อย่างเมืองอี้ อาจารย์จารึกถือเป็นความลํ้าค่า ประการหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูด
ถึงผู้ที่สามารถทํายันต์ระดับกลางขึ้น ไปได้นั้น ถือว่าหาได้ยากยิ่ง
มีเพียงหน่วยใหญ่เท่านั้นจึงจะมีอาจารย์จารึกสักคนหนึ่ง ทั้งยัง เป็นแกน
หลักของหน่วย “เรื่องนี้จริง? มีหลักฐานหรือไม่?” หญิงสาวร่างกํายําหี่
ดวงตา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเอ่ยคํา
“ง่ายนัก ที่ตรงนี้ ให้ข้าขัดเกลายันต์สะกดกายให้ดูสักแผ่นจะ ชัดเจนกว่า
หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยคําจบ เขานําเอาเตาหลอม แท่นหลอม ค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณ และมีดแกะสลักออกมา ได้เห็นอุปกรณ์ครบชุดขนาดนี้
พวกเขาล้วนเชื่อไปครึ่งทางแล้ว!
เหล่ากานพลันนึกขึ้นได้จึงเอ่ยคํา “อาจารย์จารึกระดับต้นรุ่น เยาว์ เท่าที่
ข้ารู้มีเพียงผู้เดียว ทั้งยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด! เป็นองค์ชาย
รัชทายาทแห่งเทียนฉิน ฉินหยุนผู้นั้น จึงเป็นอาจารย์จารึก!” ฉินหยุนยิ้ม
“ข้าคือฉินหยุน!” ฝูงชนตื่นตะลึงอีกครั้ง เด็กหนุ่มที่ผู้คนกล่าวขานนามขจร
ไกล กลับยืนตรงหน้าพวกเขาตอนนี้
“นี่เจ้ามาทําอะไรที่นี่แทนที่จะหลบอยู่ในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน? อัจฉริยะ
เช่นเจ้าสมควรอยู่ในสถาบันยุทธ์ฝึกฝนอย่างสงบจิต สงบใจ มาสถานที่
เช่นนี้ออกจะอันตรายเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโส โจวสูดลมหายใจเข้าลึกเอ่ยคํา
ออกมา
หากไม่ใช่เขาได้เห็นกับตาตนเอง เขาจะไม่มีทางเชื่อว่าอาจารย์ จารึกหนุ่ม
ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งจะกล้ามาสถานที่อันตรายเช่นนี้ การทํายันต์
ระดับกลาง จําเป็นต้องใช้เวลามาก แต่สําหรับผู้ฝึก ตนที่ไม่รู้เรื่องราวของ
ยันต์นอกจากใช้งาน เรื่องนี้ออกจะ น่าสนใจ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงจับตาม
องและอดทนรับชมฉิน หยุนขัดเกลายันต์ขึ้นมา ฉินหยุนนํากระดูกสัตว์
ระดับหกและเจ็ดออกมาโยนเข้าเตา หลอม หลังเผาจนได้ที่เป็นสีแดงฉาน
อ่อนยวบ เขาจึงนํามันวาง ลงบนแท่นหลอมและเริ่มทุบตี ก่อนจะ
กลายเป็นกระดาษบาง แผ่นหนึ่ง
ตอนที่ 215 ฝูงใหญ่
น้อยครั้งฉินหยุนจะเลือกทํายันต์กระดูก บ่อยครั้งเขาจะเลือกใช้ เกล็ดหรือ
หนังมาทํายันต์มากกว่า ในขั้นตอนการทํายันต์กระดูก ขั้นตอนหลัก
ค่อนข้างยุ่งยากในกระบวนการหลอมวัสดุ ตัววัสดุ จําเป็นต้องเหมาะสม
กับผงวิญญาณ และยังต้องมีพลังเหลือไว้ เพื่อบรรจุพลังในผังวิญญาณ
เพื่อใช้งานด้วย
หลังเสร็จสิ้นการทํา “แผ่นวิญญาณกระดูก สําหรับการทํายันต์ กระดูก เขา
จึงนํามีดแกะสลักออกมาเริ่มงาน ขั้นตอนนี้ต้องใช้ เวลาเป็นอย่างยิ่ง ด้วย
ความคุ้นชินกับผังสะกดกายอยู่แล้ว ระหว่างขั้นตอนการ แกะสลัก มีด
แกะสลักจึงลื่นไหลราวสายนํ้า กระทั่งเหล่าถานและคนของหน่วยมังกรที่
ไม่ทราบวิถีจารึกแห่ง เต๋า พวกเขายังสามารถบอกได้ว่าฉินหยุนคือผู้มี
พรสวรรค์ โดยเฉพาะในการแกะสลัก เขาลงมือได้รวดเดียวจนจบ
กระบวนการ มันเป็นไปอย่างลื่นไหลหาได้มีช่วงใดติดขัด กล่าว ได้ว่า
เชี่ยวชาญยิ่ง
“เอาละ ตอนนี้ก็คือการผสานพลังลงไป ยิ่งมีพลังภายใน แข็งแกร่งเท่าใด
ก็ยิ่งดีเท่านั้น!” ฉินหยุนยิ้มให้หญิงสาวและ กล่าว
“พี่สาว ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต ดีที่สุดหากท่านใส่ กําลังภายในลงไป”
หญิงสาวยิ้มบางเผยฟันขาวให้เห็น นางรับยันต์กระดูกก่อนจะ ใส่พลัง
ภายในเข้าไป ชั่วขณะที่พลังภายในของนางปลดปล่อยออก เหล่ากาน ผู้
อาวุโสโจว และผู้อื่นล้วนลอบลิ้ง กระทั่งชายวัยกลางคนใบหน้า อ้วนกลม
ยังเผยสีหน้าเปี่ยมล้นด้วยความอิจฉา หญิงสาวผู้นี้ยังเยาว์นัก แต่นางกลับ
ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ไม่นานจากนั้น นางพบว่าไม่อาจใส่พลังเข้าไปได้อีกจึงเอ่ยถาม “แค่นี้
หรือ?”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “แค่นั้น! ตอนนี้พวกเราสามารถทดสอบ พลังของ
ยันต์สะกดกายได้ ลองใช้กับสหายสองคนของท่านดู!” เขามองไปยังเด็ก
หนุ่มสองคนจากหน่วยมังกรขณะยิ้มอ่อน โฉมงามยิ้มรับบางเบาขณะใช้
พลังจิตเปิดการทํางานของยันต์ กระดูกระดับกลาง และขว้างใส่เด็กหนุ่ม
ทั้งสอง ภายในใจเด็กหนุ่มทั้งสองปฏิเสธ ทว่าเขาไม่อาจทําอะไรได้อีก
เพราะยันต์กระดูกทํางานเรียบร้อยแล้ว ยันต์กระดูกถูกขว้างออกพร้อม
เสียงกรีดผ่านอากาศ มันระเบิด เป็นคลื่นอากาศมองไม่เห็น คลื่นอากาศนี้
แผ่ขยายปกคลุมระยะ สิบเมตรหรือจนเกือบทั่วทั้งห้อง ฉินหยุนไม่คิดว่า
พลังภายในของหญิงสาวจะน่าสะพรึงเพียงนี้ ถึงขั้นสามารถเพิ่มพลังของ
ยันต์กระดูกได้ถึงระดับนี้ ผลลัพธ์ ของยันต์กระดูกคือสะกดร่างกายเอาไว้
ทั้งยังปกคลุมพื้นที่ระยะ สิบเมตร ผู้คนในห้องถูกพลังของยันต์ปกคลุม
สีหน้าของเหล่าถานและผู้อื่นที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เก้า
แปรเปลี่ยน เผยซึ่งความหวาดกลัว พวกเขาไม่อาจขยับได้ ชั่วขณะหนึ่ง
ในช่วงเวลาสําคัญ หากเจออาการชะงักเช่นนี้เพียงพริบตา อาจหมายถึง
ความตาย!
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็ยังไม่อาจ ขยับ! มี
เพียงหญิงสาวขอบเขตวรยุทธ์เที่ไม่ได้รับผลแต่เพียงผู้เดียว
“ช่างเป็นยันต์สะกดกายที่น่ากลัวนัก!” หลังจากเหล่าถานขยับ ร่างได้ เขา
จึงถอนหายใจออกด้วยความหวาดเกรง ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า
ทั้งหมดตอนนี้ขยับได้แล้ว มี เพียงฉินหยุนที่ยังไม่อาจขยับ ฉินหยุนได้แต่
ยิ้มกลุ้มใจอยู่ภายใน กระทั่งเขาเองก็โดนผลของ ยันต์กระดูกที่ตัวเองทํา
ขึ้น ผ่านไปเกือบสิบวินาทีเขาจึงค่อยขยับได้!
เมื่อครู่ เขาได้พบว่าผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้ายัง ต้องชะงักไป
สามวินาที โดยหลักแล้วนี่สมควรเป็นเพราะพลัง ภายในขอบเขตวรยุทธ์เต
ที่บรรจุเข้าไปในยันต์กระดูกทรงพลัง ยิ่ง
“นี่สามารถใช้หยุดชะงักสัตว์อสูรระดับเก้าได้สองหรือสาม วินาที!” เหล่า
ถานมองชายใบหน้าอ้วนกลมและคณะพร้อม กล่าวคํา
“คราวนี้ให้อาหยุนเข้าร่วมได้หรือยังเล่า?” ชายใบหน้าอ้วนกลมพยักหน้า
รับและกล่าว
“ได้ แต่เขาต้องขัด เกลายันต์สะกดกายให้พวกเรา อย่างน้อยต้องการคน
ละสอง มี ปัญหาอะไรหรือไม่?” น ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหา แต่ว่า ข้าต้องให้พี่สาวช่วย ใส่พลังภายในเข้าไป เพราะพลัง
ภายในของนางแข็งแกร่ง ผลลัพธ์ที่ได้จึงดีที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกท่านคงไม่
อาจสะกดสัตว์ อสูรระดับที่เก้าได้ โอ้จริงด้วย พี่สาวนามว่าอะไร?”
“หลันเฟิ งจิน!” แม้หญิงสาวผู้นี้ดูอาจหาญและสะกดข่มผู้คน แต่นางก็
จริงใจ ไม่อย่างนั้นแล้วผู้ฝึกตนวรยุทธ์เตเช่นนางคง ไม่สนทนากับฉินหยุน
ทั้งใบหน้ายิ้มแย้มได้ ฉินหยุนไม่เคยได้ยินนามของนางมาก่อน แต่อย่างไร
แล้วภาย หน้าค่อยหาโอกาสตรวจสอบยังได้
หญิงสาวผู้นี้ย่อมต้องมีเบื้อง ลึกเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน หลังจาก
นั้น ทั้งสองหน่วยเริ่มทําความรู้จักกัน จากทั้งสอง หน่วย มีเพียงฉินหยุน
และหลันเฟิ งจินที่เผยชื่อจริง นอกนั้น ล้วนปิดบังชื่อตนเองกันทั้งสิ้น ชาย
ใบหน้าอ้วนกลมให้เรียกหาเป็นเหล่าซาน เขาเป็นคนที่มี ชื่อเสียงคนหนึ่ง
ของเมืองอี้ แต่น้อยครั้งจะออกมาให้ผู้คนได้ พบปะ
ดังนั้นแล้วเหล่าถานจึงเพียงเคยได้ยินแต่ไม่เคยพบเจอ เด็กหนุ่มทั้งสอง
เป็นบุตรชายของเขา และชายวัยกลางคนอีก หนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ
เหล่าซาน ฉินหยุนหาห้องเงียบเพื่อที่ตนจะได้ขัดเกลายันต์
เหล่าถานและคนอื่นของหน่วยมังกรออกไปสนทนาเรื่องกลยุทธ์ กันด้าน
นอก เมื่อหลันเฟิงจนได้ยินดังนี้ นางเผยความกระวน กระวาย นางคล้าย
สนใจเรื่องการทํายันต์ ดังนั้นจึงตัดสินใจไป พบฉินหยุนที่ห้อง ฉินหยุน ผู้
ซึ่งกําลังทํายันต์อยู่ อดไม่ได้ที่จะหนักใจเพราะโดน หญิงสาวมากเสน่ห์เผย
เรือนร่างจ้องมอง ภายนอกนางดูแข็ง กระด้าง แต่ภายในเป็นคนอ่อนโยน
เรื่องนี้ยิ่งทําเขารู้สึกกังวล อย่างไรแล้ว ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่เพียงลําพังใน
ห้องแบบนี้ออกจะ..
หลันเฟิ งจินไม่ได้กล่าวคําใดตั้งแต่เข้าห้อง นางเพียงนั่งบนโต๊ะ กวัดแกว่ง
ขาสีนํ้าตาลข้าวเรียวงามไปมา รอยยิ้มอ่อนประดับ ใบหน้าไม่ขาด
“พี่หลัน มีอะไรหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนกําลังทําการหลอม กระดูกสัตว์
จํานวนมาก เพราะไม่ได้อยู่ระหว่างขั้นการการ แกะสลัก เขาจึงยังสามารถ
เบนความสนใจไปชื่นชมความงาม ดุดันข้างกายตนได้
“ข้าเพียงมาดูเจ้าทํายันต์ก็เท่านั้น ข้าไม่คิดพูด จะได้ไม่รบกวน สมาธิเจ้า”
หลันเฟิ งจินยิ้มอ่อน รอยยิ้มงดงามนี้ยิ่งทําฉินหยุน แทบกายแข็งที่อ ฉิน
หยุนยากหันศีรษะกลับไปจดจ่อกับงานขณะพึมพํากับตนเอง ด้วยห
ลันเฟิ งจินอยู่ที่นี่ ถือเป็นบททดสอบความอดทนแก่เขา ประการหนึ่ง
กระทั่งว่านางไม่พูดอะไรออกมา แต่ขาเรียวยาว งดงามสีนํ้าตาลข้าวคู่นั้น
มันทําเอาเขาไม่อาจละสายตาไปได้
“พี่หลัน ท่านทําข้าตกตะลึงไม่น้อย ด้วยอายุเท่านี้ท่านกลับอยู่ ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าแล้ว ปีนี้ท่านอายุเท่าใดกัน?” ขณะแกว่งขาด้วยท่าที่เย้าหยวน
หลันเฟิ งจินยิ้มหวานตอบคํา อย่างขี้เล่น
“อายุของหญิงสาวถือเป็นความลับ! แต่เห็นเจ้า น่ารักเพียงนี้ ข้าจะบอก
เจ้าก็ได้ ว่าอายุยี่สิบหก ถือว่าแก่กว่า เจ้าสิบปี!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสูด
ลมหายใจลึก นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาว ผู้อื่นชมเขาว่าน่ารัก เรื่องนี้แทบทํา
เขาต้องหยิบกระจกออกมาส่องใบหน้าตนเอง หล่อเหลาและกล้าหาญ
กลับกลายเป็นน่ารัก ได้อย่างไร?
“เจ้าทํายันต์กระดูกให้ดี มันเป็นประโยชน์ต่อพวกเรายิ่ง!” หลันเฟิ งจินเอ่ย
เตือนเสียงเบา ฉินหยุนไม่กล่าวคําใดอีก เขานําเอากระดูกสัตว์ออกมา
หลอม อีกครั้งก่อนจะเริ่มทุบขึ้นรูปด้วยความจริงจัง เขาต้องใช้เวลา ทั้งวัน
กว่าจะหลอมแผ่นกระดูกขึ้นมาได้ยี่สิบแผ่น หลังจากนั้น จึงเป็นขั้นตอน
การแกะสลักยันต์สะกดกาย หลันเฟิ งจินมักจะอยู่ในห้องกับฉินหยุน ยิ่ง
เวลาผ่านไป นางยิ่ง ถามต่อฉินหยุนมากขึ้นเกี่ยวกับทั้งวัสดุและผัง
วิญญาณ ฉินหยุนใจกว้างยิ่ง กระทั่งบอกต่อนางทุกสิ่งที่เขารู้ ก่อนหน้านี้
คนของหน่วยมังกรมองเหยียดต่อเขา แต่ไม่ใช่กับหลันเฟิ งจิน ดังนั้นเขาจึง
มีความประทับใจที่ดีต่อนาง
“พี่หลัน ท่านเข้าร่วมกับหน่วยมังกรได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ย ถามด้วย
ความสงสัย เพราะหลันเฟิ งจินไม่คล้ายเข้ากับคนกลุ่ม นี้เลย นอกจากนี้
นางยังเป็นถึงผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋า
“เป็นข้าเจอพวกเขาระหว่างทางมาที่นี่ พวกเขาบอกว่าพบฝูง สัตว์อสูรและ
ไข่ของพวกมัน ดังนั้นข้าจึงเข้าร่วม” ขณะห ลันเฟิ งจินกล่าว นางก็รับยันต์
กระดูกที่ฉินหยุนเพิ่งแกะสลัก เสร็จไปบรรจุพลังภายใน
หลังใช้เวลาร่วมกับหลันเฟิ งจินสองวัน ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่านาง
สนใจเรื่องของการจารึก และยังเอ่ยคําถามเชิงลึกเรื่อง การแกะสลักอยู่
หลายอย่าง บางครั้งก็เป็นคําถามที่ฉินหยุนไม่ อาจตอบ
“ฉินหยุน ทางที่ดีเจ้าควรออกจากเมืองอี้โดยเร็วที่สุด สถานที่ แห่งนี้
อันตรายเกินไปสําหรับเจ้า!” หลันเฟิ งจีนค่อนข้างคุ้นเคย กับฉินหยุนระดับ
หนึ่งแล้ว ดังนั้นนางจึงเผยนํ้าเสียงแฝงความ เป็นห่วงกล่าวออกมา
“ขอรับ! หลังได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเรียบร้อย ข้าจะกลับไป ยังสถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน” ฉินหยุนเองก็ทราบว่าที่นี่อันตราย สําหรับตนเกินไปหาก
อยู่เพียงลําพัง
พอหลันเฟิ งจินได้เห็นฉินหยุนยินยอมจากไป นางค่อยยิ้มพึง พอใจ
“วิญญาณยุทธ์เจ้าไม่คล้ายมีปัญหาอย่างที่เขารํ่าลือกัน นะ! ข่าวลือบอก
ว่าวิญญาณยุทธ์เจ้าพิการ ทําได้เพียงแต่พึ่งพา แขนราชสีห์สวรรค์เพื่อใช้
พลัง แต่ตอนนี้คล้ายเจ้ากําลังปิดซ่อน พลังเอาไว้มากกว่า” ฉินหยุนยก
แขนซ้ายขึ้นและยิ้มรับ
“แขนราชสีห์สวรรค์ของข้า มีประโยชน์หลายอย่าง! ในเมื่อพี่สาวยอมบอก
อายุต่อข้า ข้าก็ จะบอกความลับให้ แขนราชสีห์สวรรค์ของข้าบังเอิญตื่นรู้
วิญญาณยุทธ์ขึ้นมา”
วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วงในแขนราชสีห์สวรรค์ถือว่า รุนแรง ใน
การศึก เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเก็บงํา ไม่ช้า เรื่องนี้ต้อง ถูกแพร่กระจาย
ออกไป ดังนั้นเขาจึงกล้าบอกต่อหลันเฟิ งจิน หลันเฟิ งจินตื่นตกใจไม่น้อย
ขณะหยิกเข้าที่แขนฉินหยุนไปที่ หนึ่ง ใบหน้างดงามของนางเปลี่ยนสี
เล็กน้อยขณะอุทานออก
“เจ้าหนู เจ้านั้นช่างเป็นสัตว์ประหลาดน้อยเสียจริง” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก
ขณะเริ่มแกะสลักต่อ
เขาต้องใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบทุกวันจึงค่อยทํายันต์สะกดกาย ระดับกลางได้
ยี่สิบแผ่น ฉินหยุนส่งมอบยันต์กระดูกให้กับทั้งสองหน่วย โดยเก็บไว้กับ
ตนเองสองแผ่น
“เอาละ ไปเริ่มงานกันได้ ถ้าพวกเราลงมือสําเร็จ พวกเราก็จะ ได้รับไข่ผลึก
แก้วสัตว์อสูร” เหล่าซานเอ่ยคํามั่นใจ ใบหน้าอ้วน กลมนี้เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
ช่วงบ่ายคือเวลาที่ดวงตะวันเผาไหม้ร้อนแรงที่สุด ผืนแผ่นดิน แทบสุกแห้ง
เพราะความร้อน ซากปรักหักพังในเมืองอี้ก็ร้อนยิ่ง เช่นเดียวกัน คลื่น
อากาศร้อนถูกลมพัดโชยหาได้เย็นไม่ มีแต่ ความร้อนทั้งสิ้น
ฉินหยุนรู้สึกสบายใจยิ่งยามดูดกลืนพลังของแสงตะวันแรงกล้า ผ่าน
วิญญาณเทวะเก้าตะวัน เขาอยู่กลุ่มเดียวกับผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต ดังนั้นจึง
แทบไม่ต้องตั้ง ป้อมเฝ้าระวังสัตว์อสูร เขาเพียงแต่พุ่งเน้นสมาธิไปที่การ
ดูดกลืนพลังวิญญาณ เช้าของอีกสองวันให้หลัง หน่วยมังกรที่เดินนําหน้า
พลันชะงักฝีเท้า เหล่าซานเผยเสียงจริงจัง
“ทุกคนเตรียมตัวให้ดี ฝูงสัตว์อสูรอยู่ ตรงหน้า ห่างไปประมาณสองร้อย
เมตร!” ทุกคนเริ่มรวบรวมพลังและปกปิดออร่าตนเองโดยทันที พวก เขา
ตอนนี้กําลังก้าวเดินเข้าไปด้วยความระแวดระวังยิ่ง
ตรงหน้าพวกเขาคือบ้านพักหลังใหญ่ มันถูกล้อมด้วยกําแพงสูง ทั้งยังมี
เนินเขาเตี้ยประดับสวน เดิมที่มันสมควรสวยงาม แต่ เมื่อถูกสัตว์อสูรบุก
รุก เนินเขากลับกลายเป็นพังทลายและแห้ง แล้ง ใกล้เคียงมีฝูงสัตว์อสูร
ฉินหยุนสัมผัสได้ ถึงออร่าทรงพลังจาก พวกมัน ก่อนหน้านี้ ยามพบเจอฝูง
สัตว์อสูรจํานวนมาก เขาได้ แต่เลือกหลบเลี่ยง นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้
เผชิญหน้าในระยะใกล้ เขารับปืนใหญ่ราชันวิญญาณจากเหล่ากานพร้อม
กระสุนสี่ลูก จากนั้นจึงค่อยปืนขึ้นไปบนอาคารสูงยี่สิบชั้น
อาคารแห่งนี้อยู่ห่างราวเจ็ดถึงแปดร้อยเมตรจากบริเวณที่ฝูง สัตว์อสูรอยู่
ถือว่าเป็นตําแหน่งเหมาะสมที่จะใช้ปืนใหญ่เล็งยิ่ง ได้อย่างแม่นยํา ภารกิจ
ของฉินหยุนค่อนข้างยาก ท่ามกลางฝูงสัตว์อสูร มีสัตว์ ระดับวิญญาณอยู่
สองตัว เขาจําเป็นต้องทําให้พวกมันบาดเจ็บ หนึ่งตัวด้วยปืนใหญ่ ขณะที่
อีกตัวปล่อยเป็นหน้าที่ของหลันเฟิ งจิน
เหล่าซานและเหล่าถาน ทั้งสองถูกพบเจอโดยสัตว์อสูรตรง บริเวณชาย
ขอบของอาณาเขตพวกมัน!
“เอาเลย!” เหล่าซานตะโกนขึ้น รายละเอียดทางกลยุทธ์พวกเขาได้หารือ
กันเรียบร้อยก่อนหน้า นี้แล้ว ดังนั้นจึงทราบกันดีว่าควรสอดประสานกัน
อย่างไร ทั้งสองหน่วยต่างใช้การเคลื่อนที่รวดเร็วที่สุดเพื่อเข้าปะทะตรง
กลางของฝูงสัตว์อสูร พร้อมกันนี้ เสียงคํารามร้องและเสียงระเบิดจึงเริ่มดัง
ขึ้นจาก อาคารซึ่งสัตว์อสูรยึดครองอยู่!
ตอนที่ 216 ความดีความชอบ
สัตว์อสูรกว่าร้อยตัวตอนนี้คํารามร้องออกพร้อมกัน เป็นผลให้ พื้นยังต้อง
สั่นสะเทือน ออร่าของสัตว์อสูรเหล่านี้กับกลายเป็น สายลมกระโชกพัด
หวีดหวิวออกจากตัวอาคาร พัดเอาก้อนหิน และก้อนอิฐปลิวกระจาย เป็น
ผลให้เกิดฝุ่นฟุ้งตลบขึ้นท้องฟ้า เหล่าถานและเหล่าซาน พวกเขายืนหยัด
ตรงหน้า ด้วยยันต์วายุระดับสูงจํานวนหนึ่ง ใช้พัดเอากลุ่มฝุ่นออกให้พ้น
จากระยะ เพื่อทัศนวิสัยกระจ่างชัด บนยอดของอาคาร ผ่านทางปืนใหญ่
ราชันวิญญาณ ฉินหยุน เห็นร่างสีแดงทะยานกายออกจากตัวคฤหาสน์ไป
ตามกําแพง
มันเป็นสัตว์อสูรที่ทั้งว่องไวและปราดเปรียว เมื่อมองดูให้ดี เขาถึงกับ
แตกตื่น มันเป็นลิงยักษ์สูงกว่าสอง เมตร!
ลิงยักษ์ตัวนี้ประกอบด้วยขนสีแดง บนหัวมีเขายาวราวหกนิ้ว ปากมีฟัน
แหลมคมอยู่เปี่ยมล้น หน้าท้องแข็งแรงเพราะเกล็ดสี แดงปกคลุม แขนทั้ง
สองใหญ่และยาวยิ่ง
“สัตว์อสูรตัวนี้น่ากลัวนัก เหมือนจะเป็นพวกต่อสู้ระยะประชิด พละกําลัง
ป้องกันทางกายภาพต้องแข็งแกร่งมากแน่” ฉินหยุน ไม่มองทางลิงยักษ์อีก
กลับกัน เขาหันมองไปทางหลันเฟิ งจิน ขณะหลันเฟิงจนทะยานกายออก
นางจึงขว้างมีดสั้นเล่มหนึ่ง ออกไปด้วยพละกําลังขอบเขตวรยุทธ์เตผสาน
กับตัวมีดสั้น เป็นผลให้มันสามารถแทงทะลุร่างลิงยักษ์เรียกเลือดออกมา
ได้
ฮึ่ม!
เสียงคํารามร้องพลันดังขึ้นจากด้านในอาคาร เป็นเสียงลิงยักษ์ คํารามที่
ชวนสะพรึงและดุดัน เมื่อเหล่าถานและคณะรับมือกับฝูงสัตว์อสูร ระดับ
เจ็ดและแปด สามารถรับมือได้ง่ายดายยิ่ง มีเพียงเมื่อสัตว์อสูรระดับเก้า
เข้า มาใกล้พวกเขาจึงค่อยหาจังหวะใช้ยันต์สะกดกาย หลันเฟิงจนทะยาน
กายรวดเร็วมุ่งหน้าเข้าตัวอาคาร!
อย่างกะทันหัน ร่างลิงยักษ์ดําสนิทพลันปืนขึ้นบนยอดเนินเขา มันทุบ
หน้าอกตัวเองด้วยมือทั้งสองรัวอยู่หลายครั้ง “สัตว์อสูรระดับวิญญาณ? ดู
เหมือนเราน่าจะทําให้มันบาดเจ็บ หนักได้!”
โดยทันที ฉินหยุนควบคุมปืนใหญ่ราชันวิญญาณเล็ง เป้าไปยังลิงยักษ์ที่
สูงหลายเมตร ตู้ม! กระบอกปืนใหญ่สั่นไหว กระสุนปืนใหญ่สองนัดลอย
ออก พวก มันพุ่งเข้าใส่หัวของลิงยักษ์พร้อมระเบิดออกเป็นคลื่นอากาศ
ร่างลิงยักษ์ล้มลงบนเนินเขาก่อนไถลลงกับพื้นอย่างรุนแรง พร้อมกันนี้ ลิง
ยักษ์อีกตัวจึงปรากฏ ร่างของมันเต็มไปด้วย คราบเลือดแดงฉาน ตัวนี้ยิ่งดุ
ร้ายกว่าตัวก่อนหน้า เมื่อหลันเฟิ งจินได้เห็นลิงยักษ์ถูกส่งร่างปลิวกระเด็น
ไป นาง ค่อยถอนหายใจโล่งอกได้ หนึ่งในสัตว์ระดับวิญญาณถูกสังหาร
แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงอีกหนึ่งตัวที่อยู่กับนาง หลังจากลิงยักษ์สีแดง
ปรากฏตัว มันก็พุ่งเข้าหาหลันเฟิ งจินโดย ทันที!
หลันเฟิงจนทะยานกายขึ้นกลางอาอกาศ นางนําเอาขวานยักษ์ออกมา!
ขวานยักษ์ลุกโชนด้วยแสงสีนํ้าเงินเจิดจ้า คมของขวานยาวราว ครึ่งเมตร
ด้ามจับของตัวขวานยาวกว่าหนึ่งเมตร ขณะฉินหยุนคิดรับชมการศึกอยู่
นั้นเอง เขาค่อยตระหนักได้ ว่า ลิงยักษ์ที่ตนส่งร่างปลิวไปนั้น กําลังปืน
ขึ้นมาด้านบนของเนินเขา
หัวของลิงยักษ์สีดําถูกเป่าไปแล้ว หลงเหลือก็แต่รอยเลือดสด ทว่ามันยัง
ไม่ตาย! ลิงยักษ์คํารามร้องกราดเกรี้ยว ออร่าแห่งโทสะปะทุเป็นผลให้ห
สันเฟิ งจิน เหล่าถาน และคณะลอบแตกตื่น โดยเฉพาะกับเหล่าถานและ
เหล่าซาน พวกเขานึกว่าปืนใหญ่ ราชันวิญญาณสมควรสังหารลิงยักษ์สี
ดําได้ ที่พวกเขาไม่คิดคือ มันจะกลับมามีชีวิต!
“ไอ้เจ้านี่ยังไม่ตายจริงเหรอเนี่ย!” ฉินหยุนยังเหลือกระสุนปืน ใหญ่อยู่สอง
นัด โดยทันที เขาเล็งปากกระบอกปืนใหญ่และยิ่ง ออกอีกครั้งหนึ่ง
ตู้ม!
หัวของลิงยักษ์สีดํา โดยทันที มันระเบิดออก ร่างใหญ่โตของมัน จึงเริ่ม
กลิ้งลงจากเนินเขาลูกนั้น ครั้งนี้มันสมควรตายจริงแล้ว ทุกคนค่อยถอน
หายใจโล่งอกกันอีกครั้ง หลันเฟิ งจินเองก็โล่งใจ นางตอนนี้เพียงตั้งใจสู้กับ
ลิงยักษ์สีแดงตรงหน้าก็พอ!
หลังลิงยักษ์สีดําตายจาก ลิงยักษ์สีแดงยิ่งกราดเกรี้ยว มันโจมตี อย่างดุ
ร้ายราวบ้าคลั่ง ลําแสงสีแดงพลันถูกยิงออกจากเขายาว บนหัวของมัน
และเป้าหมายก็คือหลันเฟิ งจิน! หลันเฟิ งจินหลบเลี่ยงลําแสงสีแดงอย่าง
ฉิวเฉียด หากนางโดน มันเข้า คงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
ตู้ม!
ลําแสงสีแดงจากหัวของลิงยักษ์ปะทะกับพื้น เกิดขึ้นเป็นหลุม ยักษ์กว้าง
กว่าสิบเมตร อํานาจทําลายล้างชวนสะพรึง ช่วงเวลานี้หลันเชิงจินก็ลั่น
การโจมตีหลายครั้งใส่ร่างของลิง ยักษ์ได้ บาดแผลส่วนใหญ่ลึกทั้งสิ้น ทว่า
ลิงยักษ์ก็หาได้ล้มลงไม่
ฉินหยุนรู้สึกเป็นกังวลขณะรับชม เขาเกิดความกังวลคล้ายว่า ฝูงสัตว์อสูร
อื่นจะมาที่นี่ ด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่เกิดขึ้นดัง สนั่น มีโอกาสสูงที่ฝูง
สัตว์อสูรไกลออกไปจะรู้ตัว อาคารแห่งนี้กลับกลายเป็นยุ่งเหยิง การต่อสู้
ตึงเครียดปะทุออก กําแพงของอาคารก็พังทลาย อาคารก็เป็นซาก
ปรักหักพัง รอบ ด้านล้วนกระจายไปด้วยคลื่นพลัง
บริเวณนี้เป็นสถานที่ซึ่งเกิดการต่อสู้ ดังนั้นจึงมีแต่เสียงพลัง ปะทุดังไม่
หยุด หากมีผู้รับชมย่อมต้องรู้สึกสะพรึงอย่างแน่นอน! จากระยะไกล ฉิน
หยุนรับชมหลันเฟิ งจินต่อสู้ เขารู้สึกตน สมควรยิงให้ลิงยักษ์แดงชะงักได้ นี่
เป็นเพราะลิงยักษ์แดงทรง พลังเกินไป กระทั่งว่าโดนนางโจมตีไปแล้ว
หลายครั้งก็ยังไม่ คล้ายหมดเรี่ยวแรง
“กระดูกมันแข็งมาก! ขวานของพี่หลันไม่อาจตัดผ่านกระดูก มัน” เมื่อฉิน
หยุนตระหนักได้ดังนี้ เขาจึงเกิดความกังวลต่อ ความปลอดภัยของห
ลันเฟิ งจินขึ้นมา
ตู้ม! อย่างกะทันหัน เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นผลให้ผู้คนตื่นตะลึง! ที่เนินเขา
ในคฤหาสน์ มันพลันแยกตัวออก ลิงยักษ์สีดําทุบเนิน เขาทิ้งขณะทะยาน
กายเข้าหาหลันเฟิ งจิน!
พอเหล่าถานได้เห็นดังนี้ เขาเร่งรีบตะโกนขึ้น “เหล่าซาน ไม่ใช่ เจ้าบอก
หรือว่ามีสัตว์อสูรระดับวิญญาณแค่สองตัว? เหตุใด คราวนี้จึงมีสาม?”
“ต้องขออภัยแล้ว เป็นพวกเราไม่ตรวจสอบให้ดี!” เหล่าซาน รู้สึกผิด สัตว์
อสูรระดับแปดและเก้าที่พวกเขาเผชิญหน้าตอนนี้ ก็จํานวนเกินกว่าที่
คาดคิดเอาไว้เช่นกัน
เหล่าถานและคณะตอนนี้กําลังรับศึกกับลิงยักษ์กลุ่มใหญ่ที่ ระดับแปด
และเก้า พวกเขาไม่มีทางแยกพวกมันออกไปจัดการ หรือหาทางถอย ยิ่ง
เวลาผ่านไป การต่อสู้ก็ยิ่งแต่ขมขื่นมากขึ้น ฉินหยุนตอนนี้พบว่า
สถานการณ์เลวร้ายลง เขาคิดหาทางลง มือ ด้วยก้าวอัคคีเมฆา เขา
ทะยานกายเข้าถึงตัวเหล่าถาน
“เหล่าถาน ท่านมีกระสุนเพิ่มหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ไม่มีแล้ว!” เมื่อเหล่าถานเห็นฉินหยุน เขาเกิดความกังวลยิ่ง
“เจ้ามาทําอะไรที่ตรงนี้?” ฉินหยุนกัดฟันขณะนําเอายันต์กระดูกสองแผ่น
ออกมา เขา ขว้างมันไปทางเหล่าถานและเหล่าซานเพื่อหยุดลิงยักษ์โชก
เลือดตัวหนึ่งที่คิดเข้าโจมตี นี่เป็นการซื้อเวลาให้พวกเขา จัดการลิงยักษ์ทั้ง
สองตัวได้ ที่แห่งนี้มีลิงยักษ์ระดับเก้ากว่ายี่สิบตัว เรื่องนี้เป็นหน่วยมังกร
ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เหล่าถานและเหล่าซานรู้สึกว่าแรงกดดันตอนนี้ค่อย
ทุเลาลง พวกเขาสามารถหันไปช่วยสมาชิกหน่วยคนอื่นได้ ด้วย
สถานการณ์ตอนนี้ หากพวกเขาคิดอยากถอย ก็น่าจะไม่ยาก เช่นก่อน
หน้า พวกเขาพลันตระหนักได้ ว่าฉินหยุนไม่ใช่แค่ผู้ทํายันต์ แต่เขา ยังมี
พละกําลังที่ดีเยี่ยม ในเมื่อสหายร่วมศึกตกอยู่ในอันตราย เขาไม่ได้หวาด
เกรงคิดหลบหนี กลับกัน เขาหาญกล้าวิ่งเข้าหา เพื่อช่วยเหลือ
“ให้ข้าไปเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร เมื่อได้พวกมันแล้ว พวกเรา จะรีบถอย
โดยทันที!” กล่าวคําจบ ฉินหยุนเร่งรีบมุ่งหน้าเข้า คฤหาสน์ หากเขาไม่รีบ
หลันเฟิ งจินจะไม่อาจถ่วงรั้งได้อีก นางตอนนี้ กําลังเผชิญหน้าสัตว์อสูร
ระดับวิญญาณสองตัว! ก่อนหน้า ฉินหยุนได้สังเกตในคฤหาสน์จาก
ระยะไกลแล้ว เขา คาดเดาว่าไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสมควรอยู่บริเวณเนิน
เขา ไม่อย่างนั้นแล้ว คงไม่มีสัตว์อสูรระดับวิญญาณออกมาจากตรง นั้น
แน่
ลิงยักษ์ที่ถูกสังหารไปก่อนหน้า ก็ปีนขึ้นมายอดเนินเขาเพื่อคุ้ม กันเนินเขา
แห่งนี้เช่นกัน พอฉินหยุนทะยานกายไปทางคฤหาสน์ หลันเฟิ งจินจึงเข้าใจ
แผนการของเขา นางตะโกนขึ้น “ฉินหยุน พึ่งเจ้าแล้ว!”
“พี่หลัน อดทนอีกหน่อยนะ!” ฉินหยุนเร่งรีบรุดกายผ่านอากาศ เร็วรี่สู่เนิน
เขาแห่งนั้น ภายในใจของเขามีความกังวลอยู่ไม่ขาด ไม่ช้า เมื่อถึงด้านบน
เนินเขา ด้วยยันต์สะกดกายระดับสูงในมือ เขาจึงทะยานลงไปในหลุม
ใหญ่ด้านล่าง หลังถึงก้นหลุม ออร่าอันตรายพลันปกคลุมเขาโดยทันที มี
สัตว์อสูรระดับเก้าสองตัวอยู่ที่นี่!
แม้ฉินหยุนตระหนก แต่เขายังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ อย่าง
รวดเร็ว เขาขว้างยันต์สะกดกายในมือ เข้าหยุดยั้งสัตว์ อสูรระดับเก้าทั้ง
สองตัว! หลังสัตว์อสูรระดับเก้าโดนสะกดไว้ เขาจึงนําเอาค้อนราชัน ยักษ์
วิญญาณออกมา เปิดการทํางานวิญญาณยุทธ์ยักษ์ภายใน
เป็นผลให้ตัวค้อนเริ่มใหญ่ขึ้น ผังบ้าคลั่งภายในเป็นผลให้พลัง ของค้อนยิ่ง
มายิ่งบ้าคลั่งสมชื่อ | มือนั้นคว้าด้ามค้อนเอาไว้แน่นด้วยแขนราชสีห์
สวรรค์ ผสาน รวมเข้ากับพลังภายในตะวันทมิฬและพลังภายในสั่นไหว
พร้อมกันนี้ เขาเรียกใช้มังกรหลอม กระบวนท่าอุกกาบาตทลาย!
ตึง!
ค้อนใหญ่ยักษ์พลันลั่นเข้าใส่หัวของลิงยักษ์สีแดงฉาน เกิดขึ้น เป็นเปลว
เพลิงปะทุออก! ตู้ม! ค้อนราชันยักษ์วิญญาณยกขึ้น ลั่นเข้าใส่หัวของลิง
ยักษ์อีกตัว หนึ่งปะทุออกซึ่งเปลวเพลิง! หลังจากสัตว์อสูรระดับเก้าทั้งสอง
ตัวชะงักงัน พวกมันจึงถูก สังหารไปเพียงเวลาเสี้ยววินาที
ตอนนี้ เขาได้เห็น ว่าที่ก้นบึงของเนินเขา มันมีร่างมนุษย์กอง ใหญ่สุมหนา
ตั้งขึ้นเป็นกําแพงได้ หลังจากฉินหยุนสังหารลิงยักษ์ระดับเก้าทั้งสองตัว
เขาแทบใช้ พลังภายในไปกว่าแปดในสิบ โชคดีที่พลังจิตยังอยู่ในสภาพดี
พร้อม ทันทีเมื่อปล่อยพลังจิตออก มันปกคลุมก้นบึงเนินเขาแห่งนี้ ขณะ
มุ่งเน้นไปยังสถานที่ซึ่งมีพลังงานรวมตัวกันอยู่ เขาเก็บร่างลิงยักษ์สองตัว
ขณะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งมีพลังงานรวมตัวอยู่ ที่นั่น เขาได้เห็นไข่ยักษ์สี
แดงสูงราวครึ่ง เมตร มันใสราวผลึกแก้วสีแดง!
“นี่คือไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร? แถมยังมีตั้งสิบหกฟอง!” ฉินหยุน อุทาน
แตกตื่น ขณะที่เขากําลังเข้าไปคว้าพวกมันไว้ เขาพลัน รู้สึกคล้ายถูกลมดึง
ถอยกลับ เมื่อหันมองทางด้านหลัง เขาได้เห็นก้อนหินขนาดใหญ่ถูกดูด
เข้าไป ด้านหลังที่น่าจะเป็นความว่างเปล่า เขากลับได้เห็นชัดเจน ว่าลิง
ยักษ์สีดําตัวหนึ่งกําลังอ้าปากกว้างใหญ่ของมันคิด กลืนกินทุกสิ่ง โดย
ทันที ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม นําเอาไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรลอย
เข้าหา เมื่อไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเข้ามาใกล้ พวกมันจึงถูกเก็บใส่มิติเก็บ
ของโดยทันที
วูบ วูบ วูบ! หลันเฟิ งจินพลันทะยานกายลงจากด้านบน นางออกแรง
สุดกําลังสับฟันขวานยักษ์เข้าใส่หัวของลิงยักษ์สีดําหยุดไม่ให้ มันได้กลืน
กินเขาเข้าไป ฉินหยุนเร่งรีบใช่ก้าวอัคคีเมฆาขณะร้องตะโกน
“สําเร็จแล้ว!” จากนั้น เขาจึงใช้พลังจิตปกคลุมร่างของลิงยักษ์ระดับ
วิญญาณ ลอยเข้าไปใกล้ ก่อนจะเก็บมันเข้าใส่กระเป๋ ามิติใบใหญ่ ขณะ
ลอยขึ้น เขาได้เห็นว่าลิงยักษ์สีแดงโดนหลันเฟิ งจินสังหาร ไปเรียบร้อยแล้ว
หลันเฟิ งจินตอนนี้เร่งรีบถอยขณะไปเก็บร่างของลิงยักษ์สีแดง ตอนนี้ยัง
เหลือลิงยักษ์ระดับเก้ากว่าสามสิบตัวที่ยังไม่ถูกสังหาร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ต่อการจัดการ เหล่าถานและคณะตัดสินใจ ถอยออกจากสมรภูมิตอนนี้
ก่อน หลังวิ่งหนีร่วมสี่ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาจึงค่อยหยุดพักที่ร้านค้า แห่ง
หนึ่งในถนนหลัก ฉินหยุนนําเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสิบฟองและร่างของ
ลิงยักษ์ ระดับวิญญาณออกมา สิ่งของเหล่านี้ในมือของเขาถือว่ามูลค่า
สูงยิ่ง “มีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสิบฟองจริงด้วย!” เหล่าซานอุทานร้อง ยินดี
“คราวนี้รู้หรือยัง? หากไม่มีอาหยุน พวกเราไม่มีทางได้รับไข่ ผลึกแก้วสัตว์
อสูรพวกนี้แน่!” เหล่าถานหัวเราะออก บุตรชายทั้งสองของเหล่าซานไม่
กล่าวคําใด พวกเขาทราบดี ด้วยสถานการณ์ก่อนหน้านี้ หากฉินหยุนไม่
ช่วยเหลือด้วยยันต์
กระดูก พวกเขาคงไม่อาจได้รับร่างของสัตว์อสูรระดับเก้าและ วิญญาณ
กระทั่งได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจํานวนมากขนาดนี้
“พวกเราแบ่งกันอย่างไรดี?” หลันเฟิ งจินพูดขึ้นก่อนหันสายตา จับจ้องฉิน
หยุน สายตาของนางนี้ลึกลํ้า หัวใจฉินหยุนแทบเต้นผิดจังหวะ เป็นเขาเก็บ
หกฟองเอาไว้กับ ตัว นี่สมควรเป็นหลันเฟิ งจินพบเห็นเข้า เขาจดจําได้ ใน
ตอน นั้นเป็นหลันเฟิ งจินที่ทะยานร่างลงมาสับฟันลิงยักษ์แก่เขา ใน ตอน
นั้นนางน่าจะนับจํานวนไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรโดยคร่าวได้ ว่ามีจํานวน
มากกว่าตอนนี้
ตอนที่ 217 หลบหนีจากวงล้อม
ฉินหยุนรู้สึกผิดอยู่ภายในขณะกล่าวคําขึ้น “ข้าเพียงต้องการไข่ ผลึกแก้ว
สัตว์อสูร! ทุกคนล้วนลงแรงกันมาก โดยเฉพาะพี่หลัน และปืนใหญ่ราชัน
วิญญาณของเหล่าถาน!”
“ได้ เช่นนั้นรับไข่ผลึกแก้วนี้ไป!” เหล่าซานส่งมอบไข่ผลึกแก้ว แก่ฉินหยุน
และกล่าว
“พวกเราแบ่งไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกัน ก่อน คนละฟอง!” ด้วยฐานะผู้นํา
หน่วยมังกร เหล่าซานไม่ได้ลงแรงอะไรมาก ทั้ง ยังสํารวจสถานการณ์ของ
ฝูงสัตว์อสูรมาไม่ถี่ถ้วน เขาจึงมอบ ไข่ผลึกแก้วแก่ฉินหยุนฟองหนึ่ง เรื่องนี้
ทําเอาเหล่าถานและ คณะไม่ยินดี
เหล่าถานหัวเราะออก “อาหยุนลงแรงไม่ใช่น้อย เขาไม่ควร ได้รับไข่ผลึก
แก้วสัตว์อสูรเพียงฟองเดียว เหล่าซานไม่คิดเห็น เช่นเดียวกันหรือ?”
หลันเฟิ งจินพยักหน้ารับและกล่าว
“หากไม่ใช่เพราะฉินหยุน พวกเราไม่มีทางได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรพวกนี้
มา! ด้วยยันต์ สะกดกายของเขา ก็เพียงพอให้พวกเราใช้จัดการสัตว์อสูร
ระดับเก้าได้มาก!” บุตรชายของเหล่าซาน เด็กหนุ่มในชุดดําไม่ค่อยพึง
พอใจนัก
“สําหรับเขา ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ได้รับไข่ ผลึกแก้วสัตว์
อสูรฟองหนึ่งถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะต้องการอะไร อีก?”
“ก็ได้ ข้าจะแบ่งกันอย่างยุติธรรม!” เหล่าซานจ้องมองบุตรชาย หลันเฟิ ง
จินเอ่ยปากออกมาแล้ว หากเขาไม่แบ่งกันอย่างเท่า เทียม จะกลายเป็นทํา
ให้กลุ่มคนตรงหน้าไม่พอใจรุนแรง
เรื่องหนึ่งที่ควรทราบคือ ข้อมูลที่เขามอบให้อีกฝ่ายผิดพลาด ร้ายแรง
เหล่าถานและหลันเฟิ งจินถือว่าสุภาพมากแล้วที่ไม่เอา ผิดเรื่องนี้
“แก่นอสูรระดับเก้าจํานวนยี่สิบ แก่นสัตว์อสูรระดับวิญญาณ จํานวนสอง
และแก่นอสูรระดับแปดอีกจํานวนเจ็ดสิบ!” เหล่า ถานนับสิ่งของโดยรวม
ก่อนกล่าวคํา
“ฉินหยุน หากพวกเรา ให้แก่นอสูรระดับเก้าอีกสิบเม็ด เจ้าคิดเห็น
อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยปาก
“ข้าไม่ต้องการแก่นสัตว์อสูร เพียงเอาร่างของ สัตว์อสูรระดับวิญญาณให้
ข้า แก่นสัตว์อสูรพวกท่านล้วนแบ่ง กันได้!” หลันเฟิ งจินพยักหน้ารับ
“เขาเป็นอาจารย์จารึก วัสดุจะมี ประโยชน์แก่เขามากกว่า มอบให้เขา!”
ร่างของสัตว์อสูรระดับวิญญาณถือว่าไม่ค่อยมีราคาค่างวด เท่าใดนัก ฉิน
หยุนไม่ได้ร้องขอแก่นสัตว์อสูรเพิ่มอีก เป็นเพราะเขา ต้องการให้พวกเหล่า
กานได้รับส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น
เขาพึงพอใจมากแล้วที่ได้รับร่างสัตว์อสูรระดับวิญญาณทั้งสอง ทั้งนี้เขายัง
ได้เห็นกับตาว่ากระดูกของลิงยักษ์ทั้งสองตัว แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไร
แล้ว ทั้งหมดนี่ก็เป็นนํ้าพักนํ้าแรงของหลันเฟิ งจินและ เหล่าถาน
“การร่วมมือกันครั้งนี้ถือว่าดี หวังว่าภายหน้าจะมีโอกาสได้ ร่วมมือกัน
ใหม่!” เหล่าซานหัวเราะขณะมองฉินหยุนและกล่าว
“อาหยุน คิดอยากขายยันต์กระดูกของเจ้าหรือไม่?”
“หนึ่งแผ่นคิดเป็นแก่นอสูรระดับเก้าหนึ่งเม็ด!” ฉินหยุนยิ้ม เหล่าซานไม่คิด
ถามอีก ราคานี้แพงจนเกินไป
หากนําแก่นอสูรระดับเก้าออกขาย มูลค่าของมันคือสิบล้าน เหรียญผลึก!
สิบล้านเหรียญผลึกต่อยันต์แผ่นหนึ่ง เรื่องนี้มัน ราคาสูงทะลุฟ้าจนเกินไป
แล้ว! เฉินหยุนไม่ได้คิดอยากทํายันต์เพิ่มให้แก่เหล่าซานและคณะแต่
อย่างใด นอกจากหลันเฟิ งจินแล้ว เขาไม่ได้มีความประทับใจ ต่อผู้อื่นของ
หน่วยมังกร
หลังแจกจ่ายส่วนแบ่งเรียบร้อย พวกเขาจึงทําการพักฟื้น พวก เขาล้วนใช้
พลังกันไปมาก การอยู่ด้วยกันเพื่อพักฟื้นถือเป็น ตัวเลือกที่ปลอดภัย หลัง
ช่วงบ่าย ดวงตะวันไม่อาจส่องแสงได้อีก เดิมท้องฟ้า กระจ่างชัด ฉับพลัน
กลับกลายเป็นเมฆดําปกคลุม สภาพ อากาศแปรเปลี่ยนกะทันหัน
“ได้เวลาไปแล้ว!” เหล่าถานลุกขึ้นเดินออกจากร้าน
ซู่! ซู่! ซู่! เสียงฝนตกหนักดังให้ได้ยิน ฉินหยุนและคณะตอนนี้ อยู่
ท่ามกลางพายุขณะวิ่งผ่านเขตที่ว่างเปล่า ไม่นานจากนั้น พวกเขาค่อย
มาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง ขณะพวก เขากําลังจะบอกลาต่อกันอยู่นั้นเอง
ฉับพลันคลื่นออร่าพลัน โจมตีพวกเขาจากทุกทิศทาง!
“พวกเราโดนล้อม!” หลันเฟิ งจินเผยสีหน้าเคร่งเครียด ทันทีเมื่อนางกล่าว
จบคํา กลุ่มคนยิ่งมายิ่งมากพลันทะยานกาย ออกมาล้อมลานกว้างเอาไว้
กลุ่มคนที่ล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้จํานวนมากกว่าหนึ่งร้อย พวกเขาล้วน
สวมใส่หมวกไผ่สานและถืออาวุธครบมือ สีหน้า นั้นเย็นชาขณะดวงตา
เปี่ยมด้วยจิตสังหาร
“พวกเจ้าคือคนที่จัดการฝูงสัตว์อสูรลิงยักษ์ได้งั้นสินะ? มีคนไม่ มาก
เท่าไหร่แต่กลับแข็งแกร่งพอจัดการฝูงสัตว์อสูรได้ มี ความสามารถ
เหมือนกันนี่!” ชายชราคนหนึ่งถอดหมวกไผ่สาน ออกเผยใบหน้าที่มีหนวด
เครายาว ถือตะขอสีทองยาวคมกริบ ไว้ในมือขณะหัวเราะเย็นเยือก
“ต้องการอะไร?” หลันเฟิ งจินเอ่ยถามเสียงเย็นขณะปล่อยออ ร่าของ
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถัดจากนั้น ออร่าของขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสามคนจึง
ระเบิดออก จากกลุ่มคนที่ปิดล้อม! นี่คือหน่วยออกล่าขนาดใหญ่
ประกอบด้วยยอดฝีมือขอบเขต วรยุทธ์เต๋าสามคน ที่เหลือต่างอยู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่ เก้า พละกําลังของพวกเขาชวนสะพรึง พวกเขาไม่ใช่
กลุ่มคนที่ ฉินหยุนและคณะจะสามารถรับมือหรือต่อกรด้วยได้
“สัตว์อสูรลิงยักษ์พวกนั้นน่าจะมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจํานวน หนึ่ง ส่งพวก
มันมาแล้วพวกเราจะไม่ก่อเรื่องยุ่งยากให้เ” ชาย ชราหนวดเครายาวแค่น
เสียง
“พวกเราลําบากมาที่นี่ ไม่คิด กลับไปมือเปล่า!” ความวุ่นวายที่ฉินหยุน
และคณะโจมตีฝูงสัตว์อสูร เป็นการแจ้ง ต่อหน่วยขนาดใหญ่ให้รับรู้ เมื่อ
พวกเขามาถึง จึงพบว่าฝูงสัตว์ อสูรหายไปแล้ว ที่เหลือก็เพียงแต่ศพตาม
พื้นและสัตว์อสูร จํานวนหนึ่งที่ยังเหลือลมหายใจ ถัดจากนั้น พวกเขาจึงไล่
ตามจนถึงที่นี่ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรลํ้าค่า ไม่มีใครคิดส่งมอบออกไปแน่!
เหล่าซานไม่ยินดียิ่ง ก่อนหน้านี้เขาต้องมอบฟองหนึ่งแก่ฉิน หยุนซึ่งอยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดไป
“ให้เวลาพวกเราตัดสินใจกันก่อนได้หรือไม่?” ขณะเหล่าซาน กล่าวคําจบ
เขาจึงนําบุตรชายสองคนและลูกพี่ลูกน้องไปยัง ด้านหนึ่งของลานกว้าง
ตรงนั้นไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะคิดหนี
อย่างกะทันหัน ทั้งยังรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาก็ไปได้เกือบหนึ่งร้อยเมตร
แล้ว หลังเหล่าซานพุ่งกายไป ยันต์สะกดกายในมือจึงถูกขว้างออก เขา
กระทั่งเหลือยันต์สะกดกายไว้ในมือ เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุน สบถในใจอย่าง
โกรธแค้น
หลังจากยันต์สะกดกายหยุดกลุ่มโจรร้ายตรงหน้าเอาไว้ คณะสี่ คนของ
เหล่าซานจึงเร่งรีบบุกฝ่าออกไป พวกเขาใช้อาวุธในมือ เริ่มโจมตีออกด้วย
ความดุดัน! แทบจะในทันที พวกเขาสี่คนจัดการสังหารผู้ฝึกตนขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เก้ากว่าสิบคนได้ หลังชายชราพบเห็นเช่นนี้ เขาคําราม
โกรธแค้นทะยานกายเข้า หาหลั่นเฟิ งจิน ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอีก
สองคนก็ทะยานกายเข้าหาห ลันเฟิ งจิน พวกเขาไม่กล้ารับมือขอบเขตวร
ยุทธ์เด็กันเพียง ลําพัง โดยเฉพาะกับหญิงสาวลึกลับที่ครอบครองขวาน
วิญญาณระดับราชันแทบจะในทันที
การต่อสู้โกลาหลปะทุขึ้น หลันเฟิ งจินพัวพัน รับมือกับชายชราขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าสามคน ในกลุ่มราวแปดสิบคนที่เหลือ จํานวนหนึ่งไล่ตามกลุ่ม
ของเหล่า ซาน ส่วนที่เหลือปิดล้อมคิดจับเป็นฉินหยุนและคณะ! เหล่าซาน
และคณะก่อการรวดเร็ว เป็นพวกเขาคาดคิดอย่างชัดเจนว่าหลันเฟิ งจิน
จะต้องรับการโจมตีของวรยุทธ์เต๋าทั้งสาม คน หากพวกโจรร้ายที่เหลือ
โจมตีเหล่าถานและคณะ โอกาสพวกเขาหลบหนีรอดพ้นก็สูงยิ่ง
สําหรับเหล่าถานและหลันเฟิ งจิน พวกเขามีโอกาสสูงที่อาจจะ โดนจับเป็น
หรือจับตาย! หลันเฟิ งจินและเหล่าถานโกรธแค้น เหล่าซานก่อการหักหลัง
พวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เหล่าถานเอ่ยเสียงเบา
“อาหยุน หาโอกาสหลบหนีไป!” ขณะกล่าวคําจบ เขาได้เห็นฉินหยุน
นําเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมา!
หลังฉินหยุนนําเอาไข่ผลึกแก้วออกมา ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับ
เก้าที่ล้อมเขาเอาไว้ชะงักงันโดยทันที “นี่เจ้าคิดทําอะไร?” เมื่อชายชราพบ
เห็นการกระทําของฉัน หยุน เขาตะโกนร้องถามเสียงดัง แต่ตอนนี้ เขา
กําลังรับมือกับห ล้นเชิงจิน ดังนั้นจึงไม่มีมือว่างพอจัดการเรื่องทางนี้
“ตายด้วยกันยังไงละ!” ฉินหยุนหัวเราะออกเสียงดังขณะทุบไข่ ผลึกแก้ว
สัตว์อสูรกับพื้น ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกระทบพื้นแตกออกส่งกลิ่นรุนแรง
พร้อม กันนี้ สายลมหอบหนึ่งก็พัดพาเอากลิ่นไป สีหน้าของชายชราและผู้
ฝึกตนวรยุทธ์เตสองคนแปรเปลี่ยน พวกเขาหวาดกลัวยิ่ง
“ถอยก่อน ทุกคนถอยแล้วไล่ตามสี่คนนั้นไป ให้ไว!” ชายชรา หนวดเครา
ตะโกนกราดเกรี้ยว จากนั้น เขาและชายชราอีกสอง คนจึงถอนตัวไล่ตาม
กลุ่มของเหล่าซาน
หลันเฟิงจนมองไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรที่แตกกับพื้น มันกําลัง ปลดปล่อย
คลื่นพลังสีดําออกมา นางพลันเร่งรีบตะโกนขึ้น “ไป กันได้แล้ว!”
พายุฝนรุนแรงไม่คล้ายหยุด มวลเมฆหนาสีดํามืดบนท้องฟ้ายิ่ง มายิ่งหนัก
อึ้งและรุนแรง สายฟ้าฟาดลงพื้นอย่างต่อเนื่อง ราว กับมันคิดฉีกกระชาก
พื้นแผ่นดินให้แยกออก
“เจ้าหนู ปุ่มบ่ามเกินไปแล้ว เจ้าทําเช่นนี้ จะเป็นการล่อฝูงสัตว์ อสูรมาที่นี่”
เหล่าถานวิ่งมาขณะต่อว่าฉินหยุน ทว่าใบหน้านั้น กลับยิ้มออก
“ข้าไม่คิดว่ามันจะได้ผล! อย่างน้อยพวกมันก็กลัวหัวหดหนี หายกันไป
แล้ว” ฉินหยุนหัวเราะคิกคักก่อนมองที่หลันเฟิ งจิ นที่อยู่ข้างกาย ช่วงที่
จัดทํายันต์ เขาและหลันเฟิ งจินอยู่ในห้องเดียวกัน เป็น นางบอกต่อเขาว่า
ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมีความลึกลับยิ่ง มัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากสัตว์อสูร แต่เป็น
สิ่งที่สัตว์อสูรสร้างขึ้นมาด้วย วิธีการลึกลับอย่างยิ่ง
สัตว์อสูรที่ออกจากไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร คือสัตว์อสูรระดับเก้า เมื่อพวกมัน
เติบโต พวกมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับ วิญญาณ และเมื่อเติบโตเป็น
วัยโตเต็มที่ พวกมันจะยิ่งน่า หวาดกลัวมากยิ่งขึ้น หากสัตว์อสูรเติบโต
เต็มที่อย่างต่อเนื่อง จํานวนของสัตว์อสูรที่ เกิดขึ้นใหม่จะยิ่งมายิ่งมาก
สัตว์อสูรที่เกิดจากไข่ผลึกแก้ว ถือเป็นราชาในอนาคตของฝูง สัตว์อสูร
ด้วยเหตุนี้ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจึงเป็นอาหารที่หมายปองของ สัตว์อสูรที่
แข็งแกร่ง เมื่อเปลือกไข่แตกออก ออร่ารุนแรงจะปรากฏ หลันเฟิ งจินได้บ
อกต่อฉินหยุน ว่าสัตว์อสูรทรงพลังจะ ถูกล่อลวงมาด้วยกลิ่นของไข่ผลึก
แก้ว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจทุบไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรทิ้งโดยทันที ด้วยออ
ร่าที่ขจรไกลออก มันจะดึงดูดสัตว์อสูรใกล้เคียงให้เข้ามา
ออร่าของสัตว์อสูรระดับวิญญาณน่ากลัวเทียบเท่าผู้ฝึกตนวร ยุทธ์เต๋า
พวกมันไม่คิดปิดซ่อนออร่าของตนเอง ดังนั้นพวกเขา จึงสามารถสัมผัสได้
แต่ไกล ฉินหยุนและคณะตอนนี้ได้แต่วิ่งไปเรื่อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงออ ร่า
ของสัตว์อสูรระดับวิญญาณ
“ไปซ่อนตัวที่ห้องใต้ดิน! ไป!” เหล่ากานตะโกนบอก จากนั้น เขาจึงเร่งรีบ
หายตัวเข้าไปในอาคารร้างแห่งหนึ่งข้างถนน หลังจากพวกเขาเข้ามาใน
ห้องใต้ดิน ร่างเงาใหญ่ยักษ์จึง ปรากฏขึ้นกลางอากาศ นี่จะต้องเป็นสัตว์
อสูรบินได้ ทั้งยัง เคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่ง! ฉินหยุนและคณะตอนนี้นํ้าเอาหิน
ส่องแสงออกมาส่องสว่างใน ชั้นใต้ดินมืดมิด ทุกคนถอนหายใจกันอย่างโล่
งอก จนกระทั่งถึงเมื่อครู่ พวกเขา ล้วนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“อาหยุน เจ้าลงมือเร็วนัก หากเจ้าไม่ยอมทิ้งไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูรใบนั้น
พวกเราคงไม่มีทางหลบหนีออกมาได้ง่ายขนาดนี้ แน่” เหล่าถานหัวเราะ
“คงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าด้านบนจะสงบลงได้ พวกเราพัก กันก่อน” ผู้
อาวุโสโจวเข้ามาในห้องเก็บของและปิดประตูหินลง ห้องใต้ดินแห่งนี้
ค่อนข้างใหญ่ มีห้องเก็บของหลายแห่ง ผู้ อาวุโสโจวและบุตรชายทั้งสอง
เลือกห้องหนึ่งไปพักผ่อน ฉินหยุน เหล่ากาน และหลันเฟิงจนอยู่ด้านนอก
“อาหยุน ข้าจะให้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรของข้าแก่เจ้า เป็นเจ้า ลงทุนลงแรง
ไปมากแต่กลับไม่ได้รับอันใด เรื่องนี้ยอมไม่ได้” เหล่าถานหัวเราะ
“อย่างไรแล้ว ข้าก็ได้รับแก่นอสูรมาจํานวน ไม่น้อย”
“เหล่ากาน ข้าไม่คิดปิดบังเรื่องนี้ต่อท่าน อันที่จริงข้าได้รับไข่ ผลึกแก้วสัตว์
อสูรมาจํานวนหนึ่ง ข้าคิดนํามาแบ่งกับพวก ท่าน!” เหล่าถานช่วยเหลือ
เอาไว้หลายครั้งหลายหนแล้ว ดังนั้นเขาจึงนับถืออีกฝ่ายเหล่าถาน
ประหลาดใจ เขามองยังหลันเพิ่งจินและกล่าวเสียง เบา
“เก็บไว้กับเจ้า ข้าพอใจแล้ว อย่าได้บอกต่อเหล่าโจวหรือ ผู้อื่นถึงเรื่องนี้”
หลันเฟิ งจินทราบเรื่องนี้แต่แรกแล้ว นางไม่คิดกล่าวอันใด ไม่อย่างนั้นคง
เปิดโปงฉินหยุนไปแต่แรก
“เอาละ ข้าขอตัวไปพักก่อน พวกเจ้าก็พักด้วยละ” เหล่าถาน หัวเราะขณะ
เดินเข้าห้องเก็บของไป พอฉินหยุนเห็นเหล่าถานเข้าห้องไปแล้ว เขาจึงหัน
มองห ลันเฟิ งจีนและยิ้มบางให้
“พี่หลัน ท่านต้องการไข่ผลึกแก้วสัตว์ อสูรหรือไม่?” หลันเฟิ งจินยิ้มตอบ
“ถือว่าข้าให้พวกมันแก่เจ้า แต่เจ้าก็ต้อง ช่วยข้าด้วย ตกลงหรือไม่?”
ตอนที่ 218 ผังจารึกระดับราชัน
ฉินหยุนไม่ได้รับคําโดยทันที เขาเลือกที่จะถามหาคําอธิบายที่ กระจ่างชัด
ก่อน “บอกข้าว่าท่านต้องการให้ช่วยอะไร ข้าจะ พยายามอย่างเต็มที่!”
หลันเฟิ งจินหันมองรอบ ก่อนจะดึงฉินหยุนเข้าห้องเก็บของห้อง หนึ่งไป ใน
ห้องเก็บของมีไวน์อยู่จํานวนมาก หลันเฟิ งจินนั่งลงบนถัง ไวน์ขณะนําเอา
แผ่นหินออกมา และวางไว้บนต้นขาสีนํ้าตาล ข้าวงดงาม นางตอนนี้กําลัง
ใช้นิ้วกระดิกเรียกฉินหยุน เป็นการ สื่อให้เข้ามา หลังจากฉินหยุนเดินเข้า
ไปใกล้ เขาจึงได้เห็นรอยแกะสลัก ประหลาดจํานวนมากบนแผ่นหิน
“นี่คือชุดผังจารึก!” หลันเฟิ งจินกล่าว “หากนี่เป็นชุดผังจารึก เช่นนั้นมันก็
ต้องใกล้เคียงผังจารึกลึกลํ้า บางที่น่าจะเป็นผังวิญญาณชั้นเลิศหรือระดับ
ราชัน!” ฉินหยุน นั่งยองลง ศีรษะก้มมองแผ่นหินที่นางนําออกมาและ
พิจารณา หลันเฟิ งจินยิ้มอ่อน
“สายตาดีใช้ได้นี่ สิ่งนี้คือผังวิญญาณระดับ ราชัน! ทั้งหมดนี้ประกอบด้วย
เส้นมืด ข้าต้องการให้เจ้า ช่วยเหลือนําผังวิญญาณทั้งชุดนี้ลงสู่แผ่นยันต์”
ฉินหยุนเองก็ตื่นเต้นขณะกล่าวออก
“พี่หลัน ท่านบอกข้าได้ หรือไม่ว่าผังวิญญาณพวกนี้คืออะไร? การทํายันต์
ไม่ใช่เรื่อง ยาก แต่ข้าไม่อาจรับประกันว่าท่านจะพึงพอใจ! ข้าทําได้เพียง
แค่แกะสลักผังวิญญาณชุดหนึ่ง อย่างมากที่สุด มันก็จะเป็น ยันต์ชั้นเลิศ
ไม่มีทางเป็นยันต์ระดับราชันได้”
ระดับของยันต์ถูกแบ่งตามพลังและความยาก วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การ
แกะสลักผังจารึก กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีชุดผังจารึกอยู่ บนยันต์มาก
เท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และตัว วัสดุเองก็ต้องมีความเข้า
กันได้มากขึ้นเท่านั้น
ยันต์สะกดกายระดับกลางที่ฉินหยุนทําขึ้นก่อนหน้านี้ มัน ใกล้เคียงกับ
ยันต์ระดับสูง หากเขาแกะสลักผังสะกดกายอีกชุด หนึ่ง มันจะสามารถ
เป็นยันต์ระดับสูง แต่ระดับความยากในการ จัดทําคืออีกขั้นหนึ่ง หลันเฟิ ง
จินหัวเราะ
“ข้าไม่อาจบอกได้ว่าผังวิญญาณนี้คืออะไร ในตอนนี้ เจ้าเพียงช่วยข้า
จัดทําขึ้นมาชุดหนึ่ง! เมื่อทําสําเร็จ ข้าจะมอบไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรให้เป็น
การตอบแทนด้วย”
“หากท่านมอบเส้นมีดแก่ข้า ต่อให้ไม่บอก ภายหน้าขาย่อม สามารถ
ทดสอบได้” ฉินหยุนถือแผ่นหินขึ้นมาขณะยิ้มกล่าว หลันเฟิ งจินหัวเราะ
“หากไม่มีกระดาษยันต์พิเศษที่ข้ามอบให้ เจ้าก็ไม่อาจทํายันต์ด้วยผัง
วิญญาณพวกนี้ได้! จุดประสงค์หลักของผังวิญญาณชุดนี้คือจัดตั้งค่าย
อาคมหรือการทํายันต์ขึ้น ดังนั้นแล้วจึงไม่อาจใช้ในการหลอมอุปกรณ์”
“หากได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร ข้าก็ยินดีช่วยขัดเกลามันให้เ” ฉินหยุนไม่
คิดถามอะไรอีก อย่างไรแล้วเขาก็ได้รับความรู้ชุดผัง วิญญาณนี้ ภายหน้า
เขาย่อมต้องค้นพบว่ามันคืออะไรสักทาง
หลันเฟิ งจินยิ้มหวานกล่าวคํา “อย่าได้เสียใจไป หากภายหน้ามี โอกาส ข้า
จะบอกต่อเจ้าว่าชุดผังวิญญาณนี้ทําอะไรได้”
ฉินหยุนนําเอาหนังสัตว์ออกมาและเริ่มการแกะสลักด้วยมีด นี่ เพื่อทํา
ความคุ้นชินกับผังวิญญาณระดับราชันเสียก่อน มีเพียง ความคุ้นชินต่อ
พวกมันก่อน จึงทําให้เขาสามารถมั่นใจจัดทํา ของจริงขึ้นได้
“คิดทําที่นี่เลยหรือ?” หลันเฟิ งจินถาม
“แน่นอน!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ สามสิบหกผังวิญญาณที่เขา ได้รับ ล้วน
เป็นผังระดับสูงเท่านั้น พวกมันไม่มีชั้นเลิศหรือ ระดับราชันแต่อย่างใด
ตอนนี้เขามีโอกาสได้สัมผัสกับผังวิญญาณระดับราชัน เป็น ธรรมดาที่จะ
ตื่นเต้น
การเรียนรู้และเชี่ยวชาญผังวิญญาณชั้นเลิศและระดับราชันถือ เป็นก้าว
ครั้งใหญ่ เพียงเชี่ยวชาญพวกมันสักครั้งหนึ่งย่อมนําไป ศึกษาในภายหน้า
ได้ ฉินหยุนตอนนี้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ด้วยการ เรียนรู้สั่ง
จารึกเกินกว่าระดับสูง เขาจําเป็นต้องอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด
หรือเก้า
ตอนนี้ ผังวิญญาณระดับสูงส่วนใหญ่เป็นเขาเชี่ยวชาญเกือบ หมดแล้ว ผัง
วิญญาณชั้นเลิศและราชันเป็นสิ่งหาได้ยากยิ่ง การ พบมันสักหนึ่งและได้
เรียนรู้ถือเป็นโอกาสที่ยากได้รับ หลันเพิ่งจินเอ่ยเสียงเบา
“ที่นี่ไม่ได้ ที่นี่คือเขตสอง มีสัตว์ระดับ วิญญาณเพ่นพ่านเต็มไปหมด ต้อง
ออกไปจากเมืองอี้ก่อน ตอนนี้แค่ทําความคุ้นชินไปก่อนจะดีกว่า”
“พี่หลัน พื้นเพท่านเป็นอย่างไรกันแน่? ผังวิญญาณระดับราชัน อยู่ในมือ นี่
ท่านมาจากตําหนักจารึกเทวะหรือ?” ฉินหยุนเอ่ย ถาม จากที่เขาทราบ จะ
มีก็แต่ตําหนักจารึกเทวะและตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามที่น่าจะ
ครอบครองผังระดับนี้ได้
“อย่าได้ถาม!” หลันเฟิ งจินยิ้มร้ายขณะถองฉินหยุนด้วยเข่า ฉินหยุนเม้ม
ริมฝีปาก ด้วยความกล้าอะไรไม่ทราบ เขาพลัน หยิกเข้าที่ต้นขาของห
ลันเฟิ งจีน
“ไอ้ย่ะ กล้านัก!” หลันเฟิ งจินหัวเราะ
“เจ้าเริ่มไม่น่ารักแล้ว!” นางหัวเราะคิกคักขณะใช้ต้นขาสัมผัสที่ใบหน้าฉิน
หยุนไปมา “พี่หลัน หากท่านยังหยอกข้าแบบนี้ต่อ ข้าคงไม่อาจสงบใจ
จดจําผังวิญญาณได้แล้ว” ฉินหยุนถอนหายใจ แม้เพิ่งเฟยหลิง เป็นปีศาจ
ยั่วเสน่ห์ แต่นางก็ยังยับยั้งตนเองเอาไว้บ้าง
หลันเฟิ งจินกลับเป็นอีกทางหนึ่ง ด้วยชุดภายนอกที่เย้ายวนใจ ซึ่งเผยขา
เรียวยาวให้ได้เห็น นางดูแข็งแกร่ง มั่นคง และทรง เสน่ห์ ที่ฉินหยุนไม่
คาดคิดเลยก็คือ โฉมงามทรงเสน่ห์ผู้นี้จะมี การกระทําเย้ายวนหยอกล้อได้
เพียงนี้ “เจ้าหนู อย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้เห็น เป็นเจ้าจ้องมองต้นขาข้าอยู่
ตลอด!” หลันเฟิ งจินหัวเราะชั่วร้าย
“สาเหตุหลักก็เพราะท่านแต่งตัวแบบนี้ ไม่ใช่ท่านต้องการให้ ผู้อื่นมอง
หรือ?” ฉินหยุนนั่งกับพื้นข้างถังไวน์ หลันเฟิ งจินนั่ง เคียงข้างบนถังไวน์
ห้อยขาเรียวยาวให้ได้เห็นชัด
พอหลันเฟิ งจินได้เห็นฉินหยุนเผยความจริงจังแกะสลักผัง วิญญาณ นาง
จึงยิ้มกล่าวคําพูดขึ้น “ไม่จริง ข้าเพียงสวมใส่ เพราะขยับร่างกายสะดวก!
กล่าวไปแล้ว ด้วยเชี่ยวเย่ว์หลาน เป็นภรรยาเจ้า เหตุใดเจ้าซุกซนเพียงนี้
ด้วยโฉมงามระดับนาง เจ้าจะมองผู้อื่นหาอะไร?” ฉินหยุนถอนหายใจ
“พี่หลัน เป็นข้าได้เห็นโฉมงามมามาก แต่ ไม่เคยมีใครดึงดูดเท่าท่านมา
ก่อน ทั้งร่างกายท่านปลดปล่อย ออร่าที่ทําให้ผู้อื่นคิดอยากก่อ
อาชญากรรมขึ้น การสวมใส่ชุด เช่นนี้เป็นท่านตัดสินใจล่อลวงผู้อื่นเอง!”
หลันเฟิ งจินพอได้ยินดังนี้ นางจึงเผยเสียงหัวเราะกระจ่างดังขึ้น
“เป็นจริง มีหลายคนคิดอยากทําร้ายข้า ดังนั้นข้าจึงต้องเอา ชีวิตพวกมัน
แทน นี่คือการตอบโต้ของข้า!”
“เจ้าหนู กับหยางฉีเย่ว์เจ้ารู้สึกเช่นไรกันแน่? นางเองก็เป็น โฉมงามผู้หนึ่ง
ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่หวั่นไหว” หลันเฟิ งจินเองก็ เหมือนเพิ่งเฟยหลิง นางลูบ
สัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของเขา เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาและเหมาะสมเช่นฉิน
หยุน ย่อมเป็นที่นิยม ในหมู่หญิงสาว โดยเฉพาะกับผู้ชอบหว่านโปรย
เสน่ห์อย่างห ฉันเพิ่งจิน หากนางได้พบคนเช่นเขา ย่อมไม่มีทางพลาด
โอกาส ได้หยอกล้อด้วยเป็นแน่
“นางเป็นอาจารย์ของข้า และข้านับถือนาง!” ขณะโดนลูบที่ ใบหน้า ฉิน
หยุนรู้สึกราวกับสติเริ่มเลือนหาย เขาสบถดังในใจ
“เจ้าหนูลวงโลก! ข้าย่อมไม่เชื่อ!” หลันเฟิ งจินหัวเราะต่อว่า จากนั้น นาง
ค่อยนํามือตัวเองกลับคืนและกล่าว
“ก็ได้ ข้าไม่ หยอกล้อเจ้าแล้ว สนใจงานเจ้าไป!” เพื่อตั้งสมาธิ ฉินหยุนจึง
นําเอาแผ่นหนังสัตว์และแผ่นหินหลบ ไปมุมหนึ่ง คร่ําเคร่งแกะสลักทํา
ความคุ้นชิน หลันเฟิ งจินกล่าว
“ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ เต๋าแล้ว ด้วยพรสวรรค์นี้ นางไม่
ต่างอะไรจากข้า ตอนนี้ นางคือคู่หมั้นของเซี่ยวหยางหลง เจ้าคิดวางแผน
ก่อการอันใด ระหว่างความขัดแย้งของเจ้าและเชี่ยวหยางหลงกัน?” พอได้
ยินว่าหยางฉีเย่ว์ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ฉินหยุนเงียบ ไปครู่หนึ่ง เป็นเขา
ยินดีจนกล่าวออก
“ข้ามีแต่ต้องพยายามให้ มากขึ้นเพื่อเพิ่มพูนพละกําลัง และไขว่คว้าพลังที่
จะเปลี่ยน โชคชะตาได้!”
“เป็นเช่นนั้น มีเพียงผู้แข็งแกร่งจึงสามารถต่อกรกับคนน่า รังเกียจเช่น
เชี่ยวหยางหลง มันก่อเรื่องราวน่ารังเกียจเอาไว้ มากที่ตําหนักตะวันตก ทั้ง
ยังเป็นคนที่ชั่วร้าย กระทั่งบิดา ตัวเองก็ไม่เว้น ไม่มีอะไรที่มันทําไม่ได้”
หลันเฟิงจนเผยใบหน้า เปี่ยมด้วยความเดียดฉันท์เมื่อกล่าวถึงเซี่ยวหยาง
หลง ฉินหยุนตอนนี้เริ่มมั่นใจ หลันเฟิ งจินสมควรมาจากตําหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีคราม เขาจึงหยั่งเชิงถาม “พี่หลัน ท่านมาจากตําหนักใด?
ตําหนักทิศใต้ ทิศเหนือ ตะวันออกหรือตะวันตก?”
หลันเฟิ งจินหัวเราะและส่ายหน้า “ไม่ ข้ามาจากตําหนัก ศักดิ์สิทธิ์! เจ้าคิด
อยากเข้าร่วมตําหนักศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่? ตําหนักตะวันออกก็ยินดีต้อนรับ
เจ้าไม่ใช่น้อย เมื่อมีศักยภาพถึง ระดับหนึ่ง เจ้าสามารถรับคําแนะนําให้
เข้าร่วมตําหนักศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นนักบุญได้!”
“ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ช่างทรงพลังนัก!” ฉินหยุนร้องอุทาน
“หยางฉีเย่ว์ และภรรยาเจ้าเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสองเข้าร่วม ตําหนัก
ศักดิ์สิทธิ์แล้ว! ทั้งสองถือเป็นศิษย์น้องของข้า มีอาจารย์คนเดียวกันกับ
ข้า!” หลันเฟิ งจินหัวเราะออกยินดี ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเร่งรีบ
ถาม
“พี่หลัน โปรดอย่าได้ พูดอะไรไร้สาระต่อหน้าอาจารย์หยาง นี่จะมีแต่ทําให้
ลําบาก ใจ!”
หลันเฟิ งจินหัวเราะรับคํา “อย่าได้ห่วงไป ข้าไม่คิดพูดอะไรต่อ นาง
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเจ้านั่นแหละ!”
ฉินหยุนครวนคราง “พี่หลัน พี่เซี่ยเองก็เข้าร่วมตําหนัก ศักดิ์สิทธิ์ ท่านเคย
ได้ยินชื่อเขาหรือไม่? เซี่ยอูเฟิง ผู้ฝึกตนดาบ!”
เมื่อเขาเอ่ยถึงเซี่ยอู่เฟิง รอยยิ้มที่ใบหน้าของหลันเฟิ งจนเลือน หาย
นํ้าเสียงกลับกลายเป็นจริงจัง
“ยากที่จะไม่รู้จัก ซายคน นี้ ข้าไม่รู้ว่าควรเรียกเทพแห่งดาบหรือปีศาจแห่ง
ดาบ แต่เขา น่ากลัวยิ่ง กล่าวกันว่าในตําหนักศักดิ์สิทธิ์ หากไม่นับผู้อยู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาถือเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด”
พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาลอบยินดีต่อเซี่ยอู่เฟิง หลังจากนั้น เขาจึงเงียบ
ไปก่อนจะเริ่มศึกษาฝังวิญญาณจริงจัง เป็นเขานึก สงสัยต่อตนเอง ว่าวัน
ใดตนจะได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เฝ้าบ้าง หลันเฟิ งจีนคล้ายอ่านความคิด
ของฉินหยุนได้ นางเอ่ยคําเบา
“ฉินหยุน หากเจ้าเข้าร่วมตําหนักตะวันออก ด้วย ความสามารถของเจ้า
ย่อมสามารถก้าวทะยานขึ้นมา การอยู่ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมีแต่จะทําให้
เสียเวลา”
ฉินหยุนไม่กล่าวตอบ เขามีแผนอื่นจึงอยู่ที่สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนต่อ เขา
มั่นใจอย่างยิ่ง ว่าภายในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน จะต้องมีมรดกของราชัน
ยุทธ์หลันเซียวหลงเหลือเอาไว้ ทว่า เพียงแค่เขายังหามันไม่พบ ครั้งนี้ เขา
จะได้รับแต้มเสวียนจํานวนมาก ย่อมสามารถ สอบถามถึงความลับ
มากมายและตํานานในสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนได้ สองวันหลังจากนั้น ฉิน
หยุนเริ่มคุ้นเคยกับชุดผังวิญญาณระดับ ราชัน เป็นเขามั่นใจระดับหนึ่ง
แล้วว่าสามารถใช้ผังวิญญาณ เหล่านี้ทํายันต์ขึ้นมาได้
พื้นที่ด้านบนสงบเงียบลงแล้ว ออร่าของสัตว์ระดับวิญญาณก็ กระจาย
หายไปเรียบร้อย เหล่าถานและคณะบอกลาต่อฉินหยุน ตัดสินใจมุ่งหน้า
ไปยังวิหารในเขตหนึ่งเพื่อเข้าร่วมกับหน่วยที่ แข็งแกร่งที่นั่น
หลันเฟิ งจินและฉินหยุนออกจากเมืองอี้ พวกเขาไม่คิดอยู่ใน เมืองอื่นาน
นัก หลังจากแยกทางกับเหล่าถาน พวกเขาก็เร่งรีบ ออกให้พ้นจากระยะ
ของเมือง ขณะถึงป่าที่ห่างจากเมืองอี้ราวหนึ่งร้อยลี้ พวกเขาพบถํ้าแห่ง
หนึ่ง
ฉินหยุนเริ่มงานทันที โดยการนําผังวิญญาณลึกลับระดับราชัน ลงสู่
แผ่นกระดาษยันต์ กระดาษยันต์เป็นหลันเฟิ งจินมอบให้ มันมีความพิเศษ
เป็นอย่างยิ่ง ระหว่างที่แกะสลักผังวิญญาณ เขาสามารถสัมผัสได้ ว่ายันต์
นี้ มีพลังดวงดาวบรรจุเอาไว้มากล้น ด้วยหลันเฟิ งจินคุ้มกัน เขาสามารถ
วางใจในการทํายันต์ต่อไปได้
ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนค่อยถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดเขาก็ ขัดเกลา
ยันต์ระดับสูงขึ้นสําเร็จ
“เหนื่อยนัก! ยันต์นี้ใช้ทําอะไรกันแน่เนี่ย?” เขาได้แต่รู้สึกว่า แขนตนเอง
ตอนนี้หนักอึ้ง หลังเก็บมีดแกะสลัก เขาจึงล้มนอน กับพื้นหลับตาหอบ
หายใจ
ตอนที่ 219 ตํานานมังกรวัวกระทิง
หลันเฟิ งจินหยิบแผ่นยันต์ขึ้น พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางนําเอาไข่
ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาและยิ้ม “นี่คือรางวัล ของเจ้า เช่นกัน อย่าได้บอก
ผู้อื่นเรื่องยันต์นี้ และอย่าได้แพร่ง พรายเรื่องชุดผังวิญญาณ ไม่อย่างนั้น
ข้าจะแฉเจ้าว่าแท้จริง แล้วลอบคาดหวังต่อหยางฉีเย่ว์” ฉินหยุนยิ้มขื่นขม
“ขอรับ ขอรับ ข้าไม่พูดแน่ ว่าไปท่านคิด กลับเมื่อใด?”
“หลังเจ้าฟื้นฟูแล้ว ข้าค่อยกลับตําหนักดวงดาววิญญาณสี คราม!”
หลันเฟิ งจินกล่าว “
เหตุผลที่ข้ามายังเมืองอี้ ก็เพื่อมา หาอาจารย์จารึกช่วยข้าทํายันต์แผ่นนี้
แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้พบ เจ้าที่นี่”
ฉินหยุนมองไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรข้างกาย เขายินดี รวมทั้งสิ้น แล้วเขามีไข่
ผลึกแก้วสัตว์อสูรเจ็ดฟอง ทั้งยังมีแก่นอสูรระดับ แปดและเก้าอีกจํานวน
ไม่น้อย พอคิดคํานวณ ทั้งหมดรวมแล้วสมควรแลกเปลี่ยนได้ราวหก ร้อย
ล้านแต้มเสวียน สี่ชั่วโมงให้หลัง เขาค่อยฟื้นฟูกําลัง หลันเฟิ งจินก็เปลี่ยน
สวมใส่ ชุดสีนํ้าเงินประณีต นี่คือเครื่องแบบของตําหนักดวงดาว วิญญาณ
สีคราม ทว่าสายคาดเอวชุดสีนํ้าเงินของนางเป็นสีทอง
“ไม่ได้เห็นต้นขาท่านแล้ว ข้าผิดหวังยิ่งนัก” แม้ตอนนี้หลันเฟิง จินสวมใส่
ชุดรัดกุม แต่นางก็ยังคงมีความขี้เล่นหยอกเย้าอยู่
“เจ้าหนู เจ้าควรรู้ว่าจะมองต้นขาข้าอย่างไร!” หลันเพิ่งจิน หัวเราะและเตะ
เขาที่หนึ่ง
“แยกกันตรงนี้ ข้าคงร่วมทางกับท่านต่อไม่ได้ พี่หลัน ข้าจะ คิดถึงท่าน ข้า
หมายถึงต้นขาของท่าน” ฉินหยุนยิ้มชั่วช้ากล่าว
หลันเฟิ งจินมองค้อนที่หนึ่งก่อนจะกลอกตาให้และเดินออกจาก ถํ้าไป
ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลากลางวัน ฉินหยุนไม่กล้าเดินทางโดย ลําพัง ดังนั้น
เขาจึงรอจนฟ้ามืดค่อยออกเดินทาง กลางคืน เขาใช้พลังเงาหลบซ่อน
ตัวตนในความมืด เดินทาง กลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ระหว่างทาง ฉิน
หยุนได้ผ่านเมืองหลายแห่ง เหล่านั้นล้วน กลายเป็นเศษซาก ออร่าของ
สัตว์ระดับวิญญาณยังคงกระจาย ตัว เขาคิดว่าเมืองเหล่านี้โดนสัตว์อสูร
ฝูงใหญ่เข้าเล่นงาน สัตว์อสูรคิดกินมนุษย์เพิ่มพละกําลังตนเอง พวกมัน
ทําลายทั้ง เมืองเพื่อหาอาหาร
“หากมนุษย์ร่วมมือกัน ก็ไม่น่าจะต้องหวาดเกรงพลังของฝูง สัตว์อสูร” ฉิน
หยุนนึกย้อนถึงประสบการณ์ในเมืองอี้ เป็นเขาที่ ร่วมมือกับผู้อื่นสังหารฝูง
สัตว์อสูรไปไม่น้อย ที่ริมฝั่งของทะเลสาบหมื่นดารา ศิษย์ของสถาบัน
หลายคน รวมตัวกัน รอขึ้นพาหนะเพื่อเดินทางกลับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
โดยปกติแล้ว สองชั่วโมงจะมีรอบหนึ่งตลอดทั้งวันและ คืน เมื่อฉินหยุน
มาถึง ศิษย์หลายคนจดจําเขาได้จึงเริ่มสนทนากัน
“ฉินหยุนทําผิดพลาดครั้งใหญ่ จากที่เห็น เหมือนจะยังไม่รู้ด้วยนะนั่น?”
“จักรวรรดิเทียนหลิงเพิ่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรวรรดิ แต่ แล้วเขากลับ
ลงมือสังหารองค์ชายรัชทายาท ช่างหาที่ตายโดย แท้”
“เรื่องราวยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว! ทําไมเขาต้องฆ่าองค์ชายรัช ทายาทนั่น
ด้วย?”
“สงสัยนักว่าเรื่องนี้จะลามมาถึงสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหรือไม่!” พอฉินหยุน
ได้ยินดังนี้ เขาตระหนก เขาไม่ทราบว่าจักวรรดิ เทียนหลิงทราบได้อย่างไร
ว่าเขาคือคนร้าย
หลังรับรู้ข่าวคราวนี้ เขาไม่คิดรอพาหนะข้ามฟากอีก กลับกัน เขาเลือกใช้
ก้าวอัคคีเมฆาข้ามทะเลสาบด้วยตนเองสู่เกาะตรง กลาง “คนกลุ่มนั้นที่
ปรากฏตัว หลังองค์ชายรัชทายาทและหยินเชิ่ง ตาย พวกมันน่าจะเริ่มสืบ
สาว หากพวกมันสืบสวน ย่อมต้อง พบว่าพี่เฟยหลิงและคณะกลับถึง
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อน มี แต่เราที่ยังอยู่ในเมืองอี้”
หลังจากวิเคราะห์ถี่ถ้วน ฉินหยุนจึงเดาได้ ว่าเพราะสาเหตุนั้น จักรวรรดิ
เทียนหลิงจึงปักใจเชื่อว่าเขาเป็นผู้ลงมือ ทันทีเมื่อกลับถึงสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน เขาจึงกลับต้นไม้สมบัติ ตะวันดารา ตู้ก่วยอยู่ด้านนอกต้นไม้สมบัติ
เขากําลังจัดการใบไม้ที่ร่วงหล่น
“อาจารย์!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนขึ้น
พอตู้ก๋วยเห็นฉินหยุนกลับมา เขาจึงยิ้ม “ฉินหยุน บอกข้าตาม ตรง เจ้าคือ
ผู้ที่สังหารองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนหลิงใช่ หรือไม่?”
“ขอรับ! เป็นข้าสังหารหยินเชิ่งโดยเจตนา แต่องค์ชายรัช ทายาทผู้นั้น มัน
จับตัวข้าและบอกว่าจะสังหารข้าเพื่อยก ชื่อเสียงตนเอง ดังนั้นข้าจึงต้อง
สังหารมัน” ฉินหยุนเม้มริม ฝีปากกล่าวตามจริง ตู้ก๋วยพยักหน้ารับกล่าว
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นี่ก็ถือเป็นข้อ พิพาทส่วนบุคคล ผู้อํานวยการยังถาม
ต่อเพิ่งเฟยหลิงและผู้อื่น ถึงเรื่องนี้ พวกเขาได้บอกเล่าเรื่องราวจนพวกเรา
เข้าใจแล้ว และนี่ถือเป็นจักรวรรดิเทียนหลิงผิดพลาดหาเรื่องต่อศิษย์ของ
สถาบันเราก่อน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนของเรา
จะไม่ส่งเจ้าในฐานะผู้ร้าย แต่ยามออกสู่ภายนอก เจ้าก็ต้องระวังให้ดี”
ยามนี้สัตว์อสูรออกอาละวาดไปทั่ว เรื่องราวทางโลกต้องให้ ความสนใจ
มากกว่า ดังนั้นจักรวรรดิเทียนหลิงจึงยังไม่อาจหา โอกาสแสวงการแก้
แค้นได้โดยง่าย ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่คิดเก็บมาใส่ใจ
“อาจารย์ ข้าได้รับของดีมาไม่น้อย น่าจะแลกได้ราวหกร้อย ล้านแต้ม
เสวียน!” ฉินหยุนหัวเราะ ได้ยินดังนี้ ตู้ก่วยตื่นตะลึงขณะวางใบไม้ใหญ่ใน
มือและกล่าว ถาม
“จริงหรือนี่?” ฉินหยุนตามตู้ก่วยกลับเข้าถํ้าต้นไม้และนําเอาไข่ผลึกแก้ว
สัตว์ อสูรพร้อมแก่นอสูรจํานวนมากออกมา เรื่องนี้แทบทําเอาผู้ก่วย ยิ้ม
กว้างจนถึงหู ตู้ก๋วยสูดลมหายใจเข้าลึกเอ่ยถามตื่นตะลึง “เจ้าหนู เจ้า
ได้รับ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมาอย่างไร? ทั้งยังมีถึงเจ็ดฟอง!”
“เป็นข้าโซคดีได้เข้าร่วมกับหน่วยที่แข็งแกร่งขอรับ หน่วยนี้ ร่วมมือกับ
หน่วยอื่น ข้าจึงมีโอกาสได้รับพวกมันมา” ฉินหยุน เล่าไปพลางหัวเราะ
“อาจารย์ รบกวนท่านช่วยหาผู้อื่นที่รู้จัก ในร้านค้าแต้มเสวียน เป็นข้าคิด
อยากแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนเป็นการลับ ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบว่าข้า
ได้รับไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูรเจ็ดฟอง!” ตู้ก๋วยยิ้มพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหา แต่เรื่องที่เจ้าถือครองหก ร้อยล้านแต้มเสวียน ไม่ใช่เรื่องง่าย
ปิดบัง ดังนั้นเจ้าคิดข้อแก้ ตัวที่ดีได้หรือยัง?” “คิดดีแล้วขอรับ เพียงบอกว่า
ข้าแลกเปลี่ยนอุปกรณ์วิญญาณ มิติเก็บของเป็นแก่นอสูรจํานวนมากหรือ
อะไรทํานองนั้น เรื่องนี้ สมควรสมเหตุสมผลใช่หรือไม่ขอรับ?”
ฉินหยุนสามารถให้ผู้อื่น ทราบว่าตนมีแก่นอสูรจํานวนมาก มันดีกว่าการ
ปล่อยให้ผู้อื่น ทราบว่าเขามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจํานวนมาก หากไม่แล้ว
จะ ยิ่งมีแต่ปัญหา
“ไปกัน!” ตู้ก๋วยรู้สึกยินดียิ่งที่ได้เห็นศิษย์ของตนได้รับแต้ม เสวียนจํานวน
มาก เขาพาฉินหยุนบินตรงไปยังเขตศูนย์กลาง ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ที่ศูนย์กลางสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน โถงของร้านค้าแต้มเสวียน หลายผู้คน
กําลังต่อแถวเพื่อแลกเปลี่ยนแก่นอสูรจํานวน เล็กน้อยในมือเป็นแต้ม
เสวียน ตู้ก๋วยรู้จักคนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงเข้าในห้องรับรองแขกพิเศษ
ไม่นาน ชายชราร่างอ้วนสวมใส่ชุดหรูหราสีแดงจึงมาใน ห้อง
“เหล่าผางสื่อ ข้านําธุรกรรมครั้งใหญ่มาให้เจ้า คิดตอบแทนข้า หรือไม่?”
ผู้ก่วยยิ้มภูมิใจกล่าวนําเสนอ
“ฉินหยุนหรือ? ข้าได้ยินเรื่องเจ้ามาเยอะเชียว!” ผู้อาวุโสผาง สื่อหัวเราะ
ขณะปรบมือให้ฉินหยุน
“สวัสดีขอรับผู้อาวุโสผางสื่อ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว เหล่าผางสื่อผู้นี้เป็นรอง
อธิการบดีที่มีชื่อเสียงของสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน ชื่อแท้จริงของเขาคือ
พานต้าเหว่ย เป็นผู้รับผิดชอบ หน้าที่ทําธุรกรรมในร้านค้า ทั้งยังเป็น
ผู้กว้างขวางรู้จักบุคคล ทรงพลังหลายท่าน
พานต้าเหว่ยเชิญฉินหยุนให้นั่งด้วยรอยยิ้มและเอ่ยถาม “ธุรกรรมใหญ่อัน
ใด? บอกมาได้เลย!”
หลังจากนั้น ฉินหยุนจึงนํากองวัตถุปริมาณมากออกมา ใบหน้า อ้วนท้วน
ของพานต้าเหว่ยพลันแข็งที่อ เขามองวัตถุบนพื้นด้วย ความตื่นตะลึง “ไข่
ผลึกแก้วสัตว์อสูรเจ็ดฟอง นี่เจ้าได้รับพวกมันมาได้ อย่างไร? กระทั่งเป็น
หน่วยที่มีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋า ก็ไม่ใช่เรื่อง ง่ายได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร
มา!”
พานต้าเหว่ยลุกพรวดจาก เก้าอี้เข้าไปใกล้สัมผัสไข่ผลึกแก้ว “เป็นข้าโชคดี
หยิบพวกมันติดมือกลับมาได้ขอรับ” ฉินหยุนยิ้ม ตอบ
“ผู้อาวุโส รบกวนท่านคํานวณแล้ว ข้าจะได้รับแต้ม เสวียนเท่าใดหรือ
ขอรับ? และได้โปรดช่วยข้าเก็บเรื่องนี้เป็น ความลับ รบกวนท่านอย่าบอก
ต่อผู้อื่นว่าเป็นข้าได้รับไข่ผลึก แก้วสัตว์อสูรจํานวนมากเช่นนี้”
“วิเศษ! ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะให้แต้มเสวียนเจ้าได้ เท่าไหร่!”
พานต้าเหว่ยกล่าวยินดีขณะเริ่มนับจํานวนแก่นอสูร กระทั่งเขายังต้องตก
ตะลึงต่อจํานวนแก่นอสูรระดับแปดและ เก้า เขาแทบไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่ม
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด จะสามารถได้รับแก่นอสูรจํานวนมาก
เพียงนี้
“รวมแล้วทั้งหมด หกร้อยหนึ่งล้านห้าแสน นี่เป็นบัตรผลึกแต้ม เสวียนของ
เจ้า!” พานต้าเหว่ยสูดลมหายใจลึกขณะนํ้าแผ่นทรง แปดเหลี่ยมออกมา
ฉินหยุนรับบัตรผลึกแต้มเสวียนสีทองไว้ในมือ พานต้าเหว่ย หยดเลือดลง
บนแผ่นทรงแปดเหลี่ยมเป็นการทําสัญญา นี่ก็เพื่อ เป็นการทําหลักฐานว่า
ธุรกรรมครั้งนี้กระทํากับผู้ใด หลังจัดการเรียบร้อย หกร้อยล้านแต้มเสวียน
จึงปรากฏบนบัตร ผลึกแต้มเสวียนของฉินหยุน
“รายชื่อผู้ถือครองแต้มเสวียนแปรเปลี่ยนทุกหนึ่งเดือน หากไม่ คิดเปิดเผย
ตัว เช่นนั้นจงรีบใช้พวกมันโดยเร็ว” พานต้าเหว่ย หัวเราะ
“ครั้งหน้าถ้ามีธุรกรรมใหญ่เช่นนี้ เชิญที่ห้องรับรอง แขกพิเศษด้วยตัวเจ้า
เองได้เลย จะมีคนแจ้งต่อข้าเมื่อเห็นเจ้า เข้าห้อง”
ตู้ก๋วยหัวเราะ “ว่ายังไง คิดขอบคุณข้าอย่างไรดี?”
“ให้ข้าเลี้ยงสักมื้อแล้วกัน!” พานต้าเหว่ยหัวเราะ
“ไปตอนนี้ เลยเป็นไร? ฉินหยุน เจ้าก็มาด้วยกันเลย!”
“ผู้อาวุโส ข้าคิดอยากแลกเปลี่ยนวัชระไขกระดูกวิญญาณ ข้า สามารถ
แลกเปลี่ยนได้เท่าใดขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม พานต้าเหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จึงตอบ
“ตราบเท่าที่เจ้ามีมากกว่า สองร้อยล้านแต้มเสวียนในบัตรผลึกแต้มเสวียน
เจ้าสามารถใช้ หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน และสิบล้านเหรียญผลึกเพื่อ
แลกเปลี่ยน เจ้าสามารถแลกห้าขวดของวัชระไขกระดูก วิญญาณ
ในตอนนี้ แต่หากแต้มเสวียนเจ้าเหลือน้อยกว่าสอง ร้อยล้าน จะไม่อาจ
แลกเปลี่ยนได้อีก”
“ขอข้าแลกเลยขอรับ!” ฉินหยุนนําเอาบัตรผลึกแต้มเสวียน และบัตร
เหรียญผลึกออกมา พานต้าเหว่ยนขวดสีทองคําทั้งห้า ขนาดราวเหยือก
สุรา ออกมา จากนั้นรับบัตรเหรียญผลึกและบัตรผลึกแต้มเสวียน ของฉิน
หยุนไปจัดการ ไม่ช้า เขาจึงให้ฉินหยุนใช้พลังจิตตนเองลงในบัตรทั้งสอง
ใบ เพื่อยืนยันการทําธุรกรรมให้เสร็จโดย สมบูรณ์ ฉินหยุนยังเหลือสี่ร้อย
ล้านเหรียญผลึกอยู่ในบัตร ส่วนทางด้าน แต้มเสวียนเหลือเพียงหนึ่งร้อย
กว่าล้านแต้ม หลังทําการแลกเปลี่ยนสมบูรณ์แล้ว เขาคิดอยากกลับไป
ลองใช้ วัชระไขกระดูกวิญญาณ แต่เขาโดนตู้ก่วยและพานต้าเหว่ย ชวนไป
ดื่มกินเสียก่อน ปกติเขาไม่คิดอยากไปแน่
ทว่าเรื่องนี้เป็นเพราะตู้ก่วยและ พานต้าเหว่ย ทั้งสองเป็นผู้มีชื่อเสียงใน
สถาบันยุทธ์ เขารู้สึกว่า ทั้งสองสมควรทราบความลับของสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ดังนั้น เขาจึงเลือกตามอีกฝ่ายไปที่ภัตตาคารดวงดาวลึกลับข้าง
ร้านค้าแต้มเสวียน มันเปิด กิจการโดยพานต้าเหว่ยเอง ด้วยเหตุนี้ฉินหยุน
จึงไม่ลังเลคิดกิน ดื่มตามใจอยาก ตู้ก๋วยเองก็เป็นเช่นกัน ดังนั้นกระทั่ง
ตะเกียบ ยังไม่ใช้ เพียงแต่ใช้มือเปล่าคว้าอาหารเข้ามากินอย่างไม่ เกรงใจ
กันแต่อย่างใด
พานต้าเหว่ยหัวเราะแกล้งต่อว่าหยอกเล่น “เหล่าตู้ นี่เจ้าเป็นผี หิวโซมา
จากที่ใด? ได้เห็นเจ้ากินเช่นนี้ข้าอับอายนัก” ตู้ก่วยตอบ
“เหล็กสนิมเขรอะชราเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่งที่จะเลี้ยง อาหารข้า ดังนั้นหาก
ข้าไม่อิ่ม ข้าไม่ขอกลับอย่างแน่นอน!” ฉินหยุนเคยกินอย่างไม่สนผู้ใดมา
ก่อนเช่นกัน ครั้งนี้ตู้ก่วยแทบ ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย
“ผู้อาวุโสขอรับ ท่านอยู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมานานยิ่ง ท่าน เคยได้ยิน
ตํานานของสถาบันบ้างหรือไม่ขอรับ? ทุกครั้งที่ข้า ผ่านทะเลสาบหมื่น
ดารา ข้าจะพบว่ามันสงบจนน่ากลัว ทั้ง พื้นผิวยังดํามืด บ่อยครั้งมันให้
ความรู้สึกว่ามีอะไรที่น่ากลัวอยู่ ด้านล่าง”
ฉินหยุนเอ่ยถาม พานต้าเหว่ยพลันเผยสีหน้าจริงจังกล่าวคํา “เบื้องใต้
ทะเลสาบ หมื่นดารา เป็นมังกรวัวกระทิงราวขุนเขาถูกผนึกเอาไว้ ร่าง ของ
มันเป็นกระทิง กรงเล็บและปากเป็นมังกร เขา หู และ ดวงตาล้วนเป็น
กระทิง เกาะของสถาบันเราก็สร้างขึ้นบนเขา ของมังกรวัวกระทิงนี้”
“เรื่องนี้จริงหรือขอรับ?” ฉินหยุนเผยดวงตาเบิกกว้างแตกตื่น
ตอนที่ 220 สถาบันเทียนเจียว
“นี่เป็นตํานานที่อาจารย์ข้าบอกเล่าต่อมา” พานต้าเหว่ยตอนนี้ อาหารก็
เต็มปากแต่ก็ยังพูดด้วยท่าทีสุภาพ เรื่องนี้ยากบอกว่า ชายร่างท้วนผู้นี้เป็น
ผู้สุภาพในโต๊ะอาหาร ตู้ก่วยกลืนอาหารลงท้องก่อนตอบคํา
“ข้าเองก็ได้ยินอาจารย์ กล่าวถึงตํานาน เขาบอกว่ามีสมบัติซุกซ่อนเอาไว้
ในต้นไม้ สมบัติตะวันดารา” พานต้าเหว่ยถอนหายใจกล่าว
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตํานานที่ ไม่ได้รับการพิสูจน์! กระทั่งพวกเรายังไม่อาจ
เข้าสู่ส่วนลึกของ ทะเลสาบหมื่นดารา แต่ข้าได้ยินจากอดีตอธิการบดี ว่า
ทะเลสาบหมื่นดาราถูกใช้สร้างเมืองขึ้นด้านบนเพราะเหตุผลบางอย่าง
บางทีมังกรวัวกระทิงนั่นอาจเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ของ ทะเลสาบหมื่นดารา”
“ข้าสงสัยนักว่าตาเฒ่าพวกนั้นหลอกพวกเราหรือเปล่า” ผู้ก่วย กล่าวอย่าง
ไม่เชื่อ
“ข้าอาศัยในต้นไม้สมบัติตะวันดารามานาน หลายปี แต่ไม่เคยพบเจอ
สมบัติใดมาก่อน นอกจากใบไม้และ ใบไม้ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรอีก” พานต้า
เหว่ยขมวดคิ้ว
“อันที่จริงข้าคิดว่าตํานานมังกรวัว กระทิงอาจเป็นจริง เพราะแทบไม่มีสัตว์
อสูรทรงพลังกล้าเข้า ใกล้ทะเลสาบหมื่นดาราเลยแม้สักตัว” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว “สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเรานั้นมีการ ป้องกันกล้าแกร่ง เป็นปกติ
ขอรับที่สัตว์อสูรไม่กล้าเข้ามา” พานต้าเหว่ยส่ายศีรษะ
“ย่อมไม่! เจ้าทราบหรือไม่ว่าสถาบัน ยุทธ์เทียนเสวียนและหลิงเสวียนตก
อยู่ภายใต้การโจมตีกี่ครั้ง ครา? การโจมตีครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลายต่อหลาย
ครั้ง กระทั่ง ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังยากรอดพ้นมาได้”
“ทางด้านสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนของเรา ฝูงสัตว์ปีศาจห้อตะบึง มาด้วย
ความเร็วเต็มที่ แต่แล้วอย่างกะทันหัน พวกมันกลับไม่ เข้ามาใกล้อีก
ตอนนี้ทั้งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและหลิง เสวียน ล้วนริษยาพวกเราที่อยู่
ได้สุขกายสบายใจแทบตาย”
หลังมื้ออาหาร ฉินหยุนและตู้ก๋วยจึงกลับไปยังต้นไม้สมบัติ ตะวันดารา
ระหว่างทาง เขาพบว่าเพิ่งเฟยหลิงและคณะได้มุ่งหน้าไปยัง นครหลวง
เพื่อเข้าร่วมกองทัพของราชาปีศาจ ทําการกวาดล้าง สัตว์อสูรที่คิดบุก
จักรวรรดิเทียนฉิน หลังกลับไปที่ต้นไม้สมบัติตะวันดารา ตู้ก่วยได้ชี้แนะฉิน
หยุนให้ ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะควบคุม และรวมจิตวิญญาณสังหาร เขา
หวังว่าฉินหยุนจะกลายเป็นยอดฝีมือสังหารจิตวิญญาณได้ใน อนาคต
สองวันให้หลัง ฉินหยุนได้เรียนรู้อะไรเพิ่มหลายอย่าง ตู้ก๋วยทราบดีว่าเขา
คิดอยากใช้วัชระไขกระดูกวิญญาณ ดังนั้น เขาจึงไม่คิดยึดเวลาออกไปอีก
ภายในห้องลับส่วนลึกของถํ้าต้นไม้ ฉินหยุนนําเอาหม้อขนาด ใหญ่
ออกมาวางไว้ตรงกลางห้องลับ จากนั้น เขาจึงนําเอาแผ่น หนังสัตว์ออกมา
วางด้านล่างหม้อดังกล่าว ที่แผ่นหนังสัตว์มีผังวิญญาณ พวกมันจัดตั้งขึ้น
เป็นอาคม ซึ่ง สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณพิเศษภายในต้นไม้สมบัติ
ตะวัน ดาราเพื่อเกิดขึ้นเป็นวิญญาณเหลวได้ หลังเปิดการทํางานค่าย
อาคม พายุหมุนเริ่มก่อตัวด้านบนของ นํ้าในหม้อ ราวกับเมฆหมอก หลัง
ผ่านการหมุนวนอยู่พักหนึ่ง ประกายแสงโปร่งใสของวิญญาณเหลวจึงเริ่ม
หยดลง ไม่นานจากนั้น หม้อจึงเต็ม เฉินหยุนนําเอาวัชระไขกระดูก
วิญญาณออกมาเทใส่หม้อใบใหญ่
จากนั้น เขาจึงกระโดดลงไปแช่ในหม้อที่มีวัชระไขกระดูก วิญญาณ วัชระ
ไขกระดูกวิญญาณเป็นสีทอง ราวทองคําที่เผาไหม้ เมื่อ ผสมผสานกับ
ของเหลวในหม้อ มันจึงย้อมทั้งหม้อให้กลายเป็น วิญญาณเหลวสีทอง
ขณะฉินหยุนแช่ตัวในหม้อ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรง เขาต้องอดทน
เขาเคยผ่านความเจ็บปวดมากมายกว่านี้มาแล้ว เขาเพียงแต่กัดฟันอดทน
แล้วมันก็จะผ่านไป แช่กายในวัชระไขกระดูกวิญญาณสามารถขัดเกลา
ร่างกายได้ อย่างรวดเร็ว แต่กระบวนการนั้นเจ็บปวดเหลือแสน อย่างไร
แล้ว การฝึกฝนอย่างรวดเร็วย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นสิ่ง แลกเปลี่ยน ที่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ด คนผู้หนึ่งจําเป็นต้องหล่อเลี้ยง วัชระกระดูก
ให้มากขึ้น ถึงตอนนั้น วิถีกระดูกทองคําจึงค่อย แปรเปลี่ยนเป็นสภาพ
ของเหลว หรือที่เรียกกันว่า วัชระไข กระดูก สิ่งนี้โดยหลักแล้วใช้เพื่อบํารุง
วิญญาณยุทธ์ แปรเปลี่ยนให้เป็นวัชระวิญญาณยุทธ์! เมื่อวิญญาณยุทธ์
กลายเป็นวัชระวิญญาณยุทธ์ เมื่อนั้นคือ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด
มันจะทําให้วิญญาณยุทธ์ สามารถปลดปล่อยพลังภายในที่แข็งแกร่งขึ้น
ได้!
ฉินหยุนยังคงแช่กายในหม้อ แม้ร่างกายเจ็บปวด แต่เขา สามารถรู้สึกได้
ว่าวัชระกระดูกกําลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ออร่ากระดูกทองคําที่
ปลดปล่อยออกมายิ่งหนาแน่นมากขึ้น
“นี่เป็นเพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวันหรือ? ดังนั้นแล้วเราจึง ดูดกลืนฤทธิ์
โอสถจากวัชระไขกระดูกวิญญาณได้เพิ่มมากขึ้น?” ฉินหยุนลอบตื่นเต้น
หากเป็นกรณีดังกล่าว ความเร็วการ เพิ่มพูนพลังของเขาจะยิ่งเร็วมากขึ้น
ห้าวันหลังจากนั้น ของเหลวทองคําในหม้อจึงแปรเปลี่ยนเป็น นํ้าธรรมดา
หมายความถึงฤทธิ์ยาถูกดูดกลืนหมดสิ้นแล้ว ฉินหยุนออกจากหม้อและ
เริ่มเทนํ้าออก ก่อนจะเริ่มทําการ ควบแน่นวิญญาณเหลวอีกครั้งหนึ่ง เขา
เตรียมการสําหรับครั้ง ต่อไปโดยทันที
“วัชระไขกระดูกวิญญาณอีกหนึ่งขวด เราจะสามารถขัดเกลา วัชระกระดูก
ได้จนถึงจุดสูงสุด!” เขาไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะ ยอดเยี่ยมเพียงนี้
แน่นอนว่านี่อยู่ในความคาดหมาย หลังหล่อเลี้ยงด้วยวัชระไข กระดูก
วิญญาณอีกครั้งหนึ่ง เขาจะสามารถควบแน่นวัชระไข กระดูกสู่ภายใน
กระดูกได้ เป็นเพราะเขาฝึกฝนวิถีหัวใจเหลืองดํา วัชระกระดูกจึงมีพลัง
ภายในเหลืองดํา มันจะยิ่งทําให้แข็งแกร่งมากขึ้น
“เรามีสามวิญญาณยุทธ์ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแก่การฝึกฝน! อันดับ แรก เรา
ต้องแปรสภาพวิญญาณยุทธ์สั่นไหวสู่วัชระวิญญาณ ยุทธ์เสียก่อน” เพื่อ
ควบแน่นวัชระไขกระดูกโดยเร็ว ฉินหยุนจึง แช่กายในหม้ออีกครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เขายังเหลือวัชระไขกระดูกวิญญาณอีกสามขวดในมือ!
ตอนนี้ เขาใช้เวลาเพียงสามวันเพื่อดูดกลืนหนึ่งขวดเข้าไป “ถึงอาการตีบ
ตันแล้ว หลังวิญญาณยุทธ์ดูดกลืนวัชระไข กระดูกจํานวนมากเข้าไป มัน
จะเริ่มแปรสภาพ เราจะไม่ สามารถดูดกลืนต่อได้หากมันยังไม่วิวัฒนาการ
เป็นวัชระ วิญญาณยุทธ์” ฉินหยุนออกจากหม้อและพึมพํากับตนเอง
ตอนนี้ เขาทําได้แค่ขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬในตันเถียน และ
วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีภายในแขน ฉินหยุนใช้เวลาหลายวันกว่าจะ
ใช้วัชระไขกระดูกวิญญาณที่ เหลือสองขวดจนหมด วิญญาณยุทธ์ทั้งสาม
ในร่างของเขาตอนนี้ถึงอาการตีบตันแล้ว มันยังไม่อาจวิวัฒนาการเป็น
วัชระวิญญาณยุทธ์ เป็นเขาไม่ ทราบว่าปัญหาติดอยู่ที่ใดกันแน่ ( “อีกแค่
นิดเดียวเราก็จะถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด แล้ว!”
แม้ฉินหยุนยังไม่เลื่อนระดับโดยสําเร็จ แต่กระนั้นก็อด ไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ยินดี วิญญาณยุทธ์ของเขาทั้งหมดล้วนระดับสูง เมื่อแปรเปลี่ยนเป็น ร่าง
วัชระได้สําเร็จ ก็หมายความถึงพลังภายในวิญญาณยุทธ์ ของเขาจะ
แข็งแกร่งมากขึ้น มันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ
ที่แปดด้วยกันเองด้วยซ้ํา! ฉินหยุนออกจากการเก็บตัวฝึกฝนและไปพบ
ตู้ก๋วย
ตู้ก๋วยวันนี้สวมใส่ชุดเรียบง่ายยืนอยู่โคนต้นของต้นไม้สมบัติ ตะวันดารา
ดวงตานั้นหลับลง ไม่ทราบว่าเขากําลังทําอะไรอยู่ แต่เมื่อสัมผัสถึงฉิน
หยุนที่ออกจากถํ้าต้นไม้ เขาจึงลืมตาขึ้น
“อาจารย์ ข้าถึงอาการตีบตันแล้วขอรับ วิญญาณยุทธ์ของข้า ไม่อาจ
ดูดกลืนวัชระไขกระดูกได้อีก และมันก็ยังไม่มีวี่แววจะ วิวัฒนาการเป็น
วัชระวิญญาณยุทธ์” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม
เมื่อพบตู้ก๋วย ตู้ก่วยทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนไม่มีปัญหา พลังจิต
แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงสัมผัสถึงความผันแปรในวิญญาณยุทธ์ ของฉินหยุน
แต่ก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดแปลก “เป็นเจ้าเข้าถึงช่วงสําคัญ เจ้าจําเป็นต้องทํา
ความรู้และเข้าใจ แก่นของวิญญาณยุทธ์ ผสานวิญญาณของเจ้าและแก่น
ของ วิญญาณยุทธ์เข้าด้วยกัน เช่นนั้นจึงค่อยสําเร็จ มีเพียง วิญญาณยุทธ์
รู้จักเจ้าดีพอ เมื่อนั้นวิญญาณยุทธ์ของเจ้าจะ วิวัฒนาการเป็นวัชระ
วิญญาณยุทธ์”
“เมื่อวิญญาณยุทธ์วิวัฒนาการ หมายความถึงมันสามารถออก จากร่าง
และจะถูกเปิดเผยได้ มันยังหมายความถึงความเสี่ยง ครั้งใหญ่ วิญญาณ
ยุทธ์มีสติปัญญาเป็นของตนเอง ดังนั้นเจ้า ต้องชี้นําวิญญาณยุทธ์ให้
ตัดสินใจ” หลังจากได้รับคําแนะนําจากผู้ก่วย ฉินหยุนจึงจมดิ่งในความคิด
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายดังเขาคิดถึงการก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ ที่แปด แต่
เขาก็ยังมีแนวทางให้ก้าวเดินต่อ
“อย่าได้เร่งรีบ! เจ้าเพิ่งเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดไม่ นาน และ
ตอนนี้ เจ้าถึงขีดสุดของระดับเจ็ดแล้ว เป็นเจ้าเลื่อน ระดับรวดเร็วเกินไป
อายุเจ้าก็เพียงแค่สิบหกด้วย” ตู้ก๋วยยิ้มให้
“ทางที่ดี ควรเป็นการเลื่อนระดับอย่างปลอดภัย” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
ตู้ก่วยกล่าว
“นี่อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนใจสําหรับเจ้า แต่ข้าก็ยังคิด บอกต่อ! พวกเรา
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม จะร่วมมือ กับตําหนักดวงดาววิญญาณสี
ครามจัดตั้งสถาบันเทียนเจียวขึ้น โดยหลักแล้วก็เพื่อหล่อเลี้ยงศิษย์ที่มี
พรสวรรค์”
“ข้าย่อมต้องสนใจ ข้าสามารถเข้าร่วมได้หรือไม่ขอรับ?” ฉิน หยุนเผย
ประกายในดวงตาเร่งรีบเอ่ยถาม ตู้ก๋วยไม่คิด ว่าฉินหยุนจะให้ความสนใจ
“สถาบันเทียนเจียว อาจารย์จะถูกส่งไปจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้ง
สามและ ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม อาจารย์เหล่านี้ล้วนอยู่ ขอบ
เขตวรยุทธ์เต๋า! ในบรรดาเหล่านั้น สถาบันยุทธ์เทียน เสวียน หลิงเสวียน
และตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทั้งหมดล้วนมีข้อพิพาทกับเจ้า”
“แน่นอนว่า เพราะสภาพแวดล้อมของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ของเราดียิ่ง
สถาบันเทียนเจียวจึงตั้งอยู่ที่นี่ พวกเราได้ ตระเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว ศิษย์ของ
สถาบันยุทธ์อื่นและตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามก็น่าจะใกล้มาถึงกัน
แล้ว” ฉินหยุนยิ่งเกิดความสนใจขณะยิ้มกล่าว
“มีการประลองยุทธ์ หรืออะไรทํานองนั้นหรือไม่ขอรับ? ข้าคิดอยากทดลอง
พอดีว่า ตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใดแล้ว”
ตู้ก่วยส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบแน่ชัดว่าสถาบันเทียนเจียวจะ ดําเนินการ
อย่างไร หากสถานการณ์ผิดท่า เจ้าสามารถจากไป ข้าได้ยินว่าหากทํา
ผลงานได้ดีในสถาบันเทียนเจียว ก็จะได้ รางวัลเป็นแต้มเสวียน เช่นกัน
เจ้าสามารถออกไปภายนอก พร้อมอาจารย์เพื่อสังหารสัตว์อสูร แต่เรื่องนี้
ก็อันตรายอยู่บ้าง”
ฉินหยุนตัดสินใจแล้ว หลังสอบถามถึงที่ตั้งสถาบันเทียนเจียว เขาจึง
กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว และมุ่งหน้าไปยังบริเวณทิศ ตะวันตกของ
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน บริเวณนั้นเดิมเป็นพื้นที่รก ร้าง ที่ดินกว้างอยู่อีกฝั่ง
ของแม่นํ้า มองผ่านสะพานไปสามารถพบ เห็น
ที่กว้างแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี แต่หลังจากได้รับการ จัดสร้าง
ตกแต่งขึ้นใหม่ มันจึงเสมือนของใหม่หมดจด ที่ ทางเข้า มีป้ายประกาศ
เขียนเอาไว้ว่า “สถาบันเทียนเจียว”
เพื่อเข้าไปในสถาบันเทียนเจียว คนผู้หนึ่งจําเป็นต้องมี คุณสมบัติครบถ้วน
อย่างแรก ต้องอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด และต้องอายุน้อยกว่า
ยี่สิบห้าปี ฉินหยุนเข้าเงื่อนไข ทั้งสองข้อ สถาบันเทียนเจียวค่อนข้างใหญ่
มีศาลาหลายแห่งถูกสร้างขึ้น ทั้งยังมีลานฝึกซ้อมกว้างหลายร้อยเมตรตรง
กลาง ด้านในพื้นที่ มีกลุ่มศิษย์จํานวนมากกําลังสนทนากันเสียงดังอื้ออึง
เมื่อฉินหยุนเข้าไป
เขาจึงได้เห็นเชี่ยวหยางหลงสวมใส่ชุดเกราะ สีนํ้าเงินเป็นประกาย! เชี่ยวห
ยางหลงคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทั้งยังเป็นหัวหน้าศิษย์ ของตําหนัก
ตะวันตก และเชี่ยวหยางหลงก็เห็นฉินหยุนตั้งแต่ ก่อนเข้ามา!
“น้องหยุน ในที่สุดเจ้าก็มา” ฮั่วจงวิ่งมาพลางหัวเราะ เขา ตอนนี้สวมใส่ชุด
เกราะสีดําเต็มตัว ดูทรงพลังและภูมิฐานยิ่ง มู่หรงต้าเหรินสวมใส่ชุดสีนํ้า
เงินหรูหราของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม ด้วยพัดในมือโบกไปมา
เขาก้าวเดินมาหาฉัน หยุนทั้งรอยยิ้ม
ฉินหยุนมาถึง ศิษย์ผู้อื่นและศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณ สีคราม
พลันเงียบ พวกเขาหลายคนไม่เคยพบฉินหยุน แต่เคย ได้ยินนามนี้ผ่านหู
มาบ้างไม่มากก็น้อย
“พี่สามฮัว พี่รองมู่หรง พวกท่านก็มาหรือนี่! แล้วพี่ใหญ่เซีย ละ? เขาไม่มา
หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามขณะยิ้มไปด้วย ทั้งสอง คนตอนนี้ก้าวสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฮั่วจงยิ้ม “พี่ใหญ่แข็งแกร่งมาก ตอนนี้เขาอยู่ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ แล้ว ดังนั้น
จึงออกไปล่าสัตว์อสูรระดับวิญญาณ”
“น้องหยุน เซี่ยวหยางหลงเองก็อยู่ที่นี่ ทั้งยังมีอีกหลายคนจาก สถาบัน
ยุทธ์หลิงเสวียนมองเจ้าเป็นศัตรู!” ฉินหยุนสังหารองค์ชายรัชทายาท
จักรวรรดิเทียนหลิง ด้วยปู่ ขององค์รัชทายาทเป็นรองอธิการบดีของ
สถาบันยุทธ์หลิง เสวียน เขาจึงมีสถานะสูงส่งในสถาบัน ดังนั้นแล้ว จึง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนจะเกลียดชังเขา
เซี่ยวหยางหลงที่พบเห็นฉินหยุน สีหน้านี้เย็นเยือก เจตนาฆ่า ฟันฉายชัด
ผ่านดวงตาโดยไม่กล่าวคําใด ที่นี่ บุคคลซึ่งเกลียด ชังฉินหยุนที่สุดย่อม
ต้องเป็นเขาแล้ว สองวันให้หลัง ฉินหยุนอยู่ร่วมกับฮั่วจงและมู่หรงต้าเหริน
พวก เขากําลังรอคอยให้สถาบันเทียนเจียวเปิดอย่างเป็นทางการ ยิ่งมา
ศิษย์ยิ่งเพิ่มขึ้น รวมแล้ว กว่าสองร้อยคนที่นี้ ล้วนอยู่ ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด และกว่าสิบคนที่อยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด
ทว่า อาจารย์ผู้สอนมีเพียงห้าสิบท่าน พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋า ตัดสินจากเรื่องนี้ ก็ทราบได้ว่าอาจารย์ เหล่านี้ให้ค่าสถาบันแห่งนี้
เอาไว้สูงยิ่ง! ที่แปลกใจที่สุดต่อฉินหยุนก็คือ บุคคลซึ่งเยาว์วัยที่สุดในกลุ่ม
ผู้ ฝึกสอนวิชายุทธ์ไม่ใช่เชี่ยวหยางหลง แต่เป็นหลันเฟิ งจินที่เพิ่ง มาถึง
ตอนที่ 221 อาจารย์จารึกหญิง
ด้วยจํานวนศิษย์ร่วมสองร้อยคน อาจารย์แต่ละท่านจะต้องรับ ศิษย์สี่คน
อาจารย์ผู้ฝึกสอนจะคอยชี้แนะศิษย์ทั้งสี่คน กระทั่ง นําออกไปล่าสัตว์อสูร
เรื่องนี้ทําให้ศิษย์หลายคนที่นี้ต่างแอบ ตื่นเต้นอยู่ภายใน ต้องทราบว่า
ศิษย์หลายคนของสถาบันยุทธ์นั้น อาจารย์ผู้หนึ่ง รับผิดชอบศิษย์หนึ่งร้อย
ถึงสองร้อยคน อย่างน้อยก็จํานวน หลายสิบ
นอกจากนี้ ตัวอาจารย์หลายท่านก็จําเป็นต้องเก็บตัว ฝึกฝน เพราะฉะนั้น
แล้วในเวลาส่วนใหญ่ ศิษย์พวกนั้นจึงไม่ ค่อยได้รับการชี้แนะจากอาจารย์
เท่าใดนัก สําหรับฉินหยุน สถานการณ์ระหว่างศิษย์และอาจารย์เช่นที่เขา
ได้ประสบพบเจอ ถือว่าหาได้ยากยิ่ง
“ข้าคืออธิการบดีของสถาบันเทียนเจียว!” คนผู้หนึ่งซึ่งกล่าว ขึ้น คือ
ผู้อํานวยการไป่ของสถาบันซานเสวียน เขายืนอยู่ตรง กลางลานฝึกฝน
พร้อมตะโกนกล่าวคํา
“อันดับแรก ขอพูดถึง กฎเกณฑ์ของสถาบันเทียนเจียว รวมถึงสาเหตุที่
พวกเราจัดตั้ง ที่นี่ขึ้น” ผู้อํานวยการไป่ อธิบายสรุปย่อต่อศิษย์และอาจารย์
ถึงกฎเกณฑ์ การเข้าร่วมสถาบันเทียนเจียว โดยหลักแล้ว สถาบันเทียน
เจียว แน่นอนว่าก็เพื่อบํารุงหล่อ เลี้ยงบรรดาศิษย์ที่เหนือลํ้า นอกจากนี้
พวกเขายังจะแบ่งเคล็ดการฝึกฝนระหว่างสถาบันยุทธ์ทั้งสามและตําหนัก
ดวงดาว
นอกจากนี้ ศิษย์ของสถาบันเทียนเจียวยังสามารถใช้บัตรผลึก ของตนเอง
เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยาหรือทรัพยากรอื่น ของ สถาบันยุทธ์แห่งอื่นและ
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้ ยกตัวอย่าง ศิษย์ของสถาบันยุทธ์แห่ง
อื่นสามารถแลกเปลี่ยน วัชระไขกระดูกวิญญาณของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ที่ร้านค้า แต้มเสวียนได้
เรื่องนี้ไม่ถือว่าแย่ เพราะสถาบันยุทธ์แห่งอื่นและตําหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีคราม ต่างก็มียาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ด้วยวิธีนี้ พวกเขา
จะสามารถแลกเปลี่ยนกับสถาบันยุทธ์แห่ง อื่นเป็นยาหายากและสิ่งอื่นได้
ที่ชวนตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือ ศิษย์ของสถาบันมีโอกาสได้รับวิชา ยุทธ์ระดับ
โลกา
“เอาละ พวกเจ้าให้ตั้งแถวเรียงหนึ่งขึ้นมาที่ลานฝึกตรงกลาง แห่งนี้ เพื่อ
แสดงความสามารถ หากอาจารย์ต้องตาศิษย์คนใด พวกเขาสามารถเลือก
ศิษย์ที่ต้องการได้ และตัวศิษย์เองก็มีสิทธิ์ ในการเลือกอาจารย์ผู้สอน
เช่นเดียวกัน หากศิษย์ที่เหนือลํ้า สามารถได้รับผลการทดสอบที่ดีใน
อนาคต อาจารย์ผู้สอนก็จะ ได้รับรางวัลที่ดีตามไปด้วย” ผู้อํานวยการไป่
กล่าวเสียงดัง
“อาจารย์ผู้สอน โปรดเลือกศิษย์ ของตนเอง และบํารุงหล่อเลี้ยงพวกเขาให้
เติบโตด้วย”
ผู้อํานวยการไป่ ไม่ได้กล่าวว่ารางวัลคืออะไร แต่อาจารย์ เหล่านั้นดวงตา
ลุกวาว ราวกับทราบว่าพวกเขาจะได้รับอะไร ในภายหน้า เรื่องหนึ่งที่ชวน
ให้คิดคือ มันเป็นสิ่งที่กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตวร ยุทธ์เต๋ายังต้องมองเป็นสิ่ง
ลํ้าค่าอย่างยิ่ง บุคคลแรกที่ขึ้นไปคือชายอายุยี่สิบสองปีคนหนึ่ง นามคือโม่
หยง
เป็นผู้มาจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ครอบครองสี่ชีพจร วิญญาณ อยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มีความสามารถ ต่อสู้ในนํ้าได้ดี และยังใช้
พลังธาตุนํ้าได้อีกด้วย เคล็ดวิชาการ ฝึกฝนของเขาทําให้สามารถต่อสู้กับ
จระเข้เกราะเหล็กกล้าที่มี พลังป้องกันแข็งแกร่งด้วยตัวเองได้ พรสวรรค์
เช่นนี้นับว่าไม่เลว
“โม่หยง ข้าเองก็มีวิญญาณยุทธ์สัตว์ และยังเชี่ยวชาญการ ฝึกฝนธาตุนํ้า
สนใจเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?” ชายชราคนหนึ่ง กล่าวคํา เขาคือผู้มาจาก
สถาบันยุทธ์เทียนเสวียน
ชายวัยกลางคนในชุดสีนํ้าเงินยิ้มกล่าว “น้องโม่หยง แม้ข้าไม่มี วิญญาณ
ยุทธ์สัตว์ แต่ข้ามีวิญญาณยุทธ์นํ้าระดับแพลทินัมและ ครอบครองห้าชีพ
จรวิญญาณ ทั้งยังรู้จักอาจารย์จารึกที่ สามารถช่วยปรับแต่งอุปกรณ์
วิญญาณที่เหมาะสมแก่เจ้าได้”
พิจารณาจากชุดสีนํ้าเงิน เขาสมควรมาจากตําหนักดวงดาว วิญญาณสี
คราม โดยทันที โม่หยงตัดสินใจเดินเข้าหาชายวัยกลางคนในชุดสีนํ้า เงิน
เรื่องนี้ทําเอาผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนกระดากใจ
เมื่อถึงคราวศิษย์คนถัดไป การต่อสู้อีกครั้งจึงเริ่มขึ้น ท้ายที่สุดจึงเป็นศิษย์
ของอาจารย์จากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน ศิษย์ที่เหลืออีกว่าสามสิบคน ต่าง
ก็ต้องผ่านการแย่งชิงของ บรรดาอาจารย์หลายท่าน พวกเขาล้วนได้รับผู้
ชี้แนะที่ดีกัน ทั้งสิ้น อีกหนึ่งคนก้าวออกไป ใบหน้าของเขาเหลี่ยมคล้าย
ก้อนหยก คิ้วค่อนข้างหนาและเปี่ยมด้วยความอหังการ ขณะเชิดหน้าขึ้น
เขาอกผายไหล่ฝั่งกล่าวคําเสียงดังหยาบกร้าน “ข้านามซุนจิน เฮ่า อายุ
ยี่สิบปี” ลานฝึกพลันเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกผู้คนล้วนตระหนักได้ว่าบุคคลนี้
คือผู้มีพรสวรรค์ ไม่ช้า อาจารย์ผู้อื่นเริ่มต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือด
“ซุนจินเฮ่า ข้าให้หนึ่งล้านเหรียญผลึก!”
“ข้าให้หนึ่งล้านสองแสน!”
“ข้าให้สองล้าน!” ราคาจากปากของอาจารย์ผู้สอนเริ่มเพิ่มขึ้น
“ข้าให้สิบล้านเหรียญผลึก!” เชี่ยวหยางหลงพลันตะโกนขึ้น เสียงดังแทบ
สะเทือนพื้นดิน เป็นผลให้อาจารย์ผู้อื่นสงบลง
อาจารย์เหล่านี้ล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาส่วนใหญ่ เป็นชายวัย
กลางคน เชี่ยวหยางหลงถือกําเนิดขึ้นพร้อมพลัง อํานาจและความ
อหังการ เรื่องนี้เป็นผลให้พวกเขาไม่สะดวก ใจแต่ก็ไม่กล้ากล่าวอื่นใดอีก
เชี่ยวหยางหลงคือผู้สามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ที่อายุสามสิบ
“ขอรับ นับแต่นี้ท่านคืออาจารย์ชี้แนะแก่ข้า”
ซุนจินเฮ่ายิ้ม ออกขณะเดินเข้าหาเชี่ยวหยางหลง เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ
เขานําเอาบัตรเหรียญผลึกสิบล้าน เหรียญออกมาและส่งมอบให้กับซุนจิน
เฮ่า
หากศิษย์ทั้งหมดของเขาเหนือลํ้า พวกเขาย่อมต้องนําพามาซึ่ง ผลลัพธ์ที่ดี
ในภายหน้า จากนั้น รางวัลชิ้นงามจะตกแก่อาจารย์ ผู้สอนของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ เหรียญผลึกที่มอบให้นี้ก็เพื่อ กําไรในภายหน้า ถัดจากนั้น ศิษย์
ศักยภาพสูงคนแล้วคนเล่าจึงก้าวเดินออกไป ตอนนี้อาจารย์หลายท่าน
เลือกมอบเหรียญผลึกเพื่อซื้อตัวกัน แล้ว ศิษย์หลายคนก็หิวกระหาย ใคร
ให้มากกว่าก็เลือกคนนั้น ศิษย์ระดับที่แปดส่วนใหญ่ถูกฉกชิงกันจนสิ้น
จากหญิงสาว ทั้งหมดสองคน ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่ง
ที่ตรงกลางลานกว้าง หญิงสาวสวมใส่ชุดสีม่วง ผมสั้นประบ่า ดวงตา
ประดับด้วยสีม่วงลึกลํ้า นับเป็นสีตาที่หาได้ยากพบเห็น นางยังค่อนข้าง
งดงาม ใบหน้ารูปไข่เย้ายวน ทว่าก็เผยร่องรอย ของความอหังการออกมา
ชัดเจนว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ข้านามเสวี่ยซือเยี่ย อายุสิบแปด อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปด เส้น
วิญญาณและวิญญาณยุทธ์ไม่ขอพูดถึง!” นาง งดงาม ด้วยความสูงเพียง
หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร พร้อม นํ้าเสียงกระจ่างใสนั้น มันเสนาะหูชวน
ฟังเป็นอย่างยิ่ง แม้อาจารย์หลายท่านไม่ทราบวิญญาณยุทธ์และเส้น
วิญญาณ ของเสวี่ยซือเยี่ย แต่ด้วยอายุสิบแปดปีที่ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่แปด คว้าไว้ก่อนได้เป็นดี
อาจารย์หลายท่านเริ่มเสนอราคาแก่นาง เชี่ยวหยางหลงเองก็ เข้าร่วม
กระทั่งเสนอราคาสูงลํ้าถึงสิบห้าล้านเหรียญผลึก หลันเพิ่งจีนเผยนํ้าเสียง
เกียจคร้านดังจากอีกด้านหนึ่ง นางกล่าว “เสวี่ยซือเยี่ย ติดตามข้า ข้าก้าว
ถึงขอบเขตวรยุทธ์ เต๋าตั้งแต่อายุยี่สิบ เหรียญผลึกล้วนเป็นสิ่งลวง ดังนั้น
ข้าจึงไม่คิดใช้เหรียญผลึกหลอกลวงต่อเจ้า โอ้ใช่ ข้าเองก็เป็นอาจารย์
จารึกระดับสูงด้วยนะ”
“อาจารย์ โปรดชี้แนะแก่ข้า” เสวี่ยซือเยี่ยเผยดวงตาสีม่วงเป็น ประกาย
ขณะเร่งร้อนเอ่ยคํา จากนั้น นางจึงเดินไปอยู่ข้างกายห ฉันเพิ่งจิน ฝูงชน
มึนงง ไม่ใช่เพราะการเลือกของเสวี่ยซือเยี่ย แต่เป็น เพราะหลันเฟิ งจิน
หญิงสาวขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอายุยี่สิบกว่าปี ทั้งยังเป็นอาจารย์ จารึก
ระดับสูง!
เรื่องนี้เป็นพรสวรรค์ระดับท้าทายสวรรค์เพียงใด เป็นผลให้ ศิษย์หลายคน
จับตามอง พวกเขาแทบลืมเลือนเหรียญผลึก กระทั่งแทบเสนอเหรียญ
ผลึกหลายล้านแก่นาง พวกเขาก็คิด อยากนับถือนางเป็นอาจารย์ ก่อน
หน้านี้ นางไม่กล่าวคําใดในการฉกชิงศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้น นางมาจาก
ตําหนักศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนของนางลึกลับ ตอนนี้นางกลับออกปากคัดเลือก
ศิษย์ เป็นผลให้ผู้คนตระหนักได้ถึง ความสามารถของนาง!
ฉินหยุนพอทราบเรื่องหลันเฟิ งจินมาบ้าง แต่เขาไม่ทราบว่า นางเป็น
อาจารย์จารึกระดับสูง เขาลอบสบถในใจ หลันเฟิ งจินก่อนหน้านี้เก็บเป็น
ความลับแก่เขา แต่ตอนนี้นางกลับพูดมัน ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ถัดจากนั้น
จึงเป็นคราวของฮั่วจง ได้เห็นร่างกายกํายําสูงใหญ่ อาจารย์หลายท่าน
ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก นี่เป็นเพราะมี ศิษย์อีกหลายร้อยคนรออยู่ ไม่
ว่าจะมองอย่างไร พวกเขา เหล่านั้นน่าจะดีกว่าฮั่วจงกันทั้งสิ้น ทว่า ก็ยังมี
ผู้อาวุโสหลายท่านสนใจในตัวเขา แต่ขณะที่ฮั่วจง กําลังจะตัดสินใจนั้นอง
หลันเฟิ งจินพลันตะโกนขึ้น “ฮั่วจง มาทางนี้!” แม้ฮั่วจงดูมึนงงไปบ้าง แต่
เขาไม่ได้โง่ แม้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุ ใดหลันเฟิ งจนเลือกตนเอง แต่ก็ยัง
รีบเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังถูไถศีรษะล้านเลี่ยนตนเองยิ้ม
ขอบคุณแก่หลันเฟิ งจิน ศิษย์ผู้อื่นมีนงง พวกเขาไม่ทราบว่าเหตุใดหลันเฟิ ง
จินจึงเลือก ก่อนหน้านี้ ตอนนางเห็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับแปดทั้งหมด
นางไม่กล่าวคําใดด้วยซํ้า ตอนนี้นางกลับเลือกฮั่วจงที่ดูไม่มี อะไร เป็น
เพียงชายร่างใหญ่สัตย์ซื่อที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ เจ็ด
ไม่ช้าก็ถึงคราวมู่หรงต้าเหริน ทันทีเมื่อก้าวออกไป หลายผู้คน เริ่มพูดคุย
พวกเขากระทั่งพูดว่านี่เป็นผู้ใช้ปากมากกว่ามือ “ข้ามู่หรงต้าเหริน
วิญญาณยุทธ์เป็นความลับ อายุเป็น ความลับ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เจ็ด เป็นศิษย์ตําหนัก ศักดิ์สิทธิ์สังกัดย่อยตําหนักสัตว์ยุทธ์” ได้เห็นเขา
สวมใส่ชุดสีนํ้าเงินประดับด้วยผังจารึกสัตว์ร้าย ผู้คน ล้วนทราบว่าเขา
กล่าวความจริง กระทั่งชายชราจากตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามยัง
ต้องให้ความสนใจ
“มู่หรงต้าเหริน เจ้าและฮั่วจงเป็นสหายที่ดีต่อกัน มาเข้า ร่วมกับข้า
หรือไม่?” หลันเฟิ งจินตะโกนขึ้น “ขอรับอาจารย์ ท่านช่างเป็นบุคคล
สายตากว้างไกล! กล่าว ตามตรง ฮั่วจงเองก็มาจากตําหนักสัตว์ยุทธ์ หาก
คิดอยากใช้ เหรียญผลึกซื้อตัวพวกเรา อย่างน้อยก็ต้องสิบหรือยี่สิบล้าน
เหรียญผลึกกระมัง?”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวคําขณะวิ่งไป ผู้คนจึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดหลันเฟิ งจิ
นจึงเลือกฮั่วจงและมู่ หรงต้าเหริน พวกเขาล้วนเป็นศิษย์ตําหนักสัตว์ยุทธ์
ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงต้องมีความพิเศษจึงสามารถเข้าร่วม ฉินหยุนยืนอยู
ด้านหลังมู่หรงต้าเหริน เมื่อเขาก้าวเดินออกไป อาจารย์หลายท่านมอง
อย่างเดียดฉันท์ นี่เป็นเพราะพวกเขา ทราบเกี่ยวกับเขาเป็นอย่างดี แม้เขา
มีกําลัง แต่ปัญหาใหญ่คือ แขนราชสีห์สวรรค์ ตามที่ผู้อาวุโสตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามซึ่งรู้เรื่องโทเท มกล่าวไว้ ฉินหยุนจะตกอยู่ใน
อาการบ้าคลั่งสักวันเพราะแขน ราชสีห์สวรรค์ กระทั่งอาจถึงขั้นออก
อาละวาดสังหารผู้อื่น
“ข้านามฉินหยุน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด มีเส้น วิญญาณเพียง
หนึ่ง วิญญาณยุทธ์ของข้า... เกิดความผิดปกติ ขึ้นจึงไม่สามารถใช้งานได้
ชั่วคราว แต่ข้าแข็งแกร่งยิ่ง สามารถ โค่นล้มฉินเจิ้งเฟิงและชื่อ ที่อยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ได้” ฉินหยุนกล่าว เชี่ยวหยางหลงเย้ย
หยัน
“ฉินหยุน เจ้าเพียงจัดการพวกเขาได้ เพราะเล่ห์กล เจ้าคิดจริงหรือว่าด้วย
กําลังระดับเจ้าสามารถ จัดการขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดได้? ไม่ใช่
เพราะเจ้า เสี่ยงหยิบยืมพลังของแขนราชสีห์สวรรค์หรอกหรือ?” อาจารย์
ผู้อื่นเริ่มหารือกันและเห็นด้วยกับคํากล่าวของเชี่ยวหยางหลง
“ผู้อํานวยการไป่ หากไม่มีผู้ใดยอมรับฉินหยุน เช่นนั้นจะเป็น อย่างไร” ซุน
จินเฮ่าเอ่ยถามขึ้น ผู้อํานวยการไป่ คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยตอบ “หากไม่มี
ผู้ใด ต้องการตัวเขา เช่นนั้นเขาสามารถไปจากสถาบันเทียนเจียว”
อาจารย์หลายท่านต่างมองหน้ากัน จากท่าทาง พวกเขาไม่ คล้ายต้องการ
ฉินหยุน ฉินหยุนลอบสบถต่อนางปีศาจหลันเฟิ งจินในใจ เหตุใดนางไม่
ออกหน้ารับเขา? ชัดเจนว่านางตั้งใจถ่วงเวลาเพื่อสร้างความ ลําบากแก่
เขา “ฉินหยุน เจ้าตอนนี้สามารถหลอมอุปกรณ์ได้หรือไม่?” หลันเฟิ งจิน
เอ่ยถามขึ้น
“ตอนนี้ เพราะวิญญาณยุทธ์ของข้าเกิดความผิดปกติ คําถาม นี้จึงไม่อาจ
ตอบได้เป็นการชั่วคราว” ฉินหยุนกล่าว หลันเฟิ งจินรู้ดียิ่งกว่าผู้ใด ว่าฉิน
หยุนหลอมอุปกรณ์ได้หรือไม่ นางเป็นประจักษ์พยานด้วยซํ้าว่าฉินหยุน
สามารถขัดเกลายันต์ กระดูกจํานวนมากที่เป็นถึงยันต์ระดับสูงได้ด้วยซํ้า
“ตอนข้าอยู่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ข้าได้เห็นว่าเจ้า มอบสร้อย
ข้อมือมิติเก็บของแก่เซียวเย่ว์หลาน มันงดงามไม่ใช่ น้อย! เจ้ามีมันเหลือ
ติดตัวบ้างหรือไม่?” หลันเฟิ งจินเผยใบหน้า เปี่ยมด้วยรอยยิ้มซุกซนขณะ
เอ่ยถามต่อฉินหยุน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น