วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

1001-1100

เมตร ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสรุปว่านี่คืออสูรหมาป่าระดับที่เก้า ขณะลังเล เขา
พลันเห็นร่องรอยจํานวนมากบนร่างกายของ อสูรหมาป่ า นี่สมควรเกิด
จากการต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวอื่นจนมัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ดีละ ลงมือเลยแล้วกัน!” ฉินหยุนตัดสินใจใช้เคล็ดวิชารวมจิต วิญญาณ
สังหาร รวบรวมพลังจิตทรงพลัง และลั่นเข้าใส่หัว ของอสูรหมาป่ าจาก
ระยะไกล ร่างอสูรหมาป่ าสั่นไหว มันรู้ว่าโดนโจมตี แต่สมองได้รับความ
เสียหายรุนแรง เป็นผลให้ตกอยู่ในสภาวะไม่อาจขยับตัว

เมื่อไม่ อาจควบคุมร่างกายจึงไม่อาจส่งเสียง เมื่อพี่ใหญ่หลี่ได้เห็นฉินหยุน
ลงมือสําเร็จ เขาจึงเร่งรีบบุกลงไป พร้อมใช้ผงโปร่งแสงที่ซื้อมาจากร้าน
หว่านโปรย จากนั้นจึงนํา มีดออกสับฟันเข้าใส่หัวของหมาป่ าตรงหน้า
รุนแรง ผงโปร่งแสงเหล่านี้ที่หว่านโปรยออกสามารถกลบกลิ่นเลือด
ขณะเดียวกันก็สามารถปล่อยกลิ่นอายชีวิตได้ ไม่เช่นนั้นหาก อสูรหมาป่ า
ตัวนี้ตายไป อสูรหมาป่ าใกล้เคียงจะต้องรับรู้ถึงชีวิต ที่หายไปอย่าง
แน่นอน พ่ีใหญ่หล่น
เอาแก่นอสรูท่ี

บรสิทุ ธิ์โปรง่ แสงออก เขาลอบอง

เพราะแก่นอสูรนี้หนักกว่าที่ได้รับจากสัตว์อสูรระดับแปดไม่ใช่ น้อย

ฉินหยุนไม่ได้เก็บร่างของสัตว์อสูรกลับไป เพื่อทําให้ออร่าชีวิต คงอยู่ เขา
จึงปล่อยมันไว้ที่นี่เพื่อให้หมาป่ าตัวอื่นไม่อาจรู้เห็น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะ
สามารถสังหารอสูรหมาป่ าตัวอื่นได้ ฉินหยุนพักไปครู่หนึ่งก่อนจะตามติด
พี่ใหญ่หลี่ออกไป เขาต้อง รักษาสภาพพลังจิตให้พร้อมเสมอเพื่อให้มีแผน
สํารองไว้ใช้งาน

แผนการแรกสําเร็จอย่างงดงาม หลังจากนี้พวกเขาจะสามารถ ได้รับแก่น
อสูรระดับแปดได้อีกจํานวนไม่น้อย! ผงที่พี่ใหญ่หลี่หว่านโปรยมีประโยชน์
อย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่กลบ กลิ่นเลือด ยังสามารถทําให้ร่างของสัตว์อสูร
เสมือนยังมีชีวิตอยู่ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ด้วยความเชี่ยวชาญการใช้งาน
ชัดเจนว่า เขาใช้มันเพื่อสังหารสัตว์ปีศาจอยู่บ่อยครั้ง

หากไม่มีผงดังกล่าว พวกเขาฆ่าอสูรหมาป่ าเพียงตัวเดียวก็โดน พบเข้า
แล้ว อสูรหมาป่ าเหล่านี้ไวต่อกลิ่นเลือดมาก ตราบเท่าที่ ปรากฏเลือดสัก
หยด พวกมันจะรู้ตัวโดยทันที ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง พวกเขาจึงสังหาร
อสูรหมาป่ าระดับที่ แปดไปสิบตัว และระดับที่เก้าไปสองตัว ในช่วง

ระยะเวลาอันสั้นนั้นได้ผลลัพธ์การเก็บเกี่ยวเพียงนี้ กล่าวได้ว่าโชคพวกเขา
ดียิ่ง แล้ว หากพวกเขาไม่ได้พบเจอกลุ่มอสูรหมาป่ าที่พ่ายแพ้ออกมา
เหล่านี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้รับมากมายขนาดนี้เช่นกัน

ที่ชวนพวกเขาตกตะลึงคือ อสูรหมาป่ าซึ่งพวกเขาสังหารไป ทั้งหมดล้วนมี
รอยขีดข่วนบนร่างกายชวนสะพรึง ชัดเจนว่า หมาป่ ากลุ่มนี้หลบหนีจาก
การเผชิญหน้าสัตว์อสูรฝูงใหญ่ที่ทรง พลังกว่าพวกมันยิ่ง พวกเขาอยู่ใน
อาณาเขตของอสูรหมาป่ ากว่าสี่ชั่วโมง จัดการ ระดับที่เก้าไปได้ทั้งสิ้นสี่ตัว
และระดับที่แปดอีกยี่สิบตัว ที่ทําฉินหยุนและคณะเสียดายคือพวกเขาใช้
ผงที่มีจนหมดสิ้น ไม่เช่นนั้นคงลงมือสังหารได้ต่อเนื่องกว่านี้ ฉินหยุนและ
พี่ใหญ่หลี่กลับขึ้นหลังคา

ขณะคิดจากไป พวกเขา พลันรู้สึกได้ถึงคลื่นอากาศวูบผ่าน เป็นบุคคลที่
บินบนฟ้าได้ พื้นที่แถบนี้มีเพียงเมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ และพวกเขาทั้ง
สองไม่ได้มาที่นี่!

ฉินหยุนและคณะสวมใส่ชุดสีดําและปกปิดออร่าตนเอง โลก ตอนนี้ดํามืด
เพราะราตรีกาล ดังนั้นกลุ่มคนที่บินผ่านไปจึงไม่ ทันสังเกตพบพวกเขา พี่
ใหญ่หลี่ดึงฉินหยุนพากลับไปยังสถานที่ซ่อนตัว เพราะแขก ไม่ได้รับเชิญ
กําลังทะยานผ่านอากาศมาคนแล้วคนเล่า

“คงเป็นพวกหยินเชิ่งและคณะ พวกมันเองก็วางแผนจัดการ กลุ่มอสูรหมา
ป่ าเช่นกัน” หลังจากนั้น เขานําเอาตราสัญลักษณ์ อสนีบาตออกจากมิติ
เก็บของและแปะมันเอาไว้กับผนัง พร้อม กันนี้เขาได้ใส่พลังจิตผสานเอาไว้
ด้วย เป็นผลให้เขาสามารถ เรียกใช้ตราสัญลักษณ์อสนีบาตจากระยะไกล
ได้

“ไปกัน!” พี่ใหญ่หลี่ทราบว่าฉินหยุนคิดอยากทําลายล้างกลุ่ม ของหยินเชิ่ง
เฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่ระแวดระวังขณะเดินทางบนหลังคายาม คํ่าคืน ไม่
ช้าจึงกลับมาถึงสถานที่ซึ่งเมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ รออยู่

ทั้งสองจับตามองอยู่ที่ชั้นบนของอาคารโดยตลอด หากมีการ เคลื่อนไหว
จากฉินหยุนหรือพี่ใหญ่หลี่ พวกเขาจะสามารถลง มือได้ทันท่วงที เมิ่งเฟ
ยหลงกล่าวเสียงเบา

“พวกเราเห็นกลุ่มคนเข้าไปด้านใน หนึ่งในนั้นมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”
พี่สะใภ้หลี่พยักหน้า

“พวกมันมีทั้งสิ้นสิบคน ในกลุ่มคน ประกอบด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ
แปดและเก้า พวกมันคง มาจากจักรวรรดิเทียนหลิง!”

“ดี พวกเราไปกันดีกว่า!” ฉินหยุนยิ้มชั่วร้าย

“ได้เวลาปลุกหมา ป่ าให้ตื่นแล้ว” ในอาคารซึ่งอสูรหมาป่ าใช้พักอาศัย ฉิน
หยุนได้ทิ้งตรา สัญลักษณ์อสนีบาตระดับกลางเอาไว้ หากเขาเปิดการ
ทํางาน มันขึ้นมา ความโกลาหลครั้งใหญ่ย่อมต้องบังเกิด

ตอนท
ี่208 จระเข้ยักษ์เกราะโลหะ

หยินเชิ่งทราบอยู่แต่แรกแล้วว่าที่บริเวณตรงนี้มีกลุ่มหมาป่ าพัก อาศัยอยู่
ก็เหมือนอย่างกลุ่มของฉินหยุน เขาคาดเดาได้ว่าหมา ป่ าเหล่านี้ถูกขับไล่
ออกมา ดังนั้นจึงเร่งรีบกลับไปรายงาน และ ประจวบเหมาะมียอดฝีมือวร
ยุทธ์เตอยู่พอดี ตอนนี้เขาจึง กลับมาพร้อมศิษย์พี่คนดังกล่าว ด้วยความที่
พวกเขาล้วนแข็งแกร่ง การลักลอบเข้าโจมตีและ การเก็บงําตัวตนย่อมทํา
ได้ดีกว่าพวกฉินหยุน แต่แล้ว พวกเขา กลับได้พบ ว่าอสูรหมาป่ าระดับที่
แปดหลายตัวถูกสังหาร พร้อมโดนเอาแก่นอสูรออกไปโดยผู้อื่นแล้ว!

“นี่คือผงร่องรอยชีวิต! สารเลวนัก มีผู้อื่นมาที่นี่ พวกเราต้อง ระวังตัว!” ผู้
อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์เต๋โกรธแค้นขณะส่งเสียง ดังแจ้งผู้อื่น

“ต้องเป็นไอ้พวกเด็กสารเลวจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน! แต่ พวกมันไม่
แข็งแกร่งพอจะเผชิญหน้ากับราชาหมาป่ า ที่พวก มันฆ่าไปก็แค่อสูรหมา

ป่ าระดับแปดและเก้าเท่านั้น” หยินเชิ่ง เผยเสียงดังก้องเปี่ยมล้นด้วยความ
โกรธ

“คงเป็นเช่นนั้น!” ผู้ฝึกตนชราพยักหน้ารับ แต่แล้วขณะพวกเขากําลังคิด
จากไป เสียงระเบิดศึกก้องพลัน ดังสนั่น สายฟ้าแตกกระจายทั่วทิศทาง
จากอาคารสูงแห่งหนึ่ง ปลดปล่อยออกซึ่งอสนีบาตเส้นหนาก่อนอาคารนั้น
จะพังทลาย ลง

" และนี่ คือการปลุกความโกลาหลให้หมาป่ ากลุ่มนี้ตื่นตัว!!”

เสียงหมาป่ าหอนดังก้องในห้วงความมืดของท้องฟ้ายามราตรี จิตสังหาร
รุนแรงจากสัตว์อสูรปกคลุมพื้นที่ มันปกคลุมทุกสิ่ง อย่างในรัศมีหนึ่งพัน
เมตร นี่เป็นเสียงหอนร้องของราชาหมาป่ า!

“ไอ้พวกสารเลวสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน! ต้องเป็นฝีมือพวกมัน แน่ รีบถอย
ก่อน!” หยินเชิ่งร้องตะโกนกราดเกรี้ยว

“นี่เจ้ามีเรื่องกับคนกลุ่มอื่นมาหรือ? เหตุใดไม่บอกต่อพวกเรา ถึงเรื่องนี้?
ไม่เช่นนั้นพวกเราจะได้ระวังตัวไว้ก่อน!” ผู้ฝึกตน ชราโกรธเคือง สายตาจับ
จ้องหยินเชิ่งขณะทะยานกายออก แต่เพียงพวกเขาเพิ่งทะยานกายขึ้น
ด้านบน อสูรหมาป่ าก็ ทะยานตามขึ้นมาแล้ว ขณะเห่าหอน มันปล่อย
ลําแสงสีม่วง ออกจากปาก โจมตีชายวัยกลางคนในชุดดําร่างแตกสลาย
ออกเป็นเสี่ยง อูว์! เสียงหอนร้องยังดังต่อเนื่อง การโจมตีอย่างบ้าคลั่งโรม
รันใส่กลุ่มคนบนอากาศไม่หยุดหย่อน โทสะของราชาหมาป่ า ปลดปล่อย
ออกเป็นคลื่นแรงกดดันชวนสะพรึง มันเล็งไปยัง กลุ่มคนกลางอากาศด้วย
ออร่าของมัน ลําแสงสีม่วงถูกยิงออก จากดวงตาทั้งสาม เข้าโจมตีใส่ชาย
วัยกลางคนถึงสามคน!

ซายร่างกํายําสามคนกลับกลายเป็นเศษเนื้อเพราะลําแสงสีม่วง เมื่อหยิน
เชิ่งได้เห็นสภาพพรรคพวก เขาหวาดกลัวเกินคํา บรรยาย เขาเร่งรีบเพิ่ม
ความเร็วฝีเท้าเพื่อให้พ้นจากระยะรับรู้ ของราชาหมาป่ า ฉินหยุนและคณะ
ตอนนี้รับชมเรื่องราวจากระยะไกลด้วยความ สนุกสนานยิ่ง

“กลุ่มคนสารเลวพวกนั้น ใครใช้ให้พวกมันอวดดีกระทั่งคิด โจมตีพี่สะใภ้”
เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะชั่วร้าย

“หนี้ครั้งนี้ไม่ได้จบที่เท่านี้หรอก!” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว

“เว้นแต่หยินเชิ่งมันจะตายก่อนผู้อื่น!” พี่ใหญ่หลี่พยักหน้ารับ คืนนี้พวกเขา
ได้รับผลการเก็บเกี่ยว มหาศาล ตอนนี้จึงสามารถรับชมหายนะของหยิน
เชิ่งไปด้วย ระหว่างหลบหนีอย่างสบายอกสบายใจ

“ไปเถอะ พวกเราเองก็ต้องออกให้พ้นจากอาณาเขตของหมา ป่ าพวกนี้
ก่อนเหมือนกัน” พี่ใหญ่หลี่หัวเราะขณะเริ่มถอยลง จากดาดฟ้าอาคาร

กว่าสิบคนในกลุ่มของหยินเชิ่ง มีเพียงหกที่สามารถถอยออกมา ได้ พวก
เขาเข้าป่ าขณะหลบซ่อนตัวด้วยสีหน้าน่าเกลียด

“หยินเชิ่ง ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า! หากไม่แล้ว พวกเรา คงไม่เสีย
สหายสามคนที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้า และอีก สามคนที่ระดับแปด!
ไม่เพียงแต่พวกเราไม่อาจสังหารราชา หมาป่ า พวกเรากระทั่งเสียยอด
ฝีมือ ความเสียหายครั้งนี้ใหญ่ หลวงนัก!”

ชายชราขอบเขตวรยุทธ์เด็จ้องมองหยินเชิ่งกราด เกรี้ยว หยินเชิ่งเองก็มี
โทสะ หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เขาจะ สามารถได้รับคําชมจากผู้
อาวุโสวรยุทธ์เต๋ แต่แล้ว คราครั้งนี้ กลับเป็นความสูญเสียร้ายแรง เขากัด
ฟันแน่นรับคํา

“ศิษย์พี่ เรื่องนี้เป็นข้าผิดพลาดเอง ข้าจะ ตัดหัวไอ้สี่ตัวนั่นกลับจักรวรรดิ
เทียนหลิงให้จงได้”

“นั่นไม่ใช่สาระ! สาเหตุว่าทําไมสหายหกคนของเราเสียชีวิตไม่ อาจให้ถูก
แพร่งพรายได้ เพียงบอกว่าโดนฝูงสัตว์อสูรโจมตีจน ต้องมีการเสียสละ” ผู้

อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์เฝ้กล่าวเกือบครึ่งของกลุ่มคนที่นําเข้าเมืองเสียชีวิต
หากเขาบอก เหตุผลแท้จริงไป ชื่อเสียงคงพินาศย่อยยับแล้ว

รุ่งสางมาเยือน ฉินหยุนและคณะตอนนี้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย แล้ว พวก
เขากําลังหลบซ่อนตัวในอาคารหินซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วย ก้อนหินหนาใหญ่

“แก่นอสูรระดับที่เก้าจํานวนสี่แก่น แต่ละอันนับเป็นห้าล้าน แต้มเสวียน
เท่ากับแลกเปลี่ยนได้ยี่สิบล้านแต้มเสวียน! และอีก ยี่สิบหกแก่นอสูรระดับ
ที่แปด เท่ากับว่าได้อีกยี่สิบหกล้านแต้ม เสวียน รวมแล้วทั้งหมดคือสี่สิบ
หกล้านแต้มเสวียน! ตั้งแต่สัตว์ อสูรพวกนี้ปรากฏตัวมา ความเร็วที่พวก
เราสามารถหาแต้ม เสวียนได้ยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น”

พี่ใหญ่หลี่กล่าวคําพร้อมถอนหายใจ คู่สามีภรรยาไม่ได้ต้องการแก่นพวกนี้
เพราะพวกเขาสัญญาต่อ ฉินหยุนแล้ว ว่าจะช่วยอีกฝ่ายให้ได้รับสองร้อย
ล้านแต้มเสวียน แน่นอนว่าเมิ่งเฟยหลิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะ
นาง สัญญาต่อฉินหยุนไปแล้วว่านางจะใช้ร่างกายจ่าย!

“ไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า ไว้ไม่พบสัตว์อสูรสักตัวค่อยเข้า พื้นที่ส่วน
ลึก” พี่ใหญ่หลี่กล่าวแนะนํา ฉินหยุนพยักหน้ารับ ด้วยความช่วยเหลือของ
คนกลุ่มนี้ การล่า สัตว์อสูรยิ่งมายิ่งง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้ว

ใครจะ ทราบว่าเขาต้องใช้เวลาเพียงใดกว่าจะได้รับแก่นอสูรจํานวน มาก
เพียงนี้ กระเป๋ ามิติเก็บของทั้งสองเป็นเขาทําขึ้นไว้ตั้งแต่ตอนที่เบื่อจน ไม่รู้
คิดทําอะไร ตอนนี้มอบออกไปแลกกับสิ่งที่ได้ เขารู้สึกว่า คุ้มค่ายิ่ง “ใน
ภายหน้า ค่อยหาลูกค้าที่ดีหน่อยแล้วแลกเปลี่ยนพวกมัน เป็นแก่นอสูร!”

ฉินหยุนเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้ หากเป็นกรณี ดังกล่าว เขาเพียงแค่ใช้
กระเป๋ ามิติเก็บของระดับต้นจํานวน หนึ่ง ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นแก่น
อสูรจํานวนมากได้แล้ว ตอนนี้ เขายังไม่อาจดําเนินการ และเขายังไม่
ต้องการให้ อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของที่ตนทําขึ้นตกไปอยู่ในมือกลุ่ม
คน ชั่ว ดังนั้นเขาจําเป็นต้องคัดเลือกผู้ซื้อให้ดี

ไม่กี่วันถัดจากนั้น คณะของฉินหยุนสี่คนค่อนข้างเบื่อหน่าย ขณะเดิน
วนเวียนไปทั่วพื้นที่รอบนอกของเมือง พวกเขาไม่เจอ ร่องรอยสัตว์อสูรแม้
สักตัว ดังนั้นจึงตัดสินเข้าไปให้ลึกมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางของเมือง
อาคารวิจิตรงดงามก็ยิ่งปรากฏ ให้เห็น ถนนหนทางเองก็กว้างขวางมาก
ขึ้น และสิ่งปลูกสร้างก็ คล้ายเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น แต่แล้ว บริเวณที่ควร
คึกคักกลับว่างเปล่า อาคารหินงดงาม ตอนนี้ไม่น้อยเป็นเศษซากเพราะ
สัตว์อสูร มีเพียงน้อยนิด เท่านั้นที่ยังรักษาสภาพสมบูรณ์ครบถ้วนเอาไว้ได้

“ตอนนี้พวกเราอยู่เขตสี่ของเมืองอี้ แถวนี้นับได้ว่าเป็น จุดเริ่มต้นของพื้นที่
ศูนย์กลาง!” พี่ใหญ่หลี่กล่าว

“หากไม่มีสัตว์ อสูรในเขตสี่ พวกเราจะไปจากที่นี่ หากเข้าไปต่อจะเป็น
อันตรายเกินไป”

“ข้าได้ยินมาว่า ในเขตที่หนึ่งและสอง มีพลังวิญญาณหนาแน่น ปกคลุม
หลายคนจึงคิดอยากเข้าไปอยู่อาศัยและพักผ่อนที่นั่น! ผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ใน

ทั้งสองเขตดังกล่าวมักไม่ค่อยคิดจากไปไหนช่วงสัตว์อสูรบุกเมือง คงมี
หลายคนไม่คิดยอมจากไปจนปะทะ รุนแรงกับพวกมันแน่” เมืองอี้ค่อนข้าง
ใหญ่ ทั้งตัวสถานที่ยังเหมาะสมแก่การให้ผู้คน หลบเลี่ยงต่อการถูกไล่ล่า
สําหรับผู้ที่แข็งแกร่ง ย่อมคิดอยากได้ สถานที่บริเวณศูนย์กลางของเมือง
หากมนุษย์จับมือรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บางทีก็อาจจะสามารถ ต้านทาน
ฝูงสัตว์อสูรเอาไว้ได้

“ถ้าเป็นไปได้ ข้าคิดอยากเข้าไปเขตที่หนึ่งไปดูให้เห็นกับตาว่า ยังมีคนรอด
อยู่หรือไม่!” พี่ใหญ่หลี่หัวเราะเอ่ยคํา

“หากยังมี ข้า ก็หวังจะได้เข้าร่วมกับพวกเขาและต่อสู้สัตว์อสูรร่วมกัน” เมิ่ง
เฟยหลิงหัวเราะ

“พี่ใหญ่หลี่ หากมีคนเหลืออยู่จริง พวก เขาก็คงเก็บตัวซ่อนอย่างมิดชิด!
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ง่ายต่อการ ใช้อยู่อาศัย!” หลังจากนางกล่าวคําจบ จึง
ทะยานขึ้นฟ้าไปหลบซ่อนตัวในหมู่เมฆ

เมิ่งเฟยหลิงครอบครองวิญญาณยุทธ์เหยี่ยว จึงทําให้สามารถ บินได้อย่าง
รวดเร็ว กระทั่งเร็วกว่าฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่ ทั้งยัง ใช้พลังภายในน้อย
กว่า นอกจากนี้ดวงตาของนางยังแหลมคม ประดุจเหยี่ยว ขณะนางบินสูง
บนท้องฟ้า ยังสามารถสํารวจ สถานการณ์ภาคพื้นดินไปด้วยได้ ตราบ
เท่าที่สัตว์อสูรไม่หลบซ่อนตัวในอาคาร นางย่อมพบเห็น ไม่นานนัก เมิ่ง
เฟยหลิงค่อยลงมาด้วยสีหน้ายินดี

“ข้าพบว่ามี จระเข้ยักษ์เกราะโลหะอยู่ลําพัง”

“พี่เฟยหลิงน่ายิ่งนัก บินสูงขนาดนั้นยังเห็นอย่างกับมองอยู่ ใกล้ ๆ” ฉิน
หยุนยิ้มกล่าว

“แน่นอน! พร้อมความสามารถบินได้ กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เก้ายังไม่อาจเทียบเปรียบข้า”

เมิ่งเฟยหลิง ภูมิอกภูมิใจยิ่งขณะหัวเราะไปด้วย ระหว่างบินอยู่บนอากาศ
ความเสี่ยงนั้นมากมายมหาศาล หาก นางโดนสัตว์อสูรบินได้ทรงพลังเจอ
ตัวเข้า กรณีนั้นถือว่า อันตรายยิ่ง

หลังจากพี่ใหญ่หลี่ได้รับรายละเอียดตําแหน่งต่าง ๆ จากเมิ่ง เฟยหลิง เขา
จึงออกเดินต่อโดยทันที เพียงอึดใจถัดมา พวกเขาจึงได้พบจระเข้ยักษ์
เกราะโลหะ ร่างกายของมันปกคลุมด้วยเกราะสีดําหนา ปลายของกรงเล็บ
ปกคลุมด้วยเลือด ที่ซอกฟันของมันยังคงมีเสื้อผ้ามนุษย์ติดอยู่ ชัดเจนว่า
มันเมิ่งกินมื้ออาหารสุดอร่อยไปเพราะฟังเข้าไปใน บ้านคนหลายหลัง
ตลอดเส้นทางเคลื่อนที่

“ออร่านี้สมควรเป็นสัตว์อสูรระดับเก้า! ไม่รู้เลยว่าไอ้เจ้านี่ใช้วิธี อะไรโจมตี
ผู้คน” พี่ใหญ่หลี่กล่าวกระซิบขณะมองไปยังจระเข้ ยักษ์เกราะโลหะที่อยู่
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร สัตว์อสูรมีวิธีการโจมตีหลากหลาย และหลาย
ตัวก็มีวิธีการ โจมตีระยะไกล ยกตัวอย่างอสูรหมาป่ าเมื่อเหตุการณ์ก่อน
หน้า พวกมันสามารถปล่อยลําแสงสีม่วงออกจากปาก หากโดน ร่างกาย
สามารถบดขยี้เนื้อเป็นชิ้นได้

“ใกล้เคียงแถวนี้น่าจะมีสัตว์อสูรอยู่ พวกมันไม่ค่อยแข็งแกร่ง เท่าไหร่
น่าจะหลบซ่อนอยู่ในบ้าน พวกมันน่าจะกลัวโดนสัตว์ อสูรระดับเก้าจับ
กิน” พี่ใหญ่หลี่สันนิษฐาน

“จับตาดูอีกหน่อย แล้วกัน!” เขาพยักหน้าให้พี่สะใภ้หลี่ เป็นการให้
สัญญาณว่าตอนนี้ สามารถเคลื่อนไหวได้ วิธีการต่อสู้ของพวกเขาตอนนี้
คือให้พี่สะใภ้หลี่ช่วยยิงลูกธนูจากระยะไกล โดยทันที พี่ใหญ่หลี่และฉิน
หยุนจะพุ่งทะยาน กายออก ขณะพวกเขาวิ่งออกไปนั้น ลูกธนูอีกจํานวน
หนึ่งจะ ถูกยิงเข้าใส่สัตว์อสูรตัวอื่นใกล้เคียง หรือเป็นการยิงสนับสนุน
ต่อเนื่อง เมื่อถึงคราวเข้าประชิดวงใน มันจะเป็นเรื่องง่ายแก่ฉินหยุนและพี่
ใหญ่หลี่ที่คิดโจมตีสัตว์อสูร อีกทางหนึ่ง เมิ่งเฟยหลิงรับหน้าที่
สังเกตการณ์รอบด้านขณะ คอยคุ้มกันนักธนูขั้นเทพของฝ่ายตน เพื่อ
ป้องกันไม่ให้นางถูก ลอบโจมตีได้อีก ลูกธนูของพี่สะใภ้หลี่ไม่ใช่ลูกธนูจริง

ดังนั้นนางจึงไม่หวาดเกรง ที่จะโดนเกราะเหล็กกล้าของจระเข้ยักษ์เกราะ
โลหะปัดป้องการโจมตี ลูกธนูของนางเกิดขึ้นจากการควบแน่นกําลัง

ภายในเป็น พลังพิเศษ และเมื่อใดที่กระทบถูกเป้าหมาย มันจะเกิดระเบิด
ออกอย่างรุนแรง หากสัตว์อสูรถูกโจมตีเข้าที่หัว พวกมันจะถึงขั้นมีนงง!

ตู้ม! ร่างจระเข้ยักษ์ถูกโจมตีด้วยธนูสามดอกเรียงราย มันเจ็บปวด รุนแรง
จนร่างใหญ่โตล้มกลิ้งกับพื้น ฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่ไปถึงแทบจะในทันที
พร้อมเข้าจัดการ จระเข้ยักษ์! เกราะเหล็กกล้าของจระเข้ยักษ์ตัวนี้
แข็งแกร่งยิ่ง นอกจากนี้มัน ยังเป็นสัตว์อสูรระดับเก้า ฉินหยุนจึงใช้มังกร
หลอมหกกระบวน ฟาดทุบเข้าที่หัวของมัน แต่แล้วกลับไม่อาจทะลวง
เกราะเข้าไป

พี่ใหญ่หลี่ใช้ไม้คทาสามท่อนโจมตีรุนแรงเข้าที่เกราะเหล็กกล้า เป็นผลให้
เกิดประกายไฟกระเด็นกระจายทั่วทุกหนแห่ง หางจระเข้ยักษ์กวัดแกว่ง
รุนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉินหยุนและ พี่ใหญ่หลี่เร่งรีบหลบด้วยความสะ
พรึง ขณะหางนั้นพาดผ่าน อาคารแห่งหนึ่ง มันกระจุยกลายเป็นเศษซาก!
เสียงพังครืนปรากฎพร้อมอาคารเริ่มยุบตัวลงกลายเป็นเศษซากกองก้อน
หิน!

ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควัน ฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่เข้าโจมตีรุนแรง ระหว่าง
ร่วมมือกันจัดการศัตรู พวกเขาก็ลอบเป็นกังวล เพราะ เสียงอึกทึกที่ดังขึ้น
จากการต่อสู้กับจระเข้ยักษ์นี้ค่อนข้างดัง เกินไปแล้ว หากไม่จบการต่อสู้
โดยเร็ว มันจะกลายเป็นดึงความสนใจของ สัตว์อสูรตัวอื่นให้มาที่นี่

ตอนท
ี่209 ค้นหาวิญญาณ

เมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ ทั้งสองเป็นกังวลยิ่งเมื่อพบว่า อาคารใน
บริเวณเกิดการพังทลาย ฝุ่นที่ตลบอบอวลขึ้นสูงเห็น เด่นชัดจากทาง
อากาศ เป็นผลให้ทั้งสองไม่อาจมองเห็นฉัน หยุนและพี่ใหญ่หลี่ได้ ฉิน
หยุนตอนนี้สัมผัสได้ถึงจระเข้ยักษ์เกราะโลหะท่ามกลางฝุ่น ควัน โดยทันที
เขาใช้งานเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร มุ่งเน้นตรงไปที่หัวของจระเข้
ยักษ์โดยทันที “การป้องกันสัตว์อสูรตัวนี้แข็งแกร่งมาก!”

พี่ใหญ่หลี่ร้อง ตะโกน ด้วยพลังจิต เขาสามารถสัมผัสได้ว่าจระเข้ยักษ์
เกราะ โลหะไม่ไหวติง เขาทราบทันทีว่าเป็นฉินหยุนใช้พลังจิตโจมตี
จากนั้น เขาจึงผสานไม้คทาสามท่อนเข้าด้วยกันเป็นไม้คทายาว ท่วงแทง
เข้าใส่ช่องปากของจระเข้ยักษ์

หลังจากไม้คทาที่มแทงเข้าไปในปากจระเข้ยักษ์ พี่ใหญ่หลี่จึง โคจรวัชระ
กําลังภายในสอดแทรกเข้าไปในร่างของจระเข้ยักษ์ ผ่านทางไม้คทาด้าม
ยาว!

ค้าก!

จระเข้ยักษ์สะบัดหางอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดรุนแรง มันสะบัดฟื้น
ร่างอย่างสุดแรง เศษซากอาคารที่ถล่มลงมาเมื่อครู่ พอโดนแรงดิ้น ยิ่งทํา
ให้ฝุ่นตลบอบอวลมากขึ้น อาคารหลายแห่งยิ่งพังทลายมากขึ้น บ้านเรือน
บริเวณพื้นที่ โดยรอบหลายร้อยเมตรโดนแรงจากการสะบัดหางของจระเข้
ยักษ์จนถล่มทลาย ภาพฉากที่เห็นนับว่าชวนแตกตื่นไม่น้อย!

“จบแล้ว!” พี่ใหญ่หลี่ยิ้มยินดี เขายังกําไม้คทายาวที่ปักในร่าง จระเข้เอาไว้
แน่นขณะปล่อยวัชระกําลังภายในต่อเนื่อง เพื่อ ทําลายอวัยวะภายในของ
มันจากด้านในจนกระทั่งมันสิ้นใจในที่สุด

“จระเข้ยักษ์เกราะโลหะตัวนี้ทนทานมาก ถือเป็นวัสดุชั้นดีใน การทํา
อาวุธ” ฉินหยุนนําร่างจระเข้ยักษ์เกราะโลหะเก็บในมิติ เก็บของก่อนจะบิน
ออกไปพร้อมพี่ใหญ่หลี่ ร่างกายพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่น แต่สีหน้านั้น
ยิ้มยินดียิ่ง หลังจากจัดการสัตว์อสูรระดับเก้าได้สําเร็จ

พวกเขาจึงได้เข้าใจ ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับเก้ามากขึ้น
แน่นอน หากอยู่เพียงลําพัง พวกเขาไม่กล้าต่อกรแม้กระทั่ง สัตว์อสูรระดับ
แปด มันอันตรายเกินไป โอกาสเสียชีวิตมีมาก เกินไป แต่แล้วชั่วขณะที่ฉิน
หยุนกับพี่ใหญ่หลี่กําลังทะยานกายไป นั้นเอง ลําแสงพลันถูกยิงออกจาก
ระยะไกลไปตรงอาคารที่เมิ่ง เฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่อยู่!

ตู้ม!

แรงระเบิดรุนแรงเป็นผลให้อาคารพังทลายกลายเป็นเศษซาก ก้อนหิน
กระเด็นปลิวไกลไปทั่ว! “สารเลว!” พี่ใหญ่หลี่ร่างแข็งที่อก่อนร้องคําราม
ด้วยโทสะ

เป็นหยินเชิ่งที่ลงมือ! ก่อนหน้านี้เขาก็เคยลอบโจมตีพี่สะใภ้หลี่เช่นนี้มา
ก่อน! พอฉินหยุนได้เห็นสิ่งปลูกสร้างถูกทําลาย ความคิดของเขาวูบ เข้า
มาถึงความตายของเมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ที่อยู่ด้านใน ใจเขาหมอง
หม่นและปะทุด้วยโทสะ แขนราชสีห์สวรรค์เริ่มสั่น ราวกับมันพร้อมปะทุ
พลังออกทุกเมื่อ

“พี่เฟยหลิง พี่สะใภ้!” ฉินหยุนกัดฟันแน่นขณะร้องเสียงออก จากใจ
ดวงตานี้แทบเป็นสายเลือด ขณะสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามสงบจิตใจ
ลง เขาเร่งรีบ ทะยานกายมุ่งไปทางนั้นพร้อมตะโกนขึ้น

“พี่ใหญ่หลี่ ไปทาง นั้นก่อน! บางทีพวกนางอาจยังรอด!” ฉินหยุนเข้าสู่
กลุ่มฝุ่นควันขณะเร่งร้อนสัมผัสออร่าชีวิตทั้งสอง ด้วยความยินดี เขาพบว่า
เมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ยังอยู่ ด้วย ความเร่งร้อน เขาใช้พลังจิตยกร่าง
พวกเขาทั้งสองขึ้นพร้อมนํา ออกจากซากอาคารโดยเร็ว

ด้วยการแบกหญิงสาวทั้งสองขณะถอยออกจากพื้นที่ ฉับพลัน นั้นเอง
ลําแสงอีกหนึ่งก็พุ่งมาจากระยะไกล! ต้ม! การระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ฉิน
หยุนออกพ้นจากระยะแล้ว!

“พี่ใหญ่หลี่ รีบถอยก่อน!” ขณะฉินหยุนอุ้มเมิ่งเฟยหลิงและ พี่สะใภ้หลี่ไว้
เขายังช่วยทั้งสองถ่ายทอดพลังภายในประคอง อาการบาดเจ็บ จัดการ
เส้นโคจรที่ยุ่งเหยิงและอาการเลือดไหล เพื่อยับยั้งอาการบาดเจ็บ แม้พี่
ใหญ่หลี่โกรธแค้น แต่เขาทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้ อันตรายยิ่ง
นอกจากนี้เขายังไม่เห็นสถานที่ซึ่งศัตรูใช้ลอบโจมตี การมุทะลุพุ่งออกไปมี
แต่จะนําชีวิตตนเองไปเสี่ยง กระทั่งล้าง แค้นก็ไม่อาจ เมื่อพี่ใหญ่หลี่ตาม
ติดฉินหยุน เขาจึงปล่อยคลื่นวัชระกําลัง ภายในไปตลอดทาง ทั้งหมดนี้ก็
เพื่อทําลายอาคารโดยรอบ เป็น ผลให้เกิดกลุ่มฝุ่นควันตลบอบอวลอํา
พรางตัว

เมื่อฉินหยุนเห็นพี่ใหญ่หลี่ตามติด เขาจึงเร่งรีบนําทางเข้าสู่ ภัตตาคารร้าง
แห่งหนึ่ง ด้วยความเร่งรีบ พวกเขาเข้าไปในห้อง หินส่วนลึกของภัตตาคาร

ตู้ม! เสียงอึกทึกดังตามติดจากด้านบน นี่เป็นเพราะหยินเชิ่งและ คณะ
ทําลายอาคารอย่างต่อเนื่องเพราะหาเป้าหมายไม่เจอ! ฉินหยุนเร่งรีบ
นําเอาชุดหนังสัตว์ออกมาและส่งให้พี่ใหญ่หลี่ เขากล่าว

“ชุดหนังสัตว์นี้มีผังธาตุแสง รีบใส่ให้พี่สะใภ้หลี่เพื่อ รักษาอาการบาดเจ็บ”
พี่ใหญ่หลี่เร่งรีบนําชุดสวมใส่แก่ภรรยาที่สิ้นสติ เมื่อพบว่า ภรรยามีลม
หายใจที่ค่อย ๆ ดีขึ้น เขาจึงถอนหายใจโล่งอก ฉินหยุนเองก็ช่วยเมิ่งเฟย
หลิงใส่ชุดซึ่งมีผังธาตุแสง เขามอง โฉมงามในอ้อมแขนด้วยความอาวรณ์
ขณะรู้สึกสงสารนาง เขายิ่งโกรธแค้น

“สารเลวหยินเชิ่ง พวกเราไม่ปล่อยมันไว้แน่!” หากไม่ใช่หยิน เมิ่งหาเรื่อง
พวกเขาแต่แรก เรื่องราวจํานวนมากย่อมไม่เกิดขึ้น ได้เห็นเมิ่งเฟยหลิงที่
บาดเจ็บและไม่ได้สติ ฉินหยุนแทบสะกด ข่มโทสะภายในเอาไว้ไม่อยู่ พี่
ใหญ่หลี่ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เป็นเพราะเขายังช่วย รักษาภรรยาให้
อาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“น้องหยุน ข้ายังไหว อย่าได้โกรธ ไม่ดีต่อตัวเจ้าเอง!” เมิ่งเฟย หลิงลืม
ดวงตางดงามขึ้นขณะมองฉินหยุนกล่าวคําเบา

“ได้ ข้าไม่โกรธแล้ว! พี่เฟยหลิง ท่านต้องรีบดีขึ้นโดยเร็ว!” ฉิน หยุนกอด
นางเอาไว้แน่นขณะเผยยิ้มอ่อนให้ จากนั้น เขาจึงคว้า มีอขาวของนางมา
วางไว้ที่แก้มตนเอง เมิ่งเฟยหลิงยิ้มอ่อน นางหลับตาลงและปล่อยให้ผัง
ธาตุแสง เยียวยาบาดแผล หยินเชิ่งและคณะตอนนี้ออกบินค้นหาทาง
อากาศ คอยมองหา ตามอาคารที่พังทลายบนพื้น

“พวกมันยังไม่ตายสักคน! ต่อให้ พวกมันตายหมด ก็ยังไม่เทียบเท่าทุกคน
ของเราที่ตายไป!”

“แม่ทัพหยิน หากไม่ใช่เพราะพวกมัน เมื่อคืนนั้นพวกเราคงไม่ มีใครต้อง
ตาย และพวกเราสมควรกระทั่งได้รับแก่นอสูรจํานวน มาก รวมถึงแก่น
อสูรของราชาหมาป่ า นั่นเป็นความเสียหาย ครั้งใหญ่ หากพวกเรานําผล
การเก็บเกี่ยวที่สมควรได้ส่งต่อองค์ ชายรัชทายาท เขาสมควรได้รับอย่าง

น้อยสามร้อยล้านแต้ม เสวียนที่สถาบันยุทธ์หลิงเสวียน” หนึ่งในกลุ่มคน
เอ่ยคํา

“ข้ารู้พวกเจ้ารับหน้าที่โจมตีอาคารในพื้นที่แถบนี้ พวกมัน ต้องซ่อนตัวอยู่
แถวนี้แน่” หยินเชิ่งยิ่งโกรธเกรี้ยวขณะนึกย้อน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่แล้ว
ขณะพวกเขาคิดโจมตีอีกระลอก เสียงคํารามร้องสัตว์ อสูรพลันดังขึ้น

“แม่ทัพหยิน สัตว์อสูรกําลังใกล้เข้ามา!” ชายร่างใหญ่ร้อง อุทาน

“เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับเก้าหรือระดับ วิญญาณ เสียงอึกทึก
ตรงนี้ดังยิ่ง มันดึงดูดความสนใจสัตว์อสูร จํานวนมาก พวกคนจาก
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บอยู่ พวกมันจะโดนปิดล้อมโดยสัตว์
อสูรพวกนี้ ดังนั้นไม่มีทางหนี รอดได้นานแน่”

“ตามนั้น พวกเราถอยกันก่อน!” หยินเชิ่งเองก็หวาดกลัวต่อ ความตาย ใน
คืนนี้ เขาเกือบโดนราชาหมาป่ าสังหารทิ้ง ดังนั้น เขาจึงไม่ลังเลที่จะ

หลบหนีออกจากสถานที่ ฉินหยุนอยู่ในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน เขาปลดปล่อย
พลังจิตของตน ออกจึงได้ยินบทสนทนาของหยินเชิ่งและคณะ

“พวกมัน หยินเชิ่งออกล่าสัตว์อสูรให้องค์ชายรัชทายาท พวก มันต้องการ
ให้เจ้านายตนเองได้รับแต้มเสวียนจํานวนมากที่ สถาบันยุทธ์หลิงเสวียน”
ฉินหยุนกล่าวคําแค่นเสียง

“องค์ชาย รัชทายาทของจักรวรรดิหน้าใหม่มีลูกน้องโง่เง่าพวกนี้ ตัวมัน
เองก็คงไม่เท่าไหร่ อย่าให้เจอตัวมันเชียว!” ชื่อวี้และฉินเจิ้งเฟิ ง สององค์
ชายรัชทายาท ถูกเขาปลิดปลงจน ไม่เหลือสภาพ เป็นเขาไม่หวาดเกรงต่อ
องค์ชายรัชทายาทผู้ใด ความเร็วการฟื้นฟูผ่านอุปกรณ์ผังธาตุแสงถือว่า
รวดเร็วยิ่ง ตราบเท่าที่หลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ฉินหยุนสามารถขัดเกลาพวกมัน
เพิ่มได้ เมื่อมีโอกาสเขาคิดมอบพวกมันให้แก่พี่ใหญ่หลี่และภรรยา

สีหน้าซีดเผือดของเมิ่งเฟยหลิงดีขึ้นแล้ว ใบหน้าจากซีดเซียว กลับมา
งดงามและมีสีเลือด ทว่า นางแสร้งทําเป็นไร้เรี่ยวแรง อยู่ต่อในอ้อมแขน
ของฉินหยุน เรื่องแค่นี้ฉินหยุนจะไม่ทราบได้อย่างไร?

แต่ว่า ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น เขาได้แต่ปล่อยให้แม่มดสาวตรงหน้าเอา
เปรียบ เขาแล้ว “เมื่อครู่นี้ถือว่าอันตรายนัก!” เมื่อพี่ใหญ่หลี่เห็นภรรยา
อาการดี ขึ้น ใบหน้าค่อยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ข้าอาการดีขึ้นแล้ว เป็นเรื่องดีนักที่เสี่ยวหยุนมีอุปกรณ์ตั้งธาตุ แสง
ไม่เช่นนั้นไม่รู้เลยว่ากว่าจะฟื้นตัวต้องใช้เวลาไปมาก ขนาดไหน!” พี่ใหญ่ห
ลี่หัวเราะ

“เสี่ยวหยุนสมกับเป็นอาจารย์จารึก ทั้ง อุปกรณ์มิติเก็บของและอุปกรณ์ผัง
ธาตุแสงช่วยรักษา ทั้งหมดนี้ ล้วนมูลค่าสูงลํ้านัก” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะ “ใช่
แล้ว เพราะแบบนั้นถึงมีไอ้หน้าโง่ หลายคิดอยากฉกชิงผังวิญญาณที่เขา

ครอบครอง และพวกมัน ไม่เคยมีใครพบจุดจบที่ดีแม้สักคน! ไว้ข้า
แข็งแกร่งขึ้น ข้าจะ ทรมานพวกมันจนกว่าจะตายกันไปข้าง!”

พี่ใหญ่หลี่กล่าว “ข้าคิดว่าพวกเราควรถอนตัวก่อน ครั้งนี้พวก เราได้รับผล
เก็บเกี่ยวไม่น้อย กลับไปและรวบรวมคนเพิ่ม หาก เกิดสถานการณ์เช่น
ก่อนหน้านี้อีกครั้ง พวกเราจะได้ไม่ต้องเป็น กังวลแต่อย่างใด” พี่สะใภ้หลี่
และเมิ่งเฟยหลิงต่างพยักหน้าเห็นด้วย ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยเอ่ยปาก

“พวกท่านกลับไปกันก่อน! ข้าจะอยู่ที่นี่!” เมิ่งเฟยหลิงพลันสะดุ้งตัวจาก
อ้อมอกเขา

“ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าต้องกลับไปพร้อมพวกเรา! อยู่ที่นี่อันตรายเกินไป!”

พี่ใหญ่หลี่และภรรยาก็เร่งรีบเกลี้ยกล่อมฉินหยุนอย่าได้คิดเสี่ยง “อย่าห่วง
เลย ข้าเพียงเคลื่อนไหวช่วงกลางคืน หากเป็น กลางคืน ข้าสามารถ
กลมกลืนไปกับความมืด เรื่องนี้พี่ใหญ่หลี่รู้ ดีที่สุด!” ฉินหยุนกล่าวพี่ใหญ่ห

ลี่พยักหน้า เป็นความจริง เขาทราบดีว่าฉินหยุนมี ความสามารถอันลึกลับ
แต่กระนั้น เขาก็ยังลอบเป็นห่วงอยู่

“เสี่ยวหยุน เหตุใดยังคิดอยากอยู่ที่นี่ต่อ?” ฉินหยุนตอบกลับ

“ข้าคิดอยากเข้าสู่เขตหนึ่งเพื่อไปดูว่ามีคน อยู่ที่นั่นหรือไม่ ข้าคิดว่าตนเอง
สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ หาก ไม่อาจทําได้ ข้าก็เพียงแค่ถอนตัวกลับ
และไปสํารวจที่เขตสอง และสามต่อ!”

เมิ่งเฟยหลิงลอบไม่พอใจนัก นางกระทั่งแอบหยิกต้นขาฉินหยุน ทั้งยัง
กล่าวไม่พอใจชัดเจน “น้องหยุน เป็นเจ้าทําผู้อื่นกังวล! เจ้าคิดให้พี่เฟย
หลิงคนนี้เป็นห่วงเจ้าจนกว่าจะตายตกเพราะการกระทําเช่นนี้เลยหรือ
อย่างไร!”

ฉินหยุนลูบต้นขาตัวเองขณะยิ้มรับ

“ศิษย์พี่อย่าได้ห่วง! ก่อน หน้านี้พวกท่านล้วนคิดว่าข้าตายแล้ว แต่ข้าก็ยัง
รอดมาได้ไม่ใช่ หรือ? ข้าคืออาจารย์จารึก มีอุปกรณ์ป้องกันตัวมากมาย
ทั้งยัง มีอุปกรณ์ฝั่งธาตุแสงสําหรับตนเอง พวกท่านสามารถวางใจ!”

เมิ่งเฟยหลิงพบว่าโต้เถียงไปก็ไม่อาจเอาชนะฉินหยุน ดังนั้นนางจึงได้แต่
ยอมให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ ตลอดช่วงเวลาสามวัน ฉินหยุนตรวจสอบภายนอก
อย่าง ต่อเนื่องจนกระทั่งพบว่าสัตว์อสูรทรงพลังระดับเก้าจากไป หมดแล้ว
ขณะขึ้นสู่พื้นผิว เมิ่งเฟยหลิงกล่าวเตือนฉินหยุนซํ้าอยู่หลาย ครั้ง ก่อน
เดินทางพร้อมพี่ใหญ่หลี่และภรรยาอย่างไม่ค่อยเต็ม ใจนัก ฉินหยุน
หลับตาขณะตรวจสอบออร่าทรงพลัง

หลังจากนั้น เขา จึงดูดกลืนมันเข้าสู่ร่างกายและควบแน่นเป็นพลังจิต
วิญญาณ โลหิต ตอนนี้เขาเริ่มแกะสลักผังวิญญาณลงบนกระดาษ ที่เขา
กําลังแกะสลักอยู่ตอนนี้คือผังค้นหาวิญญาณ มันเป็นผัง วิญญาณที่มี
เอกลักษณ์สูงยิ่ง ตราบเท่าที่รวบรวมออร่าของ ผู้อื่นได้มากพอผ่านพลังจิต
วิญญาณโลหิต จะสามารถแกะสลัก มันออกมาได้

ผังค้นหาวิญญาณคือสิ่งที่สามารถใช้สะกดรอยเจ้าของออร่า พลังที่ใช้
สร้างมันขึ้นมา! ฉินหยุนไม่คิดเร่งรีบมุ่งหน้าสู่เขตหนึ่ง เขาวางแผนออก
ออกจาก ที่นี่ก่อน เพื่อแสวงหาชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่แล้วค่อยตัดสินใจเรื่อง
อื่น

หยินเชิ่งคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ฉินหยุนมั่นใจว่าคู่ ต่อสู้เช่นนี้
ตนสามารถจัดการ กระทั่งว่าไม่อาจสังหาร อย่าง น้อยก็ต้องบาดเจ็บ
สาหัส!

“ตราบเท่าที่มันอยู่เพียงลําพัง เราจะเคลื่อนไหวลงมือโดย ทันที!” ฉินหยุน
ตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ช่วงเวลาที่มีเพื่อสะกดรอย และสังหารหยินเชิ่ง เขา
ตอนนี้กําลังใช้มีดแกะสลักบรรจงวาดขึ้นเป็นผังค้นหา วิญญาณบน
กระดาษ ไม่ว่าตําราเล่มใดล้วนไม่เคยกล่าวถึงหรือบันทึกไว้ถึงผังค้นหา
วิญญาณ เป็นเพราะมันทั้งหาได้ยากยิ่ง และเป็นผังวิญญาณที่ ซับซ้อน
เป็นอย่างยิ่ง

กระทั่งปรมาจารย์จารึกหลายท่านก็ไม่เคยได้ยินนามของมันมา ก่อน
หลายฝั่งในสามสิบหกผังวิญญาณที่ฉินหยุนได้รับมา มัน ประกอบแต่ฝัง
พวกนี้ เป็นผังที่ยากพบเจอ ยากได้รับ และ ซับซ้อนอย่างมาก

ตอนท
ี่210 เพียงลําพัง

อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนสําเร็จการขัดเกลายันต์ค้นหาวิญญาณ หลังเรียกใช้
งาน ยันต์ค้นหาวิญญาณจึงลอยขึ้นพร้อมปล่อย แสงขึ้นําสู่ทิศทาง

“ทางนั้นสินะ!” หลังเก็บยันต์ค้นหาวิญญาณ โดยทันที เขาออกเดินทางมุ่ง
หน้า ผ่านบริเวณซากปรักหักพัง

“ดูเหมือนที่เขตสี่จะไม่ค่อยมีสัตว์อสูรสักเท่าไหร่ สงสัยนักว่า เขตสามจะ
เป็นอย่างไร?” หลังจากฉินหยุนออกพ้นบริเวณซาก ปรักหักพังของอาคาร
เขาระมัดระวังตัวขณะวิ่งไปตามถนนที่ ว่างเปล่า

ในช่วงกลางวัน เขาจะหลบซ่อนตัวเองในบ้านร้างและขัดเกลา ยันต์หนัง
สัตว์ขึ้นมา

“ยันต์สะกดกายเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่าย สงสัยนักว่าต้องใช้ ยันต์ระดับใด
จึงสามารถสะกดสัตว์อสูรระดับที่แปดลงได้?” ฉิน หยุนตอนนี้กําลัง
พยายามทํายันต์หนังสัตว์ระดับกลางขึ้นมา เพื่อให้ยันต์สะกดกายมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น เขาจึงแกะสลักผัง สะกดกายและผังเสริมพลังขึ้นบน
แผ่นหนังสัตว์

“ดูเหมือนเราจะเริ่มทํายันต์ระดับสูงได้แล้ว!” ฉินหยุนตอนนี้ทําได้เพียง
ยันต์หนังสัตว์ระดับกลาง เขาติดอยู่ ตรงนี้ เพราะหากต้องการสร้างยันต์
ระดับสูง เขาจําเป็นต้องใช้ หนังสัตว์ระดับเก้า หลังจัดการสร้างยันต์หนัง
สัตว์เรียบร้อย เขาจึงใส่วัชระพลัง ภายในเข้าไป ด้วยวิธีการนี้จะทําให้ยันต์
หนังสัตว์อยู่ในสภาพ พร้อมใช้งานที่สุด ยามเมื่อจัดทํายันต์หนังสัตว์
ตั้งแต่แรกเริ่มเขาได้จัดเตรียมหนัง สัตว์ที่ผ่านการใส่พลังภายในเอาไว้
และตอนนี้การใส่วัชระพลังภายในคือดีที่สุด

หนังสัตว์ที่หยางฉีเย่ว์ช่วยเขาจัดทําขึ้น ถือว่า ดีที่สุดเท่าที่เขาเคย
ครอบครอง หลังจัดการเรียบร้อย เขาจึงผสานวัชระกําลังภายในและ
ปล่อย ให้ยันต์หนังสัตว์รวบรวมพลังจนเพียงพอ ด้วยวิธีการนี้ พลัง ของผัง

วิญญาณจะแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเรียกใช้ยันต์ กล่าวได้ว่ายันต์หนังสัตว์
ระดับกลางที่ฉินหยุนสร้างขึ้น มี คุณภาพดีเยี่ยม เพื่อให้มั่นใจว่ายันต์หนัง
สัตว์มีคุณภาพสูงสุด ฉินหยุน จําเป็นต้องใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะได้จัดทําได้
แผ่นหนึ่ง

อย่างไร แล้วทั้งหมดนี้จะเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตเขายามคับขัน เพราะไม่มี
สหายร่วมด้วย เขาไม่อาจจัดการสัตว์อสูรระดับแปด ได้ง่ายอย่างที่เคย ห้า
วันผ่านไป ยามฟ้ามืดฉินหยุนจะรีบเดินทาง ด้วยการชี้นําของยันต์ค้นหา
วิญญาณ เขากําลังเข้าไปในเขตที่สามแล้ว!

“หยินเชิ่งอยู่เขตสามหรือ? คงได้เจอสหายในพื้นที่ไม่น้อย!” แม้ ฉินหยุน
ไม่รู้เรื่องของเขตสาม แต่เขาทราบได้ว่าเป็นเขตสามก็ เพราะบ้านที่ดูดีกว่า
และพลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่า ยามคํ่าคืน เมืองแห่งนี้จะมีแสงอ่อนจาง
ของดวงดาวและดวง จันทราสาดส่อง เรื่องนี้ไม่ได้เป็นผลต่อฉินหยุนที่
สามารถ กลมกลืนกับความมืดแต่อย่างใด ตู้ม! อย่างกะทันหัน เสียงดัง
สนั่นดังจากระยะไกล เป็นผลให้ฉินหยุน หันควับมองอย่างแตกตื่น ๆ

“หยินเชิ่งน่าจะอยู่ทางนั้น! ถ้ามันกําลังรับมือสัตว์อสูร เรา น่าจะหาโอกาส
ฉกฉวยช่วงชุลมุนโจมตีมันได้” เป็นเวลาครึ่งวัน ตั้งแต่ฉินหยุนเข้าถึงเขต
สาม เขาไม่ได้พบสัตว์อสูรใดแม้สักตัว ทว่า เขตสามค่อนข้างใหญ่ ดังนั้น
จะต้องมีฝูงสัตว์อสูรซ่อนตัว อยู่อย่างแน่นอน ฉินหยุนระมัดระวังขณะลอบ
เข้าไปใกล้พื้นที่ซึ่งกําลังเกิดการปะทะ

เมื่อเข้าใกล้ได้มากพอ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงออ ร่าพลัง
ภายในของหยินเชิ่ง นอกจากหยินเชิ่งแล้ว ยังมีอีกเจ็ด คนที่อยู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่แปดหรือเก้า

“จักรวรรดิเทียนหลิงก็มีดีเหมือนกันนี่!” ฉินหยุนครุ่นคิดกับ ตนเองอยู่พัก
หนึ่ง ก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต้าและกายวร ยุทธ์ระดับเก้ารวมกลุ่มกัน
อยู่ ด้วยระดับแปดอีกจํานวนหนึ่ง พวกเขาสามารถเรียกตัวเองเป็น
จักรวรรดิได้ ทว่า โชคพวกเขาคล้ายไม่ดีนัก พอคิดตั้งตนเป็นจักรวรรดิ ฝูง
สัตว์อสูรก็มาถึงพอดี

“จักรวรรดิเทียนหลิงจะต้องใช้โอกาสช่วงสัตว์อสูรบุกรุกหาทาง รุกราน
ประเทศเล็กแห่งอื่น พวกมันมีสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน หนุนหลัง น่าจะบีบ
บังคับให้ประเทศเล็กหลายแหล่งรวมตัวกับพวกมันได้”

ฉินหยุนมาถึงบริเวณเกิดการต่อสู้ หยินเชิ่งและคณะตอนนี้ กําลังรับมือฝูง
สัตว์อสูรขนาดเล็ก พวกมันมีกว่าสิบตัว และส่วน ใหญ่เป็นสัตว์อสูรระดับ
แปดและเก้า พวกมันมีเขี้ยวแหลมคม และในฝูงยังมีวัวกระทิงลําตัวยาว
กว่าสี่เมตร

“หรือจะเป็นกลุ่มสัตว์อสูรที่ออกมาลาดตระเวนแล้วเผชิญเจอ กลุ่มของห
ยินเชิ่งเข้าให้?” ฉินหยุนหลบซ่อนตัวในความมืด เขาค่อยเคลื่อนกายเข้า
ไปใกล้ร่างของขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับแปดคนหนึ่ง การต่อสู้กําลังตึง
เครียด สถานการณ์กําลังวุ่นวาย ผู้ฝึกตนส่วน ใหญ่มุ่งเน้นสมาธิแต่กับการ
ต่อสู้ตรงหน้า พวกเขาไม่อาจพบ เห็นฉินหยุนที่กลมกลืนไปกับความมืด!

ฉินหยุนนําเอายันต์หนังสัตว์สะกดกายระดับกลางออก และ ขว้างมันเข้า
ใส่ชายวัยกลางคนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด คนหนึ่ง เมื่อยันต์สะกด
กายทํางาน พลังงานโปร่งแสงและไร้สีพลัน ทะลักออกปกคลุมร่างชายวัย
กลางคนเอาไว้ ชายวัยกลางคนตอนนี้ไม่อาจขยับร่าง ใบหน้าเปี่ยมล้นด้วย
ความหวาดกลัว

“ซึม!” กระทิงทองคําตัวหนึ่งคํารามร้องราวพยัคฆ์ขณะพุ่งเข้า ใส่ เขาของ
มันเสียบแทงทะลุร่างชายวัยกลางคน ฉีกร่างอีกฝ่าย เป็นเพียงเศษเนื้อ ชั่ว
ขณะนี้เอง ฉินหยุนนําเอามีดสั้นออกมา เขาเริ่มใช้เคล็ดวิชา รวมจิต
วิญญาณสังหารกับวัวกระทิงที่กําลังกินเนื้อสด ก่อนจะ ใช้วิชาวายุสังหาร
จัดการปลิดชีพวัวกระทิงตัวดังกล่าว

“ได้ผล!” ฉินหยุนสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับแปดได้ เรื่องนี้ทําเขายินดี
ถัดจากนั้น เขาจึงใช้วิธีการเดียวกันนี้จัดการกับคณะของหยิน เชิง สังหาร
ไปได้สี่คน รวมสัตว์อสูรวัวกระทิงก่อนหน้านี้ด้วย เขาได้สังหารวัวกระทิง
ระดับแปดได้สามตัว และระดับเก้าอีก หนึ่งตัว

“ถอยก่อน!” ชายชรากายวรยุทธ์ระดับเก้าร้องตะโกน หยินเชิ่งเองก็พบว่า
เรื่องราวผิดท่า พวกเขาเดิมที่สามารถสะกด ข่มวัวกระทิงเหล่านี้ แต่ตอนนี้
กลับเสียคนถึงสี่ หากเป็นแบบนี้ ต่อไป พวกเขาอาจถูกกวาดล้าง

ฉินหยุนซ่อนตัวเงียบงันในความมืด เพียงรับชมวัวกระทิงไล่ล่า พวกหยิน
เชิ่งขณะไล่ตามโดยรักษาระยะอย่างเงียบงัน หลังการไล่ตามกลุ่มของหยิน
เชิ่งกว่าสองชั่วโมง ในที่สุดพวก มันค่อยหยุดฝีเท้าลง ตอนนี้ยังมีวัวกระทิง
กว่าสิบตัว หนึ่งในนั้น ระดับเก้า ขณะที่อีกเก้าตัวที่เหลืออยู่ระดับแปด ฉิน
หยุนหยุดฝีเท้าหลบซ่อนตัวตนใกล้วัวกระทิง เขากําลัง สับสนว่าควรลงมือ
จัดการสัตว์อสูรที่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เพราะวัวกระทิงระดับเก้าก็บาดเจ็บ
ไปแล้วไม่ใช่น้อย

“หากพี่ใหญ่หลี่และคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย จะจัดการให้สําเร็จไม่ใช่ เรื่องยาก
เลย!” ฉินหยุนกัดฟันกรอด เขาไม่ทราบว่าตนสามารถ จัดการวัวกระทิงที่
เหลือจํานวนมากเหล่านี้ได้หรือไม่ เมื่อนับจํานวนยันต์สะกดกายที่เหลืออยู่
เขามีสิบสองแผ่น

“ขว้างพวกมันออกไปสักสิบน่าจะแช่แข็งวัวกระทิงพวกนี้ได้ หมด!
พิจารณาจากสถานการณ์ ถ้าเราจัดการวัวกระทิงพวกนี้ ไม่ได้ ก็แค่ถอย!”
วัวกระทิงทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ไม่คิดแยกจากฝูง

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ปลดปล่อยยันต์สะกดกายออกไปสิบ แผ่นตาม
จํานวนวัวกระทิงที่เหลืออยู่ หลังจากยันต์สะกดกายทํางาน วัวกระทิง
ทั้งหมดรู้ตัว พวกมัน คิดอยากเคลื่อนไหวแต่ไม่อาจ เป็นพลังประหลาด
สะกดร่างกาย พวกมันเอาไว้ กระทั่งวัวกระทิงระดับเก้าก็ไม่อาจ
เคลื่อนไหว!

“เหมือนที่คิด วัวกระทิงพวกนี้บาดเจ็บ พลังถดถอยไปมาก มัน ไม่สามารถ
เป็นอิสระจากยันต์สะกดกายได้” ฉินหยุนนําคอนราชันยักษ์วิญญาณ
ออกมาและทะยานกายพุ่ง ตัว เขาโคจรพลังภายในเปลวเพลิงทมิฬ
รวมถึงพลังอสนีบาต อัคคีในแขนราชสีห์สวรรค์เข้าใส่คอนราชันยักษ์
วิญญาณ หลังดูดกลืนวัชระกําลังภายใน ผังแปรธาตุและบ้าคลั่งภายใน
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณจึงทํางาน เสียงร้องหวีดหวิวของการ กรีดผ่าน
อากาศของตัวค้อนดังขึ้นขณะฟาดหวดจนพื้นสนั่น

“มังกรหลอมหกกระบวน ทลายอุกกาบาต!”

ฉินหยุนเล็งที่หัวของวัวกระทิงระดับเก้าซึ่งแข็งแกร่งที่สุดก่อน ฟาดหวดลง
เต็มแรง

ด้วยเสียง “ตูม” ดังขึ้นพร้อมอสนีบาต และอัคคีเพลิงปะทุ หัวนั้นแหลกเละ
วัวกระทิงระดับเก้าถูกสังหารด้วยการฟาดค้อนเพียงครั้งเดียว!

ฉินหยุนใช้โอกาสนี้เผยออร่าออกและฟาดหวดเข้าใส่หัวของวัว กระทิงตัว
อื่นด้วยค้อน ผ่านมังกรหลอมหกกระบวน เขา สามารถจัดการพวกมันได้
เพียงการโจมตีครั้งเดียว! พละกําลังของการฟาดหวดแต่ละครั้งสะเทือน
พื้นดิน กระทั่ง พื้นดินปริแตก! วัวกระทิงทั้งหมดล้มตายแน่นิ่งกับพื้น ฉิน
หยุนสูดลมหายใจเข้า ลึกขณะยินดีอยู่ภายใน

“เราจัดการวัวกระทิงพวกนี้ได้!” เขาจ้องมองค้อนราชันยักษ์วิญญาณใน
มือขณะพบว่าเรื่องนี้ ยากจะเชื่อ แม้เขาไม่ได้ใช้พลังภายในทั้งหมด แต่
ความกังวล เมื่อครู่ก็ทําเอาเขาใช้ทุกอย่างที่มีจริง ๆ

หลังจัดการเก็บร่างวัวกระทิงจนครบ ฉินหยุนจึงเร่งรีบหา สถานที่พักฟื้น
กําลังภายในที่เมิ่งใช้ไปเมื่อครู่ การล่าวัวกระทิง ของเขาเมื่อครู่นี้สามารถ
แลกได้ยี่สิบล้านแต้มเสวียน ตอนนี้ แก่นอสูรในมือของเขามีมูลค่ารวมแล้ว
ทั้งสิ้นแปดสิบ ล้านแต้มเสวียน หลังพักผ่อนจึงพบว่ารุ่งสางแล้ว เขาค่อย
ขัดเกลายันต์สะกด กายเพิ่ม

“เป็นอาจารย์จารึกนี้ดีจริง ๆ!” ฉินหยุนนึกย้อนถึงผลลัพธ์ของ ยันต์สะกด
กายต่อฝูงสัตว์อสูร กระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ออกครั้งหนึ่ง สัตว์อสูร
ระดับที่แปด ตราบเท่าที่มียันต์สะกดกาย พวกมันจะไม่ สามารถขยับ
ร่างกายได้

“ถ้าเราเจอสัตว์อสูรระดับเก้าที่พร้อมสมบูรณ์ ยันต์สะกดกาย คงใช้งาน
แทบไม่ได้ ต้องเน้นจัดการพวกที่ได้รับบาดเจ็บ” ฉิน หยุนยิ่งมายิ่งหิว
กระหายการสร้างยันต์สะกดกายระดับสูง ทว่า เขาในตอนนี้ไม่มีหนังสัตว์
ปีศาจระดับที่เก้า

“หนังสัตว์อสูรพวกนี้น่าจะใช้ได้!” ฉินหยุนนําเอาหนังสัตว์อสูร วัวกระทิง
ระดับเก้าออกมา หนังวัวกระทิงเป็นสีทอง ทั้งยังหนาราวก้อนอิฐ และยัง
แข็งแกร่งราวก้อนหิน ฉินหยุนต้องใช้ค้อนราชันยักษ์วิญญาณเพื่อทุบหนัง
สัตว์อสูร พวกนี้ จากนั้นจึงใช้ความร้อนผ่านทางผังแปรธาตุขัดเกลาขึ้น
เป็นแผ่นบาง และใช้วัชระกําลังภายในจัดการพวกมัน

“ใช้ได้นี่! หนังสัตว์อสูรพวกนี้ก็เหมือนหนังสัตว์ปีศาจทั่วไป ดี เลย!” ฉินหยุ
นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก ในภายหน้า เขาสามารถได้รับหนังสัตว์พวกนี้
อีกจํานวนมาก ทั้งยังง่ายแก่การ ซื้อหาอีกต่างหาก หลังนําไปขัดเกลา มัน
จึงกลายเป็นยันต์หนังสัตว์ที่มาก ประโยชน์และลํ้าค่า เพื่อให้เป็นยันต์
ระดับสูง ยันต์ต้องมีการแกะสลักผังวิญญาณ มากกว่าหนึ่ง นอกจากนี้
พวกมันยังต้องมีการแกะสลักผังรวบรวมพลังไว้ร่วมกับผังวิญญาณอื่น

เพื่อกักเก็บพลังจํานวน มากสําหรับทําให้ผังวิญญาณอื่นทํางานได้ดีมาก
ขึ้น ตอนนี้ เขาจําเป็นต้องแกะสลักผังสะกดกายเอาไว้สองด้านของ แผ่น
หนังสัตว์ และยังต้องแกะสลักผังรวบรวมพลังให้เชื่อมต่อ กับฝั่งสะกดกาย
เมื่อขัดเกลามันด้วยค้อนราชันยักษ์วิญญาณ เขาสามารถแกะสลักผัง
วิญญาณไว้ในตัววัสดได้ ด้วยประสบการณ์จํานวน มาก

เรื่องนี้ไม่ได้ยากแก่เขาแต่อย่างใด ด้วยพื้นที่ขนาดเล็ก มันเป็นเหตุผลหลัก
ที่ทําให้งานยาก เพราะ ต้องแกะสลักผังวิญญาณจํานวนมากลงไปโดย
ต้องไม่ให้ทับ ซ้อนขัดแย้งกัน เขาต้องใช้เวลาทั้งวันและคืนกว่าจะขัดเกลา
ยันต์หนังสัตว์ ระดับสูงขึ้นได้

“ยากจริง!” หลังทําสําเร็จ เขาพบว่าตัวเองแทบหมดเรี่ยวแรง เดิมที ด้วย
สภาพแวดล้อมอย่างนี้ เขาจําเป็นต้องสะสมพลัง สํารองเอาไว้จํานวนหนึ่ง
เพื่อเหตุไม่คาดฝันด้วย

แต่ด้วยความตั้งใจจนลืมตัว เขาถึงกับใช้พลังภายในจนถึงหยด สุดท้าย
เพื่อสร้างยันต์สะกดกายระดับสูงขึ้น! ขณะนอนกับพื้น เขากล่าวโทษ
ตนเอง เป็นเขาไม่อาจระงับ ความต้องการของตัวเองได้ โชคยังดีที่ไม่มี
เหตุการณ์เกินคาดคิดแต่อย่างใด เขาสามารถพัก ฟื้นได้ในระยะเวลาเพียง
สองชั่วโมง จากนั้นเขาจึงค่อยไล่ตาม หยินเชิ่งในช่วงฟ้ามืด

“หยินเชิ่งอีกไม่นานต้องตายด้วยมือข้า!” ร่างฉินหยุนทะยาน ออกด้วย
พลังเงาที่ผสานกลมกลืนกับความมืด ด้วยยันต์ค้นหาวิญญาณ การตาม
รอยหยินเชิ่งไม่ใช่เรื่องยาก ระหว่างทาง เขาพบสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจํานวน
หนึ่ง แต่โชคดี ที่พวกมันไม่เจอตัวเขา หากต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูร
แข็งแกร่ง กับเขาคนเดียวไม่ ต้องพูดถึง กระทั่งว่ามีขอบเขตวรยุทธ์เฝ้เคียง
บ่าเคียงไหล่ยัง ไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยซํ้า

“สัตว์อสูรเหล่านี้เป้าหมายหลักคือกินคน บางครั้งพวกมันก็กิน สัตว์อื่น
ดังนั้นแล้วสัตว์อสูรและสัตว์อื่นในพื้นที่จึงตั้งป้อมระวัง ต่อกัน” ฉินหยุนพบ
เห็นกระดูกที่แตกหักของสัตว์ปีศาจตามรายทาง พวกมันเหล่านี้คือเศษ
ซากที่ผ่านการกินไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนท
ี่211 จักรวรรดิเทียนหลิง

ตั้งแต่ที่ฉินหยุนเข้ามาในเขตสาม บ่อยครั้งเขาจะได้ยินเสียง คํารามของ
สัตว์ดังจากระยะไกล เขาต้องปรับความระแวดระวัง ถึงขั้นสูงสุด เป็น
เพราะหากเมื่อใดที่รับรู้ตัวตนของสัตว์อสูร เขาจะได้ตอบสนองได้เร็ว
ทันท่วงที

“ยันต์ค้นหาวิญญาณนี่มีปัญหาหรือเปล่า? ทิศทางที่ชี้ไปตอนนี้ มันเขต
สอง หรือพวกหยินเสิ่งเข้าไปอยู่ในเขตสอง?” ฉินหยุนตอนนี้กําลังมองยันต์
ค้นหาวิญญาณที่ค่อย ๆ ลอยไปยัง ส่วนลึกของเมืองอี้ เขาเกิดความลังเล
ว่าควรไล่ตามไปดีหรือไม่

“ถ้าเป็นตอนกลางคืนที่เราใช้พลังเงาได้ พวกสัตว์อสูรคงไม่มี ทางหาตัวเรา
เจอ ต่อให้เขตสองมีสัตว์อสูรทรงพลังจํานวนมาก เราก็สามารถลอบเข้าไป
ได้โดยไม่ถูกพบเห็น”

ท้ายที่สุด ฉินหยุนตัดสินใจมุ่งหน้าสู่เขตสอง ช่วงเวลากลางคืน เขาหลบ
ซ่อนตัวตนในความมืดขณะมุ่งหน้า ไปยังเขตสอง เดิมเขาคิดอยากเข้าเขต
สองอยู่แล้ว แต่หลังไปถึงเขตสามบ่อยครั้งเขาได้พบสัตว์อสูรทรงพลังอยู่
กันเป็นฝูง เพราะสัตว์ อสูรในเขตสามยังทรงพลังเพียงนั้น เขาจึงลังเลไม่
กล้าเข้าไปลึก แต่พอตอนนี้พวกหยินเชิ่งอยู่ในเขตสอง เขาจึงไม่มีทางเลือก
นอกจากต้องเข้าไป ไม่นานหลังฟ้าสาง ฉินหยุนปล่อยพลังจิตออก

เขาสัมผัสได้ถึง ออร่าสัตว์อสูรในบริเวณ มันเป็นสัตว์ระดับวิญญาณ! “เรา
ต้องรีบไปให้พ้นจากพื้นที่ฝูงสัตว์อสูรโดยเร็ว!” เขาตัดสินใจใช้ทางอ้อม
และเมื่อฟ้ามืด เขาจึงพบห้องใต้ดิน แห่งหนึ่งเพื่อใช้หลบซ่อน อย่างไรแล้ว
เขาก็แค่ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ในช่วงกลางวัน เขาไม่อาจ
ใช้พลังเงาได้ หากสัตว์อสูรพบเจอเขาเข้า มันจะเป็นเรื่องอันตรายเกินไป
ดังนั้นช่วงระหว่างวัน เขาจึงต้องหาสถานที่หลบซ่อนตัว

อาคารส่วนใหญ่ที่นี่จะมีห้องใต้ดินอยู่ลึกลงไป ส่วนใหญ่เอาไว้ ใช้เก็บ
อาหาร ไวน์ และสินค้าอื่น มันจึงเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขา ที่จะหาห้องใต้
ดินเพื่อซ่อนตัว ระหว่างช่วงกลางวัน ฉินหยุนหลบซ่อนในห้องใต้ดินและใช้

เวลาไปกับการทํายันต์ขึ้นมา ตอนนี้ยันต์ที่เขาจัดทําขึ้นล้วนเป็นยันต์หนัง
สัตว์ระดับสูง มี เพียงยันต์ระดับนี้จึงค่อยสามารถใช้รับมือกับสัตว์อสูร
ระดับเก้า

มันต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมากในการจัดทํา ยันต์หนังสัตว์
ระดับสูงขึ้นสักแผ่นหนึ่ง หลังฉินหยุนจัดทํายันต์ผ่านไปครึ่งวัน เขารู้สึก
อ่อนแรงจน ร่างกายเริ่มสั่น

ทว่า เขาหาได้สนใจไม่ เอาแต่ตั้งหน้าทํายันต์เพิ่มขึ้น กระทั่งว่า ภายนอกมี
การเคลื่อนไหว แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน การ ออกไปด้านนอกถือเป็น
เรื่องอันตราย ระหว่างช่วงกลางวัน ฉินหยุนไม่อาจปิดผนึกตัวตนได้โดย
สมบูรณ์ หากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ผลลัพธ์ที่ได้คง มีแต่ความ
ตายแล้ว เมื่อฉินหยุนจัดทํายันต์สะกดกายระดับสูงเรียบร้อย ก็เป็น
ช่วงเวลากลางคืนพอดี ตั้งแต่ช่วงกลางวันจนถึงตอนนี้ แรงสั่นสะเทือนบาง
เบาจะ เกิดขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะกับตอนนี้ แรงสั่นสะเทือนยิ่งมายิ่ง
รุนแรง

“หรือไกลออกไปจะมีการต่อสู้ใหญ่โต แต่นี่ก็นานเกินไป หรือจะ เป็นฝูง
สัตว์อสูรสองฝ่ายต่อสู้กันเอง?” ฉินหยุนสํารวจยันต์ สะกดกายระดับสูง
หลังยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงค่อยเก็บ เขานําเอายันต์ค้นหาวิญญาณ
ออกมา ทําการตรวจสอบ ตําแหน่งโดยคร่าวของหยินเชิ่งและออกเดินทาง
ในทันที

กลางคืนฟ้ามืดสนิท ฉินหยุนเปรียบดั่งภูตผีในยามคํ่าคืน ราว กับผู้กลืน
หายในความมืด เขาสามารถปกปิดตัวตนได้อย่าง สมบูรณ์ในความมืด
ขณะทะยานกายมุ่งตรงไป “แปลก ยิ่งมายิ่งรู้สึกถึงแรงสั่นไหวของพื้นดิน
หรือนี่เรากําลัง เข้าใกล้สถานที่เกิดการปะทะ?”

ฉินหยุนมองไปทางหมู่เมฆหนา บนท้องฟ้าขณะรู้สึกถึงสายลมพัด เขาเกิด
ความรู้สึกว่าหยินเชิ่งและคณะกําลังต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรอยู่ ในใจเขาเปี่ยม
ล้นด้วยความสงสัย ฝีเท้ายิ่งก้าวทะยานรวดเร็ว ขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปยัง
จุดหมายปลายทาง ผ่านไปกว่าสี่ชั่วโมง เขาได้ยินเสียงร้องคํารามของสัตว์
จาก ตรงหน้า ด้วยเหตุนี้จึงนําเอายันต์ค้นหาวิญญาณออกมา ได้เห็นยันต์
ค้นหาวิญญาณส่องแสง เขาพลันยินดี!

“เป็นมัน! หยินเชิ่งอยู่ตรงหน้า!” เฉินหยุนเก็บยันต์ค้นหาวิญญาณขณะลด
ความเร็วลง เขาเพิ่ม ความระแวดระวังมากขึ้นขณะเข้าไปใกล้สมรภูมิรบ
ตรงหน้า

ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้เห็นร่องรอยการระเบิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ทั้งยังมี ออร่าอัน
แข็งแกร่งของสัตว์อสูร ตรงหน้าเขา บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มฝุ่นที่ตลบ
อบอวล มีแสง วูบไหวปรากฏขึ้นหลายต่อหลายครั้ง

“เป็นผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าและตรงนั้นก็มีอีกคน!” ฉินหยุนลอบ ตระหนก เขา
ไม่เคยคิดว่าหยินเชิ่งจะเรียกยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋า หลายคนมารวมกันได้
เหตุนี้เขาจึงได้เข้าใจว่าทําไมหยินเชิ่งจง กล้าบุกถึงเขตสาม ฉินหยุนชะลอ
ฝีเท้าขณะนําเอายันต์ค้นหาวิญญาณออกมา ก็ เหมือนเช่นทุกครั้ง มัน
บ่งชี้ไปยังทิศทางที่หยินเชิ่งอยู่ หลังจากยืนยันได้แล้ว เขาจึงเพิ่มความเร็ว
และความระวังมากขึ้น

อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาอยู่ในสมรภูมิรบตึงเครียดแล้ว ที่แห่งนี้มีฝุ่นทราย
กระจายฟังทุกหนแห่ง ก้อนหินและเศษซากก็ ปลิวกระจายทั่วทุกที่ เป็น
สมรภูมิรบที่แสดงถึงความดุเดือด แต่ เพราะเขาสามารถกลมกลืนกับ
ความมืดจึงค่อยวางใจได้อยู่

“หน่วยของพวกมันอย่างน้อยน่าจะมีผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าสามคน น่าจะ
กําลังรับมือกับสัตว์อสูรระดับวิญญาณ ไม่อย่างนั้นแล้ว คงไม่เกิดความ
วุ่นวายขนาดนี้แน่”

ฉินหยุนครุ่นคิดขณะปล่อยพลังจิตออกไปตรวจหาออร่าของห ยินเพิ่ง ไม่
ช้า เขาก็พบตําแหน่งของหยินเชิ่ง! หยินเชิ่งและคณะบุคคลระดับแปดและ
เก้า ตอนนี้กําลังต่อสู้กับ สัตว์อสูรคล้ายสุนัขอยู่ สัตว์อสูรสุนัขตัวนี้ลําตัว
ยาวราวสามเมตร ร่างปกคลุมด้วย เกราะหนังยาวหลายเมตร หางหนา
และใหญ่ มันโบกสะบัด คล้ายสามารถโจมตีได้อย่างอิสระ อย่างกะทันหัน
สัตว์อสูรสุนัขพลันสะบัดหาง พร้อมกับมีหนาม จํานวนมากพุ่งออกมา!
หนามเหล่านี้เปี่ยมไปด้วยพลังแอบแฝง หลังถูกยิงออก มันเกิด การระเบิด
ขึ้น!

ตู้ม! เพียงพริบตา สิ่งปลูกสร้างหลายแห่งใกล้เคียงพังทลาย ยิ่งมายิ่งมี
กลุ่มฝุ่นหนาแน่น หยินเชิ่งขับไล่กลุ่มฝุ่นทรายด้วยยันต์วายุให้พัดหายไป
กับ อากาศ จากนั้น สัตว์อสูรสุนัขจึงเผยเขี้ยวเล็บออกพุ่งทะยาน อย่าง
ดุดัน ฉินหยุนกํายันต์สะกดกายไว้แน่นในมือ แต่เขายังไม่คิดลงมือ!

เขาไม่มั่นใจมากพอว่าตนสามารถทําสําเร็จ และกังวลว่าผู้อื่นที่ อยู่ร่วม
ด้วยจะพบเห็นตัวเองเข้า สัตว์อสูรสุนัขเป็นสัตว์อสูรระดับเก้า ดังนั้นแล้ว
สัมผัสด้านกลิ่น ของมันจึงดีเยี่ยม หากต้องตกเป็นเป้าหมายย่อมไม่ใช่
เรื่องดี! ตอนนี้ เขายังหาโอกาสให้ลงมือเหมาะเจาะไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่
สังเกตการณ์ไปก่อน

ฉินหยุน ผู้ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง ฉับพลันสัมผัส ได้ว่ามีคน
เข้ามาใกล้ เขาตระหนกขณะมองไปยังทิศทางที่ออร่า ใกล้เข้ามา เป็นเด็ก
หนุ่มสวมใส่ชุดเกราะสีเงิน ฉินหยุนใช้พลังเงาปิดซ่อนตัวตนในความมืด
แต่แล้วตอนนี้ เขา รู้สึกว่าตนถูกพบเจอตัวเข้าแล้ว เพราะเหตุนี้เขาจึง

ตื่นตัวขึ้นมา อีกฝ่ายน่าจะอายุราวยี่สิบ ร่างกายสวมใส่ชุดเกราะสีเงิน
ระดับ การฝึกฝนคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด

มีเพียงเหตุผล เดียวที่ชายคนนี้ปรากฏตัวที่นี่ อีกฝ่ายย่อมต้องเป็นผู้ร่วม
หน่วย ของหยินเชิ่งและตัวตนต้องไม่น้อยหน้าผู้ใดอย่างแน่นอน

“วิญญาณสัตว์ร้าย?” หลังจากชายชุดเกราะสีเงินกล่าวเช่นนั้น เขาจึงโยน
ตาข่ายแสงสีทองเข้าใส่ฉินหยุน ฉินหยุนสะดุ้ง เขาไม่คิดว่าชายในชุด
เกราะสีเงินจะพบเจอตัว เขาเข้าจริง นอกจากนี้แล้ว ตาข่ายที่โยนออกมา
ยังเป็นอุปกรณ์ วิญญาณที่ค่อนข้างดีเสียด้วย

แม้เขาหลบได้ในครั้งแรก ตาข่ายนี้กลับแปลกประหลาดนัก มัน ไม่ใหญ่
แต่เมื่อมันใกล้ถึงตัว ขนาดมันกลับใหญ่ยิ่งทั้งยัง ปลดปล่อยม่านพลังได้
ฉินหยุนที่หลบไปนับร้อยเมตรยังติดกับ! หลังโดนจับได้ ตาข่ายนี้หดตัวลง
และปลดปล่อยสายฟ้าออก

“แม่ทัพหยิน เขาจับปลาได้ตัวหนึ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายในชุดเกราะ หัวเราะดัง


องค์ชาย เหตุใดท่านจึงออกมา? ที่นี่อันตรายเกินไป!” ด้วยสี หน้าเปี่ยม
ด้วยความกังวล หยินเชิ่งเร่งรีบทะยานกายมา

“ข้า จะพาท่านออกจากที่นี่ก่อน” ชายชุดเกราะสีเงินผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่
เป็นองค์ชายรัชทายาท แห่งจักวรรดิเทียนหลิง หลิงหยวน! ใบหน้าอหังการ
ของหลิงหยวนเปี่ยมด้วยความไม่ชอบใจ เขา คว้าตาข่ายเอาไว้ลากฉิน
หยุนเดินตามหยินเชิ่งออกจากสมรภูมิรบ

หลังจากฉินหยุนโดนจับตัวไว้ได้ เขาโดนพลังไฟฟ้าเล่นงานไป ไม่ใช่น้อย
แต่ด้วยเพราะพลังธาตุตะวันทมิฬ เขาจึงสามารถ ปลดปล่อยพลัง
แยกสลายสายฟ้าให้มันอ่อนแรงลงได้ หลังจากหยินเชิ่งออกพ้นจาก
สมรภูมิรบพร้อมหลิงหยวน เขา เอ่ยเตือน

“องค์ชาย พวกเราให้สัญญาต่อฝ่าบาทว่าพวกเราพา ท่านมาที่นี่ แต่ท่าน
ต้องให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย โดย การอยู่ให้ห่างจากสมรภูมิรบเพื่อ
ความปลอดภัย” หลิงหยวนโยนคนที่ตนจับได้ลงกับพื้นขณะหัวเราะ

“ดู ข้าจับ อะไรได้กันนะ? เหมือนจะเป็นคนเสียด้วย!” ฉินหยุนที่โดนจับตัว
ได้ พลังเงาจึงไม่ทํางาน ตัวตนเขาถูก เปิดเผย เมื่อหยินเชิ่งได้เห็นใบหน้า
ฉินหยุน ใบหน้านี้พลันเปี่ยมด้วย ความตกตะลึง ถัดจากนั้น ความโกรธ
ฉายชัดที่ใบหน้าตะโกน กล่าว

“เป็นมัน! เป็นมันนี่เอง! พวกมันทําให้พวกเราโดนฝูง หมาป่ าโจมตี ทําให้
เราเสียคนไปมาก!”

ถัดจากนั้น หยินเชิ่งจึงเตะเข้าใส่ใบหน้าฉินหยุนคราหนึ่ง ทั้งยัง สบถลุ่มถุย
ออก

“องค์ชายขอรับ ท่านวิเศษยิ่งนัก ไอ้สารเลว น้อยนี้ที่ท่านจับตัวมันได้ พวก
เราค้นหามันมานานยิ่งแล้ว!” หลิงหยวนสํารวจมองใบหน้าฉินหยุนก่อน
กล่าวตื่นตกใจไม่น้อย “มัน มันเป็นฉินหยุน! ข้าเคยเห็นภาพของมันมา
ก่อน เป็นฉินหยุน!”

หยินเชิ่งยืนงงไปวูบ เขาไม่เคยคิดว่าฉินหยุนที่มีชื่อเสียงผู้นั้นจะ ปรากฏแก่
สายตาตรงหน้า!

“ดีมาก วิเศษมาก! ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงหยวนหัวเราะออก

“ตราบ เท่าที่ข้าสังหารฉินหยุนได้ ชื่อเสียงข้าจะลือไกล! พวกเรามาที่นี่
โดยไม่สูญเปล่าแล้ว เรื่องนี้จะยิ่งขจรความกล้าแกร่งของ จักรวรรดิเทียนห
ลิงของเรา!” เมื่อหยินเชิ่งได้ยินดังนี้ เขาหัวเราะรับคําก่อนเตะใส่ร่างฉิน
หยุน อีกครั้งหนึ่ง

“เจ้ามองหาอะไร? องค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนหลิงของเรา คือหลานชาย
ของผู้นําสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน อย่างไรเล่า!”

ฉินหยุนมองที่หยินเชิ่ง ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร เป็นไอ้สาร เลวผู้นี้ที่
เกือบฆ่าเพิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ เมื่อนึกถึงเมิ่งเฟยหลิงที่อ่อนแรงและ
ได้รับบาดเจ็บ ความโกรธ ของเขายิ่งสุมรุนแรง!

“ฮ่าฮ่าฮ่า องค์ชายที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นหรือ? แล้วยังแต่งกับ เชี่ยวเย่ว์หลาน
แล้วด้วย? ตอนนี้มันตกอยู่ในมือข้า ไม่เห็นต่าง อะไรกับขยะเปียกชิ้น
หนึ่ง!” หลิงหยวนหัวเราะออกจากใจขณะ เตะเข้าใส่ฉินหยุนอย่างไม่ยั้ง
เท้า การทรมานร่างกายอัจฉริยะที่ผู้คนกล่าวขาน ยิ่งทําให้หลิง หยวนรู้สึก
ถึงความเหนือกว่า ยิ่งมาเขายิ่งคิดว่าตนเองคือผู้ ยิ่งใหญ่ใต้หล้า!

“อย่าได้ใจไป!” ฉินหยุนคํารามโกรธแค้นปล่อยยันต์อัคคีออก จุดขึ้นซึ่ง
เปลวเพลิงเผาผลาญ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยันต์อัคคีโสโครกของเจ้าเผาอุปกรณ์วิญญาณ ระดับสูงของข้า
ไม่ได้หรอก!” หลิงหยวนหัวเราะดังขึ้นขณะดับ ไฟด้วยฝ่ ามือ

หยินเชิ่งรับซมจากด้านข้าง ยิ่งนึกสนุกร่วมเตะฉินหยุนยกใหญ่ ฉินหยุนอด
ทนต่อความเจ็บปวด เขากําลังตั้งสมาธิไปที่กระบี่ ของตอนซึ่งหล่นอยู่ไม่
ไกล! เมื่อครู่ตอนเรียกใช้ยันต์อัคคี เขาปล่อยกระบี่ออกไปด้วยพลัง จิต
โดยใช้แสงของไฟที่ปะทุทําให้พวกมันไม่อาจพบเห็น

“องค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนหลิงแล้วยังไง? คิดลองดีกับข้า ดู ตัวอย่างชื่อ
กับฉินเจิ้งเฟิ งไว้!”

ฉินหยุนมองที่ใบหน้าของหลิงหยวนซึ่งกําลังหัวเราะขณะกัด ฟันกรอด เขา
กําลังใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมโดยใช้พลังจิต ทั้งหมดควบคุมกระบี่ให้ลอย
มา หยินเชิ่งพลันพบเห็น คิดหมุนตัวรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันการ! กระบี่หมุนควง
พาดผ่านลําคอของหลิงหยวนปลิดปลงศีรษะอีก ฝ่ายร่วงหล่น! เมื่อหยิน

เชิ่งได้เห็นศีรษะองค์ชายตนเองกลิ้งกับพื้น ขาทั้งสอง ไร้สิ้นเรี่ยวแรง เขา
แทบล้มลงกับพื้น

องค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเทียนหลิงดับดิ้นแล้ว!

หลิงหยวนมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยม เพราะแบบนั้นเขาจึงรู้ถึงฉัน หยุนที่ใช้
พลังเงาก่อนหน้านี้ได้ แต่แล้ว เป็นเขาได้ใจจนเกินไปจึงเตะใส่ฉินหยุนอ
ย่างไม่ยั้งเท้า นอกจากนี้เพราะหยินเชิ่งอยู่ข้างกาย เขาจึงหย่อนความ
ระวัง โดยไม่ทันรู้ตัวถึงกระบี่บินที่มาจากด้านหลัง เมื่อหลิงหยวนไม่อยู่
ควบคุมตาข่าย ฉินหยุนเป็นอิสระ เขาขว้าง ยันต์สะกดกายออกไปเพื่อ
สะกดหยินเชิ่งให้ไม่อาจขยับ!

ตอนท
ี่212 ปื นใหญ่ราชันวิญญาณ

หยินเชิ่งรู้สึกว่าร่างกายไม่อาจขยับ ฉับพลันนี้ เขานึกขึ้นได้ว่า ฉินหยุนเป็น
อาจารย์จารึก นอกจากนี้อีกฝ่ายยังครอบครองยัง วิญญาณระดับสูง
หลากหลายชนิด ตอนนี้ร่างของเขาแน่นิ่ง เพราะอํานาจของยันต์สะกด
กาย ขณะเขาได้เห็นองค์ชายรัชทายาทร่างถูกปลิดปลงศีรษะกลิ้งกับ พื้น
และตนเองตอนนี้ร่างกายไม่อาจขยับ ปากนั้นอดไม่ได้จน ต้องร้องออก

“ไว้ชีวิตข้า!” ฉินหยุนมองหยินเชิ่ง ใบหน้าอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง
เขาแค่นเสียงกล่าว “เจ้าคิดฆ่าพวกเราหลายครั้งหลายหน และข้าก็เกือบ
ถูกเจ้าสังหาร เหตุใดต้องปล่อยเจ้าไปด้วยกันละ?” คําพอกล่าวจบ กระบี่
พลังจิตลอยมา สับฟันเข้าใส่ร่างหยินเชิ่ง!

ฉินหยุนปลดอุปกรณ์มิติเก็บของจากหยินเชิ่งและหลิงหยวน จากนั้นจึง
นําเอายันต์อัคคีออกมาหลายแผ่น โยนออกจัดการ กลบหลักฐานร่างศพ
ก่อนออกจากที่นี่อย่างเร่งรีบ ไม่นานหลังออกมา ผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าจึงเข้า

ดับเปลวเพลิง เมื่อ อีกฝ่ายได้เห็นร่างของหยินเชิ่งและหลิงหยวน เสียง
คํารามร้อง กราดเกรี้ยวดังลั่นอย่างไม่อาจสะกดข่มความโกรธ ฉินหยุนเร่ง
รีบถอยห่างออกจากสมรภูมิรบ กระนั้น เขาก็ยังได้ ยินเสียงคํารามโกรธ
แค้นจากระยะไกลดังอยู่ หลังถอนหายใจ เขาจึงคิดกับตนเอง

“โชคดีนักที่เราหนีออกมา ได้เร็ว!” ท้องฟ้าเกือบจะสว่างอยู่แล้ว ฉินหยุน
ตอนนี้ยังคงวิ่งต่อเนื่องอีก หลายชั่วโมงก่อนเข้าไปยังเขตสองของเมืองอี้
เมื่อเข้าสู่เขตสองแล้ว เขาพลันรู้สึกได้ ว่าบรรยากาศชวนสะพรึงอย่างบอก
ไม่ถูก ยิ่งเข้าไปมากขึ้น ออร่าของสัตว์ระดับ วิญญาณก็ยิ่งทะลักออก

สิ่งที่ชวนสะพรึงที่สุดกําลังปรากฏ เป็นสัตว์อสูรบินได้ที่บินผ่าน ท้องฟ้า
ออกไป! ก่อนรุ่งสาง ฉินหยุนเข้าไปในอาคารที่ถล่มไปแล้วหลังหนึ่งและ
ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดิน

“เขตสองน่ากลัวเกินไปแล้ว! ที่นี่สมควรมีสัตว์อสูรมากกว่าเขต ทั้งหมดที่
ผ่านมา จะมีมนุษย์เหลือรอดอยู่ที่นี่จริงหรือ”

ฉินหยุน หลับตาลงขณะดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันโคจรหล่อเลี้ยง
ร่างกาย พลังวิญญาณในเขตสองค่อนข้างหนาแน่น ดังนั้นจึงเป็น สถานที่
อยู่อาศัยของผู้ฝึกตนทรงพลัง พวกเขาเหล่านั้นจะอยู่ อาศัยกันในเขตหนึ่ง
และเขตสอง กล่าวกันว่ามีผู้ฝึกตนวรยุทธ์ เต๋าอยู่จํานวนหนึ่งด้วยซ้ํา เมือง
อี้ไม่ได้ขึ้นต่อจักรวรรดิใด ดังนั้นจะมีผู้ทรงพลังอยู่ก็ไม่ แปลก ทุกจักรวรรดิ
ต่างรับรู้ ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งของตนกบดานอยู่ใน เมือง

ทว่า ก็ไม่มีตระกูลใดกล้าคิดล้างแค้นในเมืองอี้มาก่อน “พี่ใหญ่หลี่บอกเล่า
ไว้ก่อนหน้า ว่ามีคนยั่วยุตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามและมาซ่อนตัว
ที่นี่ กระทั่งตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามยังไม่กล้าลงมือต่อเมืองอื้อ
ย่างนุ่มบ่าม!”

ฉินหยุนลอบรู้สึกได้ ว่าเมืองอี้เป็นตัวตนไม่ธรรมดา และที่เขต หนึ่งซึ่งเป็น
ศูนย์กลาง มันจะต้องมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ แน่

หลังพักผ่อนชั่วระยะหนึ่ง เขาจึงนําเอากระเป๋ ามิติเก็บของที่ ได้รับจากห
ยินเชิ่งและหลิงหยวนออกมา กระเป๋ ามิติเก็บของทั้งสองไม่มีการลงผัง
สัญญาโลหิต ดังนั้น ผู้อื่นล้วนสามารถเปิดดูได้ตามต้องการ

“มีแก่นอสูรระดับแปดและเก้าจํานวนหนึ่ง รวมกันแล้วน่าจะได้ เกินกว่า
หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน! พวกมันน่าจะอยู่ที่เมืองอี้มานานพอสมควรแล้ว
แน่” ฉินหยุนรับชมแก่นอสูรในกระเป๋ ามิติ เก็บของขณะอารมณ์ดีขึ้นมาทัน
ตา

แก่นอสูรที่เขามีตอนนี้ รวมกับที่เพิ่งได้รับมา ทั้งหมดสามารถ แลกเปลี่ยน
ได้เป็นหนึ่งร้อยห้าสิบล้านแต้มเสวียน ถือว่า มากกว่าที่วัชระไขกระดูก
วิญญาณขวดหนึ่งต้องการถึงห้าสิบ ล้านแต้มเสวียนเลยทีเดียว เขานําเอา
อุปกรณ์ออกมาและเริ่มจัดทํายันต์เพิ่ม ยันต์สะกดกายระดับสูงที่เขาใช้
ก่อนหน้านี้ส่งผลดีเยี่ยม สามารถใช้จัดการกับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
แปดได้โดยไม่ มีปัญหาแต่อย่างใด

ตอนนี้ สัตว์อสูรหลายตัวกําลังวิ่งพล่านไปมาในเขตสอง หาก เขาไม่มียันต์
สะกดกายระดับสูงติดตัวไว้จํานวนหนึ่ง จะเป็นการ ทําให้รู้สึกไม่ปลอดภัย
ในตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นเว้นแต่เพิ่มจํานวนยันต์ระดับสูง ให้มากขึ้น
โดยเร็ว

“อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องมีเผื่อเอาไว้ในสถานการณ์คับขัน!” ฉิน หยุนตอนนี้
คิดอยากรีบนําเอาแก่นอสูรกลับไปแลกเป็นแต้ม เสวียน แต่เขาก็ยังคิด
อยากเข้าสํารวจส่วนลึกของเมืองอี้ด้วย

ตอนนี้เขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ของเขตสองและเขตหนึ่ง แต่เขา คิดอยากไป
ตรวจสอบสถานการณ์โดยคร่าวก่อน เขาอยากให้ มั่นใจว่าตระเตรียม
พร้อมเต็มที่แล้วจึงค่อยเข้าสํารวจเขตหนึ่ง และเขตสอง ตลอดทั้งวันผ่าน
ไป ในที่สุดฉินหยุนก็จัดทํายันต์ระดับสูงได้ สําเร็จ แต่แล้ว ระหว่างที่
พักผ่อน อย่างกะทันหัน เขาสัมผัสได้ถึงเสียง อ่อนจางดังออกมาจากนอก
ประตูห้องใต้ดิน!

“อะไรอยู่ข้างนอก? หรือเป็นสัตว์อสูรหาตัวเราเจอ?” หลังเกิด ความรู้สึกไม่
สบายใจ ฉินหยุนปล่อยพลังจิตออกไปสํารวจที่ นอกประตู

“มีคนอยู่ข้างนอก!” การรับรู้นี้ทําเอาเขาหนักอึ้งยิ่งกว่าสัตว์อสูรมาเยือน
บางครั้ง เป็นมนุษย์เองที่น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์อสูร ยกตัวอย่างก็ บุคคลเช่นห
ยินเชิ่ง

ตึง ตึง ตึง! บุคคลด้านนอกเคาะประตูหินห้องใต้ดินหนักมือพอสมควร ฉิน
หยุนมือกํายันต์สะกดกายเอาไว้แน่น เขาเป็นกังวลขณะนึก หาวิธีแก้ไข
สถานการณ์ อีกฝ่ายที่อยู่นอกประตู มีออร่าของ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ
ที่เก้า กระทั่งว่าเขามียันต์สะกดกาย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายรับมืออีกฝ่าย

“มีคนอยู่ข้างในใช่หรือไม่? ข้าไม่ได้มาร้าย! ผู้อื่นล้วนอยู่ด้าน นอก ตอน
พวกเราผ่านที่นี่ รับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ด้านล่าง พวกเรา จึงลงมาดู และเป็น
พวกเราขาดคนอยู่พอดี ขอกล่าวอย่าง จริงใจว่าคิดเชิญเข้าร่วมกับพวก

เรา” นํ้าเสียงดังขึ้นที่ภายนอกไม่เร่งร้อนหรือเชื่องช้าจนผิดสังเกต เสียงนี้
คล้ายเป็นชายชรา

“ข้าจะเชื่อได้อย่างไร?” ฉินหยุนกัดฟันแน่นเอ่ยถามออกไป นํ้าเสียงนี้เปี่ยม
ไปด้วยความระแวดระวัง

“ระดับการฝึกตนของข้าคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าขั้น สูงสุด หาก
ข้าคิดทําร้ายเจ้า ไม่คิดหรือว่าประตูหินแค่นี้จะหยุด ข้าได้?” เสียงหัวเราะ
กล่าวคํา การเคาะประตูและส่งเสียง ก็เป็นมารยาทประการหนึ่งใน
สถานการณ์เช่นตอนนี้ ฉินหยุนยังคงระแวดระวังขณะใช้พลังจิตเปิดประตู
หิน เขา ยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ หลังประตูหินเปิดออก ชายชราร่าง
ผอมสวมใส่ชุดสีขาวกําลัง ยืนใบหน้ายิ้มแย้ม มือทั้งสองไพร่ไว้ที่ด้านหลัง

“เด็กหนุ่ม พลังจิตเจ้านั้นดีเยี่ยมเพียงนี้? โอ้ใช่ ข้าชื่อเหล่า ถาน!” ชายชรา
เดินเข้ามาขณะยื่นมือให้ฉินหยุน

“ข้าชื่ออาหยุน!” ฉินหยุนไม่คิดกล่าวชื่อจริง เขายังคงมีความ สงสัยต่ออีก
ฝ่ายอยู่ เหล่าถานเองก็พบว่าฉินหยุนยังคงระแวง

เขายิ้มและกล่าวออก “ข้าเพิ่งบอกจุดประสงค์ไป! ตอนนี้ให้ข้า บอก
รายละเอียด หน่วยของพวกเราเดิมที่มีห้าคน แต่หนึ่งใน นั้นด่วนจากไป
หน่วยของเราจึงกลายเป็นมีปัญหายุ่งยากขึ้นมา ทําให้ไม่อาจร่วมงานกัน
ได้ดีนัก” เขาพบว่าฉินหยุนตั้งใจฟังอยู่จึงกล่าวเสริม

“หน่วยของพวก เราประกอบด้วยผู้ฝึกตนกายวรยุทธ์ระดับเก้า แล้วระดับ
การฝึก ตนของเจ้าเล่า?” ที่นี่คือเขตที่สอง หากไม่มีพลังระดับหนึ่ง กระทั่ง
เหล่าถานยังไม่ กล้าเข้ามาโดยลําพัง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดประเมินต่ําต่อเด็ก
หนุ่ม ตรงหน้า

“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!” ฉินหยุนกล่าว

“ข้าแยกกับ หน่วยของตนเองออกมา” เหล่าถานพยักหน้ารับและไม่กล่าว
อันใดเพิ่ม เป็นเขาคิดแต่แรก แล้ว ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ต้องให้ฉินหยุนเข้า
ร่วมหน่วยของตน ฉินหยุนเพียงแค่กายวรยุทธ์ระดับเจ็ด ขณะที่เหล่าถาน
และ สหายอยู่ระดับเก้า ความแตกต่างนี้ค่อนข้างกว้างนัก

หลังคิดอยู่พักหนึ่ง เหล่าถานจึงกล่าว “รอที่นี่ได้หรือไม่? ข้าจะ ขึ้นไป
สนทนากับสหาย นี่ไม่ใช่ข้าปรามาสต่อเจ้า แต่ด้วยระดับ การฝึกฝนของ
เจ้า คงตระหนักได้ถึงอันตรายหากเข้าร่วมหน่วย ของเรา”

ฉินหยุนรู้สึกว่าหากร่วมหน่วยกับผู้อื่นก็ไม่เลวร้ายนัก อีกฝ่ายก็ ไม่น่ามี
ปัญหาอะไร เขาจะได้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นด้วย เขาเร่งรีบเอ่ยคํา

“เหล่าถาน ให้ข้าขึ้นไปกับท่าน!” อยู่ในห้องหินใต้ดินเช่นนี้ลําบากแก่การ
หลบหนีเกินไป แต่หาก อยู่ข้างบนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ย่อมได้!” เหล่าถานยิ้ม จากนั้นจึงเดินนําหน้าไป ขณะเดินขึ้นจากห้องใต้
ดิน ไม่ช้าก็ถึงชั้นหนึ่งของอาคารที่ พังทลาย แม้โกงด้านบนยุบตัวลงมา
แต่โถงที่ชั้นหนึ่งก็ไม่ได้มี ก้อนหินใหญ่กีดขวางอะไรมากนัก พอฉินหยุนขึ้น
มาแล้ว เขาจึงได้พบชายวัยกลางคนสองคนที่ ร่างกายผอมสูง

พวกเขาล้วนสวมใส่ชุดเหมือนอย่างเหล่าถาน ชายวัยกลางคนทั้งสองดู
คล้ายกัน คิ้วค่อนข้างหนาและดวงตา ใหญ่ ส่วนสูงและความกํายําก็
คล้ายกัน เหมือนจะเป็นพี่น้อง ชายชราร่างผอมใบหน้าคล้ายชายวัย
กลางคนทั้งสอง มองเพียง ครั้งเดียวก็ทราบว่าเป็นบิดาของทั้งคู่แล้ว เหล่า
ถานบอกเล่าสถานการณ์ของฉินหยุนให้ทั้งสามรับฟัง

หลังปรึกษาร่วมกัน เหล่าถานจึงเผยรอยยิ้มพอใจขณะเดินมา ทางฉินหยุน
เขากล่าว “อาหยุน นี่คือผู้อาวุโสโจว และนี่คือ บุตรชายทั้งสองของเขา
โจวต้าและโจวเอ้อ พวกเขาล้วนอยู่ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้า และผู้
อาวุโสโจวนั้นใกล้ถึง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว เขาถือว่าแข็งแกร่งที่สุดใน
บรรดาพวก เราสี่คน เจ้าคิดเข้าร่วมหน่วยกับพวกเราหรือไม่?”

“โจวต้า และ โจวเอ้อ ไม่ใช่ชื่อจริง โจวต้าหมายความถึง โจวผู้ พี่, โจวเอ้อ
หมายถึงโจวผู้น้อง”

“ขอรับ ขอข้าเข้าร่วมด้วย!” ฉินหยุนตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อครู่ แล้ว และนี่ก็
ถือเป็นโอกาสอันดี

เหล่าถานและสหายทั้งสี่คนถือว่าแข็งแกร่งยิ่ง หากพวกเขาคิด จัดการเขา
จริง เขาก็คงเสร็จไปแล้ว ไม่มีทางได้สงบใจมาพูดคุย กันเช่นตอนนี้แน่

“ข้าชื่ออาหยุน!” ฉินหยุนเดินเข้าไปคิดจับมือกับพ่อลูกสกุลโจว

“ผู้อาวุโสโจว พี่ใหญ่โจว พี่รองโจว ข้าขอรบกวนด้วยแล้ว!” ผู้อาวุโสโจวยิ้ม
บาง “หากเจ้าเข้าร่วมกับเรา เจ้าก็นับเป็นสหาย พวกเรา แน่นอนว่าพวก
เรายินดีให้เจ้ารบกวน!” โจวต้าหัวเราะ

“เจ้าหนูอย่าได้กังวล! แม้หน่วยเราไม่มีผู้ฝึก ตนวรยุทธ์เต๋า แต่พวกเราเคย
สังหารสัตว์ระดับวิญญาณ มาแล้ว!” โจวเอ้อเผยยิ้ม

“อาหยุน เจ้าโชคดีนักที่เจอหน่วยของพวกเรา ตราบเท่าที่ติดตามพวกเรา
ไป รางวัลที่ได้ย่อมไม่ใช่น้อยอย่าง แน่นอน” ลําพังสี่คนของหน่วยนี้
สามารถสังหารสัตว์ระดับวิญญาณ เพียงเรื่องนี้ก็บ่งบอกถึงพละกําลังอัน
แข็งแกร่งได้แล้ว ฉินหยุนพยักหน้ารับขณะนําเอาสิ่งที่มีออกมาแบ่งปันกับ
พวก

เหล่าถานและพ่อลูกสกุลโจวหาได้กังวลต่อท่าทีของฉินหยุนไม่ พวกเขา
อย่างไรแล้วก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้า ดังนั้น จึงไม่คิดหวาดเกรง
ต่อเด็กหนุ่มระดับเจ็ดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยามเมื่อพวกเขาได้เห็น
อุปกรณ์วิญญาณเก็บของที่ ฉินหยุนมี พวกเขาต่างลอบสงสัยถึงตัวตน
ของอีกฝ่าย ทว่าก็ ไม่ได้คิดถาม ที่นี่ ผู้คนล้วนทราบกันดีว่าไม่มีการเอ่ยชื่อ
ของตนเอง บุคคลในเมืองอี้ล้วนเป็นเช่นนี้

“ผู้อาวุโส พวกท่านล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เหตุ ใดจึงยอม
ให้ข้าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดเข้าร่วม? ไม่ กลัวข้าเป็นตัวถ่วงพวก
ท่านหรือ?” สถานการณ์ตอนนี้อย่างไรฉินหยุนก็ยังมีความสงสัย ได้เห็น
ท่าที ของเหล่าถานและคณะพูดคุยเป็นกันเอง เขาจึงกล้าเอ่ยถาม

เหล่าถานและผู้อาวุโสโจวล้วนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก ผู้อาวุโสโจวกล่าว
“อาหยุน เจ้านั้นต้องรับงานยากลําบากหาก คิดเข้าร่วมกับพวกเรา แต่
อย่าได้กังวล มันไม่ใช่เรื่องอันตราย” เขาขยิบตาให้เหล่าถาน เหล่าสถาน
นําวัตถุทรงกระบอกขนาดประมาณหนึ่งเมตร ออกมา ภายในกลวงและ
มืด มีแหวนทองคําสองวงอยู่ที่ปลาย และต้นของกระบอก ด้านนอกของ
กระบอกแกะสลักไว้ด้วยผัง วิญญาณ ขณะที่ด้านในตัวกระบอกเองก็มีผัง
วิญญาณแกะสลัก ไว้

พอฉินหยุนเห็นมัน โดยทันที เขาทราบว่านี่เป็นอุปกรณ์ วิญญาณที่เหนือ
ลํ้า สีหน้าอดไม่ได้ที่จะเผยความแตกตื่นเอ่ยคํา “นี่อุปกรณ์วิญญาณระดับ
ราชันนี่?” เหล่าโจวประหลาดใจเล็กน้อยและหัวเราะ “สายตาดีเยี่ยม สิ่ง นี้
เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน นามว่าปืนใหญ่ราชัน วิญญาณ! ตัว

ลูกปืนใหญ่ที่พวกเราใช้ คือแก่นอสูรระดับที่เก้า พวกมันสามารถสร้าง
ความเสียหายใหญ่หลวงต่อสัตว์อสูร ระดับวิญญาณได้” เหล่าถานเผย
ใบหน้าจริงจัง

“อาหยุน นี่ให้เจ้าใช้งาน! และนี่ยัง เป็นกุญแจในการโค่นล้มสัตว์ระดับ
วิญญาณ! มีเพียงผู้ ครอบครองพลังจิตแกร่งกล้าจึงสามารถควบคุมและ
ใช้มันเล็ง เป้าหมายได้!”

ตอนท
ี่213 ระดมเพลิง

ฉินหยุนรับฟังแล้วยังต้องพึ่ง เพราะอุปกรณ์ทรงพลังเพียงนั้น กลับถูกส่ง
มอบให้เขาใช้งาน เหล่าถานส่งปืนใหญ่ราชันวิญญาณให้ฉินหยุนและ
กล่าว

“แบก ไว้บนไหล่ จากนั้นใส่พลังจิตเข้าไป มาดูกันว่าเจ้าสามารถ ควบคุม
มันได้หรือไม่!” ฉินหยุนนําปืนใหญ่ราชันวิญญาณขึ้นไว้บนไหล่ก่อนจะใส่
พลัง จิตเข้าไป ตัวลํากล้องสั่นไหวเล็กน้อยขณะเขาพบว่าเชื่อมต่อ กับปืน
ใหญ่ได้สําเร็จ พลังจิตของเขาภายในปืนใหญ่ราชาวิญญาณ เป็นผลให้เขา
สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ระยะไกลผ่านกระบอกปืน ตราบ เท่าที่เล็งด้วย
พลังจิตควบคุมกระบอกปืน เขาจะสามารถโจมตี เป้าหมาย

เหล่าถานและเหล่าโจว ทั้งสองเผยรอยยิ้มพึงพอใจ “ไม่เลว เจ้าสามารถ
ควบคุมมันได้ง่ายดาย ดูเหมือนพลังจิต ของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเรา
คิดเอาไว้เสียอีก” เหล่าถาน หัวเราะ

“เป็นเพราะลูกปืนใหญ่ราคาแพงมหาศาล พวกเราคง ให้เจ้าลองตอนนี้
ไม่ได้ ไว้เจอเป้าหมาย ตอนนั้นค่อยเป็นเวลา แสดงฝีมือ” หากไม่ใช่เพราะ
ฉินหยุน หนึ่งในพวกเขาสี่คนจําเป็นต้องใช้ปืน ใหญ่ราชาวิญญาณโดย
หลบซ่อนตัวอยู่ระยะไกล ส่วนอีกสาม คนที่เหลือ

พวกเขาต้องร่วมมือจัดการสัตว์อสูรหรือคอยหลอก ล่อความสนใจ ตอนนี้
ด้วยฉินหยุนควบคุมปืนใหญ่ราชาวิญญาณจาก ระยะไกล ทั้งสี่คน
สามารถช่วยกันรับมือสัตว์อสูรร่วมกันได้ดี มากขึ้น ในช่วงเวลาวิกฤตเช่น
ตอนนี้ การมีบุคคลที่เหมาะสมช่วยงาน ถือเป็นเรื่องดี เพราะแบบนี้พวก
เขาจึงต้องการให้ฉินหยุนเข้า ร่วม

ฉินหยุนส่งปืนใหญ่ราชาวิญญาณแก่เหล่าถาน มันเป็นวัตถุลํ้า ค่า ผู้อื่นคง
ไม่มอบให้แก่เขาเก็บดูแลโดยง่ายอย่างแน่นอน เขาแทบรอถึงเวลาทดลอง
ใช้ไม่ไหวจนยิ้มออก “เหล่าถานท่านเจอเป้าหมายหรือยัง?”

“ยัง แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เขตสองมีเป้าให้ยิ่งเยอะแยะ!” ผู้ อาวุโสโจว
หัวเราะตอบ

“ไปกัน ออกค้นหาเหยื่อกันดีกว่า” เมื่อเหล่าถานได้เห็นพลังจิตของฉินหยุน
ที่แข็งแกร่งยิ่ง เขายินดี เรื่องนี้จะทําให้ศักยภาพโดยรวมหน่วยของพวกเขา
เพิ่มขึ้น ฉินหยุนติดตามพวกเขาออกสู่ด้านนอกอาคาร ขณะเดียวกัน เขา
มองขึ้นไปยังเก้าตะวันด้านบนท้องฟ้า สัมผัสได้ถึงพลัง วิญญาณที่
หนาแน่นมากขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาอยู่ในเมืองช่วงกลางวัน ขณะ
ตามหลังกลุ่มผู้อาวุโส เขาก็ยังคงระแวดระวังไปด้วยขณะ ถาม “เหล่ากาน
เขตสองนี้มีคนอยู่มากหรือไม่?”
“มีหลายหน่วยหลบซ่อนตัวอยู่ ตามปกติก็ถือว่ายากพบเจอ แต่ เขตสองมี
คนจํานวนไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ จะหาสมาชิกหน่วยที่
เหมาะสม อย่างไรแล้วที่นี่ก็คือเขตสอง มี แต่ปลาใหญ่กับมังกรชุกชุมไป
หมด ถ้าเกิดได้บุคคลเจตนาร้าย เข้าร่วมหน่วย นั่นถือเป็นการสร้างเภทภัย
แก่ตัวเองแล้ว”

เหล่า ถานบอกเล่าออกมา ฉินหยุนเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
เขาเป็นเพียงคน เดียวที่นี่ซึ่งไม่ได้อยู่ที่เมืองอี้แต่แรก ดังนั้นแล้ว เหล่าถาน
และ คณะจึงค่อนข้างวางใจได้ไม่น้อย

“สัตว์อสูรในเขตสองยังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก แต่พวกที่เขต หนึ่งน่าสะ
พรึงนัก สัตว์อสูรแต่ละฝูงอย่างน้อยจะมีสัตว์ระดับ วิญญาณสองตัว มีแต่
หน่วยเล็กที่จัดตั้งโดยผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋าจึงกล้าเหยียบย่างเท้าเข้าไป”
โจวต้าถอนหายใจ ฉินหยุนเกิดความสงสัย

“เหตุใดสัตว์อสูรถึงไปรวมตัวกันที่สอง เขตนี้ละ?”

เหล่ากานพลันหยุดขณะถามผู้อาวุโสโจวและสํารวจมองรอบ ด้าน พวก
เขาวิ่งมาจนถึงตอนนี้และหยุดชะงัก ทางหนึ่ง นี่ก็ เพื่อได้พักฟื้นปรับสภาพ
อีกทางหนึ่ง ก็เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์อสูร ซุ่มโจมตี หลังจากเหล่าถาน
ตรวจสอบรอบด้านเรียบร้อย เขาจึงตอบ

“สัตว์อสูรสังหารผู้คนของเขตสามและสี่ไปมาก พวกมันกักเก็บ ร่างจํานวน
มากเอาไว้ และเคลื่อนย้ายพวกมันสู่เขตหนึ่งและ เขตสอง นอกจากนี้ ยังมี
ธารนํ้าอยู่ในเขตหนึ่งและสอง ต้นธาร นํ้าอยู่ที่ศูนย์กลางของเขตหนึ่ง” ฉิน
หยุนถามต่อ “กรณีแบบนั้น สถานที่ซึ่งใกล้ธารนํ้าคือ อันตรายที่สุด?”

เหล่าถานพยักหน้า “เลียบฝั่งธารนํ้า ส่วนใหญ่จะมีสัตว์อสูร ประจําการอยู่
แน่นอนว่าก็มีกลุ่มมนุษย์สร้างที่หลบภัยใกล้เคียง เช่นกัน ยามเมื่อผู้ฝึก
ตนวรยุทธ์เต๋าและกายวรยุทธ์ระดับเก้า ร่วมมือกัน พวกเขาก็แข็งแกร่งไม่
น้อยหน้าพวกมัน

โจวต้ากล่าว “ถือว่าโชคดี ที่ต้นธารนํ้าอยู่ในเขตหนึ่งเป็นมนุษย์ ปกครอง
อยู่ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจน่ากลัวกว่านี้”

“พี่โจว ท่านเคยไปที่เขตหนึ่งมาก่อนหรือ? สัตว์อสูรที่เขตหนึ่ง สมควรน่า
สะพรึงยิ่ง ข้านึกไม่ออกเลยว่ามนุษย์จะต้านทานสัตว์ อสูรทรงพลังอํานาจ

เช่นนั้นไว้ได้!” ฉินหยุนประหลาดใจไม่น้อย เขายังคิดว่าเมืองอี้ถูกสัตว์อสูร
ยึดครองใจกลางไปหมดเสียแล้ว โจวต้าหัวเราะดัง

“ข้าไม่เคยไปหรอก แต่ข้าอยู่ในเมืองอี้มานานหลายปียิ่ง ข้าจึงรู้ว่ามียอด
ฝีมือหลบซ่อนตัวตนอยู่ในเมือง อี้ และต้นธารนํ้าก็คือสถานที่ซึ่งยอดฝีมือ
ทรงพลังปกครอง ดังนั้นพวกเขาต้องปกป้องมันเอาไว้ด้วยชีวิตแน่” ผู้
อาวุโสโจวหุบยิ้มขณะเผยใบหน้าเคร่งเครียด

“มีกลุ่มสัตว์อสูร ที่พ่ายแพ้มาอยู่ไม่ไกล! รวมแล้วน่าจะมีสามสิบตัว มีห้า
ตัวอยู่ ระดับเก้า หนึ่งในนั้นอยู่ระดับวิญญาณ” “เป็นสัตว์อสูรประเภทใด
กัน?” เหล่าถานขมวดคิ้ว เตรียม หาทางรับมือ

ผู้อาวุโสโจวกล่าวตอบ “อาชาหมาป่ า! ร่างเป็นม้า หัวเป็นหมา ป่ า มีกรง
เล็บอยู่ที่ขาทั้งสี่ หลังจากนั้น เขาจึงนําเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่งวาดรูป
สัตว์ อสูรให้เห็น

“ดวงตาของมันใหญ่เป็นพิเศษ หัวดูแล้วน่าจะแข็งแรงไม่น้อย ปกติสัตว์
อสูรประเภทนี้จะปล่อยพลังงานออกจากปากหรือ ดวงตาเพื่อโจมตีได้”
เหล่าถานเริ่มวิเคราะห์ความสามารถสัตว์ อสูร ผู้อาวุโสโจวตอบคํา “สัตว์
อสูรระดับเก้าจํานวนห้าตัว รับมือได้ ไม่ง่ายเลย ที่เหลือคือระดับเจ็ดและ
แปด ก็ไม่ใช่รับมือได้ง่ายนัก เพราะจํานวน แต่พิจารณาจากจุดที่ว่าฝูงนี้
พ่ายแพ้หลบหนีมาพวกมันน่าจะยังบาดเจ็บอยู่”

เหล่าถานคือผู้นํา ดังนั้นแล้วจึงเป็นเขาตัดสินใจว่าจะลงมือ หรือไม่ “อา
หยุน รับนี่ไป ให้โจมตีไปตามสถานการณ์ ตอนนี้พวกเราไม่ จําเป็นต้องเข้า
โจมตีสัตว์ระดับวิญญาณ นี่เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของพวกเราใน
สมรภูมิเท่านั้น ยกตัวอย่าง หากพวก เราเกิดพลาดและโดนสัตว์อสูรระดับ
เก้าโจมตี เช่นนั้นเจ้า สามารถลงมือ”

เหล่าถานส่งปืนใหญ่ราชาวิญญาณให้ฉินหยุน ทั้งยังมอบไข่มุก สีขาวสาม
ลูกให้ด้วย ฉินหยุนใส่กระสุนปืนใหญ่ทั้งสามลูกในปืนใหญ่ ด้วยการ
ควบคุมของเขา เขาสามารถยิงลูกปืนใหญ่ออกไปได้ตามแต่ใจ ต้องการ

หากเป็นสัตว์ระดับวิญญาณ เพียงสองนัดก็เพียงพอ ทําให้มันบาดเจ็บ
รุนแรงได้แล้ว

“ทางที่ดีก็อย่าได้ยิงจะดีกว่า ลูกกระสุนหนึ่งลูกมูลค่าสิบล้าน เหรียญ
ผลึก!” เหล่ากานตบไหล่ฉินหยุนและยิ้มกล่าว “หากเจ้า มั่นใจ เช่นนั้นก็จะ
ยิ่งสามารถใช้งานปืนใหญ่กระบอกนี้ได้ดีมาก ขึ้น”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ หากระยะเกินหนึ่งพันเมตร ปืนใหญ่จะไม่อาจยิง
อย่างแม่นยําได้

ฉินหยุนตามพวกเขาไป หลังเข้าถึงพื้นที่ระยะหนึ่งพันเมตร เขา จึงปืนขึ้น
บนยอดอาคารแห่งหนึ่งที่สภาพไม่เลวร้ายนักหลบ ซ่อนตัวเอง ด้วยการ
แบกปืนใหญ่ไว้บนไหล่ เขาสามารถใช้พลังจิตเพื่อ ถ่ายทอดเข้าสู่ปืนใหญ่
ทั้งยังสามารถเห็นกลุ่มอาชาหมาป่ าที่ พักผ่อนกันบนพื้น แม้อยู่ห่าง
ออกไปจากตรงนี้แปดถึงเก้าร้อย เมตรก็ยังสามารถเห็นได้ชัดเจน

พวกมันจํานวนหนึ่งกําลังกัดกินร่างมนุษย์ ไม่มีผู้ใดทราบว่า บุคคลที่พวก
มันกําลังกินอยู่นั้นเป็นพวกมันล่ามาได้จากที่ใด ผู้อาวุโสโจวรวดเร็วที่สุด
ดังนั้นเขาจึงเป็นแนวหน้าคนแรกที่ เข้าระยะปะทะ ด้วยขวานในมือทั้งสอง
ฉับพลันเขาจึงปรากฏ ตัวที่ตรงกลางของฝูงอาชาหมาป่ า โจวต้าและโจ
วเอ้อ ทั้งสองตามติดเช่นเดียวกัน อุปกรณ์ วิญญาณของพวกเขาคือกระบี่
หนักยาวสองเมตร เพียงมองก็ ทราบว่ามันหนักมหาศาล กระนั้นพวกเขาก็
สามารถร่ายรําพวก มันได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยการเคลื่อนไหวไหลลื่น
เพียงฟัน

ไม่กี่ครั้งก็สามารถปลิดชีพสัตว์อสูรระดับแปดจํานวนหนึ่งได้ แล้ว เมื่อสาม
พ่อลูกตระกูลโจวเข้าปะทะ พวกเขาก็จัดการอาชาหมา ป่ าระดับเจ็ดและ
แปดไปได้จํานวนหนึ่ง พวกระดับเก้าล้วนได้รับบาดเจ็บ เมื่อพวกมันพบ
เป็นมนุษย์เข้า โจมตี จึงเริ่มตอบโต้

แต่ตอนนี้เอง เหล่าถานก็ทะยานกายเข้า ปลิดชีพพวกมันแล้ว อาวุธ
วิญญาณในมือของเหล่าดานเป็นดาบสั้นขนาดใหญ่ ด้วย การเคลื่อนไหว
รวดเร็วเข้าหาฝูงสัตว์อสูร เป็นเขาเพ่งเล็งสัตว์ อสูรระดับเก้าอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อถึงระยะ ดาบสั้นในมือจึงกวัด แกว่งเข้าใส่ร่างของสัตว์อสูรระดับเก้า
ฝูงสัตว์อสูรหอนร้องด้วยความโกรธแค้น พลังงานมหาศาล พลันทะลัก
จากปากพวกมันขณะดาบสั้นเข้ามาใกล้ แทบจะพร้อมกันนี้ ดาบสั้น
กลับคืนสู่มือของเหล่าถาน พ่อลูก ตระกูลโจวเร่งรีบทะยานกายเข้าหา
อย่างกะทันหัน ออร่าทรงพลังพลันปรากฏ รวมเข้ากับสายลม กระโชก
รุนแรง มันสามารถพัดพาเอาเศษซากอาคารไปได้ นี่เป็นออร่าของสัตว์
อสูรระดับวิญญาณ! ปืนใหญ่บนไหล่ของฉินหยุนเล็งเป้าตามติดสัตว์อสูร
ระดับ วิญญาณผ่านทางจิต

“ขอลองหน่อยเถอะ!” เพียงคิด กระสุนปืนใหญ่สองลูกถูกยิง ออก เพียง
พริบตา พวกมันจึงยิงเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรระดับ วิญญาณที่ห่างออกไปราว
เก้าร้อยเมตร สัตว์อสูรตัวนี้ก็เป็นอาชาหมาป่ าเช่นกัน ทว่าร่างกายของมัน
ใหญ่กว่าตัวอื่นในฝูงเด่นชัด

ตู้ม

หลังจากกระสุนปืนใหญ่พุ่งออก มันเข้าปะทะร่างกายศัตรูอย่าง แม่นยํา
ร่างใหญ่โตของอีกฝ่ายพลันลอยริ้วกระเด็นเข้าไปใน อาคารขนาดใหญ่
แห่งหนึ่ง

ติ้ง!

หลังโดนยิงด้วยปืนใหญ่ ร่างใหญ่ยักษ์ของมันจึงเกิดขึ้นเป็นรู ร่องรอยการ
ระเบิด เลือดและเนื้อถึงกับเหวอะหวะกระเด็นไป

ฉินหยุนตระหนกเมื่อได้เห็นเช่นนี้ นี่คือพลังอํานาจของปืนใหญ่ ราชัน
วิญญาณ มันเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก! เหล่าถานและคณะยินดี
ขณะที่ผู้นําฝูงถูกสังหารไปได้ พวกเขา ตอนนี้ไม่จําเป็นต้องกังวลต่อภัย
คุกคามจากสัตว์อสูรระดับสูง อีกต่อไป ฉินหยุนรับชมพวกเขาต่อสู้จาก
ระยะไกล ตอนนี้รอยยิ้มผ่อน คลายค่อยเผยออก ฝูงสัตว์อสูรร่วงโรยที่ละ
ตัวทีละตัว หน่วยห้าคนสามารถสังหาร ฝูงสัตว์อสูรที่มีสัตว์อสูรระดับ
วิญญาณได้! โดยทันที ฉินหยุนวิ่งเข้าไปบริเวณสมรภูมิรบและยิ้มกล่าว

“นี่ เป็นเพราะพลังอันน่าทึ่งของปืนใหญ่ราชันวิญญาณ หากเป็นผู้ ฝึกตน
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสองคนโดนมันเข้า ไม่ตายก็บาดเจ็บ สาหัสอย่าง
แน่นอน!”

เหล่าถานรับปืนใหญ่คืนจากฉินหยุน เสียงหัวเราะหนักแน่นดัง ให้ได้ยิน
“แน่นอน! สิ่งนี้เป็นมรดกของบรรพบุรุษข้า ย้อนกลับ ไปตอนนั้น เพื่อ
ปกป้องสิ่งนี้ไม่ให้ถูกพรากเอาไป ตระกูลข้าต้อง ถูกขั้วอํานาจหลายแห่ง
รุมเร้า ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกและต้อง มาอยู่ที่เมืองอี้แห่งนี้”

เขาถึงขั้นกล้าส่งมอบของมูลค่าสูงลํ้าให้ฉินหยุนใช้งาน นี่เป็น การเสี่ยง
อย่างยิ่ง แน่นอนว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด กระทั่งว่า
เขาคิดอยากหนี อีกฝ่ายย่อมสามารถไล่ ตามได้ทัน ฉินหยุนคิดอยาก
ครอบครองอุปกรณ์วิญญาณเช่นนี้นัก ทว่ามัน ไม่ใช่ง่ายแก่การหลอมขึ้น
อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน จําเป็นต้องมีพิมพ์เขียวและวัสดุที่จําเป็น
รวมถึงวัสดุพิเศษ หลังนับจํานวนผลเก็บเกี่ยวจากการศึก พวกเขาได้แบ่ง

สัดส่วน กันอย่างเท่าเทียม หากฉินหยุนได้รับแก่นอสูรระดับเก้าจํานวนห้า
แก่น เขาจะ สามารถนําไปแลกเปลี่ยนได้เป็นยี่สิบห้าล้านแต้มเสวียน

นอกจากนี้จํานวนแก่นอสูรจากฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้ที่ถูกทําลาย รวมกันก่อน
แบ่งแล้วสูงลํ้ามากถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้านแต้ม เสวียน เป็นเรื่องดีที่เขา
สามารถได้รับผลประโยชน์มากมาย อย่างไร แล้วเขาก็ไม่ได้ลงแรงอะไร
มากนัก หลังพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อพละกําลังฟื้นคืนแล้ว พวก เขา
จึงออกเดินทางกันต่อ นี่ก็เพื่อค้นหาสัตว์อสูรกลุ่มอื่น ด้วยเวลาสองหรือ
สามวัน พวกเขาเจอสัตว์อสูรอยู่เป็นกลุ่ม จํานวนหนึ่ง เป็นเพราะมีกลุ่ม
สัตว์อสูรขนาดใหญ่มากกว่าร้อย ตัว เหล่าถานจึงตัดสินใจหลีกเลี่ยง
สถานการณ์เช่นตอนนี้พวกเขายังไม่มั่นใจนัก ดังนั้นการไม่ นุ่มบ่ามจึง
ดีกว่า หากพวกเขาไม่สามารถจัดการทั้งฝูงลงได้ ก็หมายความถึง
ผิดพลาด กระทั่งว่าไม่มีผู้เสียสละชีวิต พวกเขาก็อาจต้องเสีย ลูกปืนใหญ่
ที่ลํ้าค่า

ในช่วงเย็น เหล่าถานนํากลุ่มมุ่งหน้าสู่อาคารหินร้างเจ็ดชั้น และเลือก
พักผ่อนที่ชั้นบนสุด “หาเหยื่อที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราจําเป็นต้อง

อดทน” เหล่าถานกล่าวคําขณะยืนตรงหน้าต่างเพื่อรับชมพระอาทิตย์ตก
ดิน ฉินหยุนเองก็อดทนเช่นกัน เพราะอยู่กับเหล่าถานและคณะถือ ว่า
ปลอดภัยมาก หากเขาเผชิญหน้ากับเหยื่อที่เหมาะสม เขา แทบไม่
จําเป็นต้องลงแรงอะไรมากเพื่อรับส่วนแบ่ง อย่างกะทันหัน ผู้อาวุโสโจวซึ่ง
กําลังหลับตาพักผ่อน พลันยืน ขึ้นกล่าวด้วยนํ้าเสียงเคร่งเครียด

“มีคนเข้ามาใกล้ เป็นหน่วย ขนาดเล็กประกอบด้วยผู้ฝึกตนขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋า!”

ตอนท
ี่214 ไข่ผล

กแก

วสัตวอ





แม้สัตว์อสูรทรงพลัง แต่พวกมันไม่ได้อันตรายขนาดรับมือได้ ยาก กลุ่ม
มนุษย์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ที่เชี่ยวชาญการ
ปล้นสังหาร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลบหนีพ้น หากไม่อาจจัดการอีกฝ่าย
ได้ เหล่าถานนําเอาปืนใหญ่ราชันวิญญาณออกมาบรรจุกระสุน ใหม่ เพื่อ
เตรียมรับศึก ผู้อาวุโสโจวกล่าว

“พวกมันรับรู้ถึงพวกเรา ด้วยพละกําลังของ พวกมัน พวกเราหลบหนีไม่พ้น
แน่” เหล่าถานพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยคํานํ้าเสียงหนักอึ้ง

“ทุกคน หากหน่วยที่มาเยือนนี้ไม่เป็นมิตร ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ให้
พวกเจ้าหลบหนี”

ด้วยฐานะหัวหน้าหน่วย เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่อสมาชิกใน หน่วย หาก
เผชิญหน้าอันตราย เขาจะไม่มีทางหนีหาย เรื่องนี้ทําเอาพ่อลูกตระกูลโจ

วต่างเผยความนับถือ ฉินหยุนนํายันต์สะกดกายระดับสูงออกมาเตรียมรับ
ศึกเช่นกัน! เหมือนอย่างพวกเขา อีกฝ่ ายเป็นหน่วยห้าคน ทว่า ในหน่วยมี
ผู้ฝึกตนระดับวรยุทธ์เต๋าร่วมอยู่ด้วย!

ทั้งห้าบินเข้ามาพร้อมเข้าถึงอาคารหินหกชั้น ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่ม
ประกอบด้วยเด็กหนุ่มสองคน ชายวัย กลางคนอีกสอง และผู้หญิงอีกหนึ่ง
และที่ชวนตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋านั้น คือหญิงสาว
ผู้นั้น!

ฉินหยุนและคณะหันสายตาจดจ้องหญิงสาว ไม่เพียงแต่นาง ต้องตา
เพราะขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแต่ท่าที่และรูปลักษณ์ของ นางยังชวนดึงดูด
สายตา หญิงสาวผู้นี้ใบหน้ารูปไข่ แม้รูปลักษณ์ของนางไม่ได้ชวนโลก ตื่น
ตะลึง แต่ก็งดงามพอให้มอง เส้นผมมัดเอาไว้อย่างไม่เป็น ระเบียบนัก
ผิวพรรณของนางเปล่งปลั่งด้วยสีนํ้าตาลข้าว ทั้ง ยังสวมกางเกงขาสั้นหนัง
สัตว์ เผยออกซึ่งขาเรียวยาวงดงาม กายท่อนบนเพียงสวมใส่ด้วยเสื้อหนัง
สัตว์แขนสั้นที่ปิดไว้แค่ ช่วงหน้าอก เผยซึ่งหน้าท้องนวลพร้อมมัดกล้าม
ด้วยร่างสูงเพรียว รูปลักษณ์ของนางจึงดูดิบเถื่อนแต่งดงาม

ทั้ง ยังมีท่าที่คล้ายหุนหันพลันแล่น กล่าวได้ว่าเป็นหญิงสาวดึงดูด เสน่ห์ผู้
หนึ่ง ฉินหยุนเคยเจอโฉมงามมาก็มาก แต่กับตรงหน้าเขาตอนนี้ แม้ นาง
ไม่อาจเรียกได้ว่างดงามหากเขานําไปเทียบเปรียบ แต่ เสน่ห์ของนางมี
เอกลักษณ์เฉพาะจนดึงดูดใจผู้คนได้

“พวกเราคือหน่วยนักล่า หน่วยมังกร!” ชายกลางคนใบหน้า อ้วนกลม
กล่าวคําพร้อมไอแห้ง ถึงตอนนี้ฉินหยุนและคณะค่อยตระหนักว่ามีคนอยู่
ข้างกายหญิงสาว

“พวกเจ้ามาที่นี่กันเพื่ออะไร?” เหล่าถานเอ่ยคํา ภายในใจ เปี่ยมด้วยความ
สงสัยและประหลาดใจ หน่วยของอีกฝ่ายถือว่ายังเยาว์ และยังมีหญิงสาว
ที่แข็งแกร่ง ทว่านางก็ไม่คล้ายจะเป็นผู้นําหน่วย ชายวัยกลางคนใบหน้า
อ้วนกลมยิ้ม

“ก่อนหน้านี้ แถวนี้มีฝูง อาชาหมาป่ าอยู่ ข้าคิดว่าพวกเจ้าสังหารพวกมัน
ไปใช่หรือไม่? จากเรื่องนี้ ก็พอจะบอกได้ว่าพละกําลังของพวกเจ้าไม่เลว
เลย ทีเดียว พวกเรามาที่นี่เพื่อผนึกรวมกําลังพวกเจ้า ทําลายฝูง สัตว์อสูร
ที่แข็งแกร่งที่สุด ฝูงสัตว์อสูรนี้ประกอบด้วยสัตว์อสูร ระดับวิญญาณสอง
ตัว รวมทั้งไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรด้วย!” ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสามารถ
แลกเปลี่ยนได้ห้าสิบล้านแต้ม เสวียน สิ่งนี้มูลค่าทัดเทียมกับแก่นอสูร
ระดับวิญญาณ! เมื่อชายใบหน้าอ้วนกลมมองเหล่าถานและคณะ เขาจึง
กล่าว

“ที่นี่มีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรอย่างน้อยก็ห้า พวกเราไม่ทราบลง ลึกนัก แต่
เมื่อใดที่พวกเราจัดการฝูงสัตว์อสูรลงได้ เจ้าก็น่าจะ ทราบใช่หรือไม่ว่า
ผลประโยชน์ใดรออยู่?”

หากสองหน่วยแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าน่า ประทับใจ!
เหล่าถานกล่าว “ฝูงสัตว์อสูรอาชาหมาป่ าเป็นพวกเราสังหาร เอง! แต่เหตุ
ใดจึงคิดว่าพวกเราคู่ควรเข้าร่วมกับพวกเจ้า? เจ้ามีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าแต่พวกเราหามีไม่!” ชายใบหน้าอ้วนกลมหัวเราะ

“หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าสมควรเป็น ราชาปืนใหญ่เหล่าถานงั้นสินะ? เพียง
แค่ปืนใหญ่ราชัน วิญญาณในมือเจ้าก็เกินพอแล้ว!” เหล่าถานยิ้ม เขา
นําเอาปืนใหญ่ราชันวิญญาณในมือวางลง สิ่ง นี้คือสิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดล้วนคิด
อยากครอบครอง หากอีกฝ่ายคิด อยากโจมตีแย่งชิง พวกเขาคงลงมือไป
นานแล้ว ฉินหยุนเงียบขณะจ้องมองหญิงสาวร่างกํายําก่อนพบว่าอีกฝ่าย
ก็มองเขาเช่นกัน หญิงสาวใช้แขนกอดอกไว้ นางยิ้มอ่อนเผยให้เห็นที่
ใบหน้า แม้ นางทรงพลังและอาจหาญ แต่ดวงตานั้นคล้ายหยอกเหย้าไม่
สิ้นสุด มันดึงดูดจนเกินไป

“อย่าได้คิดว่าเพียงแค่เจ้าขนยังไม่ขึ้นที่ใบหน้า ข้าจะบอกไม่ได้ ว่าเจ้าเป็น
เด็กน้อยผู้หนึ่ง เจ้าอายุเท่าใด?” หญิงสาวหัวเราะ เอ่ยถาม นํ้าเสียงของ
นางระรื่นหู ราวกับสายลมเย็นบางเบาพัดผ่าน ทว่า มันก็เผยร่องรอย
อํานาจไว้ในนํ้าเสียงนี้ด้วย

“สิบหก!” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนรู้สึกยุ่งยากใจเพราะตนยัง เด็ก
โดยเฉพาะการต้องบอกอายุตนเองต่อหญิงสาวที่แข็งแกร่ง เช่นตรงหน้า
ชายใบหน้าอ้วนกลมขมวดคิ้ว

“เหล่าถาน นี่หลานชายเจ้า หรือ?” เหล่าถานส่ายศีรษะ

“ไม่ เขาคือคนที่แยกออกจากหน่วยตนเอง พวกเราบังเอิญเจอเขาหลบ
ซ่อนในชั้นใต้ดิน จึงให้เขาเข้าร่วม หน่วยด้วย ระดับการฝึกฝนของเขาคือ
ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด แต่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก” เด็กหนุ่มใน
ชุดดํากล่าวเฉียบคม

“พวกท่านเข้าร่วมหน่วยเราได้ แต่เด็กนี่ไม่! เขาจะถ่วงพวกเรา!”

เด็กหนุ่มอีกคนจากหน่วยมังกรเองก็เอ่ยปาก “เป็นตามนั้น เขา เพียงแค่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด หากพวกเราแบ่ง ทรัพย์สินหลังสงคราม
พวกเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก” เหล่าถานเอ่ยคําขึ้น

“ปืนใหญ่ราชันวิญญาณของข้าจําเป็นต้อง ให้ผู้มีพลังจิตแข็งแกร่งควบคุม
ด้วยวิธีนี้ พวกเราจะลงสนาม รบเองได้และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
มากขึ้น! ก่อนหน้า นี้ ราชาอาชาหมาป่ าก็เป็นเขาใช้ปืนใหญ่สังหารไป”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น สําคัญคือเขาแค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด
เท่ากับต้องเสียส่วนแบ่งคนหนึ่งในศึกครั้งนี้ ไม่ เท่ากับว่าพวกเราขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจะเสียเปรียบ หรอกหรืออย่างไร? เว้นแต่ว่าเขาจะ
ไม่ต้องการส่วนแบ่งในการ ศึกครั้งนี้!” เด็กหนุ่มในชุดดําเอ่ยคํา นํ้าเสียง
ของเหล่าถานเย็นชาขึ้นมา

“เจ้าบอกว่าอาหยุนไม่มี คุณสมบัติได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินสงคราม? หาก
เขาสามารถ ควบคุมปืนใหญ่ราชันวิญญาณ ก็เท่ากับเขามีพลังเทียบเท่าผู้
ฝึกตนวรยุทธ์เต่า หากเขาสามารถจัดการสัตว์อสูรระดับวิญญาณได้ เหตุ
ใดจึงกลายเป็นไม่สามารถมอบส่วนแบ่งแก่เขา อย่างเท่าเทียม?” ผู้อาวุโส
โจวเผยเสียงเย็นขึ้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็คง ร่วมมือกันไม่ได้! เป็นพวกเจ้าที่ปรามาสคน
ของเราด้วยสายตา มืดบอด!” ชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมกล่าว

“เหล่ากาน เป็นพวกเรา คิดให้เจ้าถอยฉากไปควบคุมปืนใหญ่ไม่ต้องลง
สมรภูมิรบ ด้วย เหตุนั้นพวกเราจะวางใจได้มากขึ้น! หากปล่อยให้เด็กน้อย
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดควบคุมปืนใหญ่ พวกเราไม่ สามารถวางใจ
ได้! เจ้าต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี หากไม่เข้า ร่วมกับพวกเรา ก็เท่ากับเจ้า
กําลังทิ้งโอกาสได้รับไข่ผลึกแก้ว สัตว์อสูร” เด็กหนุ่มในชุดดําเผยเสียงเย็น
ชา

“ต่อให้ไม่เข้าร่วม พวกเราก็ หาหน่วยอื่นเข้าร่วมแทนได้”

ฉินหยุนมองหญิงสาวและเอ่ยคําเบา “พี่สาว ท่านอยู่ขอบเขต วรยุทธ์เต๋า
ไม่ใช่ท่านหรือที่ต้องตัดสินใจว่าข้าควรเข้าร่วม หรือไม่” หญิงสาวยิ้ม

“ข้าไม่ใช่ผู้นําหน่วย จึงไม่อาจตัดสินใจ และข้าหา ได้สนใจไม่ จะยังไง
ท้ายที่สุดแล้วข้าก็สามารถจัดการฝูงสัตว์ อสูรได้!” ชายวัยกลางคนใบหน้า
อ้วนกลมคือผู้นํา เขาก้มศีรษะลงตํ่า ครุ่นคิด คล้ายลังเล เด็กหนุ่มทั้งสอง
พวกเขาต่อต้านฉินหยุนอ ย่างชัดเจน พวกเขาตอนนี้คิดพยายามเกลี้ย
กล่อมผู้นําหน่วยให้ ปฏิเสธออกไป

“เหล่าถาน หากเจ้าให้เด็กน้อยผู้นี้ถอยไป เจ้าสามารถเข้า ร่วมกับพวกเรา!
เมื่อพวกเรารวมกําลังกันและจัดการฝูงสัตว์ อสูรได้สําเร็จ พวกเราจะ
สามารถได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร จํานวนมากได้ รวมถึงแก่นอสูรจํานวน
มากด้วย” ชายกลางคน ใบหน้าอ้วนกลมท้ายที่สุดจึงเผยการตัดสินใจ

ใบหน้าเหล่าถานเปี่ยมด้วยความไม่ยินดี นํ้าเสียงนี้เย็นชายิ่ง กว่าครั้งก่อน

“เช่นนั้นก็น่าเสียดายแล้ว พวกเจ้าคงต้องไปหา หน่วยอื่น! พละกําลังของ
อาหยุนเป็นข้าได้พิสูจน์ด้วยตนเอง แล้ว เขาคือคนของหน่วยข้า หาก
ปรามาสต่อเขา ก็หมายความ ถึงปรามาสต่อข้า เหล่าถานผู้นี้”

ฉินหยุนเพียงเพิ่งเข้าร่วมหน่วย แต่อีกฝ่ายกลับให้ค่าแก่เขาสูง เพียงนี้
เรื่องนี้ทําเอาเขาประทับใจไม่น้อย อันที่จริง เขาเองก็อยากร่วมงานกับ
หน่วยมังกร หากเขา สามารถได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร ก็เท่ากับเขาได้รับ
ผลประโยชน์ครั้งใหญ่

“เหล่าถาน พวกท่านเข้าร่วมหน่วยมังกรของพวกเขาได้! ข้าจะ อยู่ที่นี่รอ
พวกท่านกลับมา!” เขาไม่อยากปล่อยเหล่าถานให้ พลาดโอกาสอันดีเช่นนี้
ใบหน้าเหล่ากานดํามืด

“อาหยุน เจ้าคือหนึ่งในพวกเรา พวก เราไม่คิดให้เจ้าอยู่ที่นี่เพียงลําพังแน่
มันอันตรายเกินไป”

หญิงสาวเอนหลังพิงกําแพงขณะมองไปนอกหน้าต่าง นาง กล่าวออกเสียง
เบา “เอาอย่างนี้เป็นไร? เจ้าหนูนี่เหมือนจะมี ฝีมืออยู่ เพียงแค่ภายนอก
พวกเราไม่อาจได้เห็นพละกําลังของ เขาอยู่แล้ว” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“เป็นเช่นนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พวก ท่านปรามาสต่อข้า อย่างไรแล้ว
ข้าก็เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด! เรื่องนี้ข้าไม่ขอคิดปิดบัง แท้จริง
แล้วข้าคืออาจารย์ จารึก และรู้วิธีการทํายันต์ ข้าสามารถขัดเกลายันต์
สะกดกาย ระดับกลางที่สามารถสะกดสัตว์อสูรระดับแปดได้ ส่วนสัตว์อสูร
ระดับเก้าว่าสามารถสะกดได้หรือไม่นั้น ข้าไม่รู้ว่าจะได้ผล หรือไม่”

“สัตว์อสูรฝูงใหญ่ ย่อมต้องมีระดับเจ็ดและแปดจํานวนมาก พวกมันจะ
เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ เก้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่
จะจัดการพวกมันทั้งหมด นอกจากนี้ยัง ต้องรับมือกับสัตว์อสูรระดับเก้า
ด้วย ทั้งยังมีสัตว์อสูรระดับ วิญญาณอีกสองตัวที่เป็นจ่าฝูง เรื่องนี้ไม่ใช่
ง่ายจัดการพวกมัน อย่างที่คิดแน่” “หากพวกท่านมียันต์สะกดกายของข้า
สัตว์อสูรระดับที่เจ็ด และแปดถือเป็นเรื่องง่ายจัดการ!”

เหล่าถานและคนของหน่วยมังกรต่างร่างกายแข็งที่อเพราะ คําพูดนี้ พวก
เขาไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าตนจะเป็นอาจารย์ จารึก! ในสภาพแวดล้อม

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น