วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

188 ประหลาดใจ
วิญญาณมิติเก็บของ และมอบออกไปตามแต่ใจตนเอง พวก เขาล้วนเพิ่ง
นึกขึ้นกันได้

ถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสลั่วหาได้ผ่อนคลายดังเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป คิ้วตอนนี้
ขมวดขณะเอ่ยคํา

“หนึ่งร้อยล้านเหรียญผลึก เจ้าจะ ขายหรือไม่?”

เฉินหยุนส่ายหน้า “ไม่ขาย!”

“หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน!” ผู้อาวุโสลั่วโพล่งคําเสียงดัง

ฉินหยุนเงียบไป ทุกคนล้วนเงียบตาม พวกเขากําลังรอการ ตอบสนอง
หนึ่งร้อยห้าสิบล้านไม่ใช่จํานวนเล็กน้อย มันเพียงพอให้นําไป ซื้อเม็ดยา
ลํ้าค่าได้มากมาย ผู้อาวุโสคั่วกล่าวเสียงดัง

“ฉินหยุน หากพละกําลังของเจ้าไม่ เพิ่มพูน อีกไม่นานเจ้าก็จะอายุเพิ่มขึ้น
หากเจ้ามีเหรียญผลึก เพียงพอซื้อหาเม็ดยาโอสถ ด้วยพรสวรรค์วิถีจารึก
ของเจ้า สมควรมีชีวิตอยู่ได้สองหรือสามร้อยปีเป็นอย่างน้อย! ด้วยการ มี
เหรียญผลึกมหาศาลในครอบครอง โฉมงามใดกันที่เจ้าจะไม่ สามารถซื้อ
ได้? เพียงเจ้ากระดิกนิ้วก็เรียกได้แล้ว!” ฉินหยุนพยักหน้า

“ที่พูดนั่นก็จริง! ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะยอม ปล่อยวางเรื่องแต่งงานกับเชี่ยว
เย่ว์หลาน!” มู่หรงต้าเหรินจ้องมองฉินหยุนปากอ้าเหวอ เซี่ยอู่เฟิ งและ
คณะ ก็อึ้งไปเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนสนทนาเผ็ดร้อน หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน
เหรียญผลึก สําหรับหลายคน นั่นคือเงินกองเท่าภูเขาแล้ว

ผู้อาวุโสจั่วหัวเราะ “คนฉลาดย่อมทราบว่าควรทําอะไร ข้าให้ สัญญา เจ้า
จะไม่เสียใจที่ตัดสินใจครั้งนี้! หากเจ้ามอบกระดาษ สัญญานั้นแก่ข้า ข้าก็
จะมอบเหรียญผลึกแก่เจ้าโดยทันที ด้วย ผู้คนมากมายเป็นพยาน ข้าไม่
คิดคดโกงแต่อย่างใดแน่นอน” เชี่ยวเย่ว์หลานพลันพรั่งพรูจิตสังหารรุนแรง
ไปยังฉินหยุน นาง กล่าวโกรธแค้น

“ฉินหยุน ข้าผิดหวังในตัวเจ้านัก!” ผู้อาวุโสถั่วเดินมาตรงหน้าและยิ้ม ฉิน
หยุนพลันกล่าวคําขึ้นมา

“ข้าบอกว่าจะขายมัน แต่ไม่เคย บอกว่าจะขายให้ท่าน องค์หญิงเย่ว์หลาน
ถือว่าเหนือลํ้าจะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่หลายคนคิดอยากตบแต่งกับนาง ดังนั้น
ข้าจึง ตัดสินใจเปิดประมูลสัญญาในมือข้า ด้วยวิธีนี้ ข้าจะสามารถ ได้รับ
เหรียญผลึกจํานวนมากขึ้น!” ทุกคนแทบสูดลมหายใจกันไม่เข้า พวกเขา
อดไม่ได้ที่จะชื่นชม กลยุทธ์ของฉินหยุน เขากระทั่งคิดขายสัญญาด้วย
ราคาที่ดี ที่สุด! ผู้อาวุโสลั่วสบถใส่ฉินหยุนออกจากใจ!

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “สหายผู้ที่คิดอยากซื้อหนังสือสัญญาในมือข้า พวกท่าน
ล้วนเสนอราคากันได้ ตอนนี้เริ่มต้นที่หนึ่งร้อยห้าสิบ ล้าน อยากเสนอ
เท่าไหร่ก็ว่ามา!”

มู่หรงต้าเหรินลอบเหยียดหยามฉินหยุน เขาคิดว่าการประมูล ขายสัญญา
เป็นสิ่งน่าละอาย เมื่อครู่เขายังคิดอยู่เลยว่าอีกฝ่าย จะยืนกรานไม่ขาย
จนถึงที่สุด ฉินเจิ้งเฟิ งและจักรพรรดินียิ่งโกรธแค้น เป็นเพราะพวกเขาไม่
อาจทําอะไรที่นี่ได้ นอกจากนี้ ยังได้แต่ดูฉินหยุนรับผลกําไร ก้อนโต!

เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็สุมความโกรธ นางรู้สึกเกลียดชังจนเลือด แทบหยด
ออกจากหัวใจ นางคิดอยากพุ่งเข้าไปฉีกกระชากฉัน หยุนและสับฟันเขา
เป็นหลายท่อนเพื่อให้สาแก่ใจ! เชี่ยวหยางหลงเองก็ไม่ยินดีที่ฉินหยุนใช้
โอกาสนี้กอบโกยแก่ ตัวเอง ทว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากช่วยฉินหยุน
เสียงนี้กล่าว ดังขึ้น “ พวกเราจะให้เย่ว์หลานแต่งกับผู้ที่ซื้อสัญญาไปได้!”

ฉินหยุนทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานโกรธแค้นหนักหนา แต่เขาก็มีผู้ หนุนหลัง
หากเขาให้เชี่ยวเย่ว์หลานแต่งกับผู้อื่นตามใจชอบ จริง ภายหน้าเมื่อพบ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกับเชี่ยวเสวียนฉิน เขาคง ตายแน่นอนแล้ว หยางฉีเย่ว์เองก็
ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางส่ายหน้าเล็กน้อยแก่ เชี่ยวเย่ว์หลาน

เป็นการบ่งบอกว่านางอย่าได้ใจร้อนวุ่มบ่าม ที่นี่ มีเพียงหยางฉีเย่ว์ที่รู้จัก
ฉินหยุนดีที่สุด นางรู้ว่าการกระทํา ของฉินหยุนไม่ใช่ง่ายดังฉากหน้า นางมี
สัมพันธ์อันดีกับเชี่ยว เย่ว์หลานที่ตําหนักตะวันออก และบ่อยครั้งยังพูดถึง
ฉินหยุนให้ อีกฝ่ายได้ฟัง ในตําหนักตะวันออก หลังจากหยางฉีเย่ว์ได้อยู่
กับเชี่ยวเย่ว์ หลานชั่วระยะเวลาหนึ่ง นางค่อยประหลาดใจที่พบว่า อีก
ฝ่าย กลับมีความรู้สึกต่อฉินหยุนไม่ใช่น้อย! นี่เป็นเพราะตอนได้ยินข่าว
คราวฉินหยุนตายถึงหูนาง เชี่ยวเย่ว์ หลานถึงกับซึมเศร้าไปพักหนึ่ง นาง
กระทั่งเผยใบหน้าโศกเศร้า ที่แทบไม่มีผู้ใดพบเห็นมาก่อน!

“หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้าน!” ชื่อวี้ตะโกนขึ้นขณะได้รับสัญญาณจาก ชายวัย
กลางคนข้างกาย ผู้อาวุโสลัวยกมือขึ้นและตะโกน

“หนึ่งร้อยแปดสิบล้าน!”

“หนึ่งร้อยเก้าสิบล้าน!” ชายชราจากตําหนักทิศใต้ตะโกนขึ้น

“สองร้อยล้าน!” ชายวัยกลางคนจากตําหนักทิศเหนือก็ตะโกน

หญิงชราจากตําหนักตะวันออกกวาดตามองทุกผู้คนด้วย ดวงตาเย็นเยือก
และเอ่ยคํา “สองร้อยสามสิบล้าน!” ท้ายที่สุด จักรพรรดินีเย่ว์กัดฟัน
ตะโกนก้อง “สองร้อยห้าสิบ ล้าน!”

การเสนอราคาเป็นไปอย่างเผ็ดร้อน กระทั่งจักรพรรดินีเย่ยังเข้า ร่วม

ฉินหยุนนั่งลงและยิ้มขณะกินอาหารบนโต๊ะไปด้วย เขาหาได้ สนใจสายตา
จ้องจะฆ่าฟันของเซี่ยวเย่ว์หลานที่เพ่งมองมาทาง นี้แต่อย่างใดไม่ เพียงไม่
นาน เขาก็ได้ยินคําสี่ร้อยล้านเหรียญผลึกดังขึ้น

“สี่ร้อยห้าสิบล้าน!” ผู้อาวุโสลั่วจากตําหนักตะวันตกตะโกนขึ้น ครั้งนี้ ไม่มี
ผู้ใดประกาศตาม เป็นเพราะหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ ต่อไป ราคาที่เสนอ
จะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจ่ายได้ไหวอีก จักรพรรดินีเย่หลั่งเหงื่อรุนแรง

แม้แต่นางยังไม่อาจนําเหรียญ ผลึกจํานวนมหาศาลขนาดนั้นออกมาได้ใน
ระยะเวลาอันสั้น

“ข้าจะนับถึงสิบ หากไม่มีผู้ใดเสนออีก ก็เป็นของผู้อาวุโสลัว” ฉินหยุนเช็ด
ปากขณะเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม...” ทุกคนในโถงล้วนตั้งใจฟังการนับ
อย่างเงียบงัน พวกเขาล้วน หันมองผู้อื่นอย่างคาดหวังว่าจะมีผู้เสนอราคา
สูงกว่านี้

“สิบ!” เมื่อฉินหยุนนับสิบ ผู้อาวุโสลั่วค่อยถอนหายใจโล่งอกได้

ฉินหยุนฉีกยิ้มหัวเราะคิกคัก “ยินดีกับผู้อาวุโสลั่วแล้ว! ก่อนอื่น ก็ขอให้
มอบเหรียญผลึกแก่ข้า!” ผู้อาวุโสลั่วเดินเข้ามา นําเอาบัตรผลึกออกมา
และกล่าว

“นี่คือ สี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึก ข้าจะมอบต่อผู้อาวุโสใหญ่ของ
ตําหนักจารึกเทวะก่อน เมื่อเจ้าส่งหนังสือสัญญามา เขาก็จะ มอบบัตร
ดังกล่าวแก่เจ้า”

จ้าวฉวนพยักหน้าและรับบัตรผลึกเอาไว้ ฉินหยุนค่อยวางใจเมื่อเป็นจ้าวฉ
วนรับหน้าที่ เขาส่งหนังสือ สัญญาแก่ผู้อาวุโสลั่ว “หนังสือสัญญา”
ใบหน้าชราของผู้อาวุโสถั่วเต็มไปด้วย รอยยิ้มประดับ 2 ฉินหยุนตอนนี้
ได้รับบัตรผลึกเช่นกัน เขากลายเป็นผู้ร่ํารวย มหาศาล รอยยิ้มของเขา
กว้างเสียยิ่งกว่าผู้อาวุโสลั่วด้วยซํ้า ผู้อาวุโสถั่วเผาหนังสือสัญญาดังกล่าว
ทิ้ง จากนั้นจึงมองไปทาง เชี่ยวหยางหลงและเอ่ยคํา “ตอนนี้พวกเราคุยกัน
เรื่องแต่งงาน ได้หรือยังไง?”

เชี่ยวหยางหลงยิ้ม “แน่นอนขอรับ!” ฉินเจิ้งเฟิ งและจักรพรรดินีคือผู้ที่โกรธ
แค้นที่สุดแล้ว เพราะ วันนี้ แผนการดั้งเดิมคือฉินเจิ้งเฟิ งจะตบแต่งเชี่ยว
เย่ว์หลาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นของผู้อื่น! พวกเขามองโกรธแค้นไปยัง
ฉินหยุน เป็นเพราะฉินหยุนจู่ ๆ ปรากฏตัว แผนการของพวกเขาจึงพังป่ นปี้

เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบมาถึงข้างกายฉินหยุนขณะเอ่ยคําเย็น เยือก “เจ้าขาย
ข้า เจ้าได้ไปมากมาย วิเศษไปเลยนี่?” ได้เห็นดังนี้ หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเข้ามา
นางกังวลว่าเชี่ยวเย่ว์ หลานจะลงมือ ตู้ก๋วย ต้วนเฉียน และโฮวฉิงเฟิ ง
พวกเขาที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ เต๋าล้วนลุกขึ้นยืน พวกเขาเกรงว่าเชี่ยวเย่ว์
หลานจะลงมือ สังหารฉินหยุนเป็นการบันดาลโทสะ ใบหน้าของเซี่ยวเย่ว์
หลานเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ทั้งร่างของนาง เผยออร่าเย็นเยือกขั้วโลก ทั่วทั้ง
โถงแห่งนี้แทบจะเปี่ยมล้นไป ด้วยจิตสังหารของนาง

ทุกคนล้วนมองฉินหยุนและลอบส่ายหน้าให้ พวกเขาล้วนเชื่อ ว่าอีกฝ่าย
ทําเกินไปที่ขายเตี๋ยวเย่ว์หลานทิ้งเช่นนี้ อย่างกะทันหัน ฉินหยุนหัวเราะคิก
คัก ทั้งยังกัดขาไก่และ หัวเราะกล่าวไปด้วย

“ข้าเพียงขายสัญญาหมั้น ไม่ได้ขายเจ้า!”

“นี่เจ้าหมายความว่าอะไร?” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคําเย็นเยือก ฉินหยุนเคี้ยว
เนื้อขณะกล่าวคําต่อ

“ทุกคนล้วนทราบว่าหนังสือ สัญญาเลือดจําเป็นต้องมีสองฉบับ หากจะ
ทําให้สัญญาเป็น โมฆะ ก็ต้องเผาทั้งสองฉบับทิ้งเสียก่อน!”

“ไม่ต้องพูดถึงสัญญาเลือด กระทั่งว่าเป็นสัญญาธรรมดา มันก็ ยังมีสอง
หรือว่าสามฉบับ ตราบเท่าที่อีกฉบับยังอยู่ สัญญาก็ยัง มีผล” –

พอทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาก็คล้ายได้ยินเสียงหัวใจของผู้ อาวุโสลั่วแตก
สลายพร้อมใบหน้า! หนังสือสัญญาย่อมต้องมีหลายฉบับ และหนังสือ
สัญญาที่ ตําหนักตะวันตกเพิ่งใช้จ่ายเงินมหาศาลซื้อไปนั้น กําลังจะ
กลายเป็นของไร้ค่าแล้ว!

เชี่ยวหยางหลงเองก็กายแข็งที่อ ฉินหยุนถึงขั้นกล้าขายเศษ กระดาษแผ่น
หนึ่งด้วยราคาสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึก ไม่ แปลกที่อีกฝ่ายจะฉีกยิ้ม
ยินดีเพียงนั้น หลังผู้อาวุโสลั่วสงบใจลงได้ เขาเอ่ยคําเชื่องช้า

“หากเป็น ดังนั้น หนังสือสัญญาอีกฉบับอยู่ที่ใด? หากเจ้าไม่อาจนํามัน
ออกมา เจ้าก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าหนังสือสัญญานั้นยังมีตัวตนอยู่!”

เชี่ยวหยางหลงเองก็เอ่ยคํา “เป็นเพราะเสด็จพ่อฝึกฝนผิดพลาด ความทรง
จําจึงสับสน ท่านย่อมจําไม่ได้แล้วว่า หนังสือสัญญานั่นอยู่ที่ใด! มารดา
ของเย่ว์หลานเองก็เสียชีวิต ไปนานหลายปีนัก และไม่ได้หลงเหลือสิ่งใดไว้
ให้ดูเลยด้วยซํ้า หากพวกเจ้าทั้งสองไม่อาจนําหนังสือสัญญาอีกฉบับ
ออกมาได้ เช่นนั้นสัญญาการแต่งงานก็เท่ากับเป็นโมฆะ!”


เชี่ยวหยางหลงมองเชี่ยวเย่ว์หลานที่จมสู่ความคิดและลอบยินดี เขาเอ่ย
ถามเสียงเบา “เย่ว์หลาน ตอบคําถามตามจริง เจ้าเคย เห็นหนังสือสัญญา
อีกฉบับหรือไม่?”

พอเห็นเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ตอบ ผู้อาวุโสลั่วจึงยิ้มอ่อน “องค์ หญิงเย่ว์หลาน
หลานชายข้านั้นเหนือลํ้าไม่แพ้ผู้ใด หากได้ตบ แต่งกับเขา เจ้าจะต้องมี
ความสุขยิ่ง เรื่องอื่นใดล้วนไม่ต้องเป็น กังวล” เชี่ยวหยางหลงหัวเราะ

“ผู้อาวุโสลั่ว นับจากนี้เป็นเรื่อง ระหว่างพวกเราแล้ว!” ผู้อาวุโสคั่วพยัก
หน้า “อย่าได้กังวลไป ข้าจะทําให้เจ้าพอใจกับ สินสอดอย่างแน่นอน แม้
พวกเราใช้กว่าสี่ร้อยล้านเหรียญผลึกเพื่อซื้อหนังสือสัญญา พวกเราก็ยังมี
รากฐานอันแข็งแกร่ง ดังนั้นสินสอดย่อมไม่ทําให้เจ้าผิดหวังแน่นอน!”

“รอเดี๋ยว หนังสือสัญญาอีกฉบับอยู่ในมือของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ก่อนหน้านี้
เป็นนางบอกต่อข้า!” ฉินหยุนขัดคําขึ้น คํากล่าวนี้มีการอ้างเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
ก็เพราะจักรวรรดิเทียนเชี่ยว คุมขังเซี่ยวเย่ว์เหม่ยเอาไว้ที่ใดสักแห่ง เชี่ยว
เย่ว์หลานมองเชี่ยวหยางหลง นํ้าเสียงของนางเย็นเยือก ขณะกล่าวคํา

“เรียกเย่ว์เหม่ยออกมา ให้นางนําหนังสือสัญญา อีกฉบับมามอบต่อข้า!”

นางทราบว่าเรื่องนี้คล้ายอุปโลกน์ขึ้น เพราะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ เคยบอกต่อ
นางที่เป็นพี่สาว แต่แล้ว ในเมื่อฉินหยุนพูดดังขึ้น นางได้ก็แต่เชื่อว่าเป็น
จริงแล้ว “เย่ว์เหม่ยก่ออาชญากรรมร้ายแรงถูกจองจําที่คุกหลวงเทียน
เชี่ยว เพื่อปล่อยนาง พวกเราจําเป็นต้องได้รับความยินยอม ของข้าราช
บริพารระดับสูงที่นี่ก่อน” เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียง เอ่ยคํา “เย่ว์หลาน เจ้า
อย่าได้งมงาย ฉินหยุนลวงหลอกต่อเจ้ามันทราบว่าเย่ว์เหม่ยไม่อาจมาที่นี่
ได้ ดังนั้นจึงนําเรื่องนี้มาบอก ต่อเจ้าเพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาท!”

ฉินหยุนชี้ใส่เซี่ยวหยางหลงด้วยขาไก่ในมือและกล่าว “อย่าพูด วาจาไร้
สาระ แม้เย่ว์เหม่ยไม่มา สร้อยข้อมิติเก็บของของนาง อยู่ที่นี่! ครั้งแรกที่
ข้ามอบสร้อยข้อมือมิติเก็บของแก่นาง ข้าเห็น นางนําหนังสือสัญญาใส่ไว้
ด้านใน ภายหลัง สร้อยข้อมือมิติเก็บ ของถูกเจ้าฉกชิงเอาไป และเป็นเจ้า
ทําลายมันและส่งกลับคืน มาให้ข้า เช่นนั้น ข้าจึงมอบอันใหม่ให้แก่นาง
ไป!”

ระหว่างการประเมินผลของสถาบันซานเสวียน ทุกคนล้วนได้ เห็นว่า
เซี่ยวหยางหลงโยนสร้อยข้อมือมิติเก็บของแก่ฉินหยุน หนังสือสัญญาอีก
ฉบับแท้จริงอยู่ภายในนั้น!

“ข้าซ่อมแซมสร้อยข้อมือมิติเก็บของแล้ว แต่ไม่อาจเปิดมันได้! เชี่ยวเย่ว์
หลานเป็นพี่สาวของเย่ว์เหม่ย หากนางหยดเลือดลง ไป มันก็ควรจะเปิด
ออกได้” ฉินหยุนส่งสร้อยข้อมือที่ถืออยู่ให้ เซี่ยวเย่ว์หลาน

เชี่ยวหยางหลงแทบคิดอยากเข้าไปช่วงชิงเอามา ทว่าจ้าวฉวน ต้วนเฉียน
และยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าอีกหลายคนยืนเคียงข้างคุ้ม กันนางไว้ ทุกคนอด
ไม่ได้ที่จะเผยความยินดีออกจากใจ หากเชี่ยวหยาง หลงไม่คืนสร้อยข้อมือ
แก่ฉินหยุน การแต่งงานระหว่างฉินหยุน และเชี่ยวเย่ว์หลานคงกลายเป็น
โมฆะไปแล้ว!

เชี่ยเย่ว์หลานรับสร้อยข้อมือมาพร้อมเร่งรีบหยอดเลือดลงไป ดังคาด นาง
พบหนังสือสัญญาอยู่ภายในจึงรีบนํามันออกมาโดย ทันที ก็เหมือนฉบับ
ก่อนหน้า มีตราประทับเลือดสองแห่ง ประทับไว้บนเอกสาร แท้จริง
หนังสือสัญญาทั้งสองฉบับอยู่ในมือของฉินหยุนมาโดย ตลอด ทว่าพวก
มันรวมกันเป็นหนึ่ง และค่อยแยกออกหลังโดน ทําให้เปียกนํ้า หนังสือ
สัญญาได้แยกตัวออกจากแผนที่เส้นทาง ลับของพระราชวังเทียนฉิน
เพราะนํ้า

หลังแยกหนังสือสัญญาออกมา เขาจึงเก็บมันเอาไว้ในสร้อย ข้อมือและส่ง
ต่อไปยังเชี่ยวเย่ว์หลาน นี่คือกับดักที่เขาเตรียม เอาไว้แต่แรก

พอเซี่ยวหยางหลงและผู้อาวุโสคั่วเห็นหนังสือสัญญา พวกเขา ล้วน
ร่างกายแข็งที่อ พวกเขาทราบดีว่าฉินหยุนตั้งใจโยนเหยื่อ ล่อออกแต่แรก
แล้ว ฉินหยุนหัวเราะคิกคักก่อนนั่งลงและเริ่มกินขาไก่ต่อ ทุกคนล้วนนับ
ถือเขาขึ้นมาทันควัน เป็นเขาทําให้ตําหนัก ตะวันตกต้องสูญเสียอย่าง
หนัก! หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจโล่งอกขณะลอบชื่นชมฉินหยุน มู่หรงต้าเหริน
เร่งรีบเข้ามาชมเชยฉินหยุนทั้งยิ้มยินดี ผู้อาวุโสลัวยืนอึ้งไปครึ่งค่อนวัน
รอยย่นที่ใบหน้าชรานั้นสั่นเพิ่ม ด้วยความโกรธ ราวกับมันพร้อมปะทุ
ระเบิดออกทุกเมื่อ! สี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกสูญเปล่าไปเช่นนี้ พวก
เขาล้วนถูก ฉินหยุนลวงหลอก!

เชี่ยวหยางหลงเองก็โกรธแค้น ทว่าเขายังคงสงบใจได้ ปากได้ เอ่ยคํา “เย่ว์
หลาน นําหนังสือสัญญานั้นออกมาและเผาทิ้ง เสีย!” เชี่ยวเย่ว์หลานหาได้
กังวลใจอีกต่อไป นางตอนนี้เผยสีหน้า เปี่ยมด้วยความอหังการและกล่าว
คําเย็นเยือก

“การแต่งงาน ของข้า ก็ต้องเป็นข้าตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่ใช่ธุระกงการ
ของ ผู้อื่น!” เชี่ยวหยางหลงกล่าว

“อย่าได้เอาแต่ใจ เจ้าคิดอยากแต่งกับคน อย่างฉินหยุนหรือ? เจ้าเองก็ได้
เห็นแล้วว่ามันน่ารังเกียจ เพียงใด! ไม่เพียงแต่เอาเปรียบเย่ว์เหม่ย กระทั่ง
เอาเปรียบต่อ เม่ยเหลียน และกระทั่งเกี้ยวพาราสีกับอาจารย์หญิงงาม
ของมัน หยางฉีเย่ว์ เจ้าควรรู้อย่างกระจ่างชัดว่าหากหมั้นหมายกับ มัน
ต่อไป ชื่อเสียงของเจ้าจะกลายเป็นพินาศ พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาไม่
ยินดีนัก แต่ก็เลือกไม่กล่าวคํา ออกไป เขาเพียงยิ้มอ่อนให้หยางฉีเย่ว์

ผู้คนจํานวนหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วยขณะเริ่มสนทนากันถึงความ ผิดพลาด
นานาชนิดที่ฉินหยุนก่อ ที่นี่ คนมากมายนักที่กําลัง ริษยาเขา พวกเขายินดี
ที่จะได้ออกปากระบายเสียบ้าง เชี่ยวเย่ว์หลานได้ยินผู้คนพูดคุย นางจม
ดิ่งในความคิด เชี่ยวหยางหลงพึงพอใจมากกับผลลัพธ์นี้

“เย่ว์หลาน ข้ารู้ว่า เจ้าคิดอยากยืมมือฉินหยุนเพื่อหลบหนี และเจ้าก็มีแต่
เขาให้ พึ่งพา แต่เมื่อเจ้าอยู่ในวิกฤต เจ้าก็ย่อมต้องเขียเขาทิ้งให้พ้น ทาง
หรือไม่ใช่?” เชี่ยวเย่ว์หลานไม่กล่าวคํา ฝูงชนตอนนี้ไม่ทราบเช่นกันว่านาง
คิดอันใดอยู่ เชี่ยวหยางหลงมองฉินหยุนและแค่นเสียงเอ่ยคํา

“เจ้าก็เห็น แล้วใช่หรือไม่?! นางหลอกใช้เจ้า เจ้าคิดหรือว่านางจะแต่งงาน
กับเศษเดนมนุษย์เช่นเจ้า? วิญญาณยุทธ์ไม่มี เส้นวิญญาณก็มี เพียงหนึ่ง
เจ้าไร้ซึ่งอนาคต.. แน่นอนว่าหากเจ้ามีเหรียญผลึก เพียงพอ ก็คงพอจะ
เปลี่ยนอะไรได้ เพราะแบบนั้นเจ้าจึงลวงหลอกผู้อื่นเพื่อฉ้อฉลเอาเหรียญ
ผลึกจํานวนมากไปอย่างไร เล่า” ฉินหยุนไม่กล่าวคําใด เขาเพียงแต่กิน
อาหารตรงหน้าต่อ

“เย่ว์หลาน นํ้าหนังสือสัญญาออกมา!” เชี่ยวหยางหลงเร่ง

“ข้ารับประกันว่าเมื่อเจ้าแต่งงานกับตําหนักตะวันตก เจ้าจะมี ชีวิตที่ดี”
เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว “ไม่! ในเมื่อเจ้าต้องการใช้ข้าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนผล
กําไร เจ้าก็คิดถึงแต่ตัวเองนั่นแหละ!”

สีหน้าเชี่ยวหยางหลงแข็งค้าง “ข้าให้สัญญา ว่าเมื่อเจ้าแต่งกับ หลานชาย
ผู้อาวุโสลั่ว เย่ว์เหม่ยจะปลอดภัย” ทุกคนลอบสูดลมหายใจเข้าลึก เชี่ยวห

ยางหลงใช้ไพ่ในมือแล้ว โดยการนําเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาข่มขู่เซียวเย่ว์หลาน!
เชี่ยวเย่ว์หลานสูดลมหายใจลึก นางกล่าว

“ก่อนข้าให้สัญญา ให้ข้าพบเย่ว์เหม่ยก่อน!”

เชี่ยวหยางหลงเผชิญสถานการณ์ยากลําบาก เพราะเชี่ยวเย่ว์ เหม่ย ซึ่งถูก
นํามาซ่อนที่พระราชวังเทียนฉันเป็นการลับ ตอนนี้ ได้หายตัวไปอย่าง
กะทันหัน กระทั่งแม่ของเขา จักรพรรดินี เทียนเชี่ยวก็หายตัวไปด้วย เฉิน
หยุนหัวเราะเย็นเยือกกล่าวคํา

“นางได้รับการช่วยเหลือไป แล้ว เป็นเชี่ยวเสวียนฉินใช้ผงเขย่าวิญญาณ
ไปอย่างไรเล่า!” เชี่ยวหยางหลงพลันคาดเดาได้ นางต้องถูกฉินหยุนช่วย
ไปแน่!

“ข้าไม่ได้พบเย่ว์เหม่ย ข้าก็ไม่ตกลง!” พอเชี่ยวเย่ว์หลานเห็นสี หน้าของ
เซี่ยวหยางหลงแปรเปลี่ยน นางลอบยินดี เมื่อครู่ นาง เองก็เห็นอาการชักสี

หน้าของฉินเจิ้งเฟิ งและจักรพรรดินีเช่นกัน นางพอคาดเดาได้แต่แรก ว่า
เย่ว์เหม่ยต้องถูกคุมขังอยู่ใน พระราชวังหลวงเทียนฉิน แต่ตอนนี้นางคงไม่
อยู่อีกต่อไปแล้ว เชี่ยวหยางหลงขมวดคิ้ว ความโกรธระอุภายในใจ ชัดเจน
ว่า เขาอยากตบหน้าเชี่ยวเย่ว์หลานที่ตรงนี้สักฉาดหนึ่ง แต่น่า เสียดายที่
สถานการณ์ไม่อํานายให้เขาได้กระทํา

เขาคือองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนเชี่ยว เขาคือยอดฝีมือวร ยุทธ์เต๋ด้วยวัย
สามสิบ เขาจะไม่มีทางยอมแพ้โดยง่ายที่ตรงนี้ หลังสูดลมหายใจลึก
เชี่ยวหยางหลงจึงมองฉินหยุนและกล่าว

“ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลานก็แค่ใช้เจ้า.... แม้ทั้งสองหลอกใช้เจ้า เจ้าก็ยัง
สามารถใช้พวกนางได้อีกต่อ”

“เอาอย่างนี้เป็นไร เจ้าเขียนหนังสือเพิกถอนการแต่งงาน และ จากนั้นก็
หย่าต่อเย่ว์หลาน ข้าจะมอบเหรียญผลึกให้ตามที่เจ้า ต้องการ ให้ลงนาม

หย่าต่อเซี่ยวเย่ว์หลานที่ตรงนี้? ผู้คนในโถงใหญ่ล้วน อึ้ง ทั้งยังกล่าวชม
ความปราดเปรื่องของเชี่ยวหยางหลง!

“หากเจ้าเขียนหนังสือสัญญาให้ ข้าจะมอบสี่ร้อยห้าสิบล้าน เหรียญผลึก
ให้” เชี่ยวหยางหลงกล่าวเสียงดัง ใบหน้าตอนนี้ ประดับด้วยรอยยิ้มจริงใจ
จอมเสแสร้ง

“หากเจ้าได้รับเหรียญ ผลึกเพิ่ม มันก็จะยิ่งดีต่อตัวเจ้าเองนะ”

“ก็ได้ ข้าจะเขียน!” ฉินหยุนหยิบเอาปากกาออกมาพร้อมเริ่ม เขียนเนื้อหา
ลงหนังสือเพิกถอน

พอเชี่ยวหยางหลงเห็นดังนี้ เขาจึงหัวเราะลั่นออก “เย่ว์หลาน เจ้าเห็นแล้ว
ใช่หรือไม่? คนอย่างมันก็มีแต่คิดหาโอกาส เพื่อ เหรียญผลึก มันไม่ได้
สนใจเรื่องหน้าตาแม้แต่น้อย โชคดีนัก แล้วที่เจ้าไม่ได้ตบแต่งกับมัน!” ฉิน

หยุนเขียนหนังสือเพิกถอนเสร็จ แต่แล้วขณะที่กําลังจะลง นาม เชี่ยวเย่ว์
หลานพลันนําเอาดาบออกมาพร้อมเสียง

“ซึ่ง” อันคมกริบดังลั่น ความเร็วการชักดาบของนางรวดเร็วนัก ไม่มีผู้ใด
เห็นด้วยซํ้าว่า นางดึงออกมาตอนไหน ทว่าตอนนี้ปลายดาบจ่อที่คอหอย
ของ ฉินหยุนแล้ว ความเร็วของเชี่ยวเย่ว์หลานที่เผยออกพร้อมดาบในมือ
เป็นผล ให้ยอดฝีมือแต่ละคนล้วนอึ้ง! โดยเฉพาะกับคนใกล้เคียงนาง โฮ่ว
ฉิงเฟิ ง และเซี่ยอูเฟิ ง พวก เขาล้วนเป็นผู้ใช้ดาบ กระนั้นพวกเขายังอึ้ง เมื่อ
ทุกคนได้เห็นจิตสังหารของเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาต่างคิด ว่านี่เป็นนาง
กําลังข่มขู่ต่อฉินหยุนแล้ว!

ด้วยดาบในมือ เซี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคํา “ฉินหยุน ก่อนเจ้าลง นาม ข้าคงต้อง
บอกอะไรเจ้าก่อน” ทุกคนต่างรู้สึกว่าเชี่ยวเย่ว์หลานต้องพูดว่าฉินหยุนไม่
คู่ควรกับ นาง นางคิดอยากให้เขายอมปล่อยวางเจตนาไม่ก็เหยียดหยาม
เฉินหยุน เรื่องแบบนี้ทุกล้วนยินดีที่จะได้รับชมนัก

“พูดมา!” ฉินหยุนโพล่งเสียง

“หากเจ้าลงนามในหนังสือ เช่นนั้นก็คือเจ้าดูถูกต่อข้าเชี่ยวเย่ว์ หลาน มัน
ถือเป็นการเหยียดหยามข้าอย่างรุนแรง! ผู้ใดที่ เหยียดหยามข้า มันต้อง
ตาย!” คํากล่าวเย็นเยือกและหนักอึ้งของเชี่ยวเย่ว์หลานมาพร้อมจิต
สังหารรุนแรง ผู้คนล้วนมีนงง! นี่เรื่องอะไร? จะบอกว่าฉินหยุนไม่ได้รับ
อนุญาตให้บอกหย่าต่อ นาง? นี่นางทําเพื่อตัวเองหรืออะไร? มันต้องเป็น
เช่นนั้นแน่!

“ย่อมได้ เช่นนั้นเจ้าก็หย่าต่อข้า ข้าไม่คิดโต้แย้งอยู่แล้ว” ฉิน หยุนส่ง
ปากกาให้ เขาเชื่อว่าเชี่ยวเย่ว์หลานคิดต้องการจบ สัญญาการหมั้นหมาย
จากฝั่งของนางมากกว่า

ฉินหยุนรู้สึกว่านี้ไม่นับเป็นอะไร ตราบเท่าที่เขาลงนามใน สัญญา เชี่ยวห
ยางหลงก็จะมอบเหรียญผลึกแก่เขา แค่เสียหน้า เล็กน้อยแลกเงิน
มหาศาลนับเป็นอะไร?

เรื่องราวเช่นนี้นับว่า คุ้มค่ากระทํา ไม่ว่าจะด้วยอะไร สภาพของเขาตอนนี้
ไม่ต่าง อะไรกับหมูไม่กลัวนํ้าร้อน! เชี่ยวเย่ว์หลานไม่รับปากกา นางมอง
ฉินหยุนเย็นเยือกและเอ่ย คํา

“ข้า เชี่ยวเย่ว์หลาน คือผู้มีความสัตย์ เมื่อครั้งยังเยาว์ ข้า ได้สัญญาต่อแม่
ของข้า ว่าข้าจะไม่ทําลายสัญญาการแต่งงาน กับเจ้า!”

“กระนั้น แม้ข้า เชี่ยวเย่ว์หลานที่เป็นเด็กน้อยรับคํา ข้าก็จะทํา ตามที่ว่า ข้า
จะไม่เปลี่ยนแปลงคําพูดตนเอง ไม่เหมือนกับบาง คน ที่คิดพร้อมขายอะไร
ก็ได้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่าง กลับกลอก!” นางจ้องมองฉินหยุน
ก่อนจะหันมองเชี่ยวหยาง หลง คําพูดของเชี่ยวเย่ว์หลานทําเอาผู้คนล้วน
ไม่เชื่อหู คล้ายว่าพวกเขาได้ยินอะไรผิดไป!

เชี่ยวเย่ว์หลานคิดแต่งงานกับเศษเดนเช่นฉินหยุนจริง! ฉินหยุนเองก็สงสัย
ว่าตนได้ยินอะไรผิดไป ถ้อยคํา “ตํ่าช้า” ดัง ขึ้นภายในใจเขา เขากัดปลาย

ลิ้นเพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่ฝันกลางวัน จากนั้น จึงเอ่ย ถามด้วยนํ้าเสียงเปี่ยม
ความสงสัย

“เจ้าต้องการให้ข้าแต่งงาน กับเจ้า?”

“ใช่!” เซี่ยวเย่ว์หลานตอบอย่างฉะฉาน นํ้าเสียงนี้เย็นเยือกและ ดังก้อง ฉิน
หยุนสูดลมหายใจลึก

“แล้วหากข้าไม่แต่งกับเจ้า?”

“ผู้ใดที่กระทําเหยียดหยามต่อข้าต้องตาย!” เชี่ยวเย่ว์หลาน โพล่งคําเดิม
ออกมา มือยังคงกระชับดาบเอาไว้แน่น

“หากเจ้า ลงนามในหนังสือสัญญานั่นตอนนี้ ข้าจะสังหารเจ้าทิ้งโดย
ทันที!”

ตอนท
ี่189 ความร




กทแ
ี่ ทจ





ฉินหยุนจ้องมองเชี่ยวเย่ว์หลาน นางยังคงงดงามแต่ก็เย็นชา นอกจากนี้
นางยังไม่ลดละจิตสังหารที่ปลดปล่อยออก! เขาไม่คิดแต่งงานกับผู้หญิง
เช่นนี้แน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไล่ ตามหยางฉีเย่ว์อย่างสุขใจได้ ฉินหยุน
หยิบเอาปากกาขึ้นมา สายตาไม่มองเชี่ยวเย่ว์หลานอีก ขณะปลายปากกา
จรดกระดาษ แสงดาบเย็นเยือกวูบไหว ตามมาด้วยเสียงดาบตัดผ่าน
อากาศ ออร่าเย็นเยือกกําลัง คุกคามเขา ฉินหยุนรู้สึกว่าคอของตนโดน
คลื่นความเย็นนี้แทงทะลุไปแล้ว ดาบของเชี่ยวเย่ว์หลานอยู่ตํ่ากว่าลําคอ
เพียงนางบิดเล็กน้อย คอของเขาได้หลุดแน่!

ตู้ก๋วยและยอดฝีมือท่านอื่นข้างเคียงไม่กล้าลงมือทุ่มบ่าม วิชา ดาบของ
เซี่ยวเย่ว์หลานรวดเร็วยิ่ง นางเข้าถึงตัวฉินหยุนได้ แทบทันที!

“หากเจ้าต้องการ พวกเราก็คุยกันได้!” ฉินหยุนสั่นกลัวขณะ สัมผัสได้ถึง
หายนะที่เกาะกุมหัวใจ

“หากเจ้าตัดสินใจลงนามในเอกสารนั่น จงบอกต่อข้า ข้าจะได้ สังหารเจ้า
ก่อนได้ลงนาม! เป็นเพราะการลงนามของเจ้าเหยียด หยามต่อข้า ข้าจะ
สังหารเจ้า ก่อนเจ้าจะได้เหยียดหยามต่อ ข้า!” นํ้าเสียงของเชี่ยวเย่ว์หลาน
เชื่องช้า มันชัดเจนทุกคําพูด ดาบ ของนางยังคงพาดไว้ที่คอของฉินหยุน

“องค์หญิงเย่ว์หลาน เพียงสังหารข้าด้วยดาบเดียว คนอย่าง องค์หญิงก็ไม่
จําเป็นต้องแต่งงานกับสวะเช่นข้าแล้ว” ฉินหยุน รวบรวมความกล้าเอ่ยคํา
ออก

“ไม่ ข้าไม่สังหารผู้อื่นอย่างไร้ซึ่งเหตุผล! หากเจ้าเหยียดหยาม ต่อข้า
เช่นนั้นข้าจึงมีเหตุผลให้ลงมือ หากเจ้าอยากตาย ก็จง รีบบอกต่อข้า ด้วย
วิธีนี้ ข้าจะได้สับหัวของเจ้าทิ้งรวดเร็วก่อน เจ้าจะทันได้ลงนาม ส่วนเจ้าที่
โดนสับหัวจะตายทันทีหรือไม่นั้น ข้าไม่แน่ใจ บางทีเจ้าอาจได้เห็นตัวเอง
เลือดพุ่งก่อนตาย... ข้า เองก็สงสัยนักว่ามันจะเป็นอย่างไร” เซี่ยวเย่ว์
หลานเป็นหญิงสาว แต่พอนางกล่าวคําพวกนี้ออก รอยยิ้มกลับประดับที่

ใบหน้าภูเขานํ้าแข็งของนาง มันทรงเสน่ห์ หากไม่มีจิตสังหารลอยฟังไปทั่ว
ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเชี่ยวเย่ว์หลานที่แน่วแน่

เขาไม่ คิดกล้าสงสัยต่อคําพูดของนางแม้เพียงนิด! หากเขาตัดสินใจลง
นามอีกครั้ง เลือดคงต้องพุ่งจากคอของเขา พร้อมหัวที่หลุดกระเด็นอย่าง
แน่นอน ผู้คนล้วนรับชมโดยไม่ทราบว่าควรทําตัวอย่างไรดีเช่นกัน! พวก
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลานจึงต้องการแต่งงาน กับสวะเช่นฉิน
หยุน นางสมควรหย่ากับฉินหยุนเพื่อเป็นการ เหยียดหยามอีกฝ่ายด้วย
ตนเอง แบบนั้นค่อยสมเหตุสมผลกับทุกคนล้วนเชื่อ ว่าเป็นนางคิดอยาก
ใช้ฉินหยุนเพื่อหลบหนีให้ พ้นจากสถานการณ์! พวกเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
ว่าเหตุใดฉินหยุนจึงไม่ต้องการเด็ก สาวงดงามฟ้าประทานอย่างเชี่ยวเย่ว์
หลาน และนี่ยังเป็นนางต้องการแต่งด้วย!

เรื่องนี้แม้กระทั่งเป็น อัจฉริยะมากลํ้าเพียงใดยังได้แต่เพียงฝัน! ฉินหยุนไม่
อยากแต่งกับเชี่ยวเย่ว์หลาน เพราะเขายังอยากอยู่ดี มีสุขที่ได้ไล่ตาม
บุคคลที่ตนเองชอบ หากเขาตกปากรับคํา แต่งงานกับนางที่นี่ เขาก็ต้อง
รับผิดชอบต่อการกระทําของ ตัวเอง!

“องค์หญิงเย่ว์หลาน แท้จริงแล้ว... ข้าตกหลุมรักผู้อื่น!” ฉิน หยุนค่อย
ตระหนักได้และโพล่งคําออก ทุกคนตอนนี้ต่างชื่นชมกลยุทธ์ฉินหยุนแล้ว
หากเป็นกรณีนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานที่มีจิตใจแน่วแน่ อาจทําลายหนังสือ
สัญญาทิ้ง โดยไม่คิดด้วยซํ้า

“ข้าไม่สน!” คําพูดของเชี่ยวเย่ว์หลานทําเอาฉินหยุนรู้สึก เหมือนกิน
แมลงวันเข้าไปตัวหนึ่ง มันทําเอาเขาพูดอะไรไม่ออก ฉินหยุนสับสนขณะ
คิดกับตนเอง

“องค์หญิงเย่ว์หลาน ท่านต้อง เล่นไปตามกฎ ไม่เช่นนั้น ท่านก็ไม่อาจเล่น
เกมต่อไปได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็รู้สึกว่าฉินหยุนออกจะไร้เหตุผลเกินไป
แล้ว นางตัดสินใจยอมยกตัวเองให้ แต่ฉินหยุนกลับปฏิเสธยืนกราน เป็น
ผลให้นางต้องใช้พลังกดขี่ ฉินหยุนกล่าวอีกครั้ง

“ข้าไม่ได้ตกหลุมรักเพียงผู้เดียว” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคําเฉยชา

“ข้าไม่สน!” ฉินหยุนหัวเราะแห้งก่อนเอ่ยต่อ “แท้จริง ข้าตกหลุมรักถึงห้า
คนด้วยกัน ข้าเป็นองค์ชายเจ้าสําราญ พวกนางล้วนต้องการให้ ข้าดูแล
ดังนั้นแล้ว ข้าจึงไม่อาจแต่งกับเจ้า เพราะมันจะ หมายความว่าข้าต้องตัด
สัมพันธ์กับพวกนาง ข้าเป็นคนสัตย์ซื่อ จึงไม่อาจอดทนต่อเรื่องดังกล่าว
ได้”

ฉินหยุนเรียกร้องความชอบธรรม แต่ทุกคนลอบเหยียดหยาม เขาไปแล้ว
คิดมีสัมพันธ์ถึงห้าคนด้วยกัน ยังกล้าบอกว่าตัวเอง สัตย์ซื่อ! เชี่ยวเย่ว์
หลานเผยคิ้วเรียวงามเลิกขึ้นและเอ่ยคําเย็นชา “ข้าไม่สน!”

เรื่องนี้ก็ไม่สําคัญหรือ ไม่เพียงแต่ทําให้ฉินหยุนยากลําบากแก่ การเข้าใจ
ผู้อื่นล้วนก็ไม่เข้าใจเช่นกัน!

“ก็ได้ พูดตามตรง นอกจากห้าคนแล้ว ข้ายังมีอีกสิบคน” เมื่อ ฉินหยุนเห็น
ว่าเซี่ยวเย่ว์หลานใจแข็งยืนกราน เขาก็คิดสู้จนถึง ที่สุด

“ไม่สําคัญ!” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ่งเผยนํ้าเสียงดํามีด ราวกับนาง กําลังสะกด
ข่มความโกรธแรงกล้าเอาไว้

“ทั้งยังมีอีกสิบห้าคน ไม่สิ อีกเกือบร้อยคนเลยต่างหาก...”

“พอแล้ว นี่เจ้าเปิดเล้าหมูหรืออย่างไร?” เหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลาน จะมองไม่
เห็นเจตนาลากถ่วงนี้ของฉินหยุน?

ฉินหยุนเผยเสียงจริงจัง “ไม่ เป็นคอกม้าต่างหาก!” คําตอบนี้ยิ่งทําให้จิต
สังหารของเชี่ยวเย่ว์หลานแรงกล้ายิ่งกว่าเก่า!

อันที่จริง เขาทําแบบนี้ก็เพราะต้องการให้เชี่ยวเย่ว์หลานพ้น ทางตน และ
ยังจะได้รับเหรียญผลึกจากเชี่ยวหยางหลง สําหรับ เรื่องที่จะเกิดขึ้นถัด
จากนั้น เขามีแผนการสํารองที่เตรียมเอาไว้ เพื่อไม่ให้เชี่ยวเย่ว์หลานถูก
แต่งงานออก เชี่ยวเย่ว์หลานมองฉินหยุนและแผ่นเสียงกล่าว

“เจ้าเรียกทั้ง หนึ่งร้อยคนหรือตัวนั่นออกมาได้หรือไม่? ถ้าเป็นไปได้ ข้าจะ
คุย กับพวกนางทั้งหมดเอง!”

พอนางเห็นฉินหยุนเงียบ นางจึงเสริมคํา “จงบอกต่อข้าตาม จริง เจ้าซุก
ซ่อนผู้หญิงเอาไว้กี่คน?!” ดาบในมือนางแทบจะทุ่มทะลุคอฉินหยุนอยู่
รอมร่อแล้ว! “สิบคน! เจ้ายอมรับได้หรือไม่?” แท้จริงฉินหยุนหาได้มีสักคน
หนึ่งไม่

“ได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานเพียงคิดอยากจบเรื่องราวนี้โดยเร็ว พอทุกคนได้ยิน
ดังนี้ พวกเขาล้วนร้องออกด้วยความประหลาด เชี่ยวเย่ว์หลาน ธิดาแห่ง
สวรรค์ ถึงขั้นยอมรับฉินหยุนที่มีผู้หญิงสิบคนงั้นหรือ! ผู้คนไม่อาจเข้าใจ
ว่าฉินหยุนมีดีอะไรเพียงนั้น เหตุใดเชี่ยวเย่ว์ หลานถึงยินยอมให้มีนางสนม
มากมายเพียงนั้น?!

“ในบรรดาพวกนาง... มีพี่น้อง เครือญาติ และฝาแฝด...”

“หากเจ้ายังพูดต่อ ข้าจะตัดอัณฑะเจ้า!” ท่ามกลางความมึนงง และ
แตกตื่น เชี่ยวเย่ว์หลานนําดาบอีกเล่มออกมาพร้อมเล็งที่ เอวของฉินหยุน
เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุนหนาวเย็นไปทั้งขา ทุกผู้คนต่างเร่งร้อนตะโกนภายใน
ใจ

“จงรีบตัดอัณฑะมัน โดยเร็ว! ตัดเลย!”

“ต่อให้ข้าตัดมัน เจ้าก็ยังต้องแต่งงานกับข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็น หรือตาย ก็ยัง
ต้องแต่งกับข้าอยู่ดี” ดาบในมือเชี่ยวเย่ว์หลาน เริ่มสั่น คล้ายนางสะกดข่ม
ความโกรธเอาไว้จนถึงที่สุดแล้ว

“ใจเย็นก่อน ใจเย็น!” ฉินหยุนหนาวเย็นถึงทรวง สิ่งนั้นสําคัญ ยิ่งกว่าชีวิต
เขาเสียอีก เขาได้แต่ฝืนยิ้มและกล่าว

“องค์หญิงเย่ว์ หลาน ท่านต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี แต่งงานกับข้าไม่เห็น
จะมี อะไรคุ้ม!”

“ก็ได้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานกลับคํา สีหน้าของ นางอบอุ่น
ขึ้นมา เรื่องนี้ทําฉินหยุนยินดี เชี่ยวหยางหลงเองก็คล้ายยินดี เชี่ยวหยาง
หลงผ่อนลมหายใจยาวโล่งอกและผ่อนคลาย ได้เห็น ฉินหยุนเปลี่ยนใจ
เชี่ยวเย่ว์หลานสําเร็จ เขาค่อยรู้สึกว่าฉินหยุน เศษสวะชิ้นหนึ่งยังมีค่า
ขึ้นมาบ้าง

“วิเศษ!” ฉินหยุนแทบจะลงนามในหนังสือ แต่แล้วขณะนั้นเอง ดาบของ
เซียวเย่ว์หลานกลับมาพาดที่ตัวเขาอีกครั้ง ออร่าเย็นเยือกเป็นผลให้ฉิน
หยุนสั่นกลัว

“พี่สาวเชียวขอรับ ท่านเปลี่ยนใจแล้วไม่ใช่หรือ?” ฉินหยุนเอ่ย ถามเสียง
สั่น

“เหตุใดถึง...” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะยะเยือก

“ใช่ ข้าเปลี่ยนใจแล้วยังไงเล่า! หากเจ้าคิดหย่าต่อข้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า
ในทันที อันดับแรกจะตัด อัณฑะเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าเจ้าในภายหลัง!”
หัวใจฉินหยุนเต้นราวม้าหนึ่งพันตัววิ่งห้อ เขาคิดอยากร้องออก แต่กลับไม่
มีนํ้าตา เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคําเชื่องช้า

“เอาละ เจ้ามีสองทางเดินให้ เลือก อย่างแรก หย่าต่อข้า อย่างที่สอง แต่ง
กับข้า” ฉินหยุนเผยสีหน้าอับจน

“มีทางที่สามหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบ

“มี สังหารข้า! และข้าไม่คิดตอบโต้ด้วย!” แล้วฉินหยุนจะอาจหาญได้
อย่างไร? หากเขาสังหารเชี่ยวเย่ว์ หลาน เขาคงไม่มีทางไปพ้นจากตรงนี้ได้
นอกจากนี้ เขายังไม่ คิดสังหารนางแต่แรกอยู่แล้วด้วย

อย่างไรแล้ว เชี่ยวเย่ว์หลานก็มีเจตนาดีที่คิดแต่งงานต่อเขาเพื่อ ไว้หน้า
ผู้คนมากมาย นอกจากท่าที่เย็นชาของนาง นางก็นับว่า เป็นโฉมงามผู้
หนึ่ง

“แล้วทางเลือกที่สี่?”

“เป็นเจ้าฆ่าตัวตาย!” ฉินหยุนถอนหายใจอับจน

“ข้าแค่รู้สึกว่า หากเจ้าอยู่ร่วมกับข้า มันจะส่งผลต่ออนาคตของตัวเจ้าเอง”
“ข้าไม่สน เหตุใดเจ้าต้องสน?” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวคําสีหน้า ไร้อารมณ์

“นี่เจ้าไม่สนจริงหรือหากข้าเป็นคุณชายเจ้าสําราญ?” ฉินหยุน เอ่ยถาม
จริงจัง

“ข้าบอกแล้วว่าไม่สน คิดให้ข้าบอกต่ออีกกี่ครั้งกัน? หากเจ้า ยังคงพูดจา
ไร้สาระ ข้าจะตัดลิ้นเจ้าก่อน!”

“รีบตัดสินใจ จะหย่าหรือแต่งกับข้า! เจ้ามีเพียงสองตัวเลือก หากกล่าว
วาจาไร้สาระคําเดียวข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”

เชี่ยวเย่ว์หลานไม่เคยเจอชายรับมือยากขนาดนี้มาก่อน ฉินหยุนพ่ายแพ้
หมดรูป เขาได้แต่กล่าวคําออกตามตรงแล้ว “เดิมที เชี่ยวหยางหลงสัญญา
จะจ่ายต่อข้าสี่ร้อยห้าสิบล้าน เหรียญผลึกหากข้าหย่าต่อเจ้า เจ้าจะจ่าย
ให้ข้าแทนได้หรือไม่? หากยอมรับข้าก็ตกลง!”

ผู้คนล้วนก่นด่า นี่มันบุคคลไร้ยางอายถึงเพียงใดกัน ได้สิ่งที่ ต้องการแล้ว
ยังจะต้องการยิ่งมากขึ้นไปอีก ซ่างเป็นบุคคลไร้ ยางอายอย่างถึงที่สุดจริง
แท้ ใบหน้าขาวละเอียดของเชี่ยวเย่ว์หลานเริ่มดํามืดด้วยความ โกรธ ฉิน
หยุนแท้จริงสนแต่เรื่องนี้! นาง เชี่ยวเย่ว์หลาน ไม่มีค่า หากเทียบกับสี่ร้อย
ห้าสิบล้านเหรียญผลึกงั้นหรือ?

“ข้าจะนับถึงสอง จากนั้น หากเจ้าไม่ตัดสินใจ ข้าจะมอบ ทางเลือกบังคับ
แก่เจ้า ความอดทนข้ามีจํากัด! จําไว้ หากข้า สังหารเจ้าแล้ว ข้าจะฆ่าตัว
ตายตาม!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยจิต สังหารรุนแรงคล้ายใกล้ถึงขีดจํากัดที่
นางจะทนได้แล้ว “หนึ่ง”

“ข้าตัดสินใจรับเชี่ยวเย่ว์หลานเป็นภรรยา ข้ายอมแล้ว!” ฉิน หยุนเร่งรีบ
เอ่ยคําพร้อมฉีกหนังสือสัญญาทิ้งเป็นชิ้น เชี่ยวหยางหลง ผู้อาวุโสลั่ว และ
ผู้อื่นล้วนไม่ทราบว่าควร ร้องไห้หรือหัวเราะดี! ขณะฉินหยุนกําลังจะหย่า
ต่อเชียวเย่ว์หลาน กลับกลายเป็นโดน บังคับแต่งงานกับนางเสียอย่างนั้น!
เชี่ยวหยางหลงเร่งรีบเอ่ยคํา

“ฉินหยุน นางเพียงหลอกใช้เจ้า นางไม่ได้คิดแต่งกับเจ้าจริง! เจ้าจะไม่มี
วันได้นาง และในภาย หน้าเจ้าก็ไม่มีวันมีนางข้างกาย เจ้าควรรู้เรื่องนี้
ดีกว่าข้า!” ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานเปี่ยมด้วยความโกรธขณะตะโกนขึ้น

“เซี่ยวหยางหลง อย่าได้คิดว่าผู้อื่นจะไร้ยางอายเช่นเจ้าที่ ต้องการหลอกใช้
ทุกสิ่งอย่าง! เจ้าจดจําได้หรือไม่ ว่าครั้งข้ายัง เยาว์ที่พระราชวังหลวง ข้า
โดนองค์ชายอื่นที่แข็งแรงกว่ารังแก โดยมารดาเจ้า ตอนนั้นร่างกายของข้า
อ่อนแอ ข้าโดนพวกมัน รังแกอยู่ทุกวี่วัน”

“ภายหลัง จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งเทียนฉินได้พาฉิน หยุนและมหา
อุปราชมาเป็นแขก ในตอนนั้น เป็นฉินหยุนที่ จัดการพวกคนที่รังแกข้าจน
ราบคาบ” ฉินหยุนลอบตระหนกขณะเผยอาการสับสน ความทรงจําของ
เขาเหมือนไหลแล้วก็ผ่านไป เขาจําได้เพียงว่าเชี่ยวเย่ว์หลาน เป็นเด็กน้อย
ผู้งดงามคนหนึ่งในเวลานั้นก็เท่านั้นเอง เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยต่อ

“เป็นเพราะฉินหยุนช่วยข้าตอนยังเยาว์ ข้าจึงนับถือเขาตั้งแต่ตอนนั้น ข้า
นับถือเขา... ข้าขอบเขา... และยังเป็นมหาอุปราชที่ช่วยเสริมศักยภาพแก่
ร่างกายข้าใน ภายหลัง ทําให้ข้าฝึกฝนวิชายุทธ์ได้อย่างคนปกติและมี
ความสําเร็จอย่างทุกวันนี้! “ภายหลัง ข้าพบว่าเขาเป็นอนาคตสามีของข้า
ข้าไม่คิดโต้แย้ง และให้สัญญาต่อแม่ของข้า ว่าข้าจะเป็นภรรยาที่ดีในภาย
หน้า!”

ทุกคนล้วนได้ยินถ้อยคําของเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาทั้งหมด ล้วนตื่นตะลึง
อยู่ภายใน พวกเขาไม่เคยคิด ว่านางจะมี ความรู้สึกต่อฉินหยุนตั้งแต่ยัง
เยาว์ถึงเพียงนั้น! พอเชี่ยวหยางหลงได้ยินดังนี้ เขากําหมัดเอาไว้แน่น ปาก
ไม่ อาจกล่าวคําใดออก เขาไม่อาจหลอกล่อฉินหยุนได้อีก เป็นเพราะนาง
มีความรู้สึกลึก ลํ้าต่อเขาจริง!

ฉินเจิ้งเฟิ งเองก็โกรธแค้น เขาและเชี่ยวเย่ว์หลานถูกเรียกขาน เป็นคู่ที่
เหมาะสมกันมานานยิ่งแล้ว! แต่มาตอนนี้ เซี่ยวเย่ว์หลานกลับบอกว่ามี
ความรู้สึกลึกลํ้าต่อ ฉินหยุน นี่มันเรื่องชวนอับอายต่อเขาปานใดกัน! นาง
เอ่ยต่อ

“เช่นกัน แผนที่หลุมฝังเซียนที่ข้ามี เป็นสิ่งที่แม่ ข้ามอบให้ มันไม่ใช่สมบัติ
ของราชวงศ์เทียนเชี่ยว ดังนั้นอย่าได้ คิดจะใช้แผนที่หลุมฝังเซียนจากข้า
เพื่อรับผลประโยชน์!” แผนที่หลุมฝังเซียนคือสิ่งลํ้าค่าที่สุดซึ่งเชี่ยวเย่ว์
หลาน ครอบครอง เพราะแบบนั้นตําหนักตะวันตกถึงยอมทุ่มเงินสี่ร้อย ห้า

สิบล้านเหรียญผลึกเพื่อกระดาษแผ่นหนึ่ง แต่แล้ว ฉินหยุนก็ ทําทุกอย่าง
พังจนหมด

“เย่ว์หลาน เจ้าต้องไม่แต่งกับฉินหยุน! ด้วยพละกําลังของมัน มันไร้ค่า
หากเทียบกับเจ้า! หากเจ้ายืนกรานคิดแต่งงาน จง อย่าได้กล่าวโทษเสด็จ
พ่อที่ไม่นับเจ้าเป็นลูกสาว! ด้วย พละกําลังของเสด็จพ่อ มันไม่ใช่เรื่องยาก
ที่จะทําให้เจ้าและฉิน หยุนพิการ!” นํ้าเสียงนี้ของเชี่ยวหยางหลงเต็มไป
ด้วยคําขู่ อย่างเห็นได้ชัด

ตอนท
ี่190 วิญญาณยุทธ์แฝด

จักรพรรดิแห่งเทียนเชี่ยว เชี่ยวหรงเฉิน ได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาเนิ่น
นานแล้ว หากเขาก่อการโดยไม่สนชีวิตตนเอง ผลที่ตามมาย่อมเป็นผู้ใด
คาดเดา และตอนนี้ ฉินหยุนก็มีเรื่องเบาะแว้งกับตําหนักตะวันตก
จักรพรรดินีเย่ และจักรวรรดิเทียนฉิน หากรวมเชี่ยวหรงเฉิน เข้าไปด้วย ก็
จะมีแต่ต้องให้ต้วนเฉียนและจ้าวฉวนออกหน้า

หากพวกเขาสู้กัน ทั้งสองฝ่ายต้องบาดเจ็บหนัก! “ฉินหยุนไม่คู่ควรแก่ข้า
แล้วผู้อื่นคู่ควรแก่ข้าหรือ? พวกมัน กระทั่งเอาชนะข้ายังทําไม่ได้ เช่นนั้น
แล้วพวกมันหามีอันใดดี ให้คู่ควร?” ดวงตาของเซี่ยวเย่ว์หลานเปี่ยมด้วย
ความทะนงตน ขณะมองเดียดฉันท์ไปยังชื่อ และฉินเจิ้งเฟิ ง

ฉินเจิ้งเฟิ งและชื่อ ทั้งคู่คือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ศิษย์ชั้นแนว
หน้าทั้งสี่คนของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ก็ล้วนอยู่ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่เจ็ดหรือแปด แต่แล้ว พรสวรรค์ของเชี่ยวเย่ว์หลานเหนือลํ้า

กว่าพวกเขา นางครอบครองวิญญาณยุทธ์น่าสะพรึงอย่างมังกรระดับทอง
ม่วง หากนางต่อสู้กับบรรดาเด็กหนุ่มเหล่านั้นทีละคน ชัยชนะ ย่อมต้องตก
เป็นของนาง ชื่อ เผยใบหน้าเปี่ยมด้วยความไม่พอใจ เขาคือรัชทายาทแห่ง
เทียนขี่ และยังก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดก่อนอายุ ยี่สิบ เขา
ย่อมมีความภาคภูมิใจในตนเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าตนเองสามารถ
จัดการเชี่ยวเย่ว์หลาน ได้ นํ้าเสียงเปี่ยมด้วยความมั่นใจนี้กล่าวคํา “เย่ว์
หลาน หากข้า จัดการเจ้าได้ เหตุใดไม่ยอมแต่งงานกับข้าเสียเล่า?”

“หากเจ้าจัดการข้าได้ และจากนั้นจัดการฉินเจิ้งเฟิ งกับอีกสี่คน จาก
ตําหนัก ข้าจะแต่งกับเจ้า” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียง

“แต่ เจ้าสามารถ?”

ชื่อวี้ยิ้มอหังการ “เจ้าพูดเองนะ! เป็นเจ้ากล่าวด้วยตัวเองก่อน หน้านี้ ว่า
เจ้าคือผู้รักษาคําพูด หากข้าทําได้จริง เจ้าอย่าได้คิด กลับคําพูด!”

“ข้าไม่เคยถอนคําพูดอยู่แล้ว เช่นนั้นจงมาสู้!” เสี่ยวเย่ว์หลาน กําหมัดขาว
นวลไว้แน่น ดวงตานี้เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่ง การต่อสู้ เด็กหนุ่มทั้งสี่คน
จากตําหนักดวงดาว พวกเขาเองก็ก้าวเดิน ออกมา ทั้งยังมองเหยียดชื่อ
และเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขา กําลังโกรธรุนแรง ย่อมเป็นปกติหากพวกเขา
คิดอยากแสดง พละกําลังของตนผ่านการประลองฝีมือ ทุกคนล้วนลุกยืน
ขึ้น ขยับเคลื่อนย้ายโต๊ะไปหลบด้านข้าง สร้าง พื้นที่ว่างไว้ตรงกลางของ
ห้องโถง จ้าวฉวนหัวเราะกล่าว

“ในเมื่อคิดอยากต่อสู้กัน เช่นนั้นให้ข้า รับผิดชอบเรื่องคุ้มกันลานประลอง”
เขานําเอาอาคมธงออกมาและปักเอาไว้บริเวณพื้นที่ว่างตรงกลาง

ไม่ช้า อาคมธงจึงเกิดขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม ระหว่างการประลอง ยุทธ์ พลัง
ภายในของพวกเขาจะไม่หลุดรอดออกสู่ภายนอก เรื่องนี้จะทําให้ห้องโถง
ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เมื่อลานประลองยุทธ์จัดตั้งขึ้น จ้าวฉวน
จึงยิ้ม

“ให้ข้าเป็นผู้ ตัดสินแล้วกัน!” ที่นี่ สถานะของเขานับว่าสูงที่สุด ทั้งยังเป็นผู้
ที่มีความชอบ ธรรม ชื่อเผยรอยยิ้มมาดมั่นขณะถอดชุดงดงามตัวนอก
ออก ด้านใน เป็นชุดรัดรูปสีทอง มันถูกจัดทําขึ้นเพื่อให้ง่ายในการต่อสู้
เชี่ยวเย่ว์หลานเดิมสวมใส่ชุดรัดรูปสีนํ้าเงินซึ่งเหมาะแก่การ ต่อสู้อยู่แล้ว
ชัดเจนว่านางเตรียมการแต่แรกเพื่อต้องรับศึก พอฉินหยุนเห็นนางคิดเดิน
ไปตรงลานประลองยุทธ์ เขาพลัน กล่าว “เย่ว์หลาน รอเดี๋ยว! ให้ข้าเข้าร่วม
การประลองนี้เอง เจ้าไปรับชมข้าจากด้านข้างแทน!” เชี่ยวเย่ว์หลานอึ้ง

“เจ้าหรือ? อีกฝ่ายเป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปดนะ!”

ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกประหลาด เป็นเพราะพวกเขาทราบกันดี ว่าฉินหยุน
เพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก นอกจากนี้พลัง ธาตุยังแตกสลายไป
แล้ว ชื่อ แค่นเสียงกล่าว

“ฉินหยุน เจ้าสามารถประลองกับข้าได้ หากข้าสังหารเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะ
ได้แต่งกับเย่ว์หลาน!” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียงเย็นเยือกกล่าวคํา

“ต่อให้ฉินหยุนตาย ข้าก็ยังเป็นภรรยาของเขาอยู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าเขาจะ
ตาย หรือไม่ ข้าก็ไม่แต่งกับเจ้า! ต่อให้เจ้าจัดการฉินหยุนได้ เจ้าก็ไม่ อาจ
จัดการข้า! เจ้าก็ยังคงไร้ค่าสําหรับข้า!” ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์หลานแน่วแน่ใน
การเป็นภรรยาของฉินหยุน เพียงนี้ ผู้คนต่างตะลึงกันถ้วนหน้า เชี่ยวหยาง
หลงกล่าวคําแทรก

“ฉินหยุน อย่าได้ก่อปัญหา ให้ ทั้งสองได้สู้กัน!”

“ข้าไม่ได้ก่อปัญหา! เย่ว์หลานเป็นภรรยาข้า แม้พละกําลังของ ข้าไม่ดีเท่า
นาง แต่ข้ารู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งกว่ากลุ่มเศษเดน เหล่านี้! หากเจ้า
ต้องการท้านางประลอง ก็ต้องผ่านข้าไปก่อน!”

ฉินหยุนยิ้ม “นอกจากนี้ ข้าคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด สู้
กับคนพวกนี้ที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปด ก็ไม่เห็นจะมี
ปัญหาอะไร!”

“ว่าอะไร? นี่เจ้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว?” เชี่ยวเย่ว์หลาน
มองฉินหยุนอย่างไม่อาจเชื่อ ทั้งห้องโถง คลื่นเสียงร้องอุทานดังระงม เป็น
เพราะตอนนี้ออร่า กระดูกทองคํากําลังลอยฟังจากร่างของฉินหยุน! ที่น่า
ตกใจที่สุดก็คือ ฉินหยุนสามารถเก็บงําออร่ากระดูกทองคํา ไว้ภายในร่าง
จนถึงตอนนี้ได้! กระทั่งเชี่ยวหยางหลง ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า แม้อยู่
ระยะใกล้ยังไม่อาจรู้สึกถึงได้ ฉินเจิ้งเฟิ งรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความ
บรสิทุ ธิ์ของออรา่ กระดกู ทองคาํ ท่ี

ฉินหยนุ ครอบครอง ฟันนั้นกัดดังกรอด

ด้วยความโกรธแค้น

จ้าวฉวนขมวดคิ้วขณะสัมผัสถึงออร่าฉินหยุน เขาถอนหายใจ กล่าว “เป็น
กระดูกทองคําที่เหนือลํ้ายิ่งนัก มันคือพลังกระดูก ทองดํา ชัดเจนว่าเรื่องนี้
เป็นเพราะฝึกวิถีหัวใจเหลืองดํามาก่อน ศักยภาพในภายหน้าของเจ้าต้อง
สว่างไสวไม่น้อยแน่” ชื่อวี้ตะโกนขึ้น

“ฉินหยุน ไม่ใช่ว่าเย่ว์ข่ายทําลายพลังธาตุของ เจ้าไปแล้ว? เจ้าไม่มี
แม้กระทั่งวิญญาณยุทธ์ด้วยซํ้า เหตุใดจึง สามารถเลื่อนระดับพลังได้?”
ฉินหยุนหัวเราะ

“ช่างเป็นคนอวดดีที่โง่เขลานัก เจ้าไม่รู้หรือว่า เซี่ยอู่เฟิ งก็ไม่มีวิญญาณ
ยุทธ์? แต่เขาก็ยังเป็นผู้ฝึกตนดาบที่ทรงพลังอํานาจ!”

เซี่ยอู่เฟิ งไม่มีวิญญาณยุทธ์ ทั้งยังมีเส้นวิญญาณเพียงสอง แต่ ตอนนี้ เขา
คือผู้ฝึกตนดาบที่น่าสะพรึง ด้วยการใช้ดาบชีวิต พละกําลังของเขา
สามารถทัดเทียมขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ แปดหรือกระทั่งระดับที่เก้า
มันทั้งลึกลับและน่าพรั่นพรึงยิ่ง ฉินหยุนก้าวเดินขึ้นที่ลานประลอง เขา
กล่าว “

หากเจ้าจัดการ ข้าได้ เจ้าก็จะได้สู้กับเย่ว์หลาน หากเจ้ากึ่งเป็นกึ่งตายหลัง
ต่อสู้ กับข้า ก็ลืมเลือนเรื่องแต่งงานกับเย่ว์หลานเสีย เพราะเจ้าไม่ คู่ควร
กับนาง!”

“อาวุธ หุ่นเชิด และผังวิญญาณใดล้วนห้ามใช้!” ชื่อวี้ตะโกน

“ย่อมได้!” ฉินหยุนยิ้มมั่นใจ ทุกคนต่างคิดว่าฉินหยุนออกจะอวดดีเกินไป
แล้ว เพียงเพิ่งก้าว สู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด กลับกล้าแสดงตน
อหังการต่อ หน้าชื่อ พระยาเยี่ยนซึ่งอยู่ด้านข้างลานประลองยุทธ์ เขาได้
กล่าวคํา แค่นเสียงออก

“ชื่อวี้เป็นถึงรัชทายาทแห่งเทียน ทั้งยังเป็น หนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของ
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม ด้วยวัยเพียงยี่สิบ เขาก็ได้อันดับต้นของผู้
มีแต้มเสวียนใน ครอบครองแล้ว เด็กใหม่เช่นฉินหยุนมีอะไรดีให้จัดการ
เขาได้? ทั้งตอนนี้ยังไม่มีพลังภายในหลงเหลือ ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของ ชื่อ
นี้ได้แม้แต่น้อย!”

“ต่อให้ฉินหยุนสามารถก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ก็ยังไม่มีดี
พอที่จะจัดการอว์เอ๋อได้” ชายร่างอ้วนตัวเตี้ยวัย กลางคนจากเทียนขี่เผย
รอยยิ้มมั่นใจ เขาผู้นี้คือจักรพรรดิแห่ง เทียนชี่ชี้ให้!

ในลานประลองยุทธ์ ชื่อวี้มองฉินหยุนด้วยสายตาเปี่ยมด้วย ความเหยียด
หยามขณะกล่าวคําเสียงดัง

“ฉินหยุน ข้านั้นสงสัย จริงว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิชาปีศาจจนทําให้ชี่เม่ยเหลียน
หลงในตัว เจ้าหรือไม่ ไม่เพียงแต่เจ้าทําให้นางหลง กระทั่งทํานางกินไม่ได้
นอนไม่หลับ แน่นอนว่าข้าไม่แปลกใจนักที่เจ้าจะเลือกนาง อย่างไรแล้ว
นางก็ถือกําเนิดขึ้นจากชนชั้นคณิกา เพราะแบบ นั้นจึงมีนิสัยอีตัวแฝงอยู่
ในสายเลือด แม้นางภายนอกดูอ่อนโยน ไร้เดียงสา แต่แท้จริงแล้วคง ที่ดี
ที” เรื่องนี้ทําเอาผู้คนในห้องโถงส่งเสียงอื้ออึงกันออกมา พวกเขา ส่วน
ใหญ่ล้วนเหยียดหยามซี่เม่ยเหลียน เพราะแทบทุกคนที่นี่ ล้วนมีสถานะ
สูงส่ง พวกเขาไม่คิดชื่นชมเด็กที่เกิดจากหญิง คณิกาอยู่แล้ว ชื่อได้เห็นฉิน
หยุนเผยสีหน้าดํามืดจึงหัวเราะลั่นเสียงดัง

“ใคร กันจะรู้ บางทีอาจเป็นนางตั้งใจเป็นอีตัวแก่เจ้า นอกจากนี้นาง ยัง
ล่อลวงผู้อื่นไปทั่วสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน”

ฉินหยุนกําหมัดแน่นจนแทบได้ยินเสียงปริแตก ออร่ากระดูก ทองคําตอนนี้
ไหลทะลักออก ชี่เม่ยเหลียนเติบโตโดยที่ต้องโดน รังแกอยู่ทุกวี่วัน นาง
พยายามรักษาสภาพจิตใจอันดีงามเอาไว้ ได้มาโดยตลอด แต่บ่อยครั้ง
นางก็ต้องโดนรังแกโดยคนอย่าง ชื่อวี้พอนึกย้อนถึงรอยยิ้มใสซื่อและ
ความสดใสของชี่เม่ยเหลียน เขาอดไม่ได้ที่จะคํารามร้องออกด้วยความ
กราดเกรี้ยวจาก ภายใน เขาสาบานกับตนเอง ว่าจะต้องให้ชื่อ ชดใช้อย่าง
ใหญ่ หลวงต่อคําพูดที่มันกล่าวออกจากปาก! ฉินหยุนถลึงตามองของชื่อ
ว่ําพร้อมจิตสังหาร เขากล่าวคําสงบ นิ่ง

“ลองพูดอีกแม้คําเดียว เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เก็บปากเอาไว้ พูดอีก!” มุม
ปากของชื่อ โค้งขึ้นเมื่อพบว่าการยั่วยุสําเร็จ อย่าง กะทันหัน ไฟทองคําคู่
หนึ่งจึงปรากฏในมือของอีกฝ่าย

“วิญญาณยุทธ์ของชื่อ คือไฟทองคํา แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีถึง สอง
หมายความว่าเขาสามารถใช้ไฟได้ถึงสอง นี่ต้องเป็น วิญญาณยุทธ์แฝด
แล้ว!”

“ใช่แล้ว ไพ่นั่นมีเป็นคู่ ก็หมายความถึงวิญญาณยุทธ์แฝด!”

“ช่างเป็นวิญญาณยุทธ์ที่หาได้ยากนัก!”

“วิญญาณยุทธ์ของชื่อวี้นับว่าน่ากลัวแล้ว นี่ยิ่งแข็งแกร่งกว่า วิญญาณ
ยุทธ์ของฉินหยุนก่อนหน้านี้ที่เป็นไฟระดับทองม่วง ด้วยซํ้า ทั้งยังแข็งแกร่ง
ยิ่งกว่าวิญญาณยุทธ์ในตํานาน สิ่งนี้ แทบจะเทียบเคียงกับวิญญาณยุทธ์
เทวะ!”

ทุกผู้คนล้วนร้องอุทานกล่าวชื่นชม จักรพรรดิเทียนซี่เองก็ยิ้ม รับขณะนั่ง
บนเก้าอี้และจิบไวน์ ฉินหยุนเพียงรับชมสีหน้าเฉยชา ไพ่ที่ชื่อ นําออกมา
ไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นวิญญาณยุทธ์! การฝึกฝนวิญญาณยุทธ์เข้าสู่วัชระ

วิญญาณยุทธ์ หมายความ ถึงผู้ฝึกตนคนดังกล่าวสําเร็จขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่แปด!

หลังจากวิญญาณยุทธ์แปรเปลี่ยน มันจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และ ไม่ถูก
ทําลายโดยง่าย นอกจากนี้ยังสามารถปลดปล่อยออกมา นอกร่างกาย
หากวัชระพลังปราณของวิญญาณยุทธ์แข็งแกร่ง พอ มันจะสามารถก่อ
เกิดขึ้นเป็นอาวุธหรือวัตถุ หรือกระทั่ง สัตว์ร้ายโดยอ้างอิงตัววิญญาณยุทธ์
ที่ครอบครอง ท่ามกลางบรรดาสิ่งเหล่านั้น วิญญาณยุทธ์อาวุธถือเป็นสิ่ง
ง่าย สุดที่จะก่อรูปจากวัชระพลังภายใน และวิญญาณยุทธ์สัตว์ถือ ว่า
ยากเย็นที่สุด กระทั่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

บางครั้งก็ไม่อาจ ใช้อาวุธจริงให้ทัดเทียมวิญญาณยุทธ์อาวุธได้ ด้วยเหตุนี้
ผู้คนจึงแตกตื่นกับวิญญาณยุทธ์ที่ได้เห็น สิ่งนี้ ทัดเทียมได้กับการ
ครอบครองวิญญาณยุทธ์อาวุธที่น่าสะพรึง หากภายหลังเขาสามารถได้รับ
อาวุธระดับลึกลํ้าและใช้มัน ร่วมกับวิญญาณยุทธ์ พลังของมันจะชวน
พรั่นพรึงยิ่งขึ้นไปอีก! ฉินหยุนพบว่าวิญญาณยุทธ์ของเซี่ยวเย่ว์เหม่ยออก

จะแปลกไป แล้ว มันเป็นกระจก น่าจะจัดอยู่ในหมวดของอาวุธ และนางก็
สามารถนําตัวกระจกออกมาได้นานแล้ว

ชื่อวิ้มองฉินหยุนและกล่าวอย่างภูมิอกภูมิใจ “สิ่งนี้ไม่ใช่อาวุธ แต่เป็น
วิญญาณยุทธ์ของข้า! ตอนนี้เจ้าคงได้เข้าใจแล้ว ว่าข้า นั้นคู่ควรกับเชี่ยว
เย่ว์หลานหรือไม่! ด้วยพรสวรรค์ระดับข้า ถือ เป็นพรสวรรค์ที่ฟ้าประทาน
ให้อย่างไรเล่า” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ชื่อ มีวิญญาณยุทธ์อาวุธแฝด
แต่ ฉินหยุนไม่มีอันใด เรื่องนี้แตกต่างกันจนเกินไป ดวงตาของเซี่ยวเย่ว์
หลานทอแสงวาบด้วยความเป็นกังวล นาง เอ่ยคํา

“ฉินหยุน จงรีบลงมา ให้ข้าได้สั่งสอนบทเรียนแก่คน อวดดีเช่นมัน!” โฮว
ฉิงเฟิ งเองก็ศึกษาวิญญาณยุทธ์อาวุธมานานหลายปีนัก เขา เองก็ร้อง
ตะโกนบอกต่อ

“จงเลิกทําตัวหาญกล้า เขามีวิญญาณ ยุทธ์อาวุธ เขาไม่ใช่คนที่เจ้าจะ
จัดการได้!” หยางฉีเย่ว์เผยสัญญาณให้ฉินหยุนลงมาเช่นกัน เป็นเพราะแม้
เขาไม่สู้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย

ชื่อวี้มองจ้าวฉวนที่ยังไม่ประกาศเริ่มการต่อสู้ เขาเกรงว่าฉัน หยุนจะหัวหด
ลงถอยจาก เขาจึงยิ้มชั่วร้ายและกล่าวคํา “ฉิน หยุน นางแพศยาชี่เม่ย
เหลียนนั่น มันต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะ เจ้า เพื่อนําตัวนางกลับสู่
จักรวรรดิเทียนขี่ ข้าต้องไปขุดซากศพ เน่าเฟะแม่ของนางขึ้นมาเพื่อใช้ข่มขู่
เลยที่เดียวนะ”

ชื่อได้เห็นร่างฉินหยุนไหวเล็กน้อยขณะทวงตาสั่นเทิ้ม เขา ทราบว่าอีกฝ่าย
ตกอยู่ในห้วงความโกรธแล้ว ทั้งนี้ มันยังเป็น ความโกรธที่จะทําให้เสีย
สภาพจิตใจพร้อมรบเสียด้วย เขายังคงหัวเราะต่อเนื่อง “ชี่เม่ยเหลียน นาง
กลัวการต้องกลับ สู่บ้านนัก นางหวงแหนชีวิตตัวเอง เพราะนางคิดว่าเป็น
เจ้า ช่วยชีวิตเอาไว้ นางจึงไม่คิดกลับสู่บ้านเพื่อรับความอัปยศต่อ ชีวิตที่
เจ้าอุตส่าห์ช่วย เมื่อเจ้ากลับไป จะได้เห็นความสิ้นหวัง ของนางอีกครั้ง
เพราะเป็นนางเองที่ดื้อรั้นจนพวกเราต้องใช้ ซากศพแม่ของนาง!”

ฉินหยุนหอบหายใจหนัก หลังผ่านประสบการณ์มากมาย ไม่ว่า จะเรื่อง
ใหญ่เพียงใดเขาล้วนสงบ ทว่าคราครั้งนี้ เลือดภายใน กายเขามันเดือด
พล่านเพราะความโกรธต่อคําพูดของชื่อ มัน แทบทําเอาเขาเสียเหตุและ
ผล!

ชั่วขณะนี้เอง สภาพจิตใจของเขาว่างเปล่า ทัศนการมองเห็น พร่ามัว เป็น
เขาโดนความโกรธเข้าครอบงํา! ทีละน้อย ภาพใบหน้างดงามของชี่เม่ย
เหลียนปรากฏขึ้นใน จิตใจ ใบหน้าที่สัตย์ซื่อของนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
หวานมอบ แก่เขา แต่แล้ว เด็กสาวที่ทําให้โลกสดใสผู้นั้นกลับต้องทุกข์
ทรมาน สาหัสนัก กระทั่งนางทราบว่าร่างของแม่ตนเองถูกขุดขึ้นมา เพื่อ
ใช้เหยียดหยาม นางก็ยังไม่ตอบโต้ นางไม่อาจทําสิ่งใดได้! ดวงตาฉินหยุน
แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน!

“ฉินหยุน เจ้าจงสงบใจลงและทําให้มันพิการเสีย!” อย่าง กะทันหัน
นํ้าเสียงเย็นเยือกของเซี่ยวเย่ว์หลานโพล่งออก เป็น ผลให้ความบ้าคลั่งใน
ตัวฉินหยุนค่อยเย็นลงมาได้

ตอนท
ี่191 เทพสังหาร

ทุกคนต่างได้ยินคําพูดของชื่อ ก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น แม้การกระทํา นี้ออกจะ
ตํ่าทรามจนเกินไป แต่หลายคนที่นี้ต่างก็ไม่ได้คิดมาก เพียงนั้น นี่ก็เพราะ
มารดาของชี่เม่ยเหลียนเป็นเพียงหญิงรับใช้ กระทั่งตอนนางมีชีวิต ก็เป็น
เพียงข้าทาสชั้นตํ่า ลําพังอะไรกับ ยามเมื่อนางตายไปแล้ว! ดวงตา
ของเซี่ยอู่เฟิ งทอแสงสว่างวาบ ออร่าดาบค่อยปรากฎ จากร่างกาย ซัดเจน
ว่าเขาโกรธยิ่ง เขาเคยพบชี่เม่ยเหลียนมา ก่อน ทงั้

ยงัทราบวา่ นางบรสิทุ ธิ์

และใสซ่ื

อสมกบัเป็
นเดก
็ สาวผู้
หน่ง

แตแ่ ลว

ความบรสิทุ ธิ์และใสซ่ื
อนนั้
กลับกลายเป็นต้องมัว หมองเพราะวิธีการชั่วร้ายของชื่อวี้! จ้าวฉวนพบว่า
ผิดท่าจึงเร่งรีบโพล่งกล่าวคํา “เริ่มประลองได้”

หากยังไม่เริ่ม ฉินหยุนอาจอดทนไม่ไหว เขาอาจเสียเหตุและผล จนเกิด
อาการบ้าคลั่ง การปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงําก่อน การประลองยุทธ์
จะเริ่มถือเป็นความเสี่ยงร้ายแรง

“ฉินหยุน เพียงสามกระบวนท่าข้าจะทําให้เจ้าได้คุกเข่า!” ชื่อวี้หัวเราะ
อหังการ ไฟทองคําทั้งสองในมือพลันลอยออกอย่าง รวดเร็วราวพยัคฆ์ขยํ้า
เหยื่อ เขากวัดแกว่งไพ่ทั้งสองรุนแรง และเหวี่ยงมันออก หลายคนต่างลุก
ขึ้นยืนรับชมชื่อ ที่กําลังจะทะยานกายออก ฉินหยุนยังไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาไม่ แม้กระทั่งกระพริบตาเพราะโทสะที่เปี่ยมล้น!
เมื่อชื่อทะยานกายเข้ามา เขายกไพ่ทั้งสองขึ้นพร้อมสับฟันลง แต่แล้ว
อย่างกะทันหัน คลื่นพลังจิตรุนแรงและแกร่งกล้าพลัน ทะลักออก!

“อ๊าก!”

ชื่อวี้เผยเสียงร้องน่าสังเวช ไพ่ทองคําทั้งสองในมือสั่นเพิ่ม รุนแรง ด้วย
เสียง “พี่บ' ดังขึ้น ไฟทองคําทั้งสองใบพลันระเบิด ออกเป็นแสงสีทอง! ทุก
คนล้วนตระหนก! วิญญาณยุทธ์ของชื่อวี้ระเบิดอย่างกะทันหัน! เดิมชื่อ
เป็นฝ่ายพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุดัน แต่มันกลายหายวับ กลับกลายเป็น
วิญญาณยุทธ์ระเบิด เลือดชโลมออกจากศีรษะ!

“หมัดนี้สําหรับเสี่ยวเม่ยเหลียน!” ฉินหยุนคํารามร้องเสียงทุ้มลึกขณะกํา
หมัดเอาไว้แน่น ออร่า กระดูกทองคําไหลทะลักออกจากหมัดขณะต่อยเข้า
ที่ปากของ ชื่อวี้

“อ๊าก!” จักรพรรดิเทียนซี่ ผู้ซึ่งกําลังจิบไวน์รับชม บัดนี้ยืนขึ้นจากที่นั่ง
พร้อมเร่งร้อนมุ่งหน้าถึงลานประลองยุทธ์ซึ่งมีธงค่ายอาคมล้อม เอาไว้

“หมัดนี้สําหรับแม่ของเสี่ยวเม่ยเหลียน!” ฉินหยุนคําราม หมัด นี้ปะทะเข้า
ที่จมูกของชื่อ มันแทบยุบตัวลงไป

“อ๊าก!” ชื่อกรีดร้องอย่างน่าสังเวชอีกครั้ง ราวกับโดนภูตผี ร้ายเข้าสิงสู่ก็ไม่
ปาน

“ที่เหลือนี่ เป็นข้าจัดการเจ้าที่เหยียดหยามต่อเสี่ยวเม่ยเหลียน ตลอดเวลา
ที่เจ้าข่มเหงนางครั้งอยู่ในจักรวรรดิเทียนซี่!” ฉิน หยุนคํารามโกรธแค้น
หมัดคู่ มันสาดส่องพลังกระดูกทองคําออก ทั้งยังไม่ปราณีโรม รันเข้าใส่

ร่างของชื่อ หมัดนี้ มันคํารามร้องยามพาดผ่าน อากาศราวสัตว์ร้าย
คําราม! หมัดของฉินหยุนเปี่ยมด้วยโทสะไร้กันทิ้งจนแทบทําเอาเขาเกิด
ความบ้าคลั่ง มันระเบิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า!

“นี่มันอะไร!? ฉินหยุน เจ้าบังอาจใช้วิชาปีศาจอันใดกัน? เร่งรีบ นําอาคม
ธงออกเดี๋ยวนี้!” จักรพรรดิเทียนขี่ตะคอกใส่จ้าวฉวน กระทั่งเขาเองยังไม่
อาจบุกฝ่าอาคมธงที่น่าสะพรึงนี้ไปได้

“การประลองยุทธ์ยังไม่รู้ผล ข้าไม่อาจนําอาคมธงออก พวกเรา ต้องรอ
จนกว่าจะการต่อสู้จะเสร็จสิ้น!” จ้าวฉวนตอบกลับอย่าง เฉยชา เป็นเพราะ
ชื่อวี้กระทําเรื่องโหดเหี้ยมต่อมารดาของชี่เม่ยเหลียน จ้าวฉวนไม่คิดปราณี
อีกฝ่ายหรือไว้หน้าผู้ใด เขากระทั่งรู้สึกสา แก่ใจด้วยซํ้าที่ฉินหยุนสู้ได้!
ดวงตาของจักรพรรดิเทียนแดง เป็นเขาไม่ทราบว่า เรื่องราวนี้บังเกิดขึ้นได้
อย่างไร ชื่อวี้ผู้เดิมที่ถือครองชัยชนะเอาไว้ในมือ บัดนี้โดนกระทําอยู่แต่
ฝ่ายเดียว ไม่เพียงเขา กระทั่งเซี่ยวหยางหลง ฉินเจิ้งเฟิ ง พระยาเยี่ยน
หยางฉีเย่ว์ และเชี่ยวเย่ว์หลาน ผู้ซึ่งอยู่ด้านนอกลานประลอง ยุทธ์ยัง

รับชมฉินหยุนด้วยความแตกตื่น ทั่วทั้งโถงกลับกลายเป็นอื้ออึง บท
สนทนาอันแตกตื่นรัวออก จากปากผู้พบเห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น!

ฉินหยุนไม่ได้ใช้พลังภายในแต่อย่างใด ทว่า สิ่งที่เขาฝึกฝนคือ วิถีหัวใจ
เหลืองดํา ลําพังเพียงเรื่องนี้ก็มีพลังน่าสะพรึงแล้ว หมัดที่ไร้ปราณีลั่นเข้า
ใส่ทุกส่วนของร่างกายชื่อ เป็นผลให้เกิด เสียง

“ครึก ครึก” ของกระดูกแตกหักจนผู้คนล้วนได้ยิน

“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รังแกเสี่ยวเม่ยเหลียนอีก!” ฉินหยุน คํารามร้อง
หมัดยังคงความเร็วไม่ลดละ ในสายตาของทุกคน หมัดแทบนับไม่ถ้วน
ล้วนโจมตีเข้าใส่ร่างกายของชื่อ กระดูกของชื่อ แตกหักหลายแห่ง เสียง
กระดูกแตกหักดังไม่มี หยุด ในร่างกายแทบไม่เหลืออันใดให้แตกหักได้อีก!
ผู้คนล้วนมองที่หมัดของฉินหยุน มันไม่มีพลังภายในใด ขณะ พวกเขาสูด
ลมหายใจเย็นเยือกเข้า หนังศีรษะล้วนด้านชากันไป หมด! ฉินหยุนไม่ได้

ใช้พลังภายในใดจัดการชื่อ ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด เรื่อง
นี้มันเหลือเชื่อและแปลก ประหลาดจนเกินไป!

“ข้า... ยอมแพ้” ชื่อวี้กรีดร้องด้วยความยากลําบากผ่าน นํ้าเสียงอ่อนแรง
โดยทันที ฉินหยุนรั้งมือกลับ ทว่า หมัดสุดท้ายที่ปล่อยออกไป เมื่อครู่นี้ก็
ทรงพลังยิ่ง มันส่งผลให้ร่างชื่อวกระเด็นไปทาง จักรพรรดิเทียนขี่ก่อนจะ
ร่วงหล่นลงกับพื้นเกิดเสียงดัง จ้าวฉวนเร่งรีบถอนอาคมธงขณะยืนหยัด
ข้างฉินหยุน

“เสด็จ... เสด็จพ่อ วิญญาณยุทธ์คู่ของข้าดับสิ้น พลังธาตุดับ สิ้น ข้าจบสิ้น
แล้ว อัก” ปากของชื่อ เต็มไปด้วยเลือด สภาพ นี้น่าสังเวชเกินบรรยาย

“ฉินหยุน นี่เจ้าใช้วิชาปีศาจอันใด? ข้าจะฆ่าเจ้า!” จักรพรรดิ เทียนซี่โกรธ
แค้น ใบหน้าอ้วนกลมนั้นแดงก่ําขณะดวงตาเปี่ยม ซึ่งความดุร้าย สูญเสีย
วิญญาณยุทธ์หมายความถึงพิการ! ตู้ก่วยกล่าวเฉยชา “เป็นเขาใช้พลังจิต
ที่แข็งแกร่งโจมตีออก! สิ่งนี้คือวิชารวมจิตวิญญาณสังหารขั้นสูง พลัง

ปราณจะแปรเปลี่ยนด้วยความนึกคิด และถูกใช้งานผ่านพลังจิตที่
ควบแน่นเป็นการโจมตีใส่ตัววิญญาณในร่างกาย!”

“ชื่อวี้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ ทั้งยังใช้มันต้านรับการโจมตีทางพลังจิต
วิญญาณยุทธ์ของเขาเพิ่งเป็นวัชระวิญญาณยุทธ์ ทั้งยังอ่อนแอยิ่ง แต่แล้ว
กลับกล้าเผยวิญญาณยุทธ์ที่อ่อนด้อย เพียงนั้นต่อหน้ายอดฝีมือในการ
สังหารวิญญาณ นับว่าโง่เขลา นัก! แม้พลังธาตุของฉินหยุนถูกทําลาย
พลังจิตของเขากลับ แข็งแกร่งเกินผู้ใดเทียบ เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้ชัดเจน ทุก
คนตอนนี้ค่อยนึกขึ้นได้ ว่าฉินหยุนเคยแสดงศักยภาพทาง พลังจิตอันน่า
สะพรึงครั้งการทดสอบพลังจิตที่สถาบันซาน เสวียน! รวม ตู้ก๋วยแค่นเสียง

“วิญญาณยุทธ์มีพื้นฐานมาจากพลังภายใน ยามเมื่อเผยซึ่งวิญญาณยุทธ์
ที่อ่อนแอและง่ายต่อการผุพัง เช่นนั้น มันย่อมโดนพลังจิตของผู้แข็งแกร่ง
ว่าทําลายแล้ว ที่ พลังภายในตายไปด้วยก็เพราะเหตุผลเดียวกัน”

จักรพรรดิเทียนชี่ร่างสั่นเทิ้มกอดชื่อ ผู้ซึ่งหลงเหลือเพียง ร่างกายและลม
หายใจ จากนั้น สายตาจับจ้องที่ฉินหยุน จิต สังหารแทบไหลทะลัก
ออกเป็นคลื่นปกคลุมร่างฉินหยุนเอาไว้มู่หรงต้าเหรินหัวเราะกล่าวคํา

“ชื่อวี้โอหังจนเกินไป ถึงขั้น อยากเผยวิญญาณยุทธ์คู่ให้ชาวบ้านรับรู้ทั้งที่
ยังอ่อนด้อย ใคร กันสอนให้มันอวดดีเพียงนั้น โดนยอดฝีมือสังหาร
วิญญาณ โจมตี วิญญาณยุทธ์ระเบิดย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก นี่ไม่ต่างอะไร
กับเอาไข่กะเทาะหิน ช่างโง่เขลายิ่งนัก มีชีวิตมาได้จนถึงวันนี้ นับว่า
สวรรค์มีเมตตาต่อมันมากแล้ว!”

จักรพรรดิเทียนซี่ตอนนี้ปล่อยจิตสังหารแทบปกคลุมทั้งโถงจน เงียบกริบ
ดังนั้นจึงย่อมได้ยินเสียงหัวเราะนี้ของมู่หรงต้าเหริน! ผู้คนล้วนอดไม่ได้
กล่าวชื่นชมในความใจกล้า มู่หรงต้าเหริน ฮั่วจง และผู้อื่นล้วนทราบดีว่า
ฉินหยุนครอบ ครองพลังจิตแกร่งกล้าเพียงใด ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรับชม
เรื่องราวโดยสงบตั้งแต่แรก

จักรพรรดิเทียนชี่โกรธแค้น เขามองที่มู่หรงต้าเหรินพร้อม ปล่อยจิตสังหาร
ราวมีดคมกริบทิมแทง! ฉินหยุนทราบว่ามู่หรงต้าเหรินเป็นคนอาจหาญ
แต่เขาก็ไม่เคย คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยิ้มกล่าวได้ในสถานการณ์เช่นตอนนี้

“จักรพรรดิเทียนซี่ เหตุใดท่านมองยังข้า? ขอแนะนําให้เร่งรีบ แบกร่าง
บุตรชายท่านกลับไปรักษาเสีย บางที่ลงมือโดยเร็ว อาจจะทําให้มันมีชีวิต
รอดอีกได้สักหลายปี! การกระทําของมัน เมื่อครู่ก็น่าอับอายพอแรงแล้ว มี
ฝีมือเพียงแค่นั้นกลับท้าสู้เพื่อ ผู้หญิงกับน้องหยุนของข้าเนี่ยนะ? นี่มันเป็น
คนไม่รู้จักประมาณ ตนเองเลยหรือไร? โอ้ใช่ ไว้มันตายแล้ว ทางที่ดีเผา
ร่างมันให้ หมดจดด้วยเพราะก่อกรรมทําชั่วเอาไว้เยอะ ผู้คนล้วนอยาก
เห็นร่างมันเหลือเพียงแต่ธุลี!”

กล่าวคําจบ เขาจึงหยิบอาหารขึ้นมากัดกินเข้าในปากและเริ่ม เคี้ยวอย่าง
ไม่แยแส ทุกคนล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน หากมันจะมี “วิญญาณยุทธ์ กล้า
หาญ” เช่นนั้นก็ต้องเป็นของชายผู้นี้แล้ว

“นามเจ้าว่าอะไร? ข้าจะจดจําเอาไว้” นี่เป็นอีกหนึ่งคนที่ จักรพรรดิเทียนซี่
คิดอยากฆ่าให้ตายมากที่สุดแล้ว

“ฟังให้ชัดเจน นามข้าคือมู่หรงต้าเหริน ผู้ทั้งดีงามและชอบ ธรรม!”

มู่หรงต้าเหรินหัวเราะดัง “ได้มู่หรงต้าเหริน ข้าจะจําเอาไว้” ทันทีเมื่อ
จักรพรรดิเทียน กล่าวคําจบ เขาค่อยรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดท่า มู่หรงต้าเหริน
หัวเราะลั่นออกเสียงดัง เป็นเพราะจักรพรรดิ เทียนขี่เพิ่งเรียกหาเขาเป็น
“ต้าเหริน” เป็นเขาลวงหลอกอีก ฝ่ายได้ครั้งใหญ่แล้ว เรื่องนี้คงเป็นที่
โจษจันกันไปอีกนานนัก

*ผู้แปล : ต้าเหริน เป็นคํายกย่องบุคคล หมายความถึง ผู้ ยิ่งใหญ่” -6 ฝูง
ชนคิดอยากหัวเราะแต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ ตรงหน้าคือ จักรพรรดิเทียนขี่ ผู้ฝึก
ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋ พวกเขาไม่กล้า หาญพอยั่วยุอีกฝ่าย

จักรพรรดิเทียนชี่ให้คนของตนแบกหามร่างชื่อไป ขณะที่ตัว เขายังรั้งอยู่
เพราะเขาอยากเห็น ว่าในอนาคตอันใกล้จะเป็น ผู้ใดที่จัดการฉินหยุนให้
จบสิ้นลงได้! เมื่อเชียวเย่ว์หลานเห็นฉินหยุนได้รับชัยชนะ นางค่อยเผย
ความ ภาคภูมิ นางหันมองทางเชี่ยวหยางลงและเย้ยหยันกล่าวคํา

“องค์ชายแห่งเทียนเชี่ยว ท่านยังคิดอยู่หรือไม่ว่าฉินหยุนไม่ คู่ควรแก่ข้า?
หากเย่ว์ข่าย สุนัขหน้าโง่ตัวนั้นยังมีชีวิต มันก็แค่ สุนัขข้างถนนที่ไม่อาจ
ต่อกรฉินหยุนได้! ข้าขอบอกอีกครั้ง เขา คือคนที่คู่ควรแก่ข้าแล้ว!”

เหตุผลที่นางกล่าวถึงเพียงนี้ ก็เพราะนางและเชี่ยวหยางหลงมี ความแค้น
ฝังลึกต่อกัน ฝูงชนล้วนไม่ประหลาดใจ จากท่าทีของ เชี่ยวเย่ว์หลาน พวก
เขาก็คาดเดาได้แล้วว่านางเกลียดชัง เชี่ยวหยางหลงมากมายเพียงใด
เชี่ยวหยางหลงคิดขายเตี๋ยวเย่ว์หลานและร่างมารดาของนาง หากนางไม่
เกลียดชังเชี่ยวหยางหลง ก็เป็นเรื่องแปลกเต็มกลืน แล้ว!

“อย่าได้ดีใจเร็วไปนัก!” เชี่ยวหยางหลงกล่าวคํา สายตาหันมองทางฉิน
เจิ้งเฟิ งและเอ่ยถาม

“องค์ชายเทียนฉิน คิดอยากประลองกับฉินหยุนหรือไม่?” เซี่ยวหยางหลง
เกิดความกังวล ว่าฉินเจิ้งเฟิ งจะคิดว่าตนอาจ จบสิ้นเหมือนชื่อนี้ อาจต้อง
กลายเป็นสุนัขไร้ค่าไม่อาจขยับตัว ได้เหมือนอย่างชื่อ ทั้งตัวบุตรชายและ
มารดาก่อกรรมทําชั่ว เอาไว้มหาศาลจนได้เป็นรัชทายาทและจักรพรรดินี
นอกจากนี้ เขายังกําลังจะขึ้นบัลลังก์อยู่รอมร่อแล้ว ต่อให้ฉินเจิ้งเฟิ งไม่คิด
ขึ้นลานประลอง เขาก็ยังจะโดนมู่หรงต้า เหรินกล่าวคํายั่วยุ นอกจากนี้
เขาเองก็อยากประลองกับฉินหยุนมาโดยตลอด ทั้งหมดก็เพราะ เขา
สูญเสียไปมากเพราะฉินหยุน นอกจากนี้ หากเขาสามารถจัดการฉินหยุน
ลงที่ตรงนี้ ตัวตนในจักรวรรดิ เทียนฉินของเขาจะยิ่งยกระดับมากขึ้น
บรรดาขั้วอํานาจเก่าจะ ยิ่งสนับสนุนเขามากขึ้น

ฉินหยุนตอนนี้เปรียบดั่งดวงตะวันฉายแสง มันทําเอาฉินเจิ้ง เฟิ งแทบกลับ
กลายเป็นเงา หากเขาคิดอยากได้ใจกลุ่มคน เช่นนั้นเขาก็ต้องจัดการฉิน
หยุนให้จงได้

“ข้าจะทําให้มันได้เข้าใจ ว่าข้าคือผู้เหมาะสมขึ้นเป็นจักรพรรดิ แห่งเทียน
ฉิน ไม่เพียงแต่จัดการมัน ข้ายังจะได้สมรสกับองค์ หญิงเย่ว์หลานในวันนี้”

ฉินเจิ้งเฟิ งก้าวเดินพร้อมถอดชุดสีทอง ของตนออก สีหน้าตอนนี้เย็นยะ
เยือก วันนี้ งานแต่งงานของเขาสมควรได้จัดขึ้นที่โถงหลักของ พระราชวัง
เทียนฉิน แต่แล้วกลับเกิดเรื่องราวมากมายจนเป็น การบดบังและเหยียด
หยามต่อเขา! ตอนนี้ เขาทําได้เพียงแต่ใช้พละกําลังตนเองเรียกความ
ภาคภูมิใจกลับคืนมาแล้ว! ฉินเจิ้งเฟิ งเดินเข้าบริเวณลานประลองขณะ
มองฉินหยุนอย่าง อหังการ “เจ้าต้องพ่ายแพ้ต่อข้า ข้าจะทําให้เจ้าได้เรียนรู้
ว่าไม่ คู่ควรแก่เชี่ยวเย่ว์หลาน และไม่คู่ควรยิ่งนักที่เป็นอดีตรัช ทายาทแห่ง
เทียนฉิน!”

“เขาไม่คู่ควรแต่งงานกับข้า? ไม่สําคัญว่าเจ้าจะพล่ามอะไร ตราบเท่าที่ข้า
คิดว่ามันคู่ควร! เจ้าอาจแก่กว่าฉินหยุนจึงอาจ จัดการเขาได้ แต่แล้วยังไง?
มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะ จัดการข้าได้”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะเสียงยะเยือก ดวงตา เปี่ยมด้วยความเดียดฉันท์ ฉิน
เจิ้งเฟิ งสะกดโทสะไว้ในภายใน ตอนนี้เขาได้แต่ระบายโทสะ ต่อฉินหยุน
แล้ว! ฉินหยุนภายนอกดูสงบ แต่ภายในใจ เขามองการประลองครั้งนี้ คือ
นัดที่สําคัญยิ่ง เพียงจัดการฉินเจิ้งเฟิ งได้ เขาจะสามารถยืน หยัดขึ้นได้
อย่างภาคภูมิ!

ตอนท
ี่192 วิชาดาบอสนีบาต

สําหรับฉินหยุน จัดการฉินเจิ้งเฟิ งได้ถือเป็นเรื่องสําคัญยิ่ง!

ย้อนกลับไปตอนนั้น เป็นจักรพรรดินีเย่และคนของนางร่วมจัด ฉากใส่ร้าย
ต่อฉินหยุนและเซี่ยฉีโหรว ทั้งหมดก็เพื่อยกตัวตนฉิน เจิ้งเฟิ งขึ้นมา และยัง
ทําให้เส้นวิญญาณของเขาถูกพรากเอา ไป! จักรพรรดินีเย่และคนของนาง
ลงทุนอย่างหนักหน่วงต่อฉินเจิ้ง เฟิ ง หากเขาจัดการทําลายอีกฝ่ายที่ตรงนี้
ได้ อีกฝ่ายจะต้อง เจ็บปวดไม่ใช่น้อย ฉินเจิ้งเฟิ งมองฉินหยุนด้วยอาการ
สงบ และด้วยเหตุผลอะไร บางอย่าง เขารู้สึกอ่อนด้อยกว่าอยู่ภายใน โดย
ทันที เขากล่าว คําออก

“ฉินหยุน เจ้าคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด และ ข้าคือระดับที่แปด
ด้วยเหตุนี้พวกเราควรอนุญาตให้ใช้อาวุธในการประลองยุทธ์ อย่างไรแล้ว
อาวุธก็คือสิ่งที่จะทําให้เจ้าได้มี เปรียบขึ้นมาบ้าง”

คําพูดนั้นสวยหรู แต่กลับเป็นฝ่ายเขาเองที่นําเอาดาบยาวเป็น ประกาย
ส่องแสงสีนํ้าเงินออกมาก่อน มองเพียงครั้งเดียว ผู้คน ก็บอกได้แล้วว่า
คุณภาพของดาบเล่มนี้ไม่ตํ่าช้า ศิษย์ของตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
อุทานร้อง

“นั่นไม่ใช่ ดาบวายุนํ้าเงินที่ฉินเจิ้งเฟิ งได้จากตําหนักทิศใต้หรือ? เป็น
อาวุธวิญญาณระดับสูง!” ฉินเจิ้งเฟิ งกล่าวคําว่าสามารถใช้อาวุธในการ
ประลองยุทธ์ แต่ ตนกลับนําเอาอาวุธวิญญาณระดับสูงออกมาก่อนผู้ใด!
ทางด้านอาวุธของฉินหยุน ทุกคนล้วนทราบว่าเป็นอาวุธ วิญญาณระดับ
ต้น ชัดเจนว่าครั้งนี้เขาเสียเปรียบยิ่งแล้ว ฉินหยุนไม่คิดใส่ใจ เขานําเอา
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา!

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของเขาครั้งนี้หลอมขึ้นด้วยกระดูก เหล็กกล้าชั้น
เลิศ นอกจากนี้ มันยังผสานรวมเข้ากับวิญญาณ ยุทธ์ยักษ์ระดับแพลทินัม
พร้อมผังวิญญาณสี่ผัง โดยรวมแล้ว

มันอาจนับเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับกลาง แต่แท้จริงแล้วมัน เทียบเท่า
ได้กับอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง! ฉินเจิ้งเฟิ งยิ้มสงบเมื่อเห็นฉินหยุนนําเอา
ค้อนราชันยักษ์ วิญญาณออกมา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าดาบวิญญาณ
ระดับสูงในมือของตน เหนือล้ํายิ่งกว่าค้อนในมือของฉินหยุน รอยยิ้มชั่ว
ร้ายฉายชัดผ่านใบหน้าจักรพรรดินีเย่ ดวงตาของ

นางเปี่ยมด้วยจิตสังหารเย็นเยือกขณะทําท่าทางบอกต่อฉินจิ้ง เพิ่งให้
สังหารฉินหยุนทิ้งเสีย

“เตรียมพร้อม! หนึ่ง สอง สาม เริ่ม!” เมื่อจ้าวฉวนเปิดการ ทํางานอาคมธง
เขาจึงประกาศเริ่มการประลอง ฉินเจิ้งเฟิ งครอบครองหกเส้นวิญญาณ
และวิญญาณยุทธ์ยัง เป็นปริศนามาโดยตลอด บางคนคาดเดาว่าเป็น
วิญญาณยุทธ์ ในตํานาน ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องฉินเจิ้งเฟิ งมากนัก เขาเพียง
ทราบว่าอีก ฝ่ายเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ดังนั้นแล้วเขา
จึงต้องปรับกลยุทธ์การป้องกันตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อหยั่งพละกําลัง แท้จริง
ของอีกฝ่าย

ฉินเจิ้งเฟิ งเร่งร้อนคิดจัดการฉินหยุน เท้าก้าวออกด้วยเคล็ด วิชาตัวเบาอัน
เจิดจรัส ด้วยสายลมคมกริบพัดผ่าน เขาทะยาน กายเข้าหาฉินหยุน ดาบ
ในมือตอนนี้เสียดแทงออกผ่านสายลม จนมันกรีดร้อง ดาบนี้แทงออก
ด้านข้าง แสงนํ้าเงินสว่างวูบขณะดาบกระจาย ตัวออกเป็นหลายสิบเล่ม
คล้ายค่ายกลดาบ พวกมันล้วนมาจาก ทุกทิศทาง เป็นผลให้ฉินหยุนไม่
อาจหลบพ้น ฉินหยุนที่เกือบจะหลบอยู่แล้ว พลันต้องพบว่าวิชาดาบของ
ฉินเจิ้งเฟิ งลึกลํ้าและรวดเร็ว มันไม่เหลือช่องว่างใดให้เขาได้หลบ ดาบนํ้า
เงินกว่าสิบเล่มกําลังแทงเข้าใส่ฉินหยุนจากทุกทิศทาง! ฉินหยุนเร่งรีบกวัด
แกว่งค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือเป็น วงกลม พร้อมกันนี้ เขาใช้เคล็ด
วิชาคลื่นยักษ์เพื่อสร้างคลื่น กระแทกซึ่งสามารถมองเห็น กระทั่งใส่พลัง
ของวิชารวมจิต วิญญาณสังหารเข้าโจมตีจิตใจฉินเจิ้งเฟิ งด้วย

วูบ! วูบ! วูบ! ฉินหยุนปลดปล่อยวิชาคลื่นยักษ์ผ่านคอนราชันยักษ์
วิญญาณ แรงระเบิดคลื่นกระแทกทําให้พลังกระดูกทองคําผสานไปกับ
คลื่นยักษ์ทะยานออก ดาบของฉินเจิ้งเฟิ งถูกพัดกระเด็นลอยไปกลาง
อากาศ น่า ประหลาดใจนัก พวกมันไม่ใช่ภาพมายา แต่ล้วนเป็นดาบจริง

“มีมิติเก็บของภายในตัวดาบ ภายในมีดาบจํานวนหลายเล่มที่ พร้อมจะ
ปลดปล่อยออกมาได้ทุกเมื่อ” หลังเซี่ยอู่เฟิ งพบ ความลับ เขาจึงกล่าวคํา
ตอนนี้ทุกคนค่อยกระจ่างขึ้นมา เขาซึมฮัมและกล่าว

“ดาบของชายคนนี้ไม่ใช่เล่น เป็นดาบที่ ทรงพลังและยากรับมือนัก!” ฉิน
เจิ้งเฟิ งควบคุมค่ายกลดาบอีกครั้ง มันร่ายรําไปมาขณะจ้วง แทงเข้าใส่ฉิน
หยุนด้วยท่วงท่าชวนให้ลําบาก เขาไม่กล้าเข้า ใกล้ ทําได้เพียงแต่ใช้เคล็ด
วิชาคลื่นยักษ์

ดาบของฉินเจิ้งเฟิ งรับมือไม่ง่าย ตอนนี้เขาไม่อาจใช้พลังจิต โจมตีได้
เพราะฉินเจิ้งเฟิ งตั้งป้องกันไว้อยู่ก่อนแล้ว ที่ทําเขาประหลาดใจก็คือ พลัง
ภายในของฉินเจิ้งเฟิ งไม่ได้ แข็งแกร่งอะไรนัก

“อย่าได้ใจไป ข้ายังไม่ได้ทุ่มสุดกําลัง!” ฉินเจิ้งเฟิ งกล่าวเหยียด หยาม ก่อน
หน้านี้เขาได้ยืนยันแล้วว่าฉินหยุนไม่ได้ใช้พลัง ภายใน หรือพลังของ
กระดูกทองคําแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมั่นใจว่าฉินหยุนแท้จริงแล้วไม่

มีพลังธาตุอยู่ เหตุผลเดียวที่เขาสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ ก็เพราะพลัง
จิตที่แข็งแกร่ง เขาเพียงป้องกันสมองและวิญญาณยุทธ์ตนเองให้ดีเพื่อ
หลบ เลี่ยงการโจมตีทางจิตก็เพียงพอแล้ว โดยปกติ กายวรยุทธ์ระดับที่
แปดจะสามารถสร้างม่านพลังขึ้น รอบกายได้ จากนั้นจึงค่อยผสาน
วิญญาณยุทธ์กับพลังภายใน เพื่อใช้ต้านทานการโจมตีทางจิต

ฉินเจิ้งเฟิ งเก็บดาบทั้งหมดไปขณะจับด้ามดาบหลักเอาไว้แน่น และร้อง
คําราม เส้นเลือดบนหลังมือพลันปูดออก ราวกับกําลัง โคจรขุมพลังน่าสะ
พรึงเอาไว้ภายใน

วูบ! อย่างกะทันหัน ฉินเจิ้งเฟิ งพลันเหวี่ยงดาบปลดปล่อยอสรพิษ
อสนีบาตทองคําเข้าใส่ฉินหยุน! นี่คือปราณดาบ! เป็นปราณดาบที่
แข็งแกร่งผสมผสานด้วยฟ้า คํารามและอสนีบาต!

“เป็นวิญญาณยุทธ์ดาบอสนีบาต!” พอเซี่ยอู่เฟิ งได้เห็นดังนี้ เขาตะโกนร้อง
ตระหนก ฉินหยุนมองดาบอสนีบาตกําลังยิงเข้าหา เขาตระหนก และ
ตอนนี้เขาไม่อาจยืนต้านรับตรงนี้ได้ เปรี้ยง!

ดาบอสนีบาตปกคลุมร่างฉินหยุนก่อให้เกิดเสียงไฟฟ้าช็อตดัง สนั่น!
อสรพิษอสนีบาตตัวนั้นกําลังเลื้อยคลานร่ายรําไปรอบ ร่างกายของเขา
พร้อมปลดปล่อยพลังออก ใบหน้าของฉินหยุนเปี่ยมด้วยความเจ็บปวด
ผิวหนังตึงเครียด ฟ้าคํารามและอสนีบาตไหลทั่วร่างกาย เป็นผลให้ทั้งร่าง
เกิด อาการเจ็บปวดรุนแรงและร้อนแรงดังโดนเผาไหม้ ฉินเจิ้งเฟิ งหัวเราะ
เสียงดัง เขาไม่ได้เร่งรีบทะยานกายเข้าไปซํ้าแต่เลือกที่จะส่งลําแสงดาบ
ออกอีกครั้งหนึ่งจากระยะไกล ครั้งนี้ มันเป็นดาบอสนีบาตที่พุ่งตรงเข้าใส่
ตันเถียนของฉินหยุนอย่าง รวดเร็วและระเบิดออก!

ฝูงชนร้องอุทานดังระงม เมื่อพวกเขาเห็นร่างฉินหยุนถูกส่ง กระเด็นไป
ปะทะกับกําแพงโปร่งแสงของอาคมธง คลื่น กระเพื่อมของตัวกําแพงและ
เสียงปะทะจึงดังให้ได้ยิน ผิวหนังของฉินหยุนสีแดงฉานเพราะความร้อน
รุนแรง คล้ายกับ มันพร้อมจะโดนเผาไหม้เป็นสีดําได้ทุกเมื่อ

กล่าวได้ว่าฉันเจิ้งเฟิ งระแวดระวังตัวอย่างยิ่ง เขาไม่เข้าใกล้ เป้าหมาย แต่
เลือกใช้ดาบในมือปลดปล่อยพลังปราณดาบ อสนีบาตจากระยะไกล ครั้ง
นี้ ฉินหยุนคํารามดังลั่น ขณะยกค้อนราชันยักษ์วิญญาณใน มือขึ้น เขาจึง
ฟาดสายอสนีบาตด้วยหัวค้อน! สีหน้าของฉินเจิ้งเฟิ งแปรเปลี่ยน เขารู้
อย่างชัดเจนถึงพลัง เบื้องหลังการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ กระทั่งเป็นผู้
ฝึกตน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ก็ไม่มีทางยืนหยัดได้ไหวหาก โดน
การโจมตีทั้งสองครั้งนั้นเข้าไป

แต่แล้ว ไม่เพียงแต่ฉินหยุนสามารถยืน เขายังคล้ายไม่ได้รับ บาดเจ็บอัน
ใด! ฉินหยุนใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬเพื่อปลดปล่อยพลังลึกลับ และน่า
สะพรึงออกมาย่อยสลายลําแสงดาบอสนีบาตที่เข้าสู่ ร่างกายโดยสมบูรณ์
จากนั้น เขาจึงใช้แรงดึงดูดเพื่อชักนําเอา ปราณดาบของฉินเจิ้งเฟิ งใส่เข้าที่
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณ!

ฉินเจิ้งเฟิ งเร่งรีบฟาดฟันลําแสงดาบอสนีบาตอีกหลายสาย แต่ แล้ว
ลําแสงดาบเหล่านั้นกลับถูกค้อนราชันยักษ์วิญญาณของ ฉินหยุนดูดกลืน
จนสิ้น!

“เกิดอะไรขึ้นกับค้อนของฉินหยุนกัน? มันยืนหยัดต่อต้านดาบ อสนีบาตที่
น่าสะพรึงนั้นได้อย่างไร?”

“นอกจากนี้ เหมือนจะมีแรงดึงดูดแปลกประหลาด ค้อนราชัน ยักษ์
วิญญาณมีพลังเช่นนี้ด้วย?” ผู้คนต่างหันมองกัวเจิ้ง ผู้ซึ่งเป็นรอง
อธิการบดีของสถาบันยุทธ์ เทียนเสวียน และค้อนราชันยักษ์วิญญาณก็
เป็นมรดกล้ําค่าใน มือพวกเขา! กัวเจิ้งขมวดคิ้วกล่าวคํา

“ค้อนราชันยักษ์วิญญาณไม่มี ความสามารถเช่นนั้น เป็นเขาแต่งเสริมมัน
ด้วยตนเอง!” ฉินเจิ้งเฟิ งเดือดดาล เขาตอนนี้ไม่โจมตีจากระยะไกลอีก
ต่อไป แต่เลือกทะยานกายเข้าหาเพื่อที่มแทงฉินหยุนโดยตรง ทุกครั้งที่
ดาบจ้วงแทงออก พลังไฟฟ้าจะระเบิดออกจากตัวดาบ นั้น กระทั่งว่าฉิน

หยุนสามารถหลบได้ เขาก็ยังต้องโดนลําแสงดาบอสนีบาตเข้าเล่นงาน
ความรู้สึกด้านซาเพราะกระแสไฟฟ้า แล่นทั่วร่างกายพร้อมความเจ็บปวด
ยิ่ง ฉินเจิ้งเฟิ งมองฉินหยุน รอยยิ้มฉายชัดขณะกล่าวคําเหยียด หยาม
พร้อมที่มแทงดาบออก

“เหอะ เจ้าก็ไม่เห็นเท่าไหร่!” กล่าวคําจบ ดาบวิญญาณระดับสูงในมือ
พลันทะลักออกด้วย แสงสว่างวาบของอสนีบาต เป็นผลให้ผู้ชมโดยรอบ
ล้วนไม่อาจ มองเห็น ดวงตาพวกเขามืดบอดกันชั่วขณะ!

ดาบวิญญาณนํ้าเงินของฉินเจิ้งเฟิ งสั่นไหวพร้อมส่งเสียง สะท้อน ตัวดาบ
ตอนนี้ปกคลุมด้วยอสนีบาตนับไม่ถ้วน ราวกับ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดย
อสนีบาต คลื่นลมรุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้น เป็นเกลียวพร้อมอสนีบาต! เมื่อ
เสียงระเบิดดังขึ้น เขาจึงสับฟันดาบยาวออกเข้าใส่มือขวา ของฉินหยุน
เขาคิดอยากทําลายค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือ ของฉินหยุน!

ฉินหยุนเร่งรีบโคจรพลังภายในตะวันทมินเข้าสู่ค้อนราชันยักษ์ วิญญาณ
เพื่อรับมือกับดาบที่ฟาดฟันลงมา

ดาบและค้อนปะทะกันรุนแรง แสงสว่างวูบกระจายตัวออก เสียงระเบิดดัง
สนั่นบังเกิด!

ท่ามกลางแสงเข้มข้นจนที่มแทงดวงตาทุกผู้คน ทั้งโถงหลักของ พระราชวัง
เทียนฉินแห่งนี้เองยังสั่นเทิ้มขณะฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นใน อากาศ ขณะแสงสว่าง
จางลง แขนเสื้อฉินหยุนนั้นแตกกระจาย นอกจากนี้ ผิวหนังยังปริแตกออก
จนเลือดไหล!

ตึง!

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุนกระเด็นออก มันร่วงหล่น อยู่ไกล
ออกไป! ผู้คนล้วนอึ้ง ดาบของฉินเฟิ งเมื่อครู่นี้น่าสะพรึงจนเกินไป!

นัยน์ตาของโฮ่วฉิงเฟิ งจับจ้องขณะร้องอุทาน

“นี่เป็นวิชาดาบ อสนีบาตของตระกูลเย่ เป็นวิชายุทธ์ระดับโลกาขั้นต้น!
ฉินเจิ้ง เฟิ งฝึกมันสําเร็จถึงขั้นกลางแล้ว!” จ้วนฉวนเผยใบหน้าเปี่ยมด้วย
ความตื่นตะลึงขณะกล่าว

“นี่ เป็นไปได้? วิชายุทธ์ระดับโลกาขั้นตํ่าอย่างน้อยก็จําเป็นต้องอยู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจึงสามารถเรียนรู้ ทั้งยังไม่ใช่ ง่ายต่อการใช้
งาน และไม่ใช่ง่ายต่อการเข้าใจเพียงนั้น!” เชี่ยวหยางหลงอุทานออก

“วิชาดาบอสนีบาตสมแล้วที่มีชื่อเสียงนานนัก ข้าไม่เคยคิดเลยว่ารัช
ทายาทแห่งเทียนฉินจะ เชี่ยวชาญมันได้แล้ว น่าประทับใจยิ่ง!” วิชายุทธ์
ระดับโลกา มีความล้ําค่ายิ่งกว่าวิชายุทธ์ระดับลึกล้ํา กระทั่งในตํารายัง
กล่าวถึงมันน้อยนิดนัก! มีเพียงผู้อยู่ขอบเขต วรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเรียนรู้
มันได้อย่างปลอดภัย! สําหรับฉินเจิ้งเฟิ ง เขาได้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับ
โลกาจนถึง ขั้นกลาง เรื่องนี้ชัดเจนว่าเริ่มศึกษาเมื่อนานมาแล้ว

บรรดาผู้อาวุโสรอบลานประลองยุทธ์ต่างอึ้ง กระทั่งผู้อาวุโส ของตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีครามก็ไม่เว้น! โดยเฉพาะกับบรรดาศิษย์จอมอวดดี
ของตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม ตอนนี้พลันเปี่ยมไปด้วยความชื่น
ชมต่อฉินเจิ้ง เฟิ ง! ฉินเจิ้งเฟิ งถือดาบไว้ในมือขณะยืนหยัดภาคภูมิ เส้น
สาย อสนีบาตยังคงปรากฏในดวงตาขณะริมฝีปากยกยิ้มขึ้น เขา กล่าวคํา
ต่อฉินหยุน

“เจ้าควรรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าตนเองอ่อนแอ เพียงใด? ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีก
ครั้ง จงเขียนจดหมายหย่าต่อ เชี่ยวเย่ว์หลานเสีย!” มันมาพร้อมการโจมตี
อีกระลอก อีกฝ่ายเจตนาสังหารฉินหยุน! นี่เป็นเพราะฉินหยุนไม่มีค้อน
ราชันยักษ์วิญญาณอยู่ในมืออีก แล้ว เขาไม่มีทางยืนหยัดรับการโจมตีของ
ฉินเจิ้งเฟิ งเอาไว้ได้!

“น้องหยุน” เซี่ยเฟิ งอุทานเบา

“รีบยอมแพ้เร็ว!”

“ฉินหยุน รีบยอมแพ้เร็วเข้า!” หยางฉีเย่ว์ก็ตะโกนขึ้นอย่างร้อน

เชี่ยวเย่ว์หลานเพียงมองฉินหยุนโดยไม่กล่าวคําใด! 2 ฉินหยุนปาดเช็ด
คราบเลือดออกจากแขน นํ้าเสียงคํารามในคอ ดังออก

“ฉินเจิ้งเฟิ ง วิชายุทธ์ที่เจ้าเรียนรู้ยังไม่ใช่วิชาอัน แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์
เทียนฉินเราไม่ เพียงเรื่องนี้ ก็แสดง ให้เห็นแล้วว่าเจ้าไม่คู่ควรหากเทียบ
กับบิดาข้า!”

“เหอะ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้กระทั่งว่าวิชายุทธ์ประจําราชวงศ์ เทียนฉิน
อ่อนแอยิ่งกว่า!” ฉินเจิ้งเฟิ งเผยใบหน้าเย็นเยือกและ คําราม

“ให้ข้าแสดงแก่เจ้าเพื่อรับรู้ ว่าวิชายุทธ์ที่ข้าเรียนรู้มา จากตระกูลเย่ทรง
พลังอํานาจเพียงใด!” ทุกคนล้วนไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ฉับพลันฉินเจิ้ง
เฟิ ง กลายเป็นหงุดหงิดยิ่ง ราวกับคําพูดของฉินหยุนเป็นการยั่วยุทํา ให้
โกรธ ฉินเจิ้งเฟิ งคํารามกราดเกรี้ยวเข้าถึงตรงหน้าฉินหยุนเพียง พริบตา
ดาบวิญญาณระดับสูงในมือทอแสงวูบอีกครั้ง มันมา พร้อมคลื่นลมขณะ
จ้วงแทงเข้าใส่หน้าอกของฉินหยุน!

“น้องหยุน!” ฮั่วจงพลันตะโกน ผู้อื่นล้วนเห็นกันชัดถนัดตาว่า ฉินหยุนไร้
ทางต่อต้านการโจมตีครั้งนี้

ตอนท
ี่193 พลังแห่งราชสีห์สวรรค์

ทุกผู้คนต่างจับจ้องดาบอสนีบาตในมือของฉินเจิ้งเฟิ ง! ทันทีเมื่อดาบจ้วง
แทงออก ฉินหยุนพลันอ้าปากและปล่อยเสียง คํารามร้อง

“โฮก!” คลื่นเสียงจากการคํารามราวกับคลื่นยักษ์กลางมหาสมุทร มัน
แตกกระจายสายอสนีบาตของปราณดาบที่ฉินเจิ้งเฟิ งรวบรวม ไว้ ฉินเจิ้ง
เฟิ งเองก็โดนบังคับให้ต้องถอยกลับไปหลายสิบเมตร เพราะเสียงคําราม
แก้วหูถึงกับเจ็บปวดจนไม่อาจได้ยินเสียงอื่น ใดได้อีก ราวกับเขาเป็นคนหู
หนวก เป็นผลให้เขาเกิดความกลัวสะท้านในใจยิ่ง!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ คลื่นเสียงยังคงสะท้อนภายในกาย เป็นผลให้ เขาไม่อาจ
ควบแน่นพลังภายในได้! ที่ฉินหยุนใช้งานเมื่อครู่ เป็นวิชายุทธ์ที่เขาได้
เรียนรู้จากโทเทม ราชสีห์สวรรค์ เสียงคํารามราชสีห์สวรรค์! ขณะผู้คน
แตกตื่นเพราะเสียงคํารามร้องอย่างกราดเกรี้ยวของ สัตว์ร้ายโบราณ พวก
เขามองแขนซ้ายของฉินหยุนที่ปะทุออก ด้วยเปลวเพลิง แขนเสื้อล้วน

กลายเป็นเถ้าถ่าน เผยออกซึ่ง แขนซึ่งกําลังปะทุ โทเทมอันดุร้ายของ
ราชสีห์สวรรค์ปรากฏอยู่ที่แขนซ้ายดังกล่าว กระทั่งว่าอยู่ห่างออกมา พวก
เขายังล้วนรับรู้ได้ถึงออร่าคุกคาม แขนซ้ายของฉินหยื่นสั่นไหวขณะ
ปรากฏขึ้นเป็นภาพกรงเล็บ ราชสีห์ เพียงมองก็ทราบว่ามันแหลมคมยิ่ง นี่
คือวิชายุทธ์ที่สอง ซึ่งเขาได้เรียนรู้จากโทเทมราชสีห์สวรรค์ กรงเล็บราชสีห์
สวรรค์! เมื่อเซี่ยวหยางหลงเห็นฉินหยุนเผยกระบวนท่านี้ เขาอดไม่ได้ที่ จะ
นึกย้อนถึงเย่ว์ขาย ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉินหยุนก็ใช้

กระบวนท่านี้ทําร้ายเย่ว์ข่ายในการประเมินผลของสถาบันซาน เสวียน มัน
เป็นวิชายุทธ์ที่ชวนสะพรึงยิ่ง! หยางฉีเย่ว์ครั้งนี้ได้เห็นมันอีกครั้งใน
ระยะใกล้ กระทั่งนางยังอด ไม่ได้ที่จะเผยความแตกตื่นออกทางสีหน้า!

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเจิ้งเฟิ งได้เห็นสีหน้าแตกตื่นของ บรรดายอดฝีมือ
มากมายเพียงนี้ ฉินหยุนก้าวทะยานมุ่งตรงพร้อมกวัดแกว่งกรงเล็บราชสีห์
สวรรค์ขณะปลดปล่อยวิชาวายุสังหารหกกระบวนท่า ความคมกล้าและ
น่าสะพรึงของกรงเล็บตัดผ่านอากาศ เกิด เสียงร้องโหยหวนของสายลมดัง

จับใจผู้คนจนหวาดกลัว กรง เล็บนี้เผยพลังอํานาจชวนสะพรึงขนาดที่ว่า
มันอาจตัดทุกสิ่งอย่างได้

วูบ!

กรงเล็บปะทะเข้าที่พื้น ทิ้งรอยขีดข่วนฝังลึกเอาไว้ แม้ฉินเจิ้ง เฟิ งหลบหลีก
ได้ เส้นผมของเขาก็โดนตัดไปบางส่วน

ที่น่ากลัวที่สุดของกรงเล็บนี้ก็คือความคมกล้าของมันขณะ ปะทะเข้ากับ
อาวุธวิญญาณระดับสูง มันส่งเสียงร้องปะทะออก ราวกับกําลังคิดบดขยี้!

วิชาวายุสังหารหกกระบวนท่าถูกใช้งานต่อเนื่อง มันทั้งบ้าคลั่ง ดุดัน และ
รุนแรง! ฉินเจิ้งเฟิ งสามารถหลบได้ก็ใช่ แต่ร่างกายหลายแห่งก็ต้องเกิด
บาดแผลขึ้น! วิชายุทธ์ที่ชวนพรั่นพรึงนี้ทําผู้คนแตกตื่น ราวกับนี่คือราชสีห์
กําลังโจมตีออกด้วยความดุดัน มันระเบิดออกซึ่งออร่าของสัตว์ ร้าย
โบราณที่ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่!

เมื่อฉินเจิ้งเฟิ งได้เห็นฉินหยุนหอบ เขาค่อยทราบว่ากระบวนท่า นี้เป็น
ภาระอย่างหนัก เขายิ้มเย็นเยือกขณะเร่งรีบทะยานกาย หลบ ทว่า เขาไม่
คิดว่าในช่วงเวลานี้เอง คลื่นพลังทรงอํานาจ ของพลังจิตจะปกคลุมตนเอง
เอาไว้

เป็นวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร! ฉินหยุนมองจิตสํานึกของฉินเจิ้งเฟิ งจม
ดิ่งสู่ห้วงความสับสน เขาทราบแล้วว่าตนทําสําเร็จ ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออก
อย่างดุดัน เข้าปะทะที่ช่องท้องของฉินเจิ้งเฟิ ง พร้อมกันนี้ วิชาขัดเกลา
วิญญาณก็เริ่มโคจรออกไปแล้ว

“อ๊าก!” ฉินเจิ้งเฟิ งผู้ซึ่งอยู่ในสภาพถึงไม่ได้สติ รู้สึกถึงความ เจ็บปวดเข้าที่
วิญญาณจนต้องกรีดร้อง ฉินหยุนกําลังแยกวิญญาณยุทธ์ของฉินเจิ้งเฟิ ง
ออกและกักเก็บ มันเอาไว้ในตันเถียนตนเองชั่วคราว จากนั้น เขาจึงใช้วิชา
รวม จิตวิญญาณสังหารอีกครั้งจนเป็นผลให้ฉินเจิ้งเฟิ งจิตใจแตก ซ่านอีก
ครั้งหนึ่ง

“ข้ายอมแพ้!” ฉินเจิ้งเฟิ งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ความ ปรารถนาแรง
กล้าต่อการมีชีวิตรอดเป็นผลให้เขาต้องร้อง ตะโกนสองคําออก! ถึงตอนนี้
เอง ฉินหยุนก็ใกล้หมดแรง ตอนนี้เขาจึงเร่งรีบจัดการ กับแผลที่แขนข้าง
ขวา
|
“เร็วข้า ถอนอาคมธง! ให้ข้าเข้าไป!” จักรพรรดินีเย่ตะโกน กราดเกรี้ยว
จ้าวฉวนเองก็กําลังปิดอาคมธง หลังจักรพรรดินีเย่เข้าถึงข้างกาย นางเร่ง
รีบตรวจสอบสภาพ ตันเถียนของฉินเจิ้งเฟิ ง ขณะที่นางรับรู้ด้วยพลังจิต สี
หน้าของ นางกลับกลายเป็นน่าเกลียดขึ้นมา

“วิญญาณยุทธ์... วิญญาณยุทธ์ไม่มีแล้ว พลังธาตุก็กําลังแตก กระจาย...”
นํ้าเสียงของจักรพรรดินีเย่สั่นเทิ้ม มันเปี่ยมไปด้วย ความโศกและโทสะ
นางทันควับมองที่ฉินหยุนด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหารขณะ ตะโกน
อย่างกราดเกรี้ยว

“ฉินหยุน เจ้าต้องตาย!” จ้าวฉวนและผู้อื่นเมื่อได้ยินดังนี้ จึงตอบสนอง
ด้วยการ ปลดปล่อยพลังออกเตรียมหยุดจักรพรรดินีเย่! ทว่า ไม่ใช่
จักรพรรดินีเย่ที่เคลื่อนไหว!

ผู้ที่ทําการโจมตีออกนี้คือพระยาเยี่ยนซึ่งทะยานกายมาจากอีก ด้านหนึ่ง!
พระยาเยี่ยนใช้งานก้าวกลืนนภาถึงขีดสุดทะยานกายเข้าถึงตัว เป้าหมาย
ทุกคนล้วนสนใจทางด้านจักรพรรดินีเย่ ดังนั้นพวก เขาจึงตั้งรับพระ
ยาเยี่ยนได้ไม่ทัน!

พร้อมกันนี้ ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงอันตรายคุกคามใกล้เข้ามา โดย ทันที เขายก
แขนซ้ายและฟาดมันออกไปยังทิศทางที่รับรู้ถึง อันตราย โดยทันที แขน
ของเขารวบรวมพลังรุนแรงของอสนีบาตและ อัคคีเพลิงไว้ก่อนระเบิดออก
มันควบแน่นจนเกิดขึ้นเป็นรูปหัว ของราชสีห์คําราม ขณะนี้มันถูกยิง
ออกไปแล้ว!

โฮก!

หัวราชสีห์อสนีบาตและอัคคีคํารามร้องสุดแรง มันปะทะเข้ากับ ฝ่ ามือของ
พระยาเยี่ยน!

ตู้ม!

แรงระเบิดจากการปะทะเป็นผลให้ฝูงชนต้องถอยและตั้ง ป้องกัน
เตรียมพร้อม พระยาเยี่ยน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ถูกบังคับให้
ถอย กลับไปหลายก้าวและกระทั่งเลือดกระอักออกจากปาก! อีกทางหนึ่ง
ฉินหยุนก็ถอยไปหลายก้าวขณะเลือดกระอักเต็มปากเช่นกัน! อย่าง
กะทันหัน จักรพรรดินีเย่เคลื่อนไหว นางจ้วงแทงดาบยาว เข้าใส่แผ่นหลัง
ของฉินหยุนด้วยความเร็วสูงยิ่ง ฉินหยุนระวังจักรพรรดินีเย่อยู่ก่อนแล้ว ต่อ
ให้เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่น้อย เขาก็ยังสามารถเร่งรีบหลบเลี่ยงได้ ขณะหลบ
เขาจึง โคจรวัชระพลังภายในผสานรวมกับพลังกระดูกทองคํา และเร่ง รีบ
ปล่อยหมัดเข้าใส่หน้าท้องของจักรพรรดินีเย่! จักรพรรดินีกรีดร้องเสียง
หลงขณะร่างปลิวกระเด็น พลังธาตุ ของนางระเบิดออกจากร่าง! จ้าวฉวน

และโฮวฉิงเฟิ งเคลื่อนไหวจัดการสะกดพระยาเยี่ยน เอาไว้ เพื่อป้องกัน
ไม่ให้อีกฝ่ายโจมตีได้อีก

ทางด้านเซี่ยอู่เฟิ งและผู้ก่วย พวกเขาเร่งรีบเข้าถึงข้างกายฉัน หยุน
ตรวจสอบอาการบาดเจ็บ อีกทางหนึ่ง มู่หรงต้าเหรินเข้าไปหยิบคอนราชัน
ยักษ์วิญญาณ ของฉินหยุน ยามเมื่อหยิบขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงนํ้าหนักอัน
มหาศาลจนถึงกับแตกตื่น!

“ฉินหยุน สารเลวนัก กล้าดียังไงทําลายวิญญาณยุทธ์และพลัง ธาตุของ
องค์ชายรัชทายาท ข้าจะทําให้เจ้ารับรู้ว่าโชคชะตาที่ เลวร้ายยิ่งกว่าความ
ตายเป็นอย่างไร!” นํ้า

เสียงของจักรพรรดินีเย่คุกคามขณะคําราม ใบหน้าของนาง กระเพื่อมสั่น
กระตุกบิดเบี้ยว นี่เป็นเพราะความโกรธและความ โหดเหี้ยมครอบงํานาง
ฉินเจิ้งเฟิ งได้สติ ก่อนหน้านี้เขายังมีอาการมึนงงอยู่ เขาทราบ เพียงว่า
วิญญาณยุทธ์เสียหายไปบ้าง เขาไม่รู้ตัวด้วยซํ้าว่ามัน ถูกนําออก

“เสด็จแม่ ข้า... พลังธาตุและวิญญาณยุทธ์ข้าหายไปแล้ว...” ฉินเจิ้งเฟิ ง
เผยนํ้าเสียงสิ้นหวัง

แม้ฉินหยุนบาดเจ็บเพราะสกัดการโจมตีของพระยาเยี่ยน แต่ อาการ
บาดเจ็บของเขาก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก แขนราชสีห์สวรรค์ ของเขามีความ
ทนทานเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก จักรพรรดินีเย่ที่พลังธาตุกําลังแตก
สลาย พลันส่งสายตากราด เกรี้ยวแดงฉานต่อฉินหยุน นางได้เห็นฉินหยุน
กําลังยืนขึ้นจึง คํารามออก

“ฉินหยุน เจ้ากล้าดียังไงที่บอกว่าตนเองไม่ได้ ฝึกฝนวิชาปีศาจ? เจ้าไม่มี
พลังภายใน แต่แล้วเหตุใดเจ้า แข็งแกร่งได้เพียงนี้? กระทั่งผู้อยู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่ แปดยังไม่อาจจัดการเจ้า นี่ต้องเป็นเจ้าฝึกฝนวิชา
ปีศาจแล้ว!”

“ที่แขนข้างนั้นของเขา คือโทเทมราชสีห์สวรรค์ ยามเมื่อเขา ปล่อยการ
โจมตีผ่านฝ่ามือออกเมื่อครู่ หัวราชสีห์นั้นเหมือน อย่างที่โทเทมราชสีห์
สวรรค์ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง!” ชายชรา คนหนึ่งในชุดนํ้าเงินเอ่ยคํา

“โทเทมราชสีห์สวรรค์ สิ่งที่เป็นมรดกจากราชสีห์สวรรค์จาก บรรพกาลงั้น
หรือ นี่เจ้าคือผู้ได้รับมันหรือนี่?” ชายชราอีกคน เผยใบหน้าแตกตื่นกล่าว
คํา

สายตาทุกผู้คนล้วนจับจ้องที่แขนซ้ายของฉินหยุน พวกเขาต่าง ได้เห็นรอย
สักโทเทมสัตว์ร้ายที่แขนอย่างชัดถนัดตา! หลังจากผู้อาวุโสหลายท่านได้
เห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงการสืบทอด โทเทมสัตว์ร้าย พวกเขาต่างแตกตื่นกัน
ถึงขีดสุด! ทั่วทั้งโถงกว้างใหญ่ คลื่นเสียงแตกตื่นปะทุดังออก ผู้คนเริ่มพูด
ถึงเรื่องโทเทมสัตว์ร้ายกันแล้ว!

เชี่ยวหยางหลงแตกตื่นทั้งดวงตาเผยออกกว้างและสั่นเทิ้ม เขา จับจ้อง
แขนซ้ายของฉินหยุนอย่างไม่อาจเชื่อสายตา รอยสักโทเทมราชสีห์สวรรค์

ผสานรวมเข้ากับแขนของฉันหยุ นอย่างสมบูรณ์ มันคือสิ่งที่ทรงพลัง
อํานาจจนเขาต้องรู้สึกหวั่น เกรง!

“ไม่แปลกใจเลยที่วิชายุทธ์เมื่อครู่นี้น่าสะพรึงเพียงนั้น เพราะ เป็นวิชาจาก
โทเทมราชสีห์สวรรค์!” ต้วนเฉียนสูดลมหายใจเข้า ลึก แม้เขารู้สึกคุ้นเคย
กับฉินหยุนนัก กับเรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งทราบ

ชายชราจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามเอ่ยคําสีหน้าหนัก แน่น “ที่
น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผังจารึกโทเทมของโทเทม ราชสีห์สวรรค์.... ครั้ง
เขาเข้ามาที่ห้องโถงแห่งนี้ หุ่นเชิดราชสีห์ นั่นสมควรขัดเกลาขึ้นจากผัง
จารึกโทเทมแล้ว!”

“เขาเป็นมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด เป็นไปได้อย่างไรที่สามารถ ได้รับพลังจาก
โทเทมสัตว์ร้ายโบราณอันทรงพลังได้?”

“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เหลวไหลทั้งเพ!”

“แค่เรื่องที่ได้รับสืบทอดโทเทมสัตว์ร้ายโบราณก็เกินกว่าผู้ใด เทียบแล้ว
กระนั้นยังมีความรู้ความเข้าใจที่น่าสะพรึงต่อมัน อีก!”

“พวกเราสมควรต้องรับฉินหยุนเข้าตําหนักทิศเหนือ แค่การ วิจัยโทเทม
สัตว์ร้ายโบราณก็เพียงพอสร้างผลประโยชน์ใหญ่ หลวงแก่พวกเราแล้ว” ผู้
อาวุโสหลายคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามร้อง อุทานกันด้วย
ความอึ้งยิ่ง ใบหน้าพวกเขาล้วนแตกตื่น! หลังดึง สติกลับมาได้ พวกเขา
ล้วนริษยากันออกหน้าออกตา สําหรับพวกเขา โทเทมราชสีห์สวรรค์ถือ
เป็นสิ่งล้ําค่ามหาศาล มันหา ได้ยากยิ่งกว่าวิชายุทธ์ระดับโลกา หลายคน
ต่างนึกย้อนกันได้ว่า ฉินหยุนได้เข้าไปแช่ในสระ ราชสีห์สวรรค์เกินกว่าเจ็ด
วันด้วยซํ้า พอมีคนกล่าวออกมา เช่นนี้ ยิ่งทําเอาฝูงชนตื่นตะลึง! ตอนนี้ทุก
คนล้วนได้เข้าใจ ว่าฉินหยุนได้รับมรดกโทเทมจาก สระราชสีห์สวรรค์ ทุก
คนในโถงแห่งนี้ล้วนหารือกันเรื่องโทเทมราชสีห์สวรรค์ไม่ ขาดปาก!

ฉินเจิ้งเฟิ งและจักรพรรดินีเพียงแต่อึ้งต่อเสียงอื้ออึงที่ดังทั่วทั้ง โถง ฉินหยุน
ที่พวกเขาเกลียดชังที่สุด แท้จริงแล้วถึงขั้นได้รับ สืบทอดมรดกอันลึกล้ํา
อย่างโทเทมราชสีห์สวรรค์!

อีกทางหนึ่ง วิญญาณยุทธ์และพลังภายในของฉินเจิ้งเฟิ งถูก ทําลาย กลับ
ไม่มีผู้ใดสนใจเขา เรื่องนี้ทําเอาเขาโกรธแค้นยิ่ง “ฉินหยุน ร่างมารดาเจ้า
อยู่ในมือข้า หากเจ้าปรารถนาได้มัน กลับคืน เจ้าจงหย่าขาดต่อเชียวเย่ว์
หลาน และทําให้นางยอมรับข้าเป็นคู่แต่งงาน ไม่เช่นนั้น ลูกน้องของข้าจะ
เอาศพ มารดาเจ้าไปให้สุนัขในวังรุมทิ้ง!”

ฉินเจิ้งเฟิ งเผยนํ้าเสียงอ่อน แรงทว่าชั่วร้าย ใบหน้านี้คล้ายคนคลั่งไม่สนสิ่ง
อื่นใดอีก จักรพรรดินีเย่มองออกขณะหัวเราะลั่นอย่างตํ่าทราม นางมอง
เฉินหยุนและกล่าว

“หากเจ้าอยากได้ซากร่างของแม่เจ้า เช่นนั้นจงตัดแขนซ้ายเจ้าออก และ
ส่งผังวิญญาณที่เจ้ามีใน ครอบครองมา!” เสียงอื้ออึงทั้งห้องโถงล้วน
กลายเป็นเงียบงัน!

แม้ฉินเจิ้งเฟิ งและจักรพรรดินีเย่ใช้วิธีการชั่วร้าย แต่หากพวก เขาทําจริง
สิ่งที่จะได้รับคือโทเทมราชสีห์สวรรค์และผัง วิญญาณระดับสูง! เชี่ยวเย่ว์
หลานหัวเราะ

“องค์ชายของสามจักรวรรดิล้วน เหมือนกันหมด พวกมันรู้แต่วิธีนําศพของ
มารดาผู้ตายมาใช้ ข่มขู่! และตอนนี้ ในบรรดาสามองค์ชาย สองในสามมี
สภาพน่า สังเวชเพียงใดจงรับชม!”

เชี่ยวเย่ว์หลานจ้องมองฉินเจิ้งเฟิ งกล่าวโกรธแค้น “ข้าไม่เคย คิดแต่งงาน
กับคนเช่นเจ้า ต่อให้ตายก็ไม่!” ฉินเจิ้งเฟิ งหาได้สนใจเชี่ยวเย่ว์หลานไม่
ตอนนี้อย่างไรเขาก็ พิการไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือข่มขู่รีด
ผลประโยชน์ จากฉินหยุนให้มากที่สุด เขาตะโกนโพล่งคําออก

“นอกจากนี้ จงมอบสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกที่เจ้าได้รับมาเป็น
ค่าเสียหายที่เจ้าทําร้ายข้าด้วย!”

“นี่เจ้ามองหาอะไร? จงเขียนหนังสือหย่าขาดและจงตัดแขน ตนเองซะ
ไม่เช่นนั้น ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะสั่งให้คนของข้า เอาร่างแม่ของเจ้าไป
ให้สุนัขมันกัดกิน!” ฉินเจิ้งเฟิ งหัวเราะชั่ว ร้ายกล่าวคําต่อ

“ฉินหยุน ท้ายที่สุดเจ้าก็พ่ายแพ้ต่อข้า ข้า ต่างหากคือผู้ชนะ!” ฉินหยุน
โกรธรุนแรง ร่างกายถึงกับสั่นเทิ้ม ก่อนหน้า ทั้งที่เม่ย เหลียนและเชี่ยวเย่ว์
หลานก็โดนข่มขู่เช่นนี้ ย้อนกลับไป ตอน นั้นเรื่องราวแทบไม่เกี่ยวกับเขา
ยังโกรธแค้นรุนแรง แต่ครานี้ถึง คราวที่เขาจะโดนข่มขู่เช่นเดียวกันบ้าง
แล้ว

จักรพรรดินีเย่ยิ้มชั่วช้า “ฉินหยุน หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูได้!” ทั่วทั้งห้องโถง
เงียบงัน ทุกคนล้วนมองที่ฉินหยุนราวกับ คาดหวังว่าจะทําตามอย่างที่ฉิน

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น