ตอนท
ี่130 ประชันพลังจิต
ตู้ก๋วยคืออาจารย์ด้านพลังจิต
เคล็ดวิชาที่เขาครอบครอง ทั้งหมดล้วนเป็น
ของดียิ่ง สําหรับผู้ที่ฝึกฝนพลังจิต
เคล็ดวิชาฝึกฝนเหล่านั้นถือเป็นสิ่งลํ้า
ค่าอย่างยิ่ง หากได้รับ
มันจะเสริมสร้างพลังจิตให้แข็งแกร่งได้ ยิ่งขึ้น ศิษย์
ผู้อื่นในบริเวณล้วนอิจฉาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกันตาร้อนผ่าว!
อู่โยวเสินกัดฟันกรอด ดวงตาเปี่ยมด้วยความริษยา
เขาต้อง พยายาม
อย่างถึงที่สุดเพื่อทําให้ศิลานภาลอยล่องสามสิบสี่ก้อน
ลอยขึ้นกลาง
อากาศ เพราะแบบนั้นจึงทําให้เขาเป็นศูนย์รวม
ความสนใจได้ แต่มา
ตอนนี้ เซี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับทําให้ศิลานภา
ลอยล่องกว่าห้าสิบก้อนลอยขึ้น
อากาศได้ง่ายดาย นับเป็นการ
สะกดข่มเขาเขียพ้นไปไกลยิ่ง
เหตุผลว่าทําไมเขาจึงพยายามอย่างหนักก็เพราะต้องการเป็นผู้
แข็งแกร่ง
ที่สุดในที่นี้ แต่แล้ว
ตอนนี้ไม่มีใครชายตามองเขาอีก เขารู้สึกไม่ยินดียิ่งอยู่
เต็มอก
“ข้าไม่อยากได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันหน้าหนี
นางไม่มองหน้า ตู้ก่วย ทั้งยัง
แค่นเสียง
“จะเป็นอย่างไรหากข้าใช้พลังทั้งหมด
แล้วท่านไม่มอบเคล็ดวิชาฝึกฝนแก่
ข้า แบบนั้นไม่ใช่เป็นการทํา
ให้ข้าหมดแรงโดยเปล่าประโยชน์หรือ? ฮี
อย่าคิดจะได้หลอกลวงข้าเชียว!”
เรื่องราวกระจ่างว่านางต้องการเคล็ด
วิชาฝึกฝน ทว่านางรู้สึก ไม่ไว้วางใจ
ตู้ก๋วยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกและกล่าวคํา
“ย่อมได้ ย่อมได้ ตราบเท่าที่
เจ้าใช้พลังเต็มที่ในการทดสอบ ข้าจะมอบมันให้แก่
เจ้า” เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
หันหน้าบุ้ยปากถาม
“นี่ท่านไม่ได้หลอกลวงข้า ใช่หรือไม่? ตู้ก๋วยหัวเราะ
“ข้าจะหลอกลวงเจ้าได้เช่นไร เร่งมือเร็ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงตอนนี้จึงสูดลมหายใจเข้าลึก
ปลดปล่อยพลัง จิตออกมา
ขุมหนึ่ง ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงคลื่นอากาศเย็นเยือกพัดผ่านปะทะใบหน้า
นี่
คืออํานาจจิตของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!
ที่พื้นมีศิลานภาลอยล่องทั้งสิ้นหนึ่งร้อย
ก้อน ตอนนี้กว่าแปดสิบ ก้อนลอยขึ้น
นี่คือความพยายามเต็มแรงของนาง
ถึงกับทําได้ ระดับนี้
ทุกคนที่นี้ล้วนตื่นตะลึง!
ที่ชวนตื่นตะลึงยิ่งกว่าคือศิลานภาลอยล่องบนพื้นยังคงลอยขึ้น
อย่าง
ต่อเนื่อง อีกกว่าสิบกําลังลอยขึ้นมา
ใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่ม
ซีดจาง ชัดเจนว่านางใช้
พลังทั้งหมดที่มีเพื่อรวมสมาธิไว้ที่พลังจิต
“หนึ่งร้อยก้อน!”
ศิลานภาลอยล่องทั้งหมดบนพื้นลอยขึ้นครบถ้วน!
“พอได้ พอได้!”
ตู้ก๋วยเองยังตื่นตกใจขณะเร่งรีบตะโกนกล่าว
เขานําเอาสร้อยคอออกมา เดินเข้าหานางและยิ้มให้
“นี่เป็น ของขวัญ
เล็กน้อยต่อเจ้า
มันจะช่วยให้เจ้าฟื้นฟูพลังจิตได้ โดยเร็ว รับเอาไว้”
สร้อยคอนี้โปร่งแสงและเป็นประกาย
มันราวกับถูกสร้างขึ้นโดย ผลึกแก้ว
นับเป็นสิ่งงดงามยิ่ง
“งดงามนัก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบรับมาขณะสวมใส่ไว้ที่คอ
“ขอบคุณอาจารย์ตู้!” หลังนางสวมใส่
สีหน้าซีดจางของนางค่อยดีขึ้น
ใบหน้างดงาม ของนางเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมา
ตู้ก๋วยหัวเราะ
“ไปพักรอพวกเจ้าหนูจากสถาบันซานเสวียน
ทดสอบให้เสร็จก่อน!
หลังจากนั้นข้าจะมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนให้ เจ้า!”
อู่โยวเงินตอนนี้พลันกล่าว
ด้วยนํ้าเสียงเร่งร้อน นํ้าเสียงนี้เปี่ยม
ด้วยความเดียดฉันท์ขณะกล่าวคํา
“จําเป็นต้องทดสอบพวกมัน ด้วยหรือ? นี่นับเป็นการเสียเวลาเปล่า
หาก
พวกมันมีศักยภาพ เพียงพอ
พวกมันคงเข้าสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนได้ไป
นานแล้ว!”
“นั่นก็จริง ต่อให้ผ่านมาได้
พวกมันจะจัดการวิญญาณสัตว์ร้าย ได้หรือ?
แล้วถ้ามันเกิดไปตายขึ้นมาเล่า?” บรรดาศิษย์จากสถาบันยุทธ์เทียน
เสวียนร้องตะโกนใส่ศิษย์ของ สถาบันซานเสวียน
“พวกเจ้า หากหวั่นเกรงความตาย เช่นนั้น
จงปล่อยการทดสอบครั้งนี้ผ่าน
ไปเสีย หากเจ้าผ่านการทดสอบ
เจ้าก็ต้องเข้าเทือกเขาเมฆมังกรเพื่อ
จัดการวิญญาณสัตว์ร้าย อย่าได้ลืมเรื่องนี้”
แม้บรรดาศิษย์จากสถาบันซานเสวียนจะมีโทสะ
แต่หลังคิดให้ถี่ ถ้วน
พวกเขาทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายรับมือภารกิจครานี้
พวก เขาจึงยอมถอย
พวกเขาเพียงอยากรู้และรอคอยเพื่อทดสอบอย่างเต็มกําลังและ
มีส่วน
ร่วมก็เท่านั้น หากพวกเขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับ
วิญญาณสัตว์ร้าย
และได้รับบาดเจ็บรุนแรง
มันคงดีกว่าที่จะปล่อยผ่านการทดสอบครั้งนี้เพื่อ
มุ่งเน้นเรื่องเข้าร่วมสถาบัน ยุทธ์ระดับเสวียน
ตู้ก๋วยขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวคําใด
นี่เป็นเพราะยัง เหลือคน
จํานวนหนึ่งคิดเข้ารับการทดสอบ ฮั่วจง
เซี่ยอูเฟิ ง มู่หรงต้าเหริน และฉิน
หยุน พวกเขาล้วนคิด เข้ารับการทดสอบ อันดับแรก
ฮั่วจงทําให้ศิลานภา
ลอยล่องสิบห้าก้อนลอยขึ้นได้ ผลประเมินคือกลาง
ๆ ทั่วไป มู่หรงต้าเหริน
แข็งแกร่งว่าฮั่วจงเล็กน้อย
จึงทําให้ลอยได้สิบเจ็ด ก้อน! ทางด้านเซียอี้เฟิ ง
เขานั้นทําได้ทั้งสิ้นยี่สิบแปดก้อน นับว่า แข็งแกร่งว่าศิษย์หลายคนจาก
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนเสียด้วย
“หากเจ้าได้รับการชี้แนะบ้างสักเล็กน้อย
พลังจิตคงแข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นกว่านี้
รอเดี๋ยว ข้าจะมอบเคล็ดวิชาฝึกฝนให้เจ้า”
ตู้ก๋วย
สามารถบอกได้ว่าเซี่ยอู่เฟิ
งคือผู้มีศักยภาพดีเยี่ยมตั้งแต่มอง ครั้งแรก
“ขอบคุณอาจารย์ตู้”
เซี่ยอู่เพิ่งเร่งรีบเผยสีหน้าสํานึกขอบคุณ ถัดมาจึงเป็น
คราวฉินหยุน
เมื่อศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนได้ยินนามนี้ พวกเขา
เริ่ม กระซิบกระซาบกัน.
“ฉินหยุนหรือ? ใช่ไอ้คนที่สร้างปัญหาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
“เป็นมัน! ได้ยินมาว่าตอนอยู่การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น
เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยถึงกับมอบอันดับหนึ่งให้แก่มัน!”
“ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง!
ไม่ใช่ว่าพี่สาวของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เกลียดชังฉิน
หยุนหนักหนาหรือ? ในฐานะน้องสาว
เหตุใดนาง จึงช่วยฉินหยุนให้ได้รับ
หญ้าหัวใจลึกลํ้ากัน!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่ที่นี่ และพอนางได้ยินคํากล่าว
เหล่านี้ นางทํา ได้เพียงแค่นเสียงเย็น
ย้อนกลับไปตอนนั้น คนที่เข้าร่วม
ประลองกับฉินหยุนไม่ใช่นาง
แต่เป็นเซี่ยวเย่ว์หลานที่ไปแทนนาง
มู่หรงต้าเหรินตอนแรกบอกต่อฉินหยุนให้ระมัดระวังเซี่ยวเย่ว์
เหม่ย ทว่า
ตอนนี้
เขากลับได้ยินชัดเจนว่าเขียวเย่ว์เหม่ยจงใจ มอบหญ้าหัวใจลึกลํ้า
แก่เขา ทําเอาเขาเกิดความประทับใจขึ้น!
“น้องหยุน
เจ้าเกือบได้เป็นพี่เขยเชี่ยวเย่ว์เหม่ยนี่นะ!” ฮั่วจง หัวเราะคิกคัก
เสียงนี้ค่อนข้างดัง ผู้คนที่นี่ล้วนได้ยิน
ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังไร้สี
หน้าใด ทั้งยังไม่มองมาทางด้านนี้
ตู้ก่วยมองฉินหยุนก่อนหัวเราะให้ “เจ้าหนู
เจ้าเองก็เป็นคนที่มี ศักยภาพผู้
หนึ่ง นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนัก ที่พวกเรา
มอบข้อยกเว้นทว่าเจ้า
ปฏิเสธคําเชื้อเชิญของพวกเรา!”
“ขอรับ
ข้ามั่นใจว่าสามารถเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนได้” ฉินหยุน
หัวเราะรับคํา
“อาจารย์ตู้ หากข้าสามารถทําให้หิน
จํานวนมากลอยขึ้นได้ ท่านจะมอบ
เคล็ดวิชาฝึกฝนพลังจิตแก่ข้าเป็นพิเศษได้หรือไม่?”
“ก็นะ... มันขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ได้”
ผู้อาวุโสผู้กล่าว อูโยวเงินที่ยืนอยู่
ด้านข้างมาโดยตลอดพลันหัวเราะเดียดฉันท์
“คนอย่างเจ้ามันจะแข็งแกร่งได้เพียงใดกัน?”
“อวดดีนัก ฉินหยุนคืออาจารย์จารึก
การจะเป็นได้จําต้องมี พลังจิต
มหาศาล ไม่ว่าจะมีพลังจิตอ่อนด้อยเพียงใด
เขาก็ย่อม ต้องดีกว่าเจ้า โง่
เขลานัก!” อูโยวเส้นพลันสะท้าน
เขาไม่นึกว่าศิษย์ของสถาบันซานเสวียน
จะกล้ากล่าวต่อเขาเช่นนี้
ขณะคิดกล่าวคําโต้เถียง เขาจึงได้ เห็นศิลานภา
ลอยล่องกําลังลอยขึ้นกลางอากาศ!
ศิลานภาลอยล่องหลายสิบตอนนี้นิ่ง
ค้างอยู่กลางอากาศแล้ว!
นี่คล้ายกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ฉินหยุนสามารถทําให้
ศิลานภาลอย
ล่องหลายสิบก้อนลอยขึ้นกลางอากาศได้โดยง่ายดาย ทุก
คนต่างสูดลมหายใจนําอากาศเย็นเข้าปอดด้วยความตื่นตะลึง!
พรสวรรค์ระดับนี้แทบเทียบเท่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!
“พลังจิตของอาจารย์จารึกช่างแข็งแกร่งนัก!”
“อย่าลืมว่าฉินหยุนยังไม่ได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
และยังไม่ได้
ฝึกฝนพลังจิตโดยได้รับคําชี้แนะ แต่เขาก็ยัง
แข็งแกร่งได้เพียงนี้”
“แล้วนี่ก็ยังไม่ใช่เต็มกําลังด้วย!”
มู่หรงต้าเหรินหัวเราะออก
“ด้วยฝีมือระดับนี้ ก็เพียงพอให้หัก
หน้าผู้คนจากสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
แล้ว โดยเฉพาะกบใน
กะลาที่มาจากตระกูลเชี่ยวชาญพลังจิต คราวนี้คง
ได้รู้แล้วว่า ใครกันแน่ที่โง่เขลา!”
ใบหน้าของอู่โยวเสินเปี่ยมด้วยโทสะและ
ความริษยา ระดับพลัง
จิตของเขาและฉินหยุนแตกต่างเกินไปอย่างเห็นได้
ชัด เรียกได้ ว่าคนละระดับชั้นกันเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เหนือลํ้ากว่าเขาได้ล้วนอยู่ในความ คาดหมาย
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไร
แล้วเชียวเย่ว์เหม่ยก็คือผู้ มากพรสวรรค์แต่แรก
แต่แล้วคราวนี้ ฉินหยุน
บุคคลที่เขาเมินตํ่าว่าห่างไกลจากตน กลับเหนือ
ลํ้ายิ่งกว่าตัวเขา หลังผ่านไปพักหนึ่ง
ศิลานภาลอยล่องอีกสามสิบก้อนก็
ลอยขึ้น กลางอากาศ
รวมแล้วทั้งสิ้นแปดสิบก้อน...
“ข้าทําเต็มที่แล้ว!”
ฉินหยุนเอ่ยพร้อมสีหน้าซีดจาง ตู้ก๋วยหัวเราะรับคํา
“ดีนัก ดีแล้ว...”
“ชายที่น่ารังเกียจผู้นี้ เขาไม่ได้ทําเต็มที่!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่น เสียงดังขึ้น
ฉินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยนขณะยิ้มลําบากใจกล่าวคํา
“ข้าทํา เต็มที่แล้วจริง
ๆ!”
ตอนท
ี่131 รวมจิตวิญญาณสังหาร
ทุกคนล้วนสับสนกับคําพูดของเซี่ยวเย่ว์เหม่ย
เป็นเพราะพวก เขาก็ได้เห็น
ว่าฉินหยุนพยายามเต็มที่แล้ว
ทั้งสีหน้ายังซีดจาง ฉินหยุนไม่ได้ทําเต็มที่
ทางหนึ่งก็เพราะเขาไม่ต้องการเผยพลัง
จิตที่แข็งแกร่งของตนเอง อีกทาง
หนึ่ง เขาไม่ต้องการชิงผลไม้
สุกจากเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เพราะตําแหน่งผู้
ชนะเลิศของการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น
เป็นพี่สาวนางมอบให้ ครั้งนี้
เขาจึงมอบให้นางกลับคืน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเสียงเย็น
“เจ้าสะกดพลังจิตเอาไว้ คิด หรือว่าข้าไม่เห็น?
ไม่ใช่เจ้าเป็นกังวลหรือว่า
จะเป็นการแย่งชิง ผลไม้สุกจากมือข้า? ข้าให้อันดับหนึ่งการประลองยุทธ์
มังกร ซ่อนเร้นครั้งนั้น
มาตอนนี้เจ้ายังกลัวที่จะแย่งชิงผลไม้สุกงั้น หรือ?”
ฉินหยุนเผยรอยยิ้มเก้กังขณะกล่าวคํา
“เป็นเจ้าคิดมาก เกินไป!”
ตู้ก๋วยขมวดคิ้วก่อนกล่าวคําด้วยรอยยิ้มสดใส
“ฉินหยุน พลัง จิตของเจ้า
ไม่แข็งแกร่งพอ
เจ้าเพียงเรียนรู้ได้แค่เคล็ดวิชาพลัง จิตทั่วไป!” ฉินหยุน
สบถในใจ เขากล่าวอย่างไม่พอใจออกมา
“ทุกคนล้วน
ได้เห็นศิลานภาลอยล่องทั้งแปดสิบก้อนลอยขึ้น นี่ยังไม่
เพียงพอหรือขอรับ?”
“ก็ไม่เลว แต่ไม่พอ!
หากพลังจิตของเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าก็ ไม่ยินดีที่จะ
มอบเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังจิตชั้นสูงให้
ไม่เช่นนั้น อาจทําพลาดจนเจ้า
บาดเจ็บเสียเอง!” ตู้ก๋วยยิ้มอย่างมีเลศนัย
ถึงที่สุด
“เรื่องนี้ งั้นให้ข้าทดสอบใหม่”
เพื่อเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังจิตที่ ดี ฉินหยุนทํา
ได้เพียงยอมรับและลงมืออีกครั้งหนึ่ง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลอกตามองและ
กล่าว
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ได้ ใช้พลังเต็มที่
เจ้าโต้เถียง ครั้งนี้กลับพูดเช่นนี้
ออก!”
ตู้ก๋วยหัวเราะให้ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
คิดเสียว่าข้าไม่รู้เห็นเรื่อง เมื่อครู่!”
ที่จริงแล้ว ฉินหยุนเก็บซ่อนพลังจิตของตนเอาไว้
เขาไม่ได้ ปลดปล่อยมัน
ออกมาทั้งหมด เรื่องนี้ทําเอาผู้คนล้วนประหลาด
ใจกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะ
รองอธิการบดีทั้งสองของสถาบันยุทธ์
ระดับเสวียน!
คราครั้งนี้ผู้คนจับจ้องศิลานภาลอยล่องบนพื้น
ไม่นานจากนั้น ศิลานภา
ลอยล่องเริ่มยกตัวขึ้นกลางอากาศ
เพียงอึดใจถัดมา กว่าแปดสิบก้อนก็
ลอยขึ้นสูงค้างกลางอากาศ
“ยังไม่พอ ทําต่อไป!”
เขากล่าวคําเพราะทราบแล้วว่าฉินหยุน เก็บงําพลัง
เอาไว้
ฉินหยุนกัดฟันแน่นขณะปลดปล่อยเศษเสี้ยวพลังจิตจากจิต
วิญญาณดวงดาวภายในหัว จากนั้น
ศิลานภาลอยล่องอีกห้า ก้อนจึงลอย
ขึ้นในอากาศ เขาเอ่ยถาม “พอหรือยังขอรับ?”
ตู้ก๋วยส่ายศีรษะ “ไม่พอ!”
คิ้ววิจิตรงดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยขมวด
นางกล่าวคํา “เจ้า กําลังเล่นตลก
อะไร ปล่อยพลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า
ออกมาในชั่วลมหายใจเสีย!”
ฉินหยุนลอบกัดฟันแน่นก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก
พร้อมเสียง คํารามเบา
เขาปลดปล่อยพลังจิตทั้งหมดในผลึกดวงดาว ออกมา
เป้าหมายของพวก
มันคือปกคลุมศิลานภาลอยล่อง
ศิลานภาลอยล่องทั้งหมดเริ่มลอยขึ้น
กลางอากาศและสั่นไหว เสียงดังรุนแรง!
“หนึ่งร้อยก้อนกลางอากาศ น่าทึ่งนัก!”
“พลังจิตของเขาถึงขั้นเทียบเท่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!”
“เจ้าหนูนี่ซ่อนพลังเอาไว้ถึงเพียงนี้”
“คนผู้หนึ่งสามารถฝึกฝนพลังจิตจนแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร
กัน?”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ตู้ก่วยก็อึ้งทิ้งไปยามได้เห็นเช่นกัน
ขณะผู้คนสนทนาเรื่องราว ศิลานภาลอยล่องที่สั่นเพิ่มพลันส่ง
เสียง “ปู ป
ป...” ออกมาก่อนระเบิดออกเป็นเศษซาก!
ถึงคราวนี้ผู้คนล้วนกายแข็งที่อกันแล้ว!
พลังจิตแข็งแกร่งขนาดทําให้ศิลา
นภาลอยล่องทั้งหมดระเบิด ออกได้!
นี่ฉินหยุนครอบครองพลังเพียงใดกัน
แน่? นี่เหนือลํ้า กว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยแล้ว!
พอตู้ก่วยได้เห็นศิลานภาลอยล่อง
แตกกระจาย ปากนั้นต้องอ้า ออกแตกตื่น
ดวงตาดวงเล็กนั้นถึงกับเบิก
ออกกว้าง ฉินหยุนลอบถอนใจกับตนเอง
“ไม่ดีแล้ว ใช้พลังเยอะเกินไป!”
ดวงตาของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเปี่ยมด้วยความ
ประหลาดใจไม่แพ้กัน แต่แล้ว
มันก็เปี่ยมด้วยความซุกซนเช่นกัน นาง
หัวเราะกล่าว
“ฉินหยุนเอ๋ย เจ้าเจอปัญหาเข้าแล้ว
ทําลายหินลํ้าค่าของ อาจารย์ตู้จน
สภาพเช่นนี้ แต่ละก้อนน่าจะมีค่าราวหนึ่งแสน
เหรียญผลึก!”
หนึ่งร้อยก้อน.... เท่ากับสิบล้านเหรียญผลึก!
ฉินหยุนลอบสบถต่อเชียวเย่ว์เหม่ย
นี่นางล่อลวงเขาให้กระทํา
“นี่... ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”
หลังตู้ก่วยดึงสติกลับคืนมาได้ เขา จึงปล่อย
พลังจิตออก ศิลานภาลอยล่องที่แตกกระจายเป็นเศษ
ซากเริ่มลอยกลับ
เข้าในกล่อง ตอนนี้ทุกคนล้วนได้เห็นแล้ว
ว่าพลังจิตของฉินหยุนแข็งแกร่ง
อย่างยิ่ง
มันกระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดี๋ยวเย่ว์เหม่ย!
“อาจารย์ ท่านไม่คิดให้อะไรข้าบ้างหรือขอรับ?”
ใบหน้าของ ฉินหยุนเปี่ยม
ด้วยความคาดหวังขณะกล่าวถาม
“เมื่อครู่ครั้ง เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ท่านมอบสร้อยคอให้นางไปนะ!”
พอมาคิดว่า
เขาถึงขั้นกล้าร้องขออะไรสักอย่างจากตู้ก่วย
ทั้งที่ เพิ่งทําลายศิลานภา
ลอยล่องที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญผลึก
คนผู้นี้ช่างผิวหน้าหนายิ่งนัก
กระทั่งมู่หรงต้าเหรินยังเหยียด หยามอยู่ภายใน
“เรื่องนี้ ข้าไม่มีอะไรที่ดีให้แก่เจ้าแล้ว!”
ตู้ก๋วยหัวเราะเก้กัง “ต้องขอโทษ
ด้วยแล้วกันนะ!”
“ไม่เป็นไรขอรับ ถือว่าท่านติดค้างข้าเอาไว้ก่อน
ภายหน้าท่าน ค่อยมอบ
ต่อข้ายังได้” ฉินหยุนฉีกยิ้มกล่าว
“ตกลงตามนี้นะ ขอรับ! อาจารย์
ท่านมีพลังจิตที่แข็งแกร่งย่อมไม่หลงลืม
โดยง่าย ข้าหวังว่าท่านจะไม่ลืมนะขอรับ!”
ทุกคนถึงกับมองเหยียดเขาที่ไร้ยางอายทวงถามของรางวัลถึง
เพียงนี้ มี
ทั้งสิ้นสิบเจ็ดคนที่สามารถผ่านการทดสอบของตู้ก่วย
พวก เขาล้วนได้รับ
วิชารวมจิตวิญญาณสังหาร ถือเป็นวิชายุทธ์
ระดับวิญญาณ แต่ก็เป็น
เพียงแค่ส่วนแรกของวิชาเท่านั้น
“แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ส่วนแรก
แต่ก็เพียงพอให้พวกเจ้าใช้ รับมือกับ
วิญญาณสัตว์ร้ายได้” หลังตู้ก๋วยกล่าวคําจบ
เขาจึงนําตําราอีกเล่มออกมา
และโบกมือ ส่งมันออก เขากล่าวต่อฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
“นี่คือเคล็ด วิชาอีกหนึ่งที่ข้าบอกจะมอบให้
มันมีอยู่เพียงเล่มเดียว พวก
เจ้า ทั้งสอง ไปศึกษาร่วมกันก็แล้วกัน!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบหันสายตามองฉินหยุน
นางกล่าว “พาข้า ไปห้องเจ้า!”
การกระทํานี้ ผู้คนล้วนรับชมอยู่
ฉินหยุนได้พาเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เข้าถํ้าของ
ตนไป
ใบหน้าของมู่หรงต้าเหรินถึงขั้นเผยความนับถือขณะกล่าวคํา เสียง
เบา
“ชายหนุ่มและหญิงสาวเรียนวิชายุทธ์ด้วยกันหรือ?
น้องหยุนช่างน่าทึ่งนัก
เห็นเรียบร้อยอย่างนั้นไม่นึกว่าจะมีฝีมือ
พิชิตใจหญิงเหล็กแห่งราชวงศ์ได้
ช่างลึกลํ้าจริง ๆ นับเป็น บุคคลตัวอย่างแล้ว!”
ศิษย์ผู้อื่นที่นี่ต่างฮือฮา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงขั้นไปร่วมห้องกับฉัน
หยุน...
แม้พวกเขาทราบว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมอบอันดับหนึ่งมังกรซ่อน
เร้นแก่ฉิน
หยุน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ควรพัฒนา
รวดเร็วเพียงนี้
“อย่าห่วงเลย
ต่อให้เจ้ามอบความกล้าแก่ข้าสักสิบส่วน ข้าก็ไม่ กล้าอยู่ดี
ไม่งั้นพี่สาวเจ้าได้มาตัดคอข้าตายแน่”
ฉินหยุนเม้มริม ฝีปากกล่าว
“เหตุใดเจ้าพูดเหมือนข้าเป็นคนเช่นนั้น
ข้าเป็นคน ใสซื่อนะ!” เชี่ยวเย่ว์เห
มียนั่งที่เก้าอี้ขณะมองรอบ
นางพบว่าที่นี่มีพิมพ์ เขียวอยู่จํานวนมาก ทั้ง
ยังมีเตาหลอม และกระดูกสัตว์อีกหลายชนิด
นางเอ่ยถาม
“ฉินหยุน วิญญาณยุทธ์ของเจ้ายังอยู่จริงหรือ?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ผู้ซึ่งวางท่า
และงดงามมาโดยตลอด พลันกล่าว คําถามตรงจุดไม่อ้อมค้อม
ตอนนี้นาง
กระทั่งนําผลไม้ออกมากัด กินด้วยซํ้า
“แน่นอน วิญญาณยุทธ์ข้าไม่ได้ตายหรือหายไปไหน
เป็นพวก หน้าโง่อย่าง
อาจารย์เว่ยที่เข้าใจผิดไปเองทั้งนั้น”
ฉินหยุนแค่น เสียง เขาพิจารณา
สํารวจมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ฉับพลัน มันให้
ความรู้สึกว่านางน่ารักยิ่ง ความ
งดงามวิจิตรของนาง ใบหน้าที่
จิ้มลิ้มและขี้เล่น ทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าเรียบ
ง่ายแต่หรูหรา การ
แต่งกายเรียบง่ายของนางยิ่งขับเน้นให้เรียบหรู
แตกต่างจาก ท่าทีขี้เล่นไม่น้อย
ตอนท
ี่132 ชื่อเส
ี
ยงย่อยยับ
“นับว่าดีที่วิญญาณยุทธ์เจ้าไม่ได้ตาย
พี่สาวข้าเป็นห่วงไม่น้อย ว่าเจ้าจะ
ไม่สามารถไปเข้าร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสหรืออะไร
ทํานองนั้นได้!” เสี่ยว
เย่ว์เหม่ยกล่าวคํา ทั้งนี้นางยังเคี้ยวผลไม้
ในมือไปด้วย
“อะไรกัน? นี่นางอยากให้ข้าไปหรือ?
ทําไมกันละ?” ฉินหยุนใช้ โอกาสนี้
ถามเรื่องเกี่ยวเย่ว์หลาน
เขารู้สึกว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ตรงหน้าน่าจะสนทนา
ด้วยง่ายกว่า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเปิดตําราที่ผู้ก่วยมอบให้ ระหว่างที่อ่านนางก็
ตอบคํา
“ใช่ พี่สาวอยากให้เจ้าได้เห็นว่ายามที่นางอภิเษก
สมรสกับฉินเจิ้งเฟิ งเป็น
อย่างไร!”
“โห” ฉินหยุนคล้ายไม่เก็บคําตอบนี้มาใส่ใจ
เขาเดินไปนั่งข้าง เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยขณะร่วมอ่าน
“พี่สาวข้าเคยหมั้นหมายกับเจ้า
ตอนนี้ต้องย้ายไปแต่งให้ฉัน เจิ้งเฟิ ง เจ้า
ไม่เศร้าเลยหรือไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลอกตามอง
ฉินหยุน นางกล่าวถามทั้งปุ๋ ยปาก
ฉินหยุนยิ้มร่า
“มีอะไรให้รู้สึกแย่กัน? ใครได้แต่งงานกับผู้หญิง
เช่นพี่สาวเจ้าคงได้ขนลุก
ทั้งวัน! ข้าคิดว่าเจ้าดีกว่าเยอะ เจ้าละ
สนใจแต่งงานกับข้าหรือไม่ ข้าจะ
ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างยุติธรรม!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะกล่าว
“เจ้าคิดอยากแต่งงานกับข้า?” หลังนางกล่าวจบคํา
นางลุกขึ้นและนั่งบน
โต๊ะตรงหน้า นาง กอดอกไว้ทั้งยิ้มให้
“เจ้าจะยิ่งรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าหากแต่งงานกับข้า!”
“ข้าคิดว่าเจ้าก็ไม่เลว! ทั้งยังน่ารัก
นี่ข้ายังคิดอยากหยิกเจ้าสัก ครั้งเลย
ด้วยซํ้า!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ มือนั้นยื่นออกไปโดย
ทันที แต่ก็ถูกหยุด
เอาไว้ด้วยมือราวหยกแก้วของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
“เลิกทําตัวไร้สาระได้แล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“จริงจัง หน่อย
นี่เจ้าต้องการให้พี่สาวข้าแต่งกับฉินเจิ้งเฟิ งหรือ? เจ้ารู้
หรือไม่ว่าการแต่งงานระหว่างเจ้าและพี่สาวข้าเป็นการตกลงกันโดยแม่
ของเจ้า? ตอนนี้มันพังลงเพราะจักรพรรดินีแห่งเทียน
ฉิน และฉินเจิ้งเฟิ งก็
คว้าโอกาสนี้เอารัดเอาเปรียบ!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว
เขาพยักหน้ารับคํา
“ข้าไม่ได้หวังให้นาง แต่งงานกับฉินเจิ้งเฟิ ง!”
“พี่สาวยอมมอบอันดับหนึ่งแก่เจ้า
เพราะนางหวังว่าเจ้าจะ แข็งแกร่งขึ้น
เมื่อเริ่มงานพิธี จะได้มีเรื่องสนุกเกิดขึ้น!”
เชี่ยว เย่ว์เหม่ยยิ้มให้เห็น
“ดูเหมือนเจ้าก็มีศักยภาพมากพอที่จะก่อ ปัญหาเสียด้วย!
ขอให้คราวนี้
ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องทั้งหมดที่เคย
เกิดขึ้นเลยด้วยละ!”
“พี่สาวเจ้าไม่ต้องการแต่งกับฉินเจิ้งเฟิ งหรือ?”
ฉินหยุนเดาะ ลิ้น
“หากนางไม่ต้องการแต่ง แล้วข้าจะไปทําอะไรได้?
นางคือ ผู้ฝึกตน
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด
ทั้งยังไม่ใช่ผู้ที่อ่อน ด้อยกว่าผู้ใดในระดับ
เดียวกัน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถอนหายใจยาวออกมา
“แม้นางไปยังตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม
นางยังต้องมีหญิงชราสองคนที่อยู่ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋ร่วมทางตลอด เจ้าทราบหรือไม่ว่าเพราะ
อะไร? ก็เพื่อจับตาดูไม่ให้
นางหนีหาย!” ถึงตอนนี้ฉินหยุนถอนหายใจออกมาบ้างแล้ว
“หญิงเช่นพวกเรามีชีวิตขมขื่น
หากพรสวรรค์ทางวิชายุทธ์ ของพวกเราสูง
ลํ้า พวกเราจะถูกขายออกเสมือนสมบัติชิ้นหนึ่ง
ของตระกูล พวกเราไม่
อาจมีใจเป็นของตัวเอง ข้าเองก็ต้อง
ประสบชะตาเดียวกันนี้ในภายหน้า!”
ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์ เหม่ยเผยความอดสู
นางตอนนี้ระบายออกด้วยการ
กินแอปเปิล เข้าไปอีกหลายลูก
“ก็หนีสิ!” ฉินหยุนกล่าว
“นี่ คิดให้ข้าไปที่ใด? ซ่อนตัวจนไม่อาจฝึกตนหรือ?
แบบนั้น ยิ่งไม่มีทาง
ครอบครองพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้!
พี่สาวเดิมที่คิดว่า หลังถึงขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เก้า นางจะสามารถหลบ
ซ่อนเก็บตัวเพื่อเข้าถึง
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแต่ตอนนี้นางไม่ อาจ”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยใบหน้า
เสียใจ นางเป็นห่วงพี่สาวไม่ใช่ น้อยเลยจริง ๆ
“อะไรคือเงื่อนไขที่จักรวรรดิเทียนฉินตกลงเพื่อทําให้เซี่ยวเย่ว์
หลานยอม
แต่งงานกับคนอย่างฉินเจิ้งเฟิ ง?” ฉินหยุนสงสัยยิ่ง
เพราะเชี่ยวเย่ว์หลานมี
ดีกว่าฉินเจิ้งเฟิ งในทุกด้าน
“กล่าวกันว่าเป็นอุปกรณ์ระดับลึกลํ้า
เคล็ดวิชาฝึกตนระดับลึก ลํ้า พวกนี้
คือสิ่งแลกเปลี่ยน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“ข้าเองยัง
ได้ยินมาว่ามีตระกูลใหญ่หลายแห่งต่อสู้เพื่อพี่สาวข้า พวกเขา
ตั้งเงื่อนไขเอาไว้สูงเช่นกัน แต่พอเวลามาถึง
ก็เป็นอย่างที่เห็น ตอนนี้” ฉิน
หยุนพอได้ยินดังนี้ เขาจึงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“พวกมันคิด ว่าพี่สาวเจ้าเป็นอะไร? สินค้าประมูลหรือยังไง!”
“ใช่ เพราะ
แบบนี้ข้าถึงได้โกรธ เพราะแบบนั้นข้าจึงคาดหวัง
ว่าเจ้าจะสามารถไป
ร่วมงานและก่อเรื่องขึ้น!” เชี่ยวเย่ว์เหมีย
ตบไหล่ฉินหยุน
“ถึงตอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว พี่สาวมอบ
หญ้าหัวใจลึกลํ้าแก่เจ้า เจ้าต้อง
ตอบแทนหนี้ครั้งนี้ให้ดีด้วย!”
ฉินหยุนทราบว่าหญ้าหัวใจลึกลํ้าไม่ใช่สิ่งง่ายได้รับมา
แต่ อย่างไรแล้ว เขา
ก็คิดไปช่วยเชียวเย่ว์หลานอยู่ดีแม้ไม่มี
เหตุการณ์ครั้งนั้น
“แล้วเจ้าเล่า? จักรวรรดิเทียนเชี่ยววางแผนขายเจ้าต่อใคร
แล้วมูลค่า
เพียงใดที่ขายออก?” ฉินหยุนถามต่อเซี่ยวเย่ว์เหม่ย
ที่นั่งอยู่บนโต๊ะ
ใบหน้างดงามของเชียวเย่ว์เหม่ยเปี่ยมด้วยความขี้เล่น
นางยิ้ม กล่าว
“หลังจากคืนนี้ ข้าจะไม่อาจถูกขายได้อีกต่อไป
ลองเดา เหตุผลสิว่า
ทําไม!” ฉินหยุนถึงกับครุ่นคิดไปพักหนึ่ง
ไม่นาน เขาถึงขั้นลอบสบถ
ภายในใจ พวกเขาอยู่ในห้องกันโดยลําพัง
ทั้งยังใช้เวลาร่วมกันทั้งคืน ต่อ
ให้ไม่มีอะไรในกอไผ่
ผู้อื่นย่อมต้องคิดจินตนาการเลยเถิดกันไป ไหนต่อ
ไหนแล้ว หลังคํ่าคืนนี้
ชื่อเสียงของเขาจะพังพินาศเพราะเด็กสาว ตรงหน้า
คนนี้
สิ่งที่ตามมา
บรรดาตระกูลชนชั้นสูงที่คิดอยากตบแต่งกับเชี่ยว เย่ว์เหม่ย
จะต้องยอมถอยเรื่องจัดงานแต่งกับนางโดยทันทีแน่
“ลา ละ ลา” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงกับฮัมเพลงสุขใจ
กระทั่งกวัด แกว่งมือที่มี
ผลไม้ไปมาเป็นการร่ายรําเบา ๆ
“นี่ยังไม่คํ่ามืด รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”
ฉินหยุนไม่ต้องการให้ผู้อื่น
คิดว่าเขาทําอะไรเกินเลยต่อเซี่ยวเย่ว์เหม่ย
“ย่อมได้ ข้าจะฉีกกระชากชุดตนเองแล้วออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยยิ้มหวาน
นี่เปรียบดั่งปีศาจน้อยตนหนึ่งแล้ว ฉินหยุนนั่งลงกับเก้าอี้
คล้ายหมดแรง เขาลอบสบถตนเอง
ภายในที่ขาดความระวังถึงเพียงนี้ เป็น
เขาโดนเด็กสาวตรงหน้า หลอกลวง ด้วยสีหน้าขื่นขม
เขากล่าว
“ข้าไม่ได้ทําอะไรเจ้าเลยนะ!”
ฟันขาวงดงามเรียงสวยของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เผยผ่านรอยยิ้ม นาง หัวเราะกล่าวคํา
“ตราบเท่าที่ผู้อื่นคิดว่าเจ้าทําก็ไม่มีอะไร
เปลี่ยน! ข้าหาได้สนใจไม่ว่า
ชื่อเสียงของข้าจะเป็นเช่นไร แล้ว
เหตุใดเจ้าจึงต้องสนใจด้วยกันเล่า?”
“แน่นอนว่าข้าต้องสน!
แล้วแบบนี้หากภายหน้าข้าเจอว่าที่ ภรรยาจะให้ข้า
ทําอย่างไร? ผู้คนต่างคิดว่าข้าเป็นคนสารเลวที่
ไหนไม่รู้คิดฉวยโอกาสต่อ
เด็กสาวเช่นเจ้า! ตอนนี้ข้าจบแล้ว
ชื่อเสียงข้าป่ นปี้หมด!” ฉินหยุนคล้าย
ชีวิตนี้หาได้หลงเหลือ
เกียรติใดให้เชิดหน้าชูตาไม่ ถึงตอนนี้เขาค่อยได้
ทราบ ว่าสองพี่น้องคู่นี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า
กันเลยสักนิด โดยเฉพาะกับเด็ก
สาวตรงหน้า นางภายนอกเย็นเยือก ทว่า
ภายในใจกลับมีแผนลับลวง
พรางถึงที่สุด มันถึงขั้นทําให้เขา หย่อนความระวังต่อนางไปจนสิ้น
“ย้อนกลับไปตอนนั้น
ตอนที่พี่สาวมาแทนข้าและมอบอันดับ หนึ่งมังกร
ซ่อนเร้นแก่เจ้า
มันก็ทําให้ผู้คนคิดแล้วว่าข้าสนใจใน ตัวเจ้า หลังจากเจ้า
แสดงพลังจิตให้เห็น ข้าค่อยตกหลุมรักเจ้า
หัวใจข้าหวั่นไหว ข้าที่อยู่ร่วม
ในห้องกับเจ้าสองต่อสอง ทั้งคืน
นี้เปรียบดั่งดอกไม้ที่เบ่งบาน นับว่า
สมเหตุสมผลไม่ใช่น้อย ใช่แล้ว
เรื่องราวเช่นนี้สมควรนําไปแพร่งพรายยิ่ง
นัก”
เชี่ยวเย่ว์ เหม่ยกล่าวคําหัวเราะคิกคัก
ฉินหยุนถอนหายใจยาว เขาทําได้
เพียงแต่ยอมรับชะตาที่ต้อง
ชดใช้หนี้แก่หญ้าหัวใจลึกลํ้า
“เร็วเข้า อ่านตําราเล่มนี้กันดีกว่า”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยฉุดเขาที่นั่ง กับเก้าอี้
อย่างหมดแรงขณะบอกให้ตั้งใจ
ฉินหยุนถึงกับมึนงงไปวูบเมื่อได้สํารวจ
มอง
“เคล็ดวิชาเทวะ ควบคุม?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ
“ผู้อาวุโสผู้ก่วยคือผู้ฝึกตนที่มีพลัง
จิตลึกลํ้ายิ่ง เขาสามารถใช้พลังจิต
ควบคุมได้หลายสิ่งอย่าง แม้ในอนาคต
นักรบสามารถใช้พลังภายใน
ควบคุมวัตถุได้ แต่
มันยังห่างไกลนักหากเทียบกับการใช้พลังจิต เพราะ
เมื่อใดที่ใช้ มันควบคุมสิ่งของ
พลังภายในที่ถูกรวมไว้ที่วัตถุดังกล่าว
สามารถสลายและสินสภาพ”
“เด็กน้อย เหตุใดเจ้ารู้มากเพียงนี้? วิญญาณยุทธ์เจ้าแท้จริงคือ
อะไรกัน
แน่?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ความลับ!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงตอบและค่อยพูดต่อ “หากพวกเรา
เรียนรู้เคล็ดวิชานี้ พวกเราจะสามารถใช้กําลัง
ภายในและพลังจิตเพื่อ
ควบคุมอุปกรณ์วิญญาณและทําให้มัน
ปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงออก..
ยกตัวอย่าง ระหว่างการ แข่งขัน
หากมีคนทําอาวุธตก พวกเราสามารถ
ควบคุมอาวุธ ของบุคคลนั้นได้”
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยอุทานร้อง
“นี่มันเหลือเชื่อ!” “เอาละ
ตอนนี้ก็มาเรียนรู้และจดจํามันไปพร้อมกัน! ข้า
ได้ยิน
ว่าเจ้าทั้งรู้และเข้าใจวิชายุทธ์ได้ดีเยี่ยม ให้ข้าได้เห็นหน่อยแล้ว กัน
ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่? เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลิกหน้ากระดาษแรก
เพื่อให้ฉินหยุน
ได้จดจําเนื้อหาในตํารา
ตอนท
ี่133 เคล็ดวิชาเทวะควบคุม
มันมีบันทึกจากตู้ก๋วยภายในตําราวิชาเทวะ
ซึ่งมันทําให้ง่ายต่อ การอ่าน
ผ่านไปนานไม่น้อย
ในที่สุดพวกเขาก็จดจําทุกอย่างได้
“บอกต่อข้าว่าเจ้าเข้าใจว่าอย่างไร!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสะกิดฉิน หยุนเบามือ
“นี่เจ้าฝันกลางวันอะไรอยู่? พูดเร็วเข้า!”
“ข้ากําลังคิดว่าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวจะคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องที่
ข้าทําอะไร
เจ้า พวกเขาต้องต่อต้านข้าแน่นอน หรือไม่ใช่?
ข้า ทําให้เชี่ยวหลางพิการ
ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งยังนําร่างราชสีห์
เหมันต์กลับมาด้วย พวกเขาเกลียดชัง
ข้ามานานยิ่งแล้ว ตอนนี้ เจ้ายังก่อเรื่องซํ้าอีก”
ฉินหยุนเป็นกังวลเรื่องนี้
ไม่ใช่น้อย เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลอกตาแค่นเสียง
“เจ้าเพิ่งยั่วยุตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามไป
เหตุใดต้องหวาดกลัว
จักรวรรดิเทียนเชี่ยวของเรา? เจ้าคือว่าที่ปรมาจารย์จารึกในอนาคต
เจ้า
ควรมีความ มั่นใจในตัวเองบ้างสิ!”
“แต่คราวนี้ข้าไม่ได้รับผลประโยชน์ใด
ทั้งยังไปก่อร่างสร้าง ความเกลียด
ชังต่อจักรวรรดิเทียนเชียว
นอกจากนี้ชื่อเสียงของ ข้ายังป่ นปี้ นี่ถือเป็นการ
สูญเสียครั้งใหญ่!” พอฉินหยุนคิดได้ ดังนี้
เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับหญ้าหัวใจลึกลํ้าไปหรือไร?”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ย บุ้ยปาก
กล่าว
“ก็ได้ ข้ายอมรับ อย่างน้อยข้าก็ได้ไอ้นั่นมา!”
ฉินหยุนถอน หายใจ เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยแค่นเสียงเบา
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้จนเกินไป
บรรดาตระกูลทรงอํานาจทั้งหมด
รวบรวมเงินไปครั้งคิดชิงตัว พี่สาวข้าแล้ว
ต่อให้พวกเขาไม่ได้ข้า ก็แค่รู้สึก
เสียดายเท่า นั้นเอง”
“ทําไมกันเล่า? เจ้าไม่ได้แย่กว่าพี่สาว
แต่ทําไมเจ้าถึงไม่มีค่า?” ฉินหยุน
สํารวจมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
“แม้ว่าจะเล็กไปบ้างก็ตาม”
“พวกมันอยากแย่งชิงตัวพี่สาวข้าไปไม่ใช่เพราะพรสวรรค์
เพียงอย่างเดียว
แต่เป็นเพราะความลับหลุมฝังเซียนในกายนาง!”
เสี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยคําชวนตกตะลึงต่อฉินหยุน
แผนที่หลุมฝังเซียน แท้จริง
อยู่ในมือของเชี่ยวเย่ว์หลานนี่เอง!
ฉินหยุนเองก็มีส่วนหนึ่งของแผนที่หลุมฝังเซียนอยู่ใน
ครอบครอง ฉินหย่ง
เหอเป็นคนมอบมันแก่เขา! แผนที่หลุมฝังเซียนในมือของเชี่ยวเย่ว์หลาน
ย่อมไม่ใช่ส่วนที่ สมบูรณ์
แต่กระนั้นก็มีหลายคนต่อสู้เพื่อแย่งชิง!
“เจ้ารู้เรื่องหลุมฝังเซียนหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามเมื่อ
เห็นสีหน้าฉิน
หยุนแปรเปลี่ยน
“ข้าเคยได้ยินมา...
เพราะอะไรของสําคัญเช่นนั้นถึงอยู่กับ พี่สาวเจ้า?” ฉิน
หยุนคิดว่าของชิ้นนั้นสมควรอยู่ในมือของ
จักรพรรดิแห่งเทียนเชี่ยวด้วยซํ้า
หากมันอยู่ในมือของเชี่ยวเย่ว์หลาน
เขาเพียงช่วยเหลือนาง และเอ่ยปาก
เขาก็ไม่จําเป็นต้องเผชิญหน้ากับทั้งราชวงศ์เทียน
เชี่ยว!
“แผนที่หลุมฝังเซียนไม่ใช่สิ่งของธรรมดา
ตอนพี่สาวข้ายังเยาว์ นางเผลอ
หยดเลือดลงบนตัวแผนที่หลุมฝังเซียน และแผนที่
ดังกล่าวได้ผสาน
รวมเข้ากับกายนาง เป็นผลให้นางไม่อาจนํา
มันออกมาได้อีก ข่าวคราวนี้
เพิ่งถูกแพร่กระจายหลังพี่สาวข้า
เข้าร่วมกับตําหนักดวงดาววิญญาณสี
คราม” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“แล้วทําไมจักรวรรดิเทียนเชี่ยวไม่รักษาไว้?
แผนที่หลุมฝัง เซียนถือเป็น
ของลํ้าค่า!” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“มันก็แค่ส่วนเดียว ไม่มีค่าเลยสักนิด
ข้าไม่รู้ด้วยซํ้าว่าอีกสาม ส่วนที่เหลือ
ไปอยู่ที่ไหน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยปุ๋ ยปาก
“แต่ไอ้พวก
หน้าโง่เหล่านั้นคิดว่าแค่เศษเสี้ยวของแผนที่หลุมฝังเซียน ก็
น่าจะพอให้พวกมันหาหลุมฝังเซียนได้พบ”
“เจ้า ไปขออาจารย์ตู้เอา!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเริ่ม
แลกเปลี่ยนความรู้และเข้าใจต่อเคล็ด
วิชาเทวะควบคุม หลังเชี่ยวเย่ว์
เหม่ยได้รับฟัง นางหัวเราะร่า “ความรู้ความ
เข้าใจต่อวิชายุทธ์ของเจ้าสูง
ลํ้านัก เข้าใจได้รวดเร็วยิ่ง”
นางเริ่มอธิบายส่วนที่นางเข้าใจออกมา
หลังฉินหยุนรับฟัง เขาจึงยิ้มกล่าว
“ความสามารถรู้และเข้าใจ
ของเจ้าก็ดีไม่น้อยไปกว่าข้า! เหมือนว่าเจ้า
ไม่ใช่พึ่งแต่โชคจึง เข้าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกได้!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
หันควับมอง
“เจ้าสิคนที่มีโชคตั้งแต่เริ่มฝึกฝน!”
นางนําดาบเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นจึง
เริ่มใช้พลังจิตเพื่อ ควบคุม ทางด้านฉินหยุน
เขานําเอาหนังสัตว์จํานวน
มากออกมาและ เริ่มทําการตัด
“เคล็ดวิชาเทวะควบคุมยากนัก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกระทั่งฝึกทั้ง คืน ยังทําได้
เพียงใช้พลังจิตควบคุมดาบให้ลอยไปมา
หากนางคิดต้องการควบคุมดาบ
บินให้โจมตี มันสมควรเป็น เรื่องยากเย็นยิ่ง
“ใช้เวลาของเจ้าไป!” ฉินหยุน
ตอนนี้กําลังขัดเกลายันต์สะกด
วิญญาณออกมาจํานวนหนึ่ง
“พวกเราจะออกไปในอีกสามวัน
ข้าต้องเชี่ยวชาญมันโดยเร็ว” เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยแค่นเสียง
“เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าอยากรู้นักว่า
การสังหารวิญญาณสัตว์ร้ายจะ
ยากเย็นสักเพียงใด”
“หากจัดการไม่ได้ก็หนี!
มันไม่สําคัญว่าเจ้าจับหลักวิชาอื่นได้ดี เพียงใด ที่
เจ้าควรเชี่ยวชาญคือวิชาตัวเบา เช่นนั้นจะได้
หลบหนีอย่างรวดเร็ว” ฉิน
หยุนยิ้มอธิบายสุดยอดวิชา
กิ่ง กิ่ง กิ่ง! ช่วงเช้าตรู่
กระดิ่งที่ภายนอกดังขึ้น “ไปกัน!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยก
ล่าว
“มีกลิ่นของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ตัวมันด้วย!”
“เฮ้อ ชิงสุกก่อนห่าม! พวกเขาถึงกับทําเช่นนี้
จักรวรรดิเทียน เชี่ยวคงไม่ทํา
อะไรอื่นนอกจากฆ่าฉินหยุนให้ตายตกแล้ว!”
“ฉินหยุนกับเชี่ยวเย่ว์หลานเคยหมั้นหมายกันมาก่อน
แต่กลับมี สัมพันธ์
อันดีกับน้องสาวด้วยหรือนี่ เฮ้อ...”
ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องนี้เกินจะเชื่อ แต่
สภาพที่เห็นทําให้พวกเขา ได้แต่ถอนหายใจ
พอฉินหยุนได้ยินบทสนทนา
มากมาย เขารู้สึกใจแทบสลาย นี่
เขาไม่ได้ทําอะไรเลยแม้สักนิด!
เขาจ้องมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
และพบว่าใบหน้านางตอนนี้เปี่ยม ด้วยความ
ภูมิอกภูมิใจ “ฉินหยุน เจ้าทําอะไรต่อเซี่ยวเย่ว์เหม่ย?”
กัวเจิ้งก้าวเดินเข้า
มาตะโกนถามเกรี้ยวกราด
“ที่ข้าทําต่อนางคือข้าไมได้ทําอะไร”
ฉินหยุนเริ่มมีโทสะตั้งแต่เดินเข้า
พอกัวเจิ้งระเบิดโทสะใส่เขา
เขาก็คิดอยากจะระเบิดโทสะออกไปเสียบ้าง
กัวจิ้งคือ รองอธิบการบดีแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน
อีกทั้งยังป็นผู้ฝึตน
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทุกคนล้วนให้ความเคราพเขา
แต่ฉินหยุนกลับอวดดี
ถึงเพียงนี้
“เจ้าไม่ทราบหรืองว่า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมีตัวเลือกจากนายน้อยตระกูลมี
ชื่อเสียงมากมาย”
“ไม่ใช่ธุระของท่าน”
“นางคือศิษย์สถาบันเทียนเสวียน นาง...”
“ไม่ใช่ธุระของท่าน”
เป็นเช่ยนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ธุระของของกัวเจิ้ง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่บุตรสาวของ
เขาสักหน่อย
ตอนท
ี่134 อาคมขัดเกลากระด
ู
ก
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยืนเคียงข้าง สีหน้าของนางสงบ
ยากจะกล่าวว่า นางกําลัง
คิดอันใดอยู่ มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าวคําขึ้น
“น้องสะใภ้ ข้าเป็นพี่น้องกับฉินหยุนขอกล่าว
เจ้าและเขาช่างเหมาะสมกัน
อย่างไม่ผิดเพี้ยน!”
เขาเรียกหาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นน้องสะใภ้ และเชี่ยวเย่ว์
เหม่ยเอาแต่ยิ้ม
ความสัมพันธ์นี้ชัดเจนเกินไปแล้ว มีเพียงฉินหยุนทราบว่า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดใช้เขาเป็นทาง
หลบหนีและเลี่ยงการโดนบังคับแต่งงาน
“ทุกคนได้เรียนวิชารวมจิตวิญญาณสังหารมาตลอดทั้งคืนแล้ว
น่าจะมี
ความคืบหน้าอะไรบ้าง มาทดสอบกันดีกว่า
เข้าใจมาก หรือน้อยล้วนไม่ใช่
ประเด็น เพียงใช้ได้พวกเราจะสามารถ...”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยายามอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านางเร่งรีบเพื่อ เพิ่มพูนความ
แข็งแกร่งแก่ตัวเอง
“ตอนนี้ทุกคนล้วนเชื่อแล้วว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน
พี่ชายของเจ้า ทําได้ดียิ่ง
นัก ถึงขั้นเรียกหาข้าเป็นน้องสะใภ้
วิเศษมากโดยไม่ ต้องนัดแนะ!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคักออกมา
“พี่รองมู่หรง ช่างเลวร้ายนัก
ครั้งหน้ามีโอกาสข้าต้องสั่งสอน เสียบ้าง” ฉิน
หยุนสบถออกมาเสียงเบา
“เหตุใดเจ้าโกรธกัน? กังวลว่าในภายหน้าจะหาผู้หญิงไม่ได้
หรือ?” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคักต่อ
“ฮึ่ม!” ฉินหยุนพ่นลมออกจมูก เป็นความจริง
เขากังวลในเรื่องเชี่ยวเย่ว์
เหม่ยเพียงหัวเราะมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันนางก็
ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สอง
วันให้หลัง กระดิ่งดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์ เหม่ยเร่งรีบไป
รวมตัวที่ลานฝึกฝนเสริมสร้างการควบคุมพลังจิตไม่มากก็น้อย
”หากหน่วยใด สังหารวิญญาณสัตว์ร้ายได้จํานวนมาก
เช่นนั้นจะสามารถ
เข้าสู่
ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกเพื่อฝึกฝนได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
“แล้วข้าเล่าจะได้อะไร?” ฉินหยุนตะโกนถาม
“ได้มีโอกาสฝึกฝนครั้งนี้
ทั้งยังได้รับเคล็ดวิชาจากการทดสอบ ที่ไม่น่าจะ
เกิดขึ้น เจ้ายังไม่พอใจหรืออย่างไร? ค่ายอาคมขัด
เกลากระดูกคือสถานที่
สาํ คญั ซง่ึ
สรา
้
งขน
ึ
้
โดยพวกเราสาม สถาบนั ยทุ ธร
์
ะดบัเสว
ี
ยน เจา
้ไม่ม
ี
สิทธิ์
เข้าไป!” กัวเจิ้งแค่นเสียง ตอบกลับมา
ตู้ก๋วยพลันกล่าว
“ฉินหยุน หากหน่วยของเจ้าสังหารวิญญาณ
สัตว์ร้ายได้อันดับหนึ่ง ข้าจะ
ช่วยเจ้าให้ได้รับโอกาสเข้าสู่ค่าย
อาคมขัดเกลากระดูก แต่ต้องหลังเจ้าเข้า
สู่สถาบันยุทธ์ชิง เสวียนในภายหน้านะ”
มู่หรงต้าเหรินที่ยืนอยู่ด้านข้าง
พลันถามออกด้วยความสงสัย “ค่ายอาคม
ขัดเกลากระดูก
คือสถานที่ช่วยเหลือการฝึกฝนและสร้างวัชระกระดูกหรือ
ขอรับ
เมื่อฝึกฝนวัชระกระดูกก็สามารถเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เจ็ด”
“ดี
ตอนนี้พวกเจ้าเริ่มงานพร้อมหน่วยของตัวเองกันได้แล้ว การเลือกเพื่อน
ร่วมหน่วยก็เป็นสิ่งสําคัญเช่นกัน”
“ข้าจะไปกับพี่หยุน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงเย็นเยือกประกาศกร้าว
นางถึงกับเรียกฉินหยุนเป็นพี่หยุน
คราวนี้ผู้คนมั่นใจได้แล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมีการพัฒนา
เมื่อกัวเจิ้งได้ยินดังนี้
เขาถึงขึ้นตื่นตกใจขณะเร่งร้อนเกลี้ยกล่อม “เย่ว์เหม่ย
เจ้าควรพิจารณาให้ดี วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนมี
ปัญหา และยังเร็ว
เกินไปที่เจ้าจะตัดสินใจ เขาอาจลากเจ้าลงสู่
ที่ตํ่า เจ้าควรตั้งหน่วยตนเอง
พร้อมศิษย์จากสถาบันยุทธ์ระดับ เสวียน ด้วยพรสวรรค์พลังจิตของเจ้า
พวกเราย่อมได้รับอันดับ หนึ่ง!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบดีว่าฉินหยุนแข็งแกร่งขนาดไหน
ครั้งการประลองยุทธ์
มังกรซ่อนเร้นก็ได้เห็นศักยภาพของเขาไปคราหนึ่ง
แล้ว นางตอนนี้ยิ่ง
ตระหนักได้ว่าฉินหยุนมีความรู้ความเข้าใจ
ต่อวิชายุทธ์น่าทึ่งมากเพียงใด
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เป็นเพราะความเข้าใจสูง
เขาถึงขั้นเรียนเคล็ดวิชา
เทวะ ควบคุมได้อย่างรวดเร็ว เพียงเวลาสามวัน
เขาถึงขั้นควบคุม กระบี่
ภูตผีกวัดแกว่งได้แล้ว สําหรับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
ด้วยการชี้แนะจากเขา นาง
สามารถ เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเทวะควบคุมถึงขั้นต้น
และตอนนี้นาง
สามารถควบคุมดาบบินได้แล้ว!
“ข้าคิดดีและถี่ถ้วนแล้ว
ข้าต้องการร่วมทางกับพี่หยุน อย่าได้ ห่วงเรื่อง
ข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวคํายะเยือก
นางไม่คิดไว้หน้า แม้กระทั่งกัวเจิ้ง
“ดี! อยากทําอะไรก็ทํา!”
กัวเจิ้งโกรธไม่ใช่น้อยจนต้องโพล่ง เสียงดังตอบ
กลับ ทั้งสิ้นมีสามหน่วย
หนึ่งคือฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย อีกหนึ่ง คือ
เจ็ดคนจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน
และอีกหนึ่งคือหน่วย แปดคนจาก
สถาบันยุทธ์เทียนเสวียน
หากพวกเขาได้รับอันดับหนึ่ง เช่นนั้นทุกคนใน
หน่วยจะ
สามารถเข้าสู่ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกได้! หากเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เข้าร่วมหน่วย โอกาสได้รับชัยชนะยิ่งมาก ขึ้น
เพราะแบบนี้กัวเจิ้งถึงได้
โกรธรุนแรง
“วิญญาณสัตว์ร้ายมีมาก
พวกเจ้าควรสังหารได้ให้ได้อย่างน้อย ก็หนึ่งร้อย
ตัว
และนี่คืออุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของที่ข้าให้ หยิบยืม รับมันไว้และ
ดูแลให้ดี” กัวเจิ้งมองกระเป๋
ามิติเก็บของขนาดใหญ่ทั้งแปดใบซึ่งคนทั้ง
แปดต่างถือกันอยู่ มองเพียงครั้ง
เดียวก็บอกได้ว่าทั้งเรียบง่ายและเป็น
ผลงานหยาบกร้าน
ศิษย์ของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนต่างยินดียิ่งที่ได้รับ
อุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของ
แม้ว่าจะเป็นการให้ยืมชั่วคราวก็ตามที
ทางด้านศิษย์ของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน
พวกเขาต่างก็ได้รับ อุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของที่รองอธิการบดีมอบให้เช่นกัน
“แล้วข้าเล่า?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“ไม่มีสําหรับเจ้า!
หากเจ้าทํามันหายจะเป็นอย่างไร? เจ้าชดใช้ ไหวหรือ?”
กัวเจิ้งแค่นเสียง
“ใช่แล้ว พวกเจ้ามีกันแค่สองคน
ไปด้วยกันก็คงตายด้วยกัน!” อู่โยวเงิน
แค่นเสียงดังขึ้น
“ให้ไปก็ไร้ค่า!” พอฉินหยุนได้ยินดังนี้
เขาจึงยิ้มและนําสร้อยข้อมือเส้น
หนึ่ง ออกมา เขาส่งให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและยิ้มกล่าว
“เย่ว์เหม่ย นี่คือ
สร้อยข้อมือมิติเก็บของที่ข้าทําขึ้น ถือว่ามอบให้แก่เจ้า!
หากทํา หายก็ปล่อยให้มันหายไป
ข้าก็แค่ขัดเกลามันขึ้นให้เจ้าใหม่อีก
เส้นก็เท่านั้น!
อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของขนาดใหญ่ที่ต้องแบกหามไป
ไหนมาไหนด้วยไม่ต่างอะไรกับขยะ อย่าทําให้ตัว
เจ้าเสียภาพพจน์!”
สร้อยข้อมือมิติเก็บของ
ถือเป็นอุปกรณ์วิญญาณขนาดเล็กและ วิจิตร
งดงาม ทั้งยังลํ้าค่ายิ่ง!
เทียบกับสร้อยข้อมือมิติเก็บของที่วิจิตรงดงาม
กระเป๋
ามิติเก็บของหยาบกร้านของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่ง!
อย่างไรแล้ว กระทั่งกระเป๋
าใบใหญ่เช่นนี้ก็มีผู้คนจํานวนมากที่ ไม่อาจหา
พวกมันมาไว้ในมือตนเองได้!
กัวเจิ้งถึงกับลืมเลือนไป ว่าฉินหยุนสามารถ
สร้างอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของได้
เขาไม่คิดเช่นกันว่าฉินหยุนจะถึงขั้น
มอบของขวัญลํ้าค่าเช่นนี้เพื่อเป็นการหักหน้าเขา!
ฝูงชนถึงกับระเบิดเสียงฮือฮา
พวกเขาคิดว่าเข็มขัดมิติเก็บของ คือสิ่งของดี
ที่สุดเท่าที่ฉินหยุนจะสามารถสร้างได้แล้ว!
สําหรับสร้อยข้อมือมิติเก็บของ
สิ่งนี้ทั้งลํ้าค่ากว่า และงดงามยิ่ง กว่า!
พวกเขาพลันเข้าใจ
ว่าเพราะเหตุใดเชี่ยวเย่ว์เหม่ยถึงหลงรัก ฉินหยุน มัน
เป็นเพราะเขาคืออาจารย์จารึกผู้ที่สามารถสร้าง
สร้อยข้อมือมิติเก็บของ
ได้!
“หยดเลือดไปก็สามารถใช้ได้เลย!” ฉินหยุนยิ้มอ่อน
เขามอบ สร้อยข้อมือที่
ถืออยู่ให้นาง
เรื่องนี้ไม่ได้ทําให้เขาสะดุ้งสะเทือน แม้แต่น้อย เพราะเพียง
หนึ่งวันเขาก็สร้างมันขึ้นใหม่ได้ เมื่อเชียวเย่ว์เหม่ยรับสร้อยข้อมือไปถือ
นางตื่นเต้นยินดีไม่ใช่น้อย
คําพูดที่ใจกว้างของฉินหยุนก่อนหน้านี้ มันทํา
ให้นางรู้สึก
คล้ายมีลูกกวางน้อยมากระแทกกระทั้นในหัวใจ
ตอนท
ี่135 กระจก
หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่สร้อยข้อมือ
นางหันมองบรรดาศิษย์ คนอื่นจาก
สถาบันยุทธ์ระดับเสวียน
ล้วนเผยใบหน้าเปี่ยมด้วย ความอิจฉา นางรู้สึก
ดีขึ้นมาโดยทันที ทั้งยังยินดีมากด้วย
แน่นอนว่า นางไม่อาจเผยตัวตน
แท้จริงออกต่อหน้าผู้คน จํานวนมาก
ไม่เช่นนั้นนางคงกระโดดโลดเต้น
ด้วยความยินดีไป แล้ว นางเพียงเอ่ยคําเสียงเบา
“ขอบคุณพี่หยุน” หลังจากนั้น
นางจึงหยดเลือดลงบนตัวสร้อยข้อมือ แสง
สว่างสี ขาววาบปรากฏ
นี่เป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าของ โดยทันที
เชี่ยวเย่ว์เหมยนํากระเป๋
าและดาบที่พกไว้กับกายเก็บ ใส่มิติภายใน
หลังจากฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกจากหุบเขา
พวกเขา เริ่มออกวิ่ง
ด้วยฝีเท้ารวดเร็วยิ่ง
พวกเขารั้งท้ายอยู่ห่างจากสองหน่วยที่เหลือเพื่อหลบเลี่ยงการ
โดนลอบ
โจมตี
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบว่าฉินหยุนมีศัตรูไปทั่ว นอกจากนี้ยังเป็น
อาจารย์จารึกที่ครอบครองผังวิญญาณล้ําค่าไว้กับตัวจํานวน
มาก กล่าว
ได้ว่าเขาเป็นจุดดึงดูดนักปล้นชิงชั้นเลิศ
ดังนั้นนาง จึงเป็นกังวลว่าอีกสอง
หน่วยที่เหลือจะเข้าโจมตีฉินหยุน
“จําไว้ด้วยว่าให้กลบรอยเท้าและออร่า
พวกนั้นจะได้ตามรอย มาไม่ได้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“แม้ว่าพลังจิตของทั้งสอง
หน่วยนั่นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเรา แต่อย่างไร
พวกมันก็เข้า สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนแล้ว
ทั้งยังเริ่มการฝึกวัชระกระดูก
หากพวกเราโดนพวกมันปิดล้อมโจมตี
จะกลายเป็นเรื่อง อันตรายยิ่ง”
“เย่ว์เหม่ย
พี่สาวเจ้าอยู่ในสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นางรับการ ฝึกที่
แตกต่างจากศิษย์ทั่วไปงั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พี่สาวควรเหมือนผู้อื่น แต่เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าใคร
นาง จึงเลือก
วิธีการฝึกฝนที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าผู้ใด”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ย หยุดฝีเท้า นางเริ่มลบ
ร่องรอยขณะสํารวจพื้นที่โดยรอบ นาง
ระแวดระวังยิ่งกว่าฉินหยุนที่เป็น
เป้าหมายเสียอีก
ฉินหยุนเองก็สํารวจโดยรอบเพื่อกรณีมีวิญญาณสัตว์
ร้ายเข้า โจมตี
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยกมือของนางขึ้น จากนั้นจึงโบกสร้อยข้อมือ
ที่ ข้อมือของนางไปมาและหัวเราะ
“สร้อยข้อมือมิติเก็บของนี้ มอบให้ข้าจริง?
อย่าได้คิดนํามันกลับคืนเชียว!”
“ต่อให้ข้าอยากได้มันคืน
เจ้าก็ไม่คืนข้าอยู่แล้วนี่!” ฉินหยุนยิ้ม กล่าว “ก็
เหมือนให้ซาลาเปาเนื้อแก่สุนัข
มันกลืนลงท้องแล้วไม่ มีทางได้คืน ”
“เจ้าสิสุนัข!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยฮึดฮัด
“เร่งมือเข้า จะได้ไปกัน พวกเราอยู่ไม่
ห่างจากพวกนั้นมากนัก... จริงด้วยสิ อาจารย์ผู้ไม่
คล้ายบอกต่อพวกเรา
ว่าจะหาวิญญาณสัตว์ร้ายได้อย่างไร”
ฉินหยุนไม่ทราบวิธีค้นหาพวกมันเช่นกัน
ครั้งล่าสุดที่เข้ามาใน เทือกเขา
เขาไม่คล้ายสัมผัสถึงตัวตนสัตว์ปีศาจใดได้เลยด้วย
“ลองเข้าไปให้ลึกมากขึ้น
ครั้งล่าสุดศิษย์จากตําหนักดวงดาว วิญญาณสี
ครามโดนจัดการที่ส่วนลึกของเทือกเขา” ฉินหยุนก
ล่าว พวกเขาใช้เวลา
กว่าครึ่งวันวิ่งเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาเมฆ
มังกร หลังเดินทางผ่านทั้ง
ภูเขาและป่ าตลอดรายทาง ในที่สุด
พวกเขาก็ถึงส่วนลึกในเทือกเขา
ต้นไม้บริเวณนี้ใหญ่กว่าพื้นที่รอบนอกเทือกเขา
พวกมันล้วนสูง กว่าหนึ่ง
ร้อยเมตร บางต้นกระทั่งสูงถึงสองร้อยเมตร ความ
หนากว่าสิบเมตรยังมี
ให้เห็นเช่นกัน
“ที่นี่ต้นไม้ยักษ์เยอะมาก
ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ข้าได้เข้าสู่ส่วน ลึกของ
เทือกเขาเมฆมังกร” ฉินหยุนกล่าว เขาระแวดระวัง
พร้อมปล่อยพลังจิต
ออกไปขุมหนึ่ง หากมีการเคลื่อนไหวใด เกิดขึ้นโดยรอบ
เขาจะรับรู้ถึงมัน
ได้ทันทีทันใด
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพูดขึ้น
“หากข้าได้เข้าอาคมขัดเกลากระดูกสัก ครั้ง ข้าคงได้
ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด!
อันดับหนึ่ง ในครั้งนี้ ข้าต้องคว้า
เอาไว้ให้ได้”
ฉินหยุนลอบตระหนก
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยอายุเพียงสิบสี่ปี หากนาง ก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดได้จริง
เช่นนั้นพรสวรรค์ ของนางจะยิ่งน่า
หวาดกลัวยิ่งกว่าเชี่ยวเย่ว์หลานผู้เป็นพี่เสียอีก
“เย่ว์เหม่ย... หากพวกเราได้อันดับหนึ่ง
พวกเราจะได้เข้าค่าย อาคมขัด
เกลากระดูกร่วมกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“กรณีนั้น
ค่ายอาคมขัดเกลากระดูกทํางานได้เพียงครั้งเดียวใช่หรือไม่?”
“อีกสองเดือนเจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบประเมินผล
พวกเรายัง ต้องอยู่ที่นี่
สังหารวิญญาณสัตว์ร้ายทั้งเดือน!
เพราะงั้นหลังพวก เราได้อันดับหนึ่ง ข้า
ก็แค่รอเจ้าสักเดือนหนึ่ง... แน่นอนว่าเจ้า
ต้องผ่านการทดสอบและเข้า
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนให้ได้
ไม่เช่นนั้นข้าคงได้แต่เข้าค่ายอาคมขัดเกลา
กระดูกลําพังแล้ว”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถองสีข้างฉินหยุนขณะยิ้มให้
“ข้ากังวลนักว่าเจ้า จะไม่ผ่าน
การประเมินผล
ได้ยินว่าการประเมินผลเดี๋ยวนี้ยิ่งมา ยิ่งยากมากขึ้น!”
“อย่าได้ห่วงเรื่องข้าเลย
ข้าต้องได้เข้าค่ายอาคมขัดเกลากระดูก ร่วมกับ
เจ้าแน่นอน” ฉินหยุนเม้มริมฝีปากก่อนกล่าวคํา
“เลิก คุยแล้วมาตั้งใจคว้าอันดับหนึ่งก่อนดีกว่า!
จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวก
เรายังไม่เจอวิญญาณสัตว์ร้ายเลยสักตัวนะ!”
“คงเหลือทางเดียวแล้ว
ละมั้ง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันนําเอา
กระจกออกมาบานหนึ่ง กระจกบานนี้
ขนาดราวฝ่ามือ ด้วยลวดลายเปลวเพลิงสีทอง ม่วง
มันนับเป็นกระจกสี
ทองม่วงที่งดงามชิ้นหนึ่ง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถือด้ามจับมันเอาไว้ นางมองใน
กระจกขณะฮัม เพลงไปด้วย
“กระจกนั่นคืออะไร?” ฉินหยุนเข้าไปสํารวจมอง
ทว่า เขากลับ ต้องร้อง
อุทานออก “ทําไมไม่มีข้าสะท้อนในกระจก? นี่มันอะไร
เกัน!?”
“เพราะเจ้าไม่ใช่คน เจ้ามันเป็นวิญญาณชั่วร้ายยังไงละ!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เผยสีหน้าจริงจังกล่าวคํา ฉินหยุนพลันตะหนก
ใบหน้าเปี่ยมด้วยความ
กลัว
“เย่ว์เหม่ย เรื่องนี้ จริงหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ก็ต้องไม่อยู่แล้ว ข้าแค่ล้อเล่น!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ คิกคัก
“เหมือนเจ้าจะกลัวมากเลยนะ!”
“นางเด็กนี่!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสอบสบถในใจ
เมื่อครู่เขา ถึงกับขวัญ
หนีเลยด้วยซ้ํา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังคงมองกระจกต่อ แต่แล้ว นางกลับขมวด
คิ้ว นางจ้องมองฉินหยุนและกล่าวเสียงเบา
“ฉินหยุน เจ้ามีสอง วิญญาณยุทธ์?” ฉินหยุนตระหนกทว่าภายนอกยังคง
สงบและกล่าวตอบ “จะ เป็นไปได้อย่างไร?”
“คนโกหก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินเข้าหาพร้อมหยิกเข้าที่แขนของ เขา “เจ้ามี
สองวิญญาณยุทธ์ จงบอกความจริงต่อข้า!”
“ข้าไม่ได้โกหกนะ!”
ฉินหยุนไม่อาจยอมรับแม้ต่อให้ต้องตาย เขาเป็น
กังวลว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอาจเปิดโปงเรื่องราวนี้ต่อผู้อื่น
“เจ้ากลัวข้าป่ าวประกาศไปทั่วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคาดเดา
ได้ถูกต้อง
นางพลันเผยรอยยิ้มดูลึกลับออกมา
“เหตุใดพวกเรา ไม่แลกเปลี่ยนกันเสียละ? ข้าจะบอกเจ้าว่าวิญญาณยุทธ์
ของข้า คืออะไร
เช่นนั้นเจ้าก็ต้องบอกว่าวิญญาณยุทธ์ที่สองของเจ้าคือ
อะไร!”
“ข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์ที่สอง อย่าพูดจาไร้สาระ”
ฉินหยุน หัวเราะตอบ
“อย่าได้คิดโกหกต่อข้า
กระจกบานนี้สัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณ รอบกาย
ข้า!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยกกระจกบานเล็กขึ้นในมือและ กล่าว
“ผ่านตัวกระจก
ข้ารู้สึกได้ถึงดวงวิญญาณสามดวงในตัว เจ้า หนึ่งคือ
วิญญาณตัวเจ้าเอง อีกสองคือวิญญาณยุทธ์ของ
เจ้าแล้ว”
“ก็ได้ ข้ามีสองวิญญาณยุทธ์”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเจ้าก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้
ไอ้โง่เชี่ยวหลาง มัน
โดนเจ้าเล่นกลใช้วิญญาณยุทธ์ที่สองงั้นสิ”
ตอนท
ี่136 ฝ
ู
งวญ
ิ
ญาณสัตวร
์้
าย
ฉินหยุนสัมผัสหูตัวเองและพยักหน้ารับ
ย้อนกลับไปตอนนั้น เป็นเขาใช้
พลังของวิญญาณยุทธ์สั่นไหวอย่างกะทันหันจนทํา
ให้เชี่ยวหลางพิการ
“นับว่ายอดเยี่ยม
ข้าอยากฆ่าไอ้หมอนั่นทิ้งมาตั้งนานแล้ว มัน เอาแต่คิด
จะแต่งงานกับข้า กระทั่งใช้วิธีสกปรกแลกเปลี่ยน
ผลประโยชน์ด้วยซ้ํา”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง “
จงบอกต่อข้า วิญญาณยุทธ์ที่สองของเจ้าคืออะไร
แล้วข้าจะบอกถึง
วิญญาณ ยุทธ์ข้า
แลกเปลี่ยนกันเช่นนี้เป็นอย่างไร?” “เชิญเจ้าก่อน!” ครั้ง
นี้ เขารู้สึกว่าหากให้นางพูดก่อน ค่อย
สบายใจกว่าเขาเปิดเผยวิญญาณ
ยุทธ์ที่สองต่อนางก่อน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไหวกระจกในมือและกล่าว
“วิญญาณยุทธ์ข้าคือ กระจกนี้
เป็นวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง
ข้าไม่รู้ว่ามันคือ วิญญาณยุทธ์ในตํานาน
หรือไม่”
“จริงหรือนี่? เจ้าไม่ได้โกหกต่อข้าใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนไม่คิด เชื่อ นางถึงขั้น
มีวิญญาณยุทธ์ประหลาดเพียงนี้ กระทั่งน้ํามัน
ออกมาได้โดยตรง เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยเผยสีหน้าจริงจัง
“วิญญาณยุทธ์ข้าเดิมที่ไม่ได้ เป็นแบบนี้
แต่หลังจากฝึกฝนและผสาน
รวมเข้ากับพลังภายใน มันก็เปลี่ยนเป็นกระจก....
เรียกว่าเป็นชิ้นส่วนผลึก
แก้วคงได้” ฉินหยุนนึกถึงเซี่ยอูเฟิ ง
หลังฝึกฝนวิญญาณยุทธ์ เขาจึงผสาน
รวมเข้ากับพลังธาตุก่อเกิดเป็นดาบ!
“งั้นนอกจากรับรู้ดวงวิญญาณแล้ว
กระจกนั่นทําอะไรได้อีก บ้าง?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม
“นี่เจ้าใช้วิญญาณยุทธ์กระจกนั่นเพื่อ
ก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้หรือ.... แล้ว
พลังจิตของเจ้ายังแข็งแกร่ง ยิ่ง
ทั้งหมดเป็นเพราะกระจกนั่น?” ฉินหยุน
เกิดความสงสัย
“ข้าตอนนี้มีเจ็ดชีพจรวิญญาณ
แต่สองชีพจรวิญญาณเพิ่ง ปรากฎหลังข้า
ปลุกวิญญาณยุทธ์ให้ตื่นขึ้น เพราะแบบนั้น ผู้คน
ถึงคิดว่าข้ามีเพียงห้าชีพ
จรวิญญาณ” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ
“เรื่องน่าทึ่งที่สุดของวิญญาณยุทธ์ข้าก็คือ
หลังส่องถึงวิญญาณ ยุทธ์แล้ว
ข้าสามารถคัดลอกวิญญาณยุทธ์เข้าสู่กระจกได้!”
“หมายความว่าอย่างไร?” ฉินหยุนไม่เข้าใจ
“ยกตัวอย่าง
เมื่อวิญญาณยุทธ์เจ้าสะท้อนในกระจกข้า ข้าจะ ได้วิญญาณ
ยุทธ์นั้นมาไว้ภายในกระจก มันจะเทียบเท่าได้
ครอบครองวิญญาณยุทธ์
นั้น!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวภูมิอกภูมิใจ
ฉินหยุนถึงขั้นมีนงงและตื่น
ตระหนก
“เรื่องนี้ เป็นไปได้ด้วย? ถ้าหากเจ้าเห็นวิญญาณยุทธ์มากมาย
ไม่ใช่ว่าเจ้า
ก็ได้ ครอบครองวิญญาณยุทธ์จํานวนมากหรือ?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะรับ
และพยักหน้า
“จะมากหรือน้อยก็ ตามแต่
ข้าเพียงใช้ได้แค่หนึ่งวิญญาณยุทธ์ และทุก
ครั้งที่ เปลี่ยนวิญญาณยุทธ์
ข้าต้องรอนับปีถึงจะเปลี่ยนอีกครั้งได้ ล่าสุดที่
ข้าเปลี่ยนคือวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง
นี่ก็ผ่านมาปี แล้ว นับว่าได้เวลา
เปลี่ยนพอดี” ฉินหยุนกล่าว
“เป็นเช่นนี้ มันคงน่ากลัวยิ่งหากเจ้าสามารถ
เปลี่ยนไปมาได้เมื่อใดก็ได้
ตามต้องการ ทั้งยังสามารถ
ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ได้หลายประเภทใน
การต่อสู้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพียงหัวเราะรับคํา
“ตอนนี้ไม่ได้ แต่ในอนาคต อาจจะได้
วิญญาณยุทธ์สามารถวิวัฒนาการ
ขึ้นได้ ข้าอาจ
เปลี่ยนวิญญาณยุทธ์ได้มากกว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งปี หรือไม่ก็
อาจ ใช้สองวิญญาณยุทธ์ได้พร้อมกัน...
แน่นอนว่าหากมันไม่ใช่ วิญญาณ
ยุทธ์ทรงพลัง ข้าก็ไม่คิดเก็บมันไว้ในกระจก!
วิญญาณ ยุทธ์ของเจ้านั้น
ทรงพลังยิ่ง จงรีบเปิดเผยมันออกมาให้ข้าส่อง
ได้แล้ว!”
“แล้วพวกเราต้องทําอย่างไร? ข้าต้องเสียอะไรไปหรือไม่?”
ฉิน หยุนถาม
ด้วยความกังวล
“อย่าได้ห่วง หากเจ้าเสียอะไรไป
ข้าจะให้พี่สาวรับผิดชอบเจ้า เอง!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยกล่าว
“ผ่อนคลายร่างกาย ให้กระจกข้า สัมผัสท้องเจ้า”
ฉินหยุนพยักหน้ารับทํา
ตามที่นางบอก
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกระจกวางที่ท้องของเขา จากนั้นจึงรออยู่
พัก หนึ่งจึงขมวดคิ้ว นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เหมือนวิญญาณยุทธ์เจ้ามีอะไร
สักอย่างที่ผิดแปลกออกไป กระจกข้าไม่
สามารถคัดลอกได้.... ส่วนวิญญาณยุทธ์ที่สอง
น่าจะด้วยเหตุผลอื่น มันก็
ทําให้ข้าไม่ อาจคัดลอกได้!” ฉินหยุนกล่าวตอบ
“วิญญาณยุทธ์ที่สองของข้าคือวิญญาณ ยุทธ์สั่นไหว
และมันเป็นสีดํา!”
พอเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ยินดังนี้ นางตื่นตกใจ
ปากเล็กนั้นอ้ากว้าง ออก
เล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวขึ้นขม
“ไม่แปลกใจเลย...
วิญญาณยุทธ์สั่นไหวระดับสูงกว่าวิญญาณยุทธ์กระจก
ของข้า เพราะอย่างนั้นจึงคัดลอกไม่ได้...”
“เสียใจด้วยแล้วกันนะ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยเสียใจจริง ๆ
วิญญาณยุทธ์ทั้งสองของฉินหยุน ล้วนแข็งแกร่ง
แต่นางไม่อาจทําสําเนา
พวกมันออกมาได้เลย
“โอ้ใช่ แล้ววิญญาณยุทธ์พี่สาวเจ้าเล่า?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม “หนึ่งคือ
วิญญาณยุทธ์พลังจิตระดับทองม่วง
ส่วนที่เหลือข้า ไม่ทราบแล้ว นาง
ไม่ได้บอกต่อข้า กระจกข้าก็ส่องไม่เห็นด้วย” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ฉินหยุน
ลอบตระหนัก
เขาจึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไรเชี่ยวเย่ว์ เหม่ยถึงมีพลังจิต
แข็งแกร่ง เป็นเพราะนางสามารถปล่อย
วิญญาณยุทธ์พลังจิตระดับทอง
ม่วง นั่นถือเป็นวิญญาณยุทธ์ใน ตํานาน
และที่ทําเขาตกใจที่สุดก็คือ
เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็มีสองวิญญาณยุทธ์!
“เมื่อวิญญาณยุทธ์กระจกของเจ้าเลื่อนระดับ
ข้าจะให้ลองอีก ครั้งก็แล้ว
กัน”
ฉินหยุนกล่าวปลอบเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและยิ้มให้
“ใช้วิชารวมจิตวิญญาณสังหาร!” ฉินหยุนตะโกนขึ้น
พร้อมกันนี้ เขาและ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพ่งจิตใช้วิชารวมจิต
วิญญาณสังหาร พวกเขาปลดปล่อย
กระแสพลังจิตออกมา
เสมือนอย่างการใช้พลังปราณทรงพลังเข้าโจมตี
มันพุ่งเข้าใส่ วิญญาณสัตว์หมาป่ าตรงหน้า
“อูว์...” หลังโดนโจมตี วิญญาณสัตว์หมาป่
าที่เมื่อครู่ยังวิ่งไป มาพลันล้ม
ลงกับพื้น “ได้ผล
เคล็ดวิชาของอาจารย์ผู้ใช้งานได้ดียิ่ง!” ฉินหยุนยิ้มเอ่ย
คํา แต่แล้วขณะที่เขากําลังจะเข้าไป
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลัน ควบคุมดาบแทง
เข้าที่หัวของหมาป่ า
“เหตุใดเจ้าเร่งรีบคิดเข้าใกล้มัน?
ส่วนแข็งแกร่งที่สุดของ
วิญญาณสัตว์ร้ายคือวิญญาณชั่วร้ายในตัวมัน
หากเจ้าไม่ระวัง อาจเกิดอันตรายได้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่อว่า เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
ควบคุมดาบแทงเข้าใส่ และในตัวดาบก็มีพลังจิต
อยู่ภายใน มันแทงเข้าใส่
ร่างของวิญญาณสัตว์ร้ายเพื่อทําการ
ปลิดชีพวิญญาณร้ายภายในร่าง
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ทําไมวิญญาณสัตว์ร้ายมีจํานวนมาก
ขนาดนั้น?
อาจารย์ผู้บอกว่าวิญญาณสัตว์ร้ายไม่รวมกลุ่มนี้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นกังวล
จนต้องนําเอากระจกออกมาอีกครั้ง หนึ่ง
หลังพยายามสัมผัสรับรู้ นาง
พลันตะโกนขึ้น “ใกล้มาก!
พวกมันห่างไปแค่หนึ่งพันเมตร ทั้งยังเร็วมาก
ด้วย!”
ตอนท
ี่137 ยันตส
์
ะกดว
ิ
ญญาณ
“รีบใช้ทักษะควบคุมอาวุธไปโจมตีสัตว์ร้ายข้างหลัง”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ
นางรีบใส่พลังจิตลงในอาวุธแล้วควบคุมให้มัน
บินออกไป
ฮึม ฮึม ฮึม
ที่ด้านหลังมีเสียงของสัตว์ร้ายนาๆ
ชนิดปรากกขึ้น
“ฆ่ามัน” ฉินหยุนค
ารามพร้อมปล่อยดาบสองเล่มใส่เสือด าสองตัวที่พุ่งเข้า
มา
ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิต
กระบี่ทั้งสองเคลื่อนไหวได้ รวดเร็วยิ่ง
เสียง ฉวะ” ดังขึ้นเป็นการตัดหัวของเสือด
าให้แยก ขาดออกจากตัว เสือด า
สองตัวถูกสังหารได้แทบในทันที
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเองก็ใช้ดาบยาวของนาง
จ้วงแทงเข้าใส่ร่างหมาป่ าสองตัวจนตายตก จ
านวนของวิญญาณสัตว์ร้าย
ที่เข้าโจมตียิ่งมายิ่งมาก จ านวน
พวกมันตอนนี้หลายสิบ ฝูงพวกมัน
เสมือนฝูงผึ้ง ยิ่งพวกมันส่ง
เสียงออกพวกมันยิ่งมากันเพิ่ม วิญญาณสัตว์
ร้ายเหล่านี้ส่งเสียง
หอนร้องทรงพลังขนาดที่สามารถท าให้ต้นไม้ใหญ่แตก
กระจุย
ฉินหยุนตระหนกขณะเข้าคว้ากอดเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอาไว้พร้อมใช้
ก้าวอัคคี
เมฆา เขาทะยานขึ้นสู่อากาศหลบเลี่ยงวิญญาณสัตว์
ร้ายหลายสิบตัวที่
คิดเข้าโจมตี “ฝูงวิญญาณสัตว์ร้ายใช้การโจมตีพลังจิตได้!
ตอนพวกมัน
ค ารามร้อง
คลื่นพลังจิตทรงพลังจะถูกปลดปล่อยออกมา หาก ไม่ตั้งสมาธิ
ป้องกันไว้
พลังจิตนั้นได้โจมตีโดยตรงเข้าสมองแน่”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวใจเต้นรัวเร็ว นางก
าลังมองฝูงวิญญาณสัตว์ ร้ายไล่หลัง
ตามมา นางตอนนี้ควบคุมดาบที่มแทงลงไปด้านล่าง อย่างไม่อาจหยุดพัก
ฉินหยุนพูดขึ้น
“วิญญาณสัตว์ร้ายพวกนี้บินขึ้นฟ้าไม่ได้ และ
ข้าสามารถเคลื่อนไหวใน
อากาศเพื่อตั้งสมาธิหลบการโจมตี
พวกมันที่มาจากพลังจิตได้!” เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยพยักหน้ารับ
“เจ้ารับผิดชอบเรื่องเคลื่อนไหว ข้า
รับผิดชอบเรื่องโจมตีพวกมัน!” ดาบ
ยาวที่นางควบคุมอยู่
มันมีความรวดเร็วและยืดหยุ่นมาก พอที่จะตัดหัว
ของวิญญาณสัตว์ร้ายและก าจัดวิญญาณชั่วร้าย
ภายใน อย่างรวดเร็ว
วิญญาณสัตว์ร้ายจ านวนหนึ่งถูกสังหาร
ไปเป็นที่เรียบร้อย เฉินหยุน
ระแวดระวังส ารวจสภาพรอบด้าน วิญญาณสัตว์ร้าย
ส่วนหนึ่งคล้ายสื่อสารทางจิตได้ โดยพร้อมกัน
พวกมันหอนขึ้น สูงบนฟ้า
และโจมตีเขาด้วยพลังจิตทรงพลังผ่านทางคลื่นเสียง
โชคดีที่บ่อยครั้งเขา
สามารถหลบเลี่ยงคลื่นพลังจิตเหล่านั้น
หากไม่อาจบินได้
มันคงเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะหลบเลี่ยงฝูง วิญญาณสัตว์
ร้ายที่พร้อมใจกันเข้าโจมตี เพียงไม่นาน
พื้นที่แห่งนี้ซึ่งเดิมที่มีต้นไม้
โบราณสูงใหญ่กลับ กลายเป็นที่ราบ
ต้นไม้แตกกระจายออกเป็นเศษชิ้น
ไม้เพราะ พวกวิญญาณสัตว์ร้าย
พวกมันบางตัวกระทั่งปลดปล่อยเปลว
เพลิงสีแดงเข้มออกมา
“ไปทางนั้น! ฆ่าไอ้ตัวใหญ่!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโพล่งค าขึ้น “พวก มันรู้วิธีใช้
พลังอสนีบาต!” เฉินหยุนหันไปเห็นหมีด
าตัวใหญ่ยักษ์ที่ก าลังปลดปล่อย
อสนีบาตสีแดงเข้มออกมา
ตู้ม!
สายฟ้าอสนีบาตพลันปะทะมาทางด้านหน้า
ฉินหยุนเร่งร้อน ปล่อยพลัง
ภายในสั่นไหวสกัดสายฟ้าที่พุ่งใส่อย่างฉับพลัน
“อ๊าก!” ทว่า เขาก็ต้อง
โดนผลของสายฟ้าเข้าให้อย่างไม่อาจ หลีกเลี่ยง
ความเจ็บปวดกระจาย
ทั่วทั้งร่างกาย
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยดูดกลืนพลังสายฟ้าทั้งหมดเข้าร่าง
ดังนั้นนางจึง ไม่ได้โดน
โจมตีด้วยแต่อย่างใด “เจ้าไหวหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยควบคุมดาบบิน
ต่อเนื่อง โดย ทันที พวกมันเข้าที่มแทงหมีด
ายักษ์ตัวนั้นจนตาย
“ยังไหวอยู่ รีบฆ่าพวกมันดีกว่า!”
ฉินหยุนให้ความสนใจ ทั้งหมดกับการ
บินและหลบเลี่ยง เขาไม่อาจโจมตี ดังนั้นเชียว
เย่ว์เหม่ยจึงเป็นเพียงคน
เดียวที่โจมตีออก เมื่อเซี่ยวเย่ว์เหม่ยเห็นฉินหยุนได้รับบาดเจ็บ
นางยิ่งมา
ยิ่งโจมตี ด้วยความเร็วมากขึ้น
พลังจิตของนางน่าสะพรึงถึงขั้นส่งถ่าย
ความน่าสะพรึงนี้ต่อไปยังดาบบิน เพียงพริบตา
นางก็สังหาร หมียักษ์อีก
ตนได้แล้ว
“ไอ้พวกตัวเล็กตัวน้อยที่เหลือเดี๋ยวข้าใช้เคล็ดวิชารวมจิต
วิญญาณสังหาร
จัดการพวกมันเอง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบังคับดาบ
บินสังหารวิญญาณสัตว์
ร้ายไปด้วย ขณะเดียวกันก็ใช้เคล็ดวิชา
รวมจิตวิญญาณสังหารเพื่อรับมือ
กับพวกวิญญาณสัตว์ร้ายที่ อ่อนแอ
.
ฉินหยุนแบกเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไว้บนหลังตนเองขณะเคลื่อนที่เร็ว
ในอากาศ
แม้มีวิญญาณสัตว์ร้ายหลายตัวคิดกระโดดขึ้นมา
แต่ พวกมันก็ล้วนไม่
อาจท าอะไร หลังผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม
กว่าครึ่งของฝูงวิญญาณสัตว์ร้าย
นับร้อยตัวถูกสังหาร ส่วนที่เหลือซึ่งยังไม่ตาย
ก็สิ้นสติไปเพราะ เคล็ดวิชา
รวมจิตวิญญาณสังหาร
“ในที่สุดก็จัดการพวกมันได้ อันตรายนัก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร่อน ร่างลงที่พื้น
แผ่วเบา
เหตุการณ์เมื่อครู่ชวนขวัญหนีดีฝ่อแก่นาง ไม่น้อยจริง ๆ หลังฉิน
หยุนร่อนลงที่พื้น
เขาจึงใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมน ้าอาวุธเข้าสังหาร
วิญญาณสัตว์ร้ายที่ยังไม่ได้สติ “นี่
เมื่อกี้เจ้าโดนโจมตีนี่ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผย อาการเป็นห่วงเอ่ยถาม
“ยังไหว!” แม้ฉินหยุนได้รับบาดเจ็บ
แต่เพราะสวมใส่อุปกรณ์ ผังธาตุแสง
เขาจึงสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน
วิญญาณสัตว์ร้าย
ทั้งหมดค่อยถูกสังหารจนสิ้น
ฉินหยุนเพียงน
าเอาอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของสองชิ้นที่ก่อน หน้านี้ฉก
ชิงมาใส่ร่างของวิญญาณสัตว์ร้าย
“ถ้าพวกเราไม่ใช้พลังจิตคุ้มกันไว้ตลอด
เมื่อพวกเราเข้าใกล้ วิญญาณสัตว์ร้าย
พวกมันจะใช้พลังจิตของพวกมัน
ส่งผลกระทบต่อสติสัมปชัญญะของพวกเรา
เพื่อรับมือกับพวกมัน ทางที่ดี
คืออย่าเข้าใกล้จนเกินไป” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยส
ารวจเลือดสี ด าที่กระจายอยู่ทั่ว
พื้น จากนั้นจึงค่อยเผยรอยยิ้ม
“ดูเหมือน พวกเราจะผ่อนคลายได้ไม่น้อย
เพียงไม่นานพวกเราก็สังหาร
วิญญาณสัตว์ร้ายจ านวนมากขนาดนี้ได้”
ฉินหยุนกล่าว
“พวกเราต้องบีบอัดวิญญาณสัตว์ร้ายพวกนี้
เอาไว้ในมิติเก็บของเพื่อให้
เก็บได้มากขึ้น อย่างน้อยพวกเรา
ต้องฆ่าสักสองร้อยตัวถึงจะได้อันดับ
หนึ่ง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ นางน
าเอาวิญญาณยุทธ์กระจก ออกมา
จากนั้นจึงเริ่มสัมผัสดวงวิญญาณในร่างรอบบริเวณ
นางขมวดคิ้วกล่าว
ด้วยสีหน้าตกใจไม่น้อย
“มีฝูงวิญญาณสัตว์ ร้ายอยู่ใกล้เคียงนี้อีก ท
าไมพวกมันถึงอยู่กันเยอะแบบ
นี้?”
ฉินหยุนลูบคางครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าจริงจัง
หลัง ผ่านไปครู่เขา
จึงค่อยตอบ “ข้าลืมทดลองยันต์สะกดวิญญาณ เลย!”
“ยันต์สะกดวิญญาณ? ใช้ได้จริงหรือ?”
เซียวเย่ว์เหม่ยเองก็ อยากเห็นว่า
มันใช้งานได้ผลหรือไม่ ถ้าหากเป็นไปได้ พวกเขา
จะได้ไม่ต้องต่อสู้อย่าง
หนักหน่วงจนเกินไป
“ลองดูแล้วกัน!” ฉินหยุนกล่าว
“รอข้าที่นี่ ให้ข้าไปส ารวจ ดูก่อน!”
“ได้ ระวังด้วยละ!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวเตือน
ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆา
ก้าวขึ้นกลางอากาศ มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่
ฝูงวิญญาณสัตว์ร้ายคงอยู่ ไม่นาน
จากนั้น
เขาจึงได้เห็นต้นไม้ใหญ่ห่างออกไปตรงหน้าล้ม เรียงกันเป็นแนว
ยาว พวกมันล้วนถูกผลักให้ล้มโดยเต่าด า
ขนาดยักษ์! เต่าพวกนี้ร่างใหญ่
ทั้งยังมีกระดองที่กว้างราวสิบเมตร จ านวน
พวกมันมากมายถึงแปดสิบตัว
ร่างนั้นเปี่ยมไปด้วยออร่ารุนแรง
“ใหญ่มาก คิดสู้คงต้องเหนื่อยไม่น้อยแน่!”
ฉินหยุนพลันโยน ยันต์สะกด
วิญญาณลงที่พื้น เสียงลมกระโชกรุนแรงดังขึ้นปก
คลุมรัศมีหลายสิบเมตร
พลังของยันต์สะกดวิญญาณใช้งานได้จริง!
ฝูงเต่ายักษ์ถูกปกคลุมด้วยพลังของยันต์
พวกมันไม่อาจ เคลื่อนไหว ราว
กับก าลังหลับใหลไปเสียอย่างนั้น
เต่ายักษ์ตัวอื่นนอกรัศมีพลันพบฉินหยุน
เข้า กระดองของพวก
มันสั่นไหวรุนแรงพร้อมปล่อยออกเป็นสายอสนีบาต
รุนแรงพุ่ง ออกมาจากตรงกลางกระดอง
มันพุ่งเข้าหาฉินหยุน!
ครืน! ฉินหยุนตระหนกเร่งรีบร่อนลงที่พื้น
หลังหลบเลี่ยงอสนีบาตที่ ฟาด
เข้าใส่
เขาเร่งร้อนวิ่งหนีจากฝูงเต่ายักษ์ด้วยความเร็วสูง
ตอนท
ี่138 แก่นดวงวิญญาณ
ฉินหยุนกลับไปยังจุดนัดพบเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
และบอกต่อว่าเกิด เรื่องอะไร
ขึ้น
“เต่าเยอะขนาดนั้น... ถ้าพวกเราฆ่าพวกมันได้หมด
ก็เอาพวก มันทั้งหมด
ใส่อุปกรณ์วิญญาณไม่พออยู่ดี!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ขมวดคิ้ว
“จากที่อธิบาย เหมือนพวกมันจะแข็งแกร่งมาก
สู้กับ พวกมันคงเปลือง
แรงไม่น้อย”
“มันก็ถูก... แต่เต่ายักษ์พวกนั้นมูลค่าสูงยิ่ง
กระดองเต่า สามารถ
ปลดปล่อยสายฟ้าออกมาได้ ภายในมันจะต้องมีอะไร
บางอย่างล ้าค่าให้
น าไปขายอย่างแน่นอน ให้ข้าคาดเดานะ
อย่างน้อยมันก็ควรได้สักหนึ่ง
แสนเหรียญผลึก!” ฉินหยุนรู้สึก
คล้ายนี่เป็นโชคดีในโชคร้าย
“นี่เจ้ามั่นใจหรือว่าเต่าพวกนั้นเอาไปขายได้แพงปานนั้น?”
พอ เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยได้ยินว่า
มูลค่ามันอาจสูงถึงหนึ่งแสนเหรียญ ผลึกต่อตัว นางถึงขั้น
หวั่นไหว ดวงตางดงามนี้เป็นประกาย
สว่างวูบออกมา ฉินหยุนมองไปยัง
ทิศทางซึ่งเต่ายักษ์ก าลังมุ่งหน้ามา เขาพยัก
หน้าและกล่าว “ควรเป็นแบบ
นั้น! เต่ายักษ์พวกนั้นสามารถ
ดูดกลืนพลังวิญญาณก่อน จากนั้นพวกมัน
ค่อยรวบรวมสะสม ไว้ในร่าง
หลังผ่านกระบวนการแปรสภาพอะไร
บางอย่าง พวก
มันจึงควบแน่นเกิดขึ้นเป็นพลังภายในคุณลักษณะ
อสนีบาต จากนั้นจึงค่อยปล่อยเป็นการโจมตีออกมา”
“ในตอนนั้น ที่ข้าต้องท
าก็เพียงแค่ขว้างยันต์สะกดวิญญาณ ออกไป เมื่อ
สะกดวิญญาณชั่วร้ายภายในร่างเต่ายักษ์ได้
หลังจากนั้นก็แค่ให้เจ้าก าจัด
วิญญาณร้ายพวกนั้น เท่านี้การ
ต่อสู้ก็ไม่น่าจะยากจนเกินไป”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ยินดังนี้จึงรู้สึกสนใจ
นางพยักหน้ารับเป็น การเห็น
ด้วย หากมันมีมูลค่าสูงจริง หลังน าออกขาย มัน
สามารถกลายเป็น
เหรียญผลึกปริมาณมหาศาลได้! ในภายหน้า
หากนางต้องการเป็นอิสระ
จากราชวงศ์เทียนเชี่ยว นางจ
าเป็นต้องรวบรวมทรัพย์สินสะสมไว้เพื่อการ
นั้นไม่ใช่น้อย
“ดีงั้นข้าร่วมมือกับเจ้าก็แล้วกัน!”
หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวดังนี้ ฉินหยุนจึง
น านางมุ่งหน้าเข้าไป ใกล้ฝูงเต่ายักษ์
จากนั้นเขาจึงค่อยปล่อยนางลงกับ
พื้น เขาลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกล่าวค า “เย่ว์เหม่ย
พอได้ยิน เสียงข้า
ตะโกน ให้รีบพุ่งไปเลย”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ นางน าดาบของนาง
ออกมาพร้อมมองขึ้นฟ้า
เสียงอึกทึกดังสนั่นจากทางด้านหน้า ฝูงเต่ายักษ์
ตอนนี้ก าลัง
เดินผ่านดงต้นไม้ใหญ่มาอย่างเนิบช้า พวกมันค่อย ๆ คลาน
กัน มาทีละตัว ที่ละตัว
ฉินหยุนใช้ก้าวอัคคีเมฆาเดินกลางอากาศขณะมือก
ายันต์สะกด วิญญาณ
เอาไว้แน่น
หลังมาถึงบริเวณด้านบนเหนือฝูงเต่ายักษ์ เขาจึงเล็งหลาย
ต าแหน่งเพื่อท าให้อ านาจของยันต์สะกด
ควบคุมฝูงเต่ายักษ์เอาไว้ได้ หลัง
ขว้างยันต์ออกไปตามต าแหน่งที่คาดการณ์ไว้
พวกมัน คล้ายเข้าสู่ห้วงแห่ง
การหลับใหล วิญญาณร้ายภายในร่างเต่า
ยักษ์โดนสะกดเอาไว้ด้วยพลัง
อ านาจของยันต์สะกดวิญญาณ
มันไม่อาจควบคุมร่างกายเต่ายักษ์ได้เป็น
ระยะเวลาชั่วคราว
“เย่ว์เหม่ย เอาเลย!” ฉินหยุนตะโกนขึ้น
ฝูงเต่ายักษ์ที่อยู่ใต้อ านาจยันต์
สะกดวิญญาณพลันเคลื่อนไหว ขึ้นมา
นี่หมายความว่าเต่ายักษ์เหล่านี้
สามารถทะลวงอ านาจ ยันต์สะกดวิญญาณได้
ยันต์สะกดวิญญาณท าได้
เพียงถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ชั่วคราว
ฉินหยุนเร่งรีบร่อนลงพื้นควบคุม
กระบี่จ านวนหนึ่งแทงเข้าใส่ หัวเต่ายักษ์
เขาใส่กระแสพลังจิตลงไปในตัว
กระบี่เพื่อก าจัด
วิญญาณร้ายภายในร่างไปพร้อมกัน
ดาบยาวของเซี่ยวเย่ว์เหม่ยก็พุ่งออกเช่นกัน
ฝูงวิญญาณร้ายถูก ก าราบลง
อย่างรวดเร็ว
ฝูงเต่ายักษ์ทั้งสิ้นแปดสิบตัวถูกสังหารด้วยการประสานพลัง
ของพวกเขาได้แทบในเวลาอดใจ!
“ยันต์สะกดวิญญาณของเจ้าใช้งานได้ดีนัก เจ้าควรใช้พวกมัน
ตอนพวก
เราโดนบุกเข้าโจมตีครั้งก่อนนะ”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย หัวเราะคิกคักขณะ
กระโดดขึ้นบนหลังเต่ายักษ์และกล่าว
“จะมี
อะไรบางอย่างที่เจ้าว่าในกระดองเต่านี้จริงหรือ?” เฉินหยุน
ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างเต่ายักษ์ เขา
สัมผัสได้ถึงพลังจิตที่
บรสิทุ ธิ์ย่ิงในปรมิาณมหาศาล
“พละก
าลังของเต่ายักษ์พวกนี้เหนือล้ํากว่าสัตว์ปีศาจหลายตัว นัก มันแค่
เคลื่อนไหวเชื่องช้า
วิญญาณร้ายภายในก็แข็งแกร่ง มาก เพราะแบบนั้น
มันถึงสามารถฝึกฝนจนเกิดขึ้นเป็นผลึก
แก้วจิตวิญญาณภายในร่างเต่า
ยักษ์ได้... นี่สมควรเป็นแก่นดวง วิญญาณในต
านาน!”
ฝูงเต่ายักษ์โค่นต้นไม้โบราณยักษ์เป็นทางยาว
หากมองตาม เส้นทางไป
มันกลายเป็นเส้นทางโล่งเตียนไปแล้ว
ฉินหยุนขมวดคิ้วกล่าวค า “ฝูงเต่า
ยักษ์พวกนี้เป็นเต่าน ้า พวก มันมาจากแม่น
้าเมฆมังกรหรือเปล่า? น า
กระจกเจ้าออกมา
และตรวจสอบว่ามีวิญญาณสัตว์ร้ายใกล้เคียงบริเวณนี้
ดูหน่อย น่าจะดีกว่า”
หลังเชี่ยวเย่ว์เหมยน ากระจกออกมา
นางจึงหัวเราะ “เหลือ วิญญาณสัตว์
ร้ายเพียงตัวเดียวในละแวกนี้
ไม่มีฝูงพวกมันอยู่ ในระยะอีกต่อไป เหมือน
พวกเราจะจัดการพวกมันได้จนหมด สิ้นแล้ว!”
กล่าวค าจบ นางจึงพุ่งกาย
มุ่งตรงออกไป
ฉินหยุนตามติดหลังนางขณะตระเตรียมยันต์สะกด
วิญญาณใน มิติเก็บของ เขากล่าวพึมพ ากับตนเอง
“ตอนแรกมีเจ็ดสิบ เมื่อ ครูใช้ไปสามสิบ”
ไม่นานจากนั้น พวกเขาจึงได้ยิน
เสียงน ้าไหลของแม่น ้าดังขึ้น จากตรงหน้า
“เป็นแม่น ้าเมฆมังกร!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะร่า
“วิญญาณ สัตว์ร้ายเหมือนจะซ่อนตัวในแม่น ้า!”
ฉินหยุนเองก็เห็นแม่น ้า
เมฆมังกร ความกว้างของมันราวหมื่น
เมตรเห็นจะได้ ทั้งยังกระแสน ้า
เชี่ยวกราก คลื่นน ้าที่รุนแรงเป็น
ผลให้อากาศเคลื่อนไหวเกิดเป็นลมพัด
แรง เพียงมองก็ชวนให้ สะพรึงได้แล้ว!
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยชะลอฝีเท้าลง
รอยยิ้มที่ใบหน้าเลือนหายกลับกลายเป็นจริงจังขึ้นมา
“แม่น ้าเมฆมังกรน่ากลัวยิ่งนัก” มีค ากล่าวว่า
มีเทือกเขาเมฆ มังกรที่ตั้งอยู่
ที่อีกด้านหนึ่งของแม่น ้าเมฆมังกร
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เผยความสงสัยอย่าง
เปี่ยมล้นในดวงตาว่าเบื้องหลังเลิ้งน ้านี้มี
อะไรอยู่กันแน่ ฉินหยุนเองก็เคย
ได้ยินข่าวลือ หากเขาก้าวเท้าผ่านเทือกเขา
เมฆมังกรและมุ่งหน้าสู่แดน
ยุทธ์อ้างว้าง เขาจ าเป็นต้องผ่าน แม่น
้าสุดแสนกว้างใหญ่และอันตราย
แห่งนี้ไปเสียก่อน “ฉินหยุน ดูที่แม่น ้า
ตรงนั้นมีไอน ้า” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ค า
น ้าก่อให้เกิดไอน ้า
เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ตามปกติ ทว่าไอน ้าตรงหน้า
พวกเขานี้มันยิ่งมายิ่งหนา นับว่าแปลก
ประหลาดอย่างยิ่ง เชี่ยวเย่ว์เหมย
น ากระจกออกมาก่อนร้องตะโกนขึ้น
“มีดวง วิญญาณก าลังมาจากแม่น ้า!”
เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนี้เขาเร่งรีบ
ทะยานกายออกคว้าตัวเชียว เย่ว์เหม่ยไว้
จากนั้นค่อยเร่งรีบทะยานขึ้นฟ้า
เพื่อหลบเลี่ยง
ครืน! ผิวน ้าของแม่น
้าพลันกระจายตัวออกเป็นคลื่นยักษ์ แรงปะทะ รุนแรง
เข้ากระทบชายฝั่งแม่น
้าอะไรบางอย่างคล้ายกระโดดพรวดออกจากแม่น ้า
และทะยาน
เข้าหาบริเวณที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่เมื่อครู่ เป็นสัตว์ตัวสีด ามืด!
สิ่งนี้คือราชสีห์ขนาดใหญ่มหึมาความยาวกว่าสิบเมตร
ทั้งร่าง ของมันปก
คลุมด้วยสีด า ขนที่แผงคอยังหนายิ่ง
ดวงตานั้นเป็น สีน ้าตาลลึกล้ําขณะ
มันปล่อยลมหายใจออกเป็นหมอกผ่านทางปาก
“โฮก!” ราชสีห์ทมิฬตัวใหญ่ยักษ์พลันอ้าปากร้องค
ารามลั่นสู่ อากาศ
ด้านบน มันมาพร้อมกับลูกไฟขนาดใหญ่ยักษ์ด้วย!
ตอนท
ี่139 ราชันวิญญาณสัตว์ร้าย
ราชสีห์ที่กายพ้นจากน ้าถึงกับพ่นไฟออกได้!
ฉินหยุนเร่งร้อนหลบเลี่ยง
ลูกไฟขนาดใหญ่ พร้อมหัวร่างเชี่ยว
เย่ว์เหม่ยไว้กับตัวบินขึ้นกลางอากาศ
เพื่อหลบหลีก
พละก าลังของราชสีห์ทมิฬตัวนี้น่าสะพรึงยิ่ง
ระดับของมันอาจ สูงล้ําถึง
ระดับลึกล้ํา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยค่อยเกาะหลังของฉินหยุนไว้ขณะมองที่ร่าง
ราชสีห์ทมิฬขนาดยักษ์ตรงหน้า มันก
าลังไล่ล่าพวกเขาจากบน พื้นราว
สัตว์คลั่ง นางถึงกับเอ่ยด้วยความมึนงง
“เจ้าตัวนี้น่าจะ เป็นราชสีห์ธาตุไฟนะ ท
าไมมันถึงไปอยู่ในน ้าได้ละ?” เฉิน
หยุนพบว่าเรื่องนี้ประหลาดเช่นกัน
แต่เขาต้องเพ่งสมาธิกับ การหลบหนี
จึงไม่อาจให้ความสนใจรับชมสัตว์ยักษ์เบื้องล่าง
ทั้งหมดที่เขาท
าได้ตอนนี้ก็คืออาศัยถามรายละเอียดผ่านเชี่ยว เย่ว์เหม่ย
เขาเอ่ยถามขึ้น “มันเป็นวิญญาณสัตว์ร้าย?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้า
“ใช่! ข้าสัมผัสได้ถึงพลังจิตรุนแรงจาก ตัวมัน
สมควรเป็นวิญญาณสัตว์
ร้าย และน่าจะเป็นหัวหน้าของ สองฝูงที่เราก
าจัดไปเสียด้วย”
“เป็นไปได้! เต่ายักษ์พวกนั้นก็น่าจะมาจากแม่น
้านี่!” ฉินหยุนค ล้ายคิด
อะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงได้จนต้องร้องออกอย่างเผลอ
ตัว
“แม่น ้าเมฆมังกรต้องมีอะไรผิดปกติอยู่แน่!
ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีศาจหรือ
สัตว์ทั่วไปในป่ า พวกมันย่อมต้องมาดื่มน ้าที่
แม่น ้า.... เพราะแบบนั้นพวก
มันอาจถูกวิญญาณร้ายเข้า ครอบง าเพราะแม่น
้านี่” ภายในแม่น ้าเมฆ
มังกร มันอาจมีวิญญาณร้ายจ านวนมาก
ปรากฏตัวขึ้น!
เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นเพราะเหตุผลที่ว่านี้
จึงได้มีวิญญาณสัตว์ ร้าย
จ
านวนมากปรากฏขึ้นในเทือกเขาเมฆมังกรในช่วงเวลาที่ ผ่านมา
“ราชสีห์ทมิฬตัวนี้
เดิมที่น่าจะเป็นราชสีห์อัคคี แต่เพราะ วิญญาณร้ายที่
ครอบง าร่างกลัวไฟ มันก็เลยไปแช่น ้าในแม่น
้าแทน” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่ม
คาดเดา
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง พละก
าลังของราชสีห์ทมิฬตัวนี้จะ ลดลงมหาศาล
เลย” ฉินหยุนพลันเกิดความคิดขึ้นมา เขาคิด
อยากจัดการราชสีห์ทมิฬร่าง
ยักษ์ตัวตรงหน้านี้
ฉินหยุนวิ่งอยู่บนฟ้าสักพักหนึ่งแล้ว ทางด้านราชสีห์
ทมิฬก็ไล่ ล่าเขาไม่หยุดหย่อน เป็นผลให้ต้นไม้จ
านวนมากกระจัด
กระจาย ทั้งยังค ารามขึ้นฟ้ามาเป็นระยะ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันโพล่งขึ้นมา
“ฉินหยุน ดูที่ตัวราชสีห์นั่น!”
ฉินหยุนหันกลับไปมอง ที่เขาได้เห็นก็คือ ร่าง
ราชสีห์ทมิฬก าลัง กลิ้งกับพื้นและค าราม
คล้ายมันก าลังทุรนทุรายต่อ
อะไรบางอย่าง
โดยทันที เขาหยุดฝีเท้าและก้มลงมองราชสีห์ทมิฬ
จากที่เห็น คล้ายมัน
เจ็บปวดรุนแรงจนต้องส่งเสียงค ารามร้อง
ออกอย่างต่อเนื่อง กระทั่งกลิ้ง
กับพื้นไปมาคล้ายดิ้นรน ร่างสีด า
ทมิฬของมันปรากฏร่องรอยของเปลว
เพลิงสีทองอ่อนจางสว่าง ซีดจาง
“โห... ข้ารู้สึกได้ว่าในร่างนั่นมีสองดวงวิญญาณ
น่าจะเป็น วิญญาณสอง
ดวงก าลังต่อสู้อยู่ภายในร่างราชสีห์ทมิฬแล้ว
ละมั้ง?” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ย
ค าขึ้น
“น่าจะเป็นอย่างนั้น!” ฉินหยุนตอนนี้เร่งรีบน
าเอายันต์สะกด วิญญาณ
ออกมาและขว้างใส่ร่างของราชสีห์ทมิฬเบื้องล่าง
ทันทีเมื่อยันต์สะกด
วิญญาณเข้าระยะ มันปลดปล่อย
ความสามารถสะกดวิญญาณออกมา
ปกคลุมรอบพื้นที่
ราชสีห์ทมิฬที่คลั่งเมื่อครู่เริ่มสงบ เปลวเพลิงอ่อนจางสี
ทองค า ในร่างมันยิ่งมายิ่งเป็นประกายสว่างไสว
สีด าที่ร่างกายเริ่ม เลือน
หาย
ฉับพลันนั้นเอง ร่างเงาสีด
าทมิฬพลันหลุดลอยออกจากร่างของ ราชสีห์
ยักษ์
เสียงชั่วร้ายของมันพลันสบถออกด้วยความโกรธ เกรี้ยว “มนุษย์ที่
สารเลว บังอาจท าลายแผนการข้า จงตาย!”
พอฉินหยุนเห็นร่างสีด าลอยเข้ามา เขาพลันตระหนก
ถึงขั้น ขว้างปายันต์
สะกดวิญญาณออกไปหลายแผ่นเข้าใส่กลุ่มร่างสี ด
าที่น่าจะเป็นราชัน
วิญญาณสัตว์ร้าย ยันต์สะกดวิญญาณหลายแผ่นท
างานร่วมกันส่งผลให้
สกัดร่าง เงาสีด านั้นเอาไว้ได้
“อ๊าก! นี่เจ้ามียันต์นี้ได้อย่างไร? ผังวิญญาณพวกนี้เลือนหายไป
กว่าหมื่น
ปี นี่เจ้าได้มันมาได้ยังไง!?” ราชันวิญญาณสัตว์ร้าย
กรีดร้องเจ็บปวด
“ฉินหยุน เจ้ามีอีกหรือไม่? โยนออกไปให้หมด
จัดการไอ้เจ้านี่ ซะ!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยโพล่งค าขึ้น
“มีอีกหลายสิบแผ่นเลยละ!” ขณะฉินหยุนก
าลังจะกล่าวค าจบ ราชัน
วิญญาณสัตว์ร้ายเร่ง
ร้อนหนีหายไปยังทิศทางที่ฝูงเต่ายักษ์อยู่
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันร้องขึ้น “ไม่ดีแล้ว!”
ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเร็วยิ่ง
เพียงอึดใจมันก็ไปถึงบริเวณที่มี ร่างของฝูง
เต่ายักษ์อยู่แล้ว
มันเข้าสู่ร่างของหนึ่งในนั้น เต่ายักษ์พลันกลับมามีชีวิต
มันดูดุร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้า ทั้งยัง
ปลดปล่อยคลื่นหมอกสีด าออกมา ปก
คลุมยังร่างของเต่ายักษ์
ตัวอื่นพร้อมกลืนกินร่างพวกนั้นเข้าไป ฉินหยุนหัน
มองราชสีห์อัคคีทองค าที่พื้น
มันก็คล้ายฟื้นฟูมาได้ ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้
กลับต้องโดนฝูงเต่ายักษ์เข้าปะทะ ตอนนี้ มันค
ารามร้องอย่างกราดเกรี้ยว
ออกมา
“ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเข้ากลืนกินฝูงเต่ายักษ์”
ฉินหยุนม องที่เต่ายักษ์
ซึ่งมีควันสีด าลอยฟังออกมาจากระยะไกล พวกมัน ก
าลังวิ่งด้วยความเร็ว
ที่ไม่น่าท าได้พุ่งมายังราชสีห์อัคคีทองค า
“ราชสีห์อัคคีทองค
าตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันวิญญาณสัตว์ ร้าย!” เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยเผยสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกเราต้อง จัดการราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเสียก่อน
ไม่เช่นนั้นหลังมัน
จัดการราชสีห์อัคคีทองค า
พวกเราได้เป็นเป้าหมายต่อไปแน่!”
ฉินหยุนเองก็ทราบว่าหากราชันวิญญาณสัตว์ร้ายไล่ล่าพวกเขา
พวกเขา
จะไม่มีโอกาสหลบหนีได้พ้น เขาร่อนลงกับพื้นขณะน
าเอาเตาหลอมและ
หนังสัตว์ล้ําค่าออกมากองหนึ่ง
รวมถึงเหรียญม่วงอีกจ านวนสองพัน
เหรียญที่ ได้รับจากการขายเข็มขัดมิติเก็บของ
“นี่เจ้าคิดท าอะไร?” เชี่ยวเยว์เหม่ยขมวดคิ้วถาม
“ข้าต้องขัดเกลาค่ายอาคมยันต์สะกดวิญญาณ
เจ้าช่วยข้าด้วย ก็ดี” แม้
ฉินหยุนเป็นกังวล แต่เขาไม่ได้แตกตื่น เขาน
าหนัง สัตว์จ านวนมากโยนใส่
เข้าเตาหลอม
“ข้าท าอะไรได้บ้าง?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก
าลังรับชมเรื่องราวอยู่
“ช่วยข้ากางสิ่งนี้ออก” ฉินหยุนน
าแผ่นหินค่ายอาคมวิญญาณ บรรจบเก้า
ตะวันออกมาและส่งมอบให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ย “ดูตาม
เส้นของมัน และวาง
สองพันเหรียญม่วงเอาไว้ให้สม่ําเสมอ”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ สีหน้า
ของนางเปี่ยมด้วยความ กังวล
เพราะราชสีห์อัคคีทองค าตอนนี้ก าลัง
ค ารามร้องโกรธเกรี้ยว
และออร่าของราชันวิญญาณสัตว์ร้ายก็แข็งแกร่งยิ่ง
มันมากพอให้สะกดข่มราชสีห์อัคคีทองค า
ฉินหยุนเร่งไฟเพื่อเผาหนังสัตว์ทั้งหมดจนมีสภาพคล้ายก้อน
โคลน
จากนั้นเขาจึงน าพวกมันออกมาทีละหนึ่งพร้อมใช้ค้อน
ราชันยักษ์
วิญญาณทุบตี เป็นผลให้หนังสัตว์อ่อนตัวลงและ
หลอมรวมเข้าด้วยกันได้
ทุกครั้งที่ฟาดหวดค้อนลงใส่หนังสัตว์
เขาจะใช้มังกรหลอมหก กระบวน
ร่วมไปด้วย ข้างกายเขา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้เผย ความอึ้งทั้ง นี่เป็นครั้ง
แรกที่นางได้เห็นหนังสัตว์ก าลังจะถูกขัด
เกลาเป็นยันต์ด้วยตัวของนางเอง
ฉินหยุนเหงื่อไหลหลั่ง
เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งปาดเช็ดคราบ เหงื่อที่
หน้าผากด้วยซ้ํา
หลังผ่านไปราวเวลาต้มน ้าชา
หนังสัตว์จึงหลอมรวมเกิดขึ้น เป็นวัสดุที่
พร้อมให้เริ่มท าเป็นยันต์
“เริ่มการแกะสลัก ราชสีห์อัคคีทองค าจงอดทนไว้”
ฉินหยุน เป็นกังวลไม่ใช่
น้อย แต่เขาก็เลือกสูดลมหายใจเข้าลึกและ เริ่มท
าการแกะสลัก แม้ตอนนี้
พวกเขาสามารถเลือกหลบหนี แต่ก็คงไปได้ไม่ไกล
ราชันวิญญาณสัตว์
ร้ายสามารถเคลื่อนกายได้เร็วยิ่ง ราชสีห์
อัคคีทองค าอย่างมากก็เพียงยื้อ
เวลาได้สักสองชั่วโมง เพียงแค่สองชั่วโมง
มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหนี
ราชัน วิญญาณสัตว์ร้ายพ้น
เสียงของราชสีห์อัคคีทองค ายิ่งมายิ่งแผ่วเบาลง
ฉินหยุนต้อง แบกรับแรง
กดดันอย่างหนักขณะแกะสลัก เขาจ าเป็นต้องใช้
ยันต์สะกดวิญญาณ
จ านวนหนึ่งเพื่อให้มีพลังอ านาจเพียงพอ
สะกดราชันวิญญาณสัตว์ร้าย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุดฉินหยุนก็ขัดเกลายันต์สะกด วิญญาณจ านวน
หนึ่งจนแล้วเสร็จ ถึงตอนนี้เซี่ยวเย่ว์เหม่ยก็น
า สองพันเหรียญม่วงวางลง
บนค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้า ตะวันเรียบร้อยแล้ว
ล าพังเพียงแค่พลังอ
านาจของยันต์สะกดวิญญาณก็ส่งผลได้ ไม่ใช่น้อย
แล้ว ร่างราชสีห์ทมิฬถึงกับร้องออกด้วยความ
เจ็บปวด “มนุษย์เด็ก ข้าจะ
กัดเจ้า ฉีกเนื้อเจ้า
ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!” ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายค าราม
กราดเกรี้ยว เสียงค ารามนี้มา
พร้อมกับคลื่นอากาศลมเย็นพัดเข้ามา
ตอนท
ี่140 ต่อส
ู
้
เส
ี่ยงชี
วต
ิ
ร่างของราชสีห์ทมิฬพยายามอย่างบ้าคลั่ง
เพียงครู่เดียว มันก็ หลุดพ้น
จากอ านาจของยันต์สะกดวิญญาณ! จากนั้น
ฉินหยุนจึงโยนยันต์สะกด
วิญญาณอีกแผ่นเข้าหาร่าง ราชสีห์ทมิฬ
ทุกครั้งที่เขาสะกดราชัน
วิญญาณสัตว์ร้าย เขาจะใช้มังกรหลอม
หกกระบวนที่รุนแรงที่สุดท าการ
ทุบตีราชสีห์ทมิฬไปด้วย
ครั้งนี้ร่างของราชสีห์อัคคีทองค าไม่คล้ายมี
ปฏิกิริยาต่อต้าน
ชัดเจนว่ามันพ่ายแพ้ต่อราชันวิญญาณสัตว์ร้ายแล้ว
ไม่เช่นนั้น
มันย่อมต้องมีท่าทีแข็งขึ้นบ้างยามราชันวิญญาณสัตว์ร้ายอ่อน
ก าลังลง
“มาดูกันว่ายันต์สะกดวิญญาณของเจ้าจะมีได้แค่ไหน!”
ราชัน วิญญาณ
สัตว์ร้ายหัวเราะออกบ้าคลั่งทั้งที่มันก็เจ็บปวดเพียงไม่นาน
ฉินหยุนก็ใช้
ยันต์สะกดวิญญาณจนหมดสิ้น และ
ค่ายอาคมยันต์สะกดวิญญาณก็ยัง
ดูดกลืนพลังงานได้ไม่พอ
“เราต้องพยายามถ่วงเวลามัน
ต้องซื้อเวลาให้เย่ว์เหม่ย” ฉิน หยุนมอง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยขณะน าเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณ
ออกมา พร้อมเสียง
ค ารามลั่น เขาทะยานร่างลงจากอากาศ
พร้อมใช้มังกรหลอมหกกระบวน
ทุบตีเข้าใส่ร่างราชสีห์ทมิฬ
ตู้ม!
หกกระบวนท่าของวิชามังกรหลอมล้วนน่าสะพรึง
แต่ร่างใหญ่ ยักษ์ของ
ราชสีห์ทมิฬก็หนาเกินกว่าจะมีอะไรเทียบเปรียบ
ก่อน หน้านี้มันโดนการ
โจมตีโดยมังกรหลอมหกกระบวนไปกว่าสิบ ครั้งแล้ว
แต่แล้วตอนนี้ยังกลับ
ยืนหยัดได้อย่างกล้าแกร่งคล้าย
ไม่สะดุ้งสะเทือน
“ฮ่าฮ่า ยันต์สะกดวิญญาณเจ้าหมดแล้วสินะ!” ราชันวิญญาณ
สัตว์ร้าย
หัวเราะออกดังลั่น
มันหาได้สนใจฉินหยุนที่โจมตีร่าง ราชสีห์เลยด้วยซ้ํา
โฮก!
ราชสีห์ทมิฬค
ารามลั่นพร้อมส่งคลื่นพลังจิตรุนแรงออกมา! อย่างกะทันหัน
ฉินหยุนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงแทรก
เข้าในหัวจนราวกับมันแทบ
จะระเบิดออกได้ แต่ด้วยเพราะผลึก
จิตวิญญาณดวงดาวในจิตใจ มัน
สามารถปล่อยคลื่นพลังจิต
ออกมาปกป้องสมองของเขาเอาไว้ได้
ไม่เช่นนั้นจิตส านึกของ
เขาคงโดนลบล้างไปแน่แล้ว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าท
าไมวิญญาณสัตว์ร้ายเหล่านี้ถึง ครอบครองร่าง
สัตว์ปีศาจได้ เป็นเพราะพวกมันปลดปล่อยคลื่น
พลังจิตรุนแรงมาลบล้าง
จิตส านึกได้!
“ยังไม่ตายอีก?” ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเอ่ยเสียงดังขึ้น
เป็น ผลให้ฉินหยุน
ที่ตกอยู่ในอาการเจ็บปวดพลันสะดุ้งตื่น
ฉินหยุนตอนนี้เลือดไหลออกจาก
ทั้งดวงตา หู จมูก และปาก
เพราะโดนคลื่นพลังจิตเข้าท าร้าย ทั้งยังรู้สึก
มึนงง ดวงตาเขา ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นจากอาการเบลอ
“ฮ่าฮ่า เจ้าช่างน่าทึ่งนัก!
นับว่าดีที่ยังมีสติ เช่นนั้นให้ข้าได้มอบ ความ
เจ็บปวดแก่เจ้าได้ลิ้มลอง!”
ราชันวิญญาณสัตว์ร้าย หัวเราะออกอย่างบ้า
คลั่ง มันทะยานร่างราชสีห์ทมิฬเข้ามา
กรงเล็บคมกริบขนาดใหญ่พล้นยื่น
ออก ฉินหยุนที่ยังไม่ได้สติ
เต็มที่พลันโดนเสียดแทงเข้าร่างพร้อมโดนเฉือน
ผิวหนังออกไป ฉินหยุนค ารามร้องเจ็บปวด
เลือดกระเซ็นกระจาย!
ราชสีห์ทมิฬยกกรงเล็บอุ้งเท้าขึ้นขณะยกร่างฉินหยุนไว้
ตรงหน้าปากใหญ่
ยักษ์ของมัน ราวกับเพียงมันคิด ร่างฉินหยุน
ก็ต้องโดนกลืนกินเข้าไปทั้ง
ร่าง!
“อย่ากังวลไป ข้าไม่ให้เจ้าได้ตายโดยง่าย
ข้าจะค่อย ๆ ละเล่น กับเจ้า ฮ่า
ฮ่าฮ่า!”
ราชันวิญญาณสัตว์ร้ายระเบิดเสียงหัวเราะ ดังออก มันควบคุม
ร่างราชสีห์ทมิฬให้บดเคี้ยวแขนซ้ายของฉัน หยุน
มันถูกฉีกกระชากออก
เข้าไปในปากมัน!
“อ๊าก!” ฉินหยุนค ารามร้อง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเองก็รับซมอยู่ไม่ห่างออกไป ที่
นางท าได้ตอนนี้
คือรอให้ค่ายอาคมดูดกลืนพลังงานจนเสร็จสิ้น ถึงตอน
นั้นนาง จะมีอ
านาจสะกดราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเอาไว้ได้
“แขน แขนเขาโดนกินไปแล้ว!”
เมื่อเชียวเย่ว์เหม่ยได้เห็น นางอดไม่ได้จน
ต้องเอามือปิดปากกลั้นเสียง นางแทบไม่เชื่อสิ่ง
ที่เห็นว่ามันเกิดขึ้นจริง
นางทราบแต่แรกว่าหากฉินหยุนก้าวสู่กลางอากาศด้วยก้าว
อัคคีเมฆา
นางย่อมต้องโดนราชันวิญญาณสัตว์ร้ายเล็งเป็นเป้า
เขาสามารถเลือก
หลบหนีจนถึงที่สุดได้ แต่แล้ว เขากลับเลือก
เผชิญหน้ากับราชันวิญญาณ
สัตว์ร้าย กระทั่งยอมเสียแขน!
ความกล้าและความรู้รับผิดชอบนี้เป็นผลให้นางนับถือ
ใจนาง แทบแหลก
สลายเมื่อเห็นฉินหยุนกรีดร้อง
นางก็รู้สึกเจ็บปวดที่ หัวใจ อย่างกะทันหัน
ค่ายอาคมยันต์สะกดวิญญาณที่ขัดเกลาขึ้นด้วย
หนังสัตว์เริ่มส่องประกาย
แสงขึ้นมา
“เสร็จแล้ว!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันยินดี
นางเร่งร้อนหยิบหนัง สัตว์ขึ้นขณะ
พุ่งกายเข้าหาราชันวิญญาณสัตว์ร้ายที่อยู่ห่าง
ออกไปหลายร้อยเมตร
“เด็กน้อยเอ๋ย หากข้าสังหารชายผู้นี้
มันคงคิดถึงเจ้าน่าดู ตอนนี้เจ้าจึงคิด
ตายตกพร้อมกับมันหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ราชัน วิญญาณสัตว์ร้ายหัวเราะลั่น
“ไปตายซะ!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโยนหนังสัตว์ที่ซ่อนไว้ด้านหลัง ค่ายอาคมเริ่ม
ท างาน หลังค่ายอาคมยันต์สะกดวิญญาณท างาน
แสงสว่างสีขาว
มหาศาลพลันระเบิดออกปกคลุมร่างราชสีห์ทมิฬ
ทั้งค่ายอาคม ตอนนี้
ประทับที่ร่างของราชสีห์ ราชสีห์ทมิฬค
ารามร้องดิ้นรนกับพื้น ฉินหยุนที่
โดนกรงเล็บของ มันแทงไว้จึงหลุดออกจากปลายเล็บ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบ
พุ่งเข้าไปรับตัวฉินหยุนที่ได้รับบาดเจ็บ
เอาไว้ นางเร่งรีบโคจรพลังปราณ
เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังราชสีห์ทมิฬโดนปกคลุมด้วยค่ายอาคม
ยันต์สะกดวิญญาณ
มันดิ้นทุรนทุรายอยู่พักหนึ่งก่อนล้มลงกับพื้น เชี่ยว
เย่ว์เหม่ยตอนนี้ก
าลังมองร่างฉินหยุนในอ้อมแขนของนาง ที่ตรงกลางท้อง
มีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
นางถอนหายใจเสียงเบาออกมา
“เส้นโคจรของเขาทรงพลังนัก หญ้าหัวใจ
ลึกล้ําเป็นประโยชน์แก่เขายิ่ง”
จากบาดแผลของฉินหยุน นางสามารถเห็น
เส้นใยทองค า จ านวนมากเชื่อมต่อราวกับรากบัว
แม้ว่าแขนซ้ายของเขา
จะ ถูกฉีกกระชากออกและโดนกินเข้าไปแล้วก็ตาม...
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมอง
บาดแผลรุนแรงที่แขน ใบหน้างดงามของ
นางเผยความเสียใจยิ่ง นาง
กระทั่งกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือด นางน
าเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมา
จากนั้นจึงค่อยปกคลุม
บาดแผลร้ายแรงที่แขนซ้ายของเขาเอาไว้ นางเป็น
กังวลยิ่งว่า ฉินหยุนจะตื่นขึ้นเพราะนางช่วยท
าแผล ไม่ไกลออกไป ร่าง
ราชสีห์อัคคีทองค านอนกับพื้นเริ่มเคลื่อนไหว
ทีละน้อย มันได้เห็นเชี่ยวเย่ว์
เหม่ยเร่งร้อนลุกขึ้น นางก าลังจะ
พาร่างของฉินหยุนแบกไว้บนหลังเตรียม
หลบหนี
“เด็กน้อย อย่าเพิ่ง!” ราชสีห์อัคคีทองค าอ้าปากขณะเผยเสียง
แผ่วเบา
ออกมา มันอ่อนแรงยิ่ง
“นี่ เจ้าคือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามด้วยอาการตื่นตกใจ
“ข้ามาดี! เด็กสาวมนุษย์ อย่าได้หวาดกลัว
ข้าไม่ได้คิดท าร้าย” ราชสีห์
อัคคีทองค ากล่าวออก
“เช่นนั้น.... แขนของพี่ชายข้าเล่า? ท่านกลืนมันลงไปเมื่อครู่
คายมัน
ออกมาได้หรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามเสียงเบา
“ใช่.... แขนของเขาพิเศษยิ่ง
ถึงกับมีโทเทมราชสีห์สวรรค์” ราชสีห์อัคคี
ทองค าขยับร่างเล็กน้อย มันพยายามเงยหัวขึ้น
พร้อมคายแขนข้างหนึ่ง
ออกมา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบเข้าไปคว้าแขนนั้นเอาไว้ ด้วยความ แตกตื่น
นางพบว่าแขนข้างนี้ร้อนยิ่ง จากต
าแหน่งที่กระดูก หลุดออก นางได้เห็นว่า
กระดูกนั้นเป็นสีทองม่วง
นางเองก็ได้เห็นว่ามีโทเทมราชสีห์สวรรค์บนแขน
ข้างนี้
“แค่น าไปใกล้ มันจะเชื่อมต่อกลับด้วยตัวมัน”
ราชสีห์อัคคี ทองค ากล่าว
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถือแขนข้างนี้พากลับไปเชื่อมต่อที่แขนของฉัน
หยุน แสงสี
ทองค าอ่อนจางปรากฏออกจากแขนข้างที่หลุด
เส้นใยสีทองด าคล้ายเส้น
เลือดปรากฏขึ้นขณะยื่นขยายเข้าประสาน
มันเชื่อมต่อแขนกลับคืนสู่ร่าง
ฉินหยุนค่อยตื่นขึ้นขณะสติฟื้นกลับคืน
เขาตอนนี้ก าลังนอน หนุนต้นขา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ดวงตานั้นค่อย ๆ ลืมตื่นขึ้น
“ในที่สุดก็ตื่น! ข้ากลัวแทบตาย!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้ค่อย หัวเราะออกได้
“แขนข้า...”
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยื่นแขนอีกข้างไปพยายาม สัมผัส
ตรวจสอบ แต่แล้วด้วยอาการแตกตื่น
เขาร้องโพล่งออก
“โดนกินไปแล้วนี่? ท
าไมมันกลับคืนมาได้กัน?”
“ราชสีห์ท่านนี้คายมันออกมาให้...
ดูเหมือนมันจะแข็งแกร่งขึ้น ด้วย!”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยจ าได้
ตอนที่นางหยิบแขนข้างนี้กลับมา กระดูกที่แตกหักใน
แขนมันแปรเปลี่ยนเป็นสีทองม่วง กล้ามเนื้อ
ยังคล้ายเปี่ยมล้นด้วยเปลว
เพลิง
“ข้าจะบอกเจ้าเรื่องโทเทมราชสีห์สวรรค์หลังข้าพักฟื้นอาการ
บาดเจ็บให้ดีขึ้นเสียก่อน..” ราชสีห์อัคคีทองค
าพลันกล่าว
“เด็กหนุ่ม เจ้าเองก็ควรพัก
ไว้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บค่อยพูดคุยกัน!”
“อา...”
ฉินหยุนหลับตาลงขณะปล่อยให้สร้อยข้อมือวิญญาณ เทวะเก้า
ตะวันช่วยดูดกลืนพลังเก้าตะวันเข้าสู่ร่างเพื่อท
าการ รักษา ทั้งนี้เขายังมี
อุปกรณ์ผังธาตุแสงสวมใส่ไว้กับตัว พวกมัน ท
างานโดยทันทีพร้อม
ปลดปล่อยพลังช่วยเหลือการรักษา ออกมา
เชี่ยวเย่ว์เหมยน าหมอน
ออกมาให้เขาได้หนุน จากนั้นจึงค่อย
เดินไปเก็บค่ายอาคมวิญญาณ
บรรจบเก้าตะวัน แต่แล้วขณะที่นางเพิ่งเก็บแผ่นหินไปนั้นเอง
นางพลัน
สัมผัสได้ ถึงออร่าจ านวนหนึ่ง
“เป็นอู่โยวเสินกับคนของมัน!
พวกมันโดนเสียงอึกทึกดึงมาทาง นี้!” นาง
เร่งร้อนวิ่งไปข้างกายฉินหยุนเตรียมรับศึก
ที่แห่งนี้เดิมที่เป็นป่ าโบราณ
หนาทึบ แต่เพราะราชันวิญญาณ สัตว์ร้ายเกิดบ้าคลั่งในร่างราชสีห์อัคคี
ทองค า ต้นไม้ทั้งหมดใน
บริเวณกว่าหนึ่งพันเมตรล้วนโล่งเตียนจนสิ้น
ชั่วขณะที่อู่โยวเงินและคณะมาถึง
พวกเขาได้เห็นร่างราชสีห์ ขนาดใหญ่
กว่าสิบเมตรนอนกับพื้น
ทั้งยังได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย และฉินหยุนที่นอนนิ่ง
กับพื้น
“ฮ่าฮ่า เชี่ยวเย่ว์เหม่ย พละก
าลังของเจ้ายอดเยี่ยมนัก ถึงกับ สังหารสัตว์
ปีศาจร่างยักษ์นี้ได้”
ใบหน้าของอู่โยวเสินเปี่ยมด้วย ความโลภขณะจ้อง
มองร่างราชสีห์อัคคีทองค า ผู้อื่นล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
พวกเขาล้วนเป็น
เด็กหนุ่ม เมื่อเห็น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่เพียงล าพัง สัญชาตญาณดิบเถื่อนของ
มนุษย์ อดไม่ได้ที่จะต้องเผยออก
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตะโกนขึ้น
“ฉินหยุนมันตายแล้ว? ให้ข้ารับช่วงต่อจากนั้นแล้วกัน
ถือว่า ช่วยให้เจ้าไม่
ขาดตอน!” อู่โยวเสินหัวเราะชั่วช้าขณะเดินเข้า
หา มันตอนนี้มองที่สร้อย
ข้อมือของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและกล่าวค า
“สร้อยข้อมือและแขนเล็กจ้อยของเจ้าช่างงดงาม
ข้าชอบมัน นะ คิดอยาก
บรรจงจูบเลยเชียวละ!”
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น