วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

1300-1400

ตอนที่ 229 พลังของมังกรหลอม
คําของจ้าวตําหนักตะวันตก เป็นผลให้หญิงชรามีโทสะ “ตอนนี้พวกมัน
ล้วนตายหมดสิ้น ทั้งยังพ่ายแพ้ตายตก เรื่องนี้ สมควรลืมเลือนไป!” จ้าว
ตําหนักตะวันตกยิ้มอ่อน
“ตําหนัก ตะวันออกควรจัดงานฉลองแล้ว ตอนนี้ มีเพียงแต่เจ้าที่มีหวัง
ได้รับฉินหยุน หากพวกเรายอมรับเขาเป็นศิษย์ตําหนักดวงดาว วิญญาณ
สีคราม เช่นนั้นหลายเรื่องในภายหน้าคงไม่เกิด”
พรสวรรค์ของฉินหยุน มันทําเอากระทั่งจ้าวตําหนักทั้งสี่ริษยา ก่อนหน้านี้
ฉ่วยอี้ฮวยได้เชื้อเชิญฉินหยุนให้เข้าร่วม แต่เขาก็ ปฏิเสธกลับมา ด้วยเหตุ
นี้พวกเขาจึงไม่มีทางเลือก นอกจาก ยอมปล่อยไปก่อน
“เหมือนจะมีคนบงการศิษย์ทั้งสี่คนนั้นนะ เจ้าไม่คิดสืบสาวราว เรื่อง
หน่อยหรือ?” จ้าวตําหนักทิศใต้ยิ้ม
“ใครบงการพวกเขากัน? เรื่องนี้สมควรลืมเลือนได้แล้ว ข้าจะ กลับไป
พักผ่อน” กล่าวคําจบ จ้าวตําหนักตะวันตกจึงเร่งร้อน จากไป จ้าวตําหนัก
ที่เหลืออีกสาม ทราบกันดีว่านี่เป็นการหลีกเลี่ยง เรื่องราว เพราะทุกคน
ทราบชัดเจนว่าเซี่ยวหยางหลงคือผู้บง การ
ฉินหยุนและคณะกําลังเยียวยาอาการบาดเจ็บกันอย่างเงียบงัน ผู้ซึ่งฟื้นฟู
ได้รวดเร็วที่สุด ไม่ใช่ฉินหยุน แต่เป็นเสวี่ยซือเยี่ย หลายคนต่างสงสัยว่า
เหตุใดนางจึงฟื้นฟูรวดเร็วเพียงนี้ หลังนางฟื้นฟูแล้ว จึงค่อยออกไป
ลาดตระเวนให้ผู้อื่น ไม่ช้า ฉินหยุนและคณะจึงค่อยฟื้นฟู หลังออกจาก
สถานที่เกิด เหตุ พวกเขาทั้งสี่จึงหายไปจากผนังผลึกแก้วอีกครั้ง
ความจริงที่ว่าไม่อาจเห็นพวกเขาทั้งสี่ ทําผู้คนต่างผิดหวัง พวก เขาได้แต่
รอคอย คาดหวังว่าฉินหยุนจะปรากฏภาพขึ้นอีกครั้ง เมื่อต่อสู้กับสัตว์อสูร
“น้องหยุน ข้าไม่คิดจริง ๆ ว่าเจ้าจะเลื่อนระดับกะทันหันได้ เช่นนี้” มู่
หรงต้าเหรินยังคงวิ่ง “แล้ววิญญาณยุทธ์ของเจ้ายังทรงพลังเพียงนี้?!”
ฉินหยุนยิ้ม “นี่ไม่มีทางเลือกอื่น หากข้าไม่เลื่อนระดับ พวกเรา ก็มีแต่ต้อง
ตาย” ดวงตาสีม่วงของเสวี่ยซือเยี่ยทอประกาย กล่าวคําเสียงเบา
“หัวหน้า ขอบคุณ ไม่อย่างนั้น... ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องตาย อย่างน่า
สมเพชแล้ว!”
“ในเมื่อเรียกหาข้าเป็นหัวหน้า ข้าก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น อย่าได้
ขอบคุณข้า!” ฉินหยุนยิ้ม
“พวกท่านกระทั่งวางแผน เสียสละตนเองเพื่อให้ข้าหลบหนี สมควรเป็นข้า
ต้องกล่าวคํา ขอบคุณ”
เสวี่ยซือเยี่ยพนักหน้ารับ เผยรอยยิ้มอ่อนจาง รอยยิ้มงดงามนี้ หายวับทัน
ตาเมื่อฉินหยุนพบเห็นเข้า
“โอใช่ หลังข้าเลื่อนระดับ พลังจิตของข้าจึงเพิ่มขึ้นด้วย! ตอนนี้ข้าจึงได้พบ
ว่าตรงที่พวกเราสังหารพยัคฆ์ทมิฬก่อนหน้า นี้ มีอะไรคล้ายกระแสผัง
จารึกมิติ” ฉินหยุนคิ้วขมวด
“เป็นไปได้? เป็นอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ? เหตุใดพวกเรา ไม่กลับไป
ตรวจสอบดูหน่อย?” มู่หรงต้าเหรินพลันตื่นเต้น ขึ้นมา
“ไม่ มันหายไปหลังศึกใหญ่จบ ตอนนี้มีออร่าหลงเหลือกระจาย ทั่ว ไม่
เพียงแต่ดึงดูดสัตว์อสูร ยังจะดึงดูดหน่วยอื่นมาด้วย เพื่อ ความปลอดภัย
ทางที่ดีพวกเราอย่าได้กลับไปจะดีกว่า”
แม้ฉัน หยุนพบว่าแปลก แต่เขาไม่คิดนํามาใส่ใจ เสวี่ยซือเยี่ยกล่าว “พวก
เราต้องเร่งมือ และสังหารพวกสัตว์ อสูร ก่อนหน้านี้เป็นพวกเราเสียเวลา
ไปมากแล้ว” พวกเขาต้องกลับไปประตูหลักของตําหนักดวงดาววิญญาณ
สี ครามเมื่อฟ้าหม่นแสง แต่ตอนนี้ พลังที่ไข่มุกเสวียนดูดกลืนไปได้ยังไม่
มากพอ พวกเขาไม่ทราบว่าจะรักษาอันดับหนึ่งเอาไว้ ได้หรือไม่ อันดับ
หนึ่ง แต่ละคนจะได้รับหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน มันลํ้าค่า อย่างยิ่ง!
มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าว “น้องหยุนตอนนี้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่
แปด หากพวกเราร่วมมือกัน ย่อมสามารถสังหารสัตว์ อสูรระดับเก้าได้
ง่ายดาย ตราบเท่าที่เจอสักตัว หลังจากนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก”
ขณะฉินหยุนเดินไป เขาก็ปล่อยพลังจิตออกสํารวจ ฉับพลัน เขาพลันพบ
ระลอกคลื่นมิติอีกหนึ่ง ด้วยความงงงัน เขาเอ่ยคําเบา
“แปลก สัมผัสมิติผันผวนได้อีก แล้ว และตรงนั้นก็มีสัตว์อสูรอยู่ด้วย” มู่
หรงต้าเหรินได้ยินจึงครุ่นคิด เขายิ้มและกล่าว
“มิติผันผวน สมควรเป็นอุปกรณ์วิญญาณมิติ นอกจากพื้นที่เก็บของแล้ว
ยัง มีอุปกรณ์วิญญาณที่สามารถส่งภาพและเสียง! และที่ซึ่งมีการ ต่อสู้
หรือสัตว์อสูร นี่ควรเป็นมีคนลอบจับตาดูพวกเราแล้ว?”
“เป็นไปได้มาก!” ใบหน้าฉินหยุนแตกตื่นขณะเอ่ยคําเบา
“การต่อสู้ของพวกเราก่อนหน้านี้ จะต้องมีคนรู้เห็น!”
“จริงหรือ? ความหล่อเหลาและสง่างามของข้าถูกผู้อื่นจับตาม องหรือนี่
เช่นนี้ข้าคงไม่มีหน้าไปพบผู้อื่นในภายหน้าแล้ว” มู่ หรงต้าเหรินร้องออก
เสวี่ยซือเยี่ยพึมพํา
“หากเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ก็ชวนลําบากใจ แล้ว!”
“จะอะไรก็ดี ไว้กลับไปค่อยพูดคุยกัน พวกเราตอนนี้สมควร สังหารสัตว์
อสูรเพิ่ม เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับอันดับหนึ่ง เช่นนี้ แต่ละคนจะได้รับหนึ่ง
ร้อยล้านแต้มเสวียน” ฉินหยุนเร่งรีบทะยานออก มุ่งหน้าสู่ก้อนหินยักษ์
ก้อนหนึ่งซึ่งสูง หลายสิบเมตร ที่ตรงนั้น มีสัตว์อสูรหลบซ่อนอยู่ หลังจาก
พวกเขาไปถึงที่นั่น ร่างเงาจํานวนหนึ่งพลันปรากฎ ด้านบนก้อนหิน พวก
มันเหล่านี้คือสัตว์อสูรบินได้ ร่างกาย คล้ายเหยี่ยว
“สัตว์อสูรบินได้!” มู่หรงต้าเหรินเร่งรีบโบกพัดในมือ ปลดปล่อยกระแส
กําลังภายในรุนแรง พัดเข้าใส่เหยี่ยวทั้งห้าตัว ที่ถลาลงมา เหยี่ยวเหล่านั้น
โดนคลื่นลมพัดพาจนโกลาหล จนไม่อาจบินได้ ดังใจ อย่างไรแล้ววัชระ
กําลังภายในที่มู่หรงต้าเหรินปลดปล่อย ออก สามารถโจมตีเหยี่ยวพวกนี้
ได้อย่างแม่นยํา
“พวกเราควรขึ้นไปไหม?” เสวี่ยซือเยี่ยมองพวกมันสูงกว่าร้อย เมตรบนฟ้า
และเอ่ยถาม
นางและฮั่วจงไม่อาจเข้าถึงความสูงระดับนั้น แต่ยังสามารถ ปลดปล่อย
พลังเข้าใส่พวกมันได้ “ไม่ต้อง! สัตว์อสูรพวกนี้เชี่ยวชาญการบิน หากบิน
ขึ้นไป มีแต่ จะตกอยู่ในอันตราย พวกเราเพียงโจมตีจากบนพื้นก็พอ”
ฉิน หยุนนําเอากระบี่แก่นจิตออกมา และปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์
อสนีบาต อัคคี เขาผสานมันเข้ากับตัวกระบี่ก่อนใช้เคล็ดวิชาเท วะควบคุม
บังคับกระบี่ให้บินออกไป
ทั้งความเชี่ยวชาญในตัวเคล็ดวิชาเทวะควบคุม และขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่แปด เขาสามารถผสานวิญญาณยุทธ์เข้าสู่ อุปกรณ์วิญญาณ เป็น
ผลให้พวกมันทรงพลังอํานาจมากยิ่งขึ้น กระบี่บินในอากาศ นําทางซึ่งสาย
อสนีบาตทองม่วงจากแขน ของฉินหยุน พวกมันไม่ได้แยกออกจากกายฉิน
หยุนโดย สมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้ วิญญาณยุทธ์ภายในกระบี่จะสามารถ
ดูดกลืนพลังภายในได้อย่างต่อเนื่อง
มู่หรงต้าเหรินจัดการเหยี่ยวไปตัวหนึ่ง ถัดจากนั้นจึงเป็นกระบี่ ของฉินหยุน
สับฟันปีกของเหยี่ยวตัวหนึ่งไป ตุบ! ร่างของเหยี่ยวหล่นลงกับพื้น เกิดเป็น
เสียงตกกระแทก ฮั่ว จงและเสวี่ยซือเยี่ยเร่งรีบเข้าไปปลิดชีพเหยี่ยวตัวนั้น
โดยทันที เหยี่ยวทั้งห้าตัวเป็นสัตว์อสูรระดับแปด พวกมันร่วงหล่นทีละ ตัว
เมื่อโดนกระบี่ของฉินหยุนสับฟัน เพียงอึดใจ เหยี่ยวที่ร่วงลงมาทั้งห้าตัว
ฮั่วจงและเสวี่ยซือเยี่ย ร่วมมือกันช่วยนําแก่นอสูรออกมา
หลังดูดกลืนพลังในแก่นอสูร ฉินหยุนจึงเร่งรีบค้นหาสัตว์อสูร ตัวอื่น
“เหยี่ยวระดับแปด เป็นสัตว์อสูรยากรับมือ เพราะพวกมัน สามารถบิน จึง
สร้างความรําคาญให้ได้มาก ผู้ใดจะคิดกันว่า พวกมันจะถูกสังหารแทบ
ในทันทีเช่นนี้!”
อาจารย์ชราท่านหนึ่ง รับชมผนังผลึกแก้วทั้งร้องอุทาน เป็น “ฉินหยุนก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ตอนนี้เขายิ่ง สังหารสัตว์อสูรได้รวดเร็ว
มากขึ้น!”
“ดูนั่น พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับเก้าแล้ว! เป็น ตั๊กแตนหกปีก!
ไอ้เจ้านี่สังหารศิษย์ระดับเก้าของพวกเราไป มาก!”
“นี่ออกจะเป็นปัญหาแล้ว ตั๊กแตนหกปีกมีพละกําลังมากล้น บินได้รวดเร็ว
ไม่สิ เร็วมากเลยต่างหาก กระทั่งหน่วยของ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้า
ยังไม่อาจจัดการมันลงได้”
ทุกคนล้วนกําลังรับชมตั๊กแตนตัวหนึ่ง ร่างของมันสูงราวมนุษย์ กําลังบิน
ด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าหาฉินหยุนและคณะ มันมี ขากรรไกรตั๊กแตนอยู่คู่
หนึ่ง สามารถตัดร่างของผู้คนได้อย่าง ง่ายดาย ฉินหยุนทราบ ว่าตั๊กแตนสี
แดงตัวนี้ซึ่งบินเข้าหาเขาแข็งแกร่ง ยิ่ง แต่อย่างไรแล้ว มันก็แค่สัตว์อสูร
ระดับเก้า โดยทันที เขานํา ยันต์สะกดกายระดับกลางออก พร้อมขว้างปา
มันเข้าหาตั๊กแตน ตัวนี้อย่างรวดเร็ว ตั๊กแตนบินมาด้วยความเร็วสูง พลัน
ชะงักร่วงหล่นกับพื้น
ถัดจากนั้น ฉินหยุนควบคุมกระบี่สับฟันหัวของตั๊กแตน มู่ หรงต้าเหริน
ปลดปล่อยวัชระกําลังภายในจากระยะไกล ยิงเข้า ใส่หัวของตั๊กแตนเป็น
การซํ้าเพื่อความมั่นใจ อํานาจของยันต์สะกดกายมีผลน้อยลง เสวี่ยซือ
เยี่ยทะยานกาย ออกไปแล้ว เคียวคู่ของนางสับฟันรวดเร็วที่ปีกของ
ตั๊กแตน ยั่ว จงทะยานกายตามไป ไม้คทาฟาดเข้าใส่หัวของตั๊กแตน
อย่างไร ซึ่งความปราณี
ฉินหยุนนําคอนราชันยักษ์วิญญาณ ทะยานกายลงจากฟ้า หัว ค้อนทุบเข้า
ราวอุกกาบาตร่วงหล่นใส่ เป็นเขาใช้มังกรหลอมหก กระบวน ทลาย
อุกกาบาต!
ตู้ม! ค้อนยักษ์บรรจงทุบลงที่หัวของตั๊กแตน ผังแปรธาตุและผังบ้า คลั่ง
ทํางาน พลังร้อนแรงเผาไหม้ระเบิดออก หัวของตั๊กแตน กลายเป็นเถ้าถ่าน
สะเก็ดเพลิงปลิวกระจายไปทั่ว ฮั่วจงและเสวี่ยซือเยี่ยที่อยู่ด้านข้าง กระทั่ง
อยู่ห่างราวสิบเมตร ยังโดนอิทธิพลคลื่นความร้อน ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็น
สีแดง เพราะความร้อน เม็ดเหงื่อผุดไหลออก ภายในใจพวกเขาเปี่ยม ด้วย
ความหวาดกลัวต่อคลื่นความร้อนแผดเผานี้ เมื่อศิษย์ของตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม ได้เห็นฉินหยุน สังหารตั๊กแตนหกปีกด้วยการโจมตีเพียง
อึดใจ
พวกเขาล้วนอึ้ง จนถึงภายในด้วยค้อนทุบลงมาครั้งหนึ่ง เกราะหนาของ
ตั๊กแตนกลับ กลายเป็นอ่อนยวบ พลังเช่นนี้เหลือเชื่อจนเกินไป และที่ควร
ทราบคือ ฉินหยุนอยู่เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด! ฉ่วยอี้ฮวยตระ
หนักขณะกล่าวคํา
“ผังแปรธาตุของฉินหยุน สมควรเป็นผังวิญญาณชั้นเลิศ เพื่อให้เกิดคลื่น
ความร้อน รุนแรง มันกระทั่งหลอมเหลวสัตว์อสูรระดับเก้าได้ในพริบตา
เด็กหนุ่มผู้นี้ วิญญาณยุทธ์สมควรกลับคืนเป็นปกติแล้ว ด้วย ค้อนเมื่อครู่
มันเพียงพอที่จะให้เขามีกําลังหลอมวัสดุเพื่อ อุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ!
บางทีเขาอาจขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณชั้นเลิศได้จริง!”
ด้วยการขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศที่อายุสิบหก กระทั่ง สวรรค์ยัง
ต้องแตกตื่น! สําหรับฉินหยุน หากเขาสามารถหลอม อุปกรณ์วิญญาณชั้น
เลิศได้จริง เรื่องนี้ทําผู้อื่นแทบไม่อยาก ยอมรับ
แม้ไม่มีใครมั่นใจว่าฉินหยุนสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณชั้น เลิศได้จริง
หรือไม่ แต่พวกเขามั่นใจ ว่าค้อนยักษ์ราชันวิญญาณ ในมือฉินหยุน อย่าง
น้อยก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง!
ด้วยความสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่อายุสิบหก สามารถ
กล่าวได้ว่าเป็นการท้าทายสวรรค์แล้ว! ในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดจากนั้น ทุกคน
ต่างได้รับชมฉินหยุนนํา หน่วยตนเอง พยายามอย่างหนักเพื่อปลิดปลง
สัตว์อสูรระดับ แปดและเก้าไปที่ละตัว เป็นเขาได้รับแก่นอสูรระดับแปด
จํานวนหลายสิบ รวมทั้งระดับเก้าอีกจํานวนหนึ่ง ด้วยความสามารถใน
การต่อสู้ระดับนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่เก้าหลายคนยังต้อง
อับอาย!
ฟ้าเริ่มมืด ฉินหยุนและคณะออกจากภูเขาเกิ้งว้าง มุ่งหน้ากลับ สู่ประตู
หลักของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ที่ตรงนั้น มีหลายหน่วยกําลังรอ
ที่ทางเข้าตําหนักดวงดาว พวก เขาต่างได้รับบาดเจ็บ หลายคนจึงกลับมา
ที่นี่ก่อนถึงเวลา
พอฉินหยุนและคณะกลับมาถึง พวกเขาไม่คล้ายบาดเจ็บแต่ อย่างใด ที่
เห็นก็เพียงแค่คล้ายหมดเรี่ยวแรง
“ฉินหยุน ได้อะไรมาบ้างละ? สังหารสัตว์อสูรระดับแปดได้กี่ตัว กัน?” เด็ก
หนุ่มคนหนึ่งยิ้มให้ขณะเข้ามาถาม
“หลายสิบตัว!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าว
“พวกเราอ่อนแอไป หน่อย จึงสังหารสัตว์อสูรระดับเก้าได้เล็กน้อย พวกเรา
จะได้อัน ใดดีกัน?” ไม่ไกลออกไป คนหนึ่งได้ยินจึงแค่นเสียง
“มู่หรงต้าเหริน อย่าได้กล่าววาจาล้อเล่น ลําพังอะไรกับสัตว์อสูรระดับเก้า
กระทั่งระดับแปดยังไม่ง่ายรับมือ เจ้าสังหารระดับเก้าได้กี่ตัวกัน ละ?”
คน ชายคนนี้มีสัมพันธ์อันดีกับซุนจินเฮ่าและพรรคพวก เขาเกลียด ชังฉิน
หยุนและคณะจึงยิ้มเหยียดกล่าวคํา “หากพี่ซุนสังหาร สัตว์อสูรระดับเก้า
พวกเราจึงค่อยเชื่อ แต่พวกเจ้าหรือ? ฮ่าฮ่า ฮ่า... ได้แต่คุยโอ้อวดโม้
เหม็น!”
“ต้องขออภัยต่อความโม้เหม็นแล้ว แต่พี่ซุนของเจ้าคงไม่ได้ กลับมา
หรอก!” ฉินหยุนยิ้ม
ตอนที่ 230 ท้าประลอง
ซุนจินเฮ่าและคณะ เป็นพวกฉินหยุนลงมือสังหาร ร่างศพถูก เผา
กลายเป็นเถ้าถ่าน เขาย่อมไม่อาจกลับมา
พออีกฝ่ายได้ยินดังนี้ นํ้าเสียงแค่นออกชัดเจน “ฉินหยุน เจ้า หมายความ
ถึงพี่ซุนโดนสัตว์อสูรสังหารหรือ? เจ้าเอาอะไรมา มั่นใจว่าพวกเขาตาย
แล้ว? พวกเขาคือกลุ่มคนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่แปด หากเจ้าไม่ตาย
เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ตาย!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
“พวกมันไม่ได้ถูกสัตว์อสูรสังหาร แต่เป็นข้า! เชื่อหรือไม่ละ?” คํากล่าวนี้
หน่วยอื่นต่างหันมองกันอย่างไม่เชื่อ พวกเขาไม่มี ทางเชื่อ แม้ซุนจินเฮ่า
โดนฉินหยุนตบหน้าไปสองครั้ง ก็ยังไม่ น่าจะสังหารอีกฝ่ายได้ นี่เป็น
เพราะพวกเขาทั้งสี่คนในหน่วย ล้วนเป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด!
“ฉินหยุน เจ้าและมู่หรงสร้างความวุ่นวายเกินไปแล้ว อย่าได้ กล่าววาจาไร้
สาระ! พี่ซุนและคณะจะถูกเจ้าสังหารได้ อย่างไร?”
แม้ชายตรงหน้ากล่าวเช่นนี้ แต่ภายในใจกลับลอบ เชื่อไปแล้ว โดยเฉพาะ
เมื่อได้เห็นสายตาจับจ้องของฉินหยุนที่ มองมา เขาแทบรู้สึกหวาดกลัวอยู่
ภายใน
“ด้วยพละกําลังของพวกมัน ไม่ต่างอะไรกับข้าลงมือสังหาร ตามใจชอบ!
ดังนั้นข้าขอแนะนําให้พวกเจ้าอย่าได้คิดก่อการ อะไรกับพวกเรา
ไม่อย่างนั้น ข้าจะทําให้มั่นใจว่าพวกเจ้าไม่ หลงเหลือร่างหรือเถ้ากระดูก
ทิ้งไว้ในโลกใบนี้”
นํ้าเสียงฉินหยุน หนาวเย็นถึงกระดูก จิตสังหารทะลักในอากาศ ชาย
ตรงหน้า ถึงกับก้าวเท้าถอย ที่นี่ มีหลายคนต่างอิจฉาต่อฉินหยุน
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงใช้
โอกาสนี้ เอ่ย คําเตือนถึงกลุ่มคนให้รับรู้พละกําลังของเขา
ครึก ครึก ครึก... ประตูหลักของตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามค่อย ๆ
เปิดกว้างออก อาจารย์กลุ่มหนึ่งเร่งรีบเดินออกมา
ฉินหยุนมองไป เขาได้พบเชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และอีก หลายคน
ทั้งเซี่ยอูเฟิ งและโฮวฉิงเฟิ งก็รวมอยู่ด้วย พวกเขา รวมอยู่กลุ่มเดียวกัน
นับว่าต้องสายตายิ่งนัก ท้ายที่สุด สายตาของฉินหยุนจึงหยุดลงที่เชี่ยวห
ยางหลง ก่อนหน้านี้ พวกเขาโดนโจมตีโดยพวกซุนจินเฮ่า และชายชรา อีก
หลายคนที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า มีความเป็นไปได้ สูงว่าเซี่ยวห
ยางหลงคือผู้ร้ายที่บงการอยู่เบื้องหลัง ชั่วขณะที่หลันเฟิ งจินเดินออกมา
นางเร่งรีบมาหยุดที่ข้างกาย หน่วยของฉินหยุน นางเอ่ยถาม
“พวกเจ้าฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เรียบร้อยดีแล้ว? พวกเราล้วนได้เห็นความ
ชั่วที่ซุนจินเฮ่าและ คนของมันก่อการ การสังหารพวกมันถือเป็นเรื่องดี
นัก!”
ได้ยินคําของหลันเฟิ งจิน หน่วยอื่นล้วนกายแข็งที่อ! ฉินหยุนและคณะลง
มือสังหารพวกซุนจินเฮ่าจริง!
“เป็นจริงสินะ! พวกท่านล้วนรับชมพวกเราต่อสู้กับสัตว์อสูร โดยตลอด
หรือ?” มู่หรงต้าเหรินหันมองกลุ่มคนกว่าร้อยด้วย
หัวใจแหลกสลาย เป็นเขาต้องมีสภาพไม่น่าดูหลายครั้งครา ภาพลักษณ์
ไม่ดีของเขาถูกผู้คนหมู่มากพบเห็นเข้าเสียแล้ว
“ฉินหยุน อย่าได้กังวลไป แม้เจ้าสังหารพวกซุนจินเฮ่า รวมถึง กายวรยุทธ์
ระดับเก้าของตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามของ เรา ทั้งหมดล้วน
สมเหตุสมผล เจ้าไม่ต้องห่วงว่าจะโดนทําร้าย แสวงการล้างแค้น!” ฉ่วยอี้
ฮวยเดินออกมาพลางหัวเราะ
“แล้ววิญญาณยุทธ์เจ้า หายดีแล้ว? สนใจเข้าร่วมตําหนักตะวันออก
หรือไม่? หลัง ฝึกฝนในตําหนักตะวันออกสักระยะหนึ่ง เจ้าจะได้เข้า
ตําหนัก ศักดิ์สิทธิ์ และกลายเป็นนักบุญวิญญาณสีคราม ถึงตอนนั้นเจ้า
จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก ตําหนักทิศเหนือและทิศใต้ผิวหน้าหนายิ่ง
พวกเขาล้วนเสนอ เงื่อนไขดีงาม เชื้อเชิญฉินหยุนให้เข้าร่วม ทว่าพวกเขา
ทั้งหมดล้วนถูกฉินหยุนปฏิเสธ! ได้เห็นฉินหยุนปฏิเสธพวกเขา ศิษย์ของ
สถาบันเทียนเจียวและ ตําหนักดวงดาว ต่างสับสนุนงง มันเป็นเรื่องยาก
ยิ่งสําหรับเสนอ
พวกเขาที่จะได้เข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ยิ่งไม่ ต้อง
กล่าวถึงตําหนักศักดิ์สิทธิ์ สําหรับพวกเขา ตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสี
คราม คือแดน ศักดิ์สิทธิ์ในฝัน! อย่างไม่คาดคิด ผู้อาวุโสจากตําหนัก
ตะวันตกพลันก้าวเดิน ออกมา นํ้าเสียงนี้หัวเราะและกล่าวคํา
“ฉินหยุน ข้าทราบว่า เจ้ามีเรื่องเบาะแว้งกับตําหนักตะวันตก ทว่าเหล่านั้น
ล้วนเป็น เรื่องเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อย! หากเจ้าต้องการเปรียบเทียบ
รากฐานของพวกเรา ตําหนักตะวันตกถือว่าแข็งแกร่งที่สุด เจ้า ควร
พิจารณาให้ถี่ถ้วน สนใจเข้าร่วมตําหนักตะวันตกของเรา หรือไม่?”
ความขัดแย้งระหว่างตําหนักตะวันตกและฉินหยุนใหญ่หลวง พวกเขา
กระทั่งหน้าหนากล้าเชื้อเชิญฉินหยุนเข้าร่วมตําหนัก ตะวันตก! และสิ่งที่
ชวนให้ตื่นตะลึงที่สุดก็คือ ฉินหยุนคิดอ่านเข้าร่วม ตําหนักตะวันตก!
“ได้ ข้าจะเข้าร่วมตําหนักตะวันตก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าสงสัยนัก ว่าผู้อาวุโส
สามารถตัดสินใจให้ข้าเข้าร่วมตําหนักตะวันตกได้ โดยตรงหรือไม่? และ
ยังจะมอบเงื่อนไขอันงดงามใดแก่ข้า?” ฉินหยุนเผยสีหน้าจริงจังกล่าวคํา
ผู้คนตื่นตะลึง กระทั่งผู้อาวุโสจากตําหนักตะวันตกยังไม่คาดคิด ว่าฉิน
หยุนจะมีความคิดเช่นนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบเอ่ยปาก
“ฉินหยุน เจ้าเอาจริงหรือ?” ฉินหยุนยิ้ม
“แน่นอน ข้าเอาจริง! หากข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้น ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าร่วม
ตําหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม ตําหนักตะวันตกถือว่าร่ํารวย เรื่องนี้
ต่างทราบกันชัดเจน”
“เช่นนี้ ข้าตัดสินใจให้ได้ เจ้าสามารถมาเมื่อใดก็ได้! แต่ว่า ข้า ต้องขอ
อธิบายแต่แรกก่อนเจ้าเข้าร่วม เจ้าต้องทําให้มั่นใจว่า วิญญาณยุทธ์ของ
เจ้ามีสภาพปกติแล้ว” ผู้อาวุโสพยักหน้ารับ ยิ้มกล่าว
“เป็นเรื่องปกติ ที่เจ้าจะสนใจสภาพแวดล้อมที่ดีของ ตําหนักตะวันตก แต่
ข้าก็ยังไม่เชื่อนักว่าเจ้าคิดเข้าร่วมตําหนักตะวันตกจริง!”
ฉินหยุนมองทางเชี่ยวหยางหลง ดวงตานี้เปี่ยมล้นด้วยจิต สังหาร
“นั่นก็เพราะ ข้าคิดเข้าร่วมตําหนักตะวันตก เพื่อท้า ทายเชี่ยวหยางหลง
ข้าจะสู้เพื่อแย่งชิงตําแหน่งหัวหน้าศิษย์มา ครอบครอง!”
ตราบเท่าที่เขามีพละกําลังเพียงพอ ด้วยอายุตามที่กําหนด เขา สามารถ
ท้าทายหัวหน้าศิษย์เมื่อใดก็ได้ เงื่อนไขที่เขาคิดอยาก เป็นศิษย์ของ
ตําหนักตะวันตก ก็เพราะต้องการท้าทายหัวหน้า ศิษย์ของตําหนัก
ตะวันตก เชี่ยวหยางหลงพอได้ยินดังนี้ เสียงหัวเราะดังออก
“ฉินหยุน เจ้าเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด แต่เจ้าคิดอยากท้า
ทายข้าหรือ? ข้าตอนนี้อายุสามสิบสอง ตราบเท่าที่ข้าอายุ สามสิบห้า
หัวหน้าศิษย์จะไม่ใช่ข้าอีกต่อไป ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ อาจฉกชิงตําแหน่ง
หัวหน้าศิษย์ของข้าไปได้!” ฉินหยุนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เขาแค่นเสียง
เอ่ยคํา “
อย่าได้ กังวลไป ภายในสองปี ข้าจะเข้าร่วมตําหนักตะวันตก และจัดการ
เจ้า! แน่นอน ว่าเจ้าต้องรอดจนถึงวันนั้น อย่าได้ไป แสวงหาความตาย
เสียก่อนละ!”
ฝูงชนต่างรู้สึก ว่านี่เป็นฉินหยุนมั่นใจจึงประกาศกร้าว!
นี่หมายความถึงในอีกสองปี เขาต้องก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มีเพียง
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถมีสิทธิ์โค่นล้มเชี่ยวหยาง หลงได้! นอกจาก
เป็นหัวหน้าศิษย์ เชี่ยวหยางหลงยังเป็นรัชทายาทแห่ง เทียนเชี่ยว เขาคือผู้
กุมทรัพยากรของทั้งจักรวรรดิเอาไว้ เขา ย่อมสามารถเลื่อนระดับพลังได้
อีกในช่วงสองปีนี้ เพียงเรื่องนี้ ฉินหยุนก็ไม่อาจใช่คู่ต่อสู้แล้ว
“ฉินหยุน เลิกฝันกลางวัน หากเจ้ายังดื้อรั้น มีแต่จะส่งผลต่อตัว เจ้าเอง”
หลันเฟิ งจินเดินออกมา หยิกเข้าที่แขนของฉินหยุน
“ฉินหยุน ปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่า หากเจ้าผืนเลื่อนระดับ เพราะแรง
กดดัน มีแต่จะยิ่งทําให้การฝึกฝนแตกซ่าน” ตู้ก๋วย กล่าวคําแนะนํา
ฉ่วยอี้ฮวยเดินเข้ามา เขาถอนหายใจและกล่าว “ฉินหยุน ข้า ทราบว่าเจ้า
เกือบจบสิ้นที่ภายนอก ข้าโกรธเคืองต่อเรื่องนี้นัก แต่อย่าได้ห่วง ผู้ร้ายย่อม
ต้องโดนลงทัณฑ์ เพียงมุ่งเน้นฝึกฝน ในเส้นทางของเจ้า อย่าได้กดดัน
ตัวเอง!”
“เย่ว์หลาน รีบเกลี้ยกล่อมสามีเจ้า เป็นเขาจะทําร้ายตนเอง” โฮ้วฉิงเฟิ งก
ล่าว มีเพียงดวงตาของเชี่ยวเย่ว์หลานที่เปี่ยมด้วยความชื่นชม นาง มอง
ฉินหยุน นํ้าเสียงกล่าวคําเย็นชา
“ฉินหยุน หากเจ้าไม่อาจ จัดการเชี่ยวหยางหลงภายในสองปี ข้าจะหย่า
ต่อเจ้า!” โฮ้วฉิงเฟิงคล้ายสุนัขจมปลักโคลน เดินเขาคิดให้เชี่ยวเย่ว์ หลาน
เกลี้ยกล่อมฉินหยุน ใครกันจะทราบว่านางกลับเติม เชื้อเพลิงลงในกองไฟ
แก่ฉินหยุน ผู้คนล้วนกล่าวคําไม่ออก แต่พวกเขารู้สึกว่าทั้งสองนี้คล้าย
เหมาะสมกันยิ่ง กระทั่งเซี่ยอูเฟิ งยังไม่คิดยินยอมให้ฉินหยุนได้ทํา ทว่า เขา
ไม่ อาจกล่าวคําใด เหตุผลหลักก็เพราะ เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงใน
กายของฉินหยุน เพียงแต่ตอนนี้พวกมันยังไม่ได้ปะทุออก
เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียง “ฉินหยุน ในเมื่อเจ้ามั่นใจ ข้าก็ขอพูดที่ตรงนี้ ข้า
จะมีชีวิตรอดรอเจ้ามาท้าทายข้า! แต่ว่า ข้าต้อง บอกต่อเจ้าอย่างหนึ่ง เมื่อ
เวลานั้นมาถึง การประลองจะเป็น โดยเอาชีวิตและความตายเข้าแลก มี
เพียงวิธีนี้จึงสามารถต่อสู้ ได้อย่างเต็มที่”
“เหตุใดข้าจึงไม่กล้า?” ฉินหยุนยิ้มอ่อน ใบหน้ากล่าวคําออก ด้วยนํ้าเสียง
มาดมั่น เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางหยางฉีเย่ว์ ผู้ซึ่งก้มศีรษะลงตํ่าไม่กล่าว คํา
ใด นางทราบว่าฉินหยุนท้าทายเชี่ยวหยางหลงเพราะเหตุผล อื่น เป็นเขา
ต้องการช่วยเหลือหยางฉีเย่ว์ให้พ้นจากสัญญาการ แต่งงาน ผู้อาวุโส
ตําหนักตะวันตกถอนหายใจ
“ในเมื่อเจ้าเลือกแล้ว เช่นนั้นพวกเราไม่แทรกแซงอีก เพราะเรื่องนี้ไม่ว่า
ผลลัพธ์จะ เป็นอย่างไร พวกเราก็ยังจะมีหัวหน้าศิษย์ที่เหนือลํ้า”
“สองปีถัดจากนี้ ข้าจะเข้าร่วมตําหนักตะวันตก และเป็นศิษย์ ของตําหนัก
ตะวันตก จากนั้นจึงท้าทายต่อเชียวหยางหลง!” ฉินหยุนเผยนํ้าเสียงที่ทั้ง
สงบและมั่นใจดังก้องไปทั่วทิศ พลัง ภายในที่เปล่งออกนี้ เป็นผลให้ผู้ฝึก
ตนหลายคนลอบตระหนก ฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
ผู้คนต่างคาดเดา ว่าฉินหยุนได้ ครอบครองแขนราชสีห์สวรรค์และ
วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคี ทองม่วง ทั้งยังเป็นอาจารย์จารึก กล่าวได้ว่า
ระดับความลึกลํ้า ของเขาไม่ธรรมดา! รัชทายาทของหลายอาณาจักร มี
เพียงเชี่ยวหยางหลงที่ยังไม่ โดนฉินหยุนจัดการ หากฉินหยุนจัดการเชี่ยวห
ยางหลง เขาจะ กลายเป็นรัชทายาทซึ่งแข็งแกร่งที่สุดแล้ว! ผู้อํานวยการ
ไป่ตะโกนขึ้น
“พวกเราจะเริ่มทดสอบไข่มุกเสวียน แก่นอสูร! พวกเจ้าคงพบเห็นกันแล้ว
ยิ่งไข่มุกดูดกลืนพลังงาน ไปมากเท่าใด มันจะยิ่งหนักมากเท่านั้น การชั่ง
นํ้าหนักถือเป็น วิธีตรวจสอบที่ดีที่สุด”
“เอาละ เริ่มกันเลย!”
ถึงตอนนี้ ผู้คนเพิ่งนึกเรื่องสําคัญขึ้นมาได้! หน่วยซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเป็นของ
เซี่ยวหยางหลง แต่ซุนจินเฮ่า และคณะตายไปเรียบร้อยแล้ว เชี่ยวหยาง
หลงได้แต่สะกดข่ม โทสะหันกลับ เข้าตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามไป
หลันเฟิ งจินหยิกเข้าที่ใบหูฉินหยุน ต่อว่าเสียงเบา
“เจ้าหนูน้อย เจ้าไม่รู้หรือว่าเชี่ยวหยางหลงคือศิษย์ของจ้าวตําหนัก
ตะวันตก? เป็นมันทําเรื่องเลวร้ายมากมาย และที่ยังไม่ถูกเฉด หัวออกไปก็
เพราะจ้าวตําหนักตะวันตกคอยออกหน้าให้”
ฉินหยุนเผยดวงตาหนักแน่นกล่าวคํา “ไม่สําคัญเลย จะยังไงข้า ก็ต้อง
จัดการมัน!”
หากเขาต้องการที่มั่นในตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขา จําเป็นต้อง
แสดงพละกําลังระดับหนึ่งก่อน จึงค่อยได้รับความ สนใจและมรดกสืบ
ทอด ผู้อํานวยการไป่ เริ่มชั่งนํ้าหนักไข่มุกเสวียนของหลายหน่วย ผลลัพธ์ที่
ได้ชวนอึ้ง ฉินหยุนและคณะ นํ้าหนักที่ชั่งได้มากกว่า หนึ่งร้อยจิน ขณะที่
หน่วยอื่นหนักกันเพียงแค่สิบจินเท่านั้นเอง!
ความแตกต่างระหว่างอันดับหนึ่งและอันดับสอง มากกว่าสิบ เท่าด้วยซํ้า
ความแตกต่างกว้างใหญ่เพียงนี้ ทําเอาหน่วยเล็ก อื่นเริ่มสงสัยถึง
ความหมายของชีวิตพวกตน ฉินหยุนและคณะพอทราบผลลัพธ์ พวกเขา
เก็บอาการยินดีกัน เอาไว้ เพราะพวกเขากําลังจะได้รับกันคนละหนึ่งร้อย
ล้านแต้ม เสวียน!
“หลังจบการทดสอบนี้ อาจารย์ผู้สอน ให้นําหน่วยใต้สังกัด กลับสู่สถาบัน
เทียนเจียวด้วย” ผู้อํานวยการไป่ประกาศ นอกจากหน่วยของซุนจินเฮ่าที่
ถูกกําจัด หน่วยอื่นตอนนี้ผู้คน ล้วนบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังดีที่ไม่ตาย หน่วย
ที่ไม่สามารถกลับมาได้ เพราะสูญเสียสมาชิกทั้งหมด และยังเป็นถึงหน่วย
ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด
ที่น่าตะลึงกว่านั้นคือ หน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ไม่ได้ถูกสังหารโดยสัตว์อสูร
แต่เป็นคน ของหน่วยอื่น ทั้งศิษย์และอาจารย์ของสถาบันเทียนเจียว เร่ง
รีบกลับสู่ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนในชั่วข้ามคืน
ช่วงบ่าย พวกเขาบินเหนือทะเลสาบหมื่นดารา มุ่งหน้าสู่ สถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ฉับพลัน คนหนึ่งตะโกนขึ้น “ดูที่ ทะเลสาบ!” ทะเลสาบหมื่นดาราที
สงบในวันนี้ เกิดคลื่นนํ้า ทว่ามันหาได้มี สายลมพัดผ่านแต่อย่างใดไม่
เรื่องนี้ประหลาดจนเกินไปแล้ว!
ตอนที่ 231 คลื่นวงน ้ำทะเลสำบหมื่นดำรำ
“อาจารย์ ที่ทะเลสาบหมื่นดารามีคลื่น เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” ฉินหยุนเร่ง
รีบเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าตระหนกของตู้ก๋วย ตู้ก่วยและผู้อาวุโสอีกหลาย
ท่านจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ล้วน มีสีหน้าเช่นเดียวกัน มันเป็นร่องรอย
ผสมผสานกันระหว่าง ความหวาดกลัวและตื่นตะลึง หลันเฟิ งจินหยุด
กลางอากาศ คิ้วของนางขมวดขณะมองคลื่น น ้าเบื้องล่าง น ้าเสียงลุ่มลึก
กล่าวออก
“คลื่นในทะเลสาบหมื่น ดาราเป็นลางร้าย เป็นลางบอกเหตุที่จะเกิด
หายนะต่อพวกเรา”
“คลื่นในทะเลสาบหมื่นดาราบังเกิด เก้าตะวันค่อยเลือนหาย หลงเหลือ
เพียงตะวันทมิฬกลางท้องฟ้า นี่เป็นค าท านาย โบราณ!” น ้าเสียงของ
ตู้ก๋วยหวาดกลัว
“หรือก็คือ ดวงตะวันทั้งเก้าจะค่อย ๆ เลื่อนหาย หลงเหลือไว้เพียงตะวัน
ทมิฬบน ท้องฟ้า ตะวันทมิฬ อีกทางหนึ่ง มันสามารถดูดกลืนสรรพสิ่ง”
หัวใจฉินหยุนแทบเต้นผิดจังหวะ เป็นเขาครอบครองวิญญาณ ยุทธ์ตะวัน
ทมิฬในร่าง!
“เรื่องนี้จริงหรือ?” ฉินหยุนมองทางหลันเฟิ งจิน เขาไม่ทราบว่า เพราะเหตุ
ใด ตนจึงรู้สึกถึงความไม่สบายอย่างบอกไม่ถูก
หลันเฟิ งจินสูดลมหายใจเข้าลึก “ข้าไม่อาจทราบว่าจริงหรือไม่ แต่ค า
ท านายนี้มีบันทึกเอาไว้ในต าหนักดวงดาววิญญาณสี ครามของพวกเรา
นานยิ่ง! กล่าวกันว่า ดวงตะวันทั้งเก้าจะ เลือนหายไปทีละดวง ส่วน
ระยะเวลาว่าจะนานเพียงใด ไม่มี ผู้ใดทราบ ทุกครั้งที่ดวงตะวันหายไป
หายนะใหญ่จะบังเกิด เมื่อเก้าดวงตะวันหายจนหมดสิ้น ดวงตะวันทมิฬ
จะปรากฏและ กลืนกินทุกสิ่งอย่างของแดนอ้างว้างทั้งเก้า เมื่อบรรดาศิษย์
และอาจารย์ได้ยินดังนี้ พวกเขาเกิดความสะพรึงเกาะกุม
ตู้ก่วยกล่าว “ค าท านายกล่าวว่า เป็นเพราะเก้าตะวันเกิดไร้ซึ่ง ดวง
วิญญาณ พวกมันจะเริ่มเลือนหาย ส่วนเป็นเรื่องจริง หรือไม่นั้น พวกเราไม่
ทราบแน่ชัด คงมีเพียงแต่พระเจ้าที่ทราบ ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”
“โดยสรุป คลื่นน ้าในทะเลสาบหมื่นดารา ไม่ใช่เรื่องปกติ ธรรมดา”
หลันเฟิ งจินกล่าว
“กลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนกันก่อน” ผู้อ านวยการไป่กล่าวขึ้น ชั่วขณะนี้
ผู้คนแตกตื่น หากเก้าตะวันเลือนหาย แดนยุทธ์ อ้างว้างทั้งเก้าจะจมปลัก
ในความมืดมิด!
หัวใจของฉินหยุนหนักอึ้ง เขานึกย้อนถึงค าพูดของตู้ก่วย เก้า ตะวันไร้ซึ่ง
วิญญาณ..
นอกจากนี้ เขายังมีวิญญาณเทวะเก้า ตะวันในครอบครอง เขาไม่ทราบว่า
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ วิญญาณเก้าตะวันหรือไม่ นอกเหนือจากนี้ ยังมี
วิญญาณเทวะเก้าจันทรา ที่อยู่ในมือของ เซี่ยฉีโหรว
“พี่สาวมหาอุปราช นี่เกิดเรื่องอันใดกัน? ท่านแท้จริงเป็นใคร กันแน่?
ความสัมพันธ์ของท่านและหลุมฝังเซียนคืออะไรกัน?”
ฉินหยุนเริ่มรู้สึก ถึงความลับยิ่งใหญ่ภายในตัวของเซี่ยฉีโหรว หลังกลับสู่
สถาบันเทียนเจียว ชั่วขณะที่ฉินหยุนเข้าไปในอาคาร เขาเร่งรีบกลับเข้า
ห้องตนเองโดยทันที หลังปิดประตู เขาจึงน า แผนที่หลุมฝังเซียนออกวาง
บนโต๊ะ เลือดจากปลายนิ้วถูกหยด ลง
“พี่สาว ขอร้อง รีบตอบข้า!” ฉินหยุนหยดเลือดลงไปขณะเอ่ย ค าออกจาก
ใจ หยดเลือดของเขาบนแผนที่หลุมฝังเซียนขาวกระจ่าง มันถูก ดูดกลืน
รวดเร็ว ผ่านความพยายามชั่วโมงหนึ่ง ฉินหยุนจึงรู้สึก อ่อนแรง แผ่นหลัง
พิงพนักเก้าอี้ เขาพยายามฟื้นฟูพลังด้วยการ ดูดกลืนพลังวิญญาณเก้า
ตะวัน
“ไม่ได้ผล มีแต่ต้องลองกับเสี่ยวเม่ยเหลียน หรือไม่ก็เย่ว์หลาน ให้ท างาน
ร่วมกับแผนที่หลุมฝังเซียนของเรา แต่เสี่ยวเม่ย เหลียนตอนนี้อยู่ระหว่าง
เก็บตัวฝึกตน ไม่รู้เลยว่านางจะออกมาเมื่อใด” ฉินหยุนทราบก่อนหน้านี้
ว่าชี่เม่ยเหลียนได้รับการ คาดหวังเอาไว้สูง นางพยายามอย่างหนัก และ
สามารถเข้าถึง ทรัพยากรการฝึกฝนจ านวนมหาศาลได้ เป็นฉินหยุนยินดี
ต่อนาง เขาคาดหวังว่านางจะแข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนนี้เขาได้แต่รอคอย ให้ชี่เม่ยเหลียนออกจากการเก็บตัว ฝึกฝน แล้ว
ค่อยติดต่อให้เชี่ยวเย่ว์หลานมาที่นี่ เขาคิดอยาก รวมแผนที่หลุมฝังเซียน
ทั้งสามด้วยกัน เพื่อดูว่าจะสามารถ ติดต่อเซี่ยฉีโหรวได้หรือไม่ การเลือน
หายของเก้าตะวัน เป็นการน ามาซึ่งภัยพิบัติทาง ธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่จะ
เกิดขึ้นในอีกหลายปี ไม่ใช่เรื่องที่ควร กังวลตอนนี้ แต่ฉินหยุน เขาคิด
จัดการเชี่ยวหยางหลงภายใน สองปี เรื่องนี้ถือเป็นความส าคัญมาก
“ตอนนี้เราอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด หากต้องการ ก้าวสู่ระดับ
เก้า อย่างแรกที่ต้องเรียนรู้ คือการควบแน่นขุมพลัง ภายในขั้นสูง!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงการชี้แนะของตู้ก่วย เพื่อ ฝึกฝนขุมพลังภายในขั้นสูง
ส่วนที่ยากล าบากก็คือ เขาต้องปลดปล่อยวัชระก าลังภายใน ต่อเนื่อง และ
ใช้มันเพื่อยกระดับวัชระไขกระดูกเพื่อสร้างพลัง ภายในออกมา
“ปลดปล่อยวัชระก าลังภายในต่อเนื่อง? น่าจะต้องใช้พลังไม่ น้อยเลย
ทีเดียว!” ฉินหยุนท าตามค าแนะน าของผู้ก่วย โดยการ ปลดปล่อยวัชระ
ก าลังภายในออก ไม่นานจากนั้น กระแสวัชระก าลังภายในจึงก่อตัวจาก
พลังธาตุ ทั้งสาม ไหลสู่ไขกระดูกเพื่อขัดเกลา เพื่อส าเร็จเป้าหมาย เขา
ต้องปลดปล่อยวัชระก าลังภายในเติมเต็มกระดูกของตนเอง อัตราการใช้
งานพลังถือว่าเหนือกว่าจินตนาการ!
ในช่วงการแข่งขันก่อนหน้านี้ เขาได้ปลดปล่อยวัชระก าลัง ภายในออกไป
บ้าง กระนั้น มันก็ยังต้องใช้ออกอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้หากเขาไม่มั่นใจ
ว่าสามารถล้มคู่ต่อสู้ เขาจะไม่ใช้วัชระก าลังภายในบ่อยนัก เพราะมันมีแต่
จะท าให้ก าลังโดยรวมถดถอย
และตอนนี้ ฉินหยุนก็ก าลังใช้พลังทั้งหมดที่มี เพื่อปลดปล่อย วัชระก าลัง
ภายในโดยไม่หยุดพัก ทั้งหมดก็เพื่อเติมเต็มทุกชิ้น กระดูกภายในร่าง
ระหว่างการฝึกฝน ทั่วร่างจะเผยประกายแสงสีทองอ่อน นี่เป็น เพราะ
กระดูกของเขาเปี่ยมอยู่ด้วยวัชระก าลังภายใน และนี่ยัง เป็นช่วงเวลาที่เขา
ปลดปล่อยพลังออกอย่างรุนแรงที่สุด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง! ฉินหยุนก าลังนั่งขัดสมาธิบนเตียงนอน ค่อยลืมตาขึ้น
ก่อนจะ ล้มกายลงนอน เป็นเขาหมดเรี่ยวแรง พลังธาตุทั้งสามถูกสูบ หาย
จนสิ้น นี่เป็นครั้งแรกส าหรับเขา ที่ปลดปล่อยพลังภายในจนถึง ขีดจ ากัด!
นอกจากนี้แล้ว วัชระก าลังภายในยังกระตุ้นกระดูก และเลือดเนื้อของเขา
อย่างบ้าคลั่ง เป็นผลให้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงจริง ๆ ทั้งกระดูกและเลือดเนื้อ
จ าเป็นต้องใช้ ระยะเวลาเพื่อฟื้นฟูหลังได้รับการบ ารุงเลี้ยงอย่างหนักหนา
กระทั่งว่าเขาหมดแรง
ฉินหยุนก็ยังคงน าเอาเนื้อสัตว์ปีศาจ ออกมากัดกิน หากไม่แล้ว เลือดเนื้อ
และกระดูกของเขาคงไม่มี สารอาหารหล่อเลี้ยงจนฟื้นฟู ถือเป็นเรื่องดีที่
เขาครอบครอง วิญญาณเทวะเก้าตะวัน จึงสามารถท าให้ดูดกลืนพลัง
วิญญาณ บริสุทธิ์ของต้นไม้สมบัติตะวันดารา เป็นผลให้พลังฟื้นคืนอย่าง
รวดเร็ว กว่าฉินหยุนฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน
“หลังฝึกฝนเต็มก าลังตลอดหนึ่งชั่วโมง เราท าอะไรไม่ได้เลย นอกจากพัก
ตลอดทั้งวัน ไม่แปลกใจที่ผู้คนจ านวนมากถึงติดอยู่ ก้าวก่อนถึงขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เก้า”
ฉินหยุนนึก ย้อนกลับไป อารมณ์หลากหลายผสมผสาน ในเมื่อนี่เป็นครั้ง
แรกที่เขาใช้วิธีการนี้ฝึกฝน วัชระไขกระดูกจึง ต้องการ การหล่อเลี้ยงซ ้า
แล้วซ ้าเล่าเพื่อก่อเกิดขุมพลังภายใน ขั้นสูง ตู้ก๋วยยังบอกว่า ผู้ที่เพิ่งก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด จ าเป็นต้องฝึกฝนอย่างน้อยสิบเท่าก่อน
จะฝึกฝนขุมพลัง ภายในขั้นสูงได้ “นี่ไม่ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะไม่
อาจก้าวถึงขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เก้าได้ภายในสองปี! ต่อให้เรา
ฝึกฝนขุมพลัง ภายในขั้นสูง ก็ยังอีกไกลกว่าจะเลื่อนระดับพลัง”
ฉินหยุนทราบดี กระทั่งว่าตนฝึกฝนด้วยวิธีการนี้จนตายตก เขา ก็ไม่อาจ
เลื่อนระดับได้ในระยะเวลาอันสั้น เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ ต่างก้าว
สู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้าตั้งแต่ยังเยาว์
“ค่ายอาคมใหญ่!” ฉินหยุนพลันนึกขึ้นมาได้จึงยินดี
“เราต้อง ติดตั้งค่ายอาคมที่ดียิ่งกว่าอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน” เขา
เคยท ามันขึ้นมาก่อน แต่สภาพผลงานที่ได้ค่อนข้างแย่ ดังนั้นนั่นจึงไม่ใช่
ผลงานที่ดีที่สุดซึ่งเขาท าได้ ตอนนี้ เขามีหลายร้อยล้านเหรียญผลึก ทั้งยัง
มีหนังสัตว์อสูร ระดับสูง เขามั่นใจว่าสามารถสร้างอาคมหนังสัตว์ขึ้นมาได้
โดยทันที ฉินหยุนไปที่โถงของบ้านพัก เขาพบหลันเฟิ งจินก าลัง ชี้แนะฮั่ว
จงและคณะให้ฝึกฝน โดยหลักแล้วจะเป็นเรื่องการใช้ เคล็ดวิชา ตอนนี้เขา
ปรับตัวกับการใช้เคล็ดวิชาได้คล่องแคล่ว ดังนั้นจึงไม่ จ าเป็นต้องร่วม
เรียนรู้ในส่วนนี้ ยกตัวอย่าง ตัวเขาเองตอนนี้ วิชาวายุสังหารส าเร็จถึงขั้น
สมบูรณ์แล้ว กระทั่งสามารถใช้ วัชระก าลังภายในปลดปล่อยมันออกได้
ทว่า การเข้าถึงขั้นสมบูรณ์แบบไม่อาจเป็นไปได้ เพราะวิชา ยุทธ์บางอย่าง
ก็ไม่มีความส าเร็จขั้นนั้นคงอยู่ มีเพียงแต่ต้องรู้ และเข้าใจด้วยตัวเอง
“พี่หลัน สถาบันยุทธ์เทียนเจียวช่วงนี้จะมีอะไรหรือไม่? หากไม่ ข้าอาจจะ
ขอตัวไปท าอะไรสักอย่างด้วยตัวเอง” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมไม่ สถาบันเทียนเจียวจะจัดงานขึ้นทุกสามเดือน กระทั่ง ว่าคิดอยาก
เริ่มอะไรใหม่ ก็ต้องรอให้พ้นสามเดือนก่อน เจ้า สามารถผ่อนคลายไป
ท างานของเจ้าได้” นางทราบว่าฉินหยุน ก าลังไล่หลังให้ทันเชี่ยวหยางหลง
ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“วิเศษนัก ข้าคิดแลกเปลี่ยนแต้มเสวียน จ านวนหนึ่ง แก่นอสูรระดับเก้าที่
ข้าได้รับมา น่าจะเพียงพอให้แลกสองร้อยล้านแต้มเสวียนได้”
“น้องหยุน สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสามและต าหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีคราม เพิ่งตกลงกฎเกณฑ์ร่วมกัน หากเจ้า ต้องการใช้แก่นอสูร
แลกเปลี่ยนแต้มเสวียน เจ้าสามารถแลกได้ เพียงหนึ่งร้อยล้านแต้มต่อปี!”
มู่หรงต้าเหรินถอนหายใจกล่าว
“สารเลว!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสบถออก เสวี่ยซือเยี่ยกล่าว
“พวกเขาไม่คล้ายต้องการแก่นอสูร เพราะ เหตุนั้นอัตราแลกเปลี่ยนจึง
เป็นไปอย่างจ ากัด ส่วนไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรไม่มีข้อจ ากัดตรงนี้ แต่มันยาก
ได้รับมายิ่งนัก”
“ก็ได้ ข้าจะใช้แก่นอสูรแลกแค่หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนก็ได้” ฉินหยุนรู้สึก
ว่าเรื่องนี้ตนท าอะไรไม่ได้ เขาได้แต่เร่งรีบเดินออก จากบ้านพัก มุ่งหน้าไป
พบอาจารย์ท่านอื่น
มีอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ต้องการให้เขาช่วยแกะสลักผัง วิญญาณมิติ
แกะสลักครั้งหนึ่งเขาสามารถได้รับแก่นอสูรระดับ เก้าจ านวนสี่เม็ด เพียง
การแกะสลักผังวิญญาณมิติก็เพียงให้ เขาได้น ามาใช้จ่ายแล้ว ซึ่งที่พวก
เขาได้รับก็จะเป็นอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของระดับกลาง เพียงเท่านั้น
อาจารย์หลายท่านก็พึงพอใจไม่น้อยแล้ว
ในช่วง เช้า เขาแกะสลักเสร็จไปห้าชิ้นงาน รวมแล้วได้แก่นอสูรระดับ เก้า
มาทั้งสิ้นยี่สิบแก่น ที่ศูนย์กลางของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ร้านค้าแต้ม
เสวียนคึกคัก ไม่ใช่น้อย ด้วยฐานะผู้จัดการที่นี่ พานต้าเหว่ยต้องไปทางนั้น
ที่ ทางนี้ที่หลายต่อหลายครั้ง ชั่วขณะที่ฉินหยุนเข้ามาในห้องโถง เขาจึง
พบพานต้าเหว่ยโดยทันที
พานต้าเหว่ยเองก็พบฉินหยุนก่อนจะยิ้มให้ แล้วจึงพาเข้าห้อง รับรองแขก
พิเศษ
“ผู้อาวุโสพาน ท่านพอจะยกเว้นแก่ข้าเรื่องแลกเปลี่ยนแต้ม เสวียนเพิ่มขึ้น
ได้หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนน ้าเอาแก่นอสูรระดับ เก้าทั้งสิ้นหกสิบแก่น
ออกมา และวางพวกมันกองไว้บนโต๊ะ ใบหน้าอ้วนกลมของพานต้าเหว่ย
เผยความล าบากใจ ขณะ ถอนหายใจกล่าว
“ฉินหยุน พูดกันตามตรง เจ้าแลกเปลี่ยน แต้มเสวียนไปมาก เรื่องนี้
สถาบันยุทธ์แห่งอื่นและต าหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามล้วนทราบ
ตอนนี้เจ้าเข้าร่วมสถาบัน เทียนเจียว เจ้าสามารถไปยังสถาบันยุทธ์แห่ง
อื่นเพื่อ แลกเปลี่ยนสิ่งของ ดังนั้นแล้วเหตุผลที่พวกเขาตั้งกฎเกณฑ์นี้
ขึ้นมาก็เพราะเจ้า”
ด้วยอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ฉินหยุนสามารถแลกเปลี่ยน แก่นอสูร
จ านวนมากมาได้ นี่หมายความถึงเขาสามารถได้รับ แต้มเสวียนจ านวน
มหาศาล! หลายคนรู้สึกว่าวิธีการนี้เป็นการ ท าลายวงจรการแลกเปลี่ยน
แต้มเสวียน ดังนั้นพวกเขาจึงคิด จ ากัดเรื่องนี้
แท้จริง การแลกเปลี่ยนหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนในทุกปี มันคือ การจ ากัด
เขาโดยเฉพาะ นี่ก็เพราะศิษย์ส่วนใหญ่ หากได้รับ แก่นอสูรที่สามารถแลก
ได้สักยี่สิบถึงสามสิบล้านแต้มเสวียนต่อ ปี ก็ถือว่าโชคหล่นทับแล้ว ด้วย
ค ากล่าวของพานต้าเหว่ย ฉินหยุนจึงเข้าใจ
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอแลกหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน!” ฉินหยุน เดิมมีหนึ่ง
ร้อยล้านแต้มเสวียน ด้วยอันดับหนึ่งการทดสอบจึง ได้รับอีกหนึ่งร้อยล้าน
เป็นรางวัล ตอนนี้เขาก าลังจะแลกเปลี่ยน อีกหนึ่งร้อยล้าน รวมทั้งสิ้นเขามี
สามร้อยล้านแต้มเสวียนใน ครอบครอง จ านวนเท่านี้ไม่นับว่าน้อย
แก่นอสูรระดับเก้าเม็ดหนึ่ง สามารถแลกเปลี่ยนได้ห้าล้านแต้ม เสวียน
พานต้าเหว่ยรับแก่นอสูรยี่สิบเม็ดจากบนโต๊ะ และส่ง มอบหนึ่งร้อยล้าน
แต้มเสวียนเข้าบัตรของฉินหยุน
“ฉินหยุน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคิดท้าทายเชี่ยวหยางหลง! หากไม่ มีข้อห้าม
เรื่องการแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้า สามารถก้าวสู่ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าได้ในสองปีจริง ต้องขออภัยที่ข้าไม่อาจช่วยส่งเสริมเรื่องนี้”
พานต้าเหว่ยไม่มีหนทางช่วย เขาได้แต่ถอนหายใจ ชัดเจนว่าเขาปรารถนา
ได้รับแก่นอสูร ระดับเก้าจากฉินหยุนมากขึ้นเช่นกัน ฉินหยุนเก็บแก่นอสูรที่
เหลือบนโต๊ะ เขายิ้มกล่าว
“ไม่เป็นไร ขอรับ โลกใบนี้หาได้มีทางตันไม่!” ดวงตาของพานต้าเหว่ยเป็น
ประกายขณะเอ่ยค าขึ้น
“โอ้ใช่แล้ว เจ้าสามารถไปยังต าหนักจารึกเทวะดูได้ เจ้าไม่เคยที่ต าหนัก
หลักเลยใช่หรือไม่? ตอนนี้มีทรัพยากรไม่น้อยในต าหนักจารึกเท วะ พวก
เขาน่าจะมีสิ่งที่เหรียญผลึกไม่อาจใช้ซื้อหาได้อยู่ด้วย”
ตอนที่ 232 เม็ดยำวิญญำณระดับรำชัน
ฉินหยุนคิดอยากแวะเวียนไปที่สาขาหลักของต าหนักจารึกเท วะมานาน
แล้ว ตอนนี้พอได้ยินพานต้าเหว่ยเอ่ยถึง เขาจึงคิดไป ในอีกไม่กี่วันถัดจาก
นี้ ใน
“ตอนนี้เจ้ามีสามร้อยล้านแต้มเสวียน กล่าวได้ว่ามีจ านวนมาก เลยทีเดียว
คิดแลกเปลี่ยนอะไรไปเลยหรือไม่?” พานต้านเหว่ย เอ่ยถาม ฉินหยุน
หัวเราะ
“ผู้อาวุโส ข้าคิดแลกเปลี่ยนเม็ดยาที่จะช่วย เรื่องการฝึกฝน ท่านคุ้นเคยกับ
สิ่งของในร้านค้าแต้มเสวียนดี รบกวนแนะน าให้ข้าแล้วขอรับ” พานต้า
เหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยค า “เม็ดยาวิญญาณ เทวะภายใน เป็น
ประโยชน์อย่างยิ่งส าหรับผู้ฝึกตนที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
แปด จ าเป็นต้องใช้สามร้อยล้าน แต้มเสวียน และหนึ่งร้อยล้านเหรียญ
ผลึกเพื่อแลกเปลี่ยน!”
ฉินหยุนตระหนกขณะร้องอุทาน “แพงนัก!”
พานต้าเหว่ยหัวเราะ “นี่เป็นเม็ดยาวิญญาณระดับราชัน เจ้า คิดเห็นเช่น
ไร? ผลลัพธ์ของมันก็กระจ่างชัด หลายต่อหลายคน หลังก้าวถึงขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่แปด พวกเขาต้อง กระตุ้นก าลังภายในหลายร้อยครั้ง
ก่อนจึงสามารถฝึกฝนขุม พลังภายในขั้นสูง หากพวกเขาคิดอยาก
เชี่ยวชาญขุมพลัง ภายในขั้นสูง ก็จ าเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยนับปี!”
“หากได้รับการช่วยเหลือจากเม็ดยาวิญญาณเทวะภายใน เพียงใช้เวลาแค่
สิบวัน เจ้าก็สามารถข้ามขั้นตอนได้ ทั้งยังไม่มี อาการข้างเคียงเลวร้ายใด”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ ก่อนหน้านี้เขาเคยลองฝึกด้วยตนเองครั้ง หนึ่งแล้ว
ประสบการณ์ตอนนั้นชวนลำบากไม่น้อย
“หากเป็นผู้อื่นถือว่าสบาย! แต่เจ้าไม่อาจ เพราะผู้คนต่าง หวาดกลัวเจ้า
กันหมดแล้ว พวกเขาจะไม่ท้าเจ้าต่อสู้ และไม่ ยอมรับค าท้าของเจ้าต่อสู้เ
กล่าวกันตามตรง วิธีการใช้ลาน ประลองเพื่อแต้มเสวียนไม่ต่างอะไรกับ
การพนันผ่านการ ประลองยุทธ์ ด้วยพละก าลังของเจ้า ใครกันคิดอยาก
ประลอง ด้วย?” หลันเฟิ งจินตบหน้าอกแน่นของเขาขณะกล่าวค า
ฉินหยุนได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตามหลันเฟิ งจินออกจาก สถาบันเทียน
เจียว และมุ่งหน้าสู่ต าหนักจารึกเทวะสาขาหลัก ระหว่างทั้งสองบินเหนือ
ทะเลสาบหมื่นดารา พวกยังคงเห็น คลื่นขนาดใหญ่ที่พื้นผิวของทะเลสาบ
เรื่องนี้ยิ่งท าหลันเฟิง จินเคร่งเครียด หลังบินพ้นจากทะเลสาบหมื่นดารา
หลันเฟิ งจินและฉินหยุนจึง ลงที่พื้น แม้กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าก็
ไม่อาจบินไป ไหนอย่างอิสระในพื้นที่อันตราย เพราะมันอันตรายเกินไป
พวก เขาอาจพบเจอสัตว์อสูรบินได้ที่เคยโจมตีสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เช่น
ครั้งก่อนได้
“พี่หลัน ข้าคิดอยากสร้างค่ายอาคมใหญ่ หากท่านมีเวลา โปรดช่วยเหลือ
ข้า พวกเราจะได้ร่วมมือกัน” ฉินหยุนเอ่ยถาม ขณะวิ่งตามติดด้านหลังห
ลันเฟิ งจิน หลันเฟิ งจินเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง ไม่นับว่าผิดอะไรหาก
เขาคิดขอความช่วยเหลือ นี่เป็นสิ่งที่ฉินหยุนคิด
หลันเฟิ งจินหัวเราะพลางต่อว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนที่เป็นเจ้าคิด ใช้งานข้า
เป็นผู้ช่วย! พูดตามตรง ข้าขอให้เจ้าช่วยขัดเกลายันต์ ให้ ในใจเจ้าตอนนั้น
มองเหยียดข้าใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนกล่าวโดยทันที “ว่าอะไร? พี่หลัน ท่านเป็นโฉมงามที่ ท าหัวใจข้า
เต้นรัวเร็ว แม้ไม่ใช่เลิศล ้า แต่ท่านก็ยังคงงดงามเกิน หน้าผู้ใด ข้าจะมอง
เหยียดต่อท่านได้อย่างไรกัน?”
“สารเลว!” หลันเฟิ งจินหัวเราะตอบกลับ ฉินหยุนกล่าวอย่างสัจจริง ต่อ
หน้าหลันเฟิ งจิน เขากล้าที่จะ กล่าวสิ่งที่คิดภายใน เพราะหลันเฟิ งจินเป็น
คนที่ตรงไปตรงมาผู้ หนึ่ง เหมือนอย่างครั้งเมืองอี้ สาขาหลักของต าหนัก
จารึกเทวะตั้งอยู่ ในสถานที่ซึ่งไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศใด ทั้งยัง
อยู่ใกล้ แม่น ้าเมฆมังกร แม่น ้าเมฆมังกรไหลออกมาจากเทือกเขาเมฆ
มังกร มันไหลผ่าน พื้นที่ประกอบด้วยภูเขาขนาดใหญ่ทั้งสองฟากข้าง มัน
เป็นช่อง เขาโกรกธารที่ลึกเป็นอย่างยิ่ง
สาขาหลักของต าหนักจารึกเทวะ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดใกล้ แม่น ้าเมฆ
มังกร จักรวรรดิเทียนเชี่ยวทั้งอยู่ใกล้เทือกเขาเมฆ มังกร เพราะฉะนั้น
ต าหนักแห่งนี้จึงอยู่บริเวณด้านนอก ชายแดนของจักรวรรดิเทียนเซี่ยว
ภูเขายักษ์ลูกนี้สูงไม่น้อยกว่าหกพันเมตร ด้านบนประกอบด้วย ลมและ
หิมะเย็นเยือกตลอดทั้งปี การปีนขึ้นไปเป็นเรื่องยาก บิน ขึ้นไปก็ไม่ใช่เรื่อง
ง่ายเช่นกัน
ช่วงเหนือเมฆขึ้นไปหลายพันเมตร เป็นเนินลาดชันขนาดใหญ่ และพื้นที่
ลาดชันแห่งนี้ ก็มีอาคารหลายหลังถูกปลูกสร้างเอาไว้ บ้างจากไม้ จากหิน
กระทั่งโลหะ ล้วนมีกันทั้งสิ้น หากมองจากระยะไกล จะคล้ายว่าอาคาร
เหล่านั้นบนภูเขาสูง ก าลังลอยเหนือทะเลเมฆหมอก สิ่งปลูกสร้างจ านวน
นับไม่ถ้วน ล้วนสร้างเอาไว้บนพื้นผิวทะเลเมฆ ภายใต้แสงสาดส่องของ
เก้า ดวงตะวัน มันช่างให้ความรู้สึกวิเศษเกินบรรยาย
ฉินหยุนตามหลันเฟิ งจินผ่านพายุหิมะ จนกระทั่งถึง ช่วงความสูงหนึ่งหมื่น
เมตร ขณะมองไปยังภูเขายักษ์เหนือทะเลเมฆหมอก เขาอดไม่ได้ที่จะร้อง
อุทานด้วยความชื่นชม และตื่นตะลึง หอคอยต าหนักที่ยอดเขา มันยิ่งชวน
ตระการตา เมื่อมองจาก ระยะไกล พวกเขาจะพบถึงความตื่นตะลึงนับไม่
ถ้วนที่ปรากฏ แก่สายตา
“ดูเหมือนต าหนักจารึกเทวะนี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าต าหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีครามของท่าน!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะร้อง อุทานขึ้น
“แน่นอน! ต าหนักจารึกเทวะคือหนึ่งในขั้วอ านาจสูงสุดของ แดนยุทธ์
อ้างว้าง สาขาเช่นนี้กระจายอยู่ทั่วแดนยุทธ์อ้างว้าง” หลันเฟิ งจินเม้มริม
ฝีปากกล่าวค า
“ต าหนักดวงดาววิญญาณสี คราม ถือว่าห่างไกลนักหากคิดเทียบต าหนัก
จารึกเทวะ!” ต าหนักสาขาของต าหนักจารึกเทวะ ล้วนถูกดูแลด้วย
ผู้จัดการและก็จะมีผู้อาวุโสใหญ่ประจ าภูมิภาคคอยดูแลอีกต่อหนึ่ง
ยกตัวอย่าง จ้าวฉวนถือเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของภูมิภาคชายแดนแห่งนี้
จ้าวฉวนให้ค่าฉินหยุนอย่างสูง ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงรู้สึกว่า ครั้งนี้ตน
สมควรได้รับรางวัลครั้งใหญ่เป็นแน่แล้ว หลันเฟิ งจินก็คุ้นเคยกับที่นี่ไม่
น้อย นางเคยมาที่นี่สองครั้งก่อน หน้า แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวก่อนการรุกราน
ของสัตว์อสูร เพื่อเข้าสู่ต าหนักจารึกเทวะ บุคคลจ าเป็นต้องผ่านประตูหลัก
เนื่องจากมีค่ายอาคมใหญ่ที่คุ้มกันตัวภูเขาเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ โดนสัตว์
อสูรบินได้ขนาดยักษ์เข้าโจมตี หลันเฟิ งจินและฉินหยุนผ่านทางเข้าหลัก
เพื่อเข้าสู่ภายในม่าน พลังค่ายอาคมภูเขา จากนั้น พวกเขาจึงมุ่งหน้าไป
ยังต าหนักที่ยอดเขา
หลายพันเมตรเหนือภูเขาแห่งนี้เป็นที่ราบ แต่ละชั้นจะกว้าง หลายพันเมตร
อีกทางหนึ่งของภูเขาจะมีบ้านเรือน และอีกทาง หนึ่งจะเป็นถนนหนทาง
มันดูเป็นถนนที่ค่อนข้างอันตรายแต่ก็ เปี่ยมด้วยความจอแจ ผู้คนที่มาที่นี
ล้วนมีพละก าลังระดับหนึ่ง พวกเขาล้วนมาที่นี่เพื่อ ซื้อหาอุปกรณ์
วิญญาณ ผังวิญญาณ และค่ายอาคม
ฉินหยุนและหลันเฟิ งจินเดินตัดผ่านอยู่ชั่วระยะหนึ่ง จึงค่อยถึง ต าหนักที่
ยอดเขา มันเป็นหอคอยสูง โถงหลักเป็นสีทองค า
อร่ามสูงหลายร้อยเมตร “ต าหนักจารึกเทวะร ่ารวยยิ่งนัก!” ฉินหยุนมองขึ้น
บนเพดาน ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง
ตอนที่ 233 สำขำหลักต ำหนักจำรึกเทวะ
หลันเฟิ งจินและฉินหยุนเดินเข้าสู่โถงกว้างใหญ่ตระการตา ก่อน จะนั่งลงที่
มุมหนึ่ง มีผู้คนมากมายต่างนั่งเช่นเดียวกัน ราวกับ พวกเขาก าลังรอคนผู้
หนึ่ง
บางคน ก็เป็นผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจากต าหนักจารึกเทวะ เพื่อการ
แกะสลักหรือขัดเกลาอุปกรณ์ พวกเขาล้วนรอคอยที่นี่ ฉินหยุนมาที่นี่เพื่อ
พบจ้าวฉวน และถามต่ออีกฝ่ายว่าตน สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาที่
ต้องการได้หรือไม่
หลันเฟิ งจินเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง และเป็นผู้ที่ผ่านการ ทดสอบของ
ต าหนักเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนางจึงมีสถานะสูงส่ง ตราบเท่าที่นางเผย
เหรียญตราอาจารย์จารึกระดับสูงในมือ นาง จะสามารถเข้าพบจ้าวฉวน
ได้โดยทันที
คนของต าหนัก ได้รายงานต่อจ้าวฉวนเรียบร้อยแล้ว พวกเขา ได้แต่รอ ไม่
นานนัก ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหาแจ้งต่อหลันเฟิ งจิน ว่า จ้าวฉวนมีเวลา
ว่างคิดอยากพบนาง ดังนั้น นางและฉินหยุนจึง ตามชายหนุ่มขึ้นสู่ชั้นสอง
ซึ่งเป็นส่วนรับแขก
ฉินหยุนและหลันเฟิ งจินเข้าไปจึงได้พบจ้าวฉวน จ้าวฉวนคือผู้อาวุโสใหญ่
ทว่าเขาคือผู้สวมใส่ชุดเรียบง่ายสี ขาว เมื่อเขาเห็นฉินหยุน ร่องรอย
ตระหนกเกิดขึ้นเล็กน้อยก่อน หัวเราะเดินเข้ามา เขาเป็นชายเส้นผมขาว
ทั้งศีรษะ ทว่าหาได้ดู ชราภาพไม่ กลับกัน เขากลับดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าคน
หนุ่มด้วย
“ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสใหญ่!” หลันเฟิ งจินกล่าวทักทายจ้าวฉวนด้วย
รอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสใหญ่ ไม่เจอกันนานขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะ
จ้าวฉวนยิ้มลูบที่ศีรษะฉินหยุน เขากล่าว “เจ้าหนู นี่เจ้ามีเวลา มาหาข้าถึง
ที่นี่ได้อย่างไรกัน? หรือเจ้าตัดสินใจเข้าร่วมต าหนัก จารึกเทวะแล้ว?”
วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนฟื้นฟูแล้ว จ้าวฉวนทราบเรื่องนี้เป็น อย่างดี
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขายินดียิ่ง กระทั่งมาหาฉินหยุน ถึงสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน
“ยังไม่ถึงเวลาขอรับ เป็นข้าโดนจ ากัดการแลกเปลี่ยนแต้ม เสวียน ดังนั้น
จึงมาสอบถามว่าพอจะแลกเปลี่ยนอะไรกับท่าน ได้บ้าง” ฉินหยุนน าเอา
แก่นอสูรระดับเก้าจ านวนสี่สิบเม็ด ออกมา
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านมียาใดที่ช่วยเพิ่มพูนการฝึกฝนของ ข้าหรือไม่? ตอนนี้
ข้าสามารถควบแน่นขุมพลังภายในขั้นสูงได้ แล้ว!” .
จ้าวฉวนย่อมทราบเรื่องฉินหยุนประกาศท้าทายต่อเซี่ยวหยาง หลงที่
ต าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขายังรู้สึกว่าฉินหยุนอ อกจะใจร้อน
เกินไปที่ท้าทายต่อเซี่ยวหยางหลง
“สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม และต าหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม มี
ข้อห้ามการแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนระหว่าง ศิษย์ หากข้าใช้แก่นอสูรแลก
แต้มเสวียน พวกเขาก็จ ากัดเอาไว้ ที่หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนต่อปี จ านวน
เพียงเท่านั้นถือว่าไม่ พอ!”
ฉินหยุนถอนหายใจ จ้าวฉวนมองกองแก่นอสูรระดับเก้าที่โต๊ะและพยัก
หน้า “หาก เจ้าไม่มีข้อจ ากัด ด้วยความเร็วในการได้รับแก่นอสูรของเจ้า
จะท าให้สามารถก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าได้ ภายในสองปี!”
“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้าหรือขอรับ?” ฉินหยุนเม้มริม ฝีปาก หลันเฟิ ง
จินแผ่นเสียงกล่าวค า
“ควรพอใจบ้าง! ถึงขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เก้าด้วยอายุเพียงสิบแปด
ถือว่ารวดเร็วยิ่ง นักแล้ว! เชี่ยวเย่ว์หลานเริ่มก่อนหน้าเจ้า ดังนั้นความเร็ว
ของ นางถือว่าปกติ เชี่ยวหยางหลงเองก็ถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที
เก้าช่วงอายุยี่สิบห้า และก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ ตอนอายุสามสิบ นี่
เจ้าคิดอยากก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าา ภายในสองปีเลยหรือ?”
นั่นคือสิ่งที่ฉินหยุนคิด หากเขาไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ก็เป็นเรื่อง
ยากที่เขาจะโค่นล้มเชี่ยวหยางหลงได้
“ฉินหยุน ข้าต้องสอบถามผู้อื่นก่อน เพื่อหาว่าเม็ดยาใดจึงช่วย เจ้าตามที่
ต้องการ อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง! น่าจะหลายชั่วโมง อยู่” จ้าวฉวนกล่าว
“ฝากแก่นอสูรไว้ที่นี่และรอข่าวคราวจาก ข้า! โอ้ใช่แล้ว ยังมีการ
แลกเปลี่ยนนักเล่นแร่แปรธาตุขึ้นที่นี่ ด้วย โดยหลักแล้วอาจารย์จารึก
ระดับสูงจะมาหารือเรื่องราว ต่อกัน เจ้าสนใจเข้าร่วมหรือไม่?”
“แน่นอนขอรับ!” ฉินหยุนตอบค าโดยทันที
“พี่หลัน ไปด้วยกันเถอะ!”
หลันเฟิ งจินเองก็สนใจ นางพยักหน้ารับและกล่าว “ได้! การขัด เกลาวัสดุ
โดยอาจารย์จารึกระดับสูงล้วนแต่ใช้เพื่ออุปกรณ์ วิญญาณชั้นเลิศ พวก
มันไม่เพียงใช้แต่กระดูกเหล็กกล้า แต่ยัง ต้องใช้วัสดุพิเศษระดับสูงอย่าง
อื่น อาจารย์จารึกทุกคนต่างมี ประสบการณ์เป็นของตัวเอง และความ
เข้าใจในการขัดเกลา วัสดุแต่ละชนิดของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน
ออกไป”
จ้าวฉวนบอกต่อหลันเฟิ งจินและฉินหยุนถึงที่จัดงาน ก่อนเร่ง รีบออกไป
เหตุผลที่ฉินหยุนได้รับการช่วยเหลือจากเขา ก็ เพราะเขาคาดหวังต่อ
พรสวรรค์วิถีจารึกของฉินหยุนเอาไว้สูง งานแลกเปลี่ยนนักเล่นแร่แปรธาตุ
จัดขึ้นที่โถงใหญ่ชั้นสิบของ ต าหนักจารึกเทวะ ผู้เข้าร่วมล้วนเป็นอาจารย์
จารึกระดับสูง
พวกเขาได้รับเทียบเชิญกันมาทั้งสิ้น เพราะการปรากฏตัวของสัตว์อสูร
กระดูกสัตว์อสูรและแก่น อสูร พวกมันล้วนเป็นวัสดุในการขัดเกลา เพราะ
แบบนี้ต าหนัก จึงเชื้อเชิญอาจารย์จารึกระดับสูงจากทั่วสารทิศ เพื่อหารือ
ถึง การขัดเกลาและใช้งานชิ้นส่วนของสัตว์อสูร ฉินหยุนและหลันเฟิ งจิน
ได้หญิงร่างสูงผู้หนึ่งน าสู่โถงที่ชั้นสิบสอง
ที่แห่งนี้คือห้องโถงทรงกลมกว้างหลายสิบเมตร ผนังถูกสร้าง ขึ้นจาก
ทองแดงโบราณ ภายใต้การส่องแสงของหินเรืองแสง พวกเขาล้วนสามารถ
พบเห็นผังจารึกผนังได้ ใจกลางของโถงว่างเปล่า เก้าอี้ซึ่งวางเอาไว้เป็น
วงกลมตาม ผนัง รวมแล้วทั้งสิ้นมีแค่หนึ่งร้อยที่นั่ง ฉินหยุนและหลันเฟิ ง
จินมาถึงเป็นคนแรก ทั้งสองเลือกนั่งเก้าอี้ รอคอยอาจารย์จารึกท่านอื่น
มาถึง
“ที่แห่งนี้งดงามนัก สมควรใช้แต่การประชุมนัดส าคัญ” ฉิน หยุนส ารวจ
อย่างถี่ถ้วนขณะกล่าว
“การเก็บเสียงท าได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ตัวผนังยังดูดกลืนพลังงานได้ ต่อให้
พวกเราสู้กันที่นี่ คนด้านนอกห้องโถงไม่มีทางรู้เห็น” หลันเฟิ งจินกล่าว
“ฉินหยุน ไม่ใช่เจ้าเป็นอาจารย์จารึกระดับ เต้นหรือ? เมื่อเข้าต าหนักจงน า
เหรียญตราติดตัวไว้โดยตลอด”
ฉินหยุนน าเอาเหรียญตราตนเองออกมา และมองที่เหรียญตรา ของห
ลันเฟิ งจิน มันเป็นสีทอง
“ของข้าแค่เหรียญตราทองแดง ดังนั้นข้าจึงไม่อาจเอาออกมา น าเสนอ
เช่นท่านได้เ” เขารู้สึกว่าสมควรได้เวลาเพิ่มระดับ เหรียญตราตนเองแล้ว
เหรียญตราทองแดงคือระดับต้น เหรียญตราเงินคือระดับกลาง และ
เหรียญตราทองคือระดับสูง ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าตนตอนนี้สมควรเป็น
อาจารย์จารึก ระดับกลางแล้ว ส่วนระดับสูง เขาไม่มั่นใจนัก
เขาจ าเป็นต้อง ขัดเกลายันต์วิญญาณระดับสูง อุปกรณ์วิญญาณระดับสูง
หรือไม่ก็ค่ายอาคมวิญญาณระดับสูง ปัจจุบัน เขาเพียงขัดเกลาผัง
วิญญาณระดับสูง และอุปกรณ์ วิญญาณระดับสูง เขายังไม่เคยสร้างค่าย
อาคมวิญญาณ ระดับสูงมาก่อน การติดตั้งค่ายอาคมถือเป็นเรื่องยาก
โดนเฉพาะกับระดับสูง มันจ าเป็นต้องใช้เวลานานยิ่งหากคนผู้หนึ่งคิดท า
ให้ส าเร็จ
ผู้คนเริ่มเข้ามาคนแล้วคนเล่า พวกเขาล้วนชราภาพ มีน้อยนิด ที่อยู่วัย
กลางคน มีเพียงแต่หลันเฟิ งจินที่เป็นหญิงสาวและเยาว์ ที่สุด มีเพียงราว
สามสิบคนที่เข้าร่วม นี่เป็นการบ่งบอกว่าอาจารย์ จารึกระดับสูงมีไม่มาก
นัก นอกจากอาจารย์จารึกระดับสูง ก็ยังมีผู้เยาว์จ านวนหนึ่ง พวก เขาล้วน
มาที่นี่ก็เพราะอาจารย์จารึกระดับสูงให้ติดตามมา เมื่อคนเหล่านี้พบห
ลันเฟิ งจินและฉินหยุน พวกเขาจึงไม่ได้คิด อะไรมาก ทว่า บางคนก็
สายตาเฉียบคมพบเห็นเหรียญตราสี ทองบนหน้าอกหลันเฟิ งจิน นี่เป็น
เหรียญตราของอาจารย์จารึก ระดับสูง!
อาจารย์จารึกหญิงสาว ทั้งยังมีระดับสูง ถือว่าหาได้ยากยิ่ง มีเพียง
อาจารย์จารึกระดับสูงที่นั่งลง ขณะที่ผู้เยาว์ล้วนต้องยืน สองฟากข้างเก้าอี้
ของผู้อาวุโส กระทั่งว่ามีเก้าอี้ว่างจ านวนมาก พวกเขายังไม่อาจนั่ง เป็น
เพราะผู้ที่นั่งจะต้องมีสถานะระดับ หนึ่งและได้รับการเชื้อเชิญ
“น้องชาย เจ้าไม่คล้ายเข้าใจกฏเกณฑ์นะ! ที่นั่งที่นี่ไม่ใช่สถานที่ ซึ่งเจ้า
สามารถนั่งได้” เด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีครามกล่าวเย็น ชาขณะมองฉิน
หยุน เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่นั่งอย่างใจเย็นที่นี้ ฉินหยุนมองเด็กหนุ่มที่
ทักท้วงตนและกล่าว
“เจ้าเอาอะไรมา พูดว่าข้าไม่อาจนั่ง?” เมื่อชายชราในชุดเขียวได้ยินดังนี้
เขาไม่ยินดีนัก คิ้วชราขมวด กันแน่นขณะเอ่ยเสียงเย็นชา
“ตัวเจ้าคือเหตุผล! เป็นข้ามาที่นี่ สองครั้งแล้ว และข้าคืออาจารย์จารึก
ระดับสูง มีเพียงอาจารย์ จารึกจึงสามารถนั่งเก้าอี้ได้” ฉินหยุนน าเอา
เหรียญตราทองแดงออกมากล่าวค า
“ข้าเป็น อาจารย์จารึก ทีนี้หุบปากได้หรือยัง!” แม้เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็น
อาจารย์จารึกระดับต้น แต่กลับโอหัง ได้เพียงนี้! เรื่องนี้ท าเอาทั้งโถงเต็มไป
ด้วยน ้าเสียงแผ่วเบา!
“อาจารย์จารึกวัยเยาว์เพียงนี้สมควรมีคนเดียว เป็นฉินหยุน! ข้าสงสัยนัก
ว่าเจ้าใช่ฉินหยุนหรือไม่?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม เสียงดัง
“ข้าเอง!” ฉินหยุนปรบมือแก่ชายวัยกลางคน
“เป็นผู้อาวุโส จ้าวฉวนเชิญข้ามาที่นี่!”
เป็นฉินหยุนตัวจริง!
ทุกคนอึ้งกันอีกครั้ง ตามข่าวลือ ฉินหยุนเชี่ยวชาญผังวิญญาณ ระดับสูง
จ านวนมาก สีหน้าของเด็กหนุ่มที่ต่อว่าฉินหยุน และผู้อาวุโสของเขากลับ
กลายเป็นน่าเกลียด โดยเฉพาะเด็กหนุ่ม เขาต้องอับอายต่อรุ่น เยาว์ผู้อื่น
ซึ่งมาที่นี่ด้วยกันราวเป็นตัวตลก ทั้งยังไม่อาจปกปิด ความริษยาที่มีต่อฉิน
หยุนได้
“น้องชาย อาจารย์จารึกหญิงข้างกายเจ้าไม่ค่อยคุ้นหน้านัก ข้า หลี่จวินไม่
เคยได้ยินว่า มีอาจารย์จารึกระดับสูงวัยเยาว์เพียงนี้ อยู่ด้วย” ชายวัย
กลางคนเอ่ยถาม อาจารย์จารึกชราผู้อื่นต่างพยักหน้าเห็นด้วย
ที่ภูมิภาคแห่งนี้ อาจารย์จารึกระดับสูงมีกันอยู่ราวหนึ่งร้อยคน หากมีผู้อื่น
ที่เพิ่งเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง พวกเขาย่อมต้อง ทราบ หลันเฟิ งจิน โดย
ปกติแล้วอยู่แต่ในต าหนักศักดิ์สิทธิ์ และการ ทดสอบเป็นอาจารย์จารึก
ของนางไม่ได้จัดขึ้นที่นี่ แต่เป็นแดน ยุทธ์อ้างว้าง
“ข้ามาจากต าหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เป็นปกติที่จะไม่ รู้จักข้า เป็น
ข้าผ่านการทดสอบจากสาขาในแดนยุทธ์อ้างว้าง”
หลันเฟิ งจินเผยน ้าเสียงเย็นชา สายตาของนางกวาดมองกลุ่ม คน เป็นการ
เผยความภาคภูมิตนเอง เมื่อได้ยินว่านางมาจากแดนยุทธ์อ้างว้าง
อาจารย์จารึก ระดับสูงที่นี่ล้วนตระหนัก ส าหรับพวกเขา แดนยุทธ์อ้างว้าง
ถือ เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ หลันเฟิ งจินเผยสีหน้าเย็นชาที่ใบหน้า แม้อาจารย์
จารึกที่อวดดี เหล่านี้ไม่ยินดี แต่พวกเขาก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้เพราะ
สถานะ เท่าเทียมกัน
ฉินหยุนรู้แต่แรกแล้ว ว่าอาจารย์จารึกระดับสูงล้วนอวดดีและ ภาคภูมิใน
ตัวเอง เมื่อพบเจอกับตัวเช่นนี้อีกครั้งเขาพลัน ผิดหวัง การแลกเปลี่ยนครั้ง
นี้คงไม่สวยงามดังเขาคิดแล้ว ชายชราในชุดสีเหลืองน าเอากระดูกทองค า
ขนาดใหญ่ออกมา มันเป็นกระดูกขาของสัตว์ขนาดใหญ่ เขาวางกระดูก
ทองค าลง กับพื้นและยิ้มเอ่ยค า
“นี่เป็นสัตว์อสูรระดับวิญญาณที่ข้า สังหารได้สิบวันก่อน! ต้องบอกเลยว่า
สัตว์อสูรตัวนี้ทรงพลัง มากนัก เป็นเพราะพวกมันฝึกฝนกระดูกได้ดีเพียง
นี้”
“เศษกระดูกนั่นคืออะไร? เขาขนาดใหญ่ของสัตว์วิญญาณที่ข้า สังหารได้
นั้นถึงทรงพลังแท้จริง กระทั่งว่าเจ้าใช้อาวุธวิญญาณ ระดับราชัน ก็ยังไม่
อาจท าลายมันลงได้”
ชายชราหนวดเครา ยาวน าเอาเขาสัตว์สีด ายาวสองเมตรออกมาน าเสนอ
อาจารย์จารึกระดับสูงท่านอื่นต่างก็เอากระดูก เกล็ด เขาสัตว์ ฟันสัตว์
อวัยวะของสัตว์อสูรระดับวิญญาณออกมาน าเสนอ อวดความสามารถ
ตัวเองกันยกใหญ่ นี่เป็นการแสดงพลัง อ านาจ พวกเขาล้วนพูดคุยกันเอง
เด็กหนุ่มในชุดสีครามผู้ที่เบาะแว้งกับฉินหยุนก่อนหน้านี้ แค่น เสียงกล่าว
ค าต่อฉินหยุน
“ฉินหยุน เจ้าเป็นอาจารย์จารึก สมควรมีของดีน าเสนอบ้างใช่หรือไม่!” ฉิน
หยุนไม่ยินดีนักขณะกล่าวเสียงดัง
“ข้าจะน าออกมาหรือไม่ ล้วนไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า เหตุใดปากเจ้าพูดมาก
เพียงนี้? กับ เด็กน้อยเช่นเจ้าที่ได้แต่ยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนหุบปากอย่าได้
กล่าววาจาอันใด”
ผู้อาวุโสของเด็กหนุ่มเผยเสียงเหยียดหยัน “ฉินหยุน เจ้าก็แค่ อาจารย์
จารึกระดับต้น! แต่นี่คือการแลกเปลี่ยนที่เตรียมไว้เพื่อ อาจารย์จารึก
ระดับสูง เดิมที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของเจ้า เจ้าถึงขั้น โอหังในที่แห่งนี้ หยิ่งผยอง
เกินไปแล้ว!”
ตอนที่ 234 ระดับรำชัน
หลันเฟิ งจิน เมื่อพบฉินหยุนโดนเหยียดหยัน นางพลันแค่นเสียง ใส่ผู้
อาวุโสตรงหน้าและกล่าว “นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนนักเล่น แร่แปรธาตุ?
หรือนี่กลายเป็นงานแลกเปลี่ยนของนักล่าไปแล้ว? ในเมื่อคิดว่ามี
ความสามารถ เช่นนั้นจงบอกฝีมือการเล่นแร่แปร ธาตุต่อข้า อย่าได้
น าเสนอผลเก็บเกี่ยวจากสงครามแล้ว วัสดุดี เพียงใดหาได้ส าคัญ เพียงแค่
วัสดุมันไม่อาจขัดเกลาด้วยตัวเอง เป็นอุปกรณ์วิญญาณที่ดีได้หรอกจริง
หรือไม่?”
ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ ล้วนเฒ่าชรา และพวกเขาล้วนภาคภูมิใน ตนเองกัน
อย่างถึงที่สุด พอได้ยินค าของหลันเฟิ งจินจึงรู้สึกไม่ ค่อยสบายใจสักเท่าใด
นัก แต่ก็เพราะหลันเฟิ งจินคือผู้มาจาก แดนยุทธ์อ้างว้าง พวกเขาไม่กล้า
กล่าวค าใด
ฉินหยุนถอนหายใจภายใน มีพลังอ านาจมันก็ดีเช่นนี้! หลันเฟิง จนคือ
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทั้งยังเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เป็น ผลให้คณะคน
เฒ่าชราตรงหน้าล้วนโกรธนางแต่ไม่กล้าเอื้อน เอ่ยค าใดออก
ชายชราตอบโต้หลันเฟิ งจินด้วยค าพูด “การขัดเกลากระดูก สัตว์ระดับ
วิญญาณง่ายดายหรือ? กระทั่งหนังสัตว์ระดับ วิญญาณยังขัดเกลาได้
ยากเย็นนัก! มีเพียงอาจารย์จารึกระดับ วิญญาณจึงสามารถใช้งาน
กระดูกของสัตว์อสูรระดับวิญญาณ ได้โดยง่าย พวกเราท าได้เพียงใช้หนัง
สัตว์ระดับวิญญาณเพื่อ จัดท าชุดเกราะขึ้นมา พวกเราควรที่จัดขัดเกลา
วัสดุแข็งอย่าง กระดูกหรือเกล็ดเป็นชุดเกราะ แต่จะได้หรือไม่นั้น พวกเรา
ไม่มี พลังมากพอให้ลองได้ลงมือท า” หลันเฟิ งจินแค่นเสียง
“หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดต้องน าวัสดุ เหล่านี้ออกมา? พวกเจ้าก็ขัดเกลามัน
ไม่ได้เหมือนกัน!”
ค ากล่าวนี้ท าเอาอาจารย์จารึกระดับสูงในที่นี้หน้าแดงก ่า แต่ พวกเขาไม่
อาจตอบโต้ เดิมที่นี่ก็แค่การน าเสนอผลเก็บเกี่ยว จากสงครามเท่านั้นเอง
“แม่สาวน้อย พวกเราเป็นเพียงอาจารย์จารึกระดับสูง พวกเรา ยังไม่มี
ศักยภาพมากพอขัดเกลากระดูกของสัตว์วิญญาณให้ สมบูรณ์ได้ แล้วนี่ก็
แค่เรื่องชั่วครู่ชั่วคราว เหตุใดพวกเราจึง น ้าเสนอตัวเองไม่ได้? มันดีกว่าไม่
น าเสนออะไรเลยเอาแต่กล่าว ถามต่อผู้อื่น แน่นอนว่าข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า
ข้าพูดถึงเจ้าหนู จอมอวดดีข้างกายเจ้าต่างหาก” ชายชราอีกคนซึมฮัม
ขึ้นมา
“เขานั่งอยู่ที่นี่ หมายความถึงเขา คิดอยากเทียบรอยเท้ากับพวกเรา พวก
เราล้วนเป็นอาจารย์ จารึกระดับสูง! เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงหมดซึ่ง
อารมณ์คิด สนทนากัน”
“ฉินหยุน เจ้าเพียงแค่อาจารย์จารึกระดับต้น ทางที่ดีควรลุกไป ยืน! นั่งอยู่
ที่นี่มีแต่จะส่งผลต่ออารมณ์ของพวกเรา ท าให้การ แลกเปลี่ยนไม่อาจ
คืบหน้า!”
“สมควรเป็นเช่นนั้น เหตุใดผู้อาวุโสใหญ่จึงต้องเชิญเขามาที่นี่? ไม่ใช่ว่า
วิญญาณยุทธ์ของเขาเกิดปัญหาขึ้นหรอกหรือ? ก็เพียง แค่คนที่จับพลัดจับ
พลูได้รับผังจารึกระดับสูงมา แค่นั้นมีสิทธิ์ อะไรคิดเทียบรอยเท้าพวกเรา?”
อาจารย์จารึกระดับสูงหลายคนเริ่มยั่วยุฉินหยุน พวกเขาไม่กล้า หาเรื่อง
ต่อหลันเฟิ งจิน ดังนั้นจึงมีแต่ฉินหยุนที่ตกเป็นเป้า ความแค้นแล้ว เด็ก
หนุ่มคนก่อนหน้ากล่าวค าเหยียดหยาม
“ฉินหยุน เจ้าควร ลุกขึ้นยืนได้แล้ว เจ้าก็เป็นเช่นพวกเรา พวกเราล้วนเป็น
ผู้น้อย นอกจากนี้ วิญญาณยุทธ์ของเจ้ายังเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นเจ้าไม่ มี
ทางหลอมอุปกรณ์ได้อีกต่อไปแล้ว!”
หลันเฟิ งจนรู้สึกโกรธเคือง แน่นอนว่านางกล้าพูดเลยว่าเฒ่า ชราเหล่านี้ไม่
กล้าเล็งเป้าความแค้นมาที่นาง ดังนั้นพวกเขาจึง เล็งเป้าไปยังฉินหยุน
ขณะนางคิตกล่าว ฉินหยุนลุกขึ้นยืน เมื่อฉินหยุนลุกขึ้นยืน เขายิ้มอ่อน
“พวกท่านต่างหากที่ไม่รู้ อะไร ก่อนหน้านี้ วิญญาณยุทธ์ของข้ามีปัญหา
เล็กน้อย แต่ตอนนี้มันฟื้นคืนกลับมาแล้ว! เช่นกัน ข้ายังแข็งแกร่งกว่าพวก
ท่าน ข้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ขณะที่พวกท่านอยู่ เพียง
ระดับที่หก! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังสามารถขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณ
ระดับกลาง ดังนั้นข้าจึงมีคุณสมบัติทัดเทียมอาจารย์ จารึกระดับกลาง
แล้ว”
“แล้วเจ้าเล่า? เจ้านั้นคิดว่าตัวเองเป็นเช่นไร?” อาจารย์จารึกเหล่านี้ ต้อง
ใช้เวลานานยิ่งเพื่อเก็บตัวศึกษาผัง วิญญาณ พวกเขาแทบไม่รู้เรื่องราวใน
โลกภายนอก ดังนั้นจึง เป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้เรื่องของฉินหยุน ฉินหยุน
อายุเพียงสิบหก กระนั้นก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ ที่แปดแล้ว เรื่องนี้
ช่างชวนตื่นตะลึงแท้จริง! ตอนแรก ไม่มีผู้ใดเชื่อ แต่หลังจากสัมผัสถึงออร่า
ของวัชระ วิญญาณยุทธ์ที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมา พวกเขาพลัน
ตระหนก เด็กหนุ่มอายุสิบหกตรงหน้าพวกเขาคือขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่แปด!
กล่าวกันว่า ผู้ซึ่งอายุต ่ากว่ายี่สิบและก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับเก้า
ได้ ส่วนใหญ่จะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ราวช่วง อายุสามสิบ
“แน่นอนว่า นี่คือการแลกเปลี่ยนนักเล่นแร่แปรธาตุ และเรื่อง หลักคือการ
แบ่งปันความรู้เรื่องวัสดุเพื่อจัดท าวัตถุ หากข้าคิด จะพูดอะไรละก็ สมควร
เป็นเรื่องที่วัสดุทั้งหมดของพวกท่าน ล้วนไม่ใช่ปัญหาส าหรับข้า!”
ฉินหยุนเดินไปตรงหน้าผู้อาวุโส ใกล้เคียงและกล่าวค า “ทั้งหมดที่ท่าน
กล่าวคือ วัสดุเหล่านี้ยาก หรือกระทั่งเป็นไปไม่ได้ที่จะน ามาขัดเกลา แต่ใน
มุมมองของข้า มันไม่ได้ยากแม้สักนิด!”
“ข้าสามารถใช้กระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเหล่านี้ ขัดเกลา ขึ้นเป็น
กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันได้!” หลันเฟิ งจินขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่า
ด้วยระดับของฉัน หยุนตอนนี้ เขาไม่อาจท าเช่นนั้น กระทั่งเป็นนางก็ยังคิด
ว่า ยากเย็นยิ่ง
ผู้อื่นล้วนไม่ทราบฝีมือแท้จริงของฉินหยุน ดังนั้นพวกเขาจึง เชื่อว่าเขาไม่มี
ทางท าได้ “ฉินหยุน แม้เจ้าเป็นอัจฉริยะบนวิถียุทธ์แห่งเต๋า วัสดุที่ใช้เพื่อ
การหลอมก็เป็นส่วนหนึ่งของวิถีจารึกแห่งเต๋า พวกเราล้วนเป็น อาจารย์วิถี
จารึกแห่งเต๋า เจ้าก าลังอวดดีต่อหน้าพวกเราอยู่รู้ตัว หรือไม่” ชายชราแค่น
เสียงกล่าวค า
“ไม่เชื่อข้าหรือ? เช่นนั้นให้ข้าลงมือที่นี่และตอนนี้ พวกท่าน ทั้งหมดจะได้
เห็นกับตา หากข้าท าได้จริง เช่นนั้นพวกท่านจง มอบวัสดุทั้งหมดบนพื้น
แก่ข้า คิดเห็นอย่างไร?” ฉินหยุนยิ้ม
“หากข้าไม่สามารถท าได้ ข้ายินดีแบ่งปันผังวิญญาณธาตุไฟ ระดับสูงให้
ทุกคนที่นี่!” ผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูงถือว่าล ้าค่ายิ่ง! นอกจากหลันเฟิ ง
จินและฉินหยุน ไม่มีอาจารย์จารึกระดับสูงผู้ใดที่นี่เชี่ยวชาญฝั่ง วิญญาณ
ระดับสูง หลันเฟิ งจินไม่คิดห้าม นางเองก็อยากเห็นว่าฉินหยุนสามารถ ท า
ได้จริงหรือไม่ นางอยากเห็นกับตาว่าเขาจะท าอย่างไร
“ก็ได้ ตกลงตามที่เจ้าว่า! หากเป็นเจ้าโป้ปดต่อพวกเรา กระทั่ง ผู้อาวุโส
ใหญ่มาถึง พวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปโดยง่าย” ชาย ชราคนหนึ่งเอ่ยค า
อาจารย์จารึกระดับสูงคนอื่นต่างก็เห็นพ้องต้องกัน กระทั่งยินดี ล่วงหน้า
กันแล้วด้วยซ ้า! ถึงตอนนี้เอง จ้าวฉวนพลันผลักประตูเข้ามาในห้อง เมื่อ
เข้ามาแล้ว เขาจึงยิ้มกล่าวค า
“ช่างมีชีวิตชีวานัก เนื้อหา การแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? บอกต่อ
ข้า!” ชายชราเร่งรีบตอบค าจ้าวฉวนถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ หลังจาก
จ้าวฉวนได้ยิน คิ้วนั้นขมวด
“ทุกท่าน เห็นแก่ข้า เรื่อง นี้สมควรปล่อยวางแล้ว! ฉินหยุน อย่าได้มีโทสะ
หากเจ้าแพ้ เป็นเจ้าเสียหายมากกว่า!”
หากเขาต้องมอบผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูงแก่อาจารย์จารึก ระดับสูง
เหล่านี้ พวกเขาจะต้องน าขายอย่างรวดเร็วแน่นอน ไม่ นานจากนั้น พวก
มันจะปรากฏอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้ ท าได้แต่ไว้หน้าจ้าวฉวนด้วย ความเสียดาย
จากมุมมองพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นเพียงฉินหยุน มีโทสะ ดังนั้นเขาจึงกล้า
วางเดิมพันสูงเช่นนี้ กระทั่งจ้าวฉวนยังรู้สึกได้ ว่าไม่มีทางที่ฉินหยุนจะ
สามารถขัด เกลากระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเป็นกระดูกเหล็กกล้า
ระดับ ราชัน
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าคือคนรักษาค าพูด ข้าจะท าดังที่ข้าพูด!” ฉิน หยุนมองไป
ยังกองกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณบนพื้นขณะ กลืนน ้าลาย หากเขา
ได้รับพวกมัน จะเป็นเรื่องง่ายต่อการ หลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน
ในภายหน้า
“ฉินหยุน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ” จ้าวฉวนเผยสีหน้า เคร่งเครียด
“ข้ารู้ขอรับ!” เป็นฉินหยุนมั่นใจในตนเองอย่างมาก หลันเฟิ งจินหัวเราะ “ผู้
อาวุโสใหญ่ ปล่อยให้เขาท าตามใจ เถอะ! กับเด็กเช่นเขา เป็นเรื่อง
ธรรมดาคิดชอบท้าทาย อย่างไรแล้วเขาก็ยังหนุ่มยังแน่นอยู่! ครั้งยังเยาว์
ใครบ้างไม่เป็น เช่นนี้?”
ฉินหยุนจ้องมองนาง ขณะคิดว่าตนเองไม่ค่อยพอใจวิธีการที่ นางกล่าวถึง
เขาสักเท่าใด “ในเมื่อตัดสินใจดีแล้ว เช่นนั้นก็จงท าไป!” จ้าวฉวนถอน
หายใจ
“ข้าได้แต่เป็นกรรมการตัดสินแล้ว ข้าจะไม่เข้าข้างผู้ใด ถือว่าเป็นกลาง
ที่สุด”
“ฉินหยุน สมควรมีก าหนดเวลาหรือไม่? หากเจ้าบอกว่าจะท า เสร็จในอีก
สิบปี ไม่ใช่พวกเราต้องรอสิบปีหรือ?” ชายชราคน หนึ่งเอ่ยดักคอไว้ก่อน
“ข้าไม่คิดเสียเวลามาก ยี่สิบชั่วโมง!” ค าพูดของฉินหยุน เป็น ผลให้ฝูงชน
ที่นี้เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น หลันเฟิ งจินเองก็ตื่นตะลึง เป็นนางคิดไม่ออกจริง
ว่าฉินหยุนจะ ใช้วิธีการใด เพื่อขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้น
ภายในยี่สิบชั่วโมง
“ในเมื่อพวกเราคิดขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เช่นนั้นก็ต้องใช้
เหล็กวิญญาณระดับราชันใช่หรือไม่? เป็นธุระ ข้าเองแล้วกัน!”
จ้าวฉวนน าเอาก้อนเหล็กขนาดเท่าปลายนิ้ว ออกมา และส่งมันไปยังผู้
อาวุโสท่านอื่น หลังตรวจสอบเรียบร้อย พวกเขาล้วนพยักหน้ารับกันทีละ
คน พวกเขายืนยันกระจ่างชัดว่าสิ่งนี้คือเหล็กวิญญาณระดับราชัน ไม่ใช่
กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันแต่อย่างใด เมื่อฉินหยุนรับเหล็กวิญญาณ
ระดับราชันไว้ในมือ เขาลอบชื่น ชม แม้ขนาดเท่าปลายนิ้ว แต่แท้จริงหนัก
ถึงหลายร้อยจิน
“งั้นก็เริ่มกันได้!” จ้าวฉวนกล่าวค าขึ้น ฉินหยุนเลือกกระดูกสัตว์อสูรระดับ
วิญญาณสั้นท่อนหนึ่ง ขนาด ราวฝ่ามือ น ้าหนักราวสิบจิน
“ผู้อาวุโสใหญ่ โปรดช่วยข้าตัดเหล็กวิญญาณระดับราชัน ข้า เพียง
ต้องการแค่น ้าหนักยี่สิบจินขอรับ” ฉินหยุนร้องขอ
จ้าวฉวนน าเอามีดคมกริบออกมาตัดเหล็กวิญญาณระดับราชัน เสี้ยวเล็ก
ขนาดมันเราเมล็ดข้าวเท่านั้น แต่แท้จริงหนักมากถึง ยี่สิบจินด้วยกัน!
ทุกคนต่างอึ้งต่อความคมกริบของมีดในมือจ้าวฉวน มัน สามารถตัดเหล็ก
วิญญาณระดับราชันอย่างง่ายดาย ฉินหยุนน าเตาหลอมของตนเองและ
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ออกมา จากนั้นจึงส่งให้ผู้อาวุโสหลายคนได้
ตรวจสอบ เตาหลอมนี้ชวนสะพรึง
แต่ค้อนราชันยักษ์วิญญาณคือสิ่งที่ทุก คนต่างตะลึงยิ่งกว่า เป็นเพราะมัน
มีวิญญาณยุทธ์อยู่ภายใน ทั้ง ยังเป็นที่เหมาะสมกับค้อนอันนี้!
หลังจากทุกคนตรวจสอบค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุน กันถี่ถ้วน
ภายในใจพวกเขาล้วนตื่นตะลึง! เป็นเพราะค้อนอันนี้ เป็นฉินหยุนหลอม
มันขึ้นโดยล าพัง
“ฉินหยุน วิญญาณยุทธ์ในคอนของเจ้าวิเศษยิ่ง! ค้อนอันนี้ สมควรเลื่อน
ระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์ลึกล ้าได้ไม่ยาก! ส่วนที่ยาก ที่สุดของการขัดเกลา
อุปกรณ์ลึกล ้าก็คือ การผสานวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์
อาจารย์จารึกหลายท่านล้วนไม่ อาจท าในเรื่องนี้”
จ้าวฉวนส่งคอนราชันยักษ์วิญญาณคืนกลับ ให้ฉินหยุนด้วยสายตาอึ้งทั้ง
ฉินหยุนเรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณจากเฉียวรุ่ยเหวิ่น ดังนั้นเขาจึง
สามารถขัดเกลาวิญญาณยุทธ์สู่อาวุธได้นานแล้ว!
ทว่า เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณกลับถือเป็นวิชาของปีศาจ เรื่องนี้ไม่อาจ
เปิดเผย หลันเฟิ งจินมองฉินหยุนจริงจังขึ้นมา เพราะนางเอง ก็ต้องการ
เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าฉินหยุนจะหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับ ราชันขึ้นมา
ได้อย่างไร ด้วยความคุ้นเคยกับฉินหยุน นางกล้า บอกว่าเป็นฉินหยุน
มั่นใจยิ่ง กระนั้น นางก็ยังไม่เชื่อว่าเขาจะ หลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับ
ราชันขึ้นมาได้! ฉินหยุนวางเหล็กวิญญาณและกระดูกสัตว์ในเตาหลอม
จากนั้น จึงค่อยเริ่มการเผาไหม้!
“เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟทองม่วง ไฟนี้พิเศษมากเพียง นั้นเลย
หรือ? กระทั่งสามารถหลอมเหล็กวิญญาณระดับราชัน และกระดูกสัตว์
ระดับวิญญาณได้?”
“มีน้อยคนนักที่ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง พวกเราไม่รู้
ในเชิงลึก แต่บางทีไฟของเขาน่ามีเรื่องมหัศจรรย์ ขึ้นจริง!”
“หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่พวกเราโดนเด็กน้อยผู้นี้หลอกลวงเอา หรือ?”
อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้เริ่มเกิดความกังวลกันขึ้นมา เมื่อ พวกเขาได้
เห็นค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุน ความ กังวลของพวกเขาจึงก่อ
เกิด ส าหรับพวกเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าจะได้รับกระดูกสัตว์อสูรระดับ
วิญญาณเหล่านี้มา เปลวเพลิงทองม่วงของฉินหยุนแข็งแกร่ง แต่มันยัง
ไม่ใช่เปลว เพลิงแข็งแกร่งที่สุดของเขา!
เปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือเปลวเพลิงตะวันทมิฬ มันคือเปลว
เพลิงสีด าซึ่งสามารถเผาผลาญสรรพสิ่งได้อย่าง รวดเร็ว!
เปลวเพลิงทองม่วงก็แค่ถูกใช้เพื่อบังหน้า มีเพียงน้อยคนที่ครอบครอง
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ดังนั้นทุกคนจึงมีความรู้อย่างจ ากัด และ
คิดว่ามันแข็งแกร่ง มหาศาลได้ถึงเพียงนี้
ตอนที่ 235 เม็ดยำวิญญำณรวมพลังงำน
ฉินหยุนเริ่มท าการหลอมวัสดุ ภายในเตาหลอม มันคล้ายเปลว เพลิงสีม่วง
ก าลังเผาไหม้ แต่แท้จริงแล้วเป็นเปลวเพลิงสีด า สนิทก าลังเผาไหม้ในเตา
หลอม มันเป็นเปลวเพลิงตะวันทมิฬ!
เปลวเพลิงตะวันทมหวิเศษยิ่ง เมื่อมันเผาไหม้สรรพสิ่ง มันจะ ไม่ปล่อย
ความร้อนมหาศาลออกมา แต่กลับมีความสามารถใน การสลายตัววัตถุ
ฉินหยุนปลดปล่อยพลังภายในเพื่อจุดเปลวเพลิงตะวันทมิฬขึ้น เพื่อเผา
ไหม้เหล็กวิญญาณระดับราชันและกระดูกสัตว์อสูร ระดับวิญญาณ ผ่าน
ไปกว่าสองชั่วโมง ทั้งเหล็กวิญญาณและ กระดูกเริ่มเผยความอ่อนนุ่มให้
เห็น ที่ต้องใช้เวลาขนาดนี้เพราะการฝึกฝนของฉินหยุน หากเขาอยู่ ขอบ
เขตวรยุทธ์เต๋า เปลวเพลิงตะวันทมิฬที่เขาปลดปล่อย จะสามารถ
แปรเปลี่ยนเหล็กวิญญาณระดับราชัน และกระดูกสัตว์ อสูรระดับ
วิญญาณเป็นเนื้อวัสดุมวลละเอียดได้ภายในเวลาที่ สั้นกว่านี้
แน่นอน ว่าเขาไม่คิดเผาไหม้จนมันหลอมเหลว เพียงแค่มัน อ่อนนุ่มลง ก็
เพียงพอให้เขาจัดการหลอมเหล็กวิญญาณและ กระดูกสัตว์เป็นชิ้น
เดียวกันได้แล้ว ภายใต้การน าของจ้าวฉวน ผู้คนเริ่มหารือกันถึงเนื้อหาการ
แลกเปลี่ยนเล่นแร่แปรธาตุครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้รับชมอย่างเบื่อ หน่าย
แต่ก าลังแลกเปลี่ยนสนทนากันเพื่อรอผลลัพธ์จากฉินหยุน ขณะพวกเขา
คุยกันไปเรื่อย พวกเขาก็จะหันมองมาให้ความ สนใจทางด้านฉินหยุน
เช่นเดียวกัน ในตอนนี้ ฉินหยุนใช้เวลาไปอีกห้าชั่วโมงโดยไม่ได้กระท าสิ่ง
ใด ผู้คนต่างเชื่อมั่นว่าฉินหยุนสมควรต้องพ่ายแพ้แน่นอนแล้ว ใน เมื่อ
ตอนนี้เวลาโดยรวมผ่านไปกว่าครึ่งหนึ่ง ฉินหยุนย่อมไม่มี เวลาพอให้ท า
จนเสร็จแน่
กระทั่งว่าเป็นกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ ยังจ าเป็นต้องใช้เวลา กว่าห้าถึงหก
ชั่วโมงเพื่อหลอมขึ้น ส่วนทางด้านกระดูก เหล็กกล้าระดับราชัน อย่างน้อย
ก็ต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปด ชั่วโมง
“เหมือนที่คิดไว้ มันก็ได้แค่นี้!” เด็กหนุ่มเย้ยหยันเสียงเบา
“ใช่แล้ว ทั้งหมดที่ผู้อาวุโสใหญ่สนใจ ก็เพียงเพราะเขามีผัง วิญญาณ
ระดับสูงเท่านั้นเอง”
“ท้ายที่สุด ก็แค่อาจารย์จารึกระดับต้น หากเป็นอาจารย์จารึก ระดับสูงเช่น
อาจารย์ข้า คงไม่ต้องประสบเรื่องราวเช่นนี้ เจ้านี่ ยังไงก็ไม่มีทางท าได้
ส าเร็จ พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายนัก!”
“เขาแพ้ก็ถือเป็นเรื่องดี อาจารย์ของพวกเราจะได้รับผัง วิญญาณธาตุไฟ
ระดับสูง!” ขณะเด็กหนุ่มหลายคนเหยียดหยันต่อฉินหยุน ฉับพลัน เขาเปิด
ฝาเตาหลอมและน าเอากระดูกสัตว์สีทองและเหล็กวิญญาณที่ ผ่าน
กระบวนการหลอมรวมเป็นก้อนโคลนอ่อนนุ่มออกมา
จากนั้นจึงวางมันบนโต๊ะของจ้าวฉวนเพื่อท าการขัดเกลาในขั้นถัดไป
มือซ้ายของฉินหยุนถือค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ด้วยแขน ราชสีห์สวรรค์
เขาปลดปล่อยวิชามังกรหลอม ทุบตีค้อนเข้าใส่ วัตถุสีทองตรงหน้า ฝูงชน
ที่หารือกันเรื่องแปรธาตุพลันมีนงงต่อเสียงที่เกิดขึ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ทุกครั้งที่ฉินหยุนเหวี่ยงค้อน มันทั้งรุนแรงและสั่นสะเทือน!
พลังในการขัดเกลาผ่านผังแปรธาตุระดับสูงของคอนราชันยักษ์ วิญญาณ
ทุบตีเข้าใส่กระดูกและเหล็กวิญญาณ เกิดขึ้นเป็น ประกายแสงสีทอง
กระเด็นออกมา หมัดอ่อนอัคคีของฉินหยุน คว้าจับเข้าที่ลูกบอลสีทอง
เรืองรอง นั้นด้วยมือเปล่า จากนั้น เขาพลิกมันกลับพร้อมทุบตีต่อเนื่อง
ด้วยวิชามังกรหลอม
เป็นเขาทุบตีวัสดุอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ค้อนแล้วค้อนเล่า ชุด วิชามังกร
หลอมหกกระบวนหลายชุดผ่านไป จนกระทั่งเหล็ก วิญญาณและกระดูก
สัตว์เริ่มผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์ ถึง ตอนนี้เขาจึงหยุด และนี่คือการท า
ส าเร็จด้วยเวลาเพียงแค่สิบสี่ชั่วโมง!
เวลาที่เขา ตั้งเอาไว้ยังเหลืออีกถึงหกชั่วโมงด้วยกัน!
กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน แท้จริงเป็นสีน ้าเงิน ราวผลึกแก้วสีน ้าเงิน มัน
งดงามราวอัญมณีชิ้นหนึ่ง กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันที่ฉินหยุนหลอมขึ้น
รูปลักษณ์ คล้ายกระดูกชิ้นหนึ่ง ขนาดเพียงปลายนิ้ว กระนั้นก็เป็นเขา
หลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันชิ้นนี้ขึ้นมา
แม้กระทั่งอาจารย์จารึกระดับสูงที่นี้ ยังไม่อาจหลอมกระดูก เหล็กกล้า
ระดับราชัน ทว่าพวกเขาเคยเห็นมันมาก่อน เพียง รูปลักษณ์ภายนอก
พวกเขาก็บอกได้ว่านี่เป็นกระดูกเหล็กกล้า ระดับราชันคุณภาพสูง!
ผู้คนกายแข็งที่อขณะรับซมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันสีน ้า เงินในมือฉิน
หยุน กระทั่งหลันเฟิ งจินยังแทบไม่เชื่อ จ้าวฉวนเผยลมหายใจเบาออกมา
ขณะรับกระดูกเหล็กกล้า ระดับราชันจากฉินหยุน เป็นเขาเอ่ยค าท าลาย
ความเงียบ
“นี่ คือกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันของจริง ด้วยความโปร่งแสง ขนาดนี้
ทั้งยังบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจือปน นี่คือกระดูก เหล็กกล้าระดับราชัน
คุณภาพเยี่ยม!”
“เป็นไปไม่ได้! เขาท าได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? เพียงแค่ ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่แปดเองนะ ทั้งยังอายุเพียงสิบหก!”
“จริงด้วย! ผู้อาวุโสใหญ่ พวกเราไม่อาจเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง”
“กับเด็กน้อยขนยังไม่ขึ้นเช่นนี้ ข้าไม่อาจเชื่อว่าเขาจะสามารถ หลอม
กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้นได้ ต้องมีการโกงเกิดขึ้น แน่!” จ้าวฉวนเดิน
เข้าหาชายชรา และส่งกระดูกเหล็กกล้าระดับ ราชันให้ชั่วขณะที่ชายชรา
รับชิ้นกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เขาพลัน ร้องออก
“ร้อนมาก! ความร้อนภายในยังไม่ทันจางหายเลย!” ชายชราผู้อื่นเริ่มเข้า
มาพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนจะร้องออกกันที ละคน นี่เป็นเพราะกระดูก
เหล็กกล้านี้ ภายในยังแผ่ซึ่งความ ร้อนแรงออกมา ผู้เฒ่าเหล่านี้ต่างไม่
กลัวความร้อน แต่พวกเขาก็ไม่คิดสัมผัส นานจนเกินไป พวกเขาที่อับจน
จึงส่งกระดูกเหล็กกล้าระดับ ราชันคืนแก่จ้าวฉวน
“หากยังไม่เชื่อข้า ก็มีวิธีทดสอบกระดูกเหล็กกล้า ด้วยการ ทดสอบความ
แข็งแกร่งของมัน!” จ้าวฉวนน าเอาแท่นกด ทดสอบสีน ้าเงินออกมา
“ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี หากวาง วัตถุเอาไว้ตรงกลางแท่นกด และ
ค่อย ๆ เพิ่มแรงกดดันให้มาก ขึ้น จะเป็นการทดสอบความแข็งของวัสดุที่
ได้รับแรงกด” จ้าวฉวนวางกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันที่ฉินหยุนเพิ่งขัด
เกลา ขึ้นมา ไว้ตรงกลางของแท่นกดและเริ่มเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ
บนแท่นกด ตัวเลขปรากฏ หนึ่ง สอง สาม สิบเอ็ด! ค่ามาตรฐานของ
กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันคือสิบ แต่ที่ฉิน หยุนขัดเกลาขึ้นคือสิบเอ็ด นี่
ถือเป็นของคุณภาพสูงล ้า! หลันเฟิ งจินหัวเราะ
“ทุกคนล้วนได้เห็นแล้วใช่หรือไม่? ฉินหยุน เชี่ยวชาญการแปรธาตุ พวกเรา
ล้วนห่างไกลจากเขานัก! แต่ เมื่อครู่นี้ กลับมีคนกล้าปรามาสต่อเขา กล่าว
ว่าเขาไม่สมควรได้ นั่งที่นี่ จากที่เห็น เป็นพวกเจ้าที่ไม่อาจเทียบรอยเท้า
ของเขาได้ ต่างหาก อย่างน้อย พวกเจ้าก็ไม่อาจขัดเกลากระดูกเหล็กกล้า
ระดับราชัน!”
ฉินหยุนส่งสายตากวาดขณะเดินผ่านห้องโถงวงกลมแห่งนี้ เขา รวบรวม
กระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณที่วางเอาไว้กับพื้นจน หมดสิ้น
เมื่ออาจารย์จารึกระดับสูงได้เห็นวัสดุของตนเอง ถูกเด็กน้อยผู้ นี้หยิบฉวย
ไป พวกเขามีโทสะ แต่ได้เพียงเก็บไว้ในใจ
กระทั่งถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับความจริงที่ฉินหยุน เด็ก น้อยอายุ
เพียงสิบหกปี ถึงขั้นสามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้า ระดับราชันได้!
ใบหน้าของจ้าวฉวนเองก็เผยความตื่นตะลึง ขณะมองทางฉิน หยุนด้วย
รอยยิ้ม เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ช่างน่าสะพรึง
ภายในร่างกายของเด็กหนุ่ม คล้ายมีศักยภาพน่าสะพรึงซุกซ่อน เอาไว้ ชั่ว
ขณะนี้ อาจารย์จารึกระดับสูงที่หยิ่งยโสเหล่านั้น กลับต้อง อารมณ์เสีย
เพราะฉินหยุน!
ระดับการฝึกตนของฉินหยุนถือว่าต ่า แต่กลับสามารถขัดเกลา กระดูก
เหล็กกล้าระดับราชัน นี่เป็นเพราะความช่วยเหลือของ วิญญาณยุทธ์ไฟ
ทองม่วง อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้ล้วนไม่ โง่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึง
ทราบว่าภายหน้า ฉินหยุนจะเป็น อาจารย์จารึกที่รุ่งโรจน์เพียงใด ถึง
ตอนนี้เอง พวกเขารู้สึกล าบากใจที่หาเรื่องต่อฉินหยุน ตามปกติแล้ว พวก
เขาคือผู้ที่หยิ่งยโสและภาคภูมิในตัวเอง และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ยินดีที่จะ
ก้มหัวเพื่อขอโทษแต่อย่างใด ด้วย
“ผู้อาวุโสใหญ่ ขอบคุณท่านมากแล้วที่เชื้อเชิญข้า เป็นผลให้ ข้าเก็บเกี่ยว
ได้มหาศาลเพียงนี้ เมื่อครู่ท าข้าเหน็ดเหนื่อยไม่ น้อย รบกวนท่านช่วย
จัดหาสถานที่ให้ข้าพักผ่อนได้หรือไม่ ขอรับ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” จ้าวฉวนพยักหน้ารับโดยทันที จากนั้นจึง ส่งคนของเขา
ออกไปพร้อมฉินหยุนและหลันเฟิ งจิน ฉินหยุนและหลันเฟิ งจินถูกน าทาง
มายังห้องชุดที่ชั้นยี่สิบ ผ่าน หน้าต่าง เขาสามารถเห็นทะเลเมฆหมอกสี
ทองอร่ามภายนอก
“เจ้าหนู นี่เจ้าท าได้อย่างไร? เป็นพวกมันไม่รู้ถึงความทรงพลัง ของเปลว
เพลิงสีทองม่วง แต่ข้ารู้ แน่นอนว่ามันไม่ได้แข็งแกร่ง เพียงนี้แน่!” หลันเฟิ ง
จินเดินมาด้านข้างฉินหยุน ถองเข้าใส่ สีข้างของเขาไปที่หนึ่ง ฉินหยุนก
ล่าวค าพร้อมยิ้มลึกลับ
“เป็นความลับ! แต่ต่อให้ข้า บอกออกไป ท่านก็ท าไม่ได้อยู่ดี”
พอหลันเฟิงจนได้ยินดังนี้ นางยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ ด้วยรู้ว่าฉิน
หยุนไม่คิดพูด นางจึงท าได้เพียงกระทืบเท้าอย่าง โกรธเคืองเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น