ตอนที่ 194 ฉินหลงปรากฏตัว
เจิ้งเฟิงพูด! เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาภายในเช่นนี้ กระทั่งยอดฝีมือทรง
อํานาจอย่างจ้าวฉวนยังไม่ทราบว่าควรรับมืออย่างไรดี เพราะ มันมีโอกาส
สูงยิ่งที่ร่างมารดาของฉินหยุนจะถูกขุดขึ้นมาและ ตกอยู่ในมือของ
จักรพรรดินีเย่และคนของนางจริง
ตอนที่ 194 ฉินหลงปรากฏตัว
ดวงตาฉินหยุนแน่วแน่ เขามองไปยังเชี่ยวเย่ว์หลานและกล่าว “องค์หญิง
เย่ว์หลาน อย่าได้กังวล นี่เป็นเพียงข้าหย่าต่อเจ้า ชั่วคราว ในเมื่อเจ้าเป็น
ของข้าแล้ว ก็จะเป็นของข้าตลอดไป!” เชี่ยวเย่ว์หลานหลับตา เป็นเพราะ
นางทราบดีว่าฉินหยุนจะต้อง ทําตามอย่างที่ฉินเจิ้งเฟิ งกล่าว หากเป็นนาง
นางก็คงเลือกทํา เช่นเดียวกัน! นางกล่าวเสียงเบา
“ข้าจะเป็นภรรยาเจ้าไปชั่วชีวิต!” ฉินหยุนนําเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง
เขาสูดลมหายใจเข้า ลึก
ด้วยจักรพรรดินีเย่ช่วยพยุง ฉินเจิ้งเฟิ งจึงยืนขึ้น ใบหน้านี้เปี่ยม ด้วยความ
อหังการ “ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉินหยุน เจ้าได้รับมรดกโทเทม ราชสีห์สวรรค์แล้วเป็น
อย่างไร? เจ้ามีพลังจิตแข็งแกร่งแล้ว อย่างไร? ท้ายที่สุด เจ้าก็ต้องร้องขอ
ความเมตตาจากข้า! อย่าได้จองหองจนเกินไปนัก ไม่ช้าเจ้าจะกลายเป็น
ขยะไร้ค่ายิ่ง กว่าข้า และข้าจะกลายเป็นผู้ได้รับแขนราชสีห์สวรรค์ ฮ่าฮ่า
ฮ่า!”
ขณะฉินเจิ้งเฟิงหัวเราะอยู่ ออร่าชวนสะพรึงพลันไหลทะลัก ออก ยอด
ฝีมือวรยุทธ์เต๋าทั่วทั้งห้องโถงล้วนแตกตื่น! หลังจากออร่าชวนพรั่นพรึง
ปรากฏ แสงสว่างสีทองคําพลันพุ่ง ออกแทงทะลุร่างของฉินเจิ้งเฟิง ปักร่าง
นั้นเอาไว้กับเสาแน่นิ่ง ฉินเจิ้งเพิ่งโดนปักร่างไว้ด้วยหอกทองคํา ตัวคนยัง
ไม่ตาย แต่ ความเจ็บปวดเหลือแสนแล้ว! เมื่อยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋ในโถง
สัมผัสถึงออร่าดังกล่าวและหอกมังกรทองคํา สีหน้าพวกเขาล้วนซีดเผือด!
“หอกราชามังกร!” จักรพรรดิเทียนชี่เป็นบุคคลแรกที่ร้อง ตะโกนขึ้น
“นี่เป็นอุปกรณ์ลึกล้ําซึ่งเป็นมรดกของเทียนฉิน หอกราชา มังกร!” จ้าวฉวน
ร้องอุทานเสียงดังเช่นเดียวกัน
“ใครกัน?” จักรพรรดินีเย่เผยเสียงสั่นเปี่ยมด้วยความ หวาดกลัวขณะมอง
รอบทิศ
“ข้าเอง!” นี่คือเสียงของจักรพรรดิเทียนฉิน ฉินหลง ได้ยินเสียงลึกล้ํานี้
บรรดาข้าราชบริพารเฒ่าแห่งเทียนฉินเผยสี หน้าแทบจะเป็นขี้เถ้า บรรดา
ผู้ชราล้วนร่างกายสั่นเพิ่ม ชายในชุดเกราะทองคําประดับด้วยผ้าคลุมหลัง
สีแดงกําลังเดิน เข้ามาในห้องโถง ครึ่งหนึ่งของใบหน้าปกคลุมด้วย
หน้ากากมังกร ภายใต้คิ้วหนา และสายตาคู่นั้นที่คมกล้าลึกล้ํา ร่างกํายํา
กําลังปล่อยออร่า รุนแรงขณะเดินเชื่องช้าถึงข้างกายฉินหยุน
“ฉิน... ฉินหลง นี่เจ้ายังไม่ตาย?” จักรพรรดิเทียนชี่ร้องอุทาน บุคคลผู้ซึ่ง
เพิ่งมานี้คือฉินหลง ข่าวเมื่อสองวันก่อนบอกว่าเขา สิ้นพระชนไปแล้ว แต่
มาวันนี้กลับอยู่ที่นี่พร้อมพลังเปี่ยมล้น
เชี่ยวหยางหลงยังต้องกลืนนํ้าลายอีกใหญ่ ตลอดมาเขาคิดว่า ฉินหลงเป็น
ผู้อ่อนแอและได้รับบาดเจ็บมาโดยตลอด เพราะ แบบนั้นเขาจึงกล้ารังแก
ฉินหยุน แต่แล้ว เขาไม่เคยคิดเลย ว่า ฉินหลงจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
แล้ว! ฉินหลงมองร่างสั่นเทิ้มของจักรพรรดินีเย่และกล่าวเสียงเย็น
“ตํ่าช้านัก! ช่วงที่การฝึกฝนของข้าเกิดแตกซ่าน เจ้าและข้า ราชบริพาร
เฒ่าถึงขั้นก่อการจัดฉากให้ร้ายเสี่ยวหยุนและมหา อุปราช และนี่เจ้ายังคิด
ฆ่าข้าด้วย? เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าจะมี วันนี้ที่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!?”
พร้อมกันนี้ เขานําเอาหัวของเยฉางเฉ่าออกมา “
สุนัขเฒ่าเยฉางเฉ่า กระทั่งมันยังกล้าดีคิดฉกชิงตําแหน่ง ตระกูลฉิน ช่าง
เป็นคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินตํ่าเขียนคําว่าตายไม่ เป็น!” ฉินหลงเตะหัวนั้น
กลิ้งไปตรงหน้าจักรพรรดินีเย่ ร่างของจักรพรรดินีเย่ไร้เรี่ยวแรงขณะนางนั่ง
กับพื้น แขนนั้น สั่นเทิ้มชี้ไปยังฉินเจิ้งเฟิ งซึ่งร่างโดนปักกับเสาและกรีดร้อง
“ฉิน หลง เขาคือบุตรท่าน นี่ท่านต้องการสังหารเขาด้วยหรือ?”
ขณะจักรพรรดินีเย่กล่าวคําจบ ฝ่ามือฉินหลงจึงเล็งไปที่ฉินเจิ้ง เพิ่งและอัด
กับเสาไปรุนแรงครั้งหนึ่ง! ผู้คนในโถงล้วนกายแข็งที่อ ฉินหลงถึงขั้นสังหาร
บุตรชายต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้!
“ฉินหลง เจ้า.... เจ้ามันโหดเหี้ยม! กระทั่งพยัคฆ์ยังไม่สังหารลูก ตัวเอง แต่
เจ้ากลับสังหารเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเอง!” จักรพรรดินี เย่สับสนไปครู่ก่อน
กรีดร้องออก นางกรีดร้องด้วยความ หวาดกลัว ราวกับว่าวันนี้คือวัน
หายนะและวันตายของนางที่ กําลังเข้ามาจ่อคอหอยแล้ว ใบหน้าของฉิน
หลงเย็นเยือก สายตานั้นจ้องมองจักรพรรดินีเย่ ที่ร่างล้มกับพื้นและกล่าว
คํา
“เป็นมันคิดขุดร่างภรรยาซึ่งข้ารัก ที่สุดออกมา นี่เป็นการยั่วยุต่อราชวงศ์!
ทั้งมันยังไม่ใช่บุตรของ ข้า!”
ว่าอะไร? ฉินเจิ้งเฟิ งไม่ใช่บุตรชายงั้นหรือ!
ทุกผู้คนล้วนคาดเดา ว่าจักรพรรดินี้เล่นละครฉากใหญ่ลวง หลอกต่อผู้คน
ทั้งจักรวรรดิ พวกเขาล้วนรู้สึกว่าจักรพรรดินีเย่ เป็นคนชั่วช้าที่พร้อมจะทํา
เรื่องแบบนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ฉินหลงหันมองทางฉินเทียน ท่ามกลางฝูง
ชนและกล่าว
“บุตรชายข้าที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงฉินหยุนและฉินเทียนอี้! ฉิน เจิ้งเฟิงและ
ฉินเฟิง หาได้ใช่บุตรชายข้า! ข้าไม่ได้กล่าวอันใดผิด พวกมันล้วนเป็น
ลูกหลานจากตระกูลเย่! พวกมันมาจาก ตระกูลเย่และสวมบทเป็น
บุตรชายข้า! เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่รู้ เพียงเพราะข้าเก็บตัวฝึกฝนไปนานยิ่ง?”
ฉินเจิ้งเฟิงและฉินเฟิง ทั้งสองเป็นลูกหลานที่เกิดจากตระกูลเย่น ฝูงชน
ล้วนคิดตามและถอนหายใจ หากฉินเจิ้งเฟิ งขึ้นครอง บัลลังก์ได้สําเร็จ
จักรวรรดิเทียนฉินได้เปลี่ยนมือราชวงศ์แล้ว! ตระกูลเย่ช่างวางแผนลึกล้ํา!
จักรพรรดินีเย่ถึงขั้นสติหลุดก่นด่า ฉินหลงราวคนบ้า
“ราชาปีศาจเงินเหริน ตระกูลเมิ่งของท่านให้รับหน้าที่จับกุม สมาชิก
ตระกูลเย่ ยังพวกมันเอาไว้ในคุกสวรรค์ ข้าจะค่อย จัดการพวกมันด้วย
ตัวเอง” ฉินหลงหันมองไปทางโต๊ะของเมิ่งเฟยหลิง ราชาปีศาจเงินเหริน
แห่งตระกูลเพิ่งเป็นชายชรา เขาลุกขึ้นยืน พร้อมผู้อาวุโสจํานวนหนึ่งจาก
ตระกูล จากนั้นจึงเข้าจับกุม จักรพรรดินีเย่และพระยาเยี่ยนที่ได้รับ
บาดเจ็บ รวมทั้งข้าราช บริพารเฒ่าอีกจํานวนหนึ่ง พระยาฉินเองก็อยู่ที่นี่
แม้เขาเป็นน้องชายของฉินหลง ฉินหลง ก็ยังนับรวมเขาเข้ากับตระกูลเย่
เมื่อพระยาฉินมองที่สายตาของฉินหลง เขาเร่งรีบทะยานกาย ไปที่ประตู
แต่แล้ว ขณะที่เท้าเพียงเพิ่งก้าวออก ฉินหลงก็ส่ง ร่างของเขากระเด็นด้วย
ฝ่ามือ เป็นผลให้เลือดกระอักเต็มปาก ถัดจากนั้น ทั้งตระกูลผู้สมรู้ร่วมคิด
ล้วนโดนราชาปีศาจและ คณะจับตัวไว้จนสิ้น เมื่อตระกูลเมิ่งจับกลุ่มคนไว้
ได้ พวกเขาจึงเร่งรีบนําไปคุมขัง
สีหน้าอหังการของเซี่ยวหยางหลงเลือนหาย เหตุผลหลักคือฉินหลง
แข็งแกร่งยิ่ง ทั้งยังมีหอกราชามังกรในมือ กระทั่งยอด ฝีมือวรยุทธ์เตผู้ชรา
ภาพกว่ายังต้องหวั่นเกรง
“แม้วันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นหลายเรื่อง แต่นี่ยังไม่จบ นี่เป็นเรื่อง ของเย่ว์หลาน
นางเพิ่งกล่าวว่าตราบใดที่มีคนจัดการนางลงได้ คนผู้นั้นจะสามารถ
แต่งงานกับนาง” เชี่ยวหยางหลงกล่าวคํา เสียงเบา
“ยังคงมียอดฝีมือรุ่นเยาว์จากตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามที่ต้องการ
ท้าประลองต่อนางอยู่” ฉินหยุนได้รับบาดเจ็บเพราะพระยาเยี่ยน เขาไม่
อาจเข้าร่วม การประลองได้อีกในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นสิ่งเดียวที่นาง
ทํา ได้ตอนนี้คือสู้เพื่อตัวเองแล้ว
“ย่อมได้ พวกเจ้าอยากทําอะไรก็ทํา” ฉินหลงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย
จากทางด้านตําหนักตะวันตก ชายหนุ่มหล่อเหลาสวมใส่ชุดสี นํ้าเงินเดิน
ออกมาด้วยท่าที่อหังการสู่ลานประลอง เขากล่าวคํา
“เชี่ยวเย่ว์หลาน เจ้าและข้าไม่จําเป็นต้องใช้อาวุธในการต่อสู้ ข้าจะให้เจ้า
ได้เห็นเอง ว่าข้าควรค่าต่อเจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้าสงบขณะเข้า
ลานประลอง นางหัน มองทางจ้าวฉวนสื่อให้เปิดการทํางานอาคมธง
เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ
“เย่ว์หลาน ผู้นี้คือหลานชายของผู้ อาวุโสใหญ่ตําหนักตะวันตก ถั่วเหยียน
ด้วยขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่แปด เขาครอบครองหกเส้นวิญญาณ
และยัง เกือบจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว เขาคือผู้
แข็งแกร่งที่สุดภายในขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแห่ง ตําหนัก
ตะวันตก”
ผู้อาวุโสลั่วแห่งตําหนักตะวันตกยิ้มผ่านใบหน้าขณะกล่าว
“องค์หญิงเย่ว์หลาน ถั่วเหยียนเหนือล้ํานัก เขาดีเลิศกว่าฉัน หยุนไม่รู้
เท่าไหร่ ฉินหยุนอย่างไรแล้วมันก็ไม่มีพลังธาตุ ได้แต่ พึ่งพาพลังจิตและ
แขนข้างนั้น คิดรับมันเป็นสามีจงพิจารณาให้ ถี่ถ้วนก่อนจะสายเกินไป”
“เลิกพูดไร้สาระ เข้ามาจัดการข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด!” เชี่ยวเย่ว์หลาน
ไม่ไว้หน้า หัวใจของนางตอนนี้หาได้ไหวหวั่นไม่หยางฉีเย่ว์กลอกตามอง
ทางฉินหยุนและพึมพํา
“เย่ว์หลาน ภักดีต่อเจ้านัก เมื่อครู่เจ้ากลับปฏิเสธความดื้อรั้นของนาง เป็น
เจ้าขาดสติหรือไร” ฉินหยุนแลบลิ้นออกไม่กล่าวคําใด เขาเพียงมองเชี่ยว
เย่ว์หลาน ด้วยความเป็นห่วง
“เสด็จพ่อ ฝากท่านดูแลเย่ว์หลานด้วย อย่าให้นางได้รับ บาดเจ็บนะ
ขอรับ” ฉินหยุนเอ่ยคําเบาต่อฉินหลงที่ด้านหลัง “อย่าได้ห่วง”
ฉินหลงยิ้มรับ หลังจากจ้าวฉวนตะโกน ลั่วเหยียนจึงโจมตีออกอย่างมาด
มั่น ก้าวเท้าของเขารวดเร็วดังสายฟ้าขณะกายเคลื่อนไปถึงข้าง กายเชี่ยว
เย่ว์หลาน ก่อนจะผลักฝ่ามือออกเข้าใส่สีข้างของนาง ตอนนี้เอง ก้อนหิน
อัคคีทองม่วงพลันทะลักออก เชี่ยวเย่ว์หลานไหววูบมือปลดปล่อยบอล
พลังภายใน นางคิดสกัดหินอัคคีก้อนนี้และทําลายมัน!
ด้วยเสียง “ตูม” ดังขึ้น เปลวเพลิงทองม่วงปริมาณมากระเบิด ออกจาก
ก้อนหินปกคลุมทั่วลานประลอง! หากไม่มีการป้องกันของอาคมธง อัคคี
เพลิงคงเผาทั่วทั้งห้อง โถงนี้ไปแล้ว! กระทั่งมีอาคมธง ทั่วทั้งห้องโถงก็
ยังคงร้อนแรง
“นี่เป็นวิชายุทธ์ระดับโลกาขั้นต้น ระเบิดอัคคีดวงดาว!” ผู้ อาวุโสลั่ว
หัวเราะออกเสียงดัง “แม้ลั่วเหยียนเพียงเพิ่งเริ่มฝึก ก็ เชี่ยวชาญได้ดีถึง
เพียงนี้แล้ว!” ศิษย์ผู้อื่นจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามล้วนเผยสี
หน้า ประหลาดใจ! พวกเขาคล้ายเพิ่งรู้ตอนนี้ว่าลั่วเหยียนเรียนรู้วิชา ยุทธ์
ระดับโลกาได้แล้ว วิชายุทธ์ระดับโลกา มันไม่มีทั้งระดับความเชี่ยวชาญ
หรือคํา ชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญ หากคนผู้หนึ่งเรียนรู้อย่างนุ่มบ่าม มันจะ
เกิดความเสี่ยงรุนแรง เรื่องนี้ก็มากพอทําให้ผู้คนแตกตื่นกันได้ แล้ว
ศิษย์ที่เลิศลํ้าของตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามมีมาก แต่ไม่ มีพวกเขา
แม้สักคนมั่นใจที่จะเรียนรู้วิชายุทธ์ระดับโลกาขณะที่ อยู่ระดับตํ่ากว่า
ขอบเขตวรยุทธ์เต เปลวเพลิงภายในลานประลองที่ปกคลุมรอบบริเวณ
ของอาคม ธง ตอนนี้ค่อยเจือจางลงบ้าง ร่างแรกที่ปรากฏต่อหน้าผู้คน
คือลั่วเหยียน เขายังคงใช้มือไพร่ หลังไว้และยิ้มอย่างอหังการ ราวกับว่า
ชัยชนะตกแก่เขาแล้ว
“อย่าได้ห่วง ต่อให้นางบาดเจ็บหนัก ข้าก็ยังคิดแต่งงานกับนาง อยู่ดี” ลั่ว
เหยียนเผยนํ้าเสียงเฉยชาขณะสายตามองทางฉินหยุ นอย่างเดียดฉันท์
เขาเพียงต้องการแผนที่หลุมฝังเซียนในกายเชี่ยวเย่ว์หลาน
หากพละกําลังของเชี่ยวเย่ว์หลานได้รับความเสียหายร้ายแรง จากอาการ
บาดเจ็บ เรื่องนี้จะกลายเป็นดีต่อเขา มันจะทําให้ เขาสามารถสะกดข่ม
เชี่ยวเย่ว์หลานเอาไว้ได้ เปลวเพลิงเลือนหายโดยสมบูรณ์ เชี่ยวเย่ว์หลาน
ยังคงยืน ตระหง่านที่เดิม เส้นผมสีดําขลับยาวถึงเอวยังคงงดงามพลิ้วไหว
นางไม่คล้ายโดนเผาไหม้เพราะเปลวเพลิงทองม่วงเมื่อครู่นี้ แม้แต่น้อย!
ที่น่าแตกตื่นยิ่งกว่า ก็คือแรงระเบิดรุนแรงเมื่อครู่ไม่เป็นผลให้ นางต้องก้าว
เท้าถอยแม้ครึ่งก้าว รอยยิ้มที่ใบหน้าของผู้อาวุโสถั่วแข็งค้าง โดยทันที มัน
กลับ กลายเป็นความแตกตื่น เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียง ด้วยนิ้วมือกระดิก
เล็กน้อย ลูกไฟน้อย ทองม่วงปรากฏที่ปลายนิ้วและยิงออก โดยทันที มัน
เข้าปะทะที่ ไหล่ของถั่วเหยียน!
ตู้ม! ลูกไฟทองม่วงเข้าปะทะกับหัวไหล่ของถั่วเหยียนส่งเสียง ดังระเบิด
ออกพร้อมอัคคีเพลิงทองม่วง! ลั่วเหยียนร่างกระเด็นกรีดร้องเจ็บปวด!
“เหยียนเอ๋อ!” ผู้อาวุโสลั่วร้องตะโกนแตกตื่น หลังจากถั่วเหยียนล้มกับพื้น
เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้ขณะแขน ข้างหนึ่งหมดสภาพ!
“คนอย่างเจ้าหรือคิดอยากแต่งกับข้า? ทั้งยังคิดอยากให้ข้า พิการเพื่อเจ้า
จะได้ควบคุมข้าให้มอบแผนที่หลุมฝังเซียนให้? ช่างฝันเฟื่ องนัก!” นํ้าเสียง
ของเชี่ยวเย่ว์หลานยะเยือก จิต สังหารของนางเปี่ยมล้น ขณะนางกล่าว
เท้าก็เดินเข้าหาลั่วเหยียนไปด้วย
“เชี่ยวเย่ว์หลาน หยุด!” ผู้อาวุโสลั่วเร่งรีบเข้าถึงข้างค่ายอาคมธง
“เย่ว์หลาน หยุด!” เซี่ยวหยางหลงเองก็เร่งร้อนตะโกนขึ้น ถั่วเหยียนเองก็
ได้ทราบแล้ว ว่าตนไม่อาจจัดการเชี่ยวเย่ว์หลาน แต่ขณะที่เขากําลังจะ
ประกาศยอมแพ้ เท้าของเซี่ยวเย่ว์หลาน ได้ยกขึ้นและกระทืบลงด้วยแรง
มหาศาลจนเกิดเสียง
“ตู้ม!” ดัง ขึ้น ถั่วเหยียน ผู้ซึ่งเกือบจะได้ตะโกนยอมแพ้ พลันต้องร้องออก
อย่างเจ็บปวดแทน!
ตอนที่ 195 โทเทมมรณะ
“ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้แล้ว...” ลั่วเหยียนส่งเสียงร้องอย่าง เจ็บปวด หาก
เชี่ยวเย่ว์หลานกระทืบเท้าลงได้อีกครั้ง เขาต้อง ตายแน่ ผู้อาวุโสลัวจ้อง
มองสายตาคิดฆ่าฟันไปยังเชี่ยวเย่ว์หลาน เมื่ออาคมธงถูกถอนออก ผู้
อาวุโสจากตําหนักตะวันออกเร่งรีบ เข้ามาในลานประลองยืนหยัดข้าง
เชี่ยวเย่ว์หลาน ผู้อาวุโสนี้คือ ผู้อาวุโสลําดับที่สามของตําหนักตะวันออก
ฉ่วยอี้ฮวย ฉินหยุน จดจําเขาได้
“เหล่าลั่ว รักษาหลานชายเจ้าก่อน!” ฉ่วยอี้ฮวยกล่าวคําขณะ เข้าคุ้มกัน
เชี่ยวเย่ว์หลาน
ผู้อาวุโสลั่วโกรธ กระนั้นก็เร่งรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บ ของถั่วเหยียน
ด้วยสีหน้าน่าเกลียด เสียงเย็นเยือกกล่าวคําออก
“พลังภายในและวิญญาณยุทธ์ ทั้งสองได้รับความเสียหาย รุนแรง แทบ
แตกสลาย!” หากเชี่ยวเย่ว์หลานกระทืบอีกสักครั้ง ต่อให้ไม่ตาย ก็คงพิการ
แล้ว อย่างไรแล้วผู้อาวุโสลั่วก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เขาสามารถ ประคอง
อาการของลั่วเหยียนได้อย่างทันท่วงที
“ไม่ใช่เมื่อครู่เป็นมันหรือที่คิดทําให้ข้าพิการ? เหตุใดข้าจึงไม่ได้ รับ
อนุญาตให้โจมตีมันจนพิการบ้างเล่า? จุดประสงค์ของการ แข่งขันนี้คือ
อะไรกันแน่?” เชี่ยวเย่ว์หลานหาได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อยที่จะเหยียดหยามผู้
อาวุโสลั่ว
“กับเจ้านี่ ไร้ความสามารถเพียงนี้ ยังคิดกล้าอวดดี ราวกับว่าตนคือยอด
ฝีมืออันดับหนึ่งในโลก ช่างน่าขัน” ผู้อาวุโสลั่วยิ่งสุมโทสะรุนแรง เขาร้อง
ตะโกนออกอย่างโกรธ แค้น “สารเลวน้อย หุบปากเจ้าเสีย!”
เชี่ยวหยางหลงเองก็โกรธยิ่ง แต่เขาไม่อาจกล่าวอะไรได้มาก อย่างไรแล้ว
เชี่ยวเย่ว์หลานก็เป็นภรรยาของฉินหยุน และฉิน หลงก็ยังยืนอยู่ด้านข้างไม่
จากไปไหน
“เหล่าลั่ว เชี่ยวเย่ว์หลานมีระดับการฝึกฝนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า
หลานชายเจ้าถือว่าห่างไกลจากนางนัก! นี่ถือว่า นางเมตตาแล้ว
ไม่เช่นนั้นหลานชายเจ้าได้ตายตกไปตั้งแต่ แรก!”
ฉ่วยอี้ฮวยยิ้มกล่าว เชี่ยวเย่ว์หลานก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า
แล้ว! ทุกคนต่างเงียบงันจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ เชี่ยวเย่ว์หลาน อายุ
เพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่สามารถก้าวถึงขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่
เก้า พรสวรรค์ของนางถือว่าน่าสะพรึงกลัว ยิ่งกว่าหยางฉีเย่ว์ นางอาจก้าว
สู่ขอบเขตวรยุทธ์เตํ่าได้ภายใน อีกหนึ่งหรือสองปีด้วยซํ้า ผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต่
อายุเพียงยี่สิบ แค่คิดก็ชวนสะพรึงแล้ว!
ฉินหยุนมองเชี่ยวเย่ว์หลานอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยคิดเลย ว่านางจะ
เก็บงําพลังได้ดีเพียงนี้ และนี่ยิ่งทําเขาเป็นกังวลว่าจะ โดนนางข่มเหงใน
ภายหน้าทุกวี่วัน เชี่ยวหยางหลงเองก็เผยสีหน้าอึ้งจ้องมองเชี่ยวเย่ว์หลาน
ด้วย ดวงตาเบิกกว้าง เขาอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งเหงื่อเย็นออก! นี่เป็น
เพราะระดับการฝึกฝนของเชี่ยวเย่ว์หลานแทบหายใจรดต้นคอ ของเขา
แล้ว ถึงตอนนั้น นางอาจเหนือล้ํายิ่งกว่าและมาคิดหนี้ แค้นครั้งนี้แน่
“ใครอีกจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามคิดท้าทายข้า? หากล้มข้าได้
ข้าก็ยินดีแต่งงานด้วย แต่หากข้าไม่ชนะ ข้าก็จะ ฆ่าตัวตาย!” สายตาเย็น
เยือกของเชี่ยวเย่ว์หลานเปี่ยมด้วยจิตสังหารรุนแรง สายตาอหังการของ
นางกวาดมองบรรดาคนหนุ่มในชุดนํ้าเงิน เชี่ยวเย่ว์หลานได้หลุดพ้นจาก
จักรวรรดิเทียนเชี่ยว ผู้อาวุโส จากตําหนักตะวันออกสามารถไม่ไว้หน้า
เชี่ยวหยางหลงและ ผู้อื่นออกหน้าปกป้องนางได้ ดังนั้นแล้ว ตําหนัก
ดวงดาวทิศอื่น ย่อมไม่อาจลงมือทําอะไรได้มาก
ผู้อื่นล้วนลอบยินดีที่ไม่ใช่พวกเขาต้องสูญเสียหนักหน่วง ทางด้านผู้อาวุโส
รั่วจากตําหนักตะวันตก เป็นเขาสูญเสียใหญ่ หลวงนัก อันดับแรกได้สูญสี
ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกแก่ฉิน หยุน ทั้งหลานชายยังได้รับบาดเจ็บหนัก
เรื่องนี้ทําเอาอีกสาม ตําหนักดวงดาวลอบยินดีต่อโชคร้ายของอีกฝ่าย
กัวเจิ้งจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนก้าวเดินออกและกล่าว
“ใน เมื่อการแต่งงานระหว่างฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเป็นที่ ตัดสิน
เรียบร้อย เรื่องอื่นไว้พูดคุยกัน!”
“แม้จะเป็นอุบัติเหตุที่ฉินหยุนโดนส่งเข้าแดนต้องห้าม แต่เขาก็ ยังอยู่
ร่วมกับอสูรขัดเกลาวิญญาณมานานหลายวันนัก เขาย่อม ต้องเรียนรู้จาก
อสูรขัดเกลาวิญญาณและได้รับวิชาขัดเกลา วิญญาณมาแน่! นี่ถือเป็น
วิชาปีศาจที่โหดเหี้ยม!” จักรพรรดิเทียนขี่เร่งร้อนกล่าว
“ย้อนกลับไปตอนนั้น อสูรขัด เกลาวิญญาณเกือบสร้างหายนะต่อทั่วทั้ง
จักรวรรดิเทียนชี้ เป็นเหตุการณ์น่าสะพรึงนัก! พวกเราที่อยู่ชายขอบของ
แดงยุทธ์ อ้างว้าง แต่พวกเราอย่างไรแล้วก็เป็นผู้ฝึกตนที่ชอบธรรม ใช้
โอกาสนี้หารือความจริงร่วมกับตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามที่นี่เพื่อ
ตัดสินเรื่องราวจะดีกว่า”
“เจ้าหมายความอย่างไร? เจ้ากําลังบอกว่าบุตรชายข้าฝึกฝน วิชาอันชั่ว
ร้ายหรือไร?” ฉินหลงแค่นเสียงกล่าวคํา
“ถือเป็นผู้ต้องสงสัย!” จักรพรรดิเทียนขี่เองก็หวาดกลัวฉินหลง ไม่น้อย
เพราะอีกฝ่ายตอนนี้มีหอกราชามังกรอยู่ในมือ มันคือ อาวุธลึกล้ําที่น่าสะ
พรึงที่สุดของสามจักรวรรดิ ฉินหลงโพล่งคําออก
“เช่นนั้น พวกเราจะรอให้เจ้าได้ยืนยัน จง ค้นหาหลักฐานและค่อยพูดคุย
ถึงเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นก็ได้แต่ผาย ลมกันอยู่ที่นี่!” ฉ่วยอี้ฮวยตอนนี้พูดขึ้น
“ข้าได้ยินเรื่องเคล็ดวิชาขัดเกลา วิญญาณมานานยิ่งแล้ว! จากตํานาน มัน
ถือเป็นเคล็ดวิชา ปีศาจที่น่าสะพรึง แต่มันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถ
เชี่ยวชาญได้ใน ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน นอกจากนี้ เพื่อฝึกฝนวิชาปีศาจ
คนผู้หนึ่งจําเป็นต้องครอบครองวิญญาณยุทธ์อันแข็งแกร่ง ด้วยเหตุ ที่ฉิน
หยุนไม่มีทั้งวิญญาณยุทธ์และพลังธาตุในเวลานี้ ทุกผู้คน ล้วนกังวล
เรื่องราวนี้จนเกินไปแล้ว”
ฉินหยุนหันมองกัวเจิ้งเย็นเยือก รองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์ เทียน
เสวียนหมายหัวเขามานานยิ่งแล้ว! เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็มองกัวเจิ้งด้วยจิต
สังหาร เป็นผลให้ทั่วเจิ้ง ต้องโกรธแค้นอยู่ภายใน เขาคือขอบเขตวรยุทธ์
เต๋า ทั้งยังเป็น รองอธิการบดีแห่งสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน! ด้วยฉินหลง
อยู่ที่นี่ เขาไม่อาจทําอะไรต่อฉินหยุนได้หากไร้ซึ่ง หลักฐานที่หนักแน่น
“ฉินหยุน เจ้าคิดเข้าร่วมตําหนักทิศเหนือหรือไม่? ข้ายินดีมอบ ข้อเสนอที่ดี
งามให้” ชายชราจากตําหนักทิศเหนือเดินออกและยิ้มให้
“เจ้าเพิ่งเข้า ร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่
ต้อง อยู่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถตรงเข้าร่วมตําหนักทิศเหนือ เพื่อ
ฝึกฝนได้”
แม้ตําหนักทิศใต้จะมีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเย่ แต่พวกเขาก็ให้ ค่าฉินหยุน
ที่ครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์มากกว่า หญิงชรา คนหนึ่งก้าวเดิน
ออกมาและกล่าวคํา
“ฉินหยุน เงื่อนไขของ พวกเราตําหนักทิศใต้ย่อมดีกว่าตําหนักทิศเหนือ!”
ตําหนักตะวันตกคิดอยากสังหารเขาด้วยซํ้า และข้อพิพาท ระหว่างพวก
เขากับฉินหยุนยังใหญ่หลวง ไม่ว่าจะด้วยอะไร ฉิน หยุนไม่มีทางเข้าร่วม
แน่ ผู้อาวุโสรั่วจากตําหนักตะวันตกแค่นเสียง
“พวกเจ้าเร่งรีบยื่น ข้อเสนอต่อมันจนเกินไปแล้ว เจ้ามั่นใจหรือว่าโทเทม
ราชสีห์ สวรรค์ของมันยังอยู่? หากมันตายไปแล้วเล่า? ถึงตอนนั้นพวก เจ้า
จะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว!” เขาหันมองฉินหยุนด้วยดวงตาเปี่ยมล้นความ
รังเกียจ “แม้มันรู้
และเข้าใจวิชายุทธ์โทเทม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโทเทม ราชสีห์สวรรค์
จะยังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ถือว่ายังน่าสงสัย” หญิงชราจากตําหนักทิศใต้เร่งรีบ
พยักหน้ารับและกล่าว “ก็จริง งั้นก็ต้องตรวจสอบ!”
ฉ่วยอี้ฮวยกล่าวต่อฉินหยุน “สิ่งสําคัญที่สุดของมรดกโทเทมคือ วิญญาณ
โทเทมภายใน หากไม่มีวิญญาณโทเทม ก็ถือว่าเป็นโท เทมมรณะ นี่ไม่ใช่
เรื่องดีนัก มันจะส่งผลใหญ่หลวงต่อเจ้าใน ภายหน้า! ยกตัวอย่าง มันจะ
กลืนกลินพลังวิญญาณเจ้าที่ละ น้อย เป็นผลให้วิญญาณของเจ้ายาก
พัฒนาขึ้น” ผู้อาวุโสลั่วเอ่ยคํา
“หากเป็นโทเทมมรณะ เพียงไม่นานเจ้าจะ เสียการควบคุมแขนข้างนั้น
เจ้าจะกลายเป็นชายไร้วิญญาณในท้ายที่สุดเพราะโทเทมมรณะ”
“เรื่องนี้ตรวจสอบอย่างไร?” ฉินหยุนเองก็ตระหนักเพราะคํา กล่าวของผู้
อาวุโสลั่ว เขาจึงเร่งรีบเอ่ยถามต่อฉ่วยอี้ฮวย
“ง่ายมาก ใช้ศิลาทดสอบวิญญาณ!” ฉ่วยอี้ฮวยนําเอาหินทรง แปดเหลี่ยม
โปร่งแสงออกมา และวางมันไว้ที่ไหล่ของฉินหยุน เขากล่าว “หากโทเทมมี
วิญญาณอยู่ภายในโทเทมราชสีห์ สวรรค์ของเจ้า ศิลาจะส่องแสงออกมา”
หลังวางศิลาแปดเหลี่ยมไว้อยู่นาน ก็ไม่มีการตอบสนองใด
ทุกผู้คนจับจ้องศิลา พวกเขาไม่พบอาการตอบสนอง พร้อมกัน นี้ พวกเขา
ยังลอบยินดีและประหลาดใจ นี่เป็นเพราะโทเทม ราชสีห์สวรรค์ของฉิน
หยุนไม่มีชีวิต! “ไม่มีการตอบสนอง! ฮ่าฮ่าฮ่า มันตายแล้ว!” ผู้อาวุโสลั่ว
กล่าวยินดี
หญิงชราเมื่อครู่เร่งรีบนําเอาศิลาทดสอบวิญญาณทรงแปด เหลี่ยมของ
ตนเองออกมา นางวางมันเอาไว้ที่โทเทมราชสีห์ สวรรค์บนแขนของฉิน
หยุน ทว่า ก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ไม่ช้า ชายชราจากตําหนักทิศเหนือก็
นําเอาศิลาทดสอบ วิญญาณออกมากระทําเช่นกัน ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม
“โทเทมราชสีห์สวรรค์ตายแล้วหรือนี่” ฉ่วยอี้ฮวยคิ้วขมวด
“นี่ ฉินหยุน คงดีกว่าหากเจ้าฝึกฝนที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไป ก่อน! หาก
คิดเข้าร่วมตําหนักทิศใต้ เจ้าก็ต้องผ่านการทดสอบ เสียก่อน” หญิงชรา
กล่าวคํา นํ้าเสียงเย็นเยือกขณะตีตัวออกห่างจากฉินหยุน
“ฉินหยุน น่าเสียดายนัก ดูแลตัวเองให้ดีด้วย” ชายชราจาก ตําหนักทิศ
เหนือกล่าวคําจบ เขาก็กลับเข้าฝูงชนไป เมื่อครู่ เขาเป็นที่ต้อนรับ แต่เพียง
พริบตา กลับกลายเป็นถูก กระทําเย็นชาเสียอย่างนั้น เรื่องนี้ทําฉินหยุนไม่
ยินดีอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่ตาย
แล้วไม่มีค่า ทั้งยังอาจทําให้ฉินหยุนบ้าคลั่ง เพราะเหตุนี้ตําหนัก ทิศเหนือ
และทิศใต้จึงถอนตัวโดยทันที
“ฉินหยุน เจ้าสามารถเข้าร่วมตําหนักตะวันออกของเราได้ ทว่า ข้าคงมอบ
เงื่อนไขที่ดีนักแก่เจ้าไม่ได้” ฉ่วยอี้ฮวยกล่าวคํา ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ผู้อาวุโสฉ่วย ข้าได้ยินว่าตําหนักตะวันออก ของท่านมีประตูจารึกใช่
หรือไม่? ข้าสามารถเข้าประตูจารึกนั้น ได้หรือไม่?” ได้ยินคําประตูจารึก สี
หน้าของฉ่วยอี้ฮวยแปรเปลี่ยน ผู้อื่นจาก ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
ล้วนเผยอาการประหลาดใจ เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวคํากังวล
“ฉินหยุน นี่เจ้าต้องการให้ข้าเป็น ม่ายหรือ? เจ้าห้ามไปประตูจารึก มัน
อันตรายเกินไป!”
หยางฉีเย่ว์เองก็กล่าว “ประตูจารึกของตําหนักตะวันออกรู้จัก กันในชื่อ
ประตูคร่าอัจฉริยะ ผู้ใดไปย่อมต้องตาย แม้มีอาจารย์ จารึกทรงพลัง
จํานวนมาก หลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครผ่านการ ทดสอบไปได้” ฉ่วยอี้
ฮวยถอนหายใจ
“กล่าวตามตรง สํานักจารึกของตําหนัก ตะวันออกไม่มีผู้อื่นหลงเหลืออยู่
แล้ว จะมีก็แต่ผู้อาวุโสนอกซึ่ง รับหน้าที่เก็บกวาดประตู หากเจ้าคิดอยาก
เข้าประตูจารึก ก็ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถตัดสินใจ ต่อให้เจ้าสามารถผ่านบท
ทดสอบและเข้าประตูจารึก ก็ไม่มีใครสามารถชี้นําเจ้าให้ฝึกฝน ได้ เพราะ
เจ้าจะเป็นศิษย์และอาจารย์เพียงคนเดียวของสํานัก จารึก และยังเป็นจ้าว
สํานักจารึกเพียงหนึ่งเดียว!” ผู้อาวุโสลัวแค่นเสียง
“ผู้นําของสํานักจารึกมีสถานะทัดเทียม ผู้นําของตําหนักทั้งสี่ ด้วยเหตุผลนี้
อัจฉริยะหลายต่อหลายคน ล้วนเดินเข้าคิดผ่านการทดสอบ แต่หลังจาก
เข้าประตูไปแล้ว ก็ ไม่เคยมีใครได้กลับออกมาอีก”
“ฉินหยุน จงหยุดคิดถึงเรื่องนี้เสีย ขอพูดตามตรง เจ้าจงเข้า ร่วมตําหนัก
ตะวันออก ข้ารับประกันว่าจะไม่มีผู้ใดในตําหนัก ตะวันออกกล้ารังแก
เจ้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้าจริงจังมอง ฉินหยุน ทุกคนในโถงล้วนอยาก
หัวเราะออก ฉินหยุน บุรุษผู้หนึ่ง ถึงขั้น ต้องให้ภรรยาตนเองออกหน้า
ปกป้องแล้วหรือ ฉินหยุนฝืนยิ้มกล่าวคํา
“เรื่องนี้ ข้าคิดอยู่ที่สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนไปก่อน! สถานการณ์ของข้า
ตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน เพราะฉะนั้นแผนการอันดับแรกของข้าคือการ
เรียนรู้แก่นของการฝึกฝนพลังจากอาจารย์ตู้ก๋วย”
อย่างไรแล้ว เขาไม่อยากไปตําหนักตะวันออกเพื่อกลายเป็น ศิษย์ภายใต้
การคุ้มครองของเชี่ยวเย่ว์หลาน นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย สักนิด ในฐานะผู้ชาย
คนหนึ่ง เขาไม่มีทางให้ผู้อื่นคิดว่าเขาหวั่น เกรงภรรยาตนเอง และต้อง
อาศัยนางเพื่อคุ้มกะลาหัวตัวเอง อย่างเด็ดขาด
ฉ่วยอี้ฮวยกล่าว “ฉินหยุน ทางที่ดีขอแนะนําให้เจ้าจัดการ ปัญหาโทเทม
ราชสีห์สวรรค์ก่อนก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! ผู้ ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เด็จํา
เป็นต้องเน้นการฝึกพลังจิตและ วิญญาณ ถึงตอนนั้น โทเทมราชสีห์สวรรค์
จะส่งผลกระทบใหญ่ หลวงต่อเจ้า” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวคํา
“ฉินหยุน พาข้าไปยังสถานที่ลับ ข้าจะ บอกถึงความลับของแผนที่หลุมฝัง
เซียนแก่เจ้า!”
“เย่ว์หลาน นี่เจ้า...” เซี่ยวหยางหลงลําบากใจขึ้นมา แต่เขาไม่ อาจทําอะไร
ได้ เป็นเขาพลาดเองที่เปิดโอกาสจนเชี่ยวเย่ว์ หลานได้แต่งกับฉินหยุน
หากเขาแต่งนางให้กับตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขาจะ ได้รับ
รางวัลมากมาย และนั่นจะทําให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่อง ทรัพยากรการฝึกตน
ในภายหน้าอีกต่อไป ยิ่งฝึกฝนไปมากเพียงใด ทรัพยากรในการฝึกฝนก็ยิ่ง
ต้องการ มากเท่านั้น เขาคือบุคคลซึ่งเร่งร้อนเพื่อหาความก้าวหน้าที่ดีแก่
ตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีการอะไรเพื่อแลก ทรัพยากรล้ํา
ค่ามา ภายหลังเมื่อควบคุมจักรวรรดิเทียนเซี่ยวเอาไว้ได้ เขาได้นํา เหรียญ
ผลึกทั้งหมดในคลังสมบัติออกมา และใช้พวกมันเพื่อการฝึกฝนของตนเอง
ด้วยซํ้า
ตอนที่ 196 แผนที่หลุมฝังเซียนที่สาม
ฉ่วยอี้ฮวยหัวเราะคิกคักกล่าว “ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลาน หาก เจ้าทั้งสอง
ค้นหาหลุมฝังเซียนพบและไม่มีพละกําลังพอที่จะไป ข้าสามารถร่วมทาง
ไปกับเจ้าได้”
หลุมฝังเซียน! โดยทันที ผู้คนทั้งโถงหลักถึงค่อยนึกขึ้นได้พร้อม ตื่นเต้นกัน
ขึ้นมา! คนจากตําหนักทิศใต้และทิศเหนือต่างลอบเสียใจกับการ ตัดสินใจ
เมื่อครู่ พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรกระทําเย็นชาต่อฉิน หยุนถึงเพียงนั้น ฉิน
หยุนไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ยามได้เห็นตําหนักทิศใต้และ ทิศเหลือเผย
ความริษยาต่อฉ่วยอี้ฮวย เขารู้สึกพึงพอใจขึ้นมา อย่างกะทันหัน เขาดึง
เซี่ยวเย่ว์หลานให้ตามมาพร้อมบอกลา เซี่ยอู่เฟิงและคณะ ก่อนออกจาก
โถงใหญ่แห่งนี้ไป
ข่าวคราวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในพระราชวังหลวงไปเร็วราวไฟลาม ทุ่ง ผู้คนใน
พระราชวังล้วนรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งคนที่ถนน หลักด้านนอกพระราชวัง
หลวงยังตื่นเต้นยามได้รับฟังข่าว ตอนนี้ ราชาปีศาจได้นํากลุ่มคนของ
ตนเองจับกุมเศษซากของ ตระกูลเที่อยู่ทั่วทั้งพระราชวัง เมื่อผู้คนใน
พระราชวังได้เห็นฉินหยุน พวกเขาจะโค้งกายด้วย ความนอบน้อมเรียกหา
เป็น “ฝ่าบาท” หรือไม่ก็ องค์รัชทายาท
ในพระราชวังหลวงเทียนฉิน เส้นทางลับซึ่งลับที่สุด ฉินหยุนพาเชี่ยวเย่ว์
หลานไปยังสวนในส่วนบรรทมของ จักรพรรดิ หลังพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่
ใกล้เคียง เขาจึงไปยังนํ้าพุ ขนาดใหญ่ ที่ผนังของนํ้าพุดังกล่าว พอออกแรง
กดลงไป ประตู ลับจึงเปิดออก เชี่ยวเย่ว์หลานหาได้แปลกใจอันใดมากนัก
เพราะเส้นทางลับ ถือเป็นเรื่องปกติที่พระราชวังหลวงควรมี
เมื่อเข้าในเส้นทางลับแล้ว ฉินหยุนจึงนําเอามุกส่องแสงออกมา เขาเอ่ย
ถาม “เย่ว์หลาน เจ้าห่วงเย่ว์เหม่ยหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลานพยักหน้า
“เพราะเชี่ยวหยางหลงไม่ยอมให้ข้า พบนาง ข้าจึงยังมีความกังวลอยู่” ฉิน
หยุนยิ้มรับ
“นางสบายดี เป็นข้าช่วยนางไว้! ไม่เช่นนั้น ฉิน เจิ้งเฟิ งและเชี่ยวหยางหลง
จะไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างหมดรูปใน วันนี้แน่”
“จริงหรือ?” ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานเผยรอยยิ้มยากพบเห็น มันทั้ง
งดงามและชวนให้ไหวหวั่น
“เป็นความจริง! นางตอนนี้อยู่ที่ตําหนักจารึกเทวะ!” ฉินหยุน ยิ้มตอบกลับ
จากนั้นจึงบอกเชียวเย่ว์หลานถึงวิธีที่เขาใช้เพื่อ ช่วยเชียวเย่ว์เหม่ย และ
บอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเซี่ยวเสวียนฉิน
“ท่านป้าลําบากมากแล้ว ข้าไม่คิดเลย!” เซี่ยวเย่ว์หลานถอน หายใจเสียง
เบา “เสด็จพ่อตอนนี้เป็นเพียงหุ่นเชิด เขากระทั่ง เสียจิตใจจนหมดสิ้น เขา
ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเชี่ยวหยางหลงและจักรพรรดินีโดยสมบูรณ์
โชคดีที่เจ้าสังหารนางสาร เลวอัปลักษณ์ผู้นั้นไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเรื่องใน
วันนี้คงหนักหนา กว่านี้มากนัก”
จักรพรรดินีเทียนเชี่ยวคือผู้หนุนหลังของเซี่ยวหยางหลง แต่ หลังจากโดน
ผงเขย่าวิญญาณเข้าไป นางก็ไม่อาจกอบกู้ สถานการณ์จนโดนฉินหยุน
ปลิดชีพสังหาร ฉินหยุนนําไข่มุกส่องสว่างออกมาและวางไว้บนผนัง
เส้นทางลับ แสงไฟสาดส่องไปยังใบหน้างดงามและงามสง่าของเชี่ยวเย่ว์
หลาน เขาเอ่ยถาม
“เย่ว์หลาน เจ้าบอกว่าเป็นข้าช่วยเจ้า เอาไว้ตอนเด็กหรือ? เรื่องนี้จริง?
เหตุใดข้าจําไม่ได้กัน?” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบกลับ
“ตอนเจ้ายังเด็ก ครั้งที่เจ้ามาเยือน จักรวรรดิเทียนเซี่ยว เจ้าเล่นเกมกับข้า
และซุกซนนัก ภายหลัง เป็นเจ้าช่วยข้าเอาไว้ เจ้าจัดการพวกคนที่มารังแก
ข้าและ กระทั่งทําพวกมันบาดเจ็บรุนแรง และก็เป็นพี่สาวของเจ้า มหา
อุปราชที่รักษาอาการบาดเจ็บจากการวิวาทให้เจ้า”
และหลังจากนั้นฉินหยุนจึงเดินทางไปจักรวรรดิเทียนขี่เพื่อพบ กับชี่เม่ย
เหลียน
“ไม่เคยเห็นมีคนบอกข้าเลย!” ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก
“เจ้าหน้าโง่ จงบอกต่อข้าตามตรง นี่เจ้าทําร้ายหญิงสาวไปที่ คนแล้ว? เย่ว์
เหม่ยนี่นับด้วยหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียง ดวงตานี้ประกอบด้วย
ความขมขื่นซ่อนเร้น
“ไม่มีแม้สักคน! ข้ากับอาจารย์หยางไม่ได้มีอะไรกัน อย่างน้อยก็ เป็นนาง
ช่วยดูแลข้าตอนยังตํ่าต้อยเมื่อครั้งก่อน นางช่วยเหลือ ข้ามหาศาลนัก
นอกจากนี้ยังงดงามยิ่ง ข้าชอบนาง แต่ก็ไม่ คล้ายว่านางจะชอบข้าในทาง
นั้น” ฉินหยุนลูบคางตัวเองยิ้ม ไปพูดไป
“เฮอะ!” เชี่ยวเย่ว์หลานกลอกตามองเขา ฉินหยุนถอนหายใจ “อาจารย์ห
ยางและเชี่ยวหยางหลงเป็น คู่หมั้นกัน! นี่ใช่เชี่ยวหยางหลงหาทางข่มขู่
นางหรือไม่?”
“หากเจ้าฆ่าเชี่ยวหยางหลง อาจารย์หยางก็จะเป็นของเจ้า พยายามเข้า
ละ” เสี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคําเบา นํ้าเสียงนี้เปี่ยมด้วย ความอิจฉา ฉินหยุน
ยิ้ม
“เย่ว์หลาน ข้าเพียงกล่าวหยอกเล่น! ข้าเป็นได้ เพียงน้องชายคนหนึ่งใน
สายตาของอาจารย์หยาง! แต่ข้า จะต้องช่วยนางไว้ให้ได้ เป็นเพราะนาง
ช่วยเหลือข้ามากมาย นัก” เชี่ยวเย่ว์หลานพยักหน้า
“พี่หยางเป็นคนดี พวกเราจะไม่ปล่อย ให้สารเลวอย่างเชี่ยวหยางหลงได้
นางไป! พวกเราจะต้องช่วย นางให้ได้ แม้นางไม่ได้กล่าวอะไร แต่ชัดเจน
ว่านางถูกข่มขู่ ไม่เช่นนั้นนางคงหลบหนีไปแล้ว พวกมันไม่น่าจะเร่งเร้าการ
แต่งงานได้ ไม่เช่นนั้นคงทําไปนานแล้ว” ใบหน้าขาวราวหยกเผยร่องรอย
ความโกรธ นางเอ่ยถามสีหน้า เป็นกังวล
“ฉินหยุน เหตุใดเจ้าปฏิเสธข้าตอนอยู่ในโถงใหญ่? เจ้ากระทั่งคิดหย่าต่อ
ข้า! ที่ข้ารู้สึกต่อเจ้านั้นสูญเปล่านัก! เจ้า ยังลวงหลอกต่อข้าว่ามีผู้หญิงรอ
คอยเจ้าที่ภายนอกหลายคน ทําข้าโมโหมาก!” ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก
“ข้าเพียงคิดให้เชี่ยวหยางหลงจ่าย ออกมาอีกสักหลายร้อยล้านเหรียญ
ผลึก! เป็นเพราะข้ารู้ว่า เสด็จพ่อยังมีชีวิต ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้เจ้า
แต่งงานกับผู้ใดแน่” เชี่ยวเย่ว์หลานพอได้ฟังดังนี้ค่อยสงบใจลง นางกล่าว
“จะ อย่างไรเจ้าก็เป็นอาจารย์จารึก ไม่ใช่ว่าเจ้าสามารถหาเหรียญ ผลึกใส่
ตัวได้ทุกเมื่อหรือไร? ฉินหยุนถอนหายใจ “มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว
แต่ในเมื่อ พบเจอคนโฉดชั่วอย่างเชี่ยวหยางหลง พวกเราก็ควรจัดการมัน
บ้าง!” เชี่ยวเย่ว์หลานคิดว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลจึงเกิดความรู้สึกผิด ขึ้นมา
เป็นนางกระทําจนฉินหยุนไม่อาจหลอกลวงเอาเหรียญ ผลึกจากเชี่ยวห
ยางหลงไปได้ นางพยักหน้าและกล่าว
“นั่นก็ จริง! ต้องขออภัยแล้วที่ทําแผนการตบทรัพย์เจ้าพัง!”
นางนั่งกับพื้นหลังพิงกําแพง นางตอนนี้ขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามฉิน หยุน ชุด
เรียบง่ายของนางปราศจากเครื่องตกแต่งใด ทั้งยังไม่ เผยความเย็นเยือก
ภูเขานํ้าแข็ง แต่แทนที่ด้วยความงามสง่า และงดงาม เป็นผลให้มันดู
ละเอียดอ่อน ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ ประการหนึ่ง รอยยิ้มอ่อนจางที่ใบหน้า
ขาวหมดจดของนางยัง อ่อนโยนและอบอุ่น นางก็เป็นเช่นเดียวกับเชี่ยว
เย่ว์เหม่ย ภายนอกอหังการและเย็น เยือก แต่แท้จริงนางเก็บซ่อนมันเอาไว้
และยามที่เผยออก มัน งดงามจนไม่อาจละสายตา!
อย่างไรแล้ว นางและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็เติบโตขึ้นมาใน สภาพแวดล้อม
เดียวกัน ดังนั้นนางจึงต้องวางตัวให้ผู้อื่นหวั่น เกรง ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะยิ่ง
รังแกพวกนางหนักข้อมากขึ้น ฉินหยุนนําเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมา
และเป่าฝุ่นที่พื้น กระจายออก เขาวางมันลงที่พื้นสะอาดและกล่าว
“เย่ว์หลาน สิ่งนี้คือแผนที่หลุมฝังเซียนที่แม่ของข้าได้รับมา!”
เชี่ยวเย่ว์หลานผายฝ่ามือออก ก็เหมือนอย่างที่เม่ยเหลี่ยน นาง เรียกแผนที่
หลุมฝังเซียนขนาดเล็กออกมา ถัดจากนั้น แผนที่หลุมฝังเซียนค่อยขยาย
ขนาดจนใกล้เคียงกับ ที่ฉินหยุนมี
“ตอนแม่ของข้ามอบแผนที่หลุมฝังเซียน แม่บอกต่อข้าว่ามันมี อีกสาม
แผ่น! ก็เหมือนอย่างที่คิด หนึ่งในนั้นอยู่กับเจ้า” เชี่ยว เย่ว์หลานเผยสีหน้า
เหลือเชื่อไม่น้อยเช่นกันที่พบว่าเรื่องนี้เป็น ความจริง
“อีกหนึ่งอยู่กับเสี่ยวเม่ยเหลียน นางได้แสดงต่อข้าแล้ว!” เมื่อ ฉินหยุนเอ่ย
ถึงนาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ เป็นเพราะ เขาทราบว่ากระดูก
มารดาของนางถูกทําลายจนสิ้นและไม่อาจ ทําสิ่งใดได้แล้ว นางคงทําได้
เพียงแต่อดทนอดกลั้นต่อความ เจ็บปวดนั้นเอาไว้ เชี่ยวเย่ว์หลานก็เป็น
เช่นเดียวกับฉินหยุน ทั้งสองต่างรู้สึก เสียใจต่อชี่เม่ยเหลียน
“เจ้าทําลายชีวิตชื่อวี้ ไปแล้ว เสี่ยวเม่ยเหลียนจะต้องยินดีอย่าง แน่นอน”
เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวขณะมานั่งข้างฉินหยุน ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“แม่ของเสี่ยวเม่ยเหลียนและแม่ของพวก เรา ล้วนตายก็เพราะได้รับแผนที่
หลุมฝังเซียน! พวกท่านทั้ง สามเป็นสหายที่ดีต่อกันจากหมู่บ้านเดียวกัน
หลังได้รับแผนที่ หลุมฝังเซียน เป็นพวกท่านได้รับความเคารพได้เข้าสู่
พระราชวังของสามจักรวรรดิ” เชี่ยวเย่ว์หลานไม่คล้ายทราบเรื่องนี้ นางหัน
มองฉินหยุนด้วย ความประหลาดใจไม่น้อย
“ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง? แม่ข้าไม่ เคยเล่าเลย!”
“เป็นความจริง! ยังมีแผนที่หลุมฝังเซียนอีกหนึ่งอยู่ในมือของ พี่สาวมหา
อุปราช!” ขณะฉินหยุนกล่าว เขาจึงนําแผนที่หลุม ฝังเซียนของเชี่ยวเย่ว์
หลานวางลงบนแผนที่หลุมฝังเซียนของ ตนเอง แผนที่หลุมฝังเซียนทั้งสอง
แผ่นพลันลอยขึ้นพร้อมปรากฏแสง สว่างสีทองคําอ่อนจาง
“เย่ว์หลาน? เสี่ยวหยุน?” นํ้าเสียงอ่อนหวานของเซี่ยฉีโหรวดัง
“พี่สาว พวกเราเอง!” ฉินหยุนเอ่ยคําอย่างยินดี
“ดูเหมือนทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ข้าคงไม่ต้องห่วงอัน ใดแล้ว!”
เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ
“เสี่ยวหยุน จงอย่าได้รังแกเย่ว์ หลาน เจ้าต้องปกป้องนางเหมือนครั้งที่เจ้า
กระทําตอนนางยัง เยาว์” ฉินหยุนหันมองเซี่ยวเย่ว์หลานซับซ้อนขณะเม้ม
ริมฝีปาก
“เป็น นางแข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว นางตอนนี้ต่างหากคือผู้ที่รังแกข้า กระทั่ง
ออกปากว่าจะปกป้องข้าด้วยซํ้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทําได้ดีนี่เย่ว์หลาน!” เซี่ยฉีโหรวยิ้ม ใบหน้าของเชียวเย่ว์หลาน
ยินดีขณะเอ่ยถาม
“พี่สาวมหา อุปราช ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใดกัน? พวกเราคิดอยากพบท่าน!”
“ในอนาคตต้องได้เจอกันอย่างแน่นอน! สําหรับตอนนี้จงอย่าได้ คิดเรื่อง
หลุมฝังเซียน เพียงมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพตนเองเข้าไว้ ดูแลเจ้าหนูหน้าโง่กับ
ชี่เม่ยเหลียนให้ดีด้วย อย่าให้นางถูกรังแก ได้อีก” เซี่ยฉีโหรวกล่าว เมื่อได้
ยินคําชี่เม่ยเหลียน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้า เงื่อนลงด้วย
ความละอาย พวกเขาไม่กล้าที่จะบอกเรื่องราวที่ เกิดขึ้นต่อเซี่ยฉีโหรว
“เอาละ ข้าต้องขอตัวไปนอนแล้ว พวกเจ้าก็พยายามเข้าไว้ เจอกันใหม่!”
พอเซี่ยฉีโหรวกล่าวจบคํา เชี่ยวเย่ว์หลาน
พยายามเรียกอยู่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่าง ใดอีก ฉิน
หยุนเคยเจอเช่นนี้มาแล้ว จึงแนะนําให้เชี่ยวเย่ว์หลานยอม แพ้เสียแต่แรก
“เย่ว์หลาน ข้ามีกุญแจของสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว!” ฉินหยุน นําเอา
กุญแจออกมาและยิ้มให้
“เป็นข้าและพวกพี่ใหญ่เซี่ยฉก ชิงมันมาได้”
เชี่ยวเย่ว์หลานรับมันไว้ขณะมองอย่างยินดี นางกล่าว “นี่วิเศษ นัก ข้าได้
ยินมาพักหนึ่งแล้วว่าหอคอยเชี่ยวอวี้ถูกบุกโจมตี ตอน นั้นนึกว่าเป็นท่าน
ป้าเสียอีก” นางส่งกุญแจกลับคืนแก่ฉินหยุนและกล่าว
“เมื่อพวกเรามี กําลังเพียงพอ พวกเราค่อยเข้าไปสํารวจได้ กล่าวกันว่า
ภายใน นั้นมีของดีซุกซ่อนอยู่มาก! เซี่ยวหยางหลงเดิมที่คิดส่งมอบมัน
ออกตอนข้าแต่งงาน แต่ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในมือเจ้าก่อนแล้ว” ฉินหยุน
สงสัยยิ่ง หลังได้รับกุญแจ เขาจึงเอ่ยถาม
“พูดไปแล้ว เงื่อนไขอะไรกันที่ฉินเจิ้งเฟิงและคณะเสนอให้แก่เชี่ยวหยาง
หลง จนถึงกับขนาดที่มันยอมขายสุสานบรรพชนขนาดนี้?” เชี่ยวเย่ว์หลาน
กล่าว
“ข้าทราบแค่ว่าพวกมันคิดจะมอบเหมืองผลึกของจักรวรรดิเทียนฉินสอง
แห่งให้แก่เซี่ยวหยางหลง ด้วย เหตุนี้ มันจะยิ่งมีเหรียญผลึกจํานวนมาก
เพื่อเป็นรากฐานใน การฝึกฝนเหมืองผลึกทั้งสองแห่งมูลค่าสูงล้ํา หาก
เชี่ยวหยางหลงได้ ครอบครอง เขาจะต้องใช้พวกมันก้าวทะยานอย่าง
มหาศาล แน่นอน
“ฉินเจิ้งเฟิงและคนของมันไม่ได้ไม่ได้เล็งเอาไว้แค่แผนที่หลุมฝัง เซียน
พวกมันยังเล็งวิญญาณยุทธ์มังกรทองม่วงของข้าด้วย ข้าได้ยินจากพี่ห
ยาง ว่าเย่ฉางเฉ่าจากตระกูลเย่ทราบวิชาที่ สามารถเคลื่อนย้ายวิญญาณ
และเส้นวิญญาณได้”
ฉินหยุนนําเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา จากนั้นจึงบังคับดาบ อสนีบาต
ขนาดเท่าปลายนิ้วจากมือซ้าย มันคือวิญญาณยุทธ์ ดาบอสนีบาตสีทอง
ซึ่งได้รับมาจากร่างของฉินเจิ้งเฟิ ง เขาชักนําวิญญาณยุทธ์เข้าสู่ไข่มุกผนึก
วิญญาณและยิ้มกล่าว “ไอ้เจ้านั่น วิญญาณยุทธ์ของมันก็แค่ระดับทอง ไม่
แปลกที่ อ่อนแอนัก!”
พอเชี่ยวเย่ว์หลานได้เห็นดาบอสนีบาตสีทอง สายตาที่นางมอง ฉินหยุน
คือตกตะลึง “นี่เจ้าทําได้อย่างไร? หรือว่าเจ้า หรือว่า เจ้าเชี่ยวชาญวิชาขัด
เกลาวิญญาณแล้วจริง?”
“แน่นอน!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “ตอนข้าประลองกับฉินเจิ้ง เฟิ ง ข้าได้ใช้
การโจมตีทางจิตทําให้มันอยู่ในภวังค์และแยกมัน ออกมา” เชี่ยวเย่ว์หลาน
ตบไหล่เขาบางเบา กล่าวต่อว่าทว่ายังมากเสน่ห์
“เสี่ยงเกินไปแล้ว หากเจ้าโดนพบเข้าจะว่าอย่างไร? ตอนเจ้า ประมือกับ
เชี่ยวหลางครั้งล่าสุด เจ้าปล่อยให้มันรู้เรื่องวิญญาณ ยุทธ์สั่นไหวไปแล้ว
นับว่าโชคดีที่มันนอนไม่รู้ตัวนับตั้งแต่นั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเรื่องนี้คงถูก
เปิดเผยแน่”
“ความลับในร่างกายข้าถูกรู้เห็นโดยพวกเฒ่าชราสอดรู้ของ ตําหนัก
ตะวันออก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครทราบว่าข้าถือครอง แผนที่หลุมฝังเซียน
ทั้งยังเรื่องวิญญาณยุทธ์มังกรระดับทอง ม่วงของข้า” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“ข้าปิดซ่อนไว้เป็นอย่างดี กระทั่งอาจารย์ตู้ ที่ เป็นยอดฝีมือทางพลังจิตอัน
แข็งแกร่ง ยังไม่ทราบว่าพลังธาตุ ของข้ายังมีอยู่ด้วยซํ้า”
“นี่เรื่องจริง?” เชี่ยวเย่ว์หลานคล้ายไม่เชื่อ นางวางมือที่หน้า ท้องของฉิน
หยุน กดมืองดงามนั้นขึ้นลงไปมา คิ้วขมวดขณะ กล่าวคํา
“เหตุใดข้าไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?” ฉินหยุนหันไปลูบท้องนางบ้างขณะยิ้ม
กล่าว
“เย่ว์หลาน เจ้ามี วิญญาณยุทธ์พลังจิต วิญญาณยุทธ์มังกรทองม่วง และ
วิญญาณยุทธ์อีกหนึ่งหรือ? ช่างลึกลับนัก!” ( เชี่ยวเย่ว์หลานถอนมือจาก
ฉินหยุนแค่นเสียงบางเบา
“ความลับ! หากเจ้าล้มข้าได้ในสักวัน ข้าจะบอกต่อเจ้าว่า วิญญาณยุทธ์ที่
สามของข้าคืออะไร!” ตอนนี้ นางไม่ได้กังวลอันใดอีก เป็นเพราะฉินหยุน
ยังคงมีพลัง ธาตุอยู่ หมายความว่าวิญญาณยุทธ์ทั้งสองของเขายังไม่ถูก
ทําลาย ดังนั้นในหนทางการฝึกตนสมควรไร้ซึ่งปัญหาใด เชี่ยวเย่ว์หลาน
หยิกเข้าที่หน้าท้องฉินหยุนและเอ่ยคํา
“ตอนเจ้า ประลองกับเย่ว์ข่าย เจ้าสามารถทําให้พลังธาตุตนเองรอดพ้น
มาได้อย่างไร? พี่หยางเองก็อยู่ที่นั่นในตอนนั้น นางมั่นใจนักว่า พลังธาตุ
ของเจ้าไม่อยู่ในตันเถียนแล้ว ทั้งยังเห็นท้องเจ้าระเบิด ออก ตอนนาง
กลับมาบอกเล่าต่อข้า ท่าทีของนางเศร้านัก”
ตอนที่ 197 ฝูงสัตว์ร้ายข้ามแดน
ฉินหยุนชี้ที่แขนตนเองและยิ้ม “ตอนข้าประลองกับเย่ว์ข่าย ข้า เคลื่อนย้าย
พลังธาตุไปยังแขนได้ทันเวลา เพราะแบบนั้นมันจึง ไม่ถูกทําลาย”
เชี่ยวเย่ว์หลานมองแขนราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน นางอด ไม่ได้ที่จะกล่าว
ด้วยความกังวล
“โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่แขน ของเจ้าตายไปแล้ว เรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่? ผู้
อาวุโสลั่วจริงจัง นัก ข้าเองก็กังวล!”
“ย่อมไม่! ในเมื่อแขนราชสีห์สวรรค์ไม่มีวิญญาณ ข้าก็แค่หามา ขัดเกลาใส่
สักหนึ่ง ไม่ใช่ข้าคือผู้เชี่ยวชาญวิชาขัดเกลา วิญญาณหรือ? เพราะฉะนั้น
สําหรับข้านี่ไม่นับเป็นปัญหา” ฉิน หยุนหาได้กังวลไม่ ทั้งยังกล่าวด้วย
รอยยิ้ม พอได้ยินฉินหยุนกล่าวคํา เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยสบายใจขึ้น
“เอาละ ออกไปกันดีกว่า เสด็จพ่อน่าจะจัดการเรื่องภายนอก เรียบร้อย
แล้ว!”
ฉินหยุนดึงมือเชี่ยวเย่ว์หลาน กุมมือนางไว้ ตลอดเส้นทางลับจนออกไป
ภายนอก ทุกคนในโถงหลักล้วนจากไปกันหมดแล้ว เมื่อฉินหยุนและเชี่ยว
เย่ว์หลานมาถึง ก็พบว่ามีเพียงราชา ปีศาจกับคนของเขาอีกหลายสิบอยู่ที่
นั่นพร้อมฉินหลงและฉ่วย อี้ฮวย
“เสี่ยวหยุน พ่อตัดสินใจที่จะส่งเรื่องราวทั้งหมดในพระราชวัง หลวงต่อ
ราชาปีศาจ เขาเป็นสหายเก่าของพ่อเอง!” ราชาปีศาจเงินเหรินเป็นปู่ของ
เพิ่งเฟยหลิง ฉินหยุนและเพิ่ง เฟยหลิงมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉินหลงยังลอบ
แนะนําราชาปีศาจ จัดแจงคนให้มาที่นี่อยู่ก่อนแล้ว เพราะแบบนั้นพวกเขา
จึง สามารถจับกุมกลุ่มคนตระกูลเยู่ได้ทันท่วงที
“ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับก่อนจะโค้งกายให้ราชาปีศาจ เงินเหรินและ
ผู้อาวุโสจํานวนหนึ่ง
ถึงกระบวนการ แกะสลักวิญญาณยุทธ์โดยละเอียด มันเหมือนกับการ
แกะสลัก บนยันต์และอุปกรณ์
สิ่งแตกต่างเดียวคือยามเมื่อแกะสลักที่วิญญาณ มันต้องมีการผสาน
วิญญาณยุทธ์และการแกะสลัก เข้าด้วยกัน “เพื่อแกะสลักผังวิญญาณบน
วิญญาณยุทธ์ แก่นของเคล็ดวิชา จะทําให้ผังวิญญาณประทับบน
วิญญาณยุทธ์ได้ ด้วยเหตุนี้ ผัง วิญญาณจะสามารถผสานรวมเข้ากับ
วิญญาณยุทธ์” ฉินหยุนพยายามกว่าครึ่งวันแต่ก็ยังไม่ได้ผลงาน เหตุผลพ
ลักก เพราะเขาแกะสลักผังวิญญาณบนอากาศบางเบา จึงทําให้ไม่อาจ
ผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ได้ วิญญาณยุทธ์ก็เหมือนอากาศ ไม่
เหมือนกับสิ่งที่สามารถจับต้อง ได้อย่างกระดาษหรือแผ่นหนังที่ใช้ทํายันต์
ดังนั้นแล้วจึงเป็น เรื่องยากที่จะแกะสลักผังวิญญาณไว้ที่วิญญาณยุทธ์
แม้ฉินหยุนพยายามหลายครั้งก็ยังไม่ได้เรื่องนัก
ทว่าเขาก็ไม่ได้ เสียกําลังใจ เขาคิดแก้ปัญหาด้วยสิ่งที่มี “วิญญาณยุทธ์
ลึกลับของเรามีความสามารถฟื้นฟู แข็งแกร่ง บางทีเราน่าจะแยกส่วน
วิญญาณยุทธ์และใช้มันเป็นร่างหลัก จากนั้นค่อยใช้พลังจิตวิญญาณ
โลหิตควบแน่นเพื่อ แกะสลักผังวิญญาณได้” ฉินหยุนคิดได้ก็ใช่ แต่ก็ยัง
เป็นเพียงแนวคิด
“ลองดีกว่า!” โดยทันที เขาเริ่มลงมือ ด้วยการใช้เคล็ดวิชาขัด เกลา
วิญญาณ แยกร่องรอยออกจากวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ของตนเอง เขา
นึกว่าการนําส่วนหนึ่งของวิญญาณยุทธ์ออกสมควร เจ็บปวดรุนแรง แต่
เขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
ที่ทําเขาประหลาดใจที่สุดก็คือ วิญญาณยุทธ์สีดําของเขามี ความสามารถ
การฟื้นฟูสภาพแข็งแกร่งยิ่ง แทบจะในทันที่มัน สามารถสร้างส่วนที่ถูก
แยกออกไปได้ หลังจากรู้สึกยินดีขึ้นมา ฉินหยุนจึงใช้เศษเสี้ยวของ
วิญญาณ ยุทธ์ตนเองผสานรวมเข้ากับพลังของจิตวิญญาณโลหิต จากนั้น
เขาจึงใช้มีดแกะสลักอย่างพิถีพิถันเพื่อแกะสลักผังวิญญาณลง บน
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงิน
ไม่ช้า พลังจิตวิญญาณโลหิตจึงสามารถผนวกรวมเข้ากับ วิญญาณยุทธ์
ได้สําเร็จโดยไม่แตกกระจาย
“ได้ผล!” พอฉินหยุนเห็นดังนี้ เขาลอบตื่นเต้นยินดีขณะเริ่มทํา การ
แกะสลักอย่างต่อเนื่อง การแกะสลักผังวิญญาณลงบนวิญญาณยุทธ์
จําเป็นต้องใช้ทั้ง ความพยายามและเวลาอย่างมหาศาล สําหรับฉินหยุน
เขาต้อง ใช้เวลาทั้งวันและคืนจึงค่อยแกะสลักผังสะกดวิญญาณบน
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับเงินได้สําเร็จ
“ทั้งที่ค่อนข้างคุ้นชินกับผังสะกดวิญญาณไม่น้อยแล้ว แต่กลับ ต้องใช้
เวลานานนัก!” ฉินหยุนปาดเช็ดคราบเหงื่อออกจาก หน้าผาก แม้เขาหมด
แรง แต่ความยินดีที่ทําสําเร็จยังปรากฏ เด่นชัด วิญญาณยุทธ์ตอนนี้ถูกปก
คลุมด้วยผังวิญญาณ มันไม่เพียงแต่ สามารถผสานเข้ากับร่างกาย ยัง
สามารถผสานรวมเข้ากับอาวุธ
แม้ฉินหยุนมีสามสิบหกผังวิญญาณ ก็มีเพียงจํานวนเล็กน้อย เท่านั้นที่
เหมาะสมกับการแกะสลักวิญญาณยุทธ์
“ต้องหาผังวิญญาณมาเพิ่มบ้างแล้ว” ฉินหยุนขัดเกลา วิญญาณยุทธ์ไฟที่
ปกคลุมด้วยผังสะกดวิญญาณเข้าใส่กระบี่ ภูตผี กระบี่วิญญาณที่มี
พื้นฐานเป็นอาวุธพลังจิต ถือเป็นอาวุธดีที่สุด สําหรับใช้รับมือวิญญาณ
สัตว์ร้าย ตอนนี้เขาได้ขัดเกลาผัง สะกดวิญญาณลงไปด้วย ผลลัพธ์ที่ได้จึง
ดียิ่งหากต้องใช้ต่อสู้ กับวิญญาณสัตว์ร้าย
“วิญญาณยุทธ์สีดําของเราพิเศษนัก ช่วงเวลานี้คงไม่เหมาะแก่ การ
เปิดเผยมันออกไป ต้องปกปิดมันเอาไว้ด้วยพลังจิตและ แขนราชสีห์
สวรรค์ จากนั้นค่อยหาทางทําให้แขนราชสีห์ สวรรค์แข็งแกร่งขึ้น” ฉินหยุน
คิดอ่านวางแผน ก้าวแรกคือการผสานรวมวิญญาณ ยุทธ์ที่เหมาะสมและ
ทรงพลังเข้าสู่แขนราชสีห์สวรรค์
ท่ามกลางวิญญาณยุทธ์ที่เขาได้รับมา วิญญาณยุทธ์อสนีบาต ทองม่วง
ของเผ่ฉางเฉ่าถือว่าดีที่สุด “ในเมื่อนี่เป็นวิญญาณยุทธ์สําหรับแขนราชสีห์
สวรรค์ ลอง แกะสลักสักสองฝังวิญญาณแล้วกัน! ว่าแต่แกะสลักผัง
วิญญาณใดดี?”
ฉินหยุนครุ่นคิดไปพักหนึ่งขณะสํารวจสามสิบหกผังวิญญาณที่ มี แขน
ราชสีห์สวรรค์และวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง เขา ต้องหาจุดลงตัวที่
เหมาะสม
“โทเทมราชสีห์สวรรค์มีคุณลักษณะไฟ ดังนั้นผังธาตุไฟน่าจะ เข้าท่า ส่วน
ทางด้านวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง ก็ให้มี คุณสมบัติไฟผสมผสาน
มันน่าจะผสานรวมเข้ากับแขนราชสีห์ สวรรค์ได้ด้วยดีละมั้งนะ?”
“แขนราชสีห์สวรรค์ของเราถือว่าแข็งแกร่ง มันน่าจะสามารถ ทัดเทียมได้
กับอุปกรณ์วิญญาณระดับต้น หากเราแกะสลักผัง แปรธาตุลงไป น่าจะ
พอให้ใช้ทําลายอาวุธผู้อื่นด้วยความร้อน สูงที่ได้รับจากผังแปรธาตุ”
ฉินหยุนนึกถึงหมัดอ่อนอัคคีที่เคยใช้ร่วมกับผังแปรธาตุ แขน ราชสีห์
สวรรค์ของเขาเปรียบดั่งค้อน หากเขาใช้มังกรหลอมหก กระบวน มันจะ
ทัดเทียมการใช้ค้อน
“ดีละ ลองดูแล้วกัน!” เมื่อตัดสินใจได้ ฉินหยุนจึงนําเอาไข่มุก ผนึก
วิญญาณระดับทองม่วงออกมา ไข่มุกผนึกวิญญาณมีกระแสไฟฟ้าวูบไหว
อยู่ภายใน มันรุนแรง มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบว่าระดับสูง เพราะมันมี
ปฏิกิริยา ตอบสนองมากกว่าวิญญาณยุทธ์ทั่วไป
หลังพักผ่อนเรียบร้อย ฉินหยุนจึงหัวเราะกับตนเองขณะปล่อย วิญญาณ
ยุทธ์ออก จากนั้นจึงค่อยแลกเศษเสี้ยววิญญาณยุทธ์ ตะวันทมิฬด้วยพลัง
จิต และเริ่มการแกะสลักลายเส้นลงบน วิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วง
เขาเพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ดังนั้นจึงไม่คิด รีบเพิ่มพูน
การฝึกฝน อย่างน้อย เขาก็ต้องรอให้กระดูกทองคํามี เสถียรภาพที่มั่นคง
เสียก่อน
“เมื่อเราถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด วิญญาณยุทธ์ของ เราจะ
กลายเป็นวัชระวิญญาณยุทธ์ มันจะแข็งแกร่งมากขึ้น ถึง ตอนนั้น เราจะ
สามารถปลดปล่อยมันออกมา แล้วค่อยถามเย่ว์ หลานว่านางฝึกฝน
วิญญาณยุทธ์จํานวนมากได้อย่างไร” ด้วยฉินหยุนถือครองสองวิญญาณ
ยุทธ์ สําหรับเขาถือเป็นเรื่อง ยากแก่การฝึกฝน เขาหวังว่าจะสามารถ
ปลดปล่อยวิญญาณ ยุทธ์ของตนออกจากร่างกายได้ในวันหนึ่ง
สองวันถัดมา ในที่สุดเขาก็แกะสลักผังธาตุไฟลงบนวิญญาณ ยุทธ์
อสนีบาตทองม่วงได้สําเร็จ! เขาพักผ่อนอยู่ชั่วระยะเวลา หนึ่งค่อยเริ่มการ
แกะสลักต่อ คราครั้งนี้ เขาคิดแกะสลักผังแปร ธาตุลงไป ด้วยความคุ้นเคย
กับผังแปรธาตุมีอยู่มากก็ใช่ แต่พอแกะสลัก กับวิญญาณยุทธ์ เขากลับ
รู้สึกไม่คุ้นเคยยิ่งนัก โชคยังดีที่มีประสบการณ์ไม่น้อย เขาจึงสามารถ
แกะสลักผัง วิญญาณที่สองได้อย่างลื่นไหล แต่นี่ก็ต้องทําด้วยพื้นฐาน
ความ ระวังไม่ให้มันเกิดความขัดแย้งกับฝั่งธาตุไฟ
ตรรกะเดียวกันนี้เหมือนกันทั้งการแกะสลักผังวิญญาณที่สอง และสามล
งบนอุปกรณ์วิญญาณ มีเพียงตําแหน่งของผัง วิญญาณที่สองขึ้นไปถูกจัด
วางอย่างเหมาะสม จึงจะทําให้มัน ไม่เกิดความขัดแย้งกับอันที่มีก่อนหน้า
จึงค่อยนับว่าประสบ ความสําเร็จ ฉินหยุนต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลเพื่อ
แกะสลักผังวิญญาณที่ สองลงไป กระทั่งต้องพักผ่อนอยู่หลายครั้งระหว่าง
กระบวนการ ด้วยซํ้า!
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉินหยุนรับชมสองฝังวิญญาณที่อยู่ด้านบน
วิญญาณยุทธ์ อสนีบาตทองม่วง เขารับรู้ถึงความสําเร็จที่ตนเองทําได้
หลังใช้ เวลาไปทั้งสิ้นเก้าวัน ในที่สุดเขาก็สามารถนําสองผังวิญญาณสู่
วิญญาณยุทธ์ได้สําเร็จ!
“เริ่มการผสานวิญญาณยุทธ์เลยดีกว่า นี่ควรลื่นไหลแล้ว!” ฉิน หยุนควบ
คุมวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงลอยเข้าสู่แขน ราชสีห์สวรรค์
หลังจากวิญญาณยุทธ์อสนีบาตทองม่วงเข้าสู่ภายในแขน โท เทมราชสีห์
สวรรค์เริ่มส่องแสงสว่างออก!
โฮก!
แขนเกิดอาการสั่น มันคล้ายส่งเสียงคํารามเบาจนทําฉินหยุน ตกใจ เดิม
เขาคิดว่ากระบวนการผสานรวมจะเจ็บปวดและยากเย็น แต่หลังจาก
วิญญาณยุทธ์เข้าภายในแขนแล้ว ราวกับมัน เชื่อมต่อกับแขนด้วยตัวเอง
ถือว่าเป็นการผสานรวมที่น่า อัศจรรย์นัก
“สําเร็จ! นี่ต้องเป็นวิญญาณโทเทมแล้ว! แขนของเราในที่สุดก็ แข็งแกร่ง
ขึ้นอีกขั้น!” ฉินหยุนกําหมัดแน่นขณะสัมผัสถึง พละกําลังของราชสีห์
สวรรค์ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ แขนราชสีห์สวรรค์ดูดกลืนกําลังภายใน
มหาศาลจากวิญญาณยุทธ์สั่นไหวที่หัวใจของเขา และยัง รวมถึงพลังภาย
สีดําที่อยู่ในตันเถียน ทั้งหมดรวมตัวกันเกิดขึ้น เป็นพลังธาตุของตัวเอง!
“วิเศษ!” ฉินหยุนลอบตื่นเต้นยินดีขณะนอนล้มกายลงกับเตียง นอนเพื่อ
พักผ่อน เป็นเขาเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้ว พักผ่อนให้เพียงพอถือเป็น
เรื่องดี การพักผ่อนถือเป็นส่วนหนึ่ง ของความแข็งแกร่งเช่นกัน! ภายใน
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ศิษย์แทบทุกคนล้วนตื่นตัวเร่งรีบ การฝึกฝน พวก
เขาทราบว่าสัตว์ฝูงใหญ่กําลังข้ามผ่านแม่นํ้า เมฆมังกร ส่วนใหญ่ออกจาก
เทือกเขาเมฆมังกรไปแล้วและเข้า สู่แดนของมนุษย์
อาจารย์หลายท่านรับรู้ถึงความไม่สบายใจยามที่สัตว์เหล่านั้น เข้าสู่แดน
มนุษย์ มันถือเป็นหายนะภัยครั้งใหญ่ ในภายหน้า มนุษย์แทบจะไม่
สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในโลก ภายนอกได้โดยง่ายอีกต่อไป
ด้วยพลังอํานาจของจักรวรรดิใหญ่ พวกเขาต้องคุ้มกันเหมือง แร่เอาไว้
ด้วย นอกจากนี้ เมื่อฝูงสัตว์ร้ายบุกรุก พวกมันที่ทรง พลังอํานาจย่อมต้อง
เลือกยึดครองเหมืองผลึกอย่างแน่นอน
ทุกคนล้วนอยากทราบว่าเพราะเหตุใดสัตว์พวกนี้จึงโผล่ขึ้น อย่างกะทันหัน
ทว่าเป็นเพราะมนุษย์อ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่ อาจสํารวจทุกซอกมุมของ
เทือกเขาเมฆมังกรได้ ฉินหยุนยังคงพักผ่อน แต่แล้วอย่างกะทันหัน เขา
ต้องสะดุ้งตื่น เพราะเสียงดังสนั่น
เขากระโดดผุดลุกจากที่นอนเร่งรีบไปยังปากถํ้าต้นไม้ เขาได้ เห็นอีแร้ง
ยักษ์สองหัวตัวยาวประมาณสามสิบเมตรอยู่กลาง อากาศ มันกําลัง
กระพือปีกใหญ่โตไปมาขณะบดบังแสงตะวัน ร้อนแรง ตู้ก่วย โช่วฉิงเฟิ ง
และยอดฝีมืออีกหลายท่านของสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียนล้วนบินขึ้นฟ้าโจมตี
อีแรงยักษ์สองหัวตัวนั้น พร้อมกันนี้ แสงระเบิดจึงเกิดขึ้นประดับกลาง
อากาศอยู่เต็มไป หมด แสงหลากสีและคลื่นอากาศปะทุไม่หยุด มันปก
คลุมร่าง ของอีแร้งยักษ์สองหัวเอาไว้ขณะย้อมสีสันท้องฟ้าเหนือสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลังของยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ เตํ่าจํานวน
มากจนตื่นตกใจ
ที่ชวนเขาตื่นตกใจยิ่งกว่า คือกระทั่งภายใต้การโจมตีของยอด ฝีมือ
ขอบเขตวรยุทธ์เตจํานวนมาก อีแรงยักษ์สองหัวตัว ดังกล่าวเพียงมีเส้นขน
สีดําร่วงหล่นเล็กน้อยก่อนจะบินหนีไป ด้วยอาการแตกตื่น หากมีสัตว์ร้าย
บินได้ระดับนี้เพิ่มอีกจํานวนหนึ่ง การปะทะย่อม ต้องเกินระดับคาดเดาได้
การโผล่ขึ้นอย่างกะทันหันของสัตว์ ร้ายพวกนี้ในเทือกเขาเมฆมังกร มันน่า
กลัวยิ่งกว่าที่ทุกคน จินตนาการเอาไว้เสียอีก
ฉินหยุนหันมองทิศทางที่อีแรงยักษ์สองหัวบินหนีหาย ความ หวาดกลัวใน
ใจเขาเริ่มกระจายออก ฉับพลัน เขารู้สึกได้ว่า มนุษย์ยังอ่อนแอนักหาก
ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาด ยักษ์!
จุดประสงค์ของการฝึกฝนวิชายุทธ์ ก็เพื่อให้มนุษย์ที่อ่อนแอ แข็งแกร่งขึ้น
การได้รับพลังมหาศาลและต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่ทรง อํานาจ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ
หลีกเลี่ยงหายนะภัยตามธรรมชาติ
การปรากฏตัวของอีแร้งยักษ์สองหัว หมายความถึงฝูงสัตว์ร้าย ได้ออกได้
เทือกเขาเมฆมังกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สัตว์ร้ายบินได้ ถือเป็นพวกแรกที่
มาถึง สําหรับสัตว์ร้ายตัวอื่นที่วิ่งอยู่บนพื้นดิน พวกมันจะมาถึงในอีกไม่ช้า
อย่างแน่นอน
ตอนที่ 200 วัชระวิญญาณ
ตู้ก๋วยลงจากฟ้าขณะเข้ามาในถํ้าต้นไม้ของฉินหยุน เขากล่าว “ฉินหยุน
รากต้นไม้แห่งนี้ลึกนัก ข้าได้สร้างถํ้าที่นําทางสู่ ด้านล่างของต้นไม้เอาไว้ ที่
นั่นจะปลอดภัยยิ่งกว่า เจ้าย้ายไปอยู่ ที่นั่นแทนได้” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
เอ่ยถาม
“อาจารย์ขอรับ อีแร้งยักษ์สองหัว เมื่อครู่นี้แข็งแกร่งมาก?”
“แข็งแกร่งมาก! หากยอดฝีมือวรยุทธ์เฝ้เข้าโจมตีพวกเรา เช่นเดียวกันนี้
พวกเขาสมควรบาดเจ็บร้ายแรงแล้ว แต่อีแร้ง ยักษ์นั่น ไม่คล้ายบาดเจ็บ
อะไรเลยด้วยซํ้า” สีหน้าของตู้ก๋วย เย็นเยือกขณะกล่าวคํา “อีแร้งยักษ์มัก
ปรากฏตัวเป็นกลุ่ม พวก เราเป็นกังวลว่าอีแร้งยักษ์สองหัวนี่เพิ่งมาถึงเป็น
กลุ่มแรก
ดังนั้นพวกเราจึงต้องเปิดการทํางานของม่านพลังเพื่อป้องกัน สัตว์ร้ายบิน
ได้ที่อาจเข้าโจมตีจากทางอากาศ” ฉินหยุนย้ายจากด้านบนสู่ด้านล่างของ
ต้นไม้ ศิษย์ของสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียนต่างเป็นกังวลยิ่งกว่า บางคนกังวล
ด้วยซํ้าว่าสัตว์ ร้ายขนาดยักษ์บินได้จะทําลายม่านพลังและเข้ามาได้
ระหว่างช่วงเวลานี้ อาจารย์จะงดการเรียนการสอนแก่ ศิษย์ และพวกเขา
จะรับหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศ เพียงแค่ ลมพัดแรงไปหน่อย พวกเขา
ก็พร้อมตอบสนองเคลื่อนไหวกันแล้ว
ฉินหยุนตอนนี้อยู่ในถํ้าต้นไม้บริเวณรากของมัน เขากําลัง ฝึกฝนวิชายุทธ์
หลายอย่าง ตอนนี้เขาฝึกกระดูกทองคําได้แล้ว ร่างกายจึงกํายําแข็งแกร่ง
ยิ่งขึ้น หากเขาเพิ่มพูนฝีมีอวิชายุทธ์ เสียบ้าง ก็คงไม่ต้องเป็นกังวลว่า
ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บจาก พลังรุนแรงที่ปะทุผ่านวิชายุทธ์
“สงสัยนักว่านครหลวงเทียนฉินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว! ทั่วทั้ง จักรวรรดิอยู่
ไม่ไกลเทือกเขาเมฆมังกรสักเท่าไหร่ หากฝูงสัตว์ ร้ายเข้าโจมตี เมืองใกล้
เทือกเขาเมฆมังกรที่สุดคงโดนปิดล้อม ในไม่ช้าแน่”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงอีแร้งยักษ์สองหัวและเริ่มกังวลเรื่องราว กระทั่งอาจารย์
ที่เป็นยอดฝีมือหลายท่านร่วมมือกัน ยังไม่อาจ ทําร้ายอีแร้งตัวนั้นได้ หาก
อีแร้งตัวนั้นเลือกไปโจมตีเมืองใหญ่ที่ มีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต่าน้อยนิดหรือไม่มี
พวกเขาคงไม่มีทาง ป้องกันเอาไว้ได้!
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงกลางป่าสมบัติ ชายแขนเดียวสีหน้าขึงขัง ยืนหยัด
ข้างกายเขาเป็นชายร่างสูงกํายํา และยังมีเด็กหนุ่ม สวมใส่ชุดงดงามหล่อ
เหลา เป็นเสี่ยอูเฟิง มู่หรงต้าเหริน และฮั่วจง พวกเขาล้วนมายังป่า สมบัติ
ฉินหยุนฝึกฝนอยู่ในถํ้าต้นไม้บริเวณโคนต้น เมื่อได้ยินเสียงชั่ว จงเรียกหา
เขาจึงเร่งรีบออกไปต้อนรับ
“พี่ใหญ่เซีย เหตุใดพวกท่านมาที่นี่?” ฉินหยุนสวมใส่ชุดคลุมสี เทาเดิน
ออกจากถํ้าต้นไม้ เมื่อพบว่าเป็นฮั่วจงและคณะ เขาจึง ยิ้มกล่าว
“น้องหยุน พวกเรามาบอกลา!” เมื่อเซี่ยอูเฟิงพบว่าฉินหยุน ร่างกายเต็มไป
ด้วยเหงื่อ เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายกําลังฝึกฝน อย่างหนัก ฉินหยุนไม่เข้าใจ
คิ้วขมวดมุ่นและเอ่ยถาม
“บอกลาหรือ? พวก ท่านคิดไปที่ใด? หรือพวกท่านไม่ผ่านการทดสอบ
ประเมินผล ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนกันหมด?” มู่หรงต้าเหรินยิ้ม
“แน่นอนว่าไม่ใช่! เรื่องน่าขายหน้าเช่นสอบ ไม่ผ่านจะเกิดกับพวกเรา
หรือ? พวกเราจะไปตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม! โดยหลักแล้วเป็น
เพราะอาจารย์ของพวกเรา ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม พวกเรา จึงต้องตามพวกเขาเหล่านั้นไปด้วย” มู่หรงต้าเห
รินและฮั่วจงมีอาจารย์คนเดียวกัน เพราะเหตุนั้นจึง ไปด้วยกัน
“รองอธิการโฮ่วเองก็จะไปยังตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ด้วย?” ฉิน
หยุนเอ่ยถามประหลาดใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการ บุกรุกของฝูงสัตว์
ร้าย?” เซี่ยอูเฟิงพยักหน้า
“ใช่! นอกจากนี้ ตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามยังเร่งรีบเพิ่มพูน
พละกําลังโดยรวม ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อน ปรนเงื่อนไขการคัดเลือกศิษย์ที่มี
ศักยภาพและอาจารย์จาก สถาบันยุทธ์ระดับเสวียน” ฮั่วจงหัวเราะ
“ข้าไม่เข้าสู่ตําหนัก ข้าคิดไปยังที่ทรงอํานาจยิ่ง กว่า! นอกจากสี่ตําหนัก
ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม แล้ว ก็ยังมีตําหนักศักดิ์สิทธิ์
วิญญาณสีคราม นั่นอยู่ภายใต้ ความรับผิดชอบของจ้าวตําหนักใหญ่!
นอกจากตําหนัก ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีตําหนักสัตว์ยุทธ์ อาจารย์ของมู่หรง
และข้า จะพาพวกเราเข้าร่วมตําหนักสัตว์ยุทธ์เพื่อฝึกฝน”
“ถือว่าดีนัก แม้ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะอหังการไป บ้าง แต่ตัว
สถานที่ถือว่าไม่แย่ ยกตัวอย่าง ตําหนักตะวันออกก็ดีไม่น้อย พวกท่าน
สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้” ฉินหยุนมองทาง เซี่ยอู่เฟิงและกล่าวถาม
“พี่ใหญ่เซี่ย แล้วท่านเล่า?” “เมื่ออาจารย์และข้าเข้าร่วมตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีคราม พวกเราจะเข้าสังกัดตําหนักศักดิ์สิทธิ์” เซี่ยอี้เฟิ งยิ้มบาง
“น้อง หยุน ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้า เจ้าสามารถเป็นนักบุญเข้า ร่วมกับ
ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ในภายหน้าได้ สนใจหรือไม่?” มู่หรงต้าเหรินกล่าว
“ในตําหนักดวงดาววิญญาณสี คราม ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ถือว่ามีสถานะ
สูงส่งและลึกลับยิ่ง กล่าว กันว่ามีเพียงผู้ฝึกตนที่อายุน้อยกว่ายี่สิบซึ่ง
สามารถก้าวถึง ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจึงสามารถเป็นนักบุญ
ก่อนที่จะ อายุสามสิบ พวกเขาจําเป็นต้องก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เตําให้ได้
กระนั้น พี่ใหญ่เซี่ยอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แต่ด้วย เพราะเป็นผู้
ฝึกตนตาบ เขาจึงได้รับการคัดเลือกเป็นกรณี ยกเว้น” เซี่ยอู่เฟิงกล่าว
“หยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลานเองก็ได้เป็น นักบุญของตําหนักศักดิ์สิทธิ์
แล้ว! ในภายหน้า พวกเรา ด้วยฐานะนักบุญของตําหนักศักดิ์สิทธิ์
วิญญาณสีคราม จะต้องเข้า ร่วมรับมือกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง” ฮั่วจงยิ้ม
“น้องหยุน เจ้าสามารถเข้าร่วมตําหนักตะวันออก ในตอนนี้ได้ เจ้าคิดอยาก
ไปกับพวกเราหรือไม่? ด้วยเหตุนี้พวก เราจะได้เดินทางไปพร้อมกัน!” ผู้
อาวุโสตําหนักตะวันออก ฉ่วยอี้ฮวยได้เชื้อเชิญฉินหยุนไว้แล้ว แต่เป็นเขา
ยังตัดสินใจไม่ได้ ฉินหยุนส่ายศีรษะและยิ้มกล่าว
“ข้ายังไม่คิดไปตอนนี้ แต่ใน ภายหน้าข้าจะไปอย่างแน่นอน! ไว้ข้า
เชี่ยวชาญทุกสิ่งที่ สามารถเรียนได้ในสถาบัน ข้าจะไปยังตําหนักดวงดาว
วิญญาณ สีครามเพื่อพบพวกท่าน”
“ย่อมได้ พวกเราจะรอเจ้า!” เสี่ยอู๋เฟิงตบไหล่ฉินหยุนและยิ้ม
หลังบอกลาเรียบร้อย เซี่ยเฟิงและคณะจึงไปจากป่าสมบัติ ไม่ ไกลออกไป
นัก เสียงร้องของสัตว์ร้ายอีกตัวคํารามดังมา
ฝูงสัตว์ร้ายทรงพลังและน่าสะพรึงกําลังคืบคลานเข้ามา มัน คล้ายกับกลุ่ม
เมฆเข้ากลืนกินพื้นที่ซึ่งมนุษย์ใช้อาศัย บรรยากาศความตึงเครียดและ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น