ขอกล่าวต่อท่านตาม ตรง
พวกเราสังหารสัตว์ร้ายไปได้ไม่ใช่น้อย รวมกัน
แล้วทั้งสิ้น หนึ่งร้อยแปดสิบห้าตัว
พวกเราจะนําร่างพวกมันมาแสดงให้
เห็นเดี๋ยวนี้”
กว่าหนึ่งร้อยแปดสิบตัว? ผู้อํานวยการไปถึงกับตื่นตะลึง
อาจารย์ท่านอื่น
รวมทั้งบรรดาศิษย์ต่างตะโกนคํา
“เป็นไป ไม่ได้” กันดังสนั่น
“ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์วิญญาณของฉินหยุนสามารถเก็บสัตว์ปีศาจ
ได้เพียงห้า
สิบตัวหรอกหรือ?” อาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยถามด้วย
ความสงสัย
“เรื่องเป็นเช่นนี้
ฉินหยุนครอบครองอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บ ของจํานวน
หนึ่งไว้กับตัว เพื่อให้หน่วยได้รับชัยชนะ
เขาจึง มอบพวกมันแก่เราคนละ
ชิ้น!” เมื่อเซี่ยอูเฟิ งกล่าวคําจบ เขาจึง
ชี้ไปยังเข็มขัดที่สวมใส่อยู่พร้อม
นําเอาร่างของสัตว์ปีศาจราวนี่
สิบตัวออกมาให้เห็นเพื่อให้เก็บได้มากขึ้น
ซากของสัตว์ปีศาจเหล่านั้นแทบถูกปั่น
รวมเข้าด้วยกัน พอนําออกมา
เช่นนี้ มันยิ่งทําให้เกิดความน่า
สะอิดสะเอียนไม่ใช่น้อย มู่หรงต้าเหริน
และฮั่วจงเองก็นําเอาร่างของสัตว์ปีศาจที่ตาย
แล้วออกจากเข็มขัดโลหะ
งดงาม ทั้งสองต่างนําออกมาเพิ่มคน ละสี่สิบตัว
ฉินหยุนตอนนี้ก็นําเอา
ร่างของสัตว์ปีศาจอีกห้าสิบตัวออกมา เสริม
เรื่องนี้ทําเอาทั้งคณะศิษย์
และอาจารย์ต่างแข็งที่อพูดกล่าวกัน ไม่ออก!
ตอนท
ี่115 หยดวัชระ
สิ่งที่ทําให้เกิดความแตกตื่นมากที่สุดไม่ใช่ร่างของสัตว์ร้าย
จํานวนมาก
แต่เป็นอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของขนาดใหญ่
จํานวนมาก! หากทั้งหมด
นี้เป็นของฉินหยุนจะหมายความว่าอย่างไร?
ฉินหยุนสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของได้งั้นหรือ?
พอพวกเขาคิดได้เช่นนี้
ศิษย์หลายคนต่างมองฉินหยุนอย่าง พลิกกลับ นี่
นับเป็นอาจารย์จารึกยอดฝีมือคนหนึ่งแล้ว!
เซี่ยอู่เฟิ งกล่าว
“ทุกคนล้วนได้เห็นกันแล้ว พวกเราทั้งหมด
ครอบครองอุปกรณ์วิญญาณ
มิติเก็บของ ดังนั้นพวกเราไม่มี ความจําเป็นต้องปล้นพวกมันมา!
นี่คงเป็น
เพราะพวกเขาเพิ่ง
ปะทะกับพวกเราไปจึงเผลอทําอุปกรณ์วิญญาณมิติ
เก็บของหล่นหายตอนหลบหนี
และคิดกล่าวโทษเรื่องนี้กับพวกเราเสีย
แทน”
อวี้เซินและตี๋เว่ยนิ่งค้าง
คนจากทั้งสองหน่วยพูดกันไม่ออก พวกเขาไม่
ทราบว่าสถานการณ์นี้ควรตอบคําอย่างไรดี
ผู้อํานวยการไปพยักหน้ารับ
“อันดับแรกเป็นของหน่วยเจ้า แล้ว!
ร่างสัตว์ร้ายจํานวนหนึ่งร้อยแปดสิบ
ห้าร่าง จะนับเป็น
แต้มเสวียนหนึ่งพันแต้มต่อตัว ทั้งหมดรวมกันแล้วคือ
หนึ่งแสน แปดหมื่นห้าพันแต้มเสวียน”
“เมื่อได้รับอันดับหนึ่ง
จึงได้แต้มเสวียนอีกหนึ่งแสนแต้มเป็น รางวัลเสริม
ตั๋วแลกนี้มีค่าสองแสนแปดหมื่นห้าพันแต้มเสวียน
จงนําไปแลกเปลี่ยนกับ
ผู้อาวุโสฉือที่บ้านพักของเขาได้ทุกเมื่อ
เพียงครั้งเดียวได้รับแต้มเสวียน
เกือบสามแสน ผู้อื่นล้วนริษยา
จนดวงตาแทบถลนออกจากเบ้าเพราะพวก
เขาไม่มีทางได้รับ มากขนาดนั้น
“ผู้อํานวยการ
แล้วเรื่องอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของของพวก เราเล่า?”
อาจารย์ผู้นี้เผยสีหน้าดํามืดขณะเอ่ยถาม
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของไม่ได้แพงมหาศาล
กระทั่งว่าเป็นผู้ ฝึกตน
ยอดฝีมือก็สามารถจ่ายได้ไหว
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย สามารถซื้อหา
“พวกท่านคงต้องสอบถามกับทั้งสองหน่วยดังกล่าวเองแล้ว”
ผู้อํานวยการ
ไปมองอวี้เซินและตี๋เว่ย
หัวหน้าหน่วยทั้งสองเงียบคําไม่อาจพูดกล่าวออก
ได้ นี่เป็น
เพราะคําพูดของพวกเขาตอนนี้ไม่มีผู้ใดเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว
“มาทางนี้ ไปกันดีกว่า
พวกเราจะได้ดูว่าแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งใด กันได้บ้าง”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวขณะนําทางไปบ้านพัก
อาจารย์ หลังฉินหยุนและ
คณะจากไป อาจารย์คนหนึ่งกล่าวเสียงแผ่ว เบา
“วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนตายไปแล้ว
ด้วยพละกําลังของ มันไม่มีทาง
จัดการอว์เซินและตี๋เว่ยได้เ นี่เป็นมันยังมีของในมือ
ให้หยิบนํามาใช้
ประโยชน์ ที่มอบอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ
แก่เซี่ยอู่เฟิ งและอีกสองคน
ก็เพราะต้องการให้ช่วยเหลือตัวมัน เป็นแน่”
“อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของนั่นเป็นฉินหยุนหลอมเอาไว้ก่อน?
ก่อนหน้า
นี้เจ้านั่นได้รับศิลาวิญญาณว่างเปล่า ด้วยขนาดของ
มันเพียงพอให้
สามารถหลอมเป็นอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ
ได้จํานวนไม่น้อย! โชค
ร้ายนักที่วิญญาณยุทธ์ของเขาตายจาก ไปแล้ว”
หลายคนตอนนี้ต่างลอบเสียใจ
หากพวกเขาสามารถผูกมิตรกับ ฉินหยุน
ได้ พวกเขาก็อาจสามารถขอซื้ออุปกรณ์วิญญาณมิติ
เก็บของที่ดีมาไว้ใน
ครอบครองได้
เมื่อฉินหยุนและคณะเข้ามาในบ้านไม้หลังเล็ก
พวกเขาจึงได้ พบ “ผู้อาวุโส
ฉือ” อีกฝ่ายเป็นชายชราท่าทีสง่าสวมใส่ชุดสี
ขาวนั่งบนเบาะรองนั่งและ
กําลังอ่านหนังสืออยู่
“มาแลกสิ่งของงั้นหรือ? ทั้งหมดอยู่ในหนังสือรายการ
รับชม มันด้วย
ตัวเอง!”
มู่หรงต้าเหรินรับหนังสือมาพร้อมพลิกหน้ากระดาษอย่าง
รวดเร็ว
“อาวุธวิญญาณระดับตํ่าราคาห้าแสนแต้มเสวียน!
แพงอะไร ขนาดนี้!”
เขาถึงกับอุทานทั้งยังขมวดคิ้ว
“ตอนนี้พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเคล็ดวิชาฝึกฝน
แต่อุปกรณ์ วิญญาณ...
มันออกจะไร้ประโยชน์เป็นการชั่วคราว น่าจะแลก
อย่างอื่นที่น่าสนใจ
มากกว่า” เซี่ยอู่เฟิ งเอ่ยคําขึ้น
“น้องหยุน
เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก พวกเราควรรีบหาว่ามี
ยาดีอยู่หรือไม่” หลังสํารวจหมวดหมู่เม็ดยา
ฉินหยุนและคณะจึงต้องสบถ
ออก หลายต่อหลายครั้ง กระทั่งเป็นเม็ดยาถูกที่สุดยังต้องการแต้มเสวียน
นับล้าน กว่า พวกเขาจะรวบรวมได้มากขนาดนั้น
ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลา
มากเพียงใด เม็ดยาที่ดียิ่งมีราคาที่แพง
มูลค่าของมันอยู่ที่ หลายล้านแต้ม
เสวียนเลยด้วยซํ้า
ที่ทําเอาชวนประหลาดใจที่สุดคือ ทางสถาบันมีเม็ดยาวิญญาณ
ระดับ
ราชันที่มูลค่าหลายสิบล้านแต้มเสวียนอยู่จํานวนหนึ่ง
แต่ ด้วยแต้ม
มหาศาลขนาดนั้นคงไม่มีผู้ใดสามารถแลกมันได้เป็น
แน่แล้ว
“หยดวัชระไม่เลวนะ แค่ขวดละห้าหมื่นเอง!”
เซี่ยอี้เฟิ งโพล่ง
“มันใช้เพื่ออะไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสฉือเม้มริมฝีปากก่อน
หัวเราะออก
“มันสามารถบํารุง เลี้ยงหัวใจวัชระ
แต่กระบวนการค่อนข้างชวนไม่สบาย
ยิ่งนัก บางคนคิดลองกระทั่งเสียชีวิตก็เคยมี!”
“หัวใจวัชระ?” ฉินหยุนพึมพําขณะหน้าผากย่น
ผู้อาวุโสฉืออธิบายต่อ
“เจ้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
และได้ฝึกฝนกําลังภายใน แม้
สามารถควบแน่นกําลังภายใน
มันก็ไม่ใช่กําลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุด
กําลังภายในที่แข็งแกร่ง
ที่สุดคือวัชระกําลังภายใน สิ่งนี้ถือเป็นขีดสุดของ
ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว”
“หลังเจ้าขัดเกลาหัวใจวัชระขึ้นมาได้
เจ้าจะต้องทําการขัด เกลาวัชระสาม
มหาวิถี หลังจากนั้น เจ้าจะต้องขัดเกลาวัชระ
พลังภายใน เพื่อให้สามารถ
ควบแน่นวัชระพลังภายในได้ และ
ท้ายที่สุดคือกระบวนการตามธรรมชาติ
ที่จะได้รับมาซึ่งกําลัง
ภายในแห่งร่างวัชระที่ก่อเกิดขึ้น นี่คือขั้นตอนที่
ยากเย็นที่สุด ของผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว”
เซี่ยอูเฟิ งพยักหน้ารับและกล่าว
“ข้าเองก็ขัดเกลาวัชระพลัง ภายใน
เรียบร้อยแล้ว
น้องรองมู่หรงและน้องสามชั่วเองก็เพิ่ง ขัดเกลาสามมหาวิถี
ไป”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนกินหญ้าหัวใจลึกลํ้าเข้าไป
และบ่มเพาะมัน จน
กลายเป็นวิถีหัวใจเหลืองดํา หัวใจของเขาตอนนี้คือหัวใจ
เหลืองดํา หาก
เขาขัดเกลาวัชระร่วมเข้าไป มันจะทําให้เกิด
ความเปลี่ยนแปลงเป็นวัชระ
เหลืองดําที่ลึกลํ้า ถึงตอนนั้นพลัง
ภายในของเขาจะต้องแกร่งยิ่งขึ้นอย่าง
แน่นอน
“พวกเจ้าควรคิดให้ดี
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นและความ ตาย
แน่นอนว่าสถาบันซานเสวียนไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย”
ผู้อาวุโส ฉือกล่าวเตือน
“ห้าขวด!” เซี่ยอู่เฟิ
งแทบไม่คิดทบทวนคําเตือนก่อนกล่าวคํา
“ด้วยพละกําลังของน้องหยุน
เจ้าต้องสามารถรอดชีวิต นี่ยัง เป็นหนทาง
รวดเร็วที่สุดและมีเสถียรภาพที่สุดในการฝึกฝน
หัวใจวัชระ” ฉินหยุนพยัก
หน้ารับ
“ข้าจะอดทนให้ได้!” เซียอี้เฟิ
งทราบว่าฉินหยุนคิดเข้าร่วมงานพิธีระหว่าง
ฉินเจิ้งเฟิ ง
และเชี่ยวเย่ว์หลานในอีกครึ่งปีให้หลัง ด้วยเหตุนี้ฉินหยุน
จําเป็นต้องเพิ่มพูนระดับการฝึกตนระหว่าง
ช่วงเวลานี้ให้เร็วที่สุด หลัง
แลกเปลี่ยนเป็นหยดวัชระมาห้าขวด
พวกเขาจึงเร่งร้อน กลับบ้านหินของ
ตนกันโดยทันที
“น้องหยุน เจ้าควรสร้างถังโลหะขนาดใหญ่
จากนั้นให้เติมนํ้าและเทหยด
วัชระลงไป
ตามปกติแล้วเจ้าต้องใช้สิบขวดเพื่อขัด เกลาเป็นหัวใจวัชระ
เจ้าต้องจําเอาไว้ ว่าจงรวบรวมพลัง
ทั้งหมดที่มีในร่างกายให้แทรกซึมเข้า
สู่หัวใจ” เสี่ยอู่เฟิ
งเกรงว่าฉินหยุนจะทําอะไรผิดพลาดจึงยิ้มให้กําลังใจ
และคําแนะนํา
“นั่นคือวิธีการที่ทําให้ข้าผ่านมาได้
เจ้าต้องผ่าน มาได้แน่ อดทนเข้าไว้!”
“โอ้!” ฉินหยุนมีความมั่นใจในตนเองไม่ใช่น้อย
เขาตอนนี้รับ หยดวัชระ
และเข้าห้องของตนไป
เขาทําตามคําแนะนําของเซี่ยอูเฟิ ง โดยเริ่มเทนํ้าลง
ในถังโลหะ
ขนาดใหญ่ก่อนใส่หยดวัชระในขวดลงไปในถัง แรกเริ่ม ไม่มีสิ่ง
ใดเกิดขึ้น แต่ทีละน้อย
เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความ เจ็บปวดที่มแทงเข้าสู่
ร่างกาย
“ยากทานทนจริง!” ร่างของฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะต้องสั่นออก
เพราะความ
เจ็บปวดราวผิวหนังกําลังฉีกกระชากออกจากกัน
มันให้ความรู้สึกราวมี
เข็มนับพันกําลังที่มแทงตามกล้ามเนื้อทั่วร่าง
พร้อมกันนี้
เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังเก้ากระแสที่แทรกซึมสู่ ร่างกาย
“เจ็บมาก นี่มันเป็นความเจ็บปวดเก้าอย่างแล้ว!
หรือนี่เกิดขึ้น เพราะเรา
สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน เพราะแบบ
นั้นเราถึงรับรู้พลังทั้ง
เก้าชนิดจากหยดวัชระ? นี่ความเจ็บปวดที่
เราต้องอดทนมีถึงเก้าประเภท
เลยงั้นหรือ?” ฉินหยุนกัดฟันแน่นสะกดข่มความเจ็บปวด
เขาไม่เคยรู้สึก
เจ็บปวดสาหัสขนาดนี้มาก่อน แต่ก็ว่าไม่ได้
เพราะครั้งนี้คือความเจ็บปวด
ถึงเก้าประเภทด้วยกัน!
ความรู้สึกแรกเจ็บปวดมันทําเอาเขาคิดอยากถอนตัวจากตรง
นี้ ทว่า ยาม
นึกถึงเป้าหมายของตน และการกระทําหยาม
เหยียดต่อตนที่ต้องแบก
รับมาตั้งแต่ยังเยาว์ เขาจึงเลือกส่งเสียง
ร้องและอดทนต่อไป พอได้ยิน
เสียงร้องเจ็บปวดฉินหยุนดังออกมา
มู่หรงต้าเหรินเป็น กังวลไม่ใช่น้อย “พี่
ใหญ่เซี่ย นี่ไม่เป็นไรหรือ? เหมือนน้องหยุน
จะเจ็บปวดสาหัสนัก!”
ใบหน้าของเซี่ยอู่เฟิ งหนักแน่นและกล่าวคํา
“ครั้งหนึ่งเขาคือ องค์ชายรัช
ทายาทที่ร่วงหล่น เหตุผลที่เขาสามารถมาได้ถึง
ขนาดนี้เพราะความ
พยายามอุตสาหะ เส้นทางทั้งหมดที่เขา
ล้วนเดินผ่านมาย่อมต้องผ่าน
ความเจ็บปวดเหลือคนา หาก
เทียบกับประสบการณ์เหล่านั้นแล้ว ความ
เจ็บปวดเท่านี้แทบ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง
ดังนั้นพวกเราไม่ต้องเป็นห่วงเขา
แต่อย่าง ใด”
ตอนท
ี่116 มนุษย์เหล็ก
ระหว่างอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส
ฉินหยุนได้ชักนํา เส้นใย
พลังงานทั้งเก้าเข้าสู่ร่างพร้อมรวบรวมพวกมันไว้ที่หัวใจ
ของตนเอง เขา
อดทนอยู่เกือบทั้งวันกว่าความเจ็บปวดจะลดน้อยลง
เมื่อไร้ซึ่งความ
เจ็บปวดอีกต่อไป เขาจึงค่อยออกจากถังโลหะ
ตอนนี้ หลังผ่านความ
เจ็บปวดทั้งเก้าประเภทมาได้ ด้วยความ
เชื่อมั่นจากทั้งตนเองและผู้อื่น
เป็นเขารวบรวมความกล้าก่อนจะเริ่มรอบถัดไป
“ยังมีอีกสี่ครั้ง
เราต้องกัดฟันอดทนผ่านพ้นมันไปให้ได้” ฉิน หยุนเปลี่ยน
นํ้าในถังก่อนเทหยดวัชระอีกขวดลงไป จากนั้นเขา
จึงเริ่มทําการหล่อเลี้ยง
หัวใจของตนอีกครั้ง
ไม่กี่วันถัดจากนั้น
เขายังคงหล่อเลี้ยงด้วยหยดวัชระให้ กลายเป็นหัวใจ
วัชระอยู่ภายในห้อง ในช่วงสองวันแรก
เขาร้องโหยหวนราวหมูถูกเชือด
แต่อีกสาม วันถัดจากนั้น
เสียงร้องกลับกลายเป็นเพียงเสียงครํ่าครวญ
หลังใช้หยดวัชระทั้งห้าขวดหมดสิ้น
ฉินหยุนจึงพบว่าหัวใจของ ตน
แข็งแกร่งดั่งเพชร
แม้ไม่ทราบแต่นี่สมควรเป็นเขาหล่อเลี้ยง หัวใจด้วยหยด
วัชระจนสําเร็จแล้ว )
เมื่อเขาก้าวเดินออกจากห้อง เซี่ยอูเฟิ งและอีกสอง
คนพลันก้าว เข้ามาถามไถ่
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” เซี่ยอูเฟิ
งตบไหล่ฉินหยุนและยิ้มให้ ฉินหยุน
หัวเราะเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่เซีย ท่านช่วยข้า
ตรวจสอบได้หรือไม่ว่าข้าได้หล่อเลี้ยงบํารุงจน
เป็นหัวใจวัชระ หรือยัง?” เซี่ยอูเฟิ
งใช้สองนิ้วชี้เข้าที่หัวใจของฉินหยุน หลัง
สํารวจ พิจารณา
เขาจึงกล่าวออกด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไป ไม่ได้ ตามปกติแล้วสมควรต้องใช้ราวสิบขวดจึงสามารถเกิดขึ้น
เป็นหัวใจวัชระ
นับว่าแปลกยิ่งแล้วที่เจ้าทําได้สําเร็จโดยใช้ เพียงห้าขวด!”
มู่หรงต้าเหรินโพล่งออกด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
“นี่ไม่ แปลกเกินไปหรือ!? น้องหยุนฝึกฝนเคล็ดวิชาปีศาจอะไรพวก
นั้น
หรืออย่างไร? นับว่าเป็นเจ้าได้ผลประโยชน์มหาศาลยิ่งที่ไม่
ต้องแบกรับ
ความเจ็บปวดของอีกห้าขวด” ฮั่วจงพยักหน้ารับ
ยามเมื่อเอ่ยถึงความ
เจ็บปวดของหยดวัชระ
เขาเองยังต้องเผยร่องรอยความหวาดหวั่น สิ่งที่
พวกเขาไม่ทราบคือ
ฉินหยุนต้องอดทนต่อความเจ็บปวด ถึงเก้าประเภท
ต่อให้เขาผ่านมาเพียงห้าครั้ง มันก็นับว่า
เจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าพวก
เขาสิบเท่าแล้ว
“แล้วหยดวัชระนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน?
ผลลัพธ์ที่ได้นับว่า วิเศษไม่ใช่น้อย
เลยทีเดียว!” ฉินหยุนมองขวดเปล่าด้วยความ
สงสัยยิ่ง เขากล่าวขึ้น “ข้า
สงสัยว่ามันมีความสามารถอื่น นอกจากฝึกฝนหัวใจวัชระหรือไม่?”
“นี่เจ้ายังคิดอยากใช้มันอีกหรือ?” มู่หรงต้าเหรินมองฉินหยุ
นราวกับมอง
สัตว์ประหลาดตนหนึ่ง
อีกฝ่ายเพิ่งเผชิญความเจ็บปวดเพราะหยดวัชระ
กล่าวได้ว่ามัน เป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส
แต่แล้วฉินหยุนกลับไม่คิด
คล้ายหวาดกลัวมันแม้แต่น้อย
“ข้าเพียงแต่สงสัยเท่านั้นเอง”
ฉินหยุนหัวเราะร่วนตอบกลับ เซี่ยอู่เฟิ งเอ่ย
คําพูดขึ้น
“กล่าวกันว่าหยดวัชระเกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ
และสถาบันซานเสวียนก็
ได้รับพวกมันจํานวนหนึ่ง เป็นประจํา
และพวกมันยังทําได้เพียงแค่ช่วยผู้
ฝึกตนให้ฝึกฝน หัวใจวัชระเพียงเท่านั้น” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมั่นใจ
เขาจึง
ทราบว่าอีกฝ่ ายคงได้ทดลองไป ก่อนแล้ว แต่
ฉินหยุนพลันนึกขึ้นได้ว่ามีใน
มือของตนมีอุปกรณ์วิญญาณเก็บ ของอีกสองชิ้น
เขาเอ่ยถามขึ้น
“อาจารย์สองคนนั้นได้สร้าง
ปัญหาต่อพวกท่านหรือไม่?”
เซี่ยอู่เฟิ งหัวเราะ
“พวกเขามาหาเจ้าถึงสองครั้งด้วยซํ้า บรรดา ศิษย์ที่
อาจารย์ทั้งสองท่านนั้นสอนสั่งไม่ใช่ชั่ว
ดังนั้นในภาย หน้าพวกเราควรต้อง
ระมัดระวังตัวลูกไม้ตํ่าช้าไว้ให้มาก”
แม้อาจารย์เหล่านั้นระดับพลังเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เจ็ดหรือ
แปด แต่ความสามารถไม่อาจดูถูกได้ พวกเขาสามารถ
ครอบครอง
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ หมายความว่าพวก
เขาต้องอดออมไปไม่ใช่
น้อยกว่าจะได้รับพวกมันมาครอบครอง
“ฉินหยุน ในช่วงหลายวันนี้ไม่น่ามีเรื่องอะไร
เจ้าควรทําความ คุ้นชินกับ
หัวใจวัชระก่อนเป็นอันดับแรก!
สิ่งแรกที่ต้องทําคือใช้ หัวใจวัชระ
แปรเปลี่ยนสามมหาวิถีและเส้นโคจรทั้งหมดใน
ร่าง” เซี่ยอูเฟิ งกล่าวต่อ
“ขั้นตอนพวกนี้ต้องใช้เวลายาวนาน ไม่ใช่น้อย!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับก่อน
กลับห้องของตนไปฝึกฝนต่อ
กระทั่งว่าที่นี่ไม่มีอาจารย์ให้คําชี้แนะ แต่เซี่ย
อู่เฟิ งนั้นมี ประสบการณ์ฝึกฝนมหาศาล ทั้งยังคอยช่วยชี้แนะแก่เขาได้เป็น
อย่างดี
ภายในห้อง ฉินหยุนหลับตาลง
เขาใช้พลังจิตปกคลุมพลังธาตุ หัวใจ และ
สามมหาวิถีเอาไว้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงการ
เชื่อมต่อใกล้ชิดระหว่างวิถี
ทั้งสามที่เสริมความแข็งแกร่งของ กันและกัน
สองวันให้หลัง มู่หรงต้าเหริน
พลันเคาะประตูห้องของเขาพร้อม ตะโกนเสียงเบา
“น้องหยุน ตอนนี้เจ้าสะดวกออกมาหรือไม่?”
หลังเปิดประตูออก ฉินหยุน
เอ่ยถาม
“สะดวกขอรับ มีเรื่องอัน ใดกัน?”
“ตามข้ามาเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” มู่หรงต้าเหรินพาฉินหยุนออกจาก
บ้านหิน
และเดินไปยังหุบเขาทางตะวันออก
บริเวณหุบเขาทางตะวันออก มีถํ้า
หลายสิบแห่งเรียงรายกันอยู่
ฉินหยุนพบว่ามีศิษย์จํานวนหลายคนกําลัง
ตั้งแถวเข้าในถํ้า เหล่านั้น
พวกเขาคล้ายมีสีหน้าคาดหวังไม่ใช่น้อย ดังนั้น
เขาจึง เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ถํ้าพวกนี้เพิ่งขุดใช่หรือไม่? ภายใน
นั้นมีอะไรกันศิษย์พี่?”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มชั่วร้าย
“ทุกถํ้ามีสาวงามลํ้าเลิศ ตราบเท่าที่ เจ้าเอาชนะ
นางได้ เจ้าสามารถร่วมสัมพันธ์กับนาง...”
พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาจึง
ขมวดคิ้วและเอ่ยคํา
“สถาบันซาน เสวียนบ้าบินเพียงนี้? กระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ทําหรือ?”
มู่หรงต้า
เหรินหัวเราะร่วน
“นี่เจ้าเชื่อจริงหรือ? หากมันเป็นจริง
ข้าคงมาที่นี่ทุกวันไม่ว่างไปเรียกเจ้า
หรอก!”
ฉินหยุนพลันมองเหยียดอีกฝ่ายพร้อมหัวเราะแกมต่อว่า
“ศิษย์ พี่หน้าตาดีเพียงนี้ แทบเทียบเคียงข้าได้
ทั้งยังมีอารมณ์ขัน นี่ไม่
สมควรมีปัญหาเรื่องหาหญิงงามสักคน
แต่แล้วเหตุใดท่านทํา ตัวหิวโซ
เช่นนี้เล่า?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มสงบขณะกล่าวอย่างยึดอก
“เจ้าสนใจหญิงที่ ได้รับมาในมือโดยง่ายงั้นหรือ?
เจ้าช่างไม่เข้าใจวิถีนัก
รัก!” ฉินหยุนทําได้เพียงเม้มริมฝีปากกล่าวถามแล้ว
“แท้จริงในถํ้ามี อะไรกันแน่? เหตุใดทุกคนถึงดูมีความสุขกันนัก?
แล้วพี่
สามก็ เข้าไปในถํ้าแล้วด้วยหรือ?”
เซี่ยอู่เฟิ
งตอนนี้ยืนตรงหน้าทางเข้าถํ้าหมายเลขสิบ ด้วยชุด เครื่องแบบสี
ดํา
มันยิ่งทําให้เขาดูมีชีวิตชีวาทั้งยังแกร่งกล้า ทั่ว ทั้งร่างแทบทอประกาย
ด้วยออร่าดาบเด่นชัด ผู้ใดพบเห็นย่อม
ทราบถึงเจตนาต่อสู้ของเขาที่เปี่ยม
ล้นตั้งแต่ระยะไกล มู่หรงต้าเหรินกล่าว
“ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามส่งมนุษย์
เหล็กมาสิบคน พวกเขา
กล่าววว่าพวกมันคือหุ่นเชิดที่ถูกสร้าง
ขึ้นจากเหล็กวิญญาณระดับสูง
พละกําลังเทียบเท่ากับขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มันถูกสร้างขึ้นโดย
อาจารย์จารึกที่ฝีมือ สูงยิ่ง
ทั้งยังมีความสามารถในการสู้รบไม่ใช่น้อย แม้
บอกว่า
พวกมันเทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แต่ก็ยากแก่ การ
เอาชนะ”
เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนั้น โดยทันที เขารู้สึกสนใจยิ่ง
เขาเคยอ่านตําราเล่ม
หนึ่ง กล่าวว่าอาจารย์จารึกบางท่าน
สามารถขัดเกลาหุ่นเชิดขึ้นมาและใส่
จิตสํานึกต่อสู้และจิต วิญญาณแก่พวกมัน
ซึ่งจะทําให้พวกมันสามารถ
ทํางานและทํา
ให้หุ่นเชิดสามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้
ตามที่มีการเล่าลือ ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์หุ่นเชิดก็คือ
ความสามารถปลดปล่อยกําลังภายใน!
เรื่องนี้เป็นเพียงสิ่งที่ฉินหยุนทราบ
จากตํารา เขายังเคยถาม
ต่อต้วนเฉียนว่าพวกมันสามารถปล่อยกําลัง
ภายในออกได้ อย่างไร ต้วนเฉียนอธิบายให้ฟังว่า
ผู้สร้างหุ่นเชิด
จําเป็นต้องมีกําลัง ภายใน
หากเขาคิดอยากขัดเกลาพวกมัน ก็จําเป็นต้อง
ร่วมงาน กับคนจํานวนหนึ่ง
ทั้งยังต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะ
สามารถขัดเกลาขึ้นได้สักตัวหนึ่ง
มู่หรงต้าเหรินพบว่าดวงตาฉินหยุน
ปรากฏวี่แววคล้ายคลั่งไคล้
อะไรสักอย่างจึงกล่าว
“หากข้าประลองกับมนุษย์เหล็กนั่น และ หากข้าสามารถยืนหยัดอยู่ได้
สองชั่วโมง ข้าจะได้รับหนึ่งแสน แต้มเสวียน
แต่หากไม่ ก็ไม่ได้รับอะไร
เลย!” ขณะกล่าวคํานี้จบ
ร่างโชกเลือดร่างหนึ่งก็พลันถูกโยนออกจาก ถํ้า
หมายเลขแปด
ใบหน้านั้นยับยู่ยี่จนถึงขั้นไม่มีผู้ใดจําได้ด้วย
“นี่เพิ่งครู่เดียวเอง เจ้านี่โดนจัดการจนเละแบบนี้แล้ว!”
มู่ หรงต้าเหริน
ขมวดคิ้วเอ่ยคํา
“มนุษย์เหล็กช่างน่ากลัวนัก สงสัย
จริงว่าน้องสามที่อยู่ข้างในเป็นอย่างไร
บ้างแล้ว”
“นี่ข้าใช้อาวุธได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ไม่ได้” มู่หรงต้าเหรินส่ายหน้าให้
ระหว่างพวกเขาสนทนากัน ก็เดินจนถึง
บริเวณที่เซี่ยอู่เฟิ งยืน รออยู่ก่อนแล้ว
ตอนท
ี่117 อ
ุ
ปกรณต
์ ัง้ธาต
ุ
แสง
ถํ้าค่อนข้างลึก ภายในเป็นห้องหินขนาดใหญ่
ห้องหินถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างพิถีพิถัน
ดังนั้นกระทั่งเสียง เล็กน้อยที่
เกิดขึ้นจากด้านในจึงไม่มีทางหลุดรอดออกไป
ผลลัพธ์ก็คือ ผู้ที่อยู่ภายนอกไม่มีทางรับรู้ได้ว่าภายในเกิด
เรื่องราวอันใด
ขึ้น ผู้คนเริ่มคลานกันออกจากถํ้าแล้วถํ้าเล่า
พวกเขาล้วนสภาพแทบ
พิการ!
พอเห็นเช่นนี้จึงทําให้ผู้คนที่เรียงแถวกันอยู่ด้านนอกถํ้ารู้สึก
หวาดกลัวลึกลํ้าถึงหัวใจ หากเป็นผู้ขลาดเขลา
เมื่อได้เห็นสภาพศิษย์คน
อื่นปางตาย คลานกันออกมา พวกเขาจะเริ่มถอย
พวกเขาทั้งหมดต่างออก
จากแถวที่ตั้งเรียงก่อนหน้า
ทั้งยอมปล่อยวางเรื่องการท้าทาย มนุษย์เหล็ก
ที่แข็งแกร่ง!
“มนุษย์เหล็กแข็งแกร่งเกินไป!
ถึงกับทุบตีผู้คนได้ระดับนี้ พละกําลังของ
พวกเราแทบไม่ต่างกัน หากเข้าไปก็สมควร บาดเจ็บเช่นเดียวกันแล้ว
หาก
ไม่สามารถรั้งถ่วงไว้ได้นาน แบบ
นั้นแม้อดทนได้ระดับหนึ่งก็ไม่ได้อะไร
ตอบแทนกลับมา”
“ถอนตัวก่อน!
หากโดนมันทําร้ายเข้าสักทีได้พิการไปอีกหลาย ปีแน่!” “ดู
ทางฉินหยุนและพรรคพวกสิ
มารอชมกันดีกว่าว่าพวกนั้น จะอยู่ได้นานแค่
ไหน หากพวกมันพิการได้ นับว่าเป็นฟ้ามีตาแก่
พวกเราแล้ว” การอดทน
ให้ได้สองชั่วโมงไม่ใช่งานง่ายเพียงแค่คิด
คนกลุ่มแรกที่เข้าไป มีเพียงชั่ว
จงที่ยังไม่ออกมา เซี่ยอูเฟิ งกล่าว
“น้องสามชั่วแข็งแกร่งมาก พวกเราอย่าได้ห่วง
หากรับไม่ไหวเขาสมควร
ออกมานานแล้ว”
ฉินหยุนมองหน่วยอื่นใกล้เคียง
แม้พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ วิญญาณ แต่พวก
เขาก็ยังมีชุดเกราะเหล็กกล้าสวมใส่ ทั้งยัง
ผ่านการเสริมพลังป้องกันมา
ระดับหนึ่งแล้วด้วย เขาเดินเข้าหาเซี่ยอู่เฟิ
งและกล่าวถามเสียงเบา
“พี่ใหญ่เซีย สามารถใส่อุปกรณ์ป้องกันที่ผ่านการขัดเกลาได้หรือไม่?”
เชี่ย
เฟิ งพยักหน้ารับ
“พวกเราสามารถสวมใส่ชุดเกราะ!
แต่หากไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกันที่ดีพอ มัน
ก็จะกลายเป็นเพียงแค่เศษ เหล็กไร้ค่าก้อนหนึ่ง”
“ทุกคนต่างก็อยากได้
แต้มเสวียนกันทั้งนั้น เพราะพวกเขาจะได้
เอาไปแลกเป็นเม็ดยาวิญญาณ
เส้นโคจรทองคํา กับเม็ดยา
วิญญาณต้นกําเนิดทองคํา แต่ละเม็ดสูงค่าถึง
สามล้านแต้ม เสวียน!”
“เม็ดยาวิญญาณเส้นโคจรทองคําสามารถขัดเกลาสามมหาวิถี
ได้ เม็ดยา
วิญญาณต้นกําเนิดทองคําสามารถขัดเกลาวัชระพลัง
ปราณ สิ่งเหล่านี้
มูลค่าสูงลํ้า ทั้งยังนับเป็นเม็ดยาชั้นเลิศ
ผู้อาวุโสฉือครอบครองอยู่อย่างละ
สี่เม็ด จํานวนของมันมีอย่าง จํากัดยิ่ง
ทุกคนล้วนต้องการไขว่คว้าพวกมัน
มาโดยเร็วที่สุด”
ถัดจากนี้
ฉินหยุนเองก็ต้องการเม็ดยาทั้งสองเพื่อขัดเกลาวัชระ แก่สาม
มหาวิถี และยังต้องขัดเกลาวัชระพลังธาตุ
สําหรับฮั่วจง มู่หรงต้าเหริน
พวกเขาต่างก็ต้องการคนละเม็ด เช่นกัน
เท่ากับว่าพวกเขาต้องการทั้งสิ้นสี่
เม็ด! มู่หรงต้าเหรินกล่าว
“พวกเราต้องตั้งใจหาทางคว้าเอาสามล้าน
แต้มเสวียนมาให้ได้ พวกเราจะ
ได้ให้น้องหยุนหลอมวัชระสู่สาม มหาวิถี”
ฉินหยุนกล่าวขอบคุณพวกเขา
จากก้นบึ้งของหัวใจขณะลด เสียงลงและกล่าว
“หากพวกเราสามารถสวมใส่ชุดเกราะ ข้าก็
สามารถสร้างชุดพิเศษได้ ด้วย
ชุดที่แกะสลักผังธาตุแสง มันจะ
ทําการฟื้นตัวอาการบาดเจ็บได้อย่าง
รวดเร็ว” พอเซียอี้เฟิ
งและมู่หรงต้าเหรินได้ยินดังนี้ พวกเขาถึงกับตื่น ตะลึง
เซี่ยอู่เฟิ งลดเสียงเบาลง “ดี งั้นไปขัดเกลามันขึ้นมา!
เจ้า ต้องการให้ช่วย
อะไรหรือไม่?”
“ไม่เลย ข้าทําเพียงลําพังได้
พวกท่านเพียงรอพี่สามอยู่ที่นี่ก็ พอ” ฉินหยุน
ยิ้มกล่าวขณะหันกลับและวิ่งไปยังบ้านพัก
ในห้องลับของฉินหยุน เขา
เริ่มทําการหลอมอุปกรณ์ป้องกัน
หลายอย่างพร้อมแกะสลักผังธาตุแสง
“เสื้อ กําไลสอง สนับขาสอง และเข็มขัด
มีสองชุดที่แกะสลัก ผังธาตุแสง
แบบนี้จะทําให้สามารถฟื้นฟูพลังได้หลายเท่า”
ฉิน หยุนหัวเราะคิกคัก
ขณะเริ่มทําการแกะสลัก
เขายังมีหนังสัตว์จํานวนมากที่ผ่านการจัดการ
แบบพิเศษ มาแล้ว
เขาเพียงใช้พลังวิญญาณสะสมไว้ในพลังภายในแล้ว
ค่อยทําการแกะสลัก
ทั้งหมดนี้เป็นหยางฉีเย่ว์ทําเตรียมไว้ให้แก่เขา
เมื่อมองหนังสัตว์เหล่านี้
ฉินหยุนพลันนึกถึงหยางฉีเย่ว์จนต้อง ทอดถอน
ใจ
เขายิ่งมายิ่งมีความต้องการรุนแรงคิดช่วยเหลือ นางให้พ้นจากตรวน
แห่งชะตากรรม กําไล สนับขา และเข็มขัด
เหล่านี้ถูกหลอมขึ้นโดยใช้
กระดูก สัตว์ วัสดุไม่นับว่าดีมากนัก
แต่ตราบเท่าที่เขาสามารถสะสม
กําลังภายในและส่งถ่ายต่อไปยังผังวิญญาณได้
มันก็จะช่วยเขา รักษา
บาดแผลได้
หากแกะสลักลงบนวัสดุที่ดีกว่า
มันก็จะสามารถทนได้นาน มากกว่า ยิ่ง
แกะสลักชุดผังวิญญาณมากขึ้น
มันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ โดยรวมมากขึ้น
ฉินหยุนตอนนี้ค่อนข้างเชี่ยวชาญการแกะสลักผังธาตุแสง
เขา สามารถ
แกะสลักพวกมันได้อย่างรวดเร็วไม่น้อย
เพียงครึ่งวันเขาก็ปรับแต่ง
อุปกรณ์แกะสลักผังธาตุแสงแก่ฮั่วจง ได้สําเร็จ
สองวันถัดมา
เขาจึงทําขึ้นอีกสามชุดก่อนเร่งร้อนออกจากห้อง ไป เขา
อยากรีบส่งมอบอุปกรณ์ผังธาตุแสงเหล่านี้แก่เซี่ยอูเฟิ
ง และอีกสองคน แต่
พอออกมาที่โถงหลักของบ้าน
เขาได้เห็นชั่วจงนอนหมด สภาพอยู่บนเก้าอี้
คล้ายจิตวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รอย
แผลฟกชํ้าที่ใบหน้าและดวงตา
ยังคงมีเลือดคลั่ง มองเพียงครั้ง
เดียวก็ทราบว่าบาดเจ็บรุนแรงไม่ใช่น้อย
พอฮั่วจงเห็นฉินหยุนเดินออกมา
เขาจึงยิ้มอ่อนกล่าวคํา
“น้อง หยุน ข้าสามารถทนได้สองชั่วโมง
และได้รับมาทั้งสิ้นหนึ่งแสน แต้ม
เสวียน!”
ฉินหยุนก้าวเดินเข้าหาขณะสํารวจพิจารณาอาการบาดเจ็บ ของ
ฮั่วจง เขาถึงกับอุทานออก
“พี่สาม นี่มนุษย์เหล็กในถํ้านั่น
รับมือยากถึงเพียงนี้เลยหรือ?” กระทั่งชาย
ร่างใหญ่อย่างฮั่วจงยังบาดเจ็บหนักขนาดนี้
ยิ่งไม่ ต้องกล่าวถึงผู้อื่นแล้ว
ฮั่วจงพยักหน้ารับและถอนหายใจ “มันน่ากลัวจริง
ไม่มีโอกาส ให้เอาชนะ
เลย ข้าไม่รู้เลยว่าควรทําอย่างไรดี”
ฉินหยุนนําเอาอุปกรณ์ตั้งธาตุแสงที่ขัด
เกลาขึ้นออกมามอบให้ ฮั่วจงและยิ้มกล่าว
“พี่สาม นี่คืออุปกรณ์ที่ข้าหลอมขึ้นแก่ท่าน
ทั้งยังมีผังธาตุแสงให้ใช้งาน
อาการบาดเจ็บของท่านสมควร หายโดยเร็ว” ผังธาตุแสงเป็นหนึ่งในผัง
วิญญาณหาได้ยากยิ่ง ยังไม่กล่าวถึง
ว่านี่เป็นผังวิญญาณระดับสูง!
ฮั่วจงก็ทราบว่าฉินหยุนกลับมาเพื่อหลอมอุปกรณ์ธาตุแสง
เหล่านี้ เขาเร่ง
รีบรับกําไลคู่และสวมใส่ตามที่ฉินหยุนกล่าว
จากนั้นเขาจึงค่อยเรียกใช้
งานผังธาตุแสงที่ข้อมือขณะมันทอ
ประกายแสงสีขาวเลือนลาง
“รู้สึกสบายมาก!” ฮั่วจงกล่าว
ใบหน้าตอนนี้เปี่ยมด้วยความ ประหลาดใจ
เหลือล้น ฉินหยุนยิ้ม
“เดี๋ยวท่านก็อาการดีขึ้น
ขอข้าไปหาพี่ใหญ่กับพี่ รองก่อน!” เขาเร่งรีบออก
จากบ้านหินขณะมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกของหุบ เขา
เขาเพียงเห็นมู่หรงต้าเหรินยืนอยู่
ทั้งยังมีบาดแผลตามร่างกาย ไม่ใช่น้อย
ในเมื่อยังยืนอยู่ได้
ก็หมายความว่าอาการบาดเจ็บ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เฉิน
หยุนจําได้ว่าครั้งล่าสุดที่มาที่นี่
ถํ้าแห่งอื่นล้วนเต็มไปด้วย ผู้คน แต่แล้ว
ตอนนี้ กลับมีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ที่นี่!
เขามองสํารวจถํ้าแห่งอื่น
มันมีรอยเลือดแห้งกรังปรากฏทั่ว พวกมันน่าจะ
เกิดขึ้นเพราะบรรดาศิษย์ผู้อื่นที่ได้รับบาดเจ็บ
“พี่ใหญ่เซี่ยออกมาแล้ว! สองชั่วโมงแล้วสิ!”
มู่หรงต้าเหริน ตะโกนยินดีเมื่อ
เห็นเซี่ยอู่เฟิ งเดินออกจากถํ้า
ฉินหยุนเดินเข้าหาคิดช่วยพยุงเซี่ยอู่เฟิ ง
“ข้ายังสบายดี กลับกันก่อนดีกว่า!” เซี่ยอูเฟิ
งไม่คล้ายได้รับ บาดเจ็บที่
ภายนอก แต่สีหน้าค่อนข้างไม่ดีเท่าใดนัก
ชัดเจนว่า สมควรเป็นอาการ
บาดเจ็บภายในแล้ว
หลังกลับถึงบ้านพัก
ฉินหยุนนําอุปกรณ์ฝั่งธาตุแสงมอบให้แก่ เซี่ยอู่เฟิ ง
และมู่หรงต้าเหริน ฮั่วจง ผู้ที่เพิ่งสวมใส่อุปกรณ์ธาตุแสงไปเมื่อครู่
ตอนนี้ก็
ฟื้นฟูมา ได้ไม่ใช่น้อยแล้ว
“พี่ใหญ่เซี่ยช่างทําให้อึ้งได้ยิ่งนัก
เข้าไปทั้งสิ้นสามรอบยัง เดินเหินได้ ข้า
เพียงครั้งเดียวก็แทบแย่แล้ว
ครั้งที่สองทนได้ไม่ ถึงสองชั่วโมงด้วยซํ้า”
หลังสวมใส่อุปกรณ์เขาจึงเดินไปมาใน
บ้านขณะยิ้มกล่าว
“ตอนนี้ไม่ต้องหวาดกลัวอันใดอีกต่อไป
ด้วยอุปกรณ์สวมใส่ที่ช่วยฟื้นฟู
พวกเราได้หลายเท่า พวกเรา
น่าจะอดทนได้นานกว่าที่เป็นไม่ใช่น้อย” เซี่ย
อูเฟิ งและมู่หรงต้าเหริน
ผู้ที่เพิ่งได้รับการรักษาจากผังธาตุ แสง ก็ฟื้น
ตัวอย่างรวดเร็ว ฉินหยุนได้เห็นดังนี้จึงยิ้มกล่าว
“งั้น ข้าขอตัวไปลองสู้กับมนุษย์เหล็กดูบ้าง
ข้าอยากทราบว่ามัน แข็งแกร่ง
เพียงใด
เซี่ยอู่เฟิ งกล่าวเตือน “หากเจ้าคิดว่าไม่ไหว
เช่นนั้นก็จงรีบ ออกมา หากมัน
กระทบต่อพื้นฐานของเจ้า แบบนั้นมันอาจ ส่งผลกระทบต่อสภาวะของ
สามมหาวิถีด้วย”
“ขอรับ รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปคนเดียวเอง!”
ฉินหยุนยิ้ม เล็กน้อยขณะเดิน
ออกจากบ้านหิน มุ่งหน้าสู่ถํ้าหมายเลขสิบ
เพียงลําพัง ภายในถํ้า เป็นห้อง
หินกว้างราวสิบเมตรที่ล้อมเอาไว้ด้วยคบ เพลิง
ท่ามกลางคบเพลิงรายล้อม ร่างมนุษย์เหล็กสีดําสูงสองเมตรยืน
ต้องแสง
เพลิง
เป็นผลให้มันยิ่งดูคล้ายมนุษย์ในชุดเกราะผู้หนึ่ง มุมหนึ่งของห้องหิน
มีชายชราเส้นผมสีดอกเลากําลังนั่งอยู่บน
เก้าอี้ เขาคือผู้ควบคุมมนุษย์
เหล็ก เมื่อผู้อาวุโสพบเห็นฉินหยุนเข้ามา
เขาจึงลืมตาขึ้นเล็กน้อย ขณะ
สลบั ดา
้
นนาฬิกาทราย เขาเรม่ินบัเวลาแลว
้! พรอ
้
มกนั น
ี
้
มนษุ ยเ
์
หลก
็
ท่ี
ย
ื
น
ตรงกลางห้องจึงเริ่มออกวิ่ง ฝีเท้า
ของมันเป็นผลให้พื้นถึงกับเกิดอาการ
สั่นสะเทือนอย่างรู้สึกได้
ตอนท
ี่118 สําเร็จวัชระ
แม้มนุษย์เหล็กเผยความดุดัน
แต่ฉินหยุนยังคงนิ่งได้ มนุษย์เหล็กไม่ได้
รวดเร็วอะไรมากนัก แต่เขาก็ไม่ได้คิดประมาท
อีกฝ่าย
“แค่อดทนให้ได้สองชั่วโมง?” ฉินหยุนเลือกหลบ
ก้าวอัคคี เมฆาทําให้เขา
สามารถถอยถึงมุมห้องหินได้อย่างว่องไว
แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดคิดก็
เกิดขึ้น หัวใหญ่โตของมนุษย์เหล็ก
พลันหลุดออกจากร่าง มันมาพร้อม
กําลังภายในแข็งแกร่งยิ่ง
ออกเป็นลําแสงมาทางนี้! ฉินหยุนเร่งร้อนหลบ
เขานึกว่าสมควรหลบได้ไม่ยาก แต่เขาก็
ต้องประหลาดใจ หัวเหล็กนั่นมัน
หันตามและยังคงยิงลําแสงมาทางเขา!
“น่ากลัวอะไรขนาดนี้!” เขาสบถออกในใจ
เขาทราบว่าหลบไป ก็ไร้
ความหมาย จึงเลือกยื่นฝ่ามือออกปล่อยเคล็ดวิชาระเบิด
ปราณ ส่งผลให้
หัวเหล็กนั่นลอยลิ่วกลับ
หัวเหล็กปะทะกับผนังถํ้า หลังกลิ้งหล่นกับพื้น มัน
จึงลอยกลับ ขึ้นกลางอากาศ และก็เหมือนก่อนหน้า
มันยังบินได้ ในที่สุด
ฉินหยุนก็ได้ประสบกับตัวเองว่ามนุษย์เหล็กรับมือได้
ยากเพียงใด
มนุษย์เหล็กสร้างขึ้นจากเหล็กวิญญาณระดับสูง
ทั้งร่างจึง แข็งแกร่งยิ่ง
ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะ ไม่ได้รับ
บาดเจ็บหากคิดต่อสู้กับมนุษย์เหล็กด้วยมือเปล่า
พอเขาเห็นการโจมตี
กําลังจะปล่อยออกจากหัวมนุษย์เหล็ก ร่าง
ไร้หัวของมนุษย์เหล็กพลัน
เคลื่อนไหว แขนข้างหนึ่งของมัน
หลุดออกจากร่างและมาพร้อมพลัง
ภายในที่รุนแรง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ
กระทั่งตัวมนุษย์เหล็กก็พุ่งมาทางนี้
ด้วย!
ฉินหยุนใช้สองหมัดต่อยออก
เขาเลือกใช้ระเบิดปราณอีกครั้ง เพื่อส่งผลให้
หัวเหล็กและแขนเหล็กที่พุ่งเข้ามาลอยกลับไป ถัด
จากนั้น เขาจึงเร่งรีบ
หลบตัวมนุษย์เหล็กที่พุ่งเข้ามา!
ตู้ม!
หลังมนุษย์เหล็กพุ่งมาทางนี้
มันก็ปล่อยหมัดที่ชวนสะพรึงออก! กําลัง
ภายในไหลทะลักรุนแรง หากเป็นเขาที่โดนโจมตี
คงต้อง คลานออกจาก
ถํ้าไปแล้ว!
“อดทนให้ได้สองชั่วโมงถือเป็นเรื่องยากจริง!”
ฉินหยุนกัดฟัน กรอด เขาทํา
ได้เพียงเผชิญหน้ากับศึกยากลําบากครั้งนี้แล้ว
แม้เป็นศึกยากลําบาก แต่
ในใจก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
มนุษย์เหล็กแข็งแกร่ง มันเพียงพอที่จะหล่อ
เลี้ยงประสบการณ์ ต่อสู้แก่เขา
นี่นับเป็นการฝึกฝนประเภทหนึ่ง
“เจ้าก้อนเหล็ก จงเข้ามา! ข้าหาได้เกรงเจ้าไม่!”
ฉินหยุนเสริม ความกล้า
ให้ตนเองขณะปล่อยหมัดออกพุ่งเข้าใส่หัวเหล็กและ
แขนเหล็กที่ลอยเข้า
หาตนอีกครั้งหนึ่ง
เป็นเขารู้สึกยินดียิ่งที่ได้ ต่อสู้กับมนุษย์เหล็กตรงหน้า
หลังผ่านไปหกชั่วโมง
ฉินหยุนจึงค่อยออกจากถํ้าด้วยใบหน้า ปูดบวม
เพราะอุปกรณ์ตั้งธาตุแสงหลายอย่าง เขาจึงสามารถ
อดทนอยู่ได้ถึงหก
ชั่วโมงเต็ม เป็นผลให้ได้รับมาทั้งสิ้นสามแสน
แต้มเสวียนด้วยกัน เซี่ยอู่เฟิ ง
และคณะตอนนี้ก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว
พวกเขากําลังรออยู่
ด้านนอกถํ้า เมื่อเห็นฉินหยุนเดินออกมา
พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เห็น
“ข้าเพิ่งไปสอบถามผู้อํานวยการมา
พวกเราสามารถเข้าถํ้า หมายเลขอื่น
ได้ เพราะพวกนั้นรับมือมนุษย์เหล็กไม่ได้ เลย
ออกไปล่าสัตว์เพื่อหาแต้ม
เสวียนกันแทน” มู่หรงต้าเหรินตบ เข้าที่ไหล่ฉินหยุน
“ข้าขอตัวเข้าไปก่อน” ฮั่วจงเมื่อกล่าวคําจบ
เขาก็เร่งรีบวิ่งเข้า ไปในถํ้า
หมายเลขแปด หลังจากนั้น เซี่ยอูเฟิ
งและมู่หรงต้าเหรินก็เข้าถํ้าอื่น
ใกล้เคียงกัน
ฉินหยุนตอนนี้ต้องกลับไปพักผ่อนและเติมพลังให้อุปกรณ์
หากเป็นแบบนี้
ต่อไป พวกเขาทั้งสี่คนไม่นานก็สมควรได้รับสาม
ล้านแต้มเสวียน หนึ่งวัน
ถัดจากนั้น
พวกเขาทั้งสี่คนกําลังอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ บ้านพักขณะทําการ
เติมพลังให้กับอุปกรณ์ฝังธาตุแสง
ด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ผังธาตุ
แสง พวกเขาจึง
สามารถรับมือมนุษย์เหล็กได้ราวสามถึงสี่ชั่วโมง
“เพียงไม่กี่วัน
พวกเราก็ได้รับมาแล้วสองล้านแต้มเสวียน พรุ่งนี้พวกเรา
สมควรได้ครบสามล้านแต้มเสวียน! ทั้งหมดนี้ก็
เพราะอุปกรณ์ผังธาตุแสง
ของน้องหยุน ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจว่า
เหตุผลอาจารย์จารึกจึงมีสถานะ
สูงส่ง!” มู่หรงต้าเหรินกล่าว ถอนหายใจ
เซี่ยอูเฟิ งกล่าวคํา
“หากพวกเจ้าฝึกฝนวัชระกําลังภายใน ความสามารถ
โดยรวมของหน่วยเราจะเพิ่มขึ้นมาก จากนั้นการ
เข้าสู่สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียนก็สมควรไม่ใช่เรื่องยาก ในช่วงสาม
เดือนถัดจากนี้ การทดสอบเข้า
ร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนจะ เริ่มขึ้น”
พวกเขาล้วนทราบว่าฉินหยุนจะไปเข้าร่วมงานพิธีอภิเษกสมรส
มีแต่ต้อง
ก้าวสู่พลังอีกระดับเท่านั้นจึงจะทําให้เขามีความมั่นใจ
ก่อนไปเข้าร่วมงาน
พิธี ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“พวกเราจะพยายามไปด้วยกัน และ
กลายเป็นยอดฝีมือไปด้วยกัน!” พวก
เขาพักในช่วงกลางคืน และพอรุ่งสางจึงค่อยไปท้าทาย
มนุษย์เหล็กกันอีก
รอบ
การเข้าไปในถํ้าวันละหกชั่วโมงถือว่าเพียงพอแล้ว วันหนึ่ง พวกเขา
ทั้งสี่จะร่วมมือกันสะสมแต้มเสวียนได้ถึงหลักล้านแต้ม!
ไม่กี่วันถัดจากนั้น
บรรดาศิษย์ที่ไปออกล่าสัตว์ปีศาจดุร้ายต่างอึ้งซึ่งเมื่อ
ทราบว่า ฉินหยุนและคณะสามารถได้รับแต้มครบสามล้าน!
สิ่งที่ทําให้
พวกเขารู้สึกตื่นตะลึงคือฉินหยุนและคณะอยู่ในถํ้าได้
ราวหกชั่วโมงโดยไม่
พัก เรื่องนี้ทําเอาพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ!
ที่ประตูห้องผู้อํานวยการไป
ตอนนี้คลาคลํ่าด้วยบรรดาศิษย์ และอาจารย์
“ผู้อํานวยการ หน่วยของเซี่ยอู่เฟิ
งเข้าประลองกับมนุษย์เหล็ก และใช้
อุปกรณ์ผังธาตุแสงจํานวนมากเพื่อให้ยืนหยัดได้นาน
เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม!”
ผู้ที่กล่าวคํานี้คืออาจารย์ท่านหนึ่งจาก
สถาบันยุทธ์เทียนเสวียน
ผู้อํานวยการไปเปิดประตูออกและกล่าวคําด้วยสีหน้าเย็นเยือก
“อะไรคือไม่ยุติธรรม? พวกเจ้าก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน!
กฏดั้งเดิม เกิดขึ้น
เพราะการหารือร่วมกับอาจารย์ทุกท่าน
ตอนนี้พวกท่าน คิดอยากเปลี่ยน
งั้นหรือ เช่นนั้นมาตรฐานมันควรอยู่ที่ใดกัน?”
พวกเขาเองก็อยากใช้ แต่มัน
ไม่มีให้ใช้นี่!
แม้อุปกรณ์ผังธาตุแสงไม่ได้ยากซื้อหาเหมือนอย่างอุปกรณ์
วิญญาณมิติ
เก็บของ แต่ราคาของพวกมันไม่ใช่เล่น กระทั่ง
อาจารย์หลายท่านยังไม่
อาจแม้ฝันถึง
แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าไม่ยินดีของผู้อํานวยการไป๋ ทั้งบรรดา
ศิษย์
และอาจารย์จึงทําได้เพียงกระจายตัวกันไปโดยไม่อาจกล่าวสิ่ง ใดได้
ส่วนทางด้านของอาจารย์จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
เขาเร่ง
ร้อนส่งคนกลับไปรายงานเรื่องนี้ต่อตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามโดย
ทันที
ไม่เช่นนั้นแล้ว
หากฉินหยุนและคณะยังทําแบบนี้ต่อไป พวก เขายิ่งมาจะ
ยิ่งได้แต้มเสวียนจํานวนมหาศาลไปแลกเปลี่ยนเป็น
ทรัพยากรปริมาณ
มาก เซี่ยอู่เฟิ งและคณะก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
แต่เมื่อได้เห็น ผู้อํานวยการ
ไปหาได้มีทีท่าตอบสนองต่อเรื่องราวนี้
พวกเขาจึง ได้วางใจและยังคง
ปฏิบัติการท้าทายมนุษย์เหล็กอย่างต่อเนื่อง
หลายวันให้หลัง
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามถึงกับส่งคน มาย้าย
มนุษย์เหล็กออกไป กฎไม่เปลี่ยน แต่มนุษย์เหล็กสามารถเรียกกลับคืน
เรื่องนี้เป็น
หลักฐานว่าตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามให้ความสําคัญกับ
เหตุการณ์ครั้งนี้เพียงใด เซี่ยอี้เฟิ
งและคณะก็ทราบเรื่องนี้ แต่โชคดีที่พวก
เขารวบรวม แต้มเสวียนได้เพียงพอแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถ
แลกเปลี่ยนเม็ดยาได้ตามที่ต้องการ
กระทั่งว่านํามนุษย์เหล็กออกไป มันก็
ไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรง ต่อพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
เพราะช่วงเวลาที่ผ่าน
มาพวกเขา
รวบรวมแต้มเสวียนตามที่ต้องการได้จนครบถ้วน
พวกเขานําแต้มเสวียนปริมาณมหาศาลไปพบผู้อาวุโสจือเพื่อ
แลกเม็ดยา
วิญญาณเส้นโคจรทองคําหนึ่งเม็ด และเม็ดยาต้น
กําเนิดจิตวิญญาณ
ทองคําอีกสามเม็ด
“หลังจากนี้
พวกเราทุกคนจะได้รับการยกระดับครั้งใหญ่!” เซี่ยอูเฟิ งยิ้ม
กล่าว แม้เขาแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนเพื่อฉินหยุน
และคนอื่นทั้งที่ลงแรงไป
มาก แต่เขาคล้ายไม่ใส่ใจเรื่องนี้แม้สักนิด
“พวกเราเกือบเข้าถึงวัชระพลังธาตุแล้ว เหอะเหอะ
ข้าหวังเสีย จริงว่าการ
ทดสอบปลายภาคเรียนนี้จะมาถึงโดยเร็ว พวกเราจะ
ได้เข้าสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียนพร้อมกัน!” มู่หรงต้าเหริน
หัวเราะคิกคัก
“ภายในสถาบันต้องมีหญิงงามมากมายแน่ ข้า
นั้นหากได้ครอบครองสัก
สามหรือสี่คนก็พอใจแล้ว” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยคํา
“ข้าขอตัวกลับห้องไปฝึกฝนก่อน ข้าจะ
ตามหลังพวกท่านโดยเร็วที่สุด
เท่าที่จะทําได้!”
เขาได้รับเม็ดยาวิญญาณเส้นโคจรทองคําและเม็ดยาต้น
กําเนิด จิตวิญญาณทองคํามาแล้ว
ที่เหลือก็เพียงขัดเกลาสามมหาวิถี ให้
ถึงระดับวัชระ จากนั้นค่อยเป็นวัชระพลังธาตุในคราวเดียว
หลายวันถัด
จากนั้น ฉินหยุน ฮั่วจง
และมู่หรงต้าเหรินต่างเก็บ ตัวเงียบในห้องเพื่อขัด
เกลาเม็ดยา
แม้ฉินหยุนจําเป็นต้องขัดเกลาเม็ดยาถึงสอง แต่เขาสามารถ
เร่ง
ความเร็วเกินมากกว่าสามเท่าจึงสามารถขัดเกลาพวกมันได้สําเร็จ นี่
หมายความถึงอัตราการดูดกลืนพลังจากเม็ดยาของ
เขาสูงลํ้ายิ่ง เมื่อเซี่ย
อู่เฟิ งเห็นฉินหยุนเดินออกมา
เขาถึงกับอุทานร้อง
“น้องหยุนรวดเร็วเกินไปแล้ว! คืบหน้าอย่างไรบ้าง?”
“ดีมากขอรับ ข้านั้นสําเร็จวัชระพลังธาตุแล้ว!”
ฉินหยุนยิ้ม ขณะ
ปลดปล่อยบอลพลังปราณออกมา สิ่งนี้แข็งแกร่งขึ้น
มากกว่าแต่ก่อนไม่ใช่
น้อย ตอนนี้
เขาได้ครอบครองหัวใจวัชระเหลืองดําลึกลํ้า หลังก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
มันจะกลายเป็นสิ่งสําคัญต่อ การฝึกฝน
กายวรยุทธ์ทองคํา
ตอนท
ี่119 วิญญาณสัตว์ร้าย
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ฝึกฝนวัชระพลังธาตุจนได้!”
มู่หรงต้าเหริน หัวเราะลั่น
ขณะเดินออกมา
เขาแทบทะยานร่างมาที่โถงกลางของบ้านขณะคว้า
ผลไม้มากัด กิน เขายิ้มและกล่าว
“ข้ากําลังจะได้เข้าสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ในอีกไม่ช้าแล้ว บรรดาศิษย์และ
อาจารย์สาวงามต้องรอคอยข้า มานานแสนนาน หลังเข้าสู่สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ข้าจะได้เป็น
เด็กหนุ่มซึ่งหล่อเหลาที่สุดในประวัติศาสตร์ของ
สถาบัน!” ฉินหยุนรับแอปเปิลจากอีกฝ่
ายขณะยิ้มกล่าว
“ข้าไม่มั่นใจนัก
ว่าท่านจะหล่อเหลาที่สุดหรือไม่ แต่ท่านนั้นชื่นชมตนเอง
เป็น ที่สุด เรื่องนี้ไม่มีผิดพลาดแน่นอน” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าว
“น้องหยุน ข้าทราบว่าเจ้าอิจฉาข้า
อย่าได้เป็นห่วงไป ข้าจะเหลือศิษย์
พี่สาวงามไว้ให้เจ้าได้เชยชม บ้าง” ขณะนี้เอง
ร่างสูงใหญ่ของฮั่วจงก็โผล่
พรวดออกจากห้อง ฝีเท้า
ของเขาหนักแน่นขนาดทําพื้นบ้านสะเทือน เสียง
หัวเราะดังสนั่นขณะกล่าวคํา
“พี่รองมู่หรง ท่านลืมเลือน
นางแม่มดผู้นั้นไปแล้วหรือ? นางเข้าสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน เช่นกัน ท่านกล้าหยอกล้อต่อนาง?”
พอได้ยินคําเอ่ยถึงเพิ่ง
เฟยหลิง ใบหน้าของมู่หรงต้าเหรินผู้ที่แต่
เดิมหัวเราะยินดีพลันแข็งค้าง
เขากระแอมไอกล่าวคํา
“นางไม่อาจนับเป็นผู้หญิง นางคือผีร้าย!”
มู่หรงต้าเหรินเจ็บปวดเพราะ
เพิ่งเฟยหลิงไปไม่ใช่น้อย เรื่องนี้
ทําเอาฉินหยุนลอบชื่นชม เป็นเพราะเขามี
สัมพันธ์อันดีกับเพิ่ง เฟยหลิง
ทั้งนี้เขายังจะได้นางช่วยดูแลยามเข้าสู่
สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนในภายหน้าด้วย
“พี่ใหญ่ พวกเราตอนนี้อยู่ขีดสุดขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก
แล้ว
ถูกต้องหรือไม่?” ฉินหยุนถาม
เซี่ยอูเฟิ งพยักหน้ารับ
“หลังฝึกฝนวัชระพลังธาตุ เจ้าจะ
สามารถควบแน่นวัชระพลังภายในและ
ปลดปล่อยวัชระกําลัง ภายในออกมาได้
นั่นถือเป็นขีดสุดของขอบเขต
กายวรยุทธ์ ระดับที่หก”
“ถัดไปจากนั้น
คือก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มัน จําเป็นต้องใช้
วัชระพลังภายในเพื่อแปรเปลี่ยนกระดูกใน
ร่างกายสู่วัชระกระดูก
วิญญาณ”
“เมื่อคนผู้หนึ่งฝึกฝนวัชระกระดูกจิตวิญญาณ
ร่างกายของคน ผู้นั้นจะมี
กระดูกเป็นวัชระ นั้นถือเป็นก้าวแรกของการเป็น
ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด!”
“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดคือขอบเขตกายทองคํา
มัน เป็นสิ่งที่
สําคัญยิ่ง!”
จุดประสงค์หลักของขอบเขตกายวรยุทธ์คือการฝึกฝนกายวร
ยุทธ์ ยิ่งมี
การฝึกฝนมากเพียงใด
มันก็จะยิ่งเป็นการหล่อเลี้ยง ร่างกายภาพให้
แข็งแกร่งขึ้น เซี่ยอูเฟิ งกล่าวต่อ
“เจ้าเพิ่งฝึกฝนวัชระพลังธาตุ จําเป็นต้อง
ค่อยก้าวเดินไปทีละก้าว ตรงนี้
ขึ้นอยู่กับโชคแล้ว ตอนนี้ใน สถาบันซานเสวียน
พวกเราถือเป็นก้าว
สุดท้ายของขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว
การทดสอบหน่วยสิ้นภาค
เรียน คราวนี้คงง่ายขึ้นไม่ใช่น้อย”
กิ่ง กิ่ง กิ่ง!
เสียงกระดิ่งกระจ่างชัดดังขึ้นที่ด้านนอกบ้านพัก
“มีเรื่องอะไรกัน?” ทั้งสี่คนจึงเร่งรีบออกจากบ้านพัก
พอถึงที่ลานกว้าง
กลางหุบเขา พวกเขาเพียงเห็นคนจํานวน
หนึ่งกระจายตัวกันอยู่ หน่วยอื่น
เพื่อได้รับแต้มเสวียน พวกเขาออกไปล่าสังหารสัตว์
ร้าย ส่วนศิษย์ที่เหลือ
ในหุบเขาก็คือผู้ที่กําลังฟื้นฟูอาการ บาดเจ็บ
ผู้อํานวยการไปย่อมทราบว่าจํานวนคนเหลือน้อย
แต่เขาก็ยัง สั่นกระดิ่ง
เรียกรวมพล แต่แล้ว เมื่อเขาเห็นเซี่ยอู่เฟิ
งและคณะ ดวงตานั้นพลันเป็น
ประกายขึ้นมา
“เมื่อครู่มีเรื่องสําคัญยิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน”
ผู้อํานวยการไป มองที่ฉิน
หยุนและคณะ
“ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มศิษย์ของตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามเผชิญหน้า
กับอันตราย พวกเขา
ต้องการความช่วยเหลือหลังมุ่งหน้าสู่เทือกเขาเมฆ
มังกร ศิษย์ที่
ยังอยู่ในสถาบันสามารถออกค้นหาและช่วยเหลือพวกเขา
หาก ช่วยเหลือได้สําเร็จ
จะได้รับหนึ่งล้านแต้มเสวียนเป็นการตอบแทน”
หนึ่งล้านแต้มเสวียนไม่นับว่ามาก
กระทั่งว่าไม่ใช่จํานวน เล็กน้อย แต่มันก็
ยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของได้หลาย อย่าง
สําหรับฉินหยุนและ
คณะ สิ่งนี้นับว่าล่อตาล่อใจไม่น้อย
“อาจารย์เองก็ออกเดินทางด้วย
พวกเขาตอนนี้ตกอยู่ใน สถานการณ์ไม่สู้ดี
นัก” ผู้อํานวยการไป๋กล่าวอีกครั้ง
เซี่ยอู่เฟิ งกล่าวถาม
“พวกเขาอยู่บริเวณใดกันขอรับ?”
“หากข้าทราบ ข้าคงออกไปด้วยตัวเองแล้ว!
เพราะแบบนั้นถึง ต้องการคน
จํานวนมากช่วยกระจายตัวกันค้นหาพวกเขา” สี
หน้าของผู้อํานวยการไป๋
ดํามืดขณะเอ่ยคํา
“พวกเขานํามนุษย์ เหล็กจํานวนหนึ่งไปด้วย
แต่แล้วก็ยังพลาดท่า หาก
พบว่าไม่มี พลังเพียงพอช่วยเหลือพวกเขา
เช่นนั้นจงรีบกลับมาแจ้งต่อ
ข้า”
เซี่ยอู่เพิ่งพยักหน้ารับหันกล่าวคํากับฉินหยุนและคณะ
“พวก เราจะออกไปทันที!”
ฉินหยุนและพรรคพวกเพิ่งฝึกฝนวัชระพลัง
ภายใน พละกําลัง ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่
พวก เขาจะได้ออกไปทดสอบพลังของวัชระพลังภายใน
ก็เหมือนอย่างครั้ง
ล่าสุด เซี่ยอูเฟิ งใช้เชือกยาวพาพวกเขาข้าม
ผ่านภูเขาและเข้าสู่เทือกเขา
เมฆมังกร
“งานครั้งนี้เวลาค่อนข้างรีบเร่ง
กระทั่งอาจารย์ยังกระจายตัว ออกค้นหา
กันเลย”
มู่หรงต้าเหรินมองอาจารย์หลายท่านที่บิน ลัดผ่านฟ้าไป
“ไม่ใช่ว่าศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามทรงพลังยิ่ง
หรอกหรือ?
เหตุใดคราวนี้พวกเขาขอความช่วยเหลือเสียได้?
ทั้งยังนํามนุษย์เหล็กที่น่า
กลัวไปด้วยแท้ ๆ!” ฮั่วจงขมวดคิ้ว
ขณะเดินตามทางไปพร้อมบ่นพึมพํา
“ต้องมีอะไรบางอย่างที่ แข็งแกร่งขึ้นปรากฏตัว
มันอาจเป็นสัตว์ปีศาจ
ระดับเก้า” ฉินหยุนเอ่ยคําขึ้น
“พวกเราต้องระวังตัวให้ดี!”
ถัดจากนั้น พวกเขาเริ่มออกค้นหาในป่ า
หลายวันให้หลัง ในที่สุดเขาก็พบ
อะไรบางอย่างเข้า ในป่ าหนาทึบ
ฉินหยุนนั่งยองลงข้างต้นไม้ใหญ่ขณะชี้ที่
รอยเท้า บนพื้น
“ดูนี่ เหมือนจะเป็นรอยเท้าของมนุษย์เหล็กไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ข้าถูกมันเตะอยู่หลายครั้ง
รอยเท้าพวกนั้นประทับบนตัว ข้าอยู่นาน
ข้าจําได้ดี!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวเสริม
เซี่ยอูเฟิ งกล่าวคํา
“พวกเรายืนยันตําแหน่งได้แล้ว! ไปกัน พวก เราต้อง
ระวังอาจารย์คนอื่นด้วย” มีอาจารย์หลายท่านในสถาบันซานเสวียนที่ไม่
เป็นมิตรกับพวก เขา
โดยเฉพาะกับกลุ่มที่มาจากตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม
ไม่กี่วันให้หลัง
พวกเขาติดตามรอยเท้าเข้าสู่ส่วนลึกของ เทือกเขาเมฆ
มังกร
ตอนนี้ยิ่งใกล้กลุ่มศิษย์ของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามทุก
ขณะ พวกเขามาถึงบริเวณป่
าที่ต้นไม้คล้ายลาดเอียง นี่สมควรเป็น
ร่องรอยการต่อสู้
“รอยเท้าค่อนข้างยุ่งเหยิง
ราวกับว่ามีอะไรไล่ตามพวกเขามา แต่ข้าไม่พบ
รอยเท้าอื่นเลย” ฉินหยุนขมวดคิ้วกล่าว
“มันอาจ เป็นตัวอะไรที่บินได้”
“เหมือนจะมีอะไรทางนั้น!” เสี่ยอู่เฟิ
งกล่าวคําขึ้นก่อนบินมุ่ง หน้าสู่ภูเขาสูง
ฉินหยุนและคณะจึงตามติดไม่ห่าง หลังพ้นจากป่ า
พวกเขาได้เห็นถํ้าแห่ง
หนึ่ง
“มีคนอยู่หรือไม่?” เซี่ยอูเฟิ
งตะโกนถามใส่ปากถํ้า
“นั่นใคร?” มีเสียงจํานวนหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน
น่าจะมีหลาย คน
พอสมควร
“พวกเราเป็นศิษย์ของสถาบันซานเสวียน” เซี่ยอูเฟิ
งกล่าวตอบ
ไม่นานจากนั้น คนแล้วคนเล่าเริ่มเดินออกมา
พวกเขามีกันราว สิบคน
ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของตําหนักดวงดาว
ทั้งนี้ยังมีมนุษย์เหล็กจํานวน
หนึ่งเดินนําหน้าออกมาด้วย
พอฉินหยุนได้เห็นบรรดาศิษย์ของตําหนัก
ดวงดาว เขาจึงค่อย ตระหนักว่าหลายคนสูญเสียแขน
ศิษย์ส่วนใหญ่ของ
ตําหนักดวงดาวอยู่ระดับที่หก และมีเพียง
สองคนที่อยู่ระดับเจ็ด ทั้งนี้ยังมี
มนุษย์เหล็กห้าตน พวกมัน นับว่าแข็งแกร่งยิ่ง
แต่จนแล้วจนรอดก็มีสภาพ
น่าสังเวชได้ถึง เพียงนี้
วูบ!
ลมกระโชกรุนแรงพัดผ่าน ชายชราสามคนพลันลงมาจาก
ท้องฟ้า พวกเขา
เหล่านี้คืออาจารย์จากตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม ในที่สุดพวกเขาก็
หาทางมาที่นี่จนได้! เมื่อเห็นพวกเขามาถึง
เซี่ยอูเฟิ งและคณะจึงสบถอยู่
หลายคําภายในใจ
“ศิษย์พี่ พวกเราพบเจอวิญญาณสัตว์ร้าย..”
ชายคนหนึ่งที่ เสียแขนทั้งสอง
ข้างร้องออก
“แขนพวกเราโดนพวกมันกินเข้า ไป!”
“ไม่เป็นไร
ไม่ใช่ว่าที่นี่ก็มีคนมีแขนสมบูรณ์อยู่หรือไร? ทั้งยังมี
ร่างกายที่ดี
ไม่ใช่น้อย ข้าจะตัดแขนพวกมันมาเชื่อมต่อกับ
ร่างกายเจ้าแทนให้”
อาจารย์วัยกลางคนผู้หนึ่งหันกลับมอง ทางฉินหยุนและคณะด้วยรอยยิ้ม
โฉดชั่ว
ตอนท
ี่120 ยันต์เกล็ด
“หนี! ข้าจะหยุดพวกมันไว้เอง!” เซี่ยอู่เฟิ
งตะโกนขึ้นอย่างตะ หนกขณะ
เรียกปราณดาบล้อมรอบร่างกายไว้
จากนั้นมันจึงพุ่ง ปะทะเข้ากับกลุ่ม
ศิษย์และมนุษย์เหล็ก
“พี่ใหญ่ ไม่!” ฉินหยุนตะโกน
“เลิกพูดมากแล้วหนีไป!
กลับไปบอกผู้อํานวยการไป๋!” เซียอู่เฟิ งตะโกนดัง
“อย่าได้ห่วงข้า ถ้าเจ้าไม่รีบไป
งั้นก็จะไม่มีใครได้ หนีรอด!” มู่หรงต้าเหริน
สาปแช่งคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วย
คน แต่แล้วตอนนี้กลับโดนโจมตี เซี่ยอู่เฟิ
งแข็งแกร่ง เขาสามารถสกัดคลื่น
กําลังภายในที่กําลัง ใกล้เข้ามาได้!
“ไปก่อน พี่ใหญ่เซี่ยย่อมมีแผนสํารอง!”
ฮั่วจงตะโกนกล่าว ฉินหยุนกัดฟัน
แน่น เขาทําได้เพียงแต่เชื่อในพละกําลังของ
เซี่ยอู่เฟิ งแล้ว! เขาถึงกับลอบ
สาบานในใจ ว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเซียอี้เฟิ ง
เขาจะไม่ละเว้นกลุ่มคน
โฉดชั่วเหล่านี้อย่างมีชีวิตรอด
ฉินหยุนและคณะเร่งรีบถอยกลับก่อนจะ
กระจายตัวออกเป็น สามเพื่อหลบหนี
เบื้องหลังพวกเขา มีมนุษย์เหล็ก
กําลังไล่ตามมา
พวกเขาต้องกลับสถาบันซานเสวียนโดยเร็วที่สุดเพื่อแจ้งเรื่องนี้
ต่อ
ผู้อํานวยการไป๋!
ฉินหยุนอยู่ลําพังขณะวิ่งหนีเข้าสู่ส่วนลึกของป่
าในเทือกเขา เมฆมังกร
ด้านหลังเขามีมนุษย์เหล็กไล่ตามติด
“ไอ้มนุษย์เหล็กสารเลว
คอยดูเถอะข้าจะทําลายเจ้าให้ได้! ถ้า ทําลายพวก
มันได้ อย่างน้อยก็เอาพวกมันมาจําแนกได้!”
เขาเคยประมือกับมนุษย์
เหล็กมาหลายครั้งแล้ว ทั้งยังตระหนัก ถึงพลังของมันได้เป็นอย่างดี
ด้วย
ฐานะอาจารย์จารึก เขาเองก็
อยากขัดเกลาขึ้นสักตัวหนึ่ง ทว่า พิมพ์เขียว
มนุษย์เหล็กหาได้ยากยิ่ง กองกําลังที่ควบคุม
พวกมันไม่มีวันปล่อยให้
ข้อมูลพวกนี้เล็ดรอดออกมา
“ครั้งก่อนหน้าที่ต่อสู้กับมนุษย์เหล็ก
เราไม่ได้ใช้ค้อนหลอม เพราะแบบนั้น
ก็เลยทําลายการป้องกันมันไม่ได้ ถ้าเราใช้ค้อน
ราชันยักษ์วิญญาณ เราก็
น่าจะโค่นมันลงได้!”
ฉินหยุนนําคอนราชันยักษ์วิญญาณออกมา ขณะพุ่ง
ตัวออก เขา พลันกระโดดพลิกตัวกลางอากาศ
ขณะที่กําลังจะทะยานร่าง
ลง สู่มนุษย์เหล็ก
เขาพลันเปื้อค้อนขึ้นสูงกลางอากาศ ด้วยการที่มีคนเข้า
โจมตีจากความสูงซึ่งมากกว่าตัว มนุษย์
เหล็กจึงตัดสินใจส่งแขนลอยได้
ออกมา มันเปรียบดั่งลูกธนูถูกยิงออก
มันยิ่งเข้าใส่ฉินหยุนที่กําลังทะยาน
ลงมา
ฉินหยุนหวดเข้าใส่แขนของมนุษย์เหล็กส่งมันลอยลิ่วกระเด็น
ไป เขาเริ่ม
โคจรวัชระพลังภายในขณะเตรียมใช้มังกรหลอมหก
กระบวน แรงทุบค้อน
มหาศาลมันฟาดหวดเข้าที่ร่างมนุษย์ เหล็ก!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! อสนีบาต ฟ้าคําราม
แสงสว่าง แยกพสุธา และดารา
ร่วงหล่น! เขาเคลื่อนไหวได้เพียงห้าครั้ง
แต่มันก็เพียงพอให้เกิดรอยบุบบน
ตัวมนุษย์เหล็กได้แล้ว!
หัวของมนุษย์เหล็กถูกบดขยี้
ต้นไม้ในระยะยี่สิบเกือบสามสิบ เมตรแตก
กระจายเพราะคลื่นกระแทก พื้นดินฟังเกิดเป็นฝุ่น
กระจาย!
“ต้องลองกระบวนท่าที่หก สวรรค์ทลาย!”
ฉินหยุนฟาดค้อน ด้วยมือทั้ง
สองเข้าใส่ร่างของมนุษย์เหล็กที่ยืนอยู่
เสียงดังสนั่น บังเกิดราวฟ้าถล่มลง
มา พื้นดินกระทั่งแยกออก!
ตู้ม!
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณฟาดลงเข้าใส่ร่างของมนุษย์เหล็ก
เป็น ผลให้เกิด
ประกายไฟจํานวนมากกระจายตัว คลื่นกระแทกครา
นี้เปรียบดั่งยักษ์
กําลังเขย่าสวรรค์และพื้นแผ่นดิน มันน่าสะพรึง
เกินกว่าจะเปรียบเทียบ
ออก ร่างของมนุษย์เหล็กโดนแรงกระทําจนบุบชู้นี้
ร่างนั้นตอนนี้จม กับพื้น
“ในที่สุดก็จัดการไอ้เวรนี้ได้!”
ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก หลายครั้งก่อน
วางมือลงที่ร่างของมนุษย์เหล็ก เขาเริ่มใช้พลัง
ใส่เข้าร่างของมันเพื่อ
ตรวจสอบภายในของมนุษย์เหล็ก
“มีเส้นความตระหนักรู้นี่คงเป็นเส้นความตระหนักรู้ของคนที่
ควบคุม
มนุษย์เหล็กเอาไว้” ฉินหยุนแค่นเสียง เขาใช้จิต
วิญญาณต้นกําเนิดกําจัด
ความตระหนักรู้นั้นทิ้งไป
ร่างมนุษย์เหล็กพลันกระตุกก่อนจะแน่นิ่ง เขา
เดินไปคว้าเอาแขนมนุษย์เหล็กและหัวของมันมาเก็บไว้
ด้วยกันในมิติเก็บ
ของ จากนั้นจึงค่อยเดินทางกลับสถาบันซาน เสวียน
ฉินหยุนประมือกับมนุษย์เหล็กมาแทบนับครั้งไม่ถ้วน
เขาทราบ ว่ามนุษย์
เหล็กมีรูปแบบอย่างไรราวมองดูหลังมือของตนเอง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาต่อสู้
กับมนุษย์เหล็กด้วยค้อนหลอม เขาจึง
สามารถโจมตีด้วยมังกรหลอมหก
กระบวนได้อย่างไหลลื่นเป็น ธรรมชาติ ทั้งหมดเล็งที่จุดตายของมนุษย์
เหล็กทั้งสิ้น
“มนุษย์เหล็กน่าจะแพงมหาศาล
ไอ้หน้าโง่พวกนั้นถึงกับให้เรา โดยไม่ได้
อะไรกลับคืน!” ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆาก้าวขึ้น
อากาศเร่งทะยานตัวออก
หลังจากวิ่งผ่านมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ในที่สุดฉินหยุนจึงได้ เห็นหุบเขาที่
ถูกล้อมเอาไว้ด้วยภูเขาขนาดใหญ่ยักษ์
วันนี้ผู้อํานวยการไป๋กําลังรอคอย
อย่างอดทนในลานตรงกลาง
หุบเขาเพื่อให้ผู้อื่นกลับมา
ฉับพลัน เขาได้เห็นร่างหนึ่งทะยานลงจากฟ้า
เมื่อมองให้ดีจึง พบ ว่าเป็น
ฉินหยุน
เมื่อฉินหยุนเห็นผู้อํานวยการไป๋จากบนท้องฟ้า เขาเร่งรีบลงสู่
ขณะอยู่กลางอากาศแต่ระยะใกล้พอ เขาตะโกนขึ้น
“ผู้อํานวยการไป รีบ
ไปช่วยเหลือพี่ใหญ่เซี่ยเร็วขอรับ! เขาตก
อยู่ในอันตราย!”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” ผู้อํานวยการไปเพียงมองก็บอกได้ว่าฉัน
หยุนร้อนใจ
เพียงใด
ฉินหยุนเร่งรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้อํานวยการไปอย่างง่าย
เข้าใจและสั้นกระชับ!
เมื่อผู้อํานวยการไปได้รับฟัง ใบหน้าของเขาเปี่ยม
ด้วยโทสะ โดยทันที
เขาทะยานขึ้นสู่อากาศมุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ฉินหยุนบอก
ผู้อํานวยการไปรวดเร็วยิ่ง
ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่อาจไล่ตามได้ทัน เขาทําได้
เพียงแต่รออยู่ที่ลานของสถาบันซานเสวียนให้ฮั่วจง
และมู่หรงต้าเหริน
กลับมา พวกเขาทั้งสองโดนมนุษย์เหล็กไล่ล่า
แต่โชคดีที่พวกเขารู้จัก
มนุษย์เหล็กเป็นอย่างดีไม่แพ้ฉินหยุน
ดังนั้นเขาจึงไม่กังวล
“ไอ้พวกสารเลวจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามช่าง
กระทําตัวไร้
กฎเกณฑ์เกินไปแล้ว พวกมันคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ฉินหยุนกลับบ้านหิน
ขณะพยายามสะกดข่มโทสะเอาไว้
โดยเฉพาะกับตอนที่นึกย้อนถึงสีหน้า
ของอาจารย์วัยกลางคนผู้ นั้น
เขาแทบคิดอยากสังหารอีกฝ่ายให้ตายตก
เขาอยากที่จะ สับแขนของมันออกพร้อมปาใส่หน้าของศิษย์จากตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม!
“เราต้องขัดเกลายันต์ที่น่าสะพรึงขึ้น!”
โดยทันที ฉินหยุนนึกขึ้นได้ว่าตน
สามารถสร้างยันต์วิญญาณ
ระดับกลางหรือกระทั่งระดับสูงได้!
หนังสัตว์ระดับที่หกน่าจะเพียงพอให้ขัดเกลายันต์วิญญาณ
ระดับกลาง
ทว่า
เขารู้สึกคล้ายยันต์วิญญาณระดับกลางยังไม่แข็งแกร่งพอ เพราะมัน
ไม่อาจใช้รับมือกับผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้
“ยันต์กระดูก ยันต์เกล็ด...
ยันต์ที่หลอมขึ้นจากกระดูกสัตว์หรือ เกล็ด
เกราะ
ร่างกายของมังกรดําวารีที่ฆ่าไปก่อนหน้าก็ ประกอบด้วยเกล็ดและ
กระดูกจํานวนมาก นี่หมายความว่ามัน
น่าจะเหมาะให้ใช้ขัดเกลาได้ เขา
นําเอาเกล็ดของมังกรดําออกมา
เกล็ดนี้ขนาดราวอ่างล้าง หน้า ทั้งยังหนา
ยิ่ง มันเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ใหญ่เกินไป ต้องทําให้มันเล็กลง!”
ฉินหยุนนําเตาหลอมออกมาก่อนเริ่ม
เผาไหม้เกล็ดดังกล่าว จนกระทั่งอ่อนนิ่ม
จากนั้นจึงนํามันออกมาทุบ
หลอมอยู่หลาย ครั้ง
ถัดจากนั้นจึงค่อยขัดเกลาพวกมันให้ขนาดเหลือ
ประมาณ ยันต์กระดาษ
และค่อยเริ่มกระบวนการแกะสลักผังวิญญาณ
“แกะสลักสองผังวิญญาณเท่ากับเป็นยันต์วิญญาณ
ระดับกลาง!” หลัง
คว้าจับมีดแกะสลัก ฉินหยุนจึงเริ่มนึกถึงผัง
วิญญาณก่อนเริ่มแกะสลัก
เขาแกะสลักอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของมาแล้วจํานวนหนึ่ง
และความ
ยากในการแกะสลักพวกมันยังยากยิ่งกว่าหลายเท่า
เพราะฉะนั้นงานที่ทํา
อยู่ตรงหน้านี้จึงไม่ได้ยากเย็นสําหรับเขา
แต่อย่างใด ตอนนี้
การแกะสลักผังวิญญาณสองฝังบนเกล็ดจึงเป็นเรื่อง
ง่ายดาย เพียงสองชั่วโมง
เขาก็ทํายันต์วิญญาณระดับกลางได้สําเร็จ
เพราะยันต์นี้สร้างขึ้นจากเกล็ดมังกร
มันจึงสามารถใส่กําลังภายในลงไป
ได้!
“ถ้าเราผสานพลังภายในเข้าไป มันจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”
ฉินหยุนคว้า
ยันต์ดังกล่าวไว้พร้อมใส่วัชระพลังภายในลงไป
มัน ใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมง
เต็ม
“เหมือนยันต์ในมือนี่จะเทียบได้กับยันต์ระดับสูง?
กระทั่งว่า เป็นยันต์
ระดับสูง
มันก็ไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บรุนแรงให้กับ ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้!”
เขานึกถึงครั้งซุยฮ่วยใช้ ยันต์อสนีบาตชั้นเลิศกับ
พยัคฆ์โลหะ ครั้งนั้นมันสร้างอาการ
บาดเจ็บได้ร้ายแรงยิ่ง แต่ว่า เขาคิดว่า
การป้องกันของมนุษย์ผู้หนึ่งไม่สมควร
แข็งแกร่งเทียบเท่าพยัคฆ์โลหะ
หากต้องเผชิญหน้ากับยันต์ เกล็ดระดับกลาง
กระทั่งว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ
รุนแรง แต่อย่าง
น้อยก็ต้องสร้างความเสียหายได้ไม่ใช่น้อย
ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินยังไม่กลับมา
ดังนั้นเขาจึงเริ่มขัดเกลา ยันต์เกล็ด
ระดับกลางต่อไป หลังผ่านไปหนึ่งวัน
เขาจึงหลอมยันต์เกล็ดระดับกลางได้
ทั้งสิ้น สิบแผ่น “น้องหยุน น้องหยุน!”
มู่หรงต้าเหรินตะโกนเสียงดังเมื่อ
กลับ มาถึงพอฉินหยุนได้ยินเสียงนี้
เขาเร่งรีบออกมาและพบว่ามู่หรงต้าเห
รินและฮั่วจงกลับมาพร้อมกัน
“น้องหยุน ดีนักที่เจ้าปลอดภัย...
นี่เจ้าได้แจ้งต่อผู้อํานวยการ ไป๋หรือยัง?”
มู่หรงต้าเหรินถอนหายใจโล่งอก
ฉินหยุนนั่งที่เก้าอี้ทั้งคิ้วขมวด เป็นเขา
กังวลยิ่งขณะบอกเล่า ออกไป
“ทันทีที่ข้ากลับมาถึง ข้าบอกต่อเขาแล้ว
หลังฟังคําข้า จบ เขาก็เร่งรีบ
ออกไปพร้อมโทสะ ข้าสงสัยยิ่งนักว่าตอนนี้พี่
ใหญ่เซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง
แล้ว”
“อย่าได้ห่วงไป พี่ใหญ่เซี่ยแข็งแกร่งยิ่ง ด้วยอุปกรณ์ผังธาตุ
แสงที่เจ้าขัด
เกลาบนร่างของเขา ไม่น่าจะเกิดปัญหาอันใดขึ้น!”
ฮั่วจงกล่าว
“ในอดีตครั้งพวกเราตกอยู่ในอันตราย บ่อยครั้งเขา
ก็จะบอกให้พวกเรา
หลบหนีไปก่อน”
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น