วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

901-1000

หวาดกลัวแทบสัมผัสได้จากสาย ลมและเมฆที่พัดผ่าน สถานการณ์ทั่วทั้ง
ดินแดนตอนนี้คล้าย พายุใกล้อุบัติ!

มันเป็นพายุรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นเพราะสัตว์ร้ายและวิญญาณสัตว์ ร้ายจํานวน
นับไม่ถ้วน! “ข้าต้องไปตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!”

ที่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ย่อมต้องมีวิชายุทธ์ แข็งแกร่งซึ่งถูก
สร้างขึ้นโดยราชันยุทธ์หลันเซียว ในเมื่อฉัน หยุนฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดารา
มันจึงทําให้เขาเข้าใจหลักของ วิชายุทธ์ได้ดีขึ้น ดังนั้นแล้วเขาย่อมต้องไป
ตําหนักดวงดาว วิญญาณสีคราม!

ทว่า เมื่อไปยังตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขาจะไม่เป็น ศิษย์ของ
ผู้ใด กลับกัน เขาจะผ่านการทดสอบของประตูจารึก

และเป็นผู้นําของประตูจารึก ได้ยืนหยัดทัดเทียมกับจ้าวตําหนักผู้อื่น

กลางดึก ตู้ก่วยกลับมา ก็เหมือนอย่างฉินหยุน เขาอาศัยอยู่ใน ถํ้าใต้ต้นไม้
เช่นกัน ฉินหยุนเดินออกจากถํ้าต้นไม้ขณะมองขึ้นท้องฟ้า วันนี้ไม่มี วี่แวว
แสงดาว ทั่วทั้งท้องฟ้าปกคลุมด้วยชั้นเมฆหนา ฟ้าแลบ แปลบปลาบพบ
เห็นได้ราวคมเขี้ยวหรือกรงเล็บสัตว์ร้าย ตู้ก่วยมาจากเส้นทางในต้นไม้ เขา
หันไปพบว่าผู้ก่วยตอนนี้นั่ง ในโถงด้วยสีหน้าอึมครึม

“อาจารย์ เป็นอย่างไรบ้างแล้วขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ฝูงสัตว์ร้ายมาถึงเร็วกว่าที่คาดคิด หลังพวกมันข้ามแม่นํ้าเมฆ มังกร พวก
มันก็เริ่มกระจายตัวตามภูเขาและป่ า ทั้งยังน่ากลัว ยิ่ง!” ตู้ก๋วยเริ่มเล่าให้
ฟัง ในเทือกเขาเมฆมังกร มีภูเขาหินสูงชันจํานวนมาก หลังจากฝูง มอน
สเตอร์พวกนั้นเคลื่อนผ่าน พื้นที่แถบนั้นกลับราบเรียบ เพียงแค่นึกถึงก็ทํา
เอาเขาหวาดเกรงแล้ว

“อาจารย์ ข้ามีสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกกับตัว หากข้าคิด อยากซื้อหา
อะไรบางอย่างเพื่อช่วยในฝึกฝนฝน ข้าควรซื้อสิ่ง ใดดีขอรับ?” ฉินหยุนไม่
ทราบเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นจึงถาม ตู้ก๋วย ตู้ก๋วยนึกอยู่พักหนึ่งค่อยตอบ

“เจ้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่เจ็ด ถือว่าอยู่ในขั้นกระดูก
ทองคํา ครึ่งแรกของขั้น นี้ โดยหลักคือการฝึกฝนกระดูกทองคํา และครึ่ง
หลัง คือใช้ไข กระดูกทองคําภายในกระดูกทองคํา เพื่อขัดเกลาวิญญาณ
ยุทธ์ ให้เป็นวัชระวิญญาณยุทธ์”

ร่างกายของฉินหยุนมีสามมหาวิถีเรียบร้อยแล้ว แต่พวกมันยัง ไม่อาจเรียก
ได้ว่าเป็นพื้นฐานทางร่างกายที่ดี ตอนนี้เขาเพิ่งเริ่ม ฝึกฝนวัชระกระดูก มัน
จะทําให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นได้มาก หลังฝึกฝนกระดูกทองคําได้คนผู้หนึ่ง
จะสามารถใช้มันเป็นฐาน ค่อยแปรเปลี่ยนเลือดเนื้อสู่วัชระ เมื่อถึงตอนนั้น
จะถือว่าเป็นขีด สุดของกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด กระบวนการนี้ใช้เวลา
ยาวนาน

ตู้ก๋วยเอ่ยคํา “ในร้านแต้มเสวียน มีโอสถเหลวที่เรียกว่าวัชระ ไขกระดูก
วิญญาณ สิ่งนี้โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นได้โดย กระบวนการธรรมชาติขัด
เกลาของขอบเขตวรยุทธ์เต่ขั้นท้าย หากเจ้าได้รับวัชระไขกระดูกวิญญาณ
มันจะช่วยเจ้าได้มาก” “ร้านแต้มเสวียน? ข้าจําเป็นต้องใช้แต้มเสวียน
แลกเปลี่ยนหรือ ขอรับ?”

ฉินหยุนตอนนี้ยังไม่มีแต้มเสวียนแม้เพียงหนึ่ง ตู้ก่วยส่ายศีรษะกล่าวคํา
“ไม่เพียงแต่เจ้าต้องใช้แต้มเสวียน เจ้ายังต้องใช้เหรียญผลึก! สิ่งล้ําค่าที่สุด
ของร้านแต้มเสวียน โดยปกติแล้วจําเป็นต้องมีแต้มเสวียนถึงระดับหนึ่ง
ก่อนจึงค่อย ใช้เหรียญผลึกซื้อหาพวกมันได้”

ฉินหยุนตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าแต้มเสวียนไม่ใช่สิ่งแลกเปลี่ยน ของล้ําค่าใน
ทางตรง มีเพียงได้รับแต้มถึงจํานวนหนึ่ง จึงค่อยมี คุณสมบัติซื้อหา
ทรัพยากรการฝึกฝนอันล้ําค่าและอาวุธ วิญญาณ

ร้านแต้มเสวียนมีสมบัติล้ําค่าหลายอย่าง และพวกมันไม่ใช่สิ่งที่ ซื้อหาได้
โดยง่าย เพราะผู้ซื้อจําเป็นต้องมีเหรียญผลึกจํานวน มหาศาล ทั้งยังต้องมี
แต้มเสวียนเพียงพอต่อคุณสมบัติด้วย “อาจารย์ขอรับ ข้าให้ผู้อื่นซื้อมา
แทนได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ตู้ก่วยยิ้มตอบ “สามารถทําได้ แต่วัชระไขกระดูกวิญญาณที่เจ้า ต้องการ
ซื้อ ต้องการอย่างน้อยก็สองร้อยล้านแต้มเวียนเพื่อผ่าน เกณฑ์ และยังต้อง
ใช้หนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียนพร้อมสิบล้าน เหรียญผลึกเป็นการแลกเปลี่ยน
ฉินหยุนกายแข็งที่อ แต้มเสวียนจํานวนมหาศาลขนาดนี้มีกลุ่ม คนเพียง
น้อยนิดที่ถือครองในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน!

ตู้ก่วยกล่าวต่อ “ตอนนี้ มีศิษย์จํานวนเล็กน้อยที่ถือครองสอง ร้อยล้านแต้ม
เสวียน เซี่ยวหยางหลง ฉินเจิ้งเฟิ ง ชื่อนี้ ถือเป็น หนึ่งในนั้น! เชี่ยวเย่ว์หลาน
และหยางฉีเย่ว์เองก็สามารถทําได้ เช่นกัน! ทว่า วัชระไขกระดูกวิญญาณ
เป็นสิ่งที่มีแต่สถาบันยุทธ์ ชิงเสวียนครอบครอง มันมีเอาไว้เพื่อศิษย์ของ
สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนเท่านั้น!”

“อาจารย์ขอรับ เชี่ยวหยางหลงมีแต้มเสวียนนับพันล้านบน เทียบอันดับใช่
หรือไม่หากข้าจําไม่ผิด?” ฉินหยุนนึกย้อนขึ้นได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเคยเอ่ย
ถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยถาม

“เป็นเขามีแต้มเสวียนนับพันล้าน ดังนั้นเทียบอันดับจึงตกเป็น ของเขา!
เหตุผลที่เขาสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ ตั้งแต่ยังเยาว์ ก็เป็น
เพราะเขามีแต้มเสวียนจํานวนมากเพื่อใช้ แลกเปลี่ยนทรัพยากรจํานวน
มหาศาล” ผู้ก่วยอธิบาย

“เป็นเช่นนี้! หมายความถึงเย่ว์หลานและอาจารย์หยางต่างก็ เป็น
เช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้รับแต้มเสวียนจํานวนมาก พวกนาง จึงต้อง
พยายามอย่างหนัก”

แม้ฉินหยุนมีเหรียญผลึกจํานวน มาก แต่เขามีแต้มเสวียนไม่เพียงพอที่จะ
ใช้แลกวัชระไขกระดูก วิญญาณ ตู้ก๋วยหัวเราะเสียงดัง

“พละกําลังของเจ้าไม่อ่อนด้อย ทั้งยังมี เหรียญผลึกจํานวนมหาศาล หาก
เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนแต้มเสวียนจํานวนหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ เวลา! ตอนนี้เจ้าเพิ่งอายุสิบหกเอง? เหตุใดจึงรีบนัก?”

ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงความยากลําบาก เป็นเพราะเขาเร่งรีบคิด อยากเข้าร่วม
ตําหนักตะวันออกของตําหนักดวงดาววิญญาณสี คราม และผ่านการ
ทดสอบเพื่อให้ได้กลายเป็นจ้าวประตูจารึก ตู้ก๋วยได้เห็นว่าฉินหยุนเร่งร้อน
เขาจึงเอ่ยคํา

“ฉินหยุน เมื่อฝูง สัตว์ร้ายมาถึง สถาบันของเราจะต้องจัดแจงหลาย
เรื่องราวให้ บรรดาศิษย์ได้กระทํา ถึงตอนนั้น เจ้าสามารถได้รับแต้มเสวียน
จํานวนมากด้วยการสังหารพวกสัตว์ร้าย”

ฉินหยุนได้แต่รอคอย หากเป็นกรณีดังกล่าว เขาคิดว่าตน สามารถ
รวบรวมแต้มเสวียนจํานวนมากได้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ เขาได้แต่นึกถึง
กลุ่มคนเหมือนอย่างที่ชื่อ กระทํา เพื่อ ดําเนินการออกล่าและสังหารสัตว์

ร้ายเป็นการเฉพาะ หาก หน่วยดังกล่าวสามารถช่วยฉินหยุนสามารถได้รับ
แต้มเสวียน โดยเร็ว ก็นับว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ดียิ่ง

ตอนท
ี่201 สัตวอ





แรงระเบิดฟ้าคํารามเหนือท้องฟ้า ก่อให้เกิดมวลเสียงขนาด ใหญ่สะเทือน
ถึงแดนดินเบื้องล่าง มันทําเอาฉินหยุนและตู้ก๋วย แตกตื่นถึงขั้นสีหน้า
เปลี่ยนสี

ตอนนี้เป็นเวลาคํ่าคืน พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงโหมซัด ท้องฟ้า เต็มไปด้วย
ฟ้าแลบแปลบปลาบ เป็นภาพฉากที่ชวนให้ต้องหวาดกลัวไม่น้อย ฉินหยุน
และตู้ก่วยไม่มีทางเลือก นอกจากต้องขึ้นที่สูงของต้นไม้ พายุฝนยิ่งมายิ่ง
หนักจนแปรเปลี่ยนเป็นลูกเห็บ ฉินหยุนยืนอยู่ใกล้ปากถ้ําต้นไม้ที่สูงหลาย
สิบเมตร

ตอนนี้เขา กําลังมองป่ าสมบัติในระยะการมองเห็น ภายในอดไม่ได้ที่จะ
ตระหนก พายุลูกเห็บโหมพัดรุนแรงนัก ต้นไม้สมบัติตะวันดาราขนาดใหญ่
ยักษ์ตรงกลางพื้นที่ ยังต้อง เสียใบไม้ขนาดใหญ่ไปมาก ในพื้นที่โล่งกว้าง
รอบต้นไม้ ตอนนี้ เต็มไปด้วยลูกเห็บยักษ์กองสุมสูงหลายเมตร

บ้านพักหลายแห่งในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนถูกทําลายเพราะ ลูกเห็บยักษ์
พวกนี้ตู้ก๋วยขมวดคิ้วขณะมองขึ้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสายฟ้า สีหน้า เขา
หนักอึ้งและกล่าว

“นี่ไม่ดีแล้ว สภาพอากาศแบบนี้ผิดปกติ จนเกินไป ดูเหมือนว่าเหนือเมฆ
จะมีอะไรอยู่ ข้าจะใช้พลังจิต เพื่อตรวจสอบ!”

“อาจารย์ขอรับ นี่พวกเรายังไม่ได้เปิดใช้ม่านพลังหรือ?” ฉิน หยุนเอ่ยถาม
มีก้อนนํ้าแข็งจํานวนมากร่วงหล่นมาเต็มทั่ว บริเวณขนาดนี้ แต่แล้วม่าน
พลังกลับไม่ทํางาน ตอนนี้ฝูงสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ หากม่านพลังไม่สามารถ
ทํางาน สัตว์ร้ายบินได้ทรงพลังจะต้องหาทางทําลายสถาบันอย่าง แน่นอน

ตู้ก๋วยร้องอุทานเสียงเบาเมื่อสํารวจเหนือเมฆขึ้นไป ใบหน้าชรา เปี่ยมด้วย
ความแตกตื่นขณะกล่าวออก “เหมือนที่คิดไว้ มีบาง สิ่งอยู่เหนือเมฆ!”

ถึงตอนนี้เอง ม่านพลังพลันเปิดการทํางาน ฝนและลูกเห็บหาได้ ร่วงหล่นสู่
สถาบันยุทธ์อีกไม่ ทว่า ฝนภายนอกยังคงตกกระหนํ่ารุนแรง นํ้าใน
ทะเลสาบหมื่น ดาราเริ่มเกินปริมาณดั้งเดิมจนท่วมเกาะตรงกลาง ฉินหยุน
เร่งรีบเอ่ยถาม “นี่มันอะไรกัน? มันเรียกฝนและลูกเห็บ เหล่านี้ได้เลย
หรือ?”

“คงเป็นแบบนั้น! ข้าไม่แน่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก! นี่สมควรเป็น สัตว์ร้ายที่มี
วิญญาณยุทธ์ ออร่าของวิญญาณยุทธ์นํ้าและ นํ้าแข็งค่อนข้างเด่นชัด
รวมถึงวิญญาณยุทธ์อสนีบาต ด้วย! สัตว์ร้ายตัวนี้ยังบินได้ ถือว่ามันเริ่ม
โจมตีพวกเราแล้ว” แม้ใบหน้าตู้ก๋วยเผยความตื่นตกใจ แต่หาได้มีความ
หวาดกลัว

ฉินหยุนลอบตระหนก แท้จริงถึงขั้นมีสัตว์ร้ายทรงพลังที่เรียก ลมเรียกฝน
ได้ ทั้งยังมีสติปัญญาระดับหนึ่ง กระทั่งทราบวิธีการ โจมตีปราการที่
มนุษย์สร้างขึ้น ตู้ก่วยมองขึ้นบนฟ้าและตะโกนออก “โผล่มาแล้ว!”

ฉินหยุนหันมองตาม หมู่เมฆหนาสีดําตอนนี้เต็มไปด้วยฟ้าแลบ หลังตู้ก๋วย
ร้องออก เมฆสีดําหนาเริ่มม้วนตัวปรากฏเป็นกิ้งก่า ยักษ์ที่บินได้กําลังลด
ระดับลงมาจากหมู่เมฆสีดํา กิ้งก่ายักษ์สีดํามีปีกคู่หนึ่ง เกล็ดสีดําปกคลุม
ร่างของมัน ทั้งยังมี ดวงตาเผยความรุนแรง ขาทั้งสี่ของมัน คู่หน้าค่อนข้าง
เล็ก ขณะคู่หลังใหญ่โตและเปี่ยมด้วยพลังพร้อมกรงเล็บแหลมคม

“นี่มันอะไรเนี่ย?” ฉินหยุนเผยนํ้าเสียงหวาดเกรง

“ข้าไม่รู้” ผู้ก่วยส่ายศีรษะ สีหน้าหมองหม่นลงเล็กน้อย กิ้งก่าสีดําตัวนี้ยาว
ราวยี่สิบถึงสามสิบเมตร ปีกคล้ายค้างคาว มันกําลังโบกสะพัดรุนแรง เป็น
ผลให้ร่างกิ้งก่ายักษ์ยกตัวเหนือ ท้องฟ้าได้

ก้อนนํ้าแข็งร่วงหล่นลงมาบริเวณพื้นที่ชายขอบของสถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียน
พวกมันแตกกระเด็นหายไปจํานวนมากเพราะ ม่านพลัง

“สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย จงไสหัวไปให้พ้นจากที่นี่!” นํ้าเสียงดุดันดัง ขึ้น ร่างสี
ทองพลันปรากฎพุ่งขึ้นท้องฟ้าจากศูนย์กลางของ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
เป็นสุภาพสตรีชราเส้นผมสีขาวท่านหนึ่ง นางถือแส้ทองคําไว้ในมือขณะ
ทะยานกายขึ้นท้องฟ้า จากนั้น จึงฟาดหวดใส่สัตว์ร้ายร่างยักษ์ดุดันผ่าน
ม่านพลัง เปรี้ยะ! เสียงแม้กระทบดังราวฟ้าผ่า เสียงนี้ดังกึกก้อง พื้นดิน
สะเทือน และพร้อมกันนี้ แสงสว่างสีทองได้ลุกโชนส่องสว่างทั่วทั้ง สถาบัน
ยุทธ์ชิงเสวียน สัตว์ร้ายบินได้กลางอากาศส่งเสียงคํารามร้องกราดเกรี้ยว
ขณะ บินห่างออกไปกว่าพันเมตร จากนั้น มันจึงกระพือปีกหนี หายไป

“ท่านยายผู้นี้น่าพึ่งนัก!” ดวงตาฉินหยุนเบิกออกกว้างขณะ รับชมร่างสี
ทองค่อย ๆ ลดระดับลงมา “ท่านคืออธิการบดีของเรา ท่านทั้งทรงพลังและ
เข้มงวด! กระทั่งพวกเราบรรดาอาจารย์บ่อยครั้งยังโดนท่านต่อว่า” ตู้ก๋วย
หัวเราะคิกคัก ตอนนี้เขาดูสบายใจขึ้นไม่น้อย สายฝนเริ่มเบาบาง เมฆสีดํา
เริ่มมลายหาย ท้องฟ้ากลับมา เปี่ยมด้วยดวงดาวประดับพร่างพราย มัน
สาดส่องแสงแก่ทะเลสาบหมื่นดาราอีกครั้ง

ความหวาดกลัวและโกลาหลที่ปกคลุมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เอาไว้เลือน
หายไปด้วยประการนี้ ที่ตรงกลางของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน มีหอคอยซึ่ง
สูงหลายสิบ ชั้นตั้งอยู่ ด้านบนสุดของหอคอยกําลังส่องแสงกระพริบ เมื่อ
ตู้ก๋วยพบเห็น เขาจึงหันบอกต่อฉินหยุน “ท่านอธิการบดีเรียก อาจารย์
ทั้งหมดไปพบ ข้าเองก็ต้องเข้าร่วม! ตอนนี้อย่าได้เก็บ ตัวฝึกฝนแต่อย่างใด
รอข้ากลับมาก่อนค่อยว่ากัน!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับและออกจากป่ าสมบัติ เพื่อมุ่งหน้าไปยัง ศูนย์กลาง
ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ที่บริเวณพื้นที่ศูนย์กลาง มีอาคารสาธารณะอยู่
หลายแห่ง ทั้ง สนามประลอง สถาบัน ร้านแต้มเสวียน ร้านเหรียญผลึก
และ ร้านค้าอีกหลายแห่ง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสถานที่ซึ่งมีคน พลุกพล่าน

แม้มีฝนลูกเห็บ สถานที่เหล่านี้หาได้ถูกทําลายไม่ เป็นเพราะ ผู้รับหน้าที่ใน
ร้านค้าล้วนแข็งแกร่ง กระทั่งมีพวกเขาบินออกไป ต้านรับลูกเห็บยักษ์ด้วย
ตัวเองจนมันแตกกระจายก็ยังมี เพราะ แบบนี้อาคารบริเวณนี้ถึงอยู่รอด
มาได้ สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่อื่นล้วนถูกทําลาย ส่วนใหญ่จะเป็น บ้านพัก
ของศิษย์

ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ย้ายมาอยู่ที่โรงเตี้ยมแถบ นี้กันแทนแล้ว ฉินหยุนมาที่
ศูนย์กลางของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนก่อนจะถึง ทางเข้าอาคารหอสมุด มัน
เป็นหอคอยหินสี่เหลี่ยมสูงเก้าชั้นดูมั่นคง

ด้านในหอสมุดมีตําราหลายเล่ม และทุกชั้นหนังสือจะมีผลึก แก้วพิเศษซึ่ง
คอยใช้บันทึกภาพโดยรอบ หากผู้ใดทําลายหรือ คิดขโมยหนังสือ พวกเขา
จะถูกพบเห็นโดยทันที บทลงโทษ ค่อนข้างรุนแรงหรืออาจกระทั่งโดนไล่
ออก ตัวหอสมุดค่อนข้างใหญ่ ด้วยความสูงทั้งหมดเก้าชั้น

แต่ละชั้น มีชั้นหนังสือเรียงยาวนับร้อยชั้นเห็นจะได้ ศีรษะของฉินหยุน
ต้องหมุนรอบมองรับชมตั้งแต่เข้ามา เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบด้านในเป็นผู้
อาวุโสซึ่งดูน่าจะคุ้นชินกับ พื้นที่ภายในอาคารหอสมุดเป็นอย่างดี ฉินหยุน
เอ่ยถามและได้พบบริเวณที่ตําราซึ่งเกี่ยวข้องกับ วิญญาณยุทธ์ ถัดจากนั้น
เขาจึงเร่งรีบไปยังชั้นสามและเข้าถึง บริเวณที่มีตราซึ่งบันทึกเรื่องราวของ
วิญญาณยุทธ์เอาไว้ ด้วยความเร่งรีบเปิดผ่านหน้ากระดาษ พลังจิตของ
เขา แข็งแกร่งยิ่ง จึงทําให้สามารถอ่านทั่วทั้งหน้ากระดาษได้เพียง มองครั้ง

เดียว ระหว่างการค้นหาสิ่งที่ต้องการรู้ เขาก็ได้จดจํา รายละเอียดหลาย
อย่างไปด้วย

หากเขาต้องการเชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณ เขา จําเป็นต้องมีภูมิ
ความรู้เรื่องวิญญาณยุทธ์ปริมาณมาก ตําราวิญญาณยุทธ์ที่นี่บันทึกถึง
วิญญาณยุทธ์ทุกประเภทที่เคย ถูกพบเห็น ทั้งยังมีรายละเอียดเชิงลึก
เกี่ยวข้องบันทึกเอาไว้ ด้วย ฉินหยุนอยู่ในหอสมุดหลายวัน เขายังคงเปิด
หน้ากระดาษตํารา อ่านอย่างต่อเนื่องจนแทบจมเข้าสู่ห้วงสมาธิ

กระทั่งไม่รู้ว่า เวลาผ่านไปกี่วันแล้วด้วยซํ้า หลังอ่านตําราที่เกี่ยวข้องกับ
วิญญาณยุทธ์กว่าร้อยเล่มจบ เขา จึงค่อยสูดลมหายใจเข้าลึก “วิญญาณ
ยุทธ์ลึกลับของเราก็ถูกเรียกว่าวิญญาณยุทธ์ตะวัน ทมิหงั้นสินะ มัน
สามารถปลดปล่อยพลังภายในความมืดที่ ลึกลับออกมาได้ ทั้งยังสามารถ
ใช้เพื่อย่อยและดูดกลืนพลัง อย่างรวดเร็ว!

พลังภายในความมืดสามารถทําให้ผู้ใช้กลมกลืน ไปกับความมืด
นอกจากนั้นแล้ว ที่ทรงพลังที่สุดคือการ ปลดปล่อยเปลวเพลิงตะวันทมิฬ
ตามตํารา เปลวเพลิงนี้ คือเปลวเพลิงซึ่งทรงพลังที่สุด มันสามารถหลอม
ละลายทุกสรรพ สิ่งได้อย่างรวดเร็ว!”

หลังจากฉินหยุนได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องวิญญาณยุทธ์ ของตนเอง
มากขึ้น เขาค่อยสงบใจลง นอกจากนี้วิญญาณยุทธ์ ของเขายังจะมี
ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงยามทําการหลอม อุปกรณ์ด้วย

“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับวิญญาณยุทธ์เยอะ นัก ทั้งยัง
เจอข้อมูลวิญญาณยุทธ์กระจกของเย่ว์เหม่ยด้วย! ถ้า นางทําให้วิญญาณ
ยุทธ์กระจกแข็งแกร่งได้ นางจะสามารถ คัดลอกวิญญาณยุทธ์ได้หลาก
ประเภทมากขึ้น นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถแยกวิญญาณยุทธ์ออกจาก
กระจกได้อีกด้วย” ฉินหยุนออกจากหอสมุดขณะเดินคิดอะไรไปเรื่อย เมื่อ
กลับมาที่ต้นไม้สมบัติตะวันดารา เขาก็พบว่าตู้ก๋วยรออยู่ ก่อนแล้ว

“เจ้าหนู นี่เจ้าไปที่ใดมากัน? ข้าบอกแล้วไงว่าให้รอข้ากลับมา นี่เจ้าไป
เกี้ยวพาราสีศิษย์หญิงมางั้นหรือ?” พอตู้ก๋วยเห็นฉินหยุ นกลับมา เขาจึง
ทั้งยิ้มทั้งต่อว่า ฉินหยุนกล่าวจริงจัง

“ย่อมไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ เป็นข้าไปยัง หอสมุดเพื่อเพิ่มพูนความรู้ต่างหาก!
ว่าแต่อาจารย์ การประชุม เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

ตู้ก๋วยเอ่ยคํา “ฝูงสัตว์ร้ายมาถึงแล้ว เป็นเพราะพวกเรามีการ คุ้มกันจาก
ทะเลสาบหมื่นดารา สัตว์ร้ายที่เดินด้วยเท้าจึงไม่อาจ มาที่นี่! ส่วนพวกที่
บินบนฟ้าก็โดนขับไล่ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีก”

ฉินหยุนลอบตระหนกไม่น้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าฝูงสัตว์ร้ายจะ ปรากฏตัว
ในเวลาไม่กี่วันที่ใช้เวลาในหอสมุดอ่านตํารา ตู้ก่วยกล่าวต่อ “ท่าน
อธิการบดีค่อนข้างมีความรู้ในเรื่องนี้มาก ท่านบอกต่อพวกเราว่าสัตว์ร้าย
เหล่านั้นที่ปรากฏในเทือกเขา เมฆมังกร ทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์อสูร!
วิญญาณสัตว์ร้ายและ สัตว์ดุร้ายทั้งหลายต่างก็รวมอยู่ด้วย หากพวกมัน

เป็นเพียงสัตว์ ปีศาจธรรมดา ก็คงไม่ดุร้ายเพียงนี้ สัตว์ปีศาจบางตัวกระทั่ง
รู้เรื่องของมนุษย์ พวกมันไม่เคยคิดเปิดฉากโจมตีมนุษย์มาก่อน เลยด้วย
ซํ้า”

“สําหรับสัตว์อสูร พวกมันมองเพียงมนุษย์เป็นแหล่งอาหาร โดยเฉพาะกับ
การได้กินมนุษย์ที่แข็งแกร่ง จะยิ่งทําให้พวกมัน แข็งแกร่งขึ้นได้อีก”

ในหอสมุด ฉินหยุนไม่ได้อ่านตําราที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลย เขา จึงพยักหน้า
และเอ่ยคํา “มีสัตว์ปีศาจจํานวนหนึ่งสามารถ แปลงกลายเป็นมนุษย์ผ่าน
การฝึกฝนได้ ทั้งยังมีสัตว์ปีศาจที่ เรียนรู้วิถีของมนุษย์ พวกมันยังมีความ
เป็นกังวลว่าจะโดน สวรรค์ลงทัณฑ์เพราะเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยขอรับ”

นี่เป็นสิ่งที่ติงเทียนฉวนสอนแก่เขา ตู้ก๋วยค่อนข้างประหลาดใจขณะกล่าว
“ดูเหมือนเจ้าค่อนข้างรู้ เรื่องสัตว์ปีศาจไม่น้อย! ไม่มีตําราใดให้ข้อมูลเรื่อง
นี้มากนัก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนรังเกียจสัตว์ปีศาจกันมาก”

“พวกสัตว์เกือบทั้งหมดที่ปรากฏตัวล้วนเป็นสัตว์อสูร! พวกมัน ทั้งหมด
ล้วนมาจากแดนอสูรอ้างว้าง พวกมันเหล่านี้เดิมอาศัย อยู่ในแดนอสูร
อ้างว้าง แต่ด้วยแดนยุทธ์อ้างว้างมียอดฝีมือทรง พลังแก่กล้าจํานวนมาก
พวกมันจึงหลบหนีออกมาโดยคิดหลบ อาศัยในเทือกเขาเมฆมังกร แต่
เทือกเขาเมฆมังกรก็มีสัตว์ปีศาจ ที่ทรงพลังปกครองอยู่ เมื่อพวกมันไม่
เหลือสถานที่ให้ใช้ชีวิต และในเมื่อพวกมันไร้ซึ่งอาหาร พวกมันจึงแห่แหน
กันมาที่นี่”

กล่าวได้ว่าแท้จริงแล้วฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้มาจากแดนอสูร อ้างว้าง พวกมัน
มาที่นี่ผ่านการเดินทางยาวนาน ดังนั้นพวกมัน จึงดุร้ายเพราะไม่ได้กิน
อะไรมาหลายวัน

“ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายแค่กินเนื้อมนุษย์ สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่มี สติปัญญา
บางที่อาจมีอะไรในเทือกเขาเมฆมังกรที่ดึงดูดพวก มันมาที่นี่" ฉินหยุนรู้สึก
ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่าง กับหลุมฝังเซียน ตู้ก่วยกล่าว

“คาดเดาอย่างนั้นก็ได้! ในชั่ว ระยะเวลาอันใกล้นี้ หากพวกเราคิดออกไป
ภายนอก ก็ต้อง ระมัดระวังตัวให้ดี” เขานําเอาบัตรที่สร้างขึ้นจากผลึกส่ง
มอบแก่ฉินหยุน

“นี่คือบัตร ผลึกแต้มเสวียนของเจ้า หยดเลือดลงไป! ถัดจากนี้คือการ
ทดสอบล่าสัตว์! พวกเฒ่าชราจํานวนหนึ่งในสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนอยาก
ได้ร่างของสัตว์อสูรทรงพลังมาศึกษา เจ้าสามารถหาคู่หูออกปฏิบัติงานได้
ออกล่าสัตว์อสูรจํานวนหนึ่งมาเพื่อ แลกเปลี่ยนเป็นแต้มเสวียนน่าจะดี”
เฉินหยุนรับบัตรผลึกไว้และหยดเลือดลงไป

ตู้ก่วยกล่าวคําต่อ “สภาพแวดล้อมภายนอกตอนนี้โหดร้ายมาก ดังนั้นแล้ว
สถาบันยุทธ์จะไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปได้โดยง่าย เจ้า จําเป็นต้องผ่านการ
ประเมินผลเพื่อได้รับตัวเข้าออกเสียก่อน จึงสามารถเข้าออกสถาบันยุทธ์
ได้โดยอิสระ”

ตอนท
ี่202 ต๋ัวเข

าออก

เมื่อตู้ก๋วยเห็นว่าฉินหยุนคิดเคลื่อนไหว เขาจึงหัวเราะออกและ บอกกล่าว
“อย่าได้เร่งรีบออกไปนัก เมื่อใดที่พวกเราอาจารย์ ออกไปสํารวจ
สถานการณ์ภายนอก เด็กหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้า สามารถตั้งหน่วยของ
ตนเองที่นี่ ทําความคุ้นชิน สร้างกลยุทธ์ ใช้ร่วมกัน แบบนั้นจะเป็น
ประโยชน์ต่อพวกเจ้าเองมากกว่า ก่อนออกสู่ภายนอก”

“ขอรับ ข้าจะไปหาสหายร่วมหน่วย!” ฉินหยุนเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมา
เสี่ยอูเฟิ งและคณะเมิ่งไป จากที่นี่ หากพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะสามารถ
จัดตั้งหน่วยที่ แข็งแกร่งขึ้นมาได้

“พี่เฟยหลิงแข็งแกร่งนัก ไปหานางก่อนดีน่าจะดี”

หลังออกจากป่ าสมบัติ เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังบริเวณ ศูนย์กลางของ
สถาบันยุทธ์ซิงเสวียน ที่ตรงกลางของบริเวณนั้น มีศิษย์หลายคนกําลัง

รวบรวมกลุ่มสามถึงห้าคนจัดตั้งหน่วย ขนาดเล็กขึ้น เมิ่งเฟยหลิงก่อนหน้า
นี้ได้บอกสถานที่ติดต่อเอาไว้แก่ฉินหยุน แล้ว เป็นนางบอกว่าพักอาศัยอยู่
ที่ภัตตาคารที่เขตศูนย์กลาง ของสถาบันยุทธ์ ภัตตาคารดังกล่าวชื่อว่า

“ภัตตาคารดาวตก” เป็นอาคารสูงหลายสิบชั้น เครื่องตกแต่งหรูหราทั้ง
ภายในและภายนอก

ฉินหยุนมาถึงหน้าห้องก่อนจะเคาะประตูเบา ๆ กล่าวคํา “พี่ เฟยหลิง ข้า
ฉินหยุน!”

ไม่นานจากนั้น มีคนออกมาเปิดประตูให้ “น้องหยุน ในที่สุดก็มาหาข้า!”

เมิ่งเฟยหลิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม นางสวมใส่ชุดบางสีม่วง ขณะนี้เองจึงเร่งรีบ
ดึงฉินหยุนเข้าไป ด้านใน

พอฉินหยุนเข้ามาแล้ว เขาจึงได้เห็นห้องเล็กด้านใน มันเป็น สถานที่
สําหรับคนเพียงคนเดียวทั้งยังเล็กยิ่ง ทว่า ของที่วาง เอาไว้ก็เพียงพอแก่
การใช้งาน การจัดแต่งวิจิตรและสง่างามสม กับสถานที่

“พี่เฟยหลิง ท่านอาศัยอยู่ในที่เล็กเพียงนี้!” ฉินหยุนนั่งบนเก้าอี้ ปลายเตียง
ขณะมองรอบและยิ้มกล่าว เมิ่งเฟยหลิงถอนหายใจ

“ข้าจะเป็นอย่างเจ้าที่อาศัยอยู่ต้นไม้ สมบัติตะวันดาราได้อย่างไร? ศิษย์
งบน้อยอย่างพวกเรา ทั้งการ ใช้ชีวิตและอาหารการกินต้องพึ่งพาตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้นฝูง สัตว์อสูรมาเยือนแล้ว ดังนั้นสถาบันยุทธ์จึงใช้เหรียญผลึก
จํานวนมากเพื่อเปิดม่านพลัง ในภายหน้า ค่าเล่าเรียนของ สถาบันจะยิ่ง
แพงกว่านี้อีก”

ขณะนางกล่าว นางจึงถอดชุดคลุมสีม่วงตัวนอกออก เผยให้ เห็นรูปร่าง
มากยิ่งขึ้น เรือนร่างของนางแต่เดิมก็งดงามอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้กลับมีเพียง
ผ้าไม่กี่ชิ้นปกปิดจุดสําคัญ

“ดูดีใช่ไหมละ?” เมิ่งเฟยหลิงพบว่าฉินหยุนหน้าแดงกํ่าจึง หัวเราะดีใจยก
ใหญ่

“พี่เฟยหลิง ท่านทําเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนเขินอายก่อนจะหัน หน้าหนี เมิ่ง
เฟยหลิงเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะหยิบชุดเกราะสีเขียวจาก บนเตียง นาง
ค่อยสวมใส่มันก่อนยิ้มกล่าว

“ข้าเพียงสวมใส่ชุด เช่นนี้ต่อหน้าเจ้า เพราะรู้ว่าเจ้าไม่กล้าทําอะไรข้ายังไง
ละ!”

นางสวมใส่ชุดเกราะ มัดผมรวบขึ้น เปลี่ยนไปใส่รองเท้าหนัง เครื่องแต่ง
กายนี้ยิ่งทําให้ขับเสน่ห์ความดุดันของนาง กระทั่ง ออกจะดูหล่อเหลาด้วย
ซํ้า

“พี่เฟยหลิง ตระกูลเมิ่งของท่านช่างลึกลับนัก ดูเหมือนว่าท่าน จะเก็บซ่อน
กองกําลังลับทรงพลังเอาไว้ใช่หรือไม่” ฉินหยุนเอ่ย ถามด้วยความสงสัย
เมิ่งเฟยหลิงเพียงเข้าสู่สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนไม่นาน นางก็สามารถก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ดได้แล้ว เรื่องนี้ชัดเจนว่าต้องมีตระกูลเมิ่ง
หนุนหลัง

นอกจากนี้ ราชาปีศาจแห่งตระกูลเมิ่งยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าคือผู้ ซึ่งสามารถ
ขัดเกลาผงเขย่าวิญญาณได้! “ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน ตระกูลเมิ่งของเรานั้น
เป็นตระกูลเก่าแก่ ยิ่งว่าตระกูลฉินของเจ้า แต่เป็นเพราะพวกเราไม่มีพลัง
เพื่อต่อสู้ พวกเราจึงเก็บงําตัวเองเอาไว้!”

เมิ่งเฟยหลิงนําสร้อยข้อมือมิติ เก็บของออกมาส่ายเบา ๆ และหัวเราะ “แต่
เจ้าก็ยังแข็งแกร่ง กว่าข้านัก เจ้าถึงขั้นมอบสร้อยข้อมือเก็บของแก่ข้าโดย
ง่ายดาย! เพื่อตอบแทนเจ้า ข้าสัญญาว่าจะใช้ร่างกายนี้ตอบ แทนให้”

ฉินหยุนเอ่ยคํา “เรื่องนั้น... พี่เฟยหลิง ตระกูลเฉิงของท่าน สมควรมี
ประสบการณ์รับมือกับสัตว์ปีศาจและสัตว์อสูรใช่ หรือไม่! ข้าคิดอยาก
รวบรวมแต้มเสวียนจํานวนมาก จึงอยาก ให้ท่านช่วยเหลือ พวกเราจะ
จัดตั้งหน่วยขนาดเล็กออกไปล่า สัตว์อสูรกัน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

เมิ่งเฟยหลิงมองกระจก สัมผัสใบหน้างดงามของตนเองและ หัวเราะ “ ข้า
รู้ว่าเจ้ามาหาข้าเพราะเรื่องนี้! งั้นก็ไปหาสมาชิก คนอื่นกัน พวกเขา
เหล่านั้นเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด พละกําลังถือว่าผ่าน
ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น มีคนที่ เป็นศิษย์ของตระกูลเมิ่งเราด้วย”

เมิ่งเฟยหลิงเปิดประตูออก นําฉินหยุนออกจากภัตตาคาร เดิน ไปตาม
ถนนมุ่งหน้าสู่บริเวณทางตะวันตกของศูนย์กลาง ที่ตรง นั้นเป็นลานกว้าง
ขนาดใหญ่ ที่ลานกว้างจะมีศิษย์ไปรวมตัวกัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้
เข้าสู่ด้านใน เป็นเพราะมันเอาไว้เพื่อใช้ในการประเมินผล

ระหว่างทาง เมิ่งเฟยหลิงจึงเล่าให้ฉินหยุนฟัง “ข้าเจอสหาย ร่วมหน่วยมา
สามคน หนึ่งเป็นสามีภรรยาอายุราวสามสิบ เรียก พวกเขาเป็นพี่หลี่กับ
พี่สะใภ้หลี่ก็ได้ พวกเขาเกือบจะถึง ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแล้ว
ด้วย! ถือว่าเป็นศิษย์อายุ มากของที่นี่ ทั้งยังผ่านศึกมาหลายครั้งครา ส่วน
สหายร่วม หน่วยอีกคนเป็นเด็กหนุ่มอายุเกือบยี่สิบชื่อว่าอวี้เจิน เป็น
บุตรชายของเพื่อนของพี่หลี่”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ ตอนนี้เขาค่อยได้รู้จักสหายร่วมหน่วยเพิ่ม มากขึ้น
พวกเขา พี่ชายและพี่สาวหลี่ ทั้งสองเชื่อถือได้เพราะ เป็นคนจากสาขา
ตระกูลเมิ่ง เมื่อมาถึงพื้นที่รอบนอกของลานกว้าง เมิ่งเฟยหลิงก็พบพี่หลี่
ทั้งสองอย่างรวดเร็ว พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะสีเทาสว่าง รูปลักษณ์ดู
ธรรมดา ท่าที่ดูเรียบง่ายทั้งยังกล่าวทักทายฉินหยุน ด้วยรอยยิ้มเป็น
กันเอง พวกเขาล้วนเป็นบุตรหลานของตระกูลเมิ่ง ดังนั้นในสายตา พวก
เขา ฉินหยุนคือรัชทายาทซึ่งมีตําแหน่งสูงยิ่ง

“เหล่าหลี่อาหลี่ อวี้เจิ้นพื้นเพเป็นอย่างไร? เขาแข็งแกร่ง ขนาดไหน?” เมิ่ง
เฟยหลิงเอ่ยถาม

“เรื่องนี้พวกเราไม่ทราบแน่ชัดนัก ไว้เจอกันคงได้เห็น” พี่ ใหญ่หลี่เป็นชาย
หน้าเหลี่ยมและดูสัตย์ซื่อ

“มาทางนั้นแล้ว” พี่สะใภ้หลี่ชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านนอกลาน กว้าง
ด้านล่างของต้นไม้ดังกล่าว มีเด็กหนุ่มสวมใส่ชุดหรูหรายืนอยู่

เด็กหนุ่มผู้นี้คืออวี้เจิน ด้วยใบหน้าผอมยาว เขาค่อนข้างหล่อ เหลาเอาการ
ทั้งยังมีดาบยาวไว้ในมือ สีหน้าเปี่ยมด้วยความ ภาคภูมิ เขาหันมองรอบ
ไม่คิดเดินเข้ามาแม้พบเห็นเมิ่งเฟยหลิง และผู้อื่นแล้ว

“ไปกัน! เขาไม่ค่อยชอบสถานที่จอแจสักเท่าไหร่!” พี่ใหญ่หลี่ ออกปาก
และเดินนําไป เมิ่งเฟยหลิงแค่นเสียงเล็กน้อยขณะเดินตาม

“ผู้น้อยทักทายพี่ใหญ่หลี่และพี่สะใภ้หลี่ นี่คงเป็นท่านหญิงเมิ่ง จาก
คฤหาสน์ราชาปีศาจแล้ว!” แม้อวี้เจินดูสุภาพ แต่คํากล่าว ทักทายนั้นฟังดู
ชวนอึดอัด

พี่ใหญ่หลี่และคณะพยักหน้ารับ อวี้เจินหันมองฉินหยุน คิ้วนั้นขมวดขณะ
เอ่ยถาม “เหตุใด หน่วยของเราจึงมีเด็ก? เขาคือ?” ฉินหยุนสวมใส่ชุดสีขาว
ซึ่งทําจากหนังสัตว์ฟอกสี มันดูราคาถูก แต่แท้จริงกลับแพงลํ้าเพราะผัง
ธาตุแสงภายใน

“ข้าฉินหยุน!” อวี้เจินชะงัก เขาไม่เคยเห็นฉินหยุนตัวจริง แต่นามนั้นเคย
ได้ยิน มาไม่น้อย ถือว่าน้อยคนนักที่จะไม่เคยได้ยินชื่อฉินหยุนมาก่อน ข่าว
ลือมีทั้งด้านดีและร้าย แต่ส่วนใหญ่ข่าวลือของฉินหยุนจะ ไปทางด้านร้าย
เสียมากกว่า หากเป็นผู้ซึ่งริษยาผู้อื่นเป็นทุนเดิม พวกเขาเหล่านั้นย่อมเชื่อ
ข่าวลือด้านร้ายมากกว่า อวี้เจินคิ้วขมวด

“พาเขาไปด้วยหรือ? แม้พละกําลังของเขาไม่ แย่ แต่พวกเราต้องรับมือกับ
สัตว์อสูร ดังนั้นพวกเราควรต้องใช้ ความสามารถอย่างมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ เขายังใช้วิชานอก คอก ข้าเป็นกังวลว่าเขาจะพาพวกเราตกตํ่า”

“เจ้าว่าอะไร? น้องหยุนของข้าจัดการผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่
แปดไปแล้วถึงสองคน ชื่อ และฉินเจิ้งเฟิ ง หากเขา ไม่อาจจัดการสัตว์อสูร
เจ้าเผชิญหน้ากับพวกมันก็คงตายเพียง สถานเดียวแล้ว” เมิ่งเฟยหลิงแค่น
เสียงไม่ยินดี

อวี้เจินมองทางฉินหยุนอย่างเดียดฉันท์และแค่นเสียง “ก็แค่ เพราะชื่อกับ
ฉินเจิ้งเฟิ งไม่ระวังกลลวงของเขาจึงทําให้ เสียเปรียบ ของพวกนั้นเอามาใช้
กับสัตว์อสูรทรงพลังไม่ได้!” พี่สะใภ้หลี่กล่าวคํา

“ไว้รอจนพวกเราผ่านการประเมินผลและ ได้รับตัวเข้าออกก่อนค่อยพูด
เรื่องนี้! ระหว่างการประเมินผลจะ มีการทดสอบพละกําลังทุกด้าน หาก

เขาสามารถได้รับบัตรผ่าน เช่นนั้นก็หมายความถึงไม่มีปัญหา” อวี้เจิน
มองไปยังตรงกลางลานกว้างและหัวเราะ

“นั่นก็จริง บางทีเขาอาจไม่ผ่านการทดสอบด้วยซํ้า! ที่เขาได้ตําแหน่งรัช
ทายาทกลับคืนจากฉินเจิ้งเฟิ งไม่ใช่เพราะบิดาเขากลับมาอย่าง กะทันหัน
หรอกหรือ?”

ฉินหยุนคาดเดาได้ ว่าอวี้เจินมีสัมพันธ์อันดีกับชื่อวี้และคณะใน อดีต
เพราะเหตุนั้นอีกฝ่ายถึงตั้งป้อมต่อเขาเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะพี่หลี่ทั้งสอง
เมิ่งเฟยหลิงอาจพิโรธไปแล้ว นาง คิดและเก็บเอาไว้ ว่าหลังผ่านการ
ทดสอบ นางจะบีบอวี้เจิน ออกจากหน่วยไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่

ฉินหยุนไม่คิดกล่าวอื่นใดมากความ เพราะเขาไม่รู้เรื่องของสัตว์ อสูรแต่
อย่างใด นอกจากนี้สภาพแวดล้อมภายนอกตอนนี้ยัง โหดร้าย ไม่ใช่เรื่อง
แย่นักที่จะมีคนร่วมทางไปด้วยเพิ่มขึ้น ไว้หลังจากเขาทําความเข้าใจ
สภาพแวดล้อมภายนอกตอนนี้ ครั้งหน้าก็เป็นเรื่องง่ายแล้วหากเขาคิด

อยากออกไปด้วยตัวเอง ฉินหยุน เมิ่งเฟยหลิง และคณะเริ่มต่อแถวเพื่อ
เตรียมเข้ารับการ ทดสอบ ขั้นตอนการประเมินผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่
หาได้ง่ายดาย ไม่!

อย่างแรกคือความเร็ว มันจําเป็นต้องทะยานกายให้ได้ถึง หนึ่งร้อยเมตร
ต่อวินาที จากนั้น จึงค่อยทดสอบการหลบเลี่ยง หินนับร้อยก้อนที่อาจารย์
เป็นผู้ยิงพวกมันออก ระหว่างขั้นตอน การหลบ ร่างกายของผู้ทดสอบห้าม
โดนก้อนหินแม้แต่ก้อน เดียว

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการทดสอบพละกําลัง โดยจะให้ทําการ เคาะระฆัง
ขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรด้วยหมัดหนึ่ง

ท่ามกลางศิษย์ที่เข้ารับการทดสอบ ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด แต่แล้ว ก็ยังมีคนจํานวนไม่น้อยซึ่งไม่ อาจผ่านการทดสอบ
รอบแรกไปได้! ฉินหยุนไม่ได้วางใจแต่อย่างใด เพราะการทดสอบนี้ก็ไม่ได้
ง่าย สําหรับเขา ไม่นานมานี้ ความเร็วของเขายังได้แค่ราวเจ็ดสิบถึง แปด

สิบเมตรต่อวินาทีอยู่เลย ถือว่าโชคดีที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาฝึกฝนวิชาตัวเบา
เพิ่มขึ้น

“รอบแรกน่าจะผ่านไปได้! รอบที่สองและสามไม่น่าเป็นปัญหา! ตั้งใจกับ
รอบแรกก่อนดีกว่า” ฉินหยุนคิดกับตัวเองเช่นนี้ เหตุผลว่าทําไมถึงนําการ
ทดสอบความเร็วไว้ในรอบแรก ก็เพื่อ ทดสอบความสามารถในการ
หลบหนี ระหว่างกระบวนการ หลบหนี ความเร็วคือสิ่งสําคัญที่สุด! การ
ระเบิดพลังเท้า ปลดปล่อยความเร็วหนึ่งร้อยเมตรต่อวินาทีคือสิ่งจําเป็น
แม้พบ เจอสัตว์อสูรทรงพลัง พวกเขาก็ยังสามารถหลบหนีได้ ไม่นาน ก็ถึง
คราวของพี่ใหญ่หลี่! ระหว่างทดสอบความเร็ว เขา สามารถทําสําเร็จได้
ตามเป้าผ่านการทดสอบรอบแรกไป

การทดสอบรอบที่สองคือความสามารถในการหลบหลี่ก เขา สามารถหลบ
ก้อนหินซึ่งขว้างปาเข้าใส่ได้ทั้งหมด! ส่วนรอบที่ สาม สีหน้านั้นค่อยผ่อน
คลายขณะต่อยระฆังใหญ่ด้วยหมัด เขาสามารถผ่านการทดสอบทั้งสาม
รอบได้อย่างง่ายดาย

ท่ามกลางศิษย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด พละกําลังระดับ นี้ถือว่า
เหนือลํ้า มีเพียงผู้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดจึง สามารถกระทําได้
โดยง่ายเช่นเขา เมื่อฉินหยุนได้เห็นพละกําลังของพี่ใหญ่หลี่ เขาถึงกับลอบ
ชื่นชม
เมื่อถึงคราวพี่สะใภ้หลี่ นางก็เป็นเช่นเดียวกับพี่ใหญ่หลี่ ภายนอกดูเรียบ
ง่ายและผ่านการทดสอบไปได้อย่างเรียบง่าย ฉินหยุนเพียงมองระหว่าง
การประเมินผลก็ทราบว่าพวกเขายัง ไม่ได้เผยพละกําลังแท้จริง ตอนนี้ถึง
คราวเมิ่งเฟยหลิง! จุดแข็งของนางคือวิชาตัวเบา ดังนั้นรอบแรกจึงไม่มี
ปัญหาแต่ อย่างใด!

“นางแม่มดเมิ่งแข็งแกร่งนัก เมิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด
แต่ความเร็วกลับเหนือกว่าศิษย์พี่กายวรยุทธ์ระดับ ที่แปดเสียอีก!”

“นางเร็วเพียงนี้ การทดสอบหลบหลี่กไม่ควรมีปัญหา”

“เดาว่าถ้านางจะไม่ผ่านก็คงรอบสุดท้าย!” ขณะทุกคนสนทนากัน ใครคน
หนึ่งก็พบว่าฉินหยุนเข้าร่วมแถว รอรับการทดสอบเช่นกัน เขาเอ่ยกระซิบ
เบา

“นั่นฉินหยุนไม่ใช่ หรือ? ยืนอยู่ด้านหลังนางแม่มดเมิ่ง หรือเขาคิดอยาก
เข้าร่วม หน่วยกับนางแม่มดเมิ่งนั่นกัน?

ตอนท
ี่203 แสดงพลัง

ทุกคนเพียงรู้ว่าฉินหยุนมีระดับการฝึกฝนอยู่ขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่
เจ็ด ทั้งยังไม่มีใครทราบพละกําลังแท้จริง อย่างไร แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เห็น
กับตาตัวเองว่าฉินหยุนจัดการชื่อวี้และ ฉินเจิ้งเฟิ งอย่างไร มีหลายข่าวลือ
เกี่ยวกับพละกําลังของฉินหยุน บ้างก็กล่าวว่า พละกําลังของเขาสามารถ
จัดการขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ แปดได้ และบ้างก็กล่าวว่าเขาชนะได้
โดยอาศัยโชค

แต่ก็ยังมี อีกข่าวลือว่าเขาชนะได้โดยพึ่งพาวิชาปีศาจโดยไม่เปิดเผย
กระทั่งผู้คนที่เชื่อทั้งสามข่าวลือยังมี ตอนนี้ฉินหยุนกําลังเข้ารับ การ
ทดสอบที่นี่ ศิษย์หลายคนต่างต้องการเห็นกับตาตนเองว่า พละกําลังนั้น
เป็นของจริงหรือไม่!

ตั้งแต่เกิดเรื่องที่โถงหลักของพระราชวังเทียนฉิน ชื่อเสียงของ ฉินหยุนยิ่ง
มายิ่งกระฉ่อน ไม่ว่าจะด้วยอะไร เขาจัดการซี่อวี้และฉินเจิ้งเฟิ งคือความ

จริง ทั้งนี้อัจฉริยะทั้งสองยังอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด ไม่เพียง
เท่านั้น เขากระทั่งครอบครองแขนราชสีห์สวรรค์อันทรงพลัง!

ชื่อวี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นดวงดาวเฉิดชายในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน มีสหาย
มากหน้าหลายตาที่นี่ ตอนนี้ชื่อ พิการไปแล้ว สหาย ของพวกเขาจึงไม่อาจ
ใช้ได้รับช่วงเวลาอันดีด้วยอีก ดังนั้นพวก เขาล้วนเกลียดชังฉินหยุนอย่าง
รุนแรง “การทดสอบครั้งนี้จะได้เผยธาตุแท้ของฉินหยุน! หากเขาทรง พลัง
จริง ก็ต้องเป็นเพราะบิดามอบเม็ดยาเพิ่มพลังเป็นการ ชั่วคราวให้ ทําให้
สามารถแสดงพละกําลังในระยะเวลาอันสั้นที่ โถงหลักของพระราชวัง
เทียนฉิน”

“องค์ชายชื่อวี้น่าสงสารนัก โดนคนเช่นนี้จัดฉากหลอกล่อ!”

“อายุเพียงสิบหก พรสวรรค์ก็ไม่ได้เลิศลํ้าอย่างเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ทั้งยังไม่มี
วิญญาณยุทธ์ ดังนั้นแล้วจะจัดการฉินเจิ้งเฟิ งกับชื่อวี้ที่อยู่ขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่แปดได้อย่างไร? เพียงแค่คิด ก็ บอกได้แล้วว่าต้องใช้ลูกไม้ตํ่า

ช้าอย่างแน่นอน” ผู้คนที่มีสัมพันธ์อันดีกับชื่อวี้ล้วนเป็นคนมีพลังและทรง
อํานาจ ไม่มีใครกล้าโต้เถียงกับพวกเขาเสียงดังแต่อย่างใด อวี้เจินซึ่งยืน
ข้างฉินหยุน นํ้าเสียงพลันแค่นออกจากลําคอ

“เจ้าได้ยินหรือไม่? ไม่ใช่เพราะข้าตั้งป้อมต่อเจ้า แต่เป็น พละกําลังของเจ้า
ไม่ได้รับการยอมรับของทุกผู้คนแต่แรก!” ฉินหยุนเพียงมองเฉยชา เขา
สามารถบอกได้ว่าคนกลุ่มนี้ล้วน อิจฉาตนกันทั้งสิ้น นี่เป็นเพราะเขาได้
แต่งงานกับเชี่ยวเย่ว์ หลาน ทั้งยังได้อยู่ร่วมกับเมิ่งเฟยหลิงที่เป็นโฉมงามผู้
หนึ่ง ทั้ง ยังคอยปกป้องเขาในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนอีกต่างหาก

ตึง!

เสียงระฆังดังขึ้น เมิ่งเฟยหลิงสั่นระฆังแล้ว นางตอนนี้ผ่านการ ทดสอบ
รอบที่สามและได้รับตัวให้เข้าออกสถาบันยุทธ์ชิง เสวียนอย่างอิสระ!

ก่อนหน้า นางได้ยินข่าวลือหนาหูเรื่องของฉินหยุน นางไม่ พอใจยิ่ง ทั้งยัง
คาดหวังให้ฉินหยุนตบหน้ากลุ่มคนเหล่านั้นให้ หงายหลัง ตอนนี้ถึงครา
วอวี้เจินทดสอบแล้ว! รูปลักษณ์ของอวี้เจินคือ ชุดสีฉูดฉาด ด้ามดาบที่
งดงาม ดังนั้น จึงดึงดูดสายตาผู้คนได้มาก

“นั่นอวี้เจินจากตระกูลอ ไม่ใช่หรือ? สวรรค์เข้าข้างตระกูลอวี้และเผ่าพันธุ์
พยัคฆ์วิญญาณชั้นสูง กล่าวกันว่าทายาทสายตรง ของตระกูลอวี้จะ
ครอบครองวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์!”

“วิญญาณยุทธ์พยัคฆ์วายุ คิดว่าน่าจะระดับแพลทินัม!”

“เพียงมองก็บอกได้แล้วว่ามีศักยภาพมากเพียงใด!”

ทุกคนเริ่มออกปากชมกันไม่หยุด อย่างไรแล้ววิญญาณยุทธ์ สัตว์ระดับ
แพลทินัมถือว่าหายาก สําหรับผู้คนจํานวนมาก พวก เขาเพียงได้แต่อิจฉา
ที่ตรงกลางลานกว้าง กลุ่มคนกําลังยืนเรียงแถว ชายชรา ตะโกนขึ้น

“เริ่มได้!” เพียงชั่วอึดใจ อวี้เจินและชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพลันยืน
ห่างออกไปนับร้อยเมตร นี่เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาผ่านการทดสอบ

ระหว่างการทดสอบหลบหนี ชายชราอยู่ห่างจากอวี้เจินห้าสิบ เมตร ขณะ
นําเอาก้อนหินขนาดราวกําปั้นออกจากตะกร้าและ ขว้างปาอย่างบ้าคลั่ง
บางครั้งที่โยนหินออก ก็ไม่ได้โยนเพียง ก้อนเดียว บางครั้งถึงขั้นหลักสิบ
ก้อนก็มี ด้วยสีหน้าภาคภูมิ อวี้เจินหลบเลี่ยงง่ายดาย เมื่อก้อนหินทั้ง หนึ่ง
ร้อยของชายชราหมดจากตะกร้า เขาจึงผ่านการทดสอบ รอบที่สอง!

เมื่อเขาผ่านมาได้ ผู้คนที่รอต่อแถวอยู่จึงปรบมือแสดงความ ยินดี นี่ยิ่งทํา
เอาเขาภาคภูมิใจ ในรอบที่สาม ลานกว้างค่อนข้างเงียบ ผู้คนกําลังจับจ้อ
งอวี้เจิน อวี้เจินกระโดดบางเบาไปยังบริเวณตรงกลางของเรือนระฆัง และ
ปล่อยหมัดออก ทว่า เขาไม่อาจสร้างเสียงใดออกมาได้ มัน เป็นเพียงเสียง
การปะทะบางเบาเท่านั้นเอง อวี้เจินไม่อาจสั่นระฆังได้!

เรื่องนี้ทําเอาผู้คนอึ้งจนพูดไม่ออก! อย่างไรแล้ว ในสายตาฝูงชน เรื่องนี้
สมควรเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เพราะผู้ที่เข้ารับการทดสอบซึ่งอยู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด มีห้าในสิบคนที่ไม่อาจสั่นระฆังให้ดังได้ ระฆัง
ขนาดใหญ่นี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณ มันสามารถดูดซับแรง ปะทะรุนแรงได้
หากกําลังภายในของคนผู้หนึ่งไม่แข็งแกร่งพอ มันก็ไม่อาจทําให้ดัง

“อาจารย์... ท่านพอจะให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่? เป็นข้า ไม่ได้ใช้
พละกําลังเต็มที่!” อวี้เจินอับอาย เหงื่อไหลหลั่งแทบ ท่วมตัว เป็นเพราะ
บรรดาศิษย์โดยรอบเมิ่งชื่นชมเขาไปเมื่อครู่ ตอนนี้เขาไม่อาจผ่านการ
ทดสอบ ชายชรากล่าวคําเย็นชา

“หากเจ้าต่อสู้กับสัตว์ปีศาจ และไม่ เลือกใช้พละกําลังเต็มที่ ผลลัพธ์คือ
ความตาย! ไม่มีโอกาสที่ สอง สอบตก!” พออวี้เจินได้เห็นฝูงชนฮือฮา เขา
ยิ่งโกรธแค้นตนเอง เขาเดิน ออกจากพื้นที่ทดสอบด้วยใบหน้าหดลีบทว่า
ยังไม่ได้จากไปไหน เขายังอยากรับชมการทดสอบของฉินหยุน! เมื่อฉิน
หยุนเข้ามาแล้ว เขาก็เป็นเช่นเดียวกับอวี้เจิน ผู้คนรอบข้างล้วนให้ความ
สนใจรับชม

“เริ่มได้!” หลังจากผู้อาวุโสตะโกนบอกเริ่ม ฉินหยุนและศิษย์อีก หลายคน
ต่างก็ทะยานกายออก

ฉินหยุนไม่อาจเรียกได้ว่าเร็ว แต่เขาสามารถผ่านระยะทางหนึ่ง ร้อยเมตร
ในหนึ่งวินาทีได้ ท่ามกลางบรรดาศิษย์เหล่านี้ มีเพียง เขาที่ผ่าน อาจารย์ที่
รับผิดชอบประเมินการทดสอบมีความสามารถสูงลํ้า หากคนผู้หนึ่งเพียง
เล็กน้อยที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ เขาย่อมต้องดู ออก

“ฉินหยุนผ่านการทดสอบความเร็ว!” อาจารย์ประกาศเสียงดัง ฉินหยุน
ถอนหายใจโล่งอก ในสามรอบของการทดสอบ ที่เขา กังวลที่สุดคือการ
ทดสอบความเร็วในรอบแรก เป็นเพราะเขา ทราบดีว่าตนเองไม่ได้เร็ว
มากมายเพียงนั้น ก่อนหน้า หลายคนต่างกล่าวมาดมั่นว่าฉินหยุนไม่อาจ
ผ่านการ ทดสอบรอบแรก ตอนนี้พวกเขาได้แต่เงียบปาก!

เรื่องแรกที่ทุกคนต่างทราบกันดีคือ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ดมีเพียง
ครึ่งหนึ่งที่ผ่านการทดสอบ ส่วนใหญ่ก็จะถูกคัดออก ระหว่างการทดสอบ
ความเร็ว

ถัดจากนั้น ฉินหยุนเข้ารับการทดสอบในรอบที่สอง เขาหลบ หลี่กก้อนหิน
ที่อาจารย์ขว้างปามา เรื่องนี้สําหรับเขาง่ายดายนัก การทดสอบ
ความสามารถหลบหลี่กเทียบเท่ากับการทดสอบ ประสาทสัมผัสและการ
ตอบสนอง หากสามารถคาดเดา เส้นทางหินซึ่งกําลังมาถึง ร่างกายจะ
ตอบสนองโดยการหลบได้

อย่างรวดเร็ว พลังจิตของเขาแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงสามารถรับรู้เส้นทางหิน
ขณะพวกมันถูกขว้างออกและหลบเลี่ยงได้ทันเวลา ก้อนหินหนึ่งร้อยก้อน
ขว้างปาใส่อย่างต่อเนื่อง ฉินหยุนเพียง หลบซ้ายขวา ก็หลบพวกมัน
ทั้งหมดอย่างง่ายดาย! เขาผ่านการทดสอบรอบที่สอง! การทดสอบรอบที่
สองถือเป็นการสืบหาพื้นฐานที่ดีเยี่ยม หาก ไม่มีพละกําลังเพียงพอถึง
ระดับหนึ่ง ย่อมต้องถูกคัดออก รอบที่สามนี้คือหนึ่งในโจทย์ที่อวี้เจินสอบ
ตก!

อวี้เจินกัดฟันแน่นรับชมอยู่ หากฉินหยุนผ่านการทดสอบนี้ไป ได้ จะ
กลายเป็นเขาโดนหยามเหยียดอย่างหนัก ก่อนหน้านี้เป็น เขาปรามาสฉิน
หยุนเอาไว้รุนแรง ทั้งยังกล่าวว่าฉินหยุนไม่อาจ ผ่านการทดสอบได้!

“ฉินหยุน ใช้แรงให้เต็มที่เลย! การทดสอบนี้มีโอกาสเพียงครั้ง เดียวในรอบ
ปี หากไม่ผ่านครั้งนี้ ก็ต้องรอปีหน้า! หากเจ้าไม่ได้ รับตั๋ว ก็หมายความว่า
จะไม่อาจออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ภายในหนึ่งปีเว้นแต่โดนไล่ออก!”
เป็นเมิ่งเฟยหลิงที่ยืน ด้านข้างตะโกนขึ้น นี่เป็นเพราะนางกังวลว่าฉินหยุน
จะพลาดโอกาสเพราะคิดเก็บพลังของตนเองไว้ ทุกคนต่างพยักหน้ายาม
ได้ยิน หากพวกเขาไม่อาจผ่านการ ทดสอบ พวกเขาก็ได้แต่ต้องอยู่ใน
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนตลอด หนึ่งปี พวกเขาจะไม่สามารถออกไปภายนอก
ไม่อาจได้รับ ทรัพยากร ความเร็วการฝึกฝนจะตกตํ่ายิ่ง

สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนกระทําเช่นนี้ก็เพื่อเหล่าศิษย์ สัตว์อสูร เพ่นพ่านอยู่
ด้านนอก หากทะเล่อทะล่าออกไปด้วยพละกําลัง ครึ่ง ๆ กลาง ๆ พวกเขา
กระทั่งวิ่งหนีก็อาจทําไม่ได้ด้วยซํ้า หนทางเดียวที่รอคอยมีแต่ความตาย

ตอนนี้ สถานที่ซึ่งมนุษย์ใช้อาศัยมีโอกาสสูงที่จะโดนสัตว์อสูร เข้ายึดครอง
นี่หมายความถึงจํานวนมนุษย์อาจลดน้อยลง จํานวนของผู้เกิดใหม่ก็จะ
น้อยลง

ดังนั้นแล้ว สถาบันยุทธ์ทุก แห่ง รวมทั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม
พวกเขาจึงต้อง ตั้งกฎเข้มงวดแก่ศิษย์ที่คิดออกสู่ภายนอก เว้นแต่จะมีพลัง
เพียงพอผ่านการทดสอบได้ ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก หมัดซ้ายกําแน่น
เป็นเขาคิดอยาก ใช้พละกําลังของแขนราชสีห์สวรรค์!

“หากเราอยากได้รับแต้มเสวียนโดยเร็ว ก็จําเป็นต้องเข้าออก สถานที่แห่ง
นี้ได้โดยอิสระ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่อาจก้าวสู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่แปด
ได้ในระยะเวลาอันสั้น!” พอทุกคนเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉินหยุน พวก
เขาตื่นตัว!

ถัดจากนี้คือการทดสอบพละกําลังของฉินหยุน ไม่ว่าข่าวลือจะ เป็นจริง
หรือไม่ ตอนนี้คือเวลาที่มันจะเปิดเผยออกแล้ว การทดสอบนี้คือวิธีการดี

ที่สุดที่ไว้ใช้ทดสอบพละกําลังแท้จริง ของผู้ฝึกตน นี่ก็เพราะไม่มีผู้ใดทราบ
ว่าต้องใช้กําลังเท่าใดเพื่อ ทําให้ระฆังใหญ่ใบนี้สั่นจนดังได้ ดังนั้นเมื่อคิด
สั่นระฆังใบใหญ่ คนผู้นั้นก็จําเป็นต้องแสดงพละกําลังทั้งหมดที่มี! อวี้เจิน
กล่าว

“เหอะ ก็แค่แสดงไปงั้น ในเมื่อข้าไม่อาจผ่าน มัน ก็ย่อมไม่ผ่านแล้ว! ด้วย
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด คนที่ ผ่านส่วนใหญ่คือฝึกฝนมานานยิ่ง
พวกพี่เมิ่งเลื่อนระดับขึ้นมา อย่างข้ามีพื้นฐานอ่อนด้อย จึงเป็นเรื่องปกติที่
ไม่อาจสั่นระฆัง ให้ดังได้!”

“พี่อวี้กล่าวถูกต้อง เรื่องนี้มีเหตุผลในตัวเอง เด็กหนุ่มขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด ต่อให้อัจฉริยะเพียงใดก็เป็นไปอย่าง จํากัด ดังนั้นทุกคนจง
อย่าได้เสียกําลังใจหากไม่ผ่านการ ทดสอบ หลังพวกเราฝึกฝนกระดูก
ทองคําสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง ครั้งหน้าต้องผ่านอย่างแน่นอน”

“เป็นเช่นนั้น!” ผู้อื่นที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดซึ่งไม่อาจผ่านการ
ทดสอบล้วนเห็นด้วยกับคําพูดเลียแผลของอวี้เจิน พวกเขา กําลังคิด
หาทางกู้หน้าให้ตนเอง ฉินหยุนควบคุมวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทอง
ม่วงที่แขน ราชสีห์สวรรค์ มันกําลังดูดกลืนพลังธาตุเปลวเพลิงทมิฬ อย่าง
รวดเร็ว มันแปรเปลี่ยนเป็นวัชระกําลังภายใน จากนั้น เขาจึง ทะยานกาย
ออกกระโดดขึ้นต่อยเข้าใส่ระฆังใบใหญ่ตรงหน้า ยามเมื่อกระโดด แขน
ราชสีห์สวรรค์จึงปรากฎกระแสไฟฟ้าสี ม่วงลั่นเปรี้ยะ เสียงกรีดผ่านสาย
ลมดังขึ้นเพราะหมัดนี้คล้าย เสียงราชสีห์คําราม!

นี่คือสายฟ้าราชสีห์สวรรค์! ภาพฉากเช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับฉัน หยุนเมื่อครั้ง
เขาประลองกับฉินเจิ้งเฟิ ง! หมัดของเขาลั่นเข้าที่ระฆังใบใหญ่ อสนีบาต
และอัคคีเพลิง รุนแรงร่ายรําออก อสรพิษอสนีบาตเลื้อยไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เพียงมองก็พบว่ามันทั้งดูชั่วร้ายและน่าสะพรึง!

ติ้ง! หมดของฉินหยุนระเบิดระฆังออกเป็นชิ้น หลังเสียงระเบิดดัง ขึ้น จึง
ค่อยเกิดเสียงระฆังใหญ่ดังลั่นอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน! ผู้คนแตกตื่น
ขณะแก้วหูแทบรับไม่ไหว พวกเขามองอย่างอึ้งซึ่ง ไปยังรอยแตกบนระฆัง

ใบใหญ่ที่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง! ระฆังใหญ่ ที่หลายคนไม่อาจสั่นให้ดัง
บัดนี้เกิดรอยแตกเพราะ หมัดของฉินหยุน ด้วยพละกําลังระดับนี้ กระทั่ง
ศิษย์ที่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับแปดยังไม่อาจทําได้!

ท้ายที่สุดบรรดาศิษย์ ณ ที่นี้จึงได้เป็นประจักษ์พยานต่อ พละกําลังอันน่า
สะพรึงของฉินหยุน โดยทันที พวกเขาจึงทราบ ว่าฉินหยุนที่ปรากฏต่อหน้า
สายตาพวกเขา น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ อสูรที่ด้านนอกพวกนั้นอีก! พละกําลัง
หมัดของฉินหยุนลึกลํ้าขนาดสั่นสะท้านกายอาจารย์ และศิษย์ที่นี้ทั่วทุก
คน โดยเฉพาะกับอวี้เจิน ผู้ซึ่งเมื่อครู่ยัง ปรามาสฉินหยุน เขาแตกตื่นขนาด
ที่ปากอ้าเหวอกว้าง!

ตอนท
ี่204 ออกเดินทาง

“ฉินหยุน... ผ่านการทดสอบ และนี่คือตั๋วเข้าออก!” ชายชราที่ รับหน้าที่
ตัดสินกล่าวคําทั้งอาการตื่นตกใจ ทว่า สีหน้าของฉินหยุนหาได้ยินดีไม่!

“อาจารย์ขอรับ ข้า... ข้าเผลอทําระฆังนี้แตก ท่านต้องให้ข้า ชดใช้หรือไม่?
ข้ายากจนนัก ข้าจ่ายมันไม่ไหวแน่!” ฉินหยุน เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
คนที่ทําระฆังใหญ่ในการทดสอบพละกําลังพังอ้างว่าไม่ตั้งใจ ฝูงชนไม่
ทราบว่าควรหัวเราะหรือร้องให้ดี! แน่นอน ผู้คนลอบเหยียดหยามเขาแล้ว
พวกเขาต่างรู้ว่าอีก ฝ่ายฉ้อฉลเอาสี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญผลึกครั้ง
เหตุการณ์ พระราชวังเทียนฉิน เหรียญผลึกเหล่านั้นต่อให้รวมศิษย์ของ
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนทั้งหมดเข้าด้วยกันยังไม่มากเท่า!

“ไม่จําเป็นต้องชดใช้ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกเราจึง
มีระฆังสํารอง!” ชายชรากล่าว

“แต่พวกมัน เหล่านั้นล้วนแตกหักเพราะศิษย์ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
แปด นี่เป็นครั้งแรกที่ระฆังใหญ่โดนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ดทําพัง”

ฉินหยุนค่อยถอนหายใจโล่งอกก่อนก้มศีรษะขอบคุณรับตัวเข้า ออก เมื่อ
หยดเลือดลงไปแล้ว เท่ากับว่าเขาสําเร็จการทดสอบ ครั้งนี้

เมิ่งเฟยหลิงยิ้มกล่าว “น้องหยุน เจ้าไม่ทําให้ข้าผิดหวังจริง ๆ มาให้ข้าหยิก
สักที่เป็นการให้รางวัล....” ด้วยการหยอกล้ออย่างอ่อนโยน นางยื่นมือ
เนียนนุ่มตนเองออก มือขาวตอนนี้ถูไถใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน ผู้คน
ล้วนอิจฉา ยามมองนาง..

แน่นอนว่าพวกเขาอิจฉาฉินหยุน! ถึงขั้นได้รับการหยิกใบหน้าหยอกล้อ
จากแม่มดสาวเมิ่งเฟยหลิง เรื่องนี้ก็ แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสัมพันธ์
ใกล้ชิดกันเพียงใด ผู้อาวุโสเอ่ยถาม

“ฉินหยุน เมื่อครู่เป็นเจ้าปล่อยพลังของ อสนีบาตอัคคีทองม่วงที่ทรงพลัง
ออกมา! ไม่ใช่ว่าเจ้าสูญเสีย วิญญาณยุทธ์ไปแล้วหรือ? นอกจากนี้เจ้ายัง
มีแขนราชสีห์ สวรรค์ที่ครอบครอบคุณลักษณะไฟ และยังมีโทเทมราชสีห์
สวรรค์ แต่แล้วเจ้าปลดปล่อยพลังคุณลักษณะสายฟ้าทรงพลัง ออกมาได้
อย่างไรกัน?”

“ขอรับ ตอนนี้เป็นแขนราชสีห์สวรรค์เกิดความเปลี่ยนแปลง ข้าไม่ทราบแน่
ชัดแต่มันแปรเปลี่ยนเป็นครอบครองพลังของ สายฟ้า!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
หลายคนต่างไม่ทราบเรื่องของโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้นพวก เขาจึงไม่
เข้าใจเรื่องราว กระทั่งชายชราจากตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามยังไม่
ทราบเรื่องรอยสักโทเทม หากไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่นุ่มบ่ามสรุปว่ารอย
สักโทเทมของฉินหยุนตาย แล้ว

บรรดาศิษย์ล้วนหาได้ริษยาที่เห็นฉินหยุนใช้พลังเหนือชั้นของ แขนราชสีห์
สวรรค์ไม่ นี่เป็นเพราะผู้คนล้วนเชื่อว่าในภายหน้า แขนราชสีห์สวรรค์จะ
เป็นตัวฉุดฉินหยุนลงให้ตกตํ่า โทเทมราชสีห์สวรรค์ไม่มีวิญญาณ แต่ยาม

นี้กลับแข็งแกร่งขึ้น หมายความว่ามันอาจกําลังดูดกลืนวิญญาณเจ้าของ
นี่คือการ กลืนกินวิญญาณเจ้าของที่ละน้อย!

“ก็ได้ ในเมื่อก่วยเป็นอาจารย์เจ้า เขาคงทราบแล้วว่า สถานการณ์เจ้าไม่
น่ากังวลจึงไม่กล่าวอะไร แต่เจ้าเมื่อออกไป ภายนอกแล้วจงระวัง”

ผู้อาวุโสกล่าว ท่าทีของเขาต่อฉินหยุน นับว่าดี เป็นผลให้หลายคนรู้สึกไม่
พอใจนัก นี่เป็นเพราะผู้ อาวุโสท่านนี้เข้มงวดต่อพวกเขายิ่ง เมิ่งเฟยหลิ
งฉุดฉินหยุนออกจากลานกว้างไปทั้งรอยยิ้มเบิกบาน นางและพี่หลี่กําลัง
มุ่งหน้าไปยังร้านค้าแต้มเสวียน อวี้เจินอยู่รวมกับกลุ่มศิษย์ที่ไม่ผ่านการ
ประเมินผล ดวงตานี้ เปี่ยมด้วยความริษยายามมองแผ่นหลังฉินหยุน ฟัน
นั้นลอบกัด ไว้แน่นจนดังกรอด เป็นเขาโกรธแค้นที่สุดคือฉินหยุนไม่แม้จะ
หันมามองเย้ยหยัน เรื่องนี้ทําเอาเขารู้สึกได้ถึงความเหยียด หยามอย่างถึง
ที่สุด

“พอ ไปดื่มกันดีกว่า หากพวกเราไม่อาจผ่าน เช่นนั้นปีหน้า ค่อยกลับมา
ใหม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”

“ไปกัน ไปดื่ม ไปดื่ม!” ด้วยเหตุนี้ อจี้เงินและพรรคพวกสุนัขขี้แพ้จึงต้อง
เลียแผล กันเองด้วยการมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารเพื่อดื่มกินให้ลืมเรื่องราว
พี่ใหญ่หลี่เอ่ยถามระหว่างทาง

“น้องหยุน เจ้าสามารถสร้าง อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของแก่พวกเราได้
หรือไม่? พวกเรามี แต้มเสวียนให้เจ้าเป็นสิ่งตอบแทน เฟยหลงกล่าวว่าเจ้า
ต้องการแต้มเสวียนจํานวนมากอยู่พอดี”

พี่ใหญ่และพี่สะใภ้หลี่ ทั้งสองล้วนอายุมากกว่าสามสิบแล้ว ทว่าก็ยังไม่
อาจหาอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของมาครอบครอง

“เสี่ยวหยุน... เรื่องนี้ทําเจ้าลําบากใจหรือไม่? อย่างไรแล้วพลัง ธาตุของ
เจ้าก็มีปัญหา ข่าวลือว่าเจ้าไม่อาจหลอมอุปกรณ์ใดได้ อีกต่อไปแล้ว”
พี่สะใภ้หลี่จ้องมองพี่ใหญ่หลื่อย่างคาดโทษ

“มีปัญหาจริงขอรับ แต่ไม่ใช่ว่าข้าไม่อาจหลอมอุปกรณ์ เพียงแต่ระหว่าง
ขั้นตอนการขัดเกลาออกจะยากไปบ้าง เพราะ ต้องใช้เปลวเพลิงจาก
ภายนอกช่วยเหลือ” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ในเมื่อพี่ชายและพี่สาวทั้งสองเป็นคนที่พี่เฟยหลิงไว้ใจ เช่นนั้นข้าขอมอบ
กระเป๋ าเก็บของแก่ทั้งสองก่อนแล้วกัน” เขานําเอากระเป๋ ามิติเก็บของสี
ขาวงดงามออกมาสองใบ พวกมันทําขึ้นจากหนังสัตว์ รูปลักษณ์จึงดูเรียบ
ง่าย ทว่ามัน สามารถเก็บช้างได้นับร้อยตัว พี่ใหญ่และพี่สะใภ้หลี่ล้วนไม่
คิดว่าฉินหยุนจะเป็นคนตรงเพียงนี้ เขาถึงขั้นมอบสมบัติวิญญาณออก
อย่างเปิดเผยไม่ตะขิดตะขวง และเมื่อพวกเขาได้เห็นความกว้างภายใน
หลังหยดเลือดลงไป พวกเขายิ่งตื่นเต้น กระทั่งกล่าวขอบคุณฉินหยุนยก
ใหญ่

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “พี่ชายและพี่สาว ท่านคิดให้แต้มเสวียนกับ ข้าเท่าใดดี?
พวกเราควรให้จํานวนที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย!” “สองร้อยล้าน! แต่ว่า นี่
ไม่ใช่สามารถได้มาในระยะเวลาอันสั้น พวกเราต้องดูก่อนว่าภารกิจเสนอ
แต้มเสวียนเท่าใดค่อยคาด เดาระยะเวลาได้”

พี่ใหญ่หลี่มีระดับการฝึกตนเทียบเคียง กายวรยุทธ์ระดับที่แปด บ่อยครั้ง
เขาจะออกไปล่าสัตว์ร้ายและ ได้รับประสบการณ์กลับมามากมาย เมิ่งเฟย
หลิงเอ่ยคํา

“พี่ใหญ่และพี่สะใภ้สะสมแต้มเสวียน รวมกันราวสามร้อยล้านได้ แต่ล้วน
เป็นการได้รับมาเพื่อผู้อื่น โดยหลักแล้วจะใช้เพื่อแลกเปลี่ยนอุปกรณ์
วิญญาณและเม็ด ยา”

มีหลายสิ่งที่ร้านค้าแต้มเสวียนไม่มี ดังนั้นวิธีการแลกเปลี่ยน เช่นนี้จึงได้รับ
อนุญาต แท้จริงแล้วพวกเขาคล้ายรับจ้างทํางาน ให้สําเร็จและให้ผู้จ้างไป
รายงานเพื่อรับความสําเร็จไปแทน ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“เช่นนั้นพวกเราไปร้านค้าแต้มเสวียนกัน ก่อน ข้าจะได้ดูรายการสินค้า
ด้วยเลย!” ร้านค้าแต้มเสวียนค่อนข้างใหญ่ ตัวร้านค้ามีเพียงหนึ่งชั้น แต่ก็
ถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนหินหนา ตัวร้านกว้างและยาวกว่าร้อย เมตรด้วยซํ้า

เมื่อเข้าไปแล้ว โถงกว้างใหญ่ปรากฏแก่สายตา มีเสาสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่
คํ้ายันอาคารไว้ และรอบเสาสี่เหลี่ยมก็จะมีสี่โต๊ะ ล้อมรอบ มีชายชรานั่ง
ประจําที่แต่ละโต๊ะเพื่อรับหน้าที่ ในร้านค้าแต้มเสวียนไม่มีสินค้าจัดแสดง
แต่อย่างใด กลับกัน มันเป็นชั้นว่างเปล่าบนผนังที่วางเอาไว้ด้วยรายการ
สินค้า ฉินหยุนหยิบหนังสือรายการสินค้าขึ้นมาและพลิกอ่าน เขาได้ เห็น
หลายสิ่งที่ทําเอาต้องแปลกใจไม่น้อย

“ถึงกับมีแก่นลึกลํ้าวางขาย ใช้แต้มเสวียนหนึ่งพันล้านและ หนึ่งร้อยล้าน
เหรียญผลึก!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออก

“และยังมีอุปกรณ์วิญญาณวางขายด้วย อย่างน้อยก็ต้องใช้ห้า ร้อยล้าน
แต้มเสวียนและห้าล้านเหรียญผลึก!” พี่ใหญ่หลี่ยิ้มขึ้น ขมให้และกล่าว

“ไม่ว่าจะแต้มเสวียนหรือเหรียญผลึก ทั้งหมด ล้วนยากได้รับมา!” เพื่อ
ได้รับ คู่สามีภรรยานี้จําเป็นต้องใช้แต้มเสวียนนับพันล้าน เพื่อแลกเป็น
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บสองสําหรับสองคน!

เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงตื่นตกใจไม่น้อยยามได้เห็นฉินหยุนมอบกระเป๋ า
มิติเก็บของให้ ฉินหยุนพลิกหน้ากระดาษต่ออย่างรวดเร็ว ภายในมีเม็ดยา
ลํ้า ค่าจํานวนมากที่ต้องใช้แต้มเสวียนจํานวนมหาศาล สําหรับ เหรียญ
ผลึก ถือเป็นปัจจัยรอง

หากเขาคิดอยากได้รับแต้มเสวียน เขาก็จําเป็นต้องช่วยสถาบัน ยุทธ์ชิง
เสวียนจัดการงานจิปาถะ แต่นั่นมันก็จะช่วยให้เขาเสริม พละกําลังตนเอง
ด้วยระหว่างภารกิจที่ทําเพื่อได้รับแต้มเสวียน ด้วยกระบวนการนี้ มีเพียง

อัจฉริยะผู้ซึ่งโดดเด่นอย่างเลิศลํ้า ที่สุดจึงสามารถครอบครองแต้มเสวียน
จํานวนมาก

ไม่เช่นนั้นก็ จําเป็นต้องพึ่งพาอํานาจที่หนุนหลัง ฉินหยุนยังพบว่าเม็ดยา
หายากทั้งหลายล้วนไม่มีจําหน่าย ดังนั้นหากต้องการก็คือใช้แต้มเสวียน
แลกมา เรื่องนี้ทําให้ศิษย์ หลายคนของสถาบันกระหายทํางานของสถาบัน
ยุทธ์ และยัง ต้องหางานทางอ้อมเพื่อได้รับเหรียญผลึกสําหรับใช้จ่ายใน
สถาบันยุทธ์ไปด้วย

ภายในโถง ชายชราในชุดสีขาวพลันเดินเข้ามา เส้นผมสีขาวไว้ สั้นขณะดู
มีชีวิตชีวายิ่ง ดวงตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย เห็นได้ ชัดว่าเป็นชายชราที่
เข้มงวด

“นี่คือรองอธิการบดีของสถาบันยุทธ์คนใหม่ของเรา เซี่ยหยวน!” พี่ใหญ่หลี่
กล่าว

“เขาคงมีเรื่องสําคัญคิดอยาก ประกาศแล้ว” ทุกคนในโถงเงียบเสียงขณะ
มองดูเซียหยวนก้าวเดินมาที่ตรง กลางห้องโถง บัดนี้ เซียหยวนกล่าวคํา
เสียงดังขึ้น

“จากการหารือ สถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียนของเราตัดสินใจรับซื้อแก่นอสูร
จํานวนมากจาก สัตว์อสูรเพื่อทําการค้นคว้า!”
“รายละเอียดเป็นตามนี้ แก่นอสูรของสัตว์อสูรระดับที่เจ็ด สามารถนํามา
แลกเปลี่ยนได้เท่ากับหนึ่งแสนแต้มเสวียน และ แก่นอสูรของสัตว์อสูร
ระดับที่แปด สามารถแลกเป็นหนึ่งล้าน แต้มเสวียน ส่วนของระดับที่เก้า
สามารถแลกเป็นห้าล้านแต้ม เสวียน ส่วนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งทัดเทียม
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแก่นอสูรของพวกมันสามารถแลกเปลี่ยนได้เป็นห้าสิบ
ล้านแต้ม เสวียน”

“นอกจากนี้แล้ว ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสามารถแลกเปลี่ยนเป็น ห้าสิบล้าน
แต้มเสวียน!” บรรดาศิษย์ในโถงแห่งนี้ต่างรวมตัวกันเพื่อรับฟังการ
ประกาศ พวกเขากําลังหารือกันเองเมื่อได้รับรายละเอียดครบถ้วน เป็น
ผลให้ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง

“พวกเรารับแต่แก่น ร่างกายทุกส่วนของสัตว์อสูรล้วนไม่รับ” เซียหยวน
กล่าวเสริมเสียงดัง ทั้งโกงเงียบเสียงอีกครั้ง

สายตาของเขากวาดมองบรรดาศิษย์ที่กําลังตื่นเต้น “ยามพวก เจ้าออกสู่
ภายนอก จงระมัดระวัง สัตว์อสูรเหล่านี้มักจะมีสัตว์ อสูรระดับตํ่าใน
ควบคุม และมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ท่ามกลาง พวกมัน สัตว์อสูรระดับที่เจ็ด
และแปดมีหลากหลายประเภทนัก ส่วนระดับที่ห้าและหกนั้นไม่มีแก่นอสูร
ดังนั้นจึงไม่มีค่าแต่ อย่างใด”

“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้ดี ทางที่ดีอย่าได้เข้าสู่พื้นที่ของสัตว์ อสูร หากเข้า
สู่พื้นที่ชายขอบ จะมีสัตว์อสูรระดับตํ่าจํานวนมา ปรากฏให้เห็น ดังนั้น
แนะนําให้เร่งรีบถอยโดยทันที”

ตรงกลางของพื้นที่จะปกครองด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง กระทั่ง ผู้ฝึกตนวร
ยุทธ์เต่ยังไม่อาจโค่นล้มได้ ถัดจากนั้น เซียหยวนจึงบอกต่อพวกเขาถึง

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ สัตว์อสูร เพื่อให้ทุกคนจดจําเอาไว้อย่างขึ้นใจ และ
ทางสถาบันได้จัดซื้อวัตถุสิ่งของจํานวนมากเตรียมไว้แล้ว พวกเขาไม่
จําเป็นต้องไปซื้อหามาเพิ่มเพื่อรับภารกิจแต่อย่างใด ทั้งหมดที่ต้องตั้งใจ
ทําก็คือ ออกไปล่าสัตว์อสูรและนําเอาแก่น อสูรกลับมา -2 หลังจาก
ปรึกษาหารือกันเรียบร้อย คณะของฉินหยุนสี่คนจึง ตัดสินใจออกเดินทาง
ศิษย์ผู้อื่นก็คล้ายคิดเช่นเดียวกัน พวกเขาเร่งรีบเดินทางไปยัง ประตูหลัก
ของสถาบันยุทธ์

ประตูตอนนี้ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา การออกไปภายนอกต้อง ผ่านประตู
เล็กขนาดเพียงคนผู้หนึ่งผ่านโดยเฉพาะ หลังจากฉินหยุนและคณะออกมา
ภายนอก พวกเขาได้เห็น พื้นผิวดํามืดและสงบนิ่งของทะเลสาบ มันเคยให้
ความงดงาม ยามคํ่าคืนเสมอมา

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นชวนสะพรึงกลัว ไม่มีใครทราบว่ามีสัตว์ปีศาจอยู่
ในทะเลสาบหรือไม่ แต่ถือว่ายัง โชคดีที่ผู้ฝึกตนวรยุทธ์เด็ใช้อุปกรณ์
วิญญาณบินได้พาคณะ ศิษย์จากเกาะกลางนํ้าไปยังชายฝั่งโดยปลอดภัย
สัตว์อสูรที่บริเวณชายฝั่งทะเลสาบล้วนถูกกวาดล้างโดยคณะ อาจารย์ของ

สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เป็นผลให้สัตว์อสูรไม่กล้า เข้ามาใกล้พื้นที่แถบนี้
และในสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ก็ยังมีผู้ อาวุโสหลายท่านที่เกษียณไปเพราะ
ความชราภาพ แต่ด้วย เพราะการปรากฏตัวของฝูงสัตว์อสูร พวกเขา
ทั้งหมดล้วน กลับมารับผิดชอบหน้าที่เฝ้าระวังรอบบริเวณทะเลสาบหมื่น
ดารา

ตอนนี้ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ถึงพลังอํานาจของสถาบันยุทธ์ ระดับ
เสวียน ว่าพวกเขามียอดฝีมือในสังกัดอยู่จํานวนมาก! ทั้งนี้เขายังได้เข้าใจ
ว่าเหตุใดสถาบันยุทธ์เหล่านี้จึงไม่เกรงกลัว จักรวรรดิใด

“เทือกเขาเมฆมังกรมีทรัพยากรล้นพ้น แหล่งทรัพยากรที่ยังไม่ ถูกมนุษย์
ค้นพบ จะกลายเป็นอาณาเขตของฝูงสัตว์อสูรหาก พวกมันไปพบเข้า
ดังนั้นดีที่สุดคือพวกเราอย่าได้เข้าไปใน เทือกเขาเมฆมังกร” เมื่อพี่ใหญ่หลี่
มาถึงชายฝั่ง เขาจึงหันมอง ไปยังทิศทางเทือกเขาเมฆมังกรและบอกเล่า
ออกมา

ตอนท
ี่205 เมอ

งอ
ี้

เมิ่งเฟยหลิงพูดขึ้น “พี่ใหญ่หลี่ บิดาท่านเชี่ยวชาญเรื่องค้นหา สัตว์ปีศาจ
ดังนั้นพวกเราจะเชื่อฟังท่าน!” พี่ใหญ่หลี่ยิ้มรับ

“ข้าเพียงเรียนรู้จากท่านพ่อเล็กน้อย!” หลังจากหน่วยอื่นมาถึงริม
ทะเลสาบ พวกเขาส่วนหนึ่งมุ่งหน้าสู่ เทือกเขาเมฆมังกร ขณะที่หน่วยอื่น
มุ่งหน้าไปทิศทางอื่น แต่ แล้วพี่ใหญ่หลี่กลับไม่ได้เร่งรีบเดินทาง กลับกัน
เขาเพียงมองที่ รอยเท้ารอบริมทะเลสาบ

พี่ใหญ่หลี่ยังคงเดินต่อไปหลังพบว่ามีรอยเท้าสัตว์ปีศาจวุ่นวาย เต็มพื้น
เขาพลันกล่าว “สัตว์ปีศาจพวกนี้ตัวไม่ใหญ่นัก ขนาด ประมาณช้างตัว
หนึ่ง! สัตว์อสูรอย่างอีแร้งสองหัวและกิ้งก่าบิน ได้ ทั้งสองตัวนั้นสมควร
เป็นสัตว์ระดับวิญญาณ พวกมันย่อมมี พื้นที่ปกครอง ไม่น่าพบเจอได้
โดยง่าย น่าจะพอวางใจได้!”

ฉินหยุนและคณะตอนนี้ตามพี่ใหญ่หลี่เดินตามรอยเท้าสัตว์ ปีศาจไปเรื่อย
กล่าวได้ว่าพี่ใหญ่หลี่คือผู้มากประสบการณ์ แม้ รอยเท้าเต็มไปหมด เขาก็
ยังสามารถแยกแยะรอยเท้าของสัตว์ อสูรออกมาได้ ไม่นานจากนั้น พวก
เขาค่อยออกพ้นจากบริเวณทะเลสาบหมื่น ดารา

“หากข้าจดจําได้ถูกต้อง ตรงไปน่าจะมีเมืองขนาดเล็กอยู่ ด้วย เพราะไม่มี
กําแพงเมืองคุ้มกัน คงโดนสัตว์อสูรเข้ารุกรานไปแล้ว ผู้คนภายในเมือง
น่าจะอพยพไปเมืองใหญ่กันเรียบร้อยแล้ว ด้วย”

พี่สะใภ้หลี่กล่าวเสียงเบาขณะมองมุ่งตรงไป แม้มีสัตว์อสูรจํานวนมาก แต่
ผืนดินก็กว้างใหญ่ ตอนนี้สัตว์อสูร กระจายตัวกันไปยังสถานที่ต่าง ๆ
เรียบร้อยแล้ว เพราะแบบ นั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายพบเจอพวกมัน “ข้าคิดว่า
เมื่อพวกเราเข้าไปใกล้สัตว์อสูรพวกนั้น มันน่าจะ โผล่พรวดออกมาต้อนรับ
โดยทันที!”

ฉินหยุนมองผืนดินแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยรอยกรงเล็บ ชัดเจนว่าเคยมีสัตว์
กลุ่มใหญ่ผ่าน ทางนี้มาก่อน พี่ใหญ่หลี่กล่าว “แม้โดยหลักแล้วสัตว์ปีศาจ
ไม่ค่อยมีสติปัญญา นัก แต่หากมันตั้งกลุ่มขึ้นได้ ภายใต้การนําของ
หัวหน้ากลุ่ม พวกมันสามารถเรียนรู้วิธีร่วมงานกันได้ เป้าหมายของเราครั้ง
นี้ คือกลุ่มสัตว์อสูร หรือพวกที่หลุดจากแถว! หากเป็นฝูงใหญ่ พวกเรา
ตอนนี้ยังไม่เข้าใจวิธีรับมือเพียงพอ คงดีกว่าหาก หลี่กเลี่ยงและคอยใช้
วิธีการลอบฆ่าพวกมัน”

ฉินหยุนลอบทิ้งที่สัตว์อสูรพวกนี้สามารถร่วมมือกับสัตว์ปีศาจได้

เมิ่งเฟยหลิงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวนี้ นางเพียงตามฉินหยุนและ คู่สามี
ภรรยาหลี่ ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง เมืองเล็กแห่งหนึ่งปรากฏแก่สายตา จาก
ระยะไกล เพียงมองก็ทราบว่าภายในเมืองเกิดความยุ่ง เหยิง บ้านหลาย
หลังถูกทําลายสิ้น

เมืองเล็กแห่งนี้อยู่ใกล้สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ดังนั้นจึงมี ปฏิสัมพันธ์กัน
ค่อนข้างบ่อย บ้านเหล่านั้นสูงหลายชั้น ถนนก กว้างขวาง หากมีสัตว์อสูร
หลบซ่อนตัวอยู่ ก็เป็นเรื่องยากพบ เห็นพวกมันจากระยะไกล

“มีสัตว์อสูรอยู่ด้านใน!” สีหน้าพี่ใหญ่หลี่มืดมนขณะเอ่ยคําเบา

“จํานวน?” เมิ่งเฟยหลิงตื่นตัวเอ่ยถาม พี่ใหญ่หลี่ส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ!” เมิ่ง
เฟยหลงกล่าว

“งั้นข้าบินขึ้นฟ้า ไปสํารวจว่ามีอะไรบ้าง!” ขณะนางกําลังจะบินขึ้นฟ้า
พี่สะใภ้หลี่กลับรั้งนางไว้

“เฟยหลิง หากเจ้าไปเช่นนี้จะเสี่ยงเกินไป หากมีสัตว์อสูรบินได้ ขึ้นมาเล่า?
ข้าไปเอง!” พี่สะใภ้หลี่เสนอตัว ฉินหยุนนําหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินออกมาและ
ยิ้มกล่าว

“ข้าจะให้ หุ่นเชิดนี่นําหน้าไปก่อน ทุกอย่างที่หุ่นเชิดเห็นข้าก็สามารถเห็น
แบบนี้จะปลอดภัยกว่า”

เมื่อสามีภรรยาหลี่ได้เห็นหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินงดงาม พวกเขา ลอบทิ้ง พวก
เขาเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าฉินหยุนครอบครอง หุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน แต่
เป็นพวกเขาไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง

“น้องหยุน ในภายหน้าสามารถช่วยขัดเกลาหุ่นเชิดเหยี่ยวบิน แก่ข้าได้
หรือไม่? ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้ายินดีรับข้อเสนอ!” เมิ่งเฟยหลิงดึงมือฉิน
หยุนมากระซิบกล่าวคําเสียงเบาที่ใบหู

“หากข้ามีโทเทมเหยี่ยว ก็คงไม่มีปัญหา การสร้างหุ่นเชิด จําเป็นต้องมีผัง
จารึกโทเทม” ฉินหยุนเองก็อยากได้หุ่นเชิดบิน ได้เช่นกัน ทว่าเขาไม่มีโท
เทมสัตว์บินได้ในครอบครอง เมิ่งเฟยหลิงยิ้มกล่าว

“ไว้ข้าหามาได้ เจ้าต้องช่วยข้าขัดเกลา มันสักตัวหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น เจ้า
จะขอให้ข้าทําอะไรก็ตามแต่ ใจเจ้าปรารถนา...”

นางครองครอบวิญญาณยุทธ์เหยี่ยว หากนางสามารถได้รับโท เทมเหยี่ยว
พละกําลังของนางจะยิ่งเพิ่มพูนเป็นทวี

ฉินหยุนตอนนี้ปล่อยหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินเข้าในเมืองเล็ก ไม่ช้า เขาจึงได้
เห็นสายตาของพยัคฆ์หมาป่ าสามดวงจากบ้านหลัง ใหญ่! พยัคฆ์หมาป่ า
มีหัวเป็นหมาป่ า ปากเป็นพยัคฆ์ ทั่วทั้งร่างปก คลุมด้วยลวดลายสีเทา

“พวกเราโดนเจอตัว!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนขึ้นก่อน เร่งรีบ
ควบคุมหุ่นเชิดราชสีห์สีเงินให้วิ่งหนี

พี่ใหญ่หลี่เร่งร้อนกล่าว “เตรียมต่อสู้”

หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินวิ่งหนีกลับด้วยความเร็วสูง เมื่อออกพ้น จากเมืองแล้ว
พยัคฆ์หมาป่ าลําตัวยาวกว่าห้าถึงหกเมตรที่มี ดวงตาสามดวง จึงทะยาน
ออกไล่ล่าหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน

โฮก!

หลังจากพยัคฆ์หมาป่ าสามตาร้องคําราม มันทะยานกายเข้า ตะครุบหุ่น
เชิดราชสีห์สีเงินที่บนพื้น จากนั้น มันจึงกัดเข้าที่คอ ของหุ่นด้วยฟันอัน
แหลมคม

เพียงไม่กี่กระบวนท่า หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินถึงกับโดนกัดคอไปแล้ว! ฉินหยุน
และคณะมึนงง สัตว์อสูรตรงหน้าดุร้ายเกินไปแล้ว!

“หุ่นเชิดราชสีห์สีเงินสร้างขึ้นด้วยวัสดุแข็งแกร่ง แต่เพียงชั่วครู่ กลับโดน
ทําลายได้ สัตว์อสูรทรงพลังนัก” ฉินหยุนกล่าวกัดฟัน แน่นก่อนควบคุมหุ่น
เชิดราชสีห์ให้ทําลายตัวเอง

ตู้ม! เมื่อหุ่นเชิดราชสีห์ร่างระเบิด พยัคฆ์หมาป่ าสามตาร่างจึง กระเด็น
ลิ่ว!

“โจมตี!” พี่ใหญ่หลี่นําเอาไม้คทาสามส่วนออกมาพร้อมวาด สายลมออก
วูบหนึ่ง เมิ่งเฟยหลิงเองก็นําเอาแส้ยาวของนาง ฟาดหวดผ่านอากาศ เข้า
ใส่พยัคฆ์หมาป่ าสามตา

ทางด้านพี่สะใภ้หลี่ นางนําคันธนูขนาดราวฝ่ ามือออกมา ด้วย การควบคุม
แม่นยํา คันธนูกลับขยายขนาดใหญ่ขึ้น คล้ายมัน ใหญ่เล็กได้ตามใจและ
แม่นยํายิ่ง นางกระโดดขึ้นกลางอากาศดึงสายคันธนู ด้วยการใช้วัชระ
กําลังภายในก่อเป็นลูกธนู เมื่อจ้างและปล่อยออก พละกําลัง ของมัน
สามารถบินลัดผ่านอากาศได้นับพันเมตรปักเข้าที่หัว ของพยัคฆ์หมาป่ า
สามตาอย่างแม่นยํา

ถัดจากนั้น นางเร่งรีบง้างสายธนูอีกครั้ง ยิงลูกธนูอีกสามลูก อย่างแม่นยํา
แต่ละลูกล้วนเข้าเป้าที่ดวงตาทั้งสามของศัตรู อย่างไรแล้ว ร่างของพยัคฆ์
หมาป่ าสามตาทนทานยิ่ง แม้ทั้งร่าง ปกคลุมด้วยรอยเลือด มันยังคงดุร้าย
ไม่แปรเปลี่ยน เสียงเห่า หอนของมันดังแทบกระชากวิญญาณผู้คน พี่
ใหญ่หลี่พุ่งตัวมุ่งตรงออกสุดแรง เขาเข้าประชิดวงในกับ พยัคฆ์หมาป่ า
สามตา จากนั้นไม้คทาในมือจึงฟาดหวดเข้าใส่ หัวของศัตรูอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ไม้คทาสามท่อนฟาดเข้าที่หัวของศัตรู ปรากฏออกเป็นคลื่น กําลังภายใน
แข็งแกร่งกระจายตัวออก!

พยัคฆ์หมาป่ าสามตาร่างใหญ่ลอยลิ่วไปไกลหลายสิบเมตรก่อน จะลง
กระแทกพื้นรุนแรง!ชั่วขณะที่ร่างกระแทกพื้น พี่สะใภ้หลี่ จึงยิงลูกธนูตาม
ติด! เมิ่งเฟยหลิงตอนนี้ลดระดับการบินลงมาฟาดหวดแส์ในมือที่ แฝงด้วย
วัชระกําลังภายในดัง

“เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ” เข้าใส่ ร่างของมันไม่หยุด ด้วยการโจมตีรุนแรง
ผสาน ทําให้มันยิ่งโดน สะกดข่มลงกับพื้นไม่อาจลุกขึ้น เมื่อพี่ใหญ่หลี่เข้า
ประชิดได้อีกครั้ง เมิ่งเฟยหลิงหยุดใช้แส้ในมือ คอยเฝ้ามองสถานการณ์
พร้อมกันนี้ พี่สะใภ้หลี่ก็จัดเตรียมคัน ธนูและลูกธนูอีกครั้งหนึ่งให้พร้อมแก่
การโจมตี หลังจากพี่ใหญ่หลี่ฟาดหวดเข้าไปอีกหลายครั้ง ฉินหยุนจึง
ทะยานกายเข้าร้องตะโกน “ให้ข้าจัดการเอง!”

ถัดจากนั้น ค้อนราชันยักษ์วิญญาณในมือของเขาพร้อมมังกร หลอมหก
กระบวนจึงฟาดหวดเข้าใส่พยัคฆ์หมาป่ าสามตา เพียงสี่ครั้ง หัวของมันก็
กลับกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อ

“ตายสักที! เอาแก่นอสูรมันออกมาชั่งนํ้าหนักดูกันดีกว่า!” พี่ ใหญ่หลี่
กล่าวคํา เขาลอบอึ้งไม่น้อยต่อเคล็ดวิชาค้อนของฉัน หยุนที่ชวนสะพรึง
เมิ่งเฟยหลิงและพี่สะใภ้หลี่ลอยตัวกลางอากาศ คอยจับตาคุ้ม กันว่าไม่มี
สัตว์อสูรตัวใดหลงเหลือในเมือง พี่ใหญ่หลี่นํามีดออกนั่นเฉือนร่างสัตว์อสูร

เขาได้พบลูกแก้ว ขนาดประมาณฝ่ามืออยู่ภายใน หลังชั่งนํ้าหนักแล้ว มัน
หนัก มากถึงแปดจิน! แก่นอสูรส่งมอบต่อฉินหยุน

“แก่นอสูรนี้หนักราวแปดจิน สมควรเป็นสัตว์อสูรระดับแปด แลกได้หนึ่ง
ล้านแต้มเสวียน” คู่สามีภรรยาสัญญากับฉินหยุนว่าจะช่วยให้ได้รับสอง
ร้อยล้าน แต้มเสวียน เท่ากับว่าต้องช่วยฉินหยุนสังหารสัตว์อสูรระดับที่
แปดสองร้อยตัว อย่างไรก็ดีที่พวกมันไม่ได้สังหารยากจนเกินไป

“กระดูกสัตว์ และหนังสัตว์ พวกนี้ค่อนข้างดีเพราะเป็นของ จากสัตว์อสูร
แต่มูลค่าไม่ค่อยมีสักเท่าใด” พี่ใหญ่หลี่กล่าวคํา แต่สําหรับฉินหยุนกลับมี
มูลค่ายิ่ง หลังนําไปผ่านกระบวนการ พวกมันสามารถเป็นวัสดุชั้นดีในการ
หลอมอุปกรณ์ เขาจึงรับ ร่างของสัตว์อสูรตัวนี้ไว้

“รองอธิการเซียหยวนบอกก่อนหน้านี้ ว่าแก่นของสัตว์อสูร ขนาดเท่ากัน
หมด แต่ที่แตกต่างคือนํ้าหนัก! แก่นสัตว์อสูรระดับ ที่เก้าหนักเก้าจิน
ขณะที่แก่นของสัตว์อสูรระดับวิญญาณหนัก ถึงหนึ่งร้อยจิน! จากเรื่องนี้ ก็

พอจะบ่งบอกได้แล้วว่าสัตว์ระดับ วิญญาณแข็งแกร่งเพียงใด” พี่สะใภ้หลี่
กล่าวคําขณะร่อนลงสู่ ฉินหยุนหันมองเศษซากหุ่นเชิดราชสีห์สีเงิน เขา
ปวดใจยิ่ง เขา คงได้แต่ขัดเกลาใหม่ในภายหน้าให้ดีกว่านี้

“ในเมืองไม่น่ามีสัตว์อสูรตัวอื่นหลงเหลือ ไม่เช่นนั้นพวกเราคง สัมผัสถึง
พวกมันได้นานแล้ว” พี่ใหญ่หลี่ได้ข้อสรุป ถัดจากนั้น พวกเขาทั้งสี่คนจึง
ตามร่องรอยของสัตว์อสูรตัวอื่น กันต่อ บ้านหลายหลังในเมืองได้รับความ
เสียหายร้ายแรง ไม่มี วี่แววของสัตว์อสูรอื่นอยู่อีก

“นี่น่าจะเป็นเพราะระยะห่างจากที่นี่ถึงสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน เลยทําให้
พวกสัตว์อสูรไม่กล้าหยุดอยู่ที่นี่” เมิ่งเฟยหลิงกล่าว

พี่ใหญ่หลี่หันมองทิศทางหนึ่ง “คงเป็นแบบนั้น คงต้องไปที่นั่น กันดูแล้ว”

“เมืองอี้หรือ?” พี่สะใภ้หลี่กล่าวถาม พี่ใหญ่หลี่พยักหน้า

เมืองอี้ เป็นเมืองขนาดใหญ่ เดิมเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่มันค่อย เติบโตขึ้น
จนใหญ่มาก เมืองอี้ไม่มีกําแพงเมือง และตั้งอยู่ใน ตําแหน่งที่ไม่ตกอยู่
ภายใต้อาณาเขตของสามจักรวรรดิหรือ ประเทศเล็กแห่งอื่น ทั้งยังห่างไกล
จากเมืองใหญ่ และไม่ได้อยู่ ใกล้อาณาเขตของตระกูลผู้ฝึกตนทรงพลัง

“ดี ไปที่เมืองอี้สํารวจดูกัน!” ฉินหยุนเห็นด้วยกับความคิดนี้ ด้วยเหตุนี้
พวกเขาจึงมุ่งหน้าสู่เมือง เมืองอี้อยู่ในเส้นตัดผ่านของจักรวรรดิเทียนฉิน
และเทียนซี่ และ ยังอยู่ใกล้แม่นํ้าเมฆมังกร ตัวเมืองทอดยาวขนาดหลาย
พันเมตร ผังเมืองยุ่งเหยิง

ผู้คนที่ รวมตัวกันอยู่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอาชญากรก็เป็นผู้ทําผิดกฏของ
ตระกูลขั้วอํานาจ ภายในเมืองยังมียอดฝีมืออยู่หลายคน เมื่อฝูงสัตว์อสูร
ปรากฏ หลายคนในเมืองอี้จึงคิดร่วมมือกันรับมือฝูงสัตว์อสูร แต่สิ่งหนึ่ง ที่
พวกเขาไม่คิด คือฝูงสัตว์อสูรแข็งแกร่งมาก คนกว่าหมื่นคน ในเมืองกับ
กลายเป็นอาหารของฝูงสัตว์อสูร หลังเดินทางอยู่สองวัน ฉินหยุนและคณะ
จึงมาถึงบริเวณยอด เขาใกล้เคียง ตอนนี้พวกเขากําลังมองดูเมืองอี้จาก

ระยะไกล เพียงมองครั้งเดียว ก็พบว่ามีบ้านนับไม่ถ้วนสร้างไว้อย่างยิ่ง
เหยิงและอยู่กันอย่างหนาแน่น เพียงมองจากระยะไกลยังทราบ

หลายสถานที่ในเมืองอี้ กลุ่มควันดําลอยขึ้น เปลวเพลิงเผาไหม้ หลายแห่ง
เป็นผลให้บ้านหลายหลังยุบตัวพังทลาย ท้องฟ้าปก คลุมด้วยออร่าชั่วร้าย
หนาแน่น ทั้งเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นอาย แห่งความตาย เมืองอี้ล่มสลาย
อย่างสมบูรณ์แล้ว

“ตลอดทางมาที่นี่ พวกเราได้เจอฝูงสัตว์อสูรไม่น้อย โชคดีที่ ไม่ได้เข้าถึง
ตรงกลางอาณาเขตพวกมัน ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มี ทางมาถึงที่นี่โดย
ปลอดภัยแน่!”

พี่ใหญ่หลี่มองทางเมืองอี้และ กล่าว “ในเมืองอี้ น่าจะถูกแบ่งเป็นหลาย
อาณาเขตโดยสัตว์ อสูร พวกเราคิดเข้าไปต้องระมัดระวังตัวให้ดี”

ฉินหยุนและคณะพยักหน้ารับ เขานึกย้อนถึงช่วงเวลาที่ผ่าน เข้าสู่อาณา
เขตของสัตว์อสูรเหล่านั้นก็พลันต้องขนลุก ชั่ว ขณะที่ย่างก้าวเข้าสู่พื้นที่
พวกมัน เขาสามารถสัมผัสถึงออร่า ซวนสะพรึงได้ มันเป็นคําเตือนจาก
สัตว์อสูรระดับวิญญาณ หากพวกเขาไม่ออกพ้นจากอาณาเขตพวกมัน
สัตว์อสูรกลุ่ม ใหญ่ทรงพลังจะปรากฏตัว ฉินหยุนและคณะจะถูกไล่ล่าโดย
ฝูงสัตว์อสูร แต่ถือว่าโชคดียิ่งที่พวกเขารวดเร็วพอหลบหนีออกมา

“ดูนั่น ทางนั้นมีหกคน พวกเขากําลังจะเข้าเมือง!” เมิ่งเฟยหลิงหันมองหก
คนบนพื้นที่เร่งรีบมุ่งหน้าเข้าเมือง

ตอนท
ี่206 อส

รหมาป่า

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนและคณะก็ไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวที่คิดเข้า เมืองอี้ ศิษย์
จากสถาบันอื่นย่อมต้องมีหน่วยถูกส่งออก ปฏิบัติการไล่ล่าสัตว์อสูร เพื่อ
รวบรวมแก่นอสูรเช่นเดียวกัน ตอนนี้ กล่าวได้ว่าทุกฝ่ายยังไม่ทราบวิธีใช้
งานแก่นอสูรเป็นการ ชั่วคราว

ฉินหยุนรู้สึกว่าผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน สมควรทราบอะไรมา
บ้าง หากไม่เช่นนั้น พวกเขาจะไม่มีทางสั่ง รวบรวมแก่นอสูรจํานวนมาก สี
หน้ากังวลปรากฏที่ใบหน้าของพี่สะใภ้หลี่ขณะมองคนกลุ่มนั้น เข้าเมือง
ด้วยความเร็วสูง นางเอ่ยคําเสียงเบา

“ดูเหมือนจะ ไม่ใช่แค่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทรงพลัง แต่กลับ
ต้องเผชิญหน้ากับหน่วยออกล่าอื่นด้วย”

สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนแต่ละแห่งล้วนมาที่นี่เพื่อแก่นอสูร แก่นอสูรเพียง
หนึ่งสามารถแลกแต้มเสวียนได้จํานวนมาก หาก พวกเขาสามารถฉกชิง
จากผู้อื่นโดยตรงได้ ย่อมต้องมีผู้โลภมาก คิดใช้ทางลัดก่อการอย่าง
แน่นอน คนโลภล้วนสามารถทําได้ทุกสิ่ง

“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องนั้น เข้าไปในเมืองก่อนแล้วค่อยหารือ พวก เราก็ไม่ใช่
กระจอก นอกจากเจอผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า พวกเราไม่มี
ทางแพ้โดยง่ายแน่”

พี่ใหญ่หลี่ประเมิน พละกําลังของหน่วยตัวเองได้อย่างชัดเจน เพื่อได้รับ
แต้มเสวียน ก็ต้องมีการเสี่ยงกันบ้าง เมื่อพักผ่อนเรียบร้อย พวกเขาจึงมุ่ง
ตรงเข้าเมืองอี้โดยทันที! ทันทีเมื่อเข้ามา กลิ่นสาบรุนแรงของสัตว์อสูรแทบ
กระจายทั่ว ทั้งเมือง! กลิ่นนี้มีเอกลักษณ์ของสัตว์อสูรอย่างเด่นชัด ทั้งยัง
ไม่จางหาย กลิ่นนี้ตลบอบอวลคล้ายกลิ่นโคลนเหม็นเน่า

“บ้านหลายหลังถูกทําลาย บางบ้านคล้ายผ่านการต่อสู้ครั้ง ใหญ่ ไม่มีหลัง
ใดที่อยู่ในสภาพดี!”

ระหว่างพี่ใหญ่หลี่กล่าวคํา เขาก็สํารวจมองบ้านงดงามที่ถูกทําลายไป
เพราะที่นี่ผู้คนอาศัยอยู่มาก บ้านทั้งหลายจึงสร้างขึ้นโดยเสริม ความสูง
อย่างน้อยแทบทั้งหมดก็สูงกว่าหลายชั้น เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยคํา

“นี่สมควรเป็นพื้นที่รอบนอก แม้ตรงนี้ไกล จากศูนย์กลาง แต่ก็ยังง่ายต่อ
การอพยพคน ไม่น่าจะมีสัตว์อสูร จํานวนมากอยู่รอบนอกเช่นนี้”

ทั้งอุจจาระและเส้นขนจํานวนมากของสัตว์อสูรถูกทิ้งร่องรอย ไว้ตามทาง
นี่หมายความถึงสัตว์อสูรจํานวนมากได้วิ่งห้อเข้าใส่ เมืองอื้อย่างรุนแรง
ฉินหยุนและคณะค่อนข้างเชื่องช้า พวกเขาไม่รีบเหมือนอย่าง หน่วยเล็ก
เมื่อครู่ หากพวกเขาเดินเชื่องช้า พวกเขาจะสามารถสัมผัสถึง สถานการณ์
โดยรอบได้อย่างชัดเจนเพื่อหลี่กเลี่ยงเรื่องไม่คาดฝัน

อย่างไรแล้ว สัตว์อสูรทั้งหมดล้วนมีปัญญา หากพวกเขา เผชิญหน้ากับ
พวกมันเป็นกลุ่ม ความตายคือสิ่งเดียวที่รออยู่ ครึ่งค่อนวันผ่านพ้น พวก
เขาตอนนี้เริ่มเข้าสู่พื้นที่ส่วนลึก หาก พวกเขาคิดอยากผ่านเมืองอี้ไป ก็
ต้องเดินทางผ่านถนนที่ทอด ยาวของเมือง

“ด้านหน้า มีสัตว์อสูรระดับแปด พวกเราควรเคลื่อนไหวไหม?” พี่ใหญ่หลี่
เอ่ยคําขึ้น ไม่ทราบว่าเขาสัมผัสถึงมันได้อย่างไร ฉินหยุนปล่อยพลังจิต
ออกสํารวจ เป็นตามนั้น เขาสัมผัสได้ถึง ออร่าของสัตว์อสูรราวห้าตัว ทว่า
พวกมันบางเบานัก หากไม่ ตรวจสอบเป็นพิเศษจะไม่มีทางพบเห็นได้เลย
ขณะชื่นชมพี่ใหญ่หลี่อยู่ภายใน เขาเองก็ต้องตื่นตกใจไม่น้อย เช่นกันที่
สัตว์อสูรเหล่านี้มีความสามารถเก็บงําตัวเอง กล่าวได้ ว่าพวกมันทําได้ดี
ยิ่ง กระทั่งเขาที่มีพลังจิตแข็งแกร่ง ยังสัมผัส แทบไม่ได้

“ถ้าสัตว์อสูรระดับแปดทั้งห้าตัวโจมตีพร้อมกัน พวกเราไม่ น่าจะต้านรับได้
ไหว พวกเราลองแยกพวกมันแล้วค่อยจัดการ น่าจะดีกว่า” ฉินหยุนเอ่ย

“ที่รัก เมื่อข้าออกนําหน้า เจ้าให้บินขึ้นด้านบนคอยยิงลูกธนู ออกห้าครั้ง
ต้องโจมตีสัตว์อสูรทั้งห้าตัวนั้นให้โดน! ด้วยวิธีนี้ ข้าจะสามารถมีเปรียบ
ตอนพวกมันโดนโจมตีและไม่ทันระวังลง มือได้! เฟยหลิงและฉินหยุนให้
เคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ ระมัดระวังให้ดี พวกเราจะโจมตีพวกสัตว์
อสูรที่คิดหนี”

พี่ใหญ่หลี่บอกแผนการโดยคร่าวให้ฟัง ฉินหยุนและเมิ่งเฟยหลิงพยักหน้า
รับ “ทุกคน ให้จําไว้ขึ้นใจ หากมีอะไรผิดท่าเกิดขึ้นจงรีบหนี! ที่นี่มี สัตว์
อสูรอยู่มาก หากครั้งนี้ล้มเหลวไม่นับเป็นอะไร ตราบเท่าที่ ไม่ได้รับ
บาดเจ็บร้ายแรง พวกเราสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ พี่ใหญ่หลี่เผยสีหน้า
เคร่งเครียดเอ่ยเตือนฉินหยุนและเมิ่งเฟย หลิง เขาเป็นกังวลสองเด็กหนุ่ม
สาวยิ่งว่าจะไม่ยอมปล่อย โอกาสตรงหน้าและฉกชิงในภายหลัง

“รับทราบ ข้าจะจําคําพูดของพี่ใหญ่หลี่ให้ขึ้นใจ” ฉินหยุน รับปาก “พี่
ใหญ่หลื่อย่าได้ห่วง!” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มหวานรับคํา พี่ใหญ่หลี่ค่อยยิ้มให้และ
พยักหน้า จากนั้น เขาจึงเป็นคนแรก ทะยานกายออกไปยังอาคารสูง
ตรงหน้า พี่สะใภ้หลี่บินขึ้นกลางอากาศ ขณะฉินหยุนและเมิ่งเฟยหลิ

งตามหลัง พี่สะใภ้หลี่ซึ่งอยู่กลางอากาศแล้ว ฉับพลันได้เห็นหมาป่ าสีดํา
ตัวยาวกว่าสามเมตรพุ่งตัวขึ้น นางเร่งรีบง้างคันธนู

เพียงสอง ชั่วลมหายใจ ลูกธนูห้าดอกจึงยิงออก!

ลูกธนูเหล่านี้ที่ยิงออกไปควบแน่นด้วยวัชระกําลังภายใน มันมี พลัง
อํานาจสูงลํ้าขนาดโจมตีปักเข้าใส่หัวของหมาป่ าได้อย่าง แม่นยํา! อสูร
หมาป่ าสีดําห้าตัวโดนโจมตีในฉับพลัน พวกมันเห่าหอน ร้องออกกลิ้งกับ
พื้น

ฉินหยุนลอบชื่นชมพละกําลังพี่สะใภ้หลี่ นางรับหน้าที่มือธนูได้ ดียิ่ง เขา
ถึงขั้นสงสัยว่านางจะมีวิญญาณยุทธ์ธนูด้วยซํ้า หาก ไม่เช่นนั้นแล้ว นาง
คงไม่มีฝีมือมากล้นได้เพียงนี้แน่

พี่ใหญ่หลี่ ฉินหยุน และเมิ่งเฟยหลิง แต่ละคนรับหน้าที่จัดการ อสูรหมาป่ า
ชั่วขณะพวกเขาเข้าประชิด อสูรหมาป่ าลุกขึ้นรับ การโจมตีจากพวกเขา

พร้อมตอบโต้ โดยเฉพาะฉินหยุน เขากวัดแกว่งค้อนราชันยักษ์วิญญาณ
ด้วย มันเป็นอุปกรณ์วิญญาณใกล้เคียงระดับสูง ขณะใช้งานมังกร หลอม
หกกระบวนอย่างไม่ยั้งมือ ฟาดหวดเข้าใส่หัวของหมาป่ า เพียงไม่กี่ที่
หัวมันจึงระเบิดออกแหลกเละ ลูกธนูตามติดอย่างแม่นยํา แม้ไม่มีอํานาจ
ระเบิดหัวหมาป่ า กระจุย แต่พวกมันก็สามารถทําให้ศัตรูชะงักการโจมตีได้
หาก หัวพวกมันได้รับบาดเจ็บหนัก พวกมันยิ่งเคลื่อนไหวได้แย่ลง พี่
ใหญ่หลี่สังหารอสูรหมาป่ าได้รวดเร็ว เมื่อจัดการได้หนึ่ง เขา จึงเริ่มจัดการ
อีกหนึ่งโดยไม่คิดรอ

เมิ่งเฟยหลิงก็ไม่เลว แส้ยาวในมือของนางฟาดหวดเข้าใส่อสูร หมาป่ าร่าง
กระเด็นไกลได้ ด้วยการร่วมมือผสานสี่คน อสูรหมาป่ าห้าตัวระดับที่แปด
จึงถูก กวาดล้างในเพียงอึดใจ

“ระวังตัว!” พี่ใหญ่หลี่ ฉับพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึง ตะโกนบอก
พี่สะใภ้หลี่ที่บนฟ้า ฉินหยุนเองก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่ยิงมุ่งตรงสู่
พี่สะใภ้หลี่

“พี่หลี่!” เมิ่งเฟยหลิงร้องอุทาน ลําแสงทรงพลังยิงมาจากระยะไกล ชัดเจน
ว่านี่ไม่ใช่การโจมตี ของสัตว์อสูร แต่เป็นมนุษย์! ชั่วขณะฉินหยุนเห็น
ลําแสงนี้ เขาเร่งรีบเรียกพลังจิตทรงพลัง ออกมา ด้วยการใช้พลังจิตเต็ม
กําลัง มันปกคลุมร่างพี่สะใภ้หลี่ ไว้ ซักถึงนางลงมาด้านล่าง สามารถหลบ
เลี่ยงลําแสงได้อย่าง ฉิวเฉียด

ลําแสงนี้ทะลวงผ่านอาคารสูงหลายสิบชั้น เป็นผลให้อาคารนั้น ระเบิด
พังทลายกลายเป็นเศษซากหิน “ขอบคุณเสี่ยวหยุน เกือบไปแล้ว!”

อาการหวาดกลัวยังเกาะ กุมจิตใจแม้นางลงถึงพื้นแล้ว

“ยินดีแล้ว!” ฉินหยุนเร่งรีบมองไปยังทิศทางที่ลําแสงพุ่ง ออกมา เขาถึงขั้น
โกรธแค้น พี่ใหญ่หลี่บอกต่อฉินหยุน

“เสี่ยวหยุน ไปจัดการร่างพวกอสูร หมาป่ าก่อน ทางนั้นข้าจัดการเอง” ฉิน
หยุนจึงรีบเร่งไปรวบรวมร่างของอสูรหมาป่ าใส่อุปกรณ์มิติ เก็บของก่อน

ตามหลังพี่ใหญ่หลี่ไป พี่ใหญ่หลี่ตอนนี้เผยสีหน้าเย็นเยือกเปี่ยมล้นด้วย
โทสะ เป็น เพราะการโจมตีเมื่อครู่เกือบทําภรรยาเขาบาดเจ็บสาหัส

อีกฟากหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนหกคนในชุดเกราะสีดํา หนึ่งที่ น่าจะเป็น
ผู้นํา ชราภาพเพราะริ้วรอยที่หางตาและเส้นผมสีขาว ทว่าร่างนั้นเป็นชาย
สูงสองเมตรและกํายํา ท่าที่เหยียดหยันฉาย ชัดผ่านใบหน้าอีกฝ่าย

ชายชราร่างใหญ่มองเหยียดพี่ใหญ่หลี่กล่าวคํา “โชคพวกเจ้าดี นัก กระทั่ง
หลบการโจมตีข้าได้! มาจากที่ใดกัน?” พี่ใหญ่หลี่เอ่ยคําเย็นชา

“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน! เมื่อครู่ หมายความว่าอย่างไร? เจ้าเกือบทําร้าย
ภรรยาข้า เรื่องนี้ต้องมี คําอธิบาย!”

“สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน?” ชายร่างใหญ่สํารวจมองฉินหยุนและ คณะก่อน
สายตาหยุดจ้องที่เมิ่งเฟยหลิง

“นี่คือคําเตือน พวกเรามาถึงที่นี่ก่อน ดังนั้นจงเร่งรีบจากไป นี่ คือพื้นที่ออ
กล่าของพวกเรา!” ชายร่างสูงหันมองสถานที่ซึ่ง อสูรหมาป่ าถูกสังหารและ
กล่าวคําด้วยความโกรธเคือง

“เจ้า ฆ่าอะไรไป? จงนําออกมา มันเป็นของพวกเรา!” ฉินหยุนไม่ทราบว่า
เหตุใดพวกเขาจึงโกรธ ทว่าเขาสามารถ บอกได้ ว่าคนกลุ่มนี้ช่างไร้เหตุผล
สิ้นดี พวกเขาทั้งหกคนคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด แต่ ทางด้านฉิน
หยุนมีเพียงแค่สี่คน!

“เหตุใดพวกเราต้องมอบให้?” คราครั้งนี้ พี่ใหญ่หลี่โกรธแค้น จริงจังขณะ
ตะคอกเย็นเยือกตอบโต้ ชายร่างสูงแค่นเสียง

“ขยะไร้ค่าบังอาจอวดดีต่อหน้าพวกเรา? หรือไม่ทราบว่าพวกเราเป็นใคร?
พวกเรามาจากจักรวรรดิ เทียนหลิง และเป็นผู้มาจากสถาบันยุทธ์หลิง
เสวียน จักรวรรดิ เราได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรองอธิการบดีแห่ง

สถาบัน ยุทธ์หลิงเสวียน เมื่อครู่พวกเราเมิ่งไปดื่มฉลองกับรอง อธิการบดี
มาด้วยซํ้า!”

“ขอบอกต่อพวกเจ้า นามข้าหยินเชิ่ง เป็นแม่ทัพใหญ่ของ จักรวรรดิเทียนห
ลิง!” ฉินหยุนอึนงง คนกลุ่มนี้กล้าดีเพียงใดถึงขั้นอวดโอ่จักรวรรดิ ตนเอง
ด้วยพละกําลังเพียงเท่านี้ ทั้งนี้เขายังไม่เคยได้ยินชื่อ จักรวรรดิเทียนหลิง
มาก่อน ทางด้านเมิ่งเฟยหลิงและคณะล้วนเป็นเช่นกัน ทว่าพวกเขา ต่างก็
ทราบว่าสถาบันยุทธ์หลิงเสวียนได้รับการสนับสนุนจาก จักรวรรดิเทียนห
ลิงอยู่

“จงหวาดกลัวเสียให้พอ! จักรวรรดิเทียนหลิงของพวกเราเป็น จักรวรรดิที่
เพิ่งก้าวขึ้นมา จงรีบส่งสัตว์อสูรที่พวกเจ้าสังหาร แล้วพวกเราจะไว้ชีวิต
พวกเจ้ากลับไปสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน”

หยินเชิ่งเหยียดหยัน คํากล่าวนี้เปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยาม ต่อ
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนและ

อีกสอง สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเพียงนั้น พี่
ใหญ่หลี่กัดฟันแน่น หากไม่ใช่เพราะมีศิษย์น้องสองคนอย่าง ฉินหยุนและ
เมิ่งเฟยหลิง เขาอาจต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกกับหกคน ตรงหน้านี้ไปแล้ว อีก
ฝ่ายมีหกคน ต่างครอบครองพื้นฐานการฝึกฝนอยู่ขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่แปด และทั้งหกคนล้วนครอบครองอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของ

“ไม่ดีแล้ว สัตว์อสูรฝูงใหญ่กําลังมาทางนี้นี่น่าจะเป็นอาณา เขตของสัตว์
อสูรหมาป่ า เป็นราชันสัตว์อสูรระดับวิญญาณ กําลังมุ่งหน้ามา” ฉินหยุน
เร่งรีบเอ่ยคําตระหนก สีหน้าของเขา เปี่ยมด้วยความหวาดกลัว สัตว์อสูร
ระดับวิญญาณ เป็นตัวตนที่เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกฝน ขอบเขตวรยุทธ์เต๋
เมื่อหยินเชิ่งและคณะได้ยินดังนี้ สีหน้าจึง เผยความแตกตื่นออก!

“เจ้าหนู คิดโป้ปดต่อพวกเราหรือ?” หยินเชิ่งหัวเราะเย็นชา “ต่อหน้าข้า
เจ้ายังคิด...”

อูว์! อย่างกะทันหัน เสียงหอนร้องของหมาป่ าดังขึ้น ออร่าชวนสะ พรึงปก
คลุมพื้นที่ สีหน้าหยินเสิ่งแปรเปลี่ยนพลิกกลับ โดยไม่ พูดกล่าวคําใด ร่าง
นั้นหันกลับเร่งร้อนหนีหาย ลูกน้องของเขาก็ เร่งรีบตามติดด้วยความ
หวาดกลัวชัดเจนบนใบหน้า

“ไป!”

นํ้าเสียงพี่ใหญ่หลี่เร่งร้อน เขารู้สึกได้ถึงกลุ่มสัตว์อสูรจํานวน มากกําลัง
ใกล้เข้ามา ทว่าก่อนหน้านี้ เขามั่นใจแล้วว่าพวกตน ไม่ได้เข้ามาในอาณา
เขตของสัตว์อสูรทรงพลัง

“ข้าเป็นคนล่อหมาป่ านั่นมาที่นี่เอง!” ฉินหยุนวิ่งไปพลางกล่าว

“ผู้ฉลาดย่อมไม่คิดสู้หากอัตราส่วนเกินกว่ารับได้! พวกเราสี่คน ไม่ใช่คู่
ต่อสู้พวกมัน แต่พวกมันไม่รู้ชื่อพวกเรา และเป็นพวกเรา ต่างหากที่รู้ชื่อ

พวกมัน หยินเชิ่ง!” ด้วยพลังอํานาจกลุ่มของหยินเชิ่ง หากพวกเขาปะทะ
โดยตรง คงต้องเสียหายใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

ตอนท
ี่207 ลอบสังหารยามราตรี

พี่ใหญ่หลี่และภรรยาไม่ได้กล่าวคําใด พวกเขาทราบดียิ่งกว่า ฉินหยุน ว่า
หากต้องต่อสู้กับกลุ่มของหยินเชิ่ง พวกเขาจะต้อง เสียหายอย่างหนัก
กระทั่งอาจบาดเจ็บสาหัสด้วยซํ้า

“รอข้ากลับไปตรวจสอบเรื่องราวพวกมันก่อน พวกเราไม่ ปล่อยพวกมันไป
ง่ายแน่” ฉินหยุนเผยสีหน้าเย็นเยือก

“ใช่! พวกมันอวดดีเกินไป!” พี่ใหญ่หลี่พยักหน้า ไม่ช้า พวกเขาค่อยออก
ห่างจากกลุ่มหมาป่ ามาได้ พวกเขาไม่ได้เข้าไปส่วนลึกของเมือง แต่เลือกที่
จะอยู่พื้นที่รอบ นอกของเมืองอี้ เพื่อค้นหาสัตว์อสูร อสูรหมาป่ าทั้งห้าตัว
ก่อนหน้านี้เป็นหน่วยลาดตระเวน ด้วยเหตุ นี้ฉินหยุนจึงคาดเดาว่าสมควร
มีหมาป่ าที่อยู่ใกล้เคียง จึงปล่อยพลังจิตรุนแรงออกให้พวกมันรู้ตัว เพราะ
เหตุนั้น ยามเมื่อพวก เขาสังหารอสูรหมาป่ าทั้งห้าตัวแล้ว

มันจึงเป็นการแจ้งเตือนต่อ หมาป่ าตัวอื่น ที่จะเร่งรีบพุ่งมาทางกลุ่มของฉิน
หยุน ในช่วงเย็น พวกเขามาหลบซ่อนกันในห้องใหญ่แห่งหนึ่งของ อาคาร
สูงหลังหนึ่ง พี่ใหญ่หลี่รับหน้าที่ปักอาคมธงเข้ากับผนังห้อง เพื่อปกปิด
ร่องรอยตัวตน วันนี้ผลการเก็บเกี่ยวไม่แย่ พวกเขาได้รับแก่นอสูรระดับ
แปดมา ทั้งสิ้นห้าแก่น รวมแล้วเท่ากับห้าล้านแต้มเสวียน เส้นทางสู่สอง
ร้อยล้านแต้มเสวียนยังอีกไกล

กระทั่งว่าฉินหยุน เร่งรีบไป มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กลางดึก ถือเป็น
ช่วงเวลาปลอดภัยที่พวกเขาจะบินขึ้นสูงบน ท้องฟ้า ยิ่งบินขึ้นสูงก็ยิ่งยาก
แก่การมองเห็น

“กลุ่มหมาป่ าที่เราเจอก่อนหน้านี้สมควรเป็นพวกอ่อนด้อย” หลังเมิ่งเฟย
หลิงกลับมาแล้ว นางจึงเอ่ยคํา “ข้าเพิ่งออกไปดู โดยรอบ พื้นที่แถบนี้มี
สัตว์อสูรไม่มาก”

ฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร พื้นที่ชายขอบมีสัตว์อสูร
จํานวนเล็กน้อย หมายความถึงพวก มันส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับส่วน
ลึกของเมืองอี้ หมาป่ าพวกนี้ น่าจะเข้าไปแล้วพ่ายแพ้ออกมาจึงค่อยมา
พบพวกเขา พี่ใหญ่หลี่คิ้วขมวด “ไอ้แม่ทัพหยินเชิ่งอะไรนั่น หลังพวกมัน
กลับไปรายงาน จักรวรรดิเทียนหลิงจะต้องส่งยอดฝีมือทรงพลังมาจัดการ
พวกหมาป่ าแน่ พวกมันเองก็ควรรู้แล้วว่าอสูร หมาป่ าที่นี่ค่อนข้างอ่อนแอ
พี่สะใภ้หลี่ถอนหายใจกล่าว

“น่าเสียดายนัก! หากพวกเรามี ขอบเขตวรยุทธ์เตร่วมทางมาด้วย แค่กลุ่ม
อสูรหมาป่ าพวกเรา ไม่มีทางหวั่นเกรงพวกมันแน่!”

“เหตุใดพวกเราไม่รอจนกระทั่งฟ้าสางแล้วค่อยลอบกลับไป ละ!” ฉินหยุ
นกล่าวคํา

“หากพวกเราสามารถจัดการกลุ่มหนึ่ง ผ่านการลอบโจมตี อีกกลุ่มก็น่าจะ
ได้” เขาเผยความมั่นใจใน การลอบเร้น โดยเฉพาะช่วงกลางคืน

ด้วยพละกําลังของพวกเขา การเข้าพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่ม สัตว์อสูรไม่
ต่างอะไรกับทางตัน ที่ศูนย์กลางของเมืองอี้ น่าจะต้องมีคนอยู่มาก พวก
เขาเหล่านั้น ที่เสียชีวิตจะกลายเป็นอาหาร เพราะแบบนั้นภายในเมืองถึงมี
สัตว์อสูรอยู่ทั่วไปหมด

“ก็ได้ พรุ่งนี้พวกเราจะระมัดระวังแล้วเข้าไปใกล้! พวกเราทุก คนต่างมี
ความสามารถเก็บงําตัวตนได้ดี พวกหมาป่ าไม่น่าจะ เจอตัวพวกเราได้” พี่
ใหญ่หลี่เห็นด้วยกับฉินหยุน

“พี่สะใภ้ ครั้งหน้าคงดีกว่าที่จะซ่อนตัวในอาคารแล้วค่อยยิงลูก ธนู! ด้วย
พวกเรามียอดฝีมือทางธนูคอยคุ้มกัน ก็มีแต่จะ ปลอดภัยมากขึ้น” เมิ่งเฟย
หลิงยิ้มกล่าว

“ข้าเองยังอยากเรียน วิชาการยิงธนูจากท่าน!”

“ได้! ข้ายังกังวลอยู่ว่าจะไม่มีใครสืบทอดวิชาธนูต่อจากข้าแล้ว เจ้ามี
วิญญาณยุทธ์เหยี่ยวระดับทอง เรื่องนี้จะส่งเสริมด้านการ มองเห็น ทําให้
สามารถยิงได้แม่นยําในระยะไกลมากยิ่งขึ้น”

ขณะพวกเขาพูดคุยกันไปเรื่อย ก็ไม่ได้คิดพักแต่อย่างใด เพียง แค่ร่างกาย
ได้ผ่อนคลาย พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูจากความ เหนื่อยล้า การนอนหลับ
และพักผ่อนที่ภายนอกอย่างสถานที่

อันตรายเช่นตอนนี้ ถือเป็นเรื่องอันตรายจนเกินไป รุ่งสาง ฉินหยุนและ
คณะเร่งรีบออกจากพื้นที่ซึ่งพวกหมาป่ า ลาดตระเวน อาคารสิ่งปลูกสร้าง
ในพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างกระจุกกันหนาแน่น ทั้งยังมีชั้นสูงเสียส่วนมาก พวก
เขาต้องระมัดระวังยามปีนขึ้น บนหลังคาและค่อยรุกคืบเข้าใกล้อาณาเขต
ของพวกหมาป่ า

“หากราชาอสูรหมาป่ าบาดเจ็บอยู่จริง จัดการมันได้จะทําให้ พวกเราได้รับ
ห้าสิบล้านแต้มเสวียน!” พวกเขาสนทนากันไป เรื่อยขณะข้ามอาคารสิ่ง
ปลูกสร้างสูงแปดชั้นบ้าง สิบชั้นบ้าง

พี่ใหญ่หลี่หัวเราะ “คิดแบบนั้นก็ไม่แย่ แต่การต่อสู้ไม่ง่าย! เว้น แต่พวกเรา
ตรวจสอบพละกําลังหมาป่ ากลุ่มนี้ดีแล้ว หากมีอสูร หมาป่ าระดับเก้าใน
กลุ่มจํานวนหนึ่ง พวกเราอย่าได้ถึงเรื่องราว เช่นนั้นจะดีกว่า”

พวกเขารู้สึกได้ว่า หากร่วมมือกัน อสูรหมาป่ าระดับเก้าไม่ใช่ เรื่องยาก
จัดการ และกระทั่งกลุ่มก็ไม่น่าใช่เรื่องยากจนเกินไป ครึ่งวันผ่านพ้น ใน
ที่สุดพวกเขาค่อยกลับมายังพื้นที่ซึ่งพวก หมาป่ าลาดตระเวนกันอยู่ พวก
เขาตอนนี้อยู่บนอาคารสูงยี่สิบ ชั้นขณะมองผ่านหน้าต่างไปในระยะไกล

“เห็นนั่นหรือไม่? หมาป่ าพวกนั้นอยู่ในอาคาร พวกมันเข้าไป ในร้านที่
ชั้นหนึ่งและหลบซ่อนที่นั่น ข้าไม่คิดว่าจะมีชั้นบนนะ” พี่ใหญ่หลี่ชี้ไปทาง
อาคารทรงกระบอกแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ฉินหยุนพยักหน้ารับ หลังเฝ้า

มองอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาจึงพบว่าพวกอสูร หมาป่ าซ่อนตัวอยู่ที่
ชั้นแรกของอาคารในพื้นที่แถบนั้น

“อาคารพวกนี้แยกห่างจากกันด้วยระยะประมาณหนึ่ง ดังนั้น ถ้าพวกเรา
แยกกันไป สังหารพวกมันด้วยการโจมตีเพียงครั้ง เดียว จะทําให้อสูรหมา
ป่ าส่งเสียงเรียกพวกไม่ทัน พวกเราต้อง ลอบโจมตีให้สําเร็จ แผนการจึง
สําเร็จ” พี่ใหญ่หลี่กล่าว

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าว “พี่ใหญ่หลี่ คืนนี้ให้ข้าเข้าไป เอง! ถ้าข้า
โจมตีพวกมันด้วยพลังจิต น่าจะทําให้อสูรหมาป่ า หมดสติได้ในทันที
ความพิเศษของสัตว์อสูรข้ายังไม่แน่ใจมาก นัก แต่คิดว่าไม่น่าจะต่างกับ
มนุษย์สักเท่าไหร่”

พี่ใหญ่หลี่พยักหน้ารับ “ได้! ภรรยาข้าและเฟยหลิง ทั้งสองรับ หน้าที่สอด
แนม ระหว่างที่หลบซ่อนในอาคาร หากเกิดเรื่องใด ขึ้น เจ้ารับหน้าที่
สนับสนุน! หากการลงมือของพวกเราทําให้ พวกมันสงสัย ภรรยาข้าจะ

คอยยิงลูกธนูสกัดการโจมตีพวก หมาป่ า เฟยหลิงให้บินอยู่บนอากาศคอย
หลอกล่อความสนใจ หมาป่ าตัวอื่น จะทําให้พวกเราลดแรงกดดันลงได้”

ถัดจากนั้น พวกเขาจึงหารือกันเรื่องรายละเอียดในกลยุทธ์ หากมีกรณีใด
เกิดขึ้น พวกเขาจะปรึกษาหารือกันตั้งแต่ตอนนี้ ฟ้ามืด หมู่เมฆจํานวนมาก
เคลื่อนคล้อย เพราะเป็นมวลเมฆที่ ค่อนข้างมาก จึงทําให้ท้องฟ้าเดี๋ยว
สว่างเดี๋ยวหม่นแสง ฉินหยุนและพี่ใหญ่หลี่เริ่มออกปฏิบัติการ พวกเขามุ่ง
หน้าตรง เข้าหาอาคารที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรจากคนละเส้นทาง
ก่อนเข้าสู่ตัวอาคารผ่านหน้าต่าง จากนั้นจึงค่อยตรงไปยังบันใด ภายใน
อาคารขณะลงไปยังชั้นล่าง ฉินหยุนให้พี่ใหญ่หลี่อยู่ชั้นบน ขณะตัวเขาเอง
ใช้วิญญาณยุทธ์ ตะวันทมิฬหลบซ่อนตัวในความมืด เส้นทางสู่ชั้นหนึ่ง
เป็นไป อย่างลื่นไหล!

“จากออร่าพวกนี้ น่าจะเป็นอสูรหมาป่ าระดับเก้า พวกเราควร ลงมือดีไหม
นะ?” เมื่อฉินหยุนเข้าไปใกล้ เขาค่อยตระหนักได้ถึง ออร่าอสูรหมาป่ าที่
กําลังหลับ มันชวนสะพรึง และแข็งแกร่ง กว่าสัตว์อสูรระดับแปดทั้งหมดที่
พวกเขาเคยพบเจอมาก่อน หน้า นอกจากนี้ ร่างของมันยังยาวกว่าสาม

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น