วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

ตอนที่ 174 ค้อนราชันอันใหม่
เข้าสู่ทรงกลมสีดํา เขาไม่อาจเห็นสิ่งใด ที่ รู้สึกก็มีเพียงจิตสํานึกที่กําลัง
โดนดูดกลืนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีแล้ว ถ้าจิตสํานึกเราโดนดูดกลืน หมายความว่าเราจะเสีย จิตสํานึก
ไปตลอดกาล!” เขาเกิดอาการแตกตื่นขณะเร่งร้อน โคจรวิถีหัวใจตะวัน
ดาราเพื่อคงสภาพจิตใจ นอกจากนี้ เขายังผสานรวมจิตวิญญาณตัวเอง
กับจิตวิญญาณ ต้นกําเนิด เพื่อทําให้จิตสํานึกมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
“เราต้องไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เราต้องครอบครอง มัน!” ฉินหยุน
ตะโกนลั่นในหัวใจ เจตนาของเขาหนักแน่น ทีละน้อย จิตสํานึกของเขาเริ่ม
ถูกปกคลุมด้วยแรงโน้มถ่วง มหาศาลที่เริ่มกระจายตัวออกทีละนิด
ตู้ม! หลังจากฉินหยุนรู้สึกตัว เขาออกมานอกทรงกลมสีดํานั้นแล้ว จิตใจ
ของเขารู้สึกคล้ายเกิดแรงระเบิดขึ้นภายใน ความเจ็บปวดเกิน ใดจะเทียบ
เข้าจู่โจม อาการปวดหัวนี้คงอยู่ไม่นานนัก
เมื่อลืมตาขึ้น ท้องฟ้าตอนนี้สว่างไสวแล้ว เสารอบกายเขาล้วน แตกหัก
รอยร้าวจํานวนมากปรากฏขึ้นที่ลานกว้างวงกลมแห่ง นี้ ผังวิญญาณ
ทั้งหมดระเบิดออก
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” เมื่อฉินหยุนเห็นอาคม เขาเกิดอาการ แตกตื่น โดยทันที
เขานําเอาบอลผลึกแก้วออกมา มันมีจุด จํานวนสามสิบจุดส่องแสงอยู่
ภายใน นี่เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้นับจํานวนวัน ตราบเท่าที่เขย่ามันเพื่อ เริ่ม
การทํางาน จํานวนวันจะเริ่มถูกนับ หลังผ่านไปหนึ่งวัน จุด แสงหนึ่งจุดจะ
ปรากฏขึ้น ครั้งฉินหยุนเข้าไปในค่ายอาคม เขาเขย่าเป็นการเริ่มนับมันไป
ครั้งหนึ่ง ตอนนี้จุดแสงสว่างสามสิบจุดปรากฏ หมายความถึง เวลาผ่าน
ไปหนึ่งเดือนแล้ว!
“แท้จริงเรานั่งอยู่ในค่ายอาคมนี่นานนับเดือน แต่ที่รู้สึกกลับ เพียงแค่สอง
ชั่วโมงเท่านั้นเอง!” เขามีนงง ขณะนึกย้อนถึง จิตสํานึกตนเองที่ท่องใน
ดาราจักร มันราวกับเป็นความฝัน
โดยเฉพาะตอนที่นึกถึงทรงกลมสีดําน่าสะพรึงนั้น ร่างกายอด ไม่ได้ที่จะมี
อาการสั่นกลัว “ใช่แล้ว นี่เราได้วิญญาณยุทธ์ดวงดาวมาหรือเปล่า?” เขา
เร่ง รีบสํารวจร่างกาย เมื่อเห็นว่ามีทรงกลมสีดําขนาดเล็กใน ตันเถียน เขา
แทบอดรู้สึกแตกตื่นไม่ได้ พลังธาตุสั่นไหวของเขาก่อนหน้านี้ก็เป็นทรง
กลมสีดํา แต่ พื้นผิวมันไม่ได้มันเงาสะท้อนได้ ไม่เหมือนกับสีดําในคราวนี้!
“นี่มันอะไรกัน?” ฉินหยุนไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดเรื่องราวอันใด โดยทันที
เขามองที่แขนซ้าย เขาพบว่าวิญญาณยุทธ์ไฟยังคง หลับใหลอยู่
“หรือนี่จะเป็นวิญญาณยุทธ์ที่สามของเรา?” เขาไม่ทราบว่า เรื่องนี้ดีหรือ
แย่ เขาหลับตาลงขณะพยายามใช้พลังจากพลังธาตุแห่งใหม่ “เป็นพลังที่
แปลกมาก เราต้องใช้พลังจิตและพลังภายใน ร่วมกันเพื่อเรียกให้มัน
ทํางาน! ถ้าเราใช้พลังจิตเพียงลําพัง หรือใช้แค่พลังจากจิตวิญญาณต้น
กําเนิด เราจะไม่สามารถ เรียกใช้พลังของวิญญาณยุทธ์ใหม่นี้ได้”
หลังฉินหยุนปลดปล่อยกําลังภายใน เขาค่อยตระหนักได้ทันที ถึงพลังที่มี
เอกลักษณ์ มันสามารถทําให้สรรพสิ่งหนักขึ้นหรือ เบาลงได้ ยกตัวอย่าง
ก้อนหินนํ้าหนักสองร้อยจิน มันสามารถ ทําให้หนักเป็นหลายพันจิน หรือ
กระทั่งหนักไม่กี่สิบจินได้ ตามแต่ต้องการ การเปลี่ยนแปลงนั้นจะขึ้นอยู่
กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้งานที่ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ พลังนี้ยังไม่ได้มีเพียง
ทําให้สรรพสิ่งหนักขึ้นหรือเบา ลง มันยังมีคุณสมบัติอื่น หากใช้งานที่ผิว
ของร่างกาย ตราบ เท่าที่พลังนี้อยู่ในระยะ มันจะสามารถดูดกลืนสิ่งอื่นให้
เหมือน ก้อนหินจมลงในมหาสมุทรได้
“หากภายนอกถูกปกคลุมด้วยพลังภายในสั่นไหวอีกชั้นหนึ่ง เท่ากับเรามี
ม่านพลังสองชั้นเอาไว้คุ้มกันตัวเอง” หลังจากรู้สึกยินดีอยู่ภายใน ฉินหยุน
จึงเริ่มตระหนักได้ ถึงความลึกลับและ พลังอันเป็นเอกลักษณ์ของ
วิญญาณยุทธ์ที่เพิ่งได้รับมา
ตอนที่ 174 ค้อนราชันอันใหม่
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเราทําให้วิญญาณยุทธ์นี้ทํางานได้ ขึ้นมา?” ชั่ว
ขณะที่ฉินหยุนคิดดังนี้ เขาทดลองโดยทันที เขาเองก็อยากเห็นว่าพลังธาตุ
ใหม่ที่ได้รับมา จะออกมาเป็นอย่างไร ขณะโคจรด้วยวิชาหยางสีดํา เป็น
ผลให้วิญญาณยุทธ์สีดําเกิด อาการหายใจพร้อมหมุนวนด้วยความเร็วสูง
ยิ่ง ไม่ช้า เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณสีดําลึกลับภายในตันเถียน มัน กําลัง
เคลื่อนโคจรอย่างลื่นไหล
“ดูเหมือนพลังธาตุลึกลับนี้จะอยู่ในการควบคุมของเราอยู่แล้ว” ฉินหยุน
คิดดังนี้กับตัวเอง ขณะที่วางแผนจะปลดปล่อยพลัง ธาตุทั้งหมดออกอย่าง
เต็มกําลัง เขาพลันรู้สึกได้ถึงวิญญาณ ยุทธ์ไฟที่หลับใหลอยู่ในแขนซ้าย
เกิดการเคลื่อนไหว! ฉินหยุนแตกตื่น เป็นเพราะวิญญาณยุทธ์สีดําลึกลับนี้
มัน ปลดปล่อยขุมพลังที่ดึงดูดวิญญาณยุทธ์หลับใหลของเขาสู่ ตันเถียน
วิญญาณยุทธ์ที่หลับใหลอยู่ในแขนซ้ายกําลังถูกบังคับให้เคลื่อนย้าย เป็น
ผลให้เขารู้สึกเจ็บปวดรุนแรง ความเจ็บปวดนี้คล้ายตอนเฉียวรุ่ยเหวิ่นช่วย
เขาย้ายพลังธาตุโดยทันที
เขาผ่อนคลายร่างกาย หยุดต่อต้านการเคลื่อนย้าย พลังธาตุ ไม่เช่นนั้นจะ
มีแต่ยิ่งเจ็บปวดกว่านี้ อึดใจถัดมา ฉินหยุนหอบหายใจหนัก เขากําลัง
สํารวจตันเถียน ตนเอง พบว่าพื้นผิวสีดําของพลังธาตุตอนนี้กําลัง
ปลดปล่อย เปลวเพลิงออกมา มันกําลังสาดส่องลําแสงสีดําออกมาคล้าย
ดวงตะวันฉายแสง ทว่า ลําแสงทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสีดํามืดมิด!
“นี่วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของเราตื่นขึ้นสมบูรณ์แล้ว?” ฉินหยุน
งุนงงขณะทําการสํารวจสภาพในตันเถียนต่อ เขามั่นใจว่า วิญญาณยุทธ์สี
ดําลึกลับ และวิญญาณยุทธ์ไฟที่ หลับใหล พวกมันจะผสานรวมเข้า
ด้วยกันเป็นหนึ่ง และกําลัง ภายในของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
“วิญญาณยุทธ์สีดํา! นี่เป็นเหมือนดวงตะวัน หรือจะเป็น วิญญาณยุทธ์
ตะวันทมิฬ?” ฉินหยุนตอนนี้เริ่มคาดเดา หากเป็น เช่นนั้นจริง นี่จะ
กลายเป็นวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์แล้ว! และวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬก็
เป็นระดับสูงที่สุด!
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าทรงกลมสีดําที่เราเห็นในจิตสํานึกก่อนหน้า นี้ มันคือ
ตะวันทมิฬ? ช่างลึกลับนัก!” เขาเผยฝ่ามือออกขณะปลดปล่อยเปลวเพลิง
ออกมา เปลวเพลิงสีดําสนิทปรากฏก่อนจะกลืนกินทุกสิ่งอย่าง คลื่น ความ
ร้อนจากตัวมันชวนสะพรึงยิ่งกว่าสิ่งใด
“ดูเหมือนจะเป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬจริง! ทรงกลมสีดําที่ เราเห็นใน
ดาราจักรก้นหอยนั้นมีเพียงแรงดึงดูดแข็งแกร่ง กระทั่งแสงยังไม่อาจหนี
พ้น!”
“ตอนนี้ หลังผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ไฟที่หลับใหล เปลวเพลิงจึง
กลายเป็นสีดํา” ฉินหยุนหาข้อสรุปให้ตัวเองจากประสบการณ์ที่มี เขา
พยายาม โคจรพลังภายในตะวันทมิฬสู่พื้นผิวของร่างกาย ชั่วขณะนี้เอง
มันคล้ายเขาไม่จําเป็นต้องละเมียดละไมดูดกลืนพลังวิญญาณ กลับเป็น
พลังวิญญาณที่พุ่งเข้าหาเขาด้วยตัวของพวกมันเอง เมื่อผสานรวมเข้ากับ
วิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันจึงสามารถ ดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันได้
ราวบ้าคลั่ง!
“ความเร็วการดูดกลืนพลังวิญญาณนี้ เทียบได้กับครึ่งหนึ่งของ อาคม
วิญญาณบรรจบเก้าตะวัน! แม้เพียงครึ่งแต่ก็ทรงพลังยิ่ง ด้วยระดับขนาด
นี้ เราสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวัน เมื่อใดก็ได้ ทั้งยังจะยิ่ง
สะดวกมากขึ้นหากต้องตั้งค่ายอาคม”
วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬถึงกับให้ผลลัพธ์ชวนตื่นตะลึง!
“ต้องลองหลอมอะไรสักอย่างดูแล้ว!” ฉินหยุนนําเอาเตาหลอม ออกมา
และใส่แร่เหล็กวิญญาณชั้นเลิศที่เพิ่งได้รับมา เข้าใส่เตา หลอมก่อนจะใส่
เปลวเพลิงสีดําเข้าเผาไหม้ ความเร็วการเผาไหม้มหาศาล นี่ทําเอาเขา
ยินดียิ่ง! หากเขาใช้เปลวเพลิงที่มีก่อนหน้านี้เพื่อทําการหลอม อย่าง น้อย
ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะขัดเกลาแร่เหล็กวิญญาณชั้น เลิศทั้งหมดนี้
ได้ แต่ตอนนี้ เพียงครึ่งวัน แร่เหล็กวิญญาณชั้นเลิศกว่าสามหมื่น จิน ได้
กลายเป็นเหล็กวิญญาณชั้นเลิศปริมาณสามร้อยจินเสร็จ สิ้นแล้ว!
“ชักอยากลองหลอมค้อนราชันยักษ์วิญญาณอันใหม่ขึ้นมาแล้ว สิ!” ฉิน
หยุนรู้สึกได้ว่า ตอนนี้ตนมีเงื่อนไขครบถ้วนสําหรับ หลอมอุปกรณ์
วิญญาณระดับกลางแล้ว
พลังจิตที่แข็งแกร่งและเปลวเพลิงที่แข็งแกร่ง มีสิ่งหนึ่งที่ยัง แข็งแกร่งไม่
เพียงพอ นั่นก็คือพลังภายใน!
“เราต้องเลื่อนระดับพลัง!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก นั่งขัดสมาธิกับพื้น
เขามองขึ้น ท้องฟ้าจึงพบว่าตอนนี้เป็นช่วงบ่าย
“มาดูกันว่ากระดูกเราจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเปลวเพลิงสีดําได้ หรือไม่!” เขา
วางแผนคิดขัดเกลาวัชระกระดูกที่นี่และตอนนี้ บนยอดเขา ฉินหยุน
ดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันอย่างเร็วยิ่ง เข้าสู่ร่างกาย ทั้งหมดมันถูกส่ง
ต่อไปยังพลังธาตุตะวันทมิฬและ ปลดปล่อยออกเป็นเปลวเพลิงสีดํา ด้วย
การผ่านเส้นโคจร กระดูก มันสามารถแทรกซึมเข้าไปเพื่อหล่อเลี้ยงบํารุง
กระดูก ทั้งร่างได้ ก่อนหน้านี้ตอนเขาอยู่ในอาคมขัดเกลากระดูก เขาได้ขัด
เกลา กระดูกส่วนใหญ่ของตนเอง ตอนนี้พวกมันใกล้เคียงวัชระ กระดูก
เต็มที่แล้ว
เพียงพริบตา อีกหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้น! เมื่อฉินหยุนลืมตาตื่น หมอกสีทอง
อ่อนจางได้ปรากฏจากกาย เขา มันเป็นออร่าของวัชระกระดูก!
“ในที่สุดเราก็ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แล้วนี่ก็ ผ่านวันเกิด
อายุสิบหกไปแล้วด้วย” ภายในใจของเขาสุขสันต์ ไม่น้อย หนึ่งปีที่แล้ว เขา
เกือบจะต้องโดนบังคับเข้าร่วมกองทัพ ในตอนนั้น เขาอยู่เพียงขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่สองเท่านั้นเอง
แต่พอมาตอนนี้ ราวหนึ่งปีผ่านพ้น เขาสามารถก้าวสู่ขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ด!
“ประมาณสองเดือน พิธีอภิเษกสมรสน่าจะใกล้เริ่มแล้ว!” ฉิน หยุนกําหมัด
แน่น เขารู้สึกได้ถึงพละกําลังของตนเอง ว่ามัน เพียงพอเข้าร่วมงานพิธี
อภิเษกสมรสระหว่างเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินเจิ้งเฟิงแล้ว
เขานําเอาเหล็กวิญญาณชั้นเลิศจํานวนสามร้อยจินออกมา
จากนั้นจึงนําเอากระดูกมังกรอีกสามร้อยจินออกมาโยนเข้าใส่ เตาหลอม
“แค่เหล็กวิญญาณชั้นเลิศไม่พอหรอก ต้องเป็นกระดูก เหล็กกล้าชั้นเลิศ!”
ตอนนี้เขาก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เจ็ดสําเร็จแล้ว เป็นเพราะ
สภาพการณ์ตอนนี้ เขามีความมั่นใจ ในพลังของตนเองไม่น้อยเลยทีเดียว
ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แม้เพียงแค่กระดูกทองคํา ขั้นต้น แต่หลัง
กระดูกทองคําดูดกลืนวัชระกําลังภายใน พละกําลังของร่างกายจะ
แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้าถึงสองเท่า เมื่อวัชระกําลังภายในโคจรผ่าน
กล้ามเนื้อและเส้นโคจร พละกําลังของทุกสิ่งที่เป็นทางผ่านจะยิ่งเพิ่มพูน
สําหรับกําลังภายในของฉินหยุน มันถูกขัดเกลาขึ้นด้วยวิญญาณยุทธ์
ระดับสีดํา สิ่งนี้มีความแข็งแกร่งเหนือลํ้าผู้คน ทั่วไป ยามเมื่อดูดกลืนพลัง
วิญญาณเก้าตะวันได้เพิ่มขึ้น มันก็ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
กระดูกมังกรและเหล็กวิญญาณชั้นเลิศ ทั้งหมดหลอมรวม กลายเป็นสี
แดงฉานด้วยเปลวเพลิงตะวันทมิฬ ฉินหยุนตอนนี้เปิดเตาหลอมและใช้
หมัดอ่อนอัคคีหยิบเอาวัตถุ ด้านในออกมา!
เหล็กวิญญาณ และกระดูกสัตว์ ทั้งสองกําลังร้อนแรง กระนั้น ฉินหยุนก
ลับสามารถคว้าจับพวกมันออกจากเตาหลอมได้ด้วย มือเปล่า มือทั้งสอง
ของเขาตอนนี้จับพวกมันเอาไว้ขณะวางลง ที่แท่นหลอม มือข้างซ้ายของ
เขาตอนนี้คว้าจับค้อนเอาไว้ แต่ด้วยเหตุผล อะไรบางอย่าง เขารู้สึกได้
อย่างกะทันหัน ว่าแขนราชสีห์สวรรค์ กลายเป็นว่างเปล่า มันไม่คล้ายมี
พละกําลังดังเช่นก่อนหน้า!
“เราต้องมีวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งให้แขนราชสีห์สวรรค์!” ฉินหยุน
เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณแล้ว เขาสามารถ ผสานรวม
วิญญาณยุทธ์ของตนเองไปยังแขนได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ เรื่องยากสําหรับเขา แต่
ส่วนที่ยากลําบากที่สุดคือการหา วิญญาณยุทธ์ที่ดีต่างหาก
ติ้ง!
ค้อนราชันยักษ์วิญญาณฟาดหวดลง เป็นผลให้เกิดประกายไฟ แล่บกระ
จายทั่ว ด้วยการฟาดหวดมังกรหลอมหกกระบวนออกไปสิบชุด เขาจึง
หลอมเหล็กวิญญาณและกระดูกมังกรหลายร้อยจิน ปรากฎ ออกเป็น
กระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ ถัดจากนั้น เขาจึงทําการ หลอมเหล็กวิญญาณ
และกระดูกสัตว์ที่เหลือต่อ ราวหนึ่งชั่วโมง เขาจึงมีกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ
เพียงพอ!
เหล็กวิญญาณชั้นเลิศสามร้อยจิน และกระดูกมังกรสามร้อยจิน หลังทํา
การขัดเกลาพวกมัน พวกมันก็ยังคงหนักที่สามร้อยจิน กระนั้นพละกําลัง
ของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลยิ่ง นอกจากนี้ เขายังผสานรวมหยก
วิญญาณมวลหนักเข้าไป ระหว่างกระบวนการหลอมด้วย
“ด้วยเปลวเพลิงของเราตอนนี้ เราจะยิ่งทําให้หยกวิญญาณ มวลหนักมี
นํ้าหนักเพิ่มขึ้นได้อีกมาก!” ฉินหยุนมองไปยังกระดูก เหล็กกล้าชั้นเลิศสี
ดําขณะยิ้มพึงพอใจ ในช่วงสิบวันมานี้ เขาได้หลอมกระดูกเหล็กกล้าชั้น
เลิศ ขึ้นรูป เป็นคอนราชันยักษ์วิญญาณที่วิจิตรงดงาม ตอนนี้เหลือเพียง
ขั้นตอนเดียวเท่านั้นแล้ว
“อาวุธวิญญาณระดับกลาง จําเป็นต้องมีผังวิญญาณสามหรือสี่ ผัง” ฉิน
หยุนนําเอามีดแกะสลักออกมา ตอนนี้ เขาต้อง คร่ําเคร่งกับการแกะสลัก
แล้ว แม้อุปกรณ์วิญญาณระดับกลางต้องการสักสามผังวิญญาณเป็น
อย่างน้อย แต่เขารู้สึกว่าตนเองนั้นต้องการอย่างน้อยก็สี่ยัง วิญญาณ เพื่อ
ทําให้ค้อนของตนทรงพลังมากยิ่งขึ้น การแกะสลักผังวิญญาณสี่ยังเป็น
เรื่องซับซ้อน นอกจากนี้ ยัง วิญญาณทั้งสี่เหล่านี้จะต้องแบ่งออกเป็นสอง
หรือสามกลุ่ม
ยกตัวอย่าง ผังแข็งตัวจําเป็นต้องแกะสลักเป็นผังสองชุด หนึ่ง คือที่ตัวเต้า
ค้อน และอีกหนึ่งคือที่ด้ามจับค้อน ส่วนสองฟาก ข้างของเต้าค้อนนั้น
จําเป็นต้องแกะสลักผังแปรธาตุ ถัดจากนั้นจึงเป็นผังยักษ์วิญญาณ มันคือ
ฝังวิญญาณซึ่งเป็น แก่นกลางสําคัญของคอนราชันยักษ์วิญญาณ และยัง
มี ความสําคัญยิ่งในพิมพ์เขียวของตัวค้อน ก่อนหน้านี้ พละกําลังของฉิน
หยุนมีจํากัด
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจ แกะสลักผังวิญญาณดังกล่าวได้ นี่เป็นเพราะการ
แกะสลักผัง ยักษ์วิญญาณ จําเป็นต้องแกะสลักลงที่ตัวค้อน มันจะต้องใช้
พลังจิตปริมาณมหาศาลทั้งยังทรงพลัง วัชระกําลังภายใน และ พลังโลหิต
จําเป็นต้องควบแน่นกันเกิดขึ้นเป็นพลังจิตวิญญาณ โลหิต และ
จําเป็นต้องใช้พลังจิตเพื่อลงเข้าสู่ส่วนลึกของค้อนจึง ค่อยทําการแกะสลัก
ตอนนี้ เขากําลังใช้หยกวิญญาณเทวะเพื่อปลดปล่อยพลังจิต ด้วยพลังจิต
ที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากเขา ต้องการแกะสลักผังยักษ์
วิญญาณ
ผังวิญญาณที่เขาแกะสลักล้วนเป็นผังวิญญาณระดับสูง พวก มันมีความ
ซับซ้อนยิ่ง ดังนั้นจึงต้องใช้เวลามากตามไปด้วย เป็นเวลากว่ายี่สิบวัน
จนกระทั่งแกะสลักผังวิญญาณทั้งสามชุด เสร็จสิ้น สองชุดนั้นเป็นผังแปร
ธาตุ และอีกหนึ่งคือฝั่งยักษ์ วิญญาณ ค้อนราชันยักษ์วิญญาณอันใหม่นี้
นับได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณ ระดับกลาง
ทว่า เขาก็ยังมีแผนคิดแกะสลักผังวิญญาณบ้าคลั่ง เอาไว้ภายในตัวค้อน
ด้วย ผังวิญญาณบ้าคลั่งจะทําให้ผู้ใช้ได้รับพลังแข็งแกร่งและรุนแรง มัน
จะเพิ่มพลังขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว ทว่า มันต้องใช้พลัง ภายในมหาศาล
ดังนั้นแล้วจึงเหมาะกับการใช้เป็นครั้งคราว เสียมากกว่า
เมื่อคิดแกะสลักผังบ้าคลั่ง ก็จําเป็นต้องแกะสลักพวกมันลงที่ เต้าค้อน
เหมือนอย่างยั่งยักษ์วิญญาณ เป็นเพราะผังยักษ์ วิญญาณอยู่ภายในก้อน
การแกะสลักผังวิญญาณชนิดที่สองลง ไปจะยิ่งทําให้งานยากมากขึ้น
เป็นเรื่องดีที่เขามีพิมพ์เขียว และมันก็มีรายละเอียดอย่าง ครบถ้วนจึงทํา
ให้เขาสามารถหลบเลี่ยงความขัดแย้งกันเองกับ ผังยักษ์วิญญาณได้ ครั้งนี้
เขาต้องค่อย ๆ แกะสลักอย่างระมัดระวังตามพิมพ์เขียว หลังผ่านไปอีกสิบ
วัน ในที่สุดเขาจึงค่อยแกะสลักได้สําเร็จ
“วิเศษนัก!” ฉินหยุนตอนนี้สํารวจมองค้อนในมือขณะออกปาก ชมฝีมือ
ตนเอง เป็นเขายินดีไม่ใช่น้อย แท้จริงแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ทราบ ว่า
ต้อนราชันยักษ์ วิญญาณนี้ได้เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว เนื่องจากผังวิญญาณที่เขาแกะสลักลงไปมีความซับซ้อนยิ่ง ทั้ง ยัง
พ่วงด้วยกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ ทําให้ค้อนราชันยักษ์ วิญญาณอันนี้ไม่
อ่อนด้อยไปกว่าอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง ทั่วไปแม้แต่น้อย
เขาใช้เวลาตลอดทั้งเดือนเพื่อขัดเกลามันซํ้าแล้วซํ้าเล่าจน สําเร็จ ทว่า
หากเป็นอาจารย์จารึกทั่วไปที่คิดขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณระดับกลาง
พวกเขาอาจจําเป็นต้องใช้เวลาสักสองหรือสามเดือน หรืออาจกระทั่งนาน
กว่านั้นในระดับเกือบปีเลย
หากเขาเพียงแกะสลักผังวิญญาณระดับตํ่า มันก็จะยิ่งทําให้ ขั้นตอนการ
ขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หลังทําการหลอมค้อนราชัน
ยักษ์วิญญาณระดับกลางเสร็จสิ้น ฉินหยุนจึงเร่งรีบไปจากยอดเขาชี้นํา
วิญญาณดวงดาว เขา ตอนนี้ต้องรีบกลับไปเพื่อรับทราบสถานการณ์ที่
เกิดขึ้นช่วงที่ตนว่างเว้น
นอกจากนี้เขายังเป็นห่วงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่น้อยด้วย ระหว่างทางออกจาก
เทือกเขาเมฆมังกร เขาก็ยังคงหลบเลี่ยง สัตว์ปีศาจทุกตัวเหมือนอย่างเคย
แต่เขาก็ได้พบ ว่าวิญญาณ ยุทธ์ตะวันทมิฬของตนเองกลับมี
ความสามารถวิเศษอีกอย่าง ยามเมื่อมันปลดปล่อยพลังภายในมืดมิด
ช่วงเวลากลางคืน มัน จะทําให้เขาสามารถกลืนกินไปกับความมืดโดยไม่
ปลดปล่อยออ ร่าใดให้หลุดรอดไปได้ คุณลักษณะนี้คล้ายกับทรงกลมสีดํา
ขนาดใหญ่ที่เขาเห็นในดาราจักรก้นหอย หากไม่ใช่เพราะพลังงาน
มหาศาลถูกดูดกลืน
โดยทรงกลมสีดําจากโดยรอบ เขาก็คิดไม่ออกเช่นกันว่าจะพบ เห็นมันได้
อย่างไร กําลังภายในของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแข็งแกร่ง ยิ่งขึ้น
เมื่อเขาใช้ก้าวอัคคีเมฆา ความเร็วจึงยิ่งมากมายขึ้น ตอนนี้เขาสามารถ
กลมกลืนไปกับความมืดยามราตรีกาล ดังนั้น เมื่อฟ้ามืดลง เขาจะ
สามารถทะยานกายผ่านอากาศ การกระทํานี้ยิ่งทําให้เขาลดระยะเวลา
เดินทางกลับได้มากขึ้น
ฉินหยุนตอนนี้เดินทางไปยังถํ้าซึ่งเฉียวรุ่ยเหวิ่นใช้พักรักษาตัว เมื่อไปถึง
เขาพบว่าผนึกที่ถํ้าถูกระเบิดออกไปแล้ว ทว่ายังคงมี พลังภายในแข็งแกร่ง
หลงเหลือร่องรอยเอาไว้
“อาการบาดเจ็บของท่านยายคงหายดีแล้ว พลังภายในช่าง แข็งแกร่งนัก!”
ฉินหยุนสงบใจขณะสํารวจมองส่วนลึกของ เทือกเขาเมฆมังกร เขาแอบ
คาดหวังว่าเฉียวรุ่ยเหวิ่นจะ เดินทางอย่างปลอดภัยผ่านเทือกเขาเมฆ
มังกร และไปถึงแดน ยุทธ์อ้างว้างได้โดยสวัสดิภาพ
ตอนที่ 175 กลับสู่นครหลวง
หลังเดินทางในเทือกเขาอยู่หลายวัน ฉินหยุนตอนนี้กําลังมุ่ง ตรงไปยัง
จักรวรรดิเทียนฉิน!
จักรวรรดิเทียนฉินถือเป็นจักรวรรดิที่อยู่ใกล้ตําหนักดวงดาว วิญญาณสี
ครามมากที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพระราชวัง หลวงเทียนฉินและ
ตําหนักทิศใต้เป็นไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ องค์ชายรัชทายาทฉินเจิ้งเฟิ งยัง
เป็นมิตรที่ดีกับเชี่ยวหยางหลง แห่งตําหนักตะวันตก ดังนั้น ในระหว่างช่วง
งานพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฉินเจิ้งเฟิง และเชี่ยวเย่ว์หลาน ตําหนักทั้งสี่
ของตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามจึงมาร่วมงาน ตําหนักตะวันออกที่
น้อยครั้งจะส่งศิษย์ออกมายังเข้าร่วม โดยหลักแล้วก็เพราะเชี่ยวเย่ว์หลาน
คือศิษย์ ของตําหนักตะวันออกนั่นเอง ที่ประตูหลักของนครหลวงเทียนฉิน
ประตูเหล็กบานยักษ์สอง บานสูงหลายสิบเมตรเปิดอ้ากว้าง
ครั้งอดีต นครหลวงจะเปิด ประตูสูงกว่าสิบเมตรนี้ก็ต่อเมื่อมีผู้เข้าออกซึ่ง
ต้องผ่านการ สอบถามโดยทหารรักษาการณ์ บางครั้ง ก็อาจมีการเรียก
เก็บ ค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าเมืองด้วย ทว่าคราครั้งนี้ไม่จําเป็น ฉินหยุน
ตอนนี้ยังอยู่ห่างจากนครหลวงหลายร้อยเมตร ดวงตา สุกสว่างและลุ่มลึก
ของเขากําลังจ้องมองฝูงชนที่เข้าและออก นครหลวงกันไม่ขาดสาย หลาย
ผู้คนเดินผ่านเขาไป พวกเขาเพียงมองอย่างเฉยเมย
ฉินหยุนตอนนี้ทั้งสูงกว่าและกํายํายิ่งกว่าก่อนหน้า หลังโดน เคี่ยวกรําโดย
แสงตะวันอยู่นับเดือนที่ยอดเขาชี้นําวิญญาณ ดวงดาว ผิวหนังจึงเริ่มเป็น
สีนํ้าตาลอ่อนขณะดูหล่อเหลากํายํา มากขึ้น หลังประสบพบเจอห้วงเวลา
แห่งชีวิตและความตาย
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาค่อยมีเหลี่ยมมุม กระทั่งว่าดูเติบใหญ่ และหนัก
แน่นมากขึ้น ตอนนี้เขากําลังมองประตูหลักของนครหลวง ภายในใจเต็ม
ไป ด้วยความคิดมากมาย ตอนนี้ เขาอายุสิบหกปีแล้ว นับได้ว่าเป็นผู้ใหญ่
แล้ว นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว
ด้วย!
ท้ายที่สุดเขาก็มีชะตาให้ต้องกลับสู่จักรวรรดิเทียนฉิน!
“จักรพรรดินีเย่ ข้าจะไปเข้าร่วมงานแต่งบุตรชายเจ้าอย่าง แน่นอน!” ฉิน
หยุนกําหมัดเอาไว้แน่นขณะฝีเท้าเร่งรีบเดินมุ่ง หน้าสู่ประตูเมือง วันนี้เขา
สวมใส่ชุดสีเทา ทั้งยังมีหมวกไผ่สาน ท่าที่หาได้ลอก แลก ดวงตานั้นมาด
มั่นและแน่วแน่ ด้วยท่าทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่มีทางที่ผู้อื่นจะทราบได้ว่า
เป็นเขาซึ่งอายุสิบหกปีแล้ว มี เพียงคนสนิทคุ้นเคยเท่านั้นจึงสามารถมอง
เขาออกได้เพียงการมองครั้งเดียว
ขณะฉินหยุนเดินเข้าประตูเมือง เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันยิ่ง ทว่า บรรยากาศ
กลับไม่ใช่ แม้จะมีชีวิตชีวายิ่งกว่าก่อนหน้า แต่มัน คล้ายมีความหนักอึ้ง
กังวล เขาสอบถามไปทั่วขณะพบว่าไม่กี่เดือนนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้น!
โดยเฉพาะกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยซึ่งเขากําลังเป็นห่วงอยู่ นาง กลายเป็นหญิง
โฉดฆาตกรชั่วร้ายไปแล้ว!
ศิษย์กว่าหนึ่งร้อยคนจากตําหนักตะวันตกและตระกูลขุนนาง แห่งเทียน
เชี่ยว ล้วนถูกนางสังหาร บางตระกูลขนาดเล็ก กระทั่งถูกกวาดล้าง
ตระกูลเหล่านั้นล้วนมีสัมพันธ์อันดีกับ เชี่ยวหยางหลง!
นอกจากนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยังสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่
แปดได้สําเร็จจํานวนหลายสิบคนด้วยกัน สําหรับ จักรวรรดิเทียนเชี่ยว
เรื่องนี้ถือเป็นความเจ็บปวดอันร้ายแรงยิ่ง สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนก็ไม่
เว้น ทุกสามวัน จะต้องมีศิษย์ที่ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็พิกลพิการ!
ในช่วงหลายเดือนมานี้ คนของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน จักรวรรดิเทียน
เชี่ยว และตําหนักตะวันตกล้วนตกอยู่ในอาการ หวาดกลัวเพราะเชี่ยวเย่ว์
เหม่ย ทว่า ไม่กี่วันก่อน ข่าวคราวชวนตื่นตะลึงก็เกิดขึ้นจนได้! เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยถูกจับตัวโดยจักรวรรดิเทียนเชี่ยว และตอนนี้ถูก กักขังเอาไว้ที่นคร
หลวงจักรวรรดิเทียนฉิน และพวกเขายังไม่ ทราบว่าควรจัดการกับนาง
อย่างไรดี
“เย่ว์เหม่ยโดนจับ แล้วตอนนี้ก็อยู่ในจักรวรรดิเทียนฉิน!” เมื่อ ฉินหยุนได้
ยินดังนี้ คิ้วนั้นขมวดมุ่นขณะเผยสีหน้าเคร่งเครียด เชี่ยวเย่ว์เหม่ยโดนจับ
ตัว และนํามายังนครหลวงเทียนฉิน เรื่อง นี้ชัดเจนว่าเป็นความจงใจ
เป็นไปได้สูงว่านี่จะเป็นการกดดัน เชี่ยวเย่ว์หลาน พี่สาวของนาง ดังนั้น
แล้วนางจึงกลายเป็นตัว ประกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีระหว่างพิธี
อภิเษกสมรส!
เชี่ยวเย่ว์หลานเห็นเย็นชาและไร้หัวใจเพียงนั้น แต่นางกลับดี ต่อน้องสาว
ของตนยิ่ง ตอนนี้น้องสาวของนางได้สังหารผู้คนไป มากและถูกจับตัว นาง
ย่อมต้องมีโทษตายแล้ว หากนางให้ความร่วมมือกับจักรวรรดิเทียนเชี่ยว
และแต่งงาน จนผ่านพ้น เช่นนั้นน้องสาวของนางจะรอด
“เราต้องไปช่วยเย่ว์เหม่ย!” ฉินหยุนตัดสินใจได้โดยทันที ว่า ต้องไปช่วย
เชียวเย่ว์เหม่ยไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม! ผู้คนที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสังหารล้วน
ข้องเกี่ยวกับข้าราชบริพาร แห่งเทียนเชี่ยว หรือไม่ก็ศิษย์ของตําหนัก
ตะวันตก และสถาบัน ยุทธ์เทียนเสวียน หลังนางฆ่าผู้คนเหล่านั้นได้
หลายคนกระทั่ง โห่ร้องยินดีด้วยซํ้า และเรื่องนี้ก็ชัดเจน ว่านางสังหารคน
เหล่านั้นเพื่อแก้แค้นให้แก่ ฉินหยุน! ฉินหยุนได้ทราบว่าพิธีระหว่างเชี่ยว
เย่ว์หลานและฉินเจิ้งเฟิงจะ ถูกจัดขึ้นในอีกยี่สิบวันถัดจากนี้
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ขุนนางทั้งหลาย อาจารย์ และศิษย์จากแต่ ละ
อาณาจักรล้วนมาเยือนพระราชวังหลวงเทียนฉินกันไม่ขาด สาย
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีข่าวคราวชวนตื่นตะลึง วิญญาณยุทธ์ ของเชี่ยว
เย่ว์หลานถูกผู้คนรับรู้ เป็นวิญญาณยุทธ์มังกรไฟ ระดับทองม่วง ถือเป็น
วิญญาณยุทธ์ในตํานาน!
เมื่อฉินหยุนทราบข่าว เขาแตกตื่นยิ่งกว่าผู้คนส่วนใหญ่ เป็น เพราะเขา
ทราบดีว่านอกจากวิญญาณยุทธ์มังกรระดับทองม่วง แล้ว เชี่ยวเย่ว์หลาน
ยังมีวิญญาณยุทธ์พลังจิต! ทว่า เป็นเซี่ยวเย่ว์เหม่ยที่เป็นน้องสาวนางบอก
ต่อเขา ว่าไม่ อาจใช้วิญญาณยุทธ์กระจกเพื่อทําสําเนาวิญญาณยุทธ์
ทั้งหมด ของพี่สาวนางได้! วิญญาณยุทธ์มังกรไฟระดับทองม่วง ถือเป็น
วิญญาณยุทธ์ ระดับทองม่วง กระจกของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสามารถทําสําเนา
มัน ได้ แน่นอนว่านางต้องเคยเก็บมันเอาไว้ในวิญญาณยุทธ์กระจก
และในภายหลัง นางจึงค่อยคัดลอกวิญญาณยุทธ์พลังจิตของ เชี่ยวเย่ว์
หลานมา!
หรือก็คือ เชี่ยวเย่ว์หลานมีวิญญาณยุทธ์ที่สามซึ่งแข็งแกร่ง ขนาดที่
วิญญาณยุทธ์กระจกของน้องสาวนางไม่อาจทําสําเนา คัดลอกได้!
“วิญญาณยุทธ์มังกรถือเป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์ และมังกรถือ เป็นสัตว์
ศักดิ์สิทธิ์ เชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณยุทธ์ ศักดิ์สิทธิ์ระดับทอง
ม่วง ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์สีดําอันลึกลับ นี่ จะบอกว่านางได้รับพวกมัน
เหล่านี้เพราะแผนที่หลุมฝังเซียน อย่างนั้นหรือ?”
ฉินหยุนคิดกับตนเอง วิญญาณเทวะเก้าตะวันของเขาก็ได้รับ จากแผนที่
หลุมฝังเซียน ดังนั้นเขาจึงได้รับวิญญาณยุทธ์ที่ชวน สะพรึงยิ่งมาไว้ใน
ครอบครอง! “เสี่ยวเม่ยเหลียนก็น่าจะมีวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา! หวังว่า
นางจะเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดีนะ!”
ขณะเขาเดินผ่านโรงนํ้าชาแห่งหนึ่ง เขาได้พบชายร่างใหญ่สอง คนกําลัง
สนทนากันตั้งแต่ปากทางเข้าเมืองแล้ว หนึ่งในนั้น กล่าวคํา
“นักดาบแขนเดียวผู้นั้นน่ากลัวนัก กระทั่งจัดการสัตว์ ปีศาจระดับแปด
ได้!”
“อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแท้ ๆ แต่กลับมีดาบชีวิตเทวะที่ทรง
พลัง!”
“เห็นว่าฆ่าสัตว์ปีศาจดุร้ายไปหลายตัว ทั้งยังแบกมันมาด้วย ตัวเองเพื่อนํา
ขาย!” พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาเร่งร้อนเข้าเอ่ยถาม
“พี่ชาย นักดาบ แขนเดียวที่ท่านพูดถึงยังอยู่ในนครหลวงนี้หรือไม่?”
“คิดว่านะ เห็นเอาสัตว์ระดับแปดไปขายอยู่ที่ตําหนักจารึกเทวะ!” พอฉิน
หยุนได้ยินดังนี้ เขาเร่งรีบกล่าวขอบคุณขณะมุ่งหน้าสู่ ทางตะวันตกของ
นครหลวง ที่ซึ่งตําหนักจารึกเทวะตั้งอยู่
เขาไม่แปลกใจที่เซี่ยอูเฟิ งก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แล้วสัก
เท่าใดนัก ครั้งอยู่สถาบันซานเสวียน ระดับการฝึกฝนของเซี่ยอูเฟิ งก็คือ ขีด
สุดของกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว หลังเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน ด้วย
การหล่อเลี้ยงจากโฮ่วฉิงเฟิ ง เขาย่อมต้องเลื่อน ระดับพลังโดยรวดเร็วเป็น
แน่ สถานที่ซึ่งฉินหยุนคุ้นเคยที่สุดในนครหลวงก็คือตําหนักจารึกเท วะ
ระหว่างทางมาที่นี่
เขาได้ยินได้ฟังหลายผู้คนสนทนาถึง เรื่องที่เซี่ยอู่เฟิ งสังหารสัตว์ปีศาจ
ระดับแปดได้ บริเวณทางตะวันตกของนครหลวง ตําหนักจารึกเทวะอยู่
ค่อนข้างห่างไกล ทว่ามันกลับมีชีวิตชีวายิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้ หากเป็น
ช่วงเวลาปกติ ตําหนักจารึกเทวจะไม่ค่อยมีแขกให้ ต้อนรับเข้าพักสัก
เท่าใดนัก จึงนับได้ว่าเงียบเหงายิ่ง เมื่อฉินหยุนมาถึงตําหนัก เขาได้พบต้
วนเฉียนซึ่งกําลังจะ ออกไปด้านนอก
โดยทันที เขาเร่งรีบส่งยันต์เสียงออกไปและตะโกนขึ้น
“คุณปู่ต้วน!” ด้วยอาการแตกตื่น ต้วนเฉียนหันมองทางประตู เขาพบว่ามี
เพียงเด็กหนุ่มร่างสูง สวมใส่หมวกไผ่สานและชุดสีเทาที่ใบหน้า ประดับ
ด้วยรอยยิ้ม เป็นฉินหยุน! ต้วนเฉียนถึงกับชะงัก แม้ฉินหยุนเปลี่ยนไปมาก
แต่ความมุ่งมั่น ที่เผยผ่านระหว่างคิ้วของเขาไม่เคยแปรเปลี่ยน ด้วยแดน
ต้องห้ามเทียนชื่ถูกทําลายไปแล้ว ทุกคนล้วนเชื่อว่า ฉินหยุนตายไปแล้ว
เช่นกัน ต้วนเฉียนเองก็คิดเช่นนั้น เขายัง รู้สึกเศร้าใจอยู่พักหนึ่งเลยด้วยซํ้า
ขณะด้วนเฉียนมึนงงอยู่ ฉินหยุนก็เดินถึงด้านหน้าของอีกฝ่าย แล้ว
ต้วนเฉียนคว้ามือฉินหยุนเอาไว้ พอสัมผัสได้ถึงความอุ่นจาก เลือดภายใน
เขาค่อยยืนยันได้ว่านี่คือคนเป็น เขากระซิบกล่าว เสียงเบา “ไปคุยกันด้าน
ใน!”
จากนั้น เขาจึงฉุดลากฉินหยุนเข้าไปในห้องลับ!
“คุณปู่ต้วน ข้ายังไม่ตาย!” ฉินหยุนถอดหมวกไผ่สานขณะแลบ ลิ้นขี้เล่น
เผยให้อีกฝ่ายเห็น ตอนเขาเข้ามาในเมือง เขาก็ได้ยินผู้อื่นเอ่ยถึงตนเอง
ด้วยความ เสียดายไม่น้อยเช่นกัน
“เจ้าหนู ชีวิตเจ้าช่างทนทายาดนัก!” ต้วนเฉียนหยิกแขนของ ฉินหยุนและ
หัวเราะออกจากใจ
“ทั้งยังสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น อีกด้วย!” ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาคือผู้ที่ส่ง
ฉินหยุนเข้าสถาบันซาน เสวียน ใครกันจะทราบว่าเรื่องราวจะมาไกลและ
มากมายเพียง นี้กัน?
“คุณปู่ต้วน พี่ใหญ่เซี่ยได้มาหาท่านหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
รอยยิ้มต้วนเฉียนเลือนหาย นํ้าเสียงกล่าวคําจริงจัง “ใช่! เซี่ยอู่ เฟิง มู่หรง
และยั่วจง พวกเขาล้วนมาที่นี่เมื่อครู่ พวกเขานํา สัตว์ปีศาจมาขายเป็นคัน
รถเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญผลึก และคิดหาทางไปช่วยเชียวเย่ว์เหม่ย
สหายของเจ้านั้นดียิ่งนัก!” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม
“คุณปู่ตัวนขอรับ เย่ว์เหม่ยกําลัง เผชิญหน้ากับความตาย ท่านต้องช่วยข้า
พานางออกมา ข้า สัญญาว่าจะชดใช้ต่อเรื่องนี้ในภายหน้าอย่างแน่นอน!”
ต้วนเฉียนหัวเราะ
“ในเมื่อเจ้าเรียกหาข้าเป็นปู่ ไม่หยุด ข้าจะไม่ ช่วยได้หรือ? แล้วก็อย่าได้เอ่ย
ถึงเรื่องชดใช้หรือตอบแทนข้า แค่เห็นเจ้ายังมีชีวิตข้าก็มีความสุขยิ่งแล้ว!”
“ข้าจะไปบอกต่อเซี่ยอูเฟิ งก่อน พวกเราคืนนี้ค่อยพบปะกัน! หากไม่มีอะไร
เกินคาดเกิดขึ้น เมื่อฟ้ามืด ผู้คนที่ข้าส่งออกไปสืบ ข่าวจะกลับมา ถึงตอน
นั้น พวกเราจะได้รู้รายละเอียดสถานที่ คุมขังเชี่ยวเย่ว์เหม่ย”
เดิมฉินหยุนคิดกระทําเรื่องนี้เพียงลําพัง แต่ตอนนี้เขาทราบ แล้วว่าเซี่ยอู่
เฟิงและคณะคิดช่วยเหลือเขาเช่นกัน มันทําให้เขา เกิดความวางใจ แรง
กดดันที่เคยมีคล้ายหายไปเกือบหมดสิ้น ต้วนเฉียนกล่าว
“ฉินหยุน อย่างน้อยก็ต้องมีผู้ฝึกตนขอบเขตวร ยุทธ์เต๋าทําหน้าที่เฝ้าระวัง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ด้วยพละกําลังของ เจ้า เจ้าไม่มีทางต่อต้านพวกเขาได้ และ
เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าก็ ไม่อาจทําอะไรได้เพราะตัวตนของข้า ทว่าข้าจะ
ช่วยเจ้าในเรื่อง เบาะแสและแผนการ
“ขอรับ ข้าทราบดี! ตอนนี้ขั้วอํานาจทั้งหลายต่างรวมตัวกันใน นครหลวง
หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันจะกลายเป็นการดึงความ สนใจเหล่ายอดฝีมือ!
พวกเราคงทําได้เพียงแต่แอบลงมือในทาง ลับ”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาเองก็เข้าใจว่าเรื่องราวครั้งนี้ ยากเย็นเพียงใด ต้วน
เฉียนหัวเราะ “ด้วยพรสวรรค์วิถีจารึกของเจ้า การใช้ยันต์ หรือยังวิญญาณ
ถือเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ เจ้ายังสามารถ ทําลายค่ายอาคม เรื่องนี้เจ้าไม่
น่ามีอะไรต้องห่วงเกินไปนัก”
“โอ้ใช่ แล้วนี่เจ้ารอดมาได้อย่างไร?” ฉินหยุนเข้าแดนต้องห้ามเทียนขี่ และ
มีชีวิตรอดได้จาก อุกกาบาตถล่ม หากต้วนเฉียนไม่ได้เห็นฉินหยุนมีชีวิต
อยู่ตรงหน้าด้วยตาตัวเอง เขาเองก็ไม่คิดเชื่ออย่างแน่นอน เป็นเพราะการ
จะรอดชีวิตจาก สถานการณ์นั้นได้ แทบไม่มีโอกาสเลยด้วยซํ้า ฉินหยุนก
ล่าวเสียงเบา
“เป็นโชคทั้งนั้นขอรับ คุณปู่ต้วน รบกวนเก็บความลับที่ข้ารอดชีวิตไว้
ด้วย!”
“แน่นอนว่าข้าต้องเก็บ! แต่เจ้าต้องเตรียมตัวเผชิญหน้ากับ ความ
ยากลําบากจากทุกทิศทางไว้ พวกนั้นต้องคิดแน่ว่าเจ้า ต้องได้รับวิชาจาก
อสูรขัดเกลาวิญญาณ” ต้วนเฉียนเองก็รู้ เรื่องราวประวัติของอสูรขัดเกลา
วิญญาณมาบ้าง เพราะเรื่องนี้ มีการบันทึกเอาไว้ในตําหนักจารึกเทวะ
เช่นเดียวกัน ฉินหยุนพยักหน้า “ข้าจะระวังให้ดีขอรับ!”
ต้วนเฉียนบอกฉินหยุนให้ไปพักก่อน ไว้เซี่ยอู่เฟิงและคณะมาถึง พวกเขา
จะไปพบเขาเอง การอยู่อาศัยในตําหนักจารึกเทวะถือว่าปลอดภัย เขาไม่
หวาด เกรงว่าข่าวของตนจะถูกผู้อื่นแพร่งพราย
ฉินหยุนตอนนี้ได้พักห้องชุดคุ้นเคยขณะนั่งบนเก้าอี้ที่ ห้องนั่งเล่น เขาอด
ไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงครั้งที่หยางฉีเย่ว์ชี้แนะ เขาให้ฝึกฝนมังกรหลอมหก
กระบวน ขณะความคิดวิ่งแล่น เขาหลับตาลงและเริ่มหลับใหล กว่าจะมี
คนมาเคาะประตูก็ฟ้ามืดแล้ว เมื่อฉินหยุนไปเปิดประตู เขาพบว่าเป็นผู้
อาวุโสทําหน้าที่ส่งสาร แจ้งต่อเขาให้ไปยังห้องลับ
ตอนที่ 176 ผงเขย่าวิญญาณ
หลังฉินหยุนเดินออกไป เขาเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังห้องลับที่เคย เข้าไปก่อน
หน้า ห้องลับแห่งนี้อยู่ใต้ดิน ทั้งยังเป็นห้องโถงที่ ค่อนข้างกว้างขวาง ตอน
เขามาถึงห้องนั่งเล่นลับแห่งนี้ เขากลับไม่พบต้วนเฉียน
“พวกพี่ใหญ่เซี่ยน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว พวกเขาต้องตกใจกัน แน่!” ฉิน
หยุนเร่งร้อนหลบอยู่หลังฉากไม้สีดํา ไม่นานจากนั้น ประตูของห้องลับเปิด
ออก มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา ฉินหยุนที่หลบซ่อนตัวเองอยู่ เขาได้เห็นผ่าน
ช่องว่างของฉาก ไม้ว่า บุคคลที่เพิ่งเข้ามาเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสี
ม่วงอ่อน
ด้วยร่างเพรียวบางและสง่างาม นับเป็นโฉมงามผู้หนึ่ง ทุก ท่วงท่าของนาง
แอบแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ เป็นเมิ่งเฟยหลิง! เพิ่งเฟยหลิงนั่งที่เก้าอี้ขณะรอคอย
อย่างอดทน
“ศิษย์พี่เฟยหลิงมาทําอะไรที่นี่? หรือนางทราบแล้วว่าเรายังไม่ ตาย?” ฉิน
หยุนครุ่นคิดกับตนเอง จากนั้น อีกสองคนจึงเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือร่าง
ใหญ่ของฮั่วจง ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดผ้าป่านหยาบ กร้านสีเทา รอยยิ้มเรียบง่าย
ยังคงประดับใบหน้าของเขาเช่น เคย
ร่างของมู่หรงวันนี้สวมใส่ด้วยชุดแพรไหมสีนํ้าเงิน พร้อมพัดสี ทองคําใน
มือ จี้ห้อยคอหยกประดับเอาไว้ที่ข้อมือ เข็มขัดสีเงิน นั้นประดับเอาไว้ด้วย
หินลํ้าค่า เขายังคงท่วงท่าคุณชายสง่างาม นับตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
“นางปีศาจเมิ่ง!” เมื่อมู่หรงต้าเหรินได้เห็นใบหน้างดงามของ อีกฝ่าย เขา
ถึงขั้นกรีดร้องออกราวเห็นภูตผี
“มู่หรงต้าเหริน เจ้ายังคงหยาบคายเหมือนเดิมไม่ผิด! นับตั้งแต่ หัวจรดเท้า
เจ้า สิ่งลํ้าค่าที่สุดคงเป็นเข็มขัดที่น้องหยุนมอบให้ เจ้าแล้ว” เมิ่งเฟยหลิงก
ล่าวด้วยท่าทีเศร้าเล็กน้อย เมื่อกล่าวถึงฉินหยุน มู่หรงต้าเหรินเผยเสียง
ถอนหายใจยาว รอยยิ้มยั่วจงเลือนหายขณะนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยหัวใจหนักอึ้ง
“ศิษย์พี่ ท่านมาที่นี่เพื่อช่วยเชี่ยวเย่ว์เหม่ย?” ฮั่วจงเอ่ยถาม เพิ่งเฟยหลิง
พยักหน้ารับคํา
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเสี่ยวหยุนมี สัมพันธ์อันดีต่อกัน นอกจากนี้แล้วยังเป็น
การทําเพื่อล้างแค้น ให้เสี่ยวหยุน นางกระทั่งทําในสิ่งที่ข้าไม่กล้าทํา ดังนั้น
แล้ว ไม่ ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ข้าต้องตอบแทนเรื่องนี้อย่างสุด
ความสามารถ ชั่วขณะนี้เอง ชายหล่อเหลาสวมใส่ชุดขาวก้าวเดินเข้ามา สี
หน้านั้นเย็นเยือก เขามีแขนเพียงข้างเดียว เป็นเซี่ยอู่เฟิง ขณะที่เขาเข้ามา
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าดาบคมกล้า
เมื่อเซี่ยอู่เฟิ งเห็นเมิ่งเฟยหลิง เขาพยักหน้าให้นาง คล้ายทราบ ว่านางมา
เพราะเหตุผลอันใด เพิ่งเฟยหลิงกล่าว “เดิมที่เสี่ยวเม่ยเหลียนเองก็อยาก
มาด้วย แต่นางไม่ค่อยเหมาะกับการศึกครั้งนี้เท่าไหร่ ข้าก็เลยไม่ให้นาง
ร่วมทางมาด้วย”
พอเซียอี้เฟิงนั่งลงแล้ว เขาจึงกล่าว “เม่ยเหลียนเป็นคนจิตใจดี และใสซื่อ
อย่าได้นํานางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้! ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านก้าวสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว ด้วยท่านร่วมทาง พวกเราคงผ่อนคลายได้ไม่
น้อย”
มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงล้วนเผยท่าทีแตกตื่น พวกเขาไม่ทราบ เลยว่าเมิ่ง
เฟยหลิงก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดแล้ว ฉินหยุนสามารถบอกได้
ว่าเมิ่งเฟยหลิงมีพื้นฐานดีเยี่ยม ไม่ แปลกที่นางจะเลื่อนระดับสู่ขอบเขต
กายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดหาก พยายามสักเล็กน้อย
“ผู้จัดการต้วนยังมาไม่ถึงอีกหรือ? เช่นนั้นข้าขอตัวไปเปลี่ยน ชุดยามราตรี
กาลเสียก่อน บางทีพวกเราอาจได้เริ่มงานกันคืน นี้!”
มู่หรงต้าเหรินก้าวเดินออกมายังหลังฉากกั้นไม้สีดํา ฉินหยุนเร่งรีบทําให้
ผมตัวเองยุ่งขณะปาดสีดําที่ใบหน้าตัวเอง จากนั้น เขาจึงค่อยปรับเปลี่ยน
สายตาเสียใหม่ ชั่วขณะที่มู่หรงต้าเหรินเดินมายังด้านหลังฉากกั้น เขา
พลันได้ เห็นฉินหยุนที่ร่างสกปรกมอมแมม โดยทันที เขาตระหนักได้ว่า
ใบหน้านั้นคือฉินหยุน นี่เป็นเพราะเขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่าย เป็นใครจึง
ร้องออกเสียงดังลั่น
“ผีหลอก!” ด้วยอาการแตกตื่น เขากระโจนกายออกไปในห้อง โถงราวหนูที่
แตกตื่น เมิ่งเฟยหลิงและเซี่ยอู่เพิ่งเร่งรีบลุกขึ้นยืน ฉินหยุนทะยานกาย
ออกจากหลังฉากกั้นขณะไล่ตามมู่หรงต้าเหริน
“น้องหยุน แม้ข้า มู่หรงต้าเหรินจะรักในการผจญภัยแปลกใหม่ เพียงใด
ข้าก็ไม่คิดผจญภัยกับเจ้าที่เป็นเช่นนี้ โปรดปล่อยข้า ด้วย!” มู่หรงต้าเหริน
แตกตื่นขณะร้องออกเสียงดังลั่นไม่ขาด
ขณะมู่หรงต้าเหรินยังคงแตกตื่น ฉินหยุนอดไม่อยู่จนต้องระเบิด เสียง
หัวเราะออก “ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เซี่ยเฟิง ฮั่วจง และเมิ่งเฟยหลิงล้วนตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็น ฉินหยุนเมื่อ
พบเห็น กระทั่งคิดว่าอีกฝ่ายเป็นวิญญาณร้าย ตามมาหลอกหลอน
“เจ้าหนูนี่!” เมิ่งเฟยหลิงตอนนี้ทราบแล้วว่านี่เป็นฉินหยุนที่ยัง มีชีวิต นาง
กระทืบเท้าอย่างโกรธแค้นขณะเข้าไปหยิกหูอีกฝ่าย นางถึงขั้นต่อว่าทั้ง
โกรธเคืองทั้งยินดี
“นี่เจ้ายังไม่ตายแต่กลับ แสร้งทําเป็นผีมาหลอกผู้คน ไม่รู้หรือว่าพวกเรา
ห่วงเจ้าแค่ไหน กัน?”
“น้องหยุน นี่เจ้ายังไม่ตาย!” ฮั่วจงตะโกนร้องแตกตื่น เซี่ยอู่เฟิ งเดินเข้ามา
พร้อมตบเข้าที่ไหล่ของฉินหยุน เขายิ้ม กล่าว
“น้องหยุน เป็นเจ้าจริงด้วย!” เพิ่งเฟยหลิงปล่อยมือขณะกลอกตามองฉิน
หยุน จนกระทั่งถึง เมื่อครู่นางมีความหนักอึ้งในใจมาตลอด
ก่อนหน้านี้ตอนนางได้ข่าวว่าฉินหยุนตาย นางถึงขั้นแอบหลบ ไปร้องไห้
อยู่พักหนึ่ง ฉินหยุนจัดการเส้นผมยุ่งเหยิงและล้างคราบบนหน้า เขาค่อย
กล่าวด้วยนํ้าเสียงเลือหัวเราะ
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ พี่รองมู่หรง เหตุใดท่านถึงกลัวขนาดนั้นกันด้วยเล่า?”
“นี่ ข้าก็แค่ให้ความร่วมมือกับเจ้าแกล้งทําเป็นกล้ว! ข้าหรือ จะทําเรื่องน่า
อับอายเช่นนั้น ข้าผู้ที่ไม่หวาดเกรงจะเคาะประตู ห้องผู้อื่นยามคํ่าคืนเนี่ย
นะจะทําเช่นนั้น!?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มแก้ เก้อขณะกล่าวออกอย่างเฉยชา
“มีตรงไหนกันที่เห็นว่าข้ากลัว?” เพิ่งเฟยหลิงแค่นเสียงเบา
“ก็เห็นอยู่ว่าเจ้ามันคนขี้ขลาด!” เซี่ยอู่เฟิงหัวเราะ
“น้องหยุน ดียิ่งนักแล้วที่เจ้ายังรอด ไม่เช่นนั้นในฐานะพี่ใหญ่ ข้าคงต้อง
รู้สึกผิดนานเท่านานแน่!”
“พวกท่านล้วนมาเพื่อช่วยเย่ว์เหม่ย ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก พวกท่าน ล้วนเป็นพี่
น้องแสนดีของข้าอย่างแท้จริง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวคํา
ฮั่วจงเอ่ยถาม “น้องหยุน ไม่ใช่ว่าแดนต้องห้ามเทียนชื่ถูก ทําลายด้วย
อุกกาบาตหรือ? เจ้าหลบหนีออกมาได้อย่างไรกัน?” พอกล่าวถึงเรื่องนี้ สี
หน้าของเซี่ยอู่เฟิ งจึงจริงจัง เขาตระหนัก ได้ว่าฉินหยุนต้องอยู่ร่วมกับอสูร
ขัดเกลาวิญญาณหลายวัน เขา กล่าวด้วยนํ้าเสียงลุ่มลึก
“น้องหยุน เรื่องเจ้ายังรอดต้องเก็บไว้ ให้มิดชิด! หากเจ้าคิดเข้าร่วมงานพิธี
เช่นนั้นไม่น่าจะมีปัญหา ถึงวันนั้นอาจารย์ตู้ และรองอธิการโฮ่วสมควรมา
เข้าร่วม ด้วย พวกเขาปกป้อง เจ้าจะยิ่งปลอดภัย” เพิ่งเฟยหลิงกล่าว
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว นี่ยังมีผู้อาวุโสระดับสูงของ ตําหนักจารึกเทวะอย่างจ้าวฉ
วน ครั้งเขาพบว่าเจ้าตาย เขา เศร้าไม่น้อยเลยทีเดียวนะ!”
“ข้าตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนคิดเข้าร่วมงาน พิธี!” มู่หรงต้า
เหรินยิ้มให้ เซี่ยเฟิงขมวดคิ้วมองที่ฉินหยุน เขาเอ่ยถามด้วยอาการ
ประหลาดใจ “น้องหยุน นี่เจ้าฝึกฝนกระดูกทองคําและก้าวสู่ กายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ดแล้ว?”
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนับถือเซี่ยอูเฟิง เพราะกระทั่งเมิ่งเฟยหลิง ยังไม่ทัก
เขาเรื่องนี้ ชัดเจนว่าเซี่ยอู่เฟิ งเป็นคนมีสายตา กว้างไกลเพียงใด เขาพยัก
หน้ารับ
“ขอรับ เป็นข้าโชคดีจึงเลื่อนระดับได้!” เรื่องนี้ทําเอาเมิ่งเฟยหลิงและคณะ
แตกตื่นตกใจยิ่ง พวกเขาคิด ว่าฉินหยุนไม่มีวิญญาณยุทธ์อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ จะฟื้นคืนระดับการฝึกตนได้รวดเร็วเพียงนี้ได้ แต่พอ
ตอนนี้ ฉินหยุนถึงกับเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เจ็ด!
“นี่เจ้าใช้โซคอะไรเลื่อนระดับได้กัน? สอนข้าบ้างได้หรือไม่?” มู่ หรงต้าเห
รินเอ่ยถามแตกตื่น ฉินหยุนส่ายศีรษะและยิ้มตอบ เซี่ยอู่เฟิ งเอ่ยคําขึ้น
“นับว่าเป็นเรื่องดี พวกเราสามคนอยู่ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ด พวก
เราย่อมต้องช่วยเชียวเย่ว์ เหม่ยได้สําเร็จแน่!”
หลังต้วนเฉียนเข้ามาในห้องลับ ฉินหยุนและคณะจึงลุกขึ้นยืน ให้เกียรติ
อีกฝ่าย ต้วนเฉียนเร่งรีบทําท่าทางบอกให้พวกเขานั่งลง
“เร่งรัดพูดคุย กันดีกว่า!”
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ในหอคอยเชี่ยวอวี้บริเวณคฤหาสน์ เชี่ยวอวี้วี้
คฤหาสน์แห่งนั้นตั้งอยู่บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของจักรวรรดิเทียน
ฉิน อยู่ห่างจากที่นี่ไปราวหนึ่งหมื่นเมตร เห็นจะได้”
เซี่ยอู่เฟิงประหลาดใจระดับหนึ่ง “เป็นคฤหาสน์เชี่ยวอวี้? ข้า นึกว่าเชี่ยว
เย่ว์เหม่ยถูกขังเอาไว้ในหอเทียนเซี่ยวเสียอีก เพราะ นั่นคือโรงเตี้ยมที่ใหญ่
ที่สุดของจักรวรรดิเทียนฉิน มันใหญ่โต เกินกว่าที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้จะ
เทียบได้ด้วยซํ้า” ต้วนเฉียนตอบกลับ
“คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีคนเพียงน้อยนิด เป็น เรื่องดีสําหรับการเฝ้าระวัง!
นอกจากนี้ หอเทียนเซี่ยวมีคนเข้า และออกมากจนเกินไป ทําให้การรักษา
ความปลอดภัยอาจ หละหลวม โดยเฉพาะกับช่วงเวลาเช่นนี้ คนของ
ราชวงศ์เทียนฉินล้วนไปยังหอเทียนเซี่ยวเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อและสํานักมี
ชื่อเสียง เป็นผลให้ผู้คนเข้าและออกจํานวนมาก มันจะยิ่งมีแต่ ทําให้เกิด
ความสับสนมากขึ้น”
“นั่นก็จริง! แล้วที่คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีคนคุ้มกันอยู่มากหรือไม่ ขอรับ? ระดับ
พลังของพวกเขาละ?” เซี่ยอู่เฟิ งเอ่ยถาม ต้วนเฉียนกางแผนที่ลงบนโต๊ะ
มันเป็นแผนที่ของคฤหาสน์ เชี่ยวอวี้ จากแผนที่ หอคอยเชี่ยวอี้ตั้งอยู่ใกล้
ทางด้านตะวันออก บริเวณหอคอยมีสิ่งปลูกสร้างไม่มาก และยังมีสวนหิน
กับ สวนหย่อมเพียงเล็กน้อย ต้วนเฉียนกล่าวคํา
“บริเวณสีแดงทั้งหมดคือหอคอยเฝ้าระวัง! กระทั่งว่าคฤหาสน์เชี่ยวอี้เป็น
สถานที่พักอาศัยของราชวงศ์ เทียนเชี่ยวยามมาเยือน แต่แท้จริงแล้ว มัน
คือหน่วยข่าวกรองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวในจักรวรรดิเทียนฉินต่างหาก”
“โดยหลักแล้วก็คือการสอดแนมข้อมูล และภายในคลังเก็บของ ที่
คฤหาสน์ มันได้เก็บสิ่งของนานาชนิดเอาไว้เพื่อทําการค้า ในทางลับ
ดังนั้นจึงมีคนเฝ้ารักษาการณ์เอาไว้อย่างหนักหน่วง เท่าที่ข้าทราบ อย่าง
น้อยก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เฮ้าคนหนึ่ง เฝ้าสถานที่แห่งนี้เอาไว้ และยัง
มีขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เก้าอีกจํานวนหนึ่ง”
หอคอยเฝ้าระวังมีทั้งสิ้นสิบแห่ง โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียง หอคอย
เชี่ยวอวี้ มันมีมากถึงเจ็ดหอคอย!
“หากบินเข้าไปได้น่าจะง่ายนะ!” เมิ่งเฟยหลิงเสนอความเห็น เซี่ยอู่เฟิ ง
มองฉินหยุนและเอ่ยถาม
“น้องหยุน ความสามารถทางการสู้รบของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ามั่นใจ
หรือไม่?” ฉินหยุนใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬกลมกลืนกับความมืดได้
ดังนั้นแล้วเขาจึงมั่นใจระดับหนึ่ง เขาพยักหน้าและตอบคํา
“ข้ามั่นใจว่าสามารถลอบเข้าไปได้โดยไม่มีคนพบเห็น!” เซี่ยอูเฟิงตอบ
กลับ
“ดี! เมื่อถึงเวลา ข้าจะเข้าไปพร้อมศิษย์พี่ เพิ่งเพื่อรับมือกับขอบเขตกายวร
ยุทธ์ระดับที่เก้าและเศษเดนคน อื่น! มู่หรงกับฮั่วจงรับผิดชอบหน้าที่โยน
ยันต์อัคคีใส่บริเวณคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ เน้นไปที่การเผาไหม้คลังสินค้าและ
บีบบังคับ ให้พวกมันต้องเข้ามาดับไฟ”
“แล้วบุคคลระดับวรยุทธ์เต๋าพวกเราจะรับมืออย่างไร?” ฉินหยุ นขมวดคิ้ว
เอ่ยถาม เซี่ยอี้เฟิงมองที่ต้วนเฉียนและกล่าวด้วยนํ้าเสียงลึกลํ้า
“ใช้ผง เขย่าวิญญาณ! ข้าได้สอบถามไปทั่ว และได้พบว่าตลาดมืดลับ ใน
หอป่ าเงาของจักรวรรดิเทียนฉิน กําลังจะมีการประมูลผง เขย่าวิญญาณ
อยู่พอดี!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก
“นี่เป็นเรื่องจริง? กระทั่งมีคน นําเอาผงเขย่าวิญญาณมาขายด้วย!” ผง
เขย่าวิญญาณเป็นยาระดับวิญญาณชนิดผง ตราบเท่าที่ใช้ งานออก ผู้ฝึก
ตนระดับวรยุทธ์เต๋าขึ้นไปจะสูญสิ้นสติ วิญญาณ ยุทธ์พวกเขาจะหยุด
ตอบสนอง และยังมีผลลัพธ์ทางอื่นให้ใช้ งาน นับเป็นยาต้องห้าม! ตัวน
เฉียนพยักหน้ารับ
“เรื่องนี้เป็นความจริง ตลาดมืดใต้ดิน แห่งนั้นดําเนินการโดยตําหนักจารึก
เทวะ เมื่อเวลามาถึงก็คงต้องใช้เหรียญผลึกจํานวนมหาศาล เรื่องนี้ให้ข้า
ช่วยพวกเจ้าเอง!?
“ต้องใช้เหรียญผลึกจํานวนเท่าใดเพื่อซื้อผงเขย่าวิญญาณหรือ ขอรับ?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจนัก เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะใช้ทรัพยากร ของตําหนัก
จารึกเทวะซื้อหามันมาเอง” ต้วนเฉียนได้แต่ ช่วยเหลือฉินหยุนและคณะ
ด้วยวิธีนี้ เป็นเพราะเขาไม่อาจออก หน้าได้ ในนครหลวงมียอดฝีมือวร
ยุทธ์เต่ไม่มาก ทุกคนล้วนรู้จักกันดี หากเขาเคลื่อนไหว ก็โดนผู้คนจดจําได้
แน่นอนแล้ว แผนการถูกจัดวางเรียบร้อย ตราบเท่าที่ได้รับผงเขย่า
วิญญาณ เขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้โดยทันที
การประมูลจะเริ่มขึ้นในอีกห้าวัน ฉินหยุนตอนนี้กลับห้องตนเองและเริ่ม
จัดทํายันต์ขึ้น มีทั้งยันต์ สะกดจิตและยันต์สะกดกาย ตอนนี้เขาสามารถ
ทํายันต์หนังสัตว์ระดับกลางขึ้นได้ พวกมันจะมีประสิทธิภาพต่อผู้ฝึกตนที่
แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม เซี่ยอู่เฟิงและคณะได้แต่รอคอยให้การประมูลเริ่ม
ตราบเท่าที่ พวกเขาได้รับผงเขย่าวิญญาณผ่านการซื้อขาย พวกเขาจะ
สามารถลงมือได้โดยทันที ห้าวันให้หลัง ต้วนเฉียนมาส่งคนของตนเข้า
ร่วมงานประมูล เดิมทีเขามั่นใจว่าสามารถซื้อหาผงเขย่าวิญญาณได้ แต่
หลัง การประมูลเริ่มต้น ข่าวใหม่พลันถูกแจ้งเข้ามา ว่าผู้นําสินค้ามา ขาย
ได้ถอนตัวจากการประมูลอย่างกะทันหัน!
ตอนที่ 177 คฤหาสน์เชี่ยวอวี้
ฉินหยุนและคณะตอนนี้รออยู่ในห้องลับเพื่อฟังข่าวดี พอพวก เขาเห็นต้
วนเฉียนกลับเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ยินดี พวกเขาพลัน เข้าใจว่าเรื่องผงเขย่า
วิญญาณล้มเหลวแล้ว ฉินหยุนเอ่ยถาม
“คุณปู่ต้วน เป็นมันแพงมากขนาดท่านซื้อ ไม่ได้เลยหรือขอรับ?” ต้วน
เฉียนสายศีรษะถอนหายใจ
“บุคคลที่นําผงเขย่าวิญญาณ มาขายกลับล้มเลิก บางทีอาจเป็นเพราะเขา
กลัวผู้อื่นรู้ถึง อย่างไรแล้ว ผงเขย่าวิญญาณก็เป็นยาต้องห้าม ตอนนี้พวก
เรา กลับกลายเป็นยากรับมือเรื่องราวแล้ว!”
มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม “ท่านพอจะหาตัวผู้นําสินค้ามาขายได้ หรือไม่
ขอรับ? เช่นนั้นพวกเราจะสามารถเจรจากับเขาเป็นการ ส่วนตัว!”
“เรื่องนี้ไม่อาจ ผู้ขายแบบนี้มักปกปิดตัวตนอย่างดีเยี่ยม” ต้วน เฉียนนั่งลง
คิ้วนั้นขมวดขณะคิดหาทางอื่น หากไม่มีผงเขย่าวิญญาณ การรับมือกับผู้
ฝึกตนวรยุทธ์เต่าที่ หอคอยเชี่ยวอวี้รี้ก็เป็นเรื่องยากเย็นแล้ว! อย่าง
กะทันหัน คนผู้หนึ่งเคาะประตูห้องลับ ต้วนเฉียนเดินไป เปิดจึงพบว่าเป็น
เมิ่งเฟยหลิง
พอเมิ่งเฟยหลิงเข้ามาและปิดประตูแล้ว นางจึงเอ่ยถามด้วย นํ้าเสียงลุ่ม
ลึก “ผู้จัดการต้วน ท่านได้ซื้อผงเขย่าวิญญาณมา หรือไม่?”
ต้วนเฉียนส่ายหน้า “ไม่ได้ มีอะไรหรือ?”
เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “นับเป็นเรื่องดีที่ท่านไม่ได้ซื้อมัน ไม่เช่นนั้น จะ
กลายเป็นปัญหาใหญ่! นี่เป็นกับดักที่มีคนตั้งใจคิดอยากนํา ผงเขย่า
วิญญาณมาขายผ่านทางตลาดมืดของตําหนักจารึกเท วะ จากนั้นพวกมัน
จึงคิดใช้เรื่องนี้หาทางจัดการตําหนักจารึก เทวะ”
พอเซียอู๋เฟิงและคณะได้ยินดังนี้ พวกเขาล้วนอึ้ง ฉินหยุนเอ่ยคํา “ศิษย์พี่
เฟยหลิง ท่านทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”
“คนที่สร้างผงเขย่าวิญญาณมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่งเรา บิดาและปู่
ของข้าตอนนี้ล้วนอยู่ในนครหลวงแล้ว เป็นข้า บังเอิญไปได้ยินพวกเขา
กําลังคุยเรื่องนี้กันเข้า!” เมิ่งเฟยหลิงก ล่าว
“พวกเขาคล้ายเพิ่งพบถึงเรื่องสมคบคิดในคราวนี้!” ต้วนเฉียนขมวดคิ้ว
“ผู้ที่ตั้งใจขายผงเขย่าวิญญาณกลับไม่ขาย เขาถอนตัวจากการประมูล นี่
ถือเป็นเรื่องอะไร?”
“เป็นเช่นนี้? ดูเหมือนจะมีเหตุผลซับซ้อนเบื้องหลังเรื่องนี้หลาย ตลบแล้ว!”
เมิ่งเฟยหลิงร้องอุทาน
“ข้าขอตัวไปตรวจสอบก่อน มีคนคิดอยากจัดฉากแก่ตําหนัก จารึกเทวะ
เรื่องนี้สมควรต้องเป็นสามตําหนักจากตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามที่
ฉาวโฉ่แน่” ต้วนเฉียนสบถเสียงเบา ขณะออกจากห้องไป หลังต้วนเฉียนอ
อกไปแล้ว เพิ่งเฟยหลิงจึงกล่าวคําเสียงเบา
“ข้าทราบว่าใครมีผงเขย่าวิญญาณ ข้ากลัวว่าผู้จัดการต้วนจะ ไม่ปล่อยให้
พวกเราออกไปเสี่ยงต่อเรื่องนี้ ดังนั้นต่อหน้าเขาข้า จึงไม่คิดพูดออก” ฉิน
หยุนเผยสีหน้าจริงจัง
“ใครกันหรือ? พวกเราต้องการมัน!” เพิ่งเฟยหลิงเอ่ยคํา
“ปู่ข้าบอกต่อข้าว่าผงเขย่าวิญญาณอยู่ใน มือหญิงสาวผู้หนึ่ง ระดับการ
ฝึกตนคือขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า นางสมควรมีตําแหน่งสูงในหอ
เทียนเชี่ยว มีเพียง เชี่ยวเสวียนฉินแล้วที่ครบเงื่อนไขนี้”
“ตามข้อกล่าวหา เชี่ยวเสวียนฉินได้รวบรวมวัตถุดิบจําเป็น เพื่อขัดเกลาผง
เขย่าวิญญาณ นางได้ร้องขอต่อบุคคลหนึ่งให้ทํา การขัดเกลาแก่นาง!”
เซี่ยวเสวียนฉันคือป้าของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!
เพราะอะไรผงเขย่าวิญญาณถึงอยู่ในมือนาง?
เฉินหยุนพลันนึกย้อนถึงตอนเชี่ยวเสวียนฉินและผู้อื่นอยู่ที่แดน ต้องห้าม
เทียน พวกเขาเหล่านั้นวางแผนคิดใช้ผงเขย่า วิญญาณกับเฉียวรุ่ยเหวิ่น
เพื่อรีดเอาเคล็ดวิชาขัดเกลา วิญญาณ!
“มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปได้ที่พวกเราจะไปนําผงเขย่าวิญญาณจาก เชี่ยว
เสวียนฉิน!” เซี่ยอู่เฟิงกล่าว
“คืนนี้ต้องเคลื่อนไหวแล้ว! น้องหยุน แม้นี่จะเสี่ยงไปบ้าง แต่พวกเราไม่มี
ทางทราบได้ว่า มันจะสําเร็จหรือไม่จนกว่าจะได้ลงมือทํา” ฉินหยุนขมวด
คิ้วขณะดวงตาไหววูบไปมา เขาทราบดีว่าไม่มี ทางแล้วที่จะได้รับผงเขย่า
วิญญาณจากเชี่ยวเสวียนฉิน
“งั้นก็ลงมือคืนนี้!” ฉินหยุนนําเอากองยันต์หนังสัตว์ออกมาและ แจกจ่าย
แก่พวกเซี่ยอูเฟิง ประกอบด้วยยันต์สะกดจิต ยันต์สะกดกาย ยันต์ควัน
และยันต์ไฟ
“ยันต์ควันจะทําให้เกิดหมอกหนา ภายในหมอก ออร่าจะถูก บิดเบือน
ศัตรูจะไม่มีทางตรวจพบได้ในระหว่างช่วงเวลา” ฉินหยุนอธิบายความ
อัศจรรย์ของยันต์หลายประเภทที่มี และ บอกต่อพวกเขาถึงวิธีการใช้งาน
เพื่อความรอบคอบ
“ศิษย์พี่เมิ่ง หากท่านต้องจัดการพวกที่หอคอยสังเกตการณ์จะ ได้หรือไม่?
ข้าต้องเข้าไปในคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ กับน้องหยุน!” เซี่ยเฟิงกล่าว
“ด้วยยันต์จํานวนมากในมือขนาดนี้ ไม่น่ามีปัญหา!” เมิ่งเฟย หลิงพยัก
หน้ารับ
“มู่หรงกับฮั่วจง สองคนรับหน้าที่เผาทําลายคลังเก็บของพวก มัน! อะไรที่
พวกมันเก็บเอาไว้ในคลังจะต้องสําคัญยิ่งสําหรับ พวกในคฤหาสน์เชี่ยวอวี้
แน่ พวกมันจะต้องเร่งรีบไปดับไฟก่อน เป็นสิ่งแรก” เซี่ยอูเฟิ งอาวุโสที่สุด
และมีประสบการณ์มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงรับหน้าที่บัญชาการ
หลังปรึกษาหารือถึงรายละเอียดกันเรียบร้อย พวกเขาจึงออก จากตําหนัก
จารึกเทวะพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ต้วนเฉียนเข้ามาห้าม พวกเขาหากรอถึง
ตอนมืด หากต้วนเฉียนรู้ว่าพวกเขาจะก่อการโดยทันที อีกฝ่ายจะ
ต้องห้ามปรามแน่ เป็นเพราะมียอดฝีมือวรยุทธ์เต่ําอยู่ ด้วย พละกําลังของ
พวกเขา ไม่มีทางเทียบกองกําลังอีกฝ่ายได้
ยามคํ่าคืน ฟ้ามืดปกคลุมนครหลวงเทียนฉิน เมฆหนาลอยล่อง กระจาย
เป็นผลให้แสงดาวและเดือนโดนบดบัง แม้ในเมืองยังคงวุ่นวายและสว่าง
ไสว แต่พื้นที่ห่างไกลนคร หลวงกลับมืดมิดและเงียบสงบ ฉินหยุนและ
คณะตอนนี้สวมใส่ชุดสีดํา ทั้งยังปกคลุมใบหน้า พวกเขาตอนนี้มาถึงพื้นที่
รอบนอกซึ่งเป็นกําแพงสูงของ คฤหาสน์เชี่ยวอวี้
ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินกําลังมุ่งหน้าไปยังบริเวณกําแพงสูง แถวที่มีคลัง
เก็บของ เพิ่งเฟยหลิงทะยานขึ้นฟ้าเข้าคฤหาสน์เชี่ยวอวี้
ฉินหยุนและเซี่ยอู่เฟิ งระแวดระวังขณะบินขึ้นท้องฟ้า พวกเขา ตามหลังเมิ่ง
เฟยหลิงที่เข้าไปก่อนครู่หนึ่ง คฤหาสน์เชี่ยวอวี้เงียบงันและดํามืด มีเพียง
แสงอ่อนจาง ประดับ สวนภายในส่วนใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ ฉินหยุนและ
เซี่ยอูเฟิงลอบเคลื่อนไหวเข้าไป
ในสวนขณะรุกคืบเข้าใกล้ คฤหาสน์เชี่ยวอวี้อย่างเงียบงัน คฤหาสน์
เชี่ยวอวี้เป็นเก๋งจีนสูงห้าชั้นไร้ซึ่งแสงสว่าง ทําให้ยาม คํ่าคืนยากแก่การ
มองเห็น เมื่อฉินหยุนและคณะเดินลัดผ่านสวนเข้าไป พวกเขาจึงได้เห็น
หอเฝ้าระวัง มีคนจํานวนหนึ่งด้านบน ตอนนี้พวกเขาโดนยันต์ สะกดจิต
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมิ่งเฟยหลิงเคลื่อนไหวรวดเร็ว นางตอนนี้ขึ้นไปจัดการกับหอคอยเฝ้าระวัง
ใกล้คฤหาสน์เชี่ยวอี้โดยไร้ซุ่มเสียง หลังจากฉินหยุนและเซี่ยอู่เฟิ งเดินออก
จากสวน พวกเขาก็ถึง ชั้นล่างของคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ได้โดยไม่ถูกพบเห็น
เมื่อเข้าข้างในชั้นล่างของอาคาร โดยทันที ฉินหยุนส่งพลังจิต ตนเอง
สํารวจภายใน ชั้นแรกไม่มีผู้ใดอยู่ เช่นนั้นอาจมีกับดักอยู่ที่นี่ หลังจาก
ยืนยันได้ เขาจึงผลักประตูเบามือก่อนเข้าไป หากเกิด เสียงอะไรขึ้น เขาจะ
ใช้พลังจิตตนเองสกัดเสียงนั้นเอาไว้
“ชั้นหนึ่งไม่มีอะไรเลย!” ฉินหยุนตระหนก เดิมเขาคิดว่า คฤหาสน์เชี่ยวอวี้
สมควรเป็นคลังเก็บของลํ้าค่าจํานวนมาก เอาไว้ แต่เมื่อเข้ามา พวกเขา
กลับพบแต่ความมืดสนิทและว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่ให้เห็น
พวกเขาเดินขึ้นไปยังชั้นสอง สาม และสี่ ทั้งหมดล้วนไม่พบ อะไร ทุกชั้นที่
ผ่านมาล้วนว่างเปล่า และตอนนี้ก็เหลือแค่ชั้นห้า! เมื่อมาถึงชั้นที่ห้า มัน
เป็นชั้นที่มีดเหมือนก่อนหน้า แต่กลับมีออ ร่าทรงพลังอยู่ที่นี่ เป็นออร่าของ
ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้า
“นั่นใคร?” เสียงชราภาพดังขึ้น โดยทันที ฉินหยุนเร่งรีบขว้างยันต์หนังสัตว์
ออกไปปีกใหญ่ พวกมันล้วนเป็นยันต์สะกดจิตและยันต์สะกดกาย
เมื่อเซี่ยอู่เพิ่งเห็นฉินหยุนโยนยันต์จํานวนมาก เขาไม่คิดเข้า ปะทะในทันที
กลับกัน เขาได้เรียกดาบชีวิตตนเองออกมาและ สกัดการโจมตีซึ่งหน้า
พร้อมกันนี้ เขายังปลดปล่อยพลังจิตออก อย่างถึงขีดสุด ที่นี่มืดมิดนัก
ดังนั้นจําเป็นต้องใช้พลังจิตเพื่อสัมผัสถึงสิ่งรอบ ด้าน
ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าเดิมที่คิดอยากพุ่งเข้ามา แต่กลับ
ต้องสับสนไปเพราะยันต์ระดับกลางที่พุ่งเข้ามาเป็นปีก ร่างนั้นถูกปกคลุม
ด้วยพลังแข็งแกร่ง แม้สามารถขยับได้ แต่ก็ เชื่องช้ามากแล้ว
ท่ามกลางความมืด ฉินหยุนสัมผัสได้ว่าเซี่ยอูเฟิงทะยานกาย ออกอย่าง
เงียบงัน!
“อ๊าก!” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นนี้เป็นของผู้ฝึกตนขอบเขตกายวร ยุทธ์ระดับที่เก้า
เซี่ยอูเฟิ งลงมือแล้ว! ฉินหยุนใช้พลังจิตสัมผัสถึงสถานการณ์ เขาได้
ตระหนัก ว่า เซี่ยอู่เฟิ งได้จ้วงแทงเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างเร่งรีบไปหลายครั้ง ผู้
ฝึก ตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าถูกสังหารแล้ว! เขานําเอาไข่มุกส่อง
แสงราตรีออกมาส่องสว่างชั้นห้า จึงได้เห็น ร่างชายชรานอนนิ่งกับพื้น แม้
สวมใส่ชุดเกราะหนา เขาก็ยังไม่ อาจต้านทานดาบชีวิตของเซี่ยอูเฟิ งได้
ถึงตอนนี้ เขาต้องลอบหนีต่อพละกําลังของเซี่ยอู่เฟิง แทบจะ ในทันที อีก
ฝ่ายสามารถสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่เก้าได้!
“ยันต์ที่เจ้าโยนออกไปก่อนหน้ามีประโยชน์นัก ไม่เช่นนั้นข้าคง ทําไม่ได้
แน่” เซี่ยอู่เฟิงตอนนี้กระวนกระวายไม่น้อย เขามอง สํารวจรอบก่อนขมวด
คิ้ว
“เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่อยู่ที่นี่!”
“หรือจะเป็นปู่ต้วนได้รับข่าวคราวมาผิด?” ฉินหยุนหลับตาลง สูดลม
หายใจเข้าลึก เขากล่าว
“ที่นี่ยังมีออร่าของเย่ว์เหม่ย นางเคยอยู่ที่นี่!” เซี่ยอูเฟิ งเดินไปยังโต๊ะตรง
กลางและเอ่ยคํา
“นางถูก เคลื่อนย้าย! เมื่อไม่นานมานี้ด้วย!” เขาปล่อยเสียง
“หืม” ดังออกมาขณะสํารวจวัตถุบนโต๊ะ ฉินหยุนเร่งรีบเดินไปขณะ
ตระหนักได้ว่าโต๊ะกลมนี้เต็มไปด้วย ผังวิญญาณซับซ้อน ตรงกลางของ
โต๊ะเป็นกุญแจสีดําสนิทวาง เอาไว้
เซี่ยอูเฟิ งคิดเอื้อมมือไปคว้ากุญแจดังกล่าว ฉินหยุนเร่งรีบรั้งตัว อีกฝ่ายไว้
“ระวัง!” ฉินหยุนเร่งร้อนกล่าวคํา
“นี่เป็นค่ายอาคมที่น่ากลัว มาก!” เขานําเอาค้อนราชันยักษ์วิญญาณ
ออกมาพร้อมฟาดหวดมัน เข้าใส่โต๊ะรุนแรง หลังจากโต๊ะพังแล้ว คลื่น
อากาศเย็นเยือกรุนแรงทะลักออก เป็นผลให้พวกเขาต้องสั่นกลัว ถัด
จากนั้น คฤหาสน์เชี่ยวอวี้เริ่มสั่นไหว!
“มันกําลังจะถล่ม!” เซี่ยอู่เพิ่งเร่งรีบหยิบกุญแจสีดําขณะ ทะยานออกไป
ด้านนอก ด้วยดาบของเขา จึงสร้างรูเพื่อทะลวง ออกมาพร้อมฉินหยุนได้
กลุ่มคนแห่แหนกันมาจากทั่วทิศ พวกเขาเหล่านี้คือขอบเขต กายวรยุทธ์
ระดับที่เจ็ดหรือแปด พวกเขาพบเห็นว่ามีคนทะยานผ่านอากาศไป แต่แล้ว
ขณะที่พวกเขาคิดจะโจมตีนั้นเอง เสียง ร้องหนึ่งก็ดังขึ้น
“ไฟไหม้ ไฟไหม้! คลังเก็บของไฟไหม้!” คฤหาสน์เชี่ยวอวี้ ที่ดํามืดทางทิศ
ใต้ ตอนนี้กลับเกิดเปลวเพลิงสี แดงส้มลุกโชนในท้องฟ้า เปลวเพลิงพวย
พุ่งขณะกลุ่มควันลอย อย่างเด่นชัด มู่หรงต้าเหรินและฮั่วจงจุดไฟเผาคลัง
เก็บของขนาดใหญ่ได้ สําเร็จ หน้าที่รับผิดชอบโดยหลักของพวกเขาคือคุ้ม
กันคลังเก็บของ ในเมื่อวัตถุภายในล้วนสําคัญ พวกเขามากมายจึงต้อง
รับหน้าที่ เฝ้าระวัง มีผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดสามคน
เท่านั้นที่ไล่ล่า ฉินหยุนและเซี่ยอู่เฟิง ฉินหยุนโยนยันต์อัคคีออกไปทําให้ผู้
ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่แปดเชื่องช้าลง จากนั้น เขาจึงเร่งรีบ
เคลื่อนกายออกพ้นจากคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ หลังจากนั้น คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้
ไล่ล่า พวกเขาอีก
ต้วนเฉียนผู้ซึ่งยืนอยู่บนระเบียงชั้นบนของตําหนักจารึกเทวะ ได้เห็นเปลว
เพลิงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าห่างไปนับหมื่นเมตร โดย ทันที เขาเข้าใจว่านี่เป็น
ฝีมือของฉินหยุนและคณะแล้ว
“ไอ้เด็กพวกนี้ ถึงกับหลบหน้าข้าไปลอบโจมตี!” เขาเร่งรีบลง บันไดไปและ
ได้พบฮั่วจงกับมู่หรงต้าเหรินที่เพิ่งกลับมาในโถง ขณะต้วนเฉียนคิดต่อว่า
เขาได้เห็นเพิ่งเฟยหลิง ฉินหยุน และ เซี่ยอู่เฟิ งเดินเข้ามา พวกเขาล้วนสวม
ใส่ชุดสีดํามืด
“พวกเจ้า!! นี่มันเรื่องอะไรกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทํายังไง?” ได้เห็นทุกคน
กลับมา ต้วนเฉียนค่อยวางใจได้บ้าง ฉินหยุนตอบ
“พวกเรายังสบายดีอยู่ขอรับ ใช่แล้ว ปู่ต้วนขอรับ เย่ว์เหม่ยไม่ได้อยู่ใน
คฤหาสน์เชี่ยวอี้ พวกมันเคลื่อนย้ายตัว นาง พวกเราไม่รู้ด้วยว่าพวกมันพา
นางไปไหน ท่านพอจะช่วย พวกเราหาตัวพวกมันได้หรือไม่?”
ต้วนเฉียนตกใจไม่น้อย “พวกมันเคลื่อนย้ายจริงหรือนี่! โชคดี นักที่พวก
เจ้าหนีรอดมาได้ ไม่เช่นนั้นคงมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เฝ้าระวังที่นั่น พวกเจ้า
อาจไม่มีวันได้กลับมา!”
ตอนที่ 178 เชี่ยวเสวียนฉิน
เพื่อความปลอดภัย ผู้ฝึกตนที่รับหน้าที่คุ้มกันเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เคลื่อนย้าย
ย่อมต้องเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะแบบนั้นฉัน หยุนและเซี่ยอูเฟิ งจึง
ไม่พบขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแม้สักคนตั้งแต่ เข้าไปในคฤหาสน์เชี่ยวอวี้
“ข้าจะช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้ พวกเจ้าอย่าได้ไปก่อเรื่องที่ไหน อีก!
หลังจากนี้ การช่วยเหลือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะยิ่งยาก พวกเจ้า ได้แหวกหญ้า
ให้งตื่นแล้ว บางทีกระทั่งข้าก็คงหาไม่พบว่านาง ถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใด” ต้
วนเฉียนเผยสีหน้าเคร่งเครียดเอ่ย เตือนพวกเขา ก่อนจะรีบเร่งออกไปจาก
ตําหนักจารึกเทวะ
ฉินหยุนพาเซียอี้เฟิงและคณะไปยังห้องกว้างของตนเอง ใบหน้าพวกเขา
ล้วนเปี่ยมด้วยความผิดหวังขณะนั่งนิ่งอยู่ใน โถงอย่างเงียบงัน เซี่ยอูเฟิ ง
เป็นคนทําลายความเงียบ เขานําเอากุญแจที่ได้รับ จากคฤหาสน์เชี่ยวอวี้อ
อกมาและกล่าว
“กุญแจนี้ที่อยู่ใน คฤหาสน์เชี่ยวอวี้ น่าจะเป็นของคนที่เฝ้าระวังที่นั่น นี่ต้อง
ไม่ใช่ กุญแจธรรมดาแน่!” ฉินหยุนรับกุญแจไปขณะใช้พลังจิตตรวจสอบ
เขาพยักหน้ารับ
“กุญแจนี้วางเอาไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยผังวิญญาณ ดูเหมือน จะมันจะ
รวบรวมพลังมาเพื่อกุญแจดอกนี้”
“ปู่ของข้าเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าคฤหาสน์เชี่ยวอี้เป็น สถานที่ดํามืด
และเย็นเยือกตลอดทั้งปี มันเหมาะสมแก่การเก็บ เนื้อสัตว์ปีศาจหรืออะไร
พวกนั้นยิ่ง” เมิ่งเฟยหลิงกล่าวคําขึ้น
“กุญแจนี้สมควรต้องสําคัญกับจักรวรรดิเทียนเชี่ยว พวกมันคิด ทําอะไร
หลังรวบรวมพลังธาตุหยินในที่แบบนั้น?”
เซี่ยอู่เฟิ งลุกขึ้นยืน เขาเดินไปมาคล้ายทําสมาธิโดยไม่พูดอะไร ผ่านไปพัก
หนึ่ง เขาค่อยเอ่ยปาก “กุญแจนี้รวบรวมพลังธาตุห ยิน มันต้องเอาไว้เปิด
สุสาน! นี่สมควรเป็นกุญแจทางเข้าหลัก ของสุสานราชวงศ์เทียนเซี่ยว
แล้ว”
เมื่อได้ยินความเชื่อมโยงที่เซี่ยอู่เฟิ งพิเคราะห์ได้ ฉินหยุนและ คณะต่าง
ไหวหวั่น พวกเขามองกันเองด้วยอาการแตกตื่น สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว!
มันคือสถานที่ซึ่งวีรชนของจักรวรรดิ เทียนเชี่ยวถูกนําไปฝังร่าง ผู้คน
เหล่านั้นล้วนเป็นคนของ ราชวงศ์ ไม่ก็ต้องเป็นผู้ที่ทําคุณงามความดี
มหาศาลแก่ จักรวรรดิเทียนเชี่ยว
มู่หรงต้าเหรินดวงตาทอแสงวูบขณะเอ่ยคํา “เชี่ยวหยางหลง จากจักรวรรดิ
เทียนเชี่ยวนั้นน่ารังเกียจนัก พวกเราไปขุดสุสาน บรรพชนมันออกมาเป็น
อย่างไร?” เพิ่งเฟยหลิงหัวเราะคิกคักกล่าวคํา “ในเมื่อได้รู้เรื่องน่าสนใจ
ระดับนี้ ข้าย่อมต้องเข้าร่วมแล้ว!”
ฮั่วจงเองก็พยักหน้า เซี่ยอู่เฟิ งเอ่ยคํา “พวกเราต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน
อันดับ แรก พวกเราต้องมั่นใจก่อนว่านี่คือกุญแจเปิดสุสานราชวงศ์ เทียน
เชี่ยวหรือไม่ และพวกเราก็ต้องมีพละกําลังอย่างน้อย ขอบเขตกายวรยุทธ์
ระดับที่แปด หากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวสูญเสียกุญแจดอกนี้ พวกเขายิ่งต้อง
เพิ่มกําลังคุ้มกันสุสานราชวงศ์แน่”
ฉินหยุนเห็นด้วย “แผนการนี้ไว้โอกาสหน้า!”
มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “เรื่องนี้จะบอกผู้จัดการตัวนไม่ได้!”
เมิ่งเฟยหลงกล่าว “ในเมื่อจักรวรรดิเทียนเชี่ยวสูญกุญแจลํ้าค่า ดอกนี้
พวกมันคงไม่เปิดเผยข่าวคราวเรื่องนี้ออก นี่ถือเป็นเรื่อง น่าอับอายใหญ่
หลวง และผู้จัดการด้วนก็ไม่รู้เรื่องที่คฤหาสน์ เชี่ยวอวี้ทํากุญแจหายด้วย”
หากต้วนเฉียนทราบว่าเด็กกลุ่มนี้คิดขุดสุสานบรรพชนของ จักรวรรดิเทียน
เชี่ยว หนวดที่ใบหน้าอีกฝ่ายต้องเต้นเร่าด้วย ความโกรธเป็นแน่ พอถึงช่วง
กลางวัน ต้วนเฉียนจึงค่อยมาที่ห้องชุดของฉินหยุน ฉินหยุนและคณะไม่ได้
พัก พวกเราล้วนรอคอยที่โถงรับรองเพื่อ ฟังข่าวคราวจากต้วนเฉียน ต้
วนเฉียนกล่าวคํา
“เรื่องที่พวกเจ้าทําเป็นข่าวใหญ่โต จักรวรรดิเทียนเชี่ยวโกรธรุนแรงนัก
ตอนนี้ทั่วทั้งท้องถนนเต็ม ไปด้วยทหารรักษาการณ์จากจักรวรรดิเทียนฉิน
มีการตั้งค่าหัว หนึ่งร้อยล้านเหรียญผลึกแก่ผู้สามารถจับคนก่อการที่
คฤหาสน์ เชี่ยวอวี้”
การตอบสนองของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวใหญ่โตนัก เรื่องนี้ยืนยัน ได้ถึง
ความสําคัญของกุญแจ และก็เป็นดังที่เมิ่งเฟยหลิงคาด การณ์ จักรวรรดิ
เทียนเชี่ยวหาได้บอกต่อผู้ใดไม่ ว่าเสียกุญแจ ดอกสําคัญไป พวกเขาเพียง
ตั้งค่าหัวเป้าหมายก็เท่านั้น
ต้วนเฉียนเล่าต่อ “ข้าได้ยินข่าวคราวมาบ้าง ว่ารถม้าที่ออก จากคฤหาสน์
เชี่ยวอวี้เมื่อวานช่วงบ่าย มุ่งหน้าไปยังหอเทียน เชี่ยว กล่าวได้ว่ายอดฝีมือ
ส่วนใหญ่ที่เฝ้าระวังคฤหาสน์เชี่ยวอวี้ ได้ออกจากตัวสถานที่ตอนนั้น”
เพราะเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้คฤหาสน์เชี่ยวอวี้มีการคุ้มกันหละหลวม
พวกเขาขนย้ายยอดฝีมือออกไป ทําให้ฉินหยุนและ คณะเข้าไปและ
หลบหนีออกมาได้! จากที่เห็น จักรวรรดิเทียนเซี่ยวมีแผนให้ผู้อื่นมารับช่วง
กุญแจสู่ สุสานราชวงศ์ และก็เป็นพวกเขาที่ใช้โอกาสตอนนั้นอย่าง
บังเอิญที่พวกนั้นหย่อนความระวัง เซี่ยอูเฟิงตอบกลับ
“ในกรณีนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็ควรอยู่ในหอ เทียนเชี่ยว หอเทียนเชี่ยวตั้งอยู่ใน
บริเวณคฤหาสน์ใหญ่ แต่ก็ เป็นพื้นที่สาธารณะด้วยเช่นกัน”
“รอจนกระทั่งถึงกลางคืน ข้าจะออกไปสํารวจ ข้าต้องหาให้ พบว่าเย่ว์
เหม่ยซ่อนอยู่ที่ใดก่อนค่อยเคลื่อนไหว” ฉินหยุนก ล่าว
เขาสามารถกลมกลืนกับความมืดยามคํ่าคืน เรื่องนี้จะทําให้เขา ง่ายต่อ
การลอบสํารวจ นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญอาคม ทําให้ เขาสามารถ
มองเห็นกับดักและอาคมต่าง ๆ ได้
ต้วนเฉียนเอ่ยเตือน “เจ้าต้องระวัง! ตอนนี้ยอดฝีมือของเทียน เชี่ยวยิ่งมา
ยิ่งมาก และก็ไม่ได้มีแต่คนจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยว กระทั่งมีคนของ
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอไปปลอมตัวก่อน พวกเราจะเคลื่อนไหว ในคืนนี้” ฉิน
หยุนพยักหน้า
“ให้ข้าช่วยเจ้าปลอมตัว!” เมิ่งเฟยหลิงตามติดเขาเข้าไปใน ห้อง หลังผ่าน
การแต่งหน้าอันชุลมุน ฉินหยุนค่อยเปลี่ยนเป็นชายวัย กลางคน ริ้วรอยที่
ใบหน้า และตรงมุมดวงตามีไม่น้อย นี่เพื่อ กลบเกลื่อนผู้อื่นรู้ว่าเป็นเขา
จากสายตา เมิ่งเฟยหลิงยังเปลี่ยน ดวงตาเป็นสีแดง ทั้งยังมีรอยแผลเป็น
เมื่อเห็นฉินหยุนเดินออกมา มู่หรงต้าเหรินจึงยิ้มกล่าว “นี่เป็น เรื่องยาก
ทราบแล้วว่าเป็นเจ้า แบบนี้ค่อยน่าวางใจแล้วเข้าไป ในหอเทียนเซี่ยวได้
อย่างไร้กังวล!” เซี่ยอูเฟิงพยักหน้ารับ
“ข้าไม่รู้สึกถึงออร่าเจ้าเลย นี่น่าจะ เพียงพอ นอกจากนี้ ผู้อื่นล้วนคิดว่าเจ้า
ตายแล้ว กระทั่งว่าผู้อื่นพบเจ้าที่ลักลอบเข้าไป พวกนั้นก็จะไม่คิดว่าเป็น
เจ้า”
ต้วนเฉียนเองก็คิดว่านี้ไม่สมควรมีปัญหา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า รับ ในช่วง
เย็น ฉินหยุนออกจากตําหนักจารึกเทวะ มุ่งหน้าสู่หอ เทียนเซี่ยวเพียง
ลําพัง หอเทียนเชี่ยวถูกสร้างขึ้นในบริเวณคฤหาสน์ที่ศูนย์กลางของ นคร
หลวง มันค่อนข้างใกล้กับพระราชวังหลวงยิ่ง หากเป็นช่วงเวลาปกติ ผู้ใดก็
สามารถเข้าหอเทียนเชี่ยวไปดื่ม กิน และละเล่นได้ แต่เพราะช่วงเวลานี้
มันมีการจํากัดการเข้า และออกสถานที่อย่างหอเทียนเซี่ยวอย่างเข้มงวด
ยกตัวอย่าง คนผู้หนึ่งจําเป็นต้องจ่ายหนึ่งล้านเหรียญผลึกเพื่อ เข้าไป เรื่อง
นี้เป็นเพราะอาคารของหอเทียนเชี่ยวและตัว โรงเตี้ยมสูงเสียดฟ้า ในช่วง
เวลาใกล้งานพิธีเช่นนี้ นับว่าเป็น โอกาสดีที่จะเรียกมูลค่า หลังฉินหยุน
เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ เขาจึงใช้ชื่อปลอมเป็น หยวนปิน ด้วยการนํา
เหรียญม่วงออกจากอุปกรณ์มิติเก็บของ ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาเป็น
คนมีฐานะ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคน สามารถครอบครองอุปกรณ์มิติเก็บของ
สําหรับเขาไม่ใช่เรื่องยากต่อการเข้าสู่หอเทียนเชี่ยวและมุ่งตรงสู่โถง
ภายในแต่อย่างใด
“เข้ามาง่ายนัก เย่ว์เหม่ยจะอยู่ที่นี่จริงหรือ?” ฉินหยุนไม่มั่นใจ เขาต้องหา
เบาะแสอย่างเป็นขั้นตอน ก่อนอื่นคือมองหาเชี่ยว เสวียนฉิน เชี่ยวเย่ว์
เหม่ยบอกต่อเขาก่อนหน้านี้ ว่าเชี่ยวเสวียนฉนดีต่อ นางมาก ทั้งยังเป็นคน
ที่เสมือนคนในครอบครัวของนางเป็นที่ทราบกันดีภายในราชวงศ์
ความสัมพันธ์เสมือนคนในครอบครัวคือสิ่งลํ้าค่า
ดังนั้นเขาจึงคิดเสี่ยงครั้งนี้ เขาได้แต่เดิม พันว่าเชี่ยวเสวียนฉินจะต้องไม่
อยากเห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและ เชี่ยวเย่ว์หลานถูกจําหน่ายออกเป็นวัตถุ
สิ่งของ ฉินหยุนรู้สึกรุนแรงว่าเดิมพันครั้งนี้ตนสมควรชนะ เพราะเชี่ยว
เสวียนฉินก็เคยเกือบถูกจําหน่ายออกมาก่อน เป็นนางเกลียดชัง ราชวงศ์
อย่างยิ่ง ฉินหยุนมีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ เพราะแบบนั้นหลายคน
จึงเข้ามามีปฏิสัมพันธ์และพูดคุยกับเขาตั้งแต่เข้ามาในโถงเลย ทีเดียว
ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ขุนนางหลายคนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่หอ เทียนเชี่ยว
จนตกดึกงานเลี้ยงค่อยจบ ฉินหยุนเสียเวลาไปกับการร่วมดื่มและกิน แต่
เขาก็ได้รับข้อมูล สําคัญมาอย่างหนึ่ง เป็นสถานที่พํานักของเซี่ยวเสวียน
ฉิน
เชี่ยวเสวียนฉินไม่ได้อาศัยในหอเทียนเชี่ยว แต่เป็นบ้านหลัง เล็กในพื้นที่
ของโรงเตี้ยม
“บ้านของเซี่ยวเสวียนฉินอยู่ในสวนกุหลาบ น่าจะหาได้ไม่ ยาก!” ฉินหยุน
ใช้พลังเฉพาะตัวของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ปกปิดร่างกายตนเอง
กลมกลืนกับความมืด อย่างรวดเร็ว กลุ่มคนเดินตรวจตราก็ผ่านพ้นไป ฉิน
หยุนเร่งรีบ หลบซ่อนในพงหญ้าจึงไม่โดนพบเห็นตัว"
ไม่นานนัก เขาได้เห็นสวนงดงามแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยกุหลาบ ตรงกลาง
สวน มีอาคารสามชั้นตั้งอยู่ขณะแสงสว่างที่ชั้นสอง สาดส่องออกมา ฉิน
หยุนระแวดระวังขณะเข้าไปใกล้ เขาใช้พลังจิตเพื่อยกร่าง ตนเองขึ้นกลาง
อากาศ จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้น สอง ห้องนี้ไร้ซึ่งแสงและ
ผู้คน เขาหลบซ่อนตัวในห้องเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวภายในชั้น และ
ดูว่ามีใครอยู่ที่นี่บ้าง
หลังตรวจสอบเรียบร้อย เขาพบว่ามีห้องลับอยู่ข้างเคียง แม้ออ ร่าอ่อนจาง
ยิ่ง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ภายใน
“หรือจะเป็นเชี่ยวเสวียนฉินเก็บตัวฝึกฝนในห้อง?” ฉินหยุนคิด กับตนเอง
เขาไม่คิดเข้าไปที่นั่น โดยปกติแล้ว ห้องฝึกฝนจะมี ความปลอดภัยสูง ทํา
ให้ยากแก่การเข้าไป
เขาได้แต่อดทนรอคอยอยู่ในห้อง ไม่นานจากนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออก
จากห้องนั้นจริง ฉิน หยุนตระหนกขณะเร่งรีบกระโดดขึ้นบนเพดานห้อง
เพื่อปิดซ่อน ตัวตน เมื่อประตูเปิดออก ไข่มุกส่องแสงจึงสว่างขึ้นด้วยพลัง
จิต ผู้ที่มาเป็นหญิงผู้หนึ่ง เป็นเชี่ยวเสวียนฉิน!
นางสวมใส่ชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าประดับด้วยความงดงาม ท่าที่สง่า
และงดงามของนางคงอยู่ทุกท่วงท่า ใบหน้านั้นได้รูป ไข่งดงามจับใจ ทั้ง
ยังสวมชุดบาง แต่แล้ว นางกลับเริ่มถอดชุด ออก...
ตอนนี้ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่าตนอยู่ในห้องอาบนํ้าที่มีอ่าง นํ้าขนาด
เล็กแห่งหนึ่ง
“นี่มันผิดศีลธรรม เราจะมองต่อไม่ได้!” ฉินหยุนหลับตาแน่น จิตใจของเขา
ว้าวุ่นสับสนขณะมันเต้นรัวคิดอยากกระเด็นออกสู่ ด้านนอก เขาหลับตา
แน่นจนคันไปหมดขนาดแทบอยากลืมตา
เป็นเพราะความไม่แน่นอนทางสภาวะจิตใจ เขาถึงกับเผลอ ปล่อยออร่า
เล็กน้อยหลุดรอดออก เชี่ยวเสวียนฉินพลันรับรู้ถึงออร่าเล็กน้อยนี้จาก
เพดานด้านบน นางหันควับมองขึ้น ทว่าไม่พบสิ่งใด ฉินหยุนรู้ตัวดีว่าเป็น
เขาเผลอปล่อยออร่าออกไปเล็กน้อย ใจ พลันเต้นระรัว เขาเร่งรีบลืมตาขึ้น
และที่ได้เห็น ก็เป็นเชี่ยวเสวียนฉินที่ถอดชุดคลุมตัวนอกออก นางตอนนี้ยัง
มีชุดชั้นใน สวมใส่เอาไว้
อย่างไรแล้ว เชี่ยวเสวียนฉินก็เป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ เก้า นาง
มั่นใจในสัมผัสตนเองรุนแรง หลังขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่ง นางค่อยโบกมือขาว
นั้นบางเบา ปลดปล่อยออกเป็นคลื่นลม กําลังภายในรุนแรง
“เวร!” ฉินหยุนแตกตื่น เขาปล่อยพลังภายในกระทบอ่างนํ้าจน เกิดนํ้า
กระเซ็นบดบัง เชี่ยวเสวียนฉันรู้ตัวแล้ว นางถึงขั้นสีหน้าถอดสีเร่งร้อนหยิบ
ชุด มาสวมใส่ ขณะคิดกําลังจะระเบิดพลังภายในออก นางจึงได้ เห็นคนผู้
หนึ่งยืนอยู่ในอ่างนํ้าซึ่งดูคุ้นตายิ่ง ฝ่ามือขาวของนางยกขึ้นโบกให้ทัศน
วิสัยแจ่มชัด ใบหน้านี้ แตกตื่นทั้งร้องอุทาน
“ฉินหยุน! นี่เจ้าคนหรือผี!” ก่อนหน้า นางไม่พบเห็นผู้ใดที่บนเพดาน แต่
กลับมีฉินหยุน ตรงหน้า ทั้งนางยังเชื่อว่าฉินหยุนตายไปแล้ว ไม่แปลกที่
นางจะ คิดเช่นนั้น
นอกจากนี้ นางยังรู้สึกผิดเปี่ยมล้นหัวใจต่อความตายของฉัน หยุน นาง
เชื่อว่าฉินหยุนได้แปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายเพื่อมา พบนาง โดยเฉพาะ
กับความนึกคิดของนางที่ฉายภาพดวงตาเกลียดชัง ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้า
มา สภาพจิตใจของนางยิ่งยํ่าแย่ ด้วยเหตุนี้ เมื่อนางเห็นฉินหยุน นาง
แตกตื่น นางคาดหวังว่าฉินหยุนจะยังไม่ตาย มีเพียงสิ่งนี้จึงค่อยทําให้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหยุด ความเกลียดชังที่มีต่อนางได้
ตอนที่ 179 แยกวิญญาณยุทธ์
ฉินหยุนที่เพิ่งลุกขึ้นจากนํ้า เขารู้สึกได้ถึงอาการแตกตื่น ทว่า เมื่อเห็น
ความหวาดกลัวและความรู้สึกผิดที่ใบหน้าของเชี่ยว เสวียนฉิน เขาจึงเกิด
ความคิดตัดสินใจเล่นละครฉากหนึ่ง ริ้วรอยปลอมที่ใบหน้าของเขาหลอม
ละลายไปกับนํ้าหมดแล้ว เป็นผลให้สภาพตอนนี้น่าหวาดกลัวยิ่ง!
หากเชี่ยวเสวียนฉินทราบว่าเกือบถูกเห็นเรือนร่าง นางคงต้อง โกรธเคือง
กระทั่งคิดโจมตีเป็นแน่
“ข้าไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือผี!” ฉินหยุนถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้า โศก
เชี่ยวเสวียนฉินเคยเห็นวิญญาณร้ายมาก่อน ดังนั้นนางจึงเชื่อ ในเรื่องภูตผี
ตอนนี้ นางยังเชื่อครึ่งสงสัยครึ่งว่าจะมีใครกันที่ โผล่พรวดมาได้ทั้งที่นาง
ไม่รู้ตัว เรื่องนี้แปลกจนเกินไป
“แล้วมาหาข้าทําอะไร?” เชี่ยวเสวียนฉินหาได้คิดอื่นใดอีก นาง รู้สึกว่าการ
ปรากฏตัวของฉินหยุนนั้นน่าสงสัย - ฉินหยุนกล่าว
“ข้ามีหลายเรื่องที่ไม่อาจปล่อยวาง หากไม่อาจ สะสาง ข้าก็คงอยู่เช่นนี้
ต่อไป ไม่มีทางได้ไปเกิดใหม่ ข้ามาที่นี่ก็ เพราะคิดว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเย่ว์
เหม่ย ข้านึกว่านางอยู่ที่นี่ จึงต้องการมาช่วยนาง” เขามองใบหน้างดงาม
ของเซียวเสวียนฉิน ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วย ความจริงใจและกังวลขณะเอ่ย
ถาม
“ป้าเชี่ยว บอกต่อข้า เย่ว์ เหม่ยอยู่ที่ใด! นางอยู่ที่นี่หรือ? ข้าจะไป
ช่วยเหลือนาง!” ใบหน้าเชี่ยวเสวียนฉินเผยความกังวล นางถอนหายใจ
ออกมา เบาและกล่าวคํา
“ไม่กี่ชั่วโมงก่อน นางอยู่ที่นี่! ตอนนี้นางถูกส่ง ตัวไปพระราชวังหลวงเทียน
ฉิน ไม่มีใครช่วยนางได้! ต่อให้นางยังอยู่ที่นี่ ก็มียอดฝีมือวรยุทธ์เต๋าจับตา
มองนาง เป็นไปไม่ได้ที่ จะมีผู้อื่นเข้าใกล้นาง” อย่างกะทันหัน ฉินหยุนรู้สึก
ได้ถึงออร่าทรงพลังใกล้เคียงอาคาร ขณะมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ พวกเขา
ทะยานขึ้นจากพื้น!
“มีคนมา!” ฉินหยุนไม่ทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร จึงเร่งรีบดํา
นํ้าลง เขารู้สึกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อพบกับเชี่ยว เสวียนฉิน แน่นอน ว่าทั้ง
สามคนทะยานกายผ่านหน้าต่างเข้ามาปรากฏใน ห้องอาบนํ้า
“เป็นพวกเจ้า! มาทําอะไรกันที่นี่?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถามเย็น เยือกขณะ
มองสามคนที่เพิ่งมาถึง ประกอบด้วยชายวัยกลางคน ชายชรา และหญิง
ชรา ทั้งหมด ล้วนสวมใส่ชุดสีนํ้าเงิน พวกมันคือเครื่องแบบของตําหนัก
ดวงดาววิญญาณสีคราม!
ฉินหยุนปิดซ่อนตัวตนภายใต้อ่างนํ้าและไม่ถูกพบเห็น ใครกัน คือผู้ที่อยู่
ด้านนอก? เขาเกิดความสงสัยยิ่ง เพียงตรวจสอบเขาก็บอกได้ว่าหนึ่งนั้น
เป็นอาจารย์เว่ย! ขณะที่ ชายชราคนดังกล่าว เป็นผู้อาวุโสของสถาบันยุทธ์
เทียนเสวียน ที่ส่งเขาเข้าแดนต้องห้ามเทียน ทางด้านหญิงชราเขาไม่ทราบ
แต่ออร่าของนางทรงพลังที่สุด ในกลุ่มคน สมควรเป็นยอดฝีมือวรยุทธ์เต๋า!
“เชี่ยวเสวียนฉิน ผงเขย่าวิญญาณยังอยู่ในมือเจ้า ส่งพวกมัน มา” อาจารย์
เว่ยหัวเราะคิกคักชั่วร้าย เซี่ยวเสวียนฉินแค่นเสียง นางยิ้มเย็นเยือกตอบ
คํา
“ข้าคือผู้ ครอบครองผงเขย่าวิญญาณ เหตุใดต้องส่งมอบแก่พวกเจ้า? แม้
พวกเจ้าต้องการและข้ายินดี ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่ สมนํ้าสมเนื้อ!”
เมิ่งเฟยหลิงได้คาดเดาไว้แต่แรก ว่าผงเขย่าวิญญาณมีความ เป็นไปได้สูง
ที่จะตกในมือของเชียวเสวียนฉิน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง!
“พวกเราเดิมบอกว่าคิดใช้ผงเขย่าวิญญาณเพื่อนําวิชาขัดเกลา วิญญาณ
ออกมา แต่ตอนนี้แดนต้องห้ามไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผง เขย่าวิญญาณ
จําเป็นต้องถูกทําลาย”
หนึ่งในผู้ที่กล่าวคําเป็น หญิงชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เชี่ยวเสวียนฉินเผย
นํ้าเสียงเย็นเยือก นางโพล่งโทสะออก
“เป็น ข้าใช้ทรัพยากรและเวลาไปมากมายยิ่งกว่าจะได้รับ ข้าจะไม่มี ทาง
ส่งมอบของลํ้าค่าเช่นนี้ออกโดยเปล่าแน่!” หญิงชราแค่นเสียง
“เชี่ยวเสวียนฉิน ให้ข้าพูดออกตามตรง องค์ชายรัชทายาทและข้าราช
บริพารทั้งหลาย ต่างเกรงว่าเจ้า จะช่วยเหลือเชี่ยวเย่ว์เหม่ย พวกเขายินดี
ให้ข้านําผงเขย่า วิญญาณกลับคืน มันคือยาต้องห้าม ดังนั้นเจ้าต้องเข้าใจ
สถานะตัวเองด้วย!”
อาจารย์เว่ยหัวเราะคิกคิก “หากปล่อยไว้ เจ้าก็จะเป็นดังเช่น มหาอุปราช
ของฉินหยุน ถูกจัดฉากและใส่ร้ายโดยผู้คน! ตอนนี้ ตราบเท่าที่ส่งผงเขย่า
วิญญาณมา พวกเราจะปล่อยให้เจ้าได้ ตายอย่างสงบ!”
เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะออกเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า” และกล่าวคํา
“องค์ชายรัชทายาทแท้จริงคิดต่อต้านข้าเพียงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่อง แปลก เพื่อ
ผลประโยชน์ของตนเอง เขากระทั่งขายน้องสาว นับอะไรกับข้าที่เป็นป้า!”
ฉินหยุนลอบถอนใจ เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่ก็ไม่คิด ว่าเชี่ยวห
ยางหลงจะโหดเหี้ยมไร้เมตตากว่าที่คิดเอาไว้มากมาย เพียงนี้ กระทั่งคิด
สังหารป้าของตัวเอง
“ในเมื่อเจ้าไม่ยินดีส่งมันมา ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย!” หญิงชรา เผยเสียง
เย็นเยือก
“อย่าฆ่านาง ทําให้พิการก่อน ให้ข้าได้สุขสันต์กับนางเสียก่อน โฉมงาม
เช่นนี้อย่าได้ทําให้เสียของ!” อาจารย์เว่ยเผยยิ้มชั่วช้า ไม่ต้องพูดถึงเชี่ยว
เสวียนฉิน กระทั่งฉินหยุนยังโกรธเกรี้ยวเมื่อ ได้ยินดังนี้
สีหน้าเชี่ยวเสวียนฉินน่าเกลียดขณะโบกมือไหววูบ กระจาย ออกเป็นผงสี
ขาวจํานวนมาก! ผงเหล่านี้กระจายทั่วทั้งห้องปกคลุมทั้งอาจารย์เว่ยและ
อีกสอง คนที่เหลือ
“เป็นผงเขย่าวิญญาณ!” หญิงชราตะโกนร้องแตกตื่น ฝ่ามือนั้น ยื่นออก
เข้าใส่เชี่ยวเสวียนฉิน เป็นผลให้นางต้องร่างกระแทก ผนังห้อง เมื่อครู
อาจารย์เว่ยได้โยนเข็มเคลือบยาพิษจํานวนหนึ่งเข้าใส่ ร่างของเชี่ยวเสวียน
ฉินเช่นกัน เชี่ยวเสวียนฉินไม่ได้รับผลจากผงเขย่าวิญญาณ เพราะพวกมัน
ไม่ได้ลอยมา ทว่า นางก็โดนฝ่ามือจากวรยุทธ์เต๋าเข้าโจมตี ทั้ง ยังโดนเข็ม
พิษ เป็นผลให้ทั้งร่างของนางต้องโรยรากับพื้นอย่าง ไร้เรี่ยวแรง
กระทั่งหญิงชราวรยุทธ์เต่ยังอดไม่ได้จนต้องล้มลงกับพื้น พวก เขายากแก่
การลุกขึ้นยืนแล้ว
อาจารย์เว่ยนั่งบนเก้าอี้ นํ้าเสียงกล่าวออกด้วยความ ยากลําบาก
“อย่าได้ห่วงไป แม้ผงเขย่าวิญญาณเป็นยา ต้องห้าม แต่มันไม่อาจสังหาร
ผู้อื่น นางสารเลวผู้นี้ อีกไม่นาน มันต้องตายเพราะเข็มเคลือบยาพิษของ
ข้าแน่! ฉินหยุนยื่นมือออกจากนํ้าขว้างยันต์สายลมออกเพื่อกระจายผง
เขย่าวิญญาณ
“อะไรอีก?” ผู้อาวุโสจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนแตกตื่นขณะ เร่งร้อน
ตะโกน ฉินหยุนเร่งรีบทะยานกายออกจากนํ้า เดินถึงข้างกายเชียว เสวียน
ฉิน ผิวหนังของนางตอนนี้กลับกลายเป็นสีดําและอ่อนแรงยิ่ง นางโดนพิษ
ขนานหนัก มองเพียงครั้งเดียว เขาก็ทราบว่าพิษชนิดนี้เป็นเช่นเดียวกับที่
เคยใช้งานกับติงเทียนฉวนและบุตรชาย เขาจําเป็นต้องใช้ผลไม้ไร้สีเพื่อ
รักษาอาการ ย้อนกลับไปตอนนั้น ครั้งที่เขา สังหารเว่ยเสวียนคุน เขาได้รับ
ผลไม้ไร้สีมาจํานวนหนึ่ง เขาเร่งรีบนําเอาผลไม้ไร้สีสองผลออกมาและฝืน
ป้อนเข้าปากของเชี่ยวเสวียนฉิน จากนั้นเขาจึงโคจรพลังภายใน ช่วยนํา
พลังของผลไม้ไร้สีให้ไหลเวียนไปทั่วร่างของนาง
“ผลไม้ไร้สี นี่เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมีผลไม้ไร้สีมากขนาดนี้ ได้?” อาจารย์เว่
ยร้องถามด้วยอาการแตกตื่นเมื่อพบเห็น ตอนฉินหยุนอยู่ใต้นํ้า
เครื่องสําอางปกปิดตัวตนของเขาเลือน หายหมดสิ้น เขาจึงเสยผมขึ้นเผย
ให้เห็นใบหน้า จากนั้นจึงยิ้ม ออกกล่าวคํา
“ข้าคือใครหรือ? ข้าผู้นี้คือบิดาเจ้า ฉินหยุนอย่าง ไรเล่า เหตุใดเจ้าถึงไม่
อาจจําข้าได้กัน?”
“นี่เจ้า!! ไม่ใช่ว่าเจ้าตายไปแล้ว?” อาจารย์เว่ยร้องแตกตื่น เมื่อชายชรา
และหญิงชราจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนได้ยิน นามฉินหยุน สีหน้าพวก
เขาแปรเปลี่ยนรุนแรง มันเต็มเปี่ยมไป ด้วยความหวาดกลัว!
ฉินหยุนต่อยเข้าที่ใบหน้าอาจารย์เว่ยให้ล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนเหยียบ
ยํ่าใบหน้าอีกฝ่าย เขายิ้มกล่าวคําออกมา
“ข้าจะ ตายได้อย่างไรหากเศษเดนมนุษย์เช่นเจ้ายังมีชีวิตรอด?”
“โอ้ใช่ เจ้าถามเมื่อครู่นี้ใช่หรือไม่ว่าเพราะอะไรข้าถึงมีผลไม้ไร้ สีจํานวน
มาก? ข้าจะเล่าให้ฟังแล้วกัน เป็นข้าได้จากบุตรชาย เจ้า! ใช่แล้ว ข้านี่
แหละคือคนที่สังหารบุตรชายเว่ยเสวียนคุนข องเจ้า!”
อาจารย์เว่ย ที่ตอนนี้ร่างโดนเหยียบกับพื้นพลันทะลักด้วยโทสะ ทว่า ทั้ง
ร่างนั้นไร้เรี่ยวแรงขณะกรีดร้องออก “เจ้าคือคนที่ สังหารอาคุน!”
ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ “บุตรชายเจ้านั้นคิดอยากใช้วิชาปีศาจ กับหยวนห
ยานหยิงเพื่อบํารุงร่างกายตนเอง ครั้งนั้น เยี่ยนหยุน เองก็อยู่ข้างมัน ตอน
บุตรชายเจ้าคิดก่อการ ข้าจึงเร่งรีบเข้าไป ปลิดชีพมันเสีย! และนางแพศยา
เยี่ยนหยุน มันก็โดนหยานหยิง สังหารทิ้งไปแล้ว”
“เจ้าเองก็คงคิดฝึกฝนวิชาปีศาจนั้นกับเชี่ยวเสวียนฉินอย่างนั้น สิ? พวก
เจ้าทุกคน ตลอดมาล้วนกล่าวหาว่าข้าคือปีศาจร้ายที่ ฝึกฝนวิชาของ
ปีศาจ แต่กลับเป็นพวกเจ้าเสียเองที่ฝึกฝนวิชา ของปีศาจ! ช่างเป็นคนไร้
ยางอาย กล่าวหาว่าผู้อื่นเป็นโจรทั้งที่ ตัวเองก็เป็น!”
หลังจากเชี่ยวเสวียนนินกินผลไม้ไร้สีเข้าไป สีหน้านางค่อยดี ขึ้นมาบ้าง
เมื่อนางทราบว่าอาจารย์เว่ยคิดใช้โอกาสนี้ใช้งาน ร่างของนางฝึกฝนวิชา
ปีศาจ นางยิ่งโกรธแค้น ฉินหยุนวางมือลงที่ท้องของอาจารย์เว่ยทั้งยิ้ม
กล่าว
“อาจารย์ เว่ย ร่วมมือกับข้าหน่อย ผ่อนคลายร่างกาย อย่าได้คิดขัดขืน!”
“นี่เจ้าคิดทําอะไร?!” อาจารย์เว่ยร้องแตกตื่น หลังกล่าวคําจบ ร่างนั้นกรีด
ร้องเจ็บปวด มันเป็นความรู้สึกที่ ราวกับวิญญาณยุทธ์ไฟระดับแพลทินัม
ของเขากําลังจะโดนดึง ออกจากร่าง! ฉินหยุนกําลังนําวิญญาณยุทธ์ออก
จากร่าง!
เมื่อชายชราจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนและหญิงชราขอบเขต วรยุทธ์เต๋า
เห็นดังนี้ สีหน้าทั้งสองซีดขาว พวกเขาเพียงมองก็ บอกได้แล้ว ว่าฉินหยุน
กําลังแยกวิญญาณยุทธ์ของอาจารย์เว่ ยออกมา! อาจารย์เว่ยรู้สึก
เจ็บปวดเหลือแสนไปทั่วทั้งร่าง ขณะทําได้ เพียงแค่มองฉินหยุนนําเอา
วิญญาณยุทธ์ไฟระดับแพลทินัมของ ตนออก บอลแสงสว่างขนาดเล็กสี
แพลทินัมตอนนี้อยู่ในมืออีก ฝ่ายแล้ว ฉินหยุนนําเอาไข่มุกที่แกะสลักผัง
วิญญาณออกมาและค่อยใส่ บอลแสงสว่างนั้นเข้าไป
“นี่เป็นวิชาขัดเกลาวิญญาณ เจ้าเรียนรู้มัน!” ชายชราจาก สถาบันยุทธ์
เทียนเสวียนร้องอุทาน
“ถูกต้อง นับว่าต้องขอบคุณเจ้าแล้ว เจ้าคือคนส่งข้าเข้าแดน ต้องห้าม
เทียนซี่ เพราะแบบนั้นข้าถึงได้เรียนวิชาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มาได้!” ฉินหยุนยิ้ม
ขณะเดินไป ฝ่ามือวางที่หน้าท้องของชายชรา
“เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะนําวิญญาณยุทธ์เจ้าไปใช้ งานให้เอง!” เมื่อ
วิญญาณยุทธ์ของอาจารย์เว่ยถูกแยกออก เขาก็ไม่ต่างอะไร กับคนตายไป
ครึ่งหนึ่ง ทั้งยังต้องแบกรับความเจ็บปวด เหลือแสน มันถึงขนาดที่ว่ามัน
ไม่มีอะไรในชีวิตนี้จะน่า หวาดกลัวไปกว่านี้ได้อีก เมื่อชายชราเห็นร่าง
อาจารย์เว่ยในสภาพน่าสังเวช เขา หวาดกลัว ปากนั้นแหกร้องนํ้าเสียง
อ้อนวอน
“ฉินหยุน ครั้งนั้น เป็นข้าไม่เจียมตัว... อ๊าก!”
ก่อนจะกล่าวอันใดจบ ฉินหยุนก็เริ่มกระบวนการแยกวิญญาณ ยุทธ์
ออกมาแล้ว อาจารย์เว่ยและชายชราล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่
เก้า ทั้งยังมีโอกาสสูงยิ่งที่จะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเพราะเข้า ร่วมกับ
ตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม แต่พอตอนนี้ วิญญาณ ยุทธ์พวกเขาถูก
ฉกชิง กล่าวได้ว่าหนทางวิถียุทธ์พวกเขาจบสิ้น ลงแล้ว
หญิงชราขอบเขตวรยุทธ์เต๋า สีหน้าตอนนี้หวาดกลัวซีดเผือด เป็นขี้เถ้า ทั้ง
ร่างของนางสั่นเทิ้ม นางคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า และก็เพิ่งก้าวขึ้นมาได้เมื่อ
ไม่นานมานี้ แต่มาวันนี้ นางกลับต้อง โดนเด็กน้อยสารเลวตรงหน้าทําลาย
ตนเอง เซี่ยวเสวียนฉินนั่งกับพื้นอ่อนแรง นางรับชมยินดีที่จะได้เห็น
อาจารย์เว่ยและคณะไม่อาจต่อต้าน นางยินดียิ่งกับผลลัพธ์ที่ ออกมา
ตอนนี้ นางมองฉินหยุน และคิดได้ว่าเมื่อครู่เจ้าหนูตรงหน้าหลอกลวง นาง
ว่าเป็นภูตผี กระทั่งวางแผนเฝ้ารอดูนางอาบนํ้า เรื่องนี้ทํา เอานางอับอาย
ยิ่งนัก แต่ได้เห็นว่าตนโดนช่วยเหลือ นางจึงค่อยอภัยแก่ฉินหยุนจาก ก้น
บึงของหัวใจ
“นี่เจ้ารอดมาได้ยังไง? กระทั่งผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋ายังไม่ง่ายที่จะ รอดมาจาก
สภาพแวดล้อมนั่น!” หญิงชรากรีดร้องหวาดกลัว แต่ก็ยังเอ่ยถาม
ฉินหยุนกําลังนําวิญญาณยุทธ์ของชายชราออก มันเองก็เป็น วิญญาณ
ยุทธ์ไฟระดับแพลทินัม! เขายืนต่อหน้าหญิงชราทั้งหัวเราะ
“ข้าคือคนที่ปลดปล่อยอสูร ขัดเกลาวิญญาณ! หลังนางออกมาได้ นางจึง
เรียกอุกกาบาต ยักษ์มาถล่มแดนดิน เพราะเหตุนั้น พวกเจ้าที่โง่เขลาจึง
เชื่อว่า ข้าตายไปแล้ว!”
อสูรขัดเกลาวิญญาณยังมีชีวิต นางกระทั่งเรียกอุกกาบาตก้อน ใหญ่ยักษ์
เช่นนั้นมาได้ เรื่องนี้ทําเอาหญิงชราแตกตื่น!
“อ๊าก!” หญิงชรากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ข้าคือผู้อาวุโส แห่งจักรวรรดิเทียนเซี่ยว เจ้าไม่มีทางได้วิญญาณยุทธ์ข้า
เสวียนฉิน จัดการมันเร็วเข้า!”
ฉินหยุนเพียงยิ้ม “ต้องขออภัย เริ่มแล้วมันหยุดไม่ได้! วิญญาณ ยุทธ์ของ
เจ้าก็ไม่เลวน!” วิญญาณยุทธ์ที่ไหลออกจากท้องของหญิงชรา มันเป็น
วิญญาณ ยุทธ์ราชสีห์ระดับแพลทินัม
ตอนที่ 180 สินสอด
เชี่ยวเสวียนฉินนั่งพิงกําแพง พิษสีดําที่ใบหน้าของนางซึ่งเลือนหายอย่าง
เชื่องช้ากลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง ใน นางร้องอุทานเสียงเบาแตกตื่น “ฉินหยุน
ในร่างข้ายังมีพิษอื่น!”
อาจารย์เว่ยลืมตาขึ้นเล็กน้อยขณะหัวเราะอ่อนแรง “นี่เป็นพิษ อีกชนิดที่
แฝงไว้ เชี่ยวเสวียนฉิน เจ้าตายแน่นอนแล้ว ตาย พร้อมกับข้า ฮ่าฮ่าฮ่า....”
ขณะยังหัวเราะไม่ทันเสร็จ จิตใจนั้นพลันแตกสลายเพราะฉิน หยุนโจมตี
ด้วยหนึ่งฝ่ามือ!
“ฉินหยุน เจ้าเชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณ ทุกคนจะรู้เรื่องนี้ เจ้าไม่มี
ทางพบจุดจบที่ดีได้แน่!” หญิงชราหัวเราะขื่นขม
“เจ้า ต้องตายอย่างอนาถ...” ฉินหยุนหันไปจัดการหญิงชราและชายชรา
ครั้งหนึ่งก่อนใช้อัคคี เพลิงเผาไหม้ร่างทั้งสอง ไม่ช้า เขาเร่งรีบมาถึงข้าง
กายเชียวเสวียนฉิน เขานํานางไปวางที่เตียงในห้องของนาง ไม่เพียงแต่
พลังงานสีดําไหลเวียนใต้ผิวหนังที่ใบหน้าของเชี่ยว เสวียนฉิน หมอกสีดํา
ยังทะลักอยู่ภายใต้ผิวหนังของนางอย่าง เงียบงัน ทั้งยังกระจายทั่วร่าง ถือ
ว่าเป็นพิษที่ประหลาดยิ่ง
“นี่คือพลังภายในเป็นพิษ มันจะกระจายทั่วทั้งร่าง ข้าคงไม่ รอดแล้ว จึงรีบ
สังหารข้า!” เชี่ยวเสวียนฉินเผยดวงตาสิ้นหวัง ขณะมองฉินหยุน
“หากเจ้าได้พบเย่ว์เหม่ยและเย่ว์หลาน ฝาก ขอโทษพวกนางแทนข้าด้วย
...”
ฉินหยุนผสานพลังภายในเข้าร่างของนางและกล่าว
“เลิก พูดจาไร้สาระ ท่านต้องดีขึ้น!”
“อย่าได้ส่งพลังภายในเข้ามา มันจะทําให้ร่างเจ้าติดพิษไป ด้วย!” เชี่ยว
เสวียนฉินอ่อนแรงยิ่ง แต่กลับยังเป็นห่วงเขาเอ่ย คําเสียงเบา ฉินหยุนทด
สอบพิษดังกล่าว เขาไม่ทราบว่าจะนํ้ามันออกมาได้ อย่างไรดี ทว่า เขาก็
หาได้โดนพิษของมันไม่ เขาได้พบว่า พลังพิษนั้นพยายามเข้าสู่ขุมพลัง
ภายในของเขา แต่มันกลับโดนผลักดันกลับออกไปด้วยพลังภายในตะวัน
ทมิฬ
“พลังภายในตะวันทมิฬของเรามีพลังดึงดูดกล้าแกร่ง มัน สมควรดูดเอา
พลังพิษออกมาได้โดยที่เราไม่โดนพิษไปด้วย” ใน ใจเขาพอคิดได้ จึงเร่งรีบ
โคจรพลังภายในตะวันทมิฬที่ฝ่ามือ จากนั้นจึงสัมผัสกับแขนของเชี่ยว
เสวียนฉินก่อนค่อย เคลื่อนไหวฝ่ามือ เขาพบว่าพลังงานสีดํานั้นอยู่นิ่ง
ขณะเขา เคลื่อนฝ่ามือ
เมื่อเห็นว่ามันได้ผล เขาจึงเร่งรีบใช้นิ้วแทงฝ่ามือของเชี่ยว เสวียนฉิน
จากนั้นจึงชักนําพิษสีดําออกมาผ่านรูบาดแผลที่ฝ่า หลังชักนํากลุ่มก้อน
พลังสีดํา แขนของนางตอนนี้กลายเป็นสี ขาวเช่นเดิม ทว่า ไม่นานนักคลื่น
พลังสีดําก็เข้าสู่แขนของนาง อีกครั้ง
“เข็มพิษยังอยู่บนร่าง ไม่แปลกใจเลย!” ฉินหยุนกัดฟันกรอด ขณะกล่าวคํา
“ป้าเชี่ยว โปรดอภัยให้ข้าหากล่วงเกิน นี่เพื่อ ช่วยท่าน” กระทั่งเชี่ยวเสวียน
ฉินไม่ยินดี นางก็ไม่มีแรงทําอันใดแล้ว นาง ทําได้เพียงหลับตา ฉินหยุนใช้
พลังจิตผ่านวิชาเทวะควบคุมเพื่อทําการถอนเข็มพิษ ออกจากหน้าอกของ
นาง จากนั้น เขาจึงใช้วิชาเทวะควบคุม ห้อมล้อมออร่าพิษในร่างของเซี่ยว
เสวียนฉันเอาไว้ ก่อนจะทํา การดูดออกด้วยพลังภายในตะวันทมิฬ
พลังพิษกระจายสู่ทั่วร่างของเชี่ยวเสวียนฉิน ดังนั้นฉินหยุนจึง ต้องชักนํา
พลังพิษเหล่านั้นออกจากทุกส่วนของร่างกาย เวลา ยิ่งผ่านไป เขาก็ยิ่ง
สัมผัสผิวหนังของร่างแทบทั้งเรือนร่าง สิ่งนี้ นับเป็นการล่วงเกินก็ว่าได้
ชั่วโมงให้หลัง ฉินหยุนได้เห็นสีหน้าขาวราวหยกแก้วของเชี่ยว เสวียนฉิน
กลับมาพร้อมเลือดไหลเวียนในผิวหนัง เขาค่อยถอนหายใจโล่งอกก่อนจะ
ใช้ผ้าห่มคลุมกายนางเอาไว้
“ป้าเชี่ยว ข้า ฉินหยุนขอสาบานต่อสวรรค์ว่าข้าเพียงคิดแต่ เรื่องการรักษา
พิษ ข้าไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน!” ฉินหยุนกล่าว ด้วยสีหน้าจริงจัง เขาตอนนี้
แทบไม่กล้ามองตรงร่างงดงามของ อีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียง กระนั้นเขาก็
ยังกล่าว เป็นเพราะเขาไม่ได้คิดล่วงเกินเชี่ยว เสวียนฉิน เขาจึงระมัดระวัง
ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งจบสิ้น กระบวนการ และยังไม่คิดฉวยโอกาสจับ
ส่วนสงวนของนางโดย เจตนา
“ฮึ่ม เจ้าเพิ่งแอบดูข้าอาบนํ้าไป!” เชี่ยวเสวียนฉินแค่นเสียงออก
“ไม่! คือ ข้า...” ฉินหยุนแทบอธิบายออกไม่ถูก เชี่ยวเสวียนฉินตอนนี้เริ่ม
ฟื้นคืนกําลังได้แล้ว เมื่อครู่ นางเกือบ ตาย ดังนั้นนางจึงติดหนี้ชีวิตฉินหยุน
นอกจากนี้ ยามฉินหยุน สัมผัสกายนาง เขาเพียงสัมผัสผ่านเสื้อผ้า เมื่อคิด
ย้อนกลับไป นางเพียงแค่รู้สึกอับอายเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนที่ฉินหยุน
จับ ส่วนสงวนของนางอยู่หลายครั้ง
“ข้าขอตัว ท่านเดี่ยวก็ดีขึ้น! เป็นข้าเกรงท่านจะตบตีข้ายามมี เรี่ยวแรง”
ฉินหยุนกล่าวออกขณะคิดจากไป อย่างไรแล้ว เชี่ยวเสวียนฉันก็เป็นเพียง
หญิงวัยสามสิบ ดังนั้น นางจึงเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ขณะฉินหยุนคิดจากไป
เชี่ยวเสวียนฉนจึงตะโกนขึ้น
“รอ ก่อน!”
“ข้าไม่คิดรอแล้ว หากข้ารอ ได้เป็นท่านตบตีข้าจนตายแน่!” ฉินหยุนยิ้ม
เก้กังกล่าวคํา
“เหตุใดข้าต้องตบตีเจ้า? เจ้าช่วยข้าเอาไว้ถึงสองครั้ง! ทั้งยัง ไม่ได้ทําอะไร
ต่อข้า แน่นอนว่าเจ้าต้องไม่นําเรื่องนี้บอกต่อ ผู้อื่น” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้ม
กล่าวเสียงอ่อน ฉินหยุนเดินกลับไปที่เตียงและนั่งลง เขาเอ่ยถาม
“ป้าเชี่ยว ท่านควรพักผ่อน ไว้ท่านตื่นขึ้นอีกครั้งค่อยพูดคุยกัน!” จนถึงเมื่อ
ครู่ เป็นเขาเคร่งเครียดยิ่งเรื่องการชะล้างพิษ พอ ตอนนี้ได้เห็นสีหน้างง
ดามของเชี่ยวเสวียนฉินกลับมางดงาม เช่นเดิมในระยะใกล้ เขาก็อดไม่ได้
ที่จะกล่าวชมนางอยู่ภายใน เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวคําเสียงเบา
“ข้าเกือบหายดีแล้ว เจ้าหัน ไปก่อน ข้าจะเปลี่ยนชุด” ฉินหยุนเร่งรีบหัน
กายไปอีกด้าน เมื่อเชียวเสวียนฉินเปลี่ยนชุดเรียบร้อย นางก็อดไม่ได้ที่จะ
นึก ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉินหยุน อันดับแรก ผู้คนล้วนกล่าวกันว่า
วิญญาณยุทธ์ของเขาตายไปแล้ว ทั้งยังจบสิ้นชีวิตในหนทาง ฝึกตน แต่
แล้ว เขากลับถูกส่งเข้าแดนต้องห้ามเทียนซี่ และแดน ต้องห้ามนั่นก็
หลอมเหลวกลายเป็นลาวา
เพราะอุกกาบาต ผู้คน ล้วนคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่พอตอนนี้ ฉินหยุน
ปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ กระทั่งช่วยชีวิต นางไว้ถึงสองครั้ง และยังสังหาร
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าและ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าไปอีกสองคน! ที่น่า
กลัวที่สุดคือเขาเชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาวิญญาณ! เชี่ยวเสวียนฉิน
เปลี่ยนเป็นชุดสีม่วงขณะกล่าวคําเสียงดังฟังชัด

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น