วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563



103 พลังการหลอม

ฉินหยุนไม่ได้โกงแต่อย่างใด เพราะทุกขั้นตอนการทําล้วนเห็น กันทั่ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้อาวุโสของตําหนักดวงดาว วิญญาณสี
คราม พวกเขาจับตามองอยู่ตลอด หากฉินหยุนคิด โกง เขาย่อมไม่อาจ
ปกปิดจากสายตาของบรรดาผู้อาวุโส เหล่านั้นไปได้

ทางด้านฉินหยุนตอนนี้ก็สับสน เพราะอะไรคุณภาพเหล็ก วิญญาณที่เขา
หลอมขึ้นถึงเหนือลํ้ากว่าผู้อื่น? หลังจากพิจารณาให้ดีแล้ว เขาค่อยเชื่อว่า
เป็นเพราะพลัง ปราณของตนแตกต่างจากผู้อื่น มันเกิดขึ้นจากการดูดกลืน
พลัง วิญญาณเก้าตะวัน ดังนั้นเขาจึงมีพลังปราณกักเก็บไว้มากกว่า ผู้อื่น

ดังนั้น แม้เขาอ่อนด้อยกว่าอาจารย์เว่ยและผู้อื่น แต่พลัง วิญญาณที่กัก
เก็บไว้ในพลังภายในของเขานับว่าเหนือกว่า ผู้อื่นหลายต่อหลายเท่า
รวมเข้ากับศักยภาพเหนือลํ้าของเขาที่ เผยออกให้เห็นยามหลอมเหล็ก
วิญญาณ เพียงเท่านี้ก็ทําให้เขา เหนือกว่าอาจารย์เว่ยแล้ว เหลียงชั่วจินม

องอาจารย์จารึกท่านอื่นสนทนากัน พวกเขาส่วน ใหญ่ต่างหารือกันว่าฉิน
หยุนเหนือกว่าอาจารย์เว่ยได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพูดกล่าวสิ่งที่
คิดออกมา

ฉินหยุนโกง! แต่ พวกเราไม่รู้ว่าเขาโกงได้อย่างไร!” อาจารย์เว่ยเร่งรีบ
กล่าวเสริม

สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว ยาม พวกเราทําการหลอมเหล็กวิญญาณ พลัง
ภายในของพวกเราที่ ใช้ออกคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดหรือไม่ก็
เก้า แต่ฉิน หยุนเป็นเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก ดังนั้นพลังภายใน
ของเขาจึงสมควรอ่อนด้อยกว่าพวกเราจึงจะถูก” เขาหันควับมองฉินหยุน
และตะโกนขึ้น

ฉินหยุน จงบอกต่อข้า เจ้าโกงโดยหลบรอดสายตาพวกเราได้อย่างไร?”

เหลียงชั่วจินลอบยินดี ตราบเท่าที่เขาปรักปรําว่าฉินหยุนโกงได้ ศักยภาพ
ของเขาในการแข่งขันครั้งนี้ก็จะไม่ถูกนับว่าน่าเกลียด อีกต่อไป ชายชรา
จากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามกล่าวเสียงยะ เยือก

ตําหนักจารึกเทวะต้องมีคําตอบในเรื่องนี้ อย่างไรแล้ว พวกเราล้วนจ่าย
ค่าลงทะเบียนกันถ้วนหน้า! ไม่เช่นนั้นก็จงคืน ค่าลงทะเบียนของพวกเรา
กลับคืนมา!” ในเมื่อเกี่ยวข้องกับเงิน อาจารย์จารึกท่านอื่นจึงร่วมผสมโรง
ด้วย พวกเขาเหล่านี้ต้องการคําอธิบาย หรือไม่ก็คืนเงินค่า สมัครกลับมา
เพราะพวกเขารู้ว่าตนไม่มีโอกาสได้รับอัคคีร่วงหล่นแล้ว อย่าง น้อย
ค่าลงทะเบียนแปดแสนเหรียญทองได้รับกลับคืนก็ไม่นับว่า แย่ โดยเฉพาะ
กับตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเขานั้นจ่าย ออกไปหนักที่สุด
พวกเขาย่อมไม่คิดกลับไปมือเปล่าแน่

ด้วนเฉียนมองด้วยสายตายะเยือกต่ออาจารย์จารึกทั้งหลายใน ที่นี้พร้อม
กล่าวขึ้น

ย่อมได้ ข้าจะให้คําอธิบาย!”

เพื่อเป็นการยืนยันต่อทุกท่านว่าข้าไม่ได้กล่าวโดยไร้หลักฐาน ก็จะขอใช้
วิธีการที่ทุกคนล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพื่อทดสอบ คุณภาพพลังค้อน
หลอมของฉินหยุน” ต้วนเฉียนนําเอาหินโปร่งแสงสิบก้อนออกมาและ
กล่าว

สิ่ง เหล่านี้คือผลึกแก้วรวบรวมพลัง พวกมันเหล่านี้แข็งแกร่งขนาดที่
แม้แต่ข้าก็ไม่อาจทําลายพวกมันจนแตกได้ในการทุบ เพียงครั้งเดียว
หลังจากผลึกแก้วโดนแรงปะทะด้วยพลังงานทรงพลัง มันจะดูดซับ
พลังงานเข้าไป ยิ่งพลังงานที่ดูดซับเข้าไป มากเพียงใด นํ้าหนักของมันก็ยิ่ง
มากขึ้นเท่านั้น”

ผลึกแก้วรวบรวมพลังเป็นสิ่งหาได้ยาก โดยหลักแล้วจะใช้งาน เพื่อ
รวบรวมพลังการหลอมที่ปลดปล่อยออกจากผังแปรธาตุ หากเป็นพลังงาน

ชนิดอื่น มันจะไม่สามารถรวบรวมเอาไว้ได้ ต้วนเฉียนนํ้าผลึกแก้วสองก้อน
วางไว้บนแท่นหลอมและกล่าว ขึ้น

อาจารย์เว่ย ฉินหยุน ขอให้แต่ละคนรับผลึกแก้วไปคนละก้อน จากนั้นให้
ทุบผลึกแก้วด้วยค้อนหลอมทั้งสิ้นสิบครั้ง แล้ว มาดูกันว่าผลึกแก้วจะหนัก
ขนาดไหน!” อาจารย์เว่ยนผลึกแก้วทั้งสองมาชั่งนํ้าหนักด้วยตนเอง พวก
มันล้วนนํ้าหนักเท่ากัน หลังอาจารย์จารึกท่านอื่นได้เห็นดังนี้ พวกเขาพยัก
หน้ารับ นับว่าวิธีการนี้ได้รับการยอมรับ อาจารย์เว่ยทุบผลึกแก้วอยู่สิบ
ครั้ง พร้อมกันนี้ ผลึกแก้ว แปรเปลี่ยนเป็นสีแพลทินัมพร้อมส่องประกาย
แสงออกมา เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาจึงนําส่งต่อต้วนเฉียนให้ชั่งนํ้าหนัก

ผลึกแก้วมีชั้นหนาสองชั้น พลังการหลอมได้เพิ่มนํ้าหนักของ ผลึกแก้วขึ้น
สองเหลี่ยง” จากนั้น เขาจึงนําตราชั่งให้อาจารย์ เว่ยได้รับชม อาจารย์เว่
ยเลือกชั่งนํ้าหนักมันด้วยตนเองก่อนยืนยันซํ้าอีกครั้งหนึ่ง

อาจารย์จารึกท่านอื่นล้วนลอบประหลาดใจ พลังการหลอมของ อาจารย์เว่
ยถึงกับทําได้สองเหลี่ยง ระดับนี้ถือว่าดีเยี่ยม หากเป็นอาจารย์จารึกท่าน
อื่น อย่างน้อยก็ คงต้องทุบกว่ายี่สิบครั้งถึงจะได้นํ้าหนักเท่านี้

ฉินหยุน คราวเจ้าแล้ว!” อาจารย์เว่ยกล่าวเร่ง ฉินหยุนนําคอนราชันยักษ์
วิญญาณของตนออกมาและทุบเข้า ใส่ผลึกแก้วโปร่งแสงทั้งสิ้นสิบครั้ง
ตลอดทั้งสิบครั้งคือการใช้ กระบวนท่ามังกรหลอมหกกระบวนผ่านกําลัง
ภายในวนซํ้า หลังทําการหลอม ผลึกแก้วโปร่งแสงจึงทอประกายสีทอง
ม่วง ออกมา ชัดเจนว่านี่เป็นพลังการหลอมที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

ท่านชั่งด้วยตนเอง!” ต้วนเฉียนผายมือให้อาจารย์เว่ยซึ่งอยู่ คนละฝั่งกับ
ฉินหยุน อาจารย์เว่ยใช้สายตาแทบมองทะลุผลึกแก้วสีทองม่วงด้วยสี หน้า
น่าเกลียด ทว่า เขาก็ก้าวเดินเข้าไปเพื่อชั่งนํ้าหนักผลึก แก้วซึ่งฉินหยุนส่ง
มอบมาให้

เก้า เก้าเหลี่ยง!” มือของอาจารย์เว่ยสั่นเทิ้มขณะขาน นํ้าหนัก พลังการ
หลอมของฉินหยุนถึงกับมีประสิทธิภาพสูง เพียงนี้ ผู้อาวุโสหลายคนถึงกับ
ส่งเสียงร้องฮือฮากันออกมา!

เหลียงชั่วจินมองฉินหยุนซึ่งยังสงบใจอยู่ด้วยความเกลียดชัง นี่ เป็นเพราะ
โชคชะตาของเขาไม่อาจหนีพ้นจากตัวตลกแล้ว พร้อมกันนี้ เขายังอิจฉา
ต่อพละกําลังของฉินหยุนอย่างรุนแรง ถึงตอนนี้ อาจารย์จารึกหลายท่าน
ต่างมองเหลียงชั่วจินด้วย ดวงตาเปี่ยมด้วยความปรามาส

ฉินหยุน นี่คืออัคคีร่วงหล่น!” ต้วนเฉียนยิ้มให้พร้อมส่งไข่มุก เม็ดใหญ่แก่
ฉินหยุน ภายในเม็ดไข่มุก มันมีเปลวเพลิงสีขาวถูก ผนึกเอาไว้ อุกกาบาต
อัคคีในตํานาน ผู้ได้รับมันไปครองคือฉินหยุนที่อายุ เพียงสิบห้าปี ทั้งนี้เขา
คือผู้ที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง!

บรรดาอาจารย์จารึกอาวุโสเผยความกระดากใจ เป็นปกติที่ พวกเขาพ่าย
แพ้ต่ออาจารย์เว่ย แต่ครั้งนี้พวกเขาทุกคนไม่มี เว้นแม้แต่อาจารย์เว่ยได้
พ่ายแพ้ต่อเด็กอายุสิบห้า!

ผู้อาวุโสจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามเองก็อิจฉารุนแรง ขณะจ้อง
มองไข่มุกในมือฉินหยุน พวกเขาแทบคิดปล้นฆ่าฉัน หยุนที่ตรงนี้เลยด้วย
ซํ้า เพราะวัตถุนั้นคือสิ่งที่สามารถเสริมอํานาจวิญญาณยุทธ์ไฟให้ เพิ่ม
ระดับได้อีกขั้นหนึ่ง ความลํ้าค่าของมันแทบไม่อาจหาสิ่งใดมา
เปรียบเทียบ! อาจารย์เว่ยกล่าวคํา

ฉินหยุน จงผสานรวมกับอัคคีร่วงหล่นที่ ตรงนี้! พวกเราต้องการได้เห็นว่า
อุกกาบาตอัคคีนี้เป็นของแท้ หรือไม่?” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย อันที่
จริงพวกเขาอยากเห็น ว่า วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงจะวิวัฒนาการ
เป็นอะไรหลังฉิน หยุนผสานรวมกับอัคคีร่วงหล่น ต้วนเฉียนพยักหน้าให้
ฉินหยุนเช่นกัน

คณะคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่เตรียมไปจากที่นี่ พวกเขา
ยังต้องคิดหยุดรอให้ฉินหยุนผสานรวมเสร็จสิ้นเสียก่อน

วิธีใช้งานคือ ให้บีบมุกผลึกจนแตกออก อัคคีร่วงหล่นจะเข้าสู่ ร่างกายเจ้า
และผสมผสานกับวิญญาณยุทธ์ของเจ้า” ต้วนเฉีย นอธิบาย

กล่าวโดยสรุป ขั้นการผสานรวมจะเป็นไปอย่าง รวดเร็ว เพียงสองชั่วโมง
ก็สมควรเสร็จสิ้นแล้ว” ทุกคนล้วนอยากเห็น ว่าหากวิญญาณยุทธ์ไฟระดับ
ทองม่วง ของฉินหยุนเลื่อนไปอีกระดับจะกลายเป็นสิ่งใด ฉินหยุนทราบว่า
นอกจากวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยังมีสี ดําอันลึกลับ

ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสงสัยในเรื่องนี้มากนัก เขา เพียงแต่ตื่นเต้นที่วิญญาณ
ยุทธ์ของตนจะก้าวขึ้นถึงขีดสูงสุด! ด้วยคําแนะนําของต้วนเฉียน เขา
กระทําตาม บีบไข่มุกจนแตก ถึงตอนนี้ลูกไฟขนาดเล็กภายในไข่มุกพลัน
ไหลเข้าสู่ร่างกาย ของเขา อุกกาบาตอัคคีเข้าสู่แก่นแท้ของวิญญาณยุทธ์
ไฟระดับทองม่วง ทั้งยังเริ่มทําการต่อสู้กับวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง

ฉินหยุนเร่งรีบนั่งขัดสมาธิกับพื้นและหลับตาลง เขาปล่อยจิตใจ ตนเองให้
สงบ ไม่คิดรับการรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไป ทุกคนรับชมเงียบงัน
พวกเขาเกลียดชังฉินหยุนแรงกล้า แต่ พวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่นใดเหลือ
นอกจากยอมรับและนับถือ เป็นเพราะอีกฝ่ายสามารถกระทําได้ด้วยมือ
ของตนเอง หลัง ผ่านการเติบโตในสภาพอันโหดร้ายมาห้าปี เขาถึงกับ
สร้าง ความประทับใจได้มากมายเพียงนี้ ภายในตําหนักจารึกเทวะ ทุกคน
ล้วนเฝ้ารออย่างเงียบงันขณะ มองที่ฉินหยุน ตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ไม่
ช้าท้องฟ้าจึงเริ่มมีความมืดเข้าปก คลุม ตําหนักจารึกเทวะพลันลุกโชน
สว่างขึ้น แสงสว่างปกคลุม ทั่วทั้งโถงหลักแห่งนี้ให้เห็นทุกอย่างได้อย่างชัด
แจ้ง สองชั่วโมงผ่านพ้น.. คิ้วคล้ายขมวดเล็กน้อย ในที่สุดฉินหยุนก็ลืมตา
สีหน้าของเขา น่าเกลียดคล้ายเผชิญกับความหวาดกลัว

เหงื่อไหลหลั่งแทบท่วมกาย เขาผู้ซึ่งสงบเยือกเย็นมาตลอด แต่ แล้วตอนนี้
กลับมีสภาพที่คล้ายคนกําลังอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง!

ตอนท
ี่104 อัคคีสีขาว

ต้วนเฉียนเดิมใบหน้าประดับรอยยิ้ม แต่พอได้เห็นสีหน้าฉินหยุน เขาเริ่ม
ตึงเครียดจนต้องเร่งร้อนเอ่ยถาม

ฉินหยุน เกิด อะไรขึ้น? วิญญาณยุทธ์ไฟทองม่วงเลื่อนระดับแล้วหรือ
ยัง?”

ข้า ข้าไม่ทราบ พลังธาตุของข้าเดิมที่เป็นสีทองม่วง แต่ ตอนนี้มันกลับ
เป็
นส
ขาวบรสิทุ ธิ์ขา

้ไม่อาจพบเจออคัค
ภายใน พลงัธาต!ุ” เหงื่อฉินหยุน
ยังคงไหลหลั่ง เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ตนเอง เขาเรียกใช้งานพลัง
ปราณสีขาว ทว่ามันกลับไม่ได้ปรากฏออกเป็นอัคคีเพลิง

ทุกคนลอบแตกตื่น พวกเขาต่างมองกันเองอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะกับ
อาจารย์เว่ย ใบหน้านั้นคล้ายปรากฏร่องรอยของ ความตื่นเต้นยินดี ต้วน
เฉียนเร่งรีบนําเจดีย์วิญญาณขนาดเล็กออกมา

ทดสอบ วิญญาณยุทธ์!” ฉินหยุนส่งพลังภายในเข้าสู่เจดีย์ แต่แล้ว มัน
กลับไม่มีความ เปลี่ยนแปลง

วิญญาณยุทธ์ ตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!” อาจารย์เว่ยถึงขั้นกล่าว ด้วยรอยยิ้ม

นี่เป็นผลลัพธ์ของความโลภ มีวิญญาณยุทธ์ไฟ ระดับทองม่วงยังไม่พอใจ
คิดอยากเลื่อนระดับแก่มัน ทําการขัด ขึ้นบังคับวิญญาณยุทธ์ระดับทอง
ม่วงให้เลื่อนระดับ เพราะแบบ นั้นวิญญาณยุทธ์ถึงตายจาก!” นี่เป็นเพียง
การระบายโทสะของอาจารย์เว่ย ทว่าผู้อาวุโสของ ตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามต่างก็คิดคล้ายกันนี้

พลังธาตุของเจ้ายังอยู่ กําลังภายในก็ยังคงแข็งแกร่ง ทว่า มัน ไม่มี
คุณลักษณะอีกต่อไป โดยหลักฐานแล้วนี่บ่งบอกว่า วิญญาณยุทธ์ของเจ้า
ตายไปแล้ว! เจ้าควรรู้ว่าคุณลักษณะของ พลังภายในได้รับมาจาก

วิญญาณยุทธ์ พลังภายในของเจ้า ตอนนี้กลับกลายไร้ซึ่งคุณลักษณะ
ดังนั้นเจดีย์วิญญาณจึงไม่ ตอบสนองแต่อย่างใด”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม กระตุกบนใบหน้า ชัดเจนว่าเขายินดี
ไม่ใช่น้อย เมื่อเหลียงชั่วจนได้เห็นสีหน้าราวขี้เถ้าของฉินหยุน อารมณ์ ของ
เขากลับกลายเป็นดีขึ้นมาทันตา เขาแค่นเสียงกล่าวเย้ย

มีวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงแล้วรอาจคิดไม่พอใจ นี่เรียก กรรมตาม
สนอง! ตัวเจ้ามีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งไม่พอ ตอนนี้ ยังเสียวิญญาณยุทธ์
ไฟระดับทองม่วง ตอนนี้เจ้าไม่ต่างอะไรกับ คนเป็นง่อยแล้ว!” ฉินหยุดกัด
ฟันกรอด เขาไม่เชื่อเรื่องไร้สาระพวกนี้แน่ เป็น เพราะวิญญาณยุทธ์สั่นไหว
ของเขายังอยู่ เขายังสามารถใช้พลังภายในดังกล่าวได้

ส่วนทางด้านวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง เขาเองก็ไม่ทราบ ว่ามันเกิด
อะไรขึ้น เพราะอะไรหลังผสานรวมเข้ากับอุกกาบาต อัคคีถึงได้เกิด
เหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?

ฉินหยุน กลับก่อนแล้วค่อยคุยกัน!” ต้วนเฉียนช่วยพยุงฉิน หยุนลุกขึ้น
พร้อมพาเขาออกไปจากโถงแห่งนี้ ยามพวกเขาพ้นระยะ ทั่วทั้งโถงพลัน
เปี่ยมลั่นด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะอาจารย์เว่ยและเหลียงชั่วจิน

พวกเราต้องรีบรายงานไปยังพระราชวังหลวงเทียนฉินแล้ว พวกเขาต้อง
ยินดีไม่น้อยแน่ยามได้ยินเรื่องราวนี้” หนึ่งใน อาจารย์จารึกหัวเราะออก

ไป ไปพร้อมกันนี่แหละ!”

ความบากบันของฉินหยุนที่ฝ่าฟันความลําบากตลอดห้าปี กลายเป็นสูญ
เปล่าแล้ว วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงคือ สมบัติลํ้าค่าที่สุดซึ่งเขา
ครอบครอง และตอนนี้มันตายจากไป แล้ว หมายความว่ามันจะไม่
สามารถหลอมอุปกรณ์อะไรได้อีก ต่อไป!”

ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นเพราะมีพรสวรรค์มากเกินไปจนได้รับชัยชนะ ในการแข่ง
แปรธาตุครั้งนี้ เพราะได้รับอัคคีร่วงหล่น จึงเป็นผล ให้วิญญาณยุทธ์ไฟ
ระดับทองม่วงของมันต้องตายจาก ฮ่าฮ่า ฮ่า!” อาจารย์เว่ยตอนนี้ทั้งยิ้ม
และหัวเราะราวคนคลั่ง เพราะเรื่องวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงของฉิน
หยุนตายจาก กลุ่มคนจึงก้าวเดินออกจากโถงพร้อมเสียงหัวเราะราว
ต้อนรับปี ใหม่ก็ไม่ปาน

ต้วนเฉียนพาฉินหยุนเข้าสู่ห้องลับและบรรจงสํารวจพลังธาตุ มันกลายเป็น
ขาวบรสิทุ ธิ์ไม่ม
คณุ ลกัษณะใดเจ
อปน ตว
นเฉ
ียนทําได้เพียงยืนเหม่อมอง

ผนังห้องลับ กระทั่งเขายัง แตกตื่นแทนไปด้วย

นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” เขาเอ่ยถาม พร้อมถอนหายใจ

ฉินหยุนค่อย ๆ สงบใจลง ปาดเช็ดคราบเหงื่อ เขากล่าว “ท่าน ปู่ ต้วน ขอ
ข้าสงบใจก่อน บางที่สถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่าง ที่คิดเอาไว้”

ย่อมได้ ตัวเจ้าย่อมเป็นเจ้ารู้ดีที่สุด ข้าหวังว่าจะเป็นเพียงแค่ ความ
ผิดพลาดเล็กน้อย!” ต้วนเฉียนรับคํา หากวิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนตาย
ไปจริง เขาจะต้องรู้สึกผิด อย่างร้ายแรงเลยทีเดียว หลังต้วนเฉียนออกไป
แล้ว ฉินหยุนหลับตาลง จากนั้นจึงเริ่ม ปล่อยพลังธาตุของตัวเองผ่านทาง
จิตวิญญาณต้นกําเนิด เขา ยังสามารถปล่อยจิตวิญญาณต้นกําเนิดได้
อย่างไหลลื่น ทว่า จิตวิญญาณต้นกําเนิดนี้เกิดขึ้นเพราะแรงสั่นไหวสีดํา

วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยังไม่ตาย เรายังรู้สึกถึงมันได้ อยู่!” ฉิน
หยุนสงบใจลง เขาพยายามสัมผัสสถานการณ์ภายในตันเถีย นของตนเอง
ตอนนี้ เขาพบว่ามันยังมีการเชื่อมต่อบางเบาระหว่างตันเถียนและ
วิญญาณยุทธ์ไฟ ทว่า มันไม่ได้แข็งแกร่ง เหมือนดังก่อน เขานําเอาศิลา
วิญญาณลอยล่องสีทองม่วงออกมาและทําการ ดูดกลืนพลังงานภายใน
ศิลา จากนั้นจึงค่อยโคจรมันสู่ตันเถียน

คงทําได้เพียงทดลองใช้ศิลาวิญญาณลอยล่อง มาดูกันว่าจะ กระตุ้น
วิญญาณยุทธ์ได้หรือไม่” ทันทีที่พลังงานเข้าสู่ตันเถียน มันถูกดูดกลืนหาย
วับไปโดยพลัง ภายในสีขาวอย่างรวดเร็ว ในชั่วเวลาเพียงสองชั่วโมง ศิลา

วิญญาณลอยล่องสีทองม่วงก็ โดนดูดกลืนพลังงานจนหมดสิ้น เมื่อฉิน
หยุนลืมตาขึ้น เขาต้องลอบตระหนก

เหมือนที่คิด วิญญาณยุทธ์ไฟยังอยู่ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ หลัง
ดูดกลืน พลังงานจากศิลาวิญญาณลอยล่อง สัมผัสของมันยิ่งมาก็ยิ่งแรง
กล้า เราต้องหาทางดูดกลืนพลังงานให้มากกว่านี้เพื่อเรียกให้ วิญญาณ
ยุทธ์ไฟกลับคืนมางั้นสินะ?”

ขณะมองที่พลังธาตุสีขาว เขาพลันรู้สึกได้ว่า พลังธาตุสีขาว ดังกล่าวกําลัง
หล่อเลี้ยงวิญญาณยุทธ์ไฟที่แข็งแกร่ง! ทว่า เป็นเพราะขาดแคลนพลังงาน
หล่อเลี้ยง วิญญาณยุทธ์ไฟ ระดับทองม่วงจึงมีสภาพ “ไร้ตัวตน” ระหว่าง
การเติบโต “ หมายความว่า หลังผสานรวมวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง
กับอัคคีร่วงหล่น เราต้องหาแหล่งพลังงานมาหล่อเลี้ยงเพื่อ ควบแน่นและ
ส่งต่อไปยังวิญญาณยุทธ์ให้มีกําลังขึ้นมา?”

ตอนนี้เขาคิดได้เพียงแต่ข้อสรุปนี้แล้ว หลังออกจากห้องลับ เขาพบว่าต้วน
เฉียนกําลังเดินไปเดินมา ทั่วโถงทางเดิน

เป็นอย่างไรบ้าง?” ต้วนเฉียนเร่งร้อนเข้ามาถามไถ่

ข้ารู้สึกว่าคล้ายมันขาดพลังงานขอรับ ระหว่างข้ากับ วิญญาณยุทธ์ไฟยัง
มีการเชื่อมต่อกันอยู่” ฉินหยุนกล่าวการ คาดเดาของตนออก

วิญญาณยุทธ์ยังอยู่ภายในบริเวณพลัง ธาตุขอรับ มันสมควรผสานรวม
กับพลังธาตุเรียบร้อยแล้ว แต่ พลังงานที่ต้องการเพื่อกระตุ้นมันขึ้นมายัง
ขาดแคลนอยู่”

ด้วนเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในเมื่อระหว่างเจ้าและ วิญญาณ
ยุทธ์ไฟยังมีการเชื่อมต่อ ข้าก็วางใจแล้ว! เพราะไม่ เคยมีกรณีที่วิญญาณ
ยุทธ์ไฟระดับทองม่วงผสานรวมเข้ากับ อุกกาบาตอัคคีมาก่อน จึงไม่มีผู้ใด
ทราบว่าผลลัพธ์จะออกมา เป็นอย่างไร! บางที่อาจเป็นอย่างที่เจ้าว่า

ตอนนี้มันต้องการ พลังงานเพื่อใช้หล่อเลี้ยงวิญญาณยุทธ์ไฟให้แข็งแกร่ง
ขึ้น” กระนั้น เขาก็ยังมีเรื่องให้กังวลจนต้องถอนหายใจ

วิญญาณ ยุทธ์ไฟของเจ้าไม่อาจถูกปลดปล่อยออกมาในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่
หมายความว่าพลังธาตุของเจ้าตอนนี้ไร้ซึ่งคุณลักษณะหรือ? เท่ากับว่า
ตอนนี้เจ้าไม่อาจเรียกใช้เปลวเพลิง!” ฉินหยุนเองก็ปวดหัวกับเรื่องราวนี้
เช่นกัน เขาล้มร่างลงนั่งกับ เก้าอี้นุ่ม คิ้วยังคงขมวดกันมั่น เขากล่าวด้วยสี
หน้ายื่นขม

หากไม่มีเปลวเพลิง ข้าก็ไม่อาจขัดเกลาได้แม้แต่ยันต์!”

เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่า ตัวเจ้ายังมีการเชื่อมต่อกับวิญญาณยุทธ์ ไฟของ
ตัวเอง แล้วมันเป็นการเชื่อมต่อแบบใดกัน?” ต้วนเฉีย นจ้องมองฉินหยุน
ด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาค่อนข้างเป็นเดือด เป็นร้อนแทนขณะคิด
พยายามหาคําตอบ ฉินหยุนคิดอยู่พักหนึ่งและค่อยตอบ

ข้าสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ ของวิญญาณยุทธ์ไฟ ใช่ขอรับ ข้าต้องใส่พลังจิต
เข้าไปสู่ตันเถีย นจึงจะสามารถสัมผัสมันได้” ต้วนเฉียนตบต้นขาตนเอง
กล่าวคํา

เช่นนั้นก็ลองดูกันว่าเจ้า สามารถใช้กําลังภายในและพลังจิตเพื่อ
ควบแน่นเป็นเปลว เพลิงได้หรือไม่”

ฉินหยุนตอนนี้ก็คิดไม่ออกอยู่แล้วว่าควรทําอย่างไรต่อดี โดยไม่ ต้องถาม
เหตุผล เขาลองทําอย่างที่ต้วนเฉียนบอกกล่าว เขาเพ่งสมาธิขณะส่งมันไป
ยังพลังธาตุ มันผสานรวมเข้ากับ พลังธาตุภายในกาย จากนั้น ด้วยเจตนา
แรงกล้า มันก่อเกิดขึ้น เป็นเปลวเพลิง พลังธาตุของเขาเริ่มเคลื่อนไหว
ขณะเปลวเพลิง สีขาวทะลักออก

ได้ผล!” ฉินหยุนผายฝ่ามือออกให้เห็นอัคคีสีขาวกําลังลุกโชน เขาถึงกับ
ประหลาดใจระคนยินดี

ถึงกับเป็นเช่นนี้ วิญญาณยุทธ์ไฟของเจ้ากําลังหลับใหลอยู่ ที่ เจ้าต้องทํา
คือดูดกลืนพลังวิญญาณและปลดปล่อยเปลวเพลิง! อัคคีสีขาวของเจ้า
รู้จักกันในนามจิตวิญญาณอัคคี ยิ่งพลังจิต แข็งแกร่งขึ้น ความน่ากลัวของ
ตัวอัคคีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย” ต้วนเฉียนตอนนี้วางใจได้แล้ว รอยเหี่ยว
ย่นบนใบหน้าชราที่ เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันค่อยถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม

ตอนท
ี่105 สถาบันซานเสวียน

ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าอัคคีสีขาวภายในมือไม่มีความร้อน ทว่า มัน กลับ
เป็นไปตามที่เขาคิด เปลวเพลิงสามารถร้อนหรือเย็นได้ เพียงสมองของเขา
คิด เพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้ว

ท่านปู่ ต้วน ท่านทราบได้อย่างไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ข้าเคยได้ยินมาก่อน ว่าเมื่อใดที่วิญญาณยุทธ์ไฟแข็งแกร่งถึง ระดับหนึ่ง
ไม่เพียงแต่มันจะใช้กําลังภายใน แต่ยังต้องการใช้ พลังจิตด้วย!” “ชัดเจน
ว่าวิญญาณยุทธ์ไฟของเจ้าเข้าถึงระดับดังกล่าว ดังนั้น ต่อให้เจ้าหลับ
พลังจิตวิญญาณของเจ้าก็ยังคงตื่นอยู่และปล่อย อัคคีเพลิงออกมาได้ แต่
ตอนนี้มันยังไม่ได้ก่อตัวอย่างเต็มที่ ดังนั้นเจ้าคงต้องพยายามให้หนักขึ้น
แล้ว” ต้วนเฉียนอธิบายให้

วิญญาณยุทธ์ไฟของฉินหยุนไม่ได้ถูกทําลายเพราะอุกกาบาต อัคคี
กลับกัน มันเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้มันยัง เจริญเติบโตได้ไม่
เต็มที่ มันไม่ได้หายตายจากไปอย่างที่อาจารย์ เว่ยและคณะคาดหวังให้
เป็น

อาจารย์เว่ยและสหายคงต้องผิดหวังกันแล้ว!” ฉินหยุนยิ้ม กล่าว

นี่ก็นับเป็นเรื่องดี! พรสวรรค์ของเจ้าที่แสดงให้เห็นจนถึง ตอนนี้เจิดจรัส
เกินไป เป็นผลให้หลายคนล้วนริษยาคิดอยาก ทําลายเจ้า ยังไม่ต้อง
กล่าวถึงทางด้านจักรพรรดินีและคณะ ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นคิดว่า
วิญญาณยุทธ์เจ้าตายจากไปแล้ว พวกเขาจะยิ่งเกิดความสบายใจ ทั้งยัง
ลดความหวาดระแวงต่อ เจ้าลง”

ตัวนเฉียนปาดเช็ดเหงื่อของตนเช่นกัน เขาวางถ้วยชาลงและ เผยนํ้าเสียง
จริงจัง “แต่ก็อย่าได้หย่อนความระวังเพราะเรื่องนี้ จักรพรรดินีและคนของ
นางคือผู้ที่คิดทําลายเจ้าให้สิ้นซาก!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ ก่อนหน้านี้ตอนเขาเดินทางออกจาก สถาบันยุทธ์
ฮัวหลิง ก็เพิ่งเผชิญหน้ากับมือสังหารขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับที่เก้ามา
หมาด ๆ

ก็นับว่าเป็นการล้มเหลวบังหน้าที่ดี!” ต้วนเฉียนหัวเราะกล่าว

ขอรับ ข้าเห็นด้วย โชคดีที่ฉากหน้าล้มเหลว ไม่เช่นนั้นความ พยายาม
หลายปีของข้าคงสูญเปล่าแล้วขอรับ” ฉินหยุนยิ้ม รับคํา

หลังจากนี้ ข้าจะได้เข้าร่วมสถาบันซานเสวียนอย่าง สงบได้แล้วขอรับ”
อันที่จริง ต่อให้เขาไม่มีวิญญาณยุทธ์ไฟ เขาก็ยังคงมีวิญญาณ ยุทธ์สั่น
ไหวที่ทรงพลังอํานาจกว่าให้ใช้งาน

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ไว้พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปยังสถาบันซาน เสวียนก็แล้วกัน”
ต้วนเฉียนกล่าว “วันนี้จงพักผ่อนให้ เพียงพอ!” จากนั้นจึงค่อยออกจาก
ห้องไป

แม้เป็นช่วงกลางดึก แต่สายสืบและผู้ส่งสารจํานวนมากต่าง วุ่นวาย พวก
เขากําลังส่งต่อข่าวคราวที่วิญญาณยุทธ์ไฟระดับ ทองม่วงของฉินหยุน
แตกสลาย ในพระราชวังหลวง จักรพรรดินีกล่าวทั้งหัวเราะออกจากใจ

ฉินหยุนช่างโลภมาก นัก ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงยัง
ไม่พอใจใน พละกําลังที่ได้ ดันคิดฝิ่นผสานรวมจนทําให้วิญญาณยุทธ์ไฟ
ระดับทองม่วงแตกสลาย นี่คงเป็นเจตนาแห่งสวรรค์แล้ว ฮ่าฮ่า ฮ่า”

ท่านจักรพรรดินีที่นับถือ กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าวคราวมาว่า องค์ชายรัช
ทายาทได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้ อาวุโสตําหนักดวงดาว
วิญญาณสีครามแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันที่ผู้ หนึ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วย

ความยินดีขณะรายงาน เรื่องนี้ยิ่งทําให้จักรพรรดินีหัวเราะสุขใจหนักขึ้นยิ่ง
กว่า!

เช้าตรู่ ฉินหยุนและตัวนเฉียนออกจากตําหนักจารึกเทวะด้วย รถม้า แม้ยัง
เป็นช่วงเช้าตรู่ แต่เขาก็ยังได้ยินผู้คนในเมืองตลอดทาง ล้วนคุยกันถึงเรื่อง
ที่วิญญาณยุทธ์ของเขาแตกสลาย ข่าวคราวที่ฉินเจิ้งเฟิ งได้รับเป็นศิษย์
โดยผู้อาวุโสตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามก็เข้าถึงหูของเขาเช่นกัน

ฉินเจิ้งเฟิ งเข้าร่วมตําหนักทิศใต้” ต้วนเฉียนกล่าว

ตําหนัก ทิศใต้และราชวงศ์เทียนฉันค่อนข้างสนิทกันไม่น้อย” ฉินหยุนเอ่ย
ขึ้น

หากตําหนักทิศใต้และจักรพรรดินีมีสัมพันธ์ อันดีต่อกัน มันก็จะ
กลายเป็นเชือกให้แก่จักรวรรดิเทียนฉิน ใน อนาคตพวกเขาต้องก่อการ
อะไรน่าสงสัยแน่” ต้วนเฉียนแค่นเสียง

สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะแบบนั้นสุนัข แพ้อย่างตําหนักดวงดาววิญญาณ
สีครามจึงตกตํ่าเพราะมีความอหังการมากจนเกินไป ตอนนี้พวกเขาอยู่
ชายขอบของวิถี ยุทธ์แห่งเต๋าด้วยซํ้า ถึงอย่างนั้นก็ยังทําตัวไม่ยอมลด
หน้าที่เชิด อยู่ลงแม้สักนิด” ฉินหยุนพบว่าต้วนเฉียนคล้ายทราบเรื่อง
ตําหนักดวงดาว วิญญาณสีครามไม่ใช่น้อย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ท่าน ปู่ ต้วน ดูเหมือนตําหนักจารึกเทวะไม่ได้หวั่นเกรงตําหนัก ดวงดาว
วิญญาณสีครามแม้เพียงนิด! ข้าพบเห็นเรื่องนี้จาก ท่าทีของอาจารย์จารึก
ที่รวมตัวกันในตําหนักจารึกเทวะ ท่าน พอจะบอกเล่าเรื่องราวของตําหนัก
จารึกเทวะแก่ข้าได้หรือไม่ ขอรับ?” ต้วนเฉียนพลันหัวเราะ

เจ้าผ่านการทดสอบของตําหนักจารึก เพียงหมายความถึงเจ้าเป็น
อาจารย์จารึก ไม่ใช่คนของตําหนัก จารึกเทวะเรา! ข้าไม่อาจบอกต่อเจ้า
เรื่องของตําหนักจารึกเท วะได้มากนัก ข้าคงบอกได้เพียงว่าตําหนักจารึก
เทวะมีความ ยิ่งใหญ่ในแดนยุทธ์อ้างว้าง มันไม่ใช่อะไรที่สํานักเล็กน้อย
อย่าง ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามสามารถเทียบเปรียบได้”

ตําหนักจารึกเทวะถึงกับถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้หนึ่งจากแดนยุทธ์ อ้างว้าง
เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุนประหลาดใจไม่ใช่น้อย ต้วนเฉียนกล่าวต่อ “ครั้ง
ตําหนักจารึกเทวะของเราสร้าง สถาบันยุทธ์พร้อมคนกลุ่มนั้น พวกเรารับ
หน้าที่ในเรื่องราวส่วน หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันยุทธ์ซานเสวียน” ฉินหยุ
นพยักหน้ารับและเอ่ยถาม

แบบนั้นแล้วตําหนัก ดวงดาววิญญาณสีครามไม่ยิ่งใหญ่กว่าหรือขอรับ?
หลายผู้คน ต่างคิดอยากเข้าร่วมตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามกัน
ทั้งนั้น” ต้วนเฉียนถอนหายใจ

ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามดีจริง ดังที่ว่า ปัจจุบันนี้ มีเพียงตําหนัก
ตะวันออกที่เรียกได้ว่ายังมี ความเหมาะสม หากเจ้าคิดอยากไป เช่นนั้นจง
เข้าร่วมตําหนัก ตะวันออก! กล่าวกันว่าคนของตําหนักตะวันออกรับหน้าที่
ใน สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน คงดีกว่าหากเจ้าเข้าร่วมกับสถาบันยุทธ์ ชิง
เสวียน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินหยุนได้รับคําแนะนําให้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน
ก่อนหน้านี้ ทั้งหยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสอง ต่างแนะนําให้เขาเข้า
ร่วมกับสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน หลังรถม้าพ้นจากเขตเมือง มันจึงยิ่งทวี
ความรวดเร็วมากขึ้น เพียงไม่นานมันก็ถึงแม่นํ้าเมฆมังกรก่อนจะวิ่งลัด
แม่นํ้าไป หนึ่งในปลายทางของแม่นํ้าเมฆมังกร คือทางเข้าเทือกเขาเมฆ
มังกร หลังรถม้าวิ่งอยู่ราวสองวัน ในที่สุดก็ออกพ้นจากชายแดนของ
จักรวรรดิเทียนฉิน

เทือกเขาเมฆมังกรใหญ่มหาศาล มันเชื่อมต่อกับหลาย อาณาจักร.” ฉิน
หยุนถอนหายใจขณะมองผ่านหน้าต่าง ออกไป

เป็นเช่นนั้น นี่ยังนับเป็นปราการธรรมชาติที่แบ่งพื้นที่ขนาด เล็กออกจาก
กันด้วย” ต้วนเฉียนกล่าว

มีเพียงก้าวถึงขอบเขต วรยุทธ์เต๋าจึงสามารถผ่านเทือกเขาเมฆมังกร โดย
ปกติแล้วผู้ที่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต่จะคิดอยากออกสู่ภายนอก ดังนั้นที่
ภูมิภาคแถบนี้จึงมีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต่ําอยู่น้อยนัก” ฉินหยุนนึกถึง
ท่านทวดของตนเองที่กําลังบุกเข้าสํารวจ เทือกเขาเมฆมังกร ต้วนเฉียนก
ล่าวขึ้น

สถาบันซานเสวียน ตั้งอยู่ในเทือกเขาเมฆ มังกร ผู้ที่สามารถเข้าร่วมต้อง
อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ หก หากไม่อาจก้าวสู่ระดับที่เจ็ดได้ภายใน
อายุยี่สิบห้า หรือไม่ ถูกเลือกโดยสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน เช่นนั้นพวกเขา
ก็ต้องไป จากสถาบันยุทธ์ซานเสวียน”

มีผู้คนไม่สามารถผ่านการทดสอบจํานวนมากหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ย
ถาม

ไม่ใช่ว่างานชุมนุมวีรชนครั้งก่อนมีคนผ่านไป เพียงหยิบมือหรือขอรับ?” ต้
วนเฉียนกล่าว

งานชุมนุมวีรชนเป็นเพียงแค่หนึ่งในการ ทดสอบที่นําไปสู่สถาบันยุทธ์
ระดับเสวียน ทุกคนจะมีโอกาส เพียงครั้งเดียวที่สามารถเข้าร่วมงาน
ชุมนุมวีรชน หากเจ้า พลาดในรอบแรก ก็ยังสามารถผ่านการทดสอบทาง
อื่นได้”

แต่ว่า หลังจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามปรากฏตัวขึ้น งานชุมนุม
วีรชนจึงถูกยกเลิก เพราะเนื้อหาหลักของการ ทดสอบงานชุมนุมวีรชนง่าย
จนเกินไป”

พวกคนจากตําหนักดวงดาววิญญาณสีคราม คิดทําอะไรอยู่ กันแน่ ไม่ใช่
ว่าพวกเขาต้องการศิษย์จํานวนมากให้เข้าร่วม หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามกับ
ตนเอง รถม้าตอนนี้เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรขณะเข้าใกล้ภูเขาใหญ่ลูก
หนึ่ง ต้วนเฉียนลงจากรถม้าพร้อมพาฉินหยุนพุ่งขึ้นผ่านอากาศ

นี่คือช่วงสุดท้ายของการเดินทางแล้ว” ต้วนเฉียนกล่าว “ที่นี่ ค่อนข้างมี
อันตรายไม่น้อย โดยปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้ใดกล้าเข้า มาใกล้ที่นี่นัก”

พวกเขาวิ่งผ่านอากาศกว่าชั่วโมงก่อนถึงบริเวณเชิงเขาลูกใหญ่ ยักษ์ ตรง
นี้มีถํ้าขนาดใหญ่เป็นทางเข้า ทั้งยังมีประตูปิดเอาไว้ แน่นหนา ต้วนเฉียน
ใช้กุญแจทองคําเปิดประตูออก พร้อมกันนี้ ชายชรา ในชุดขาวคนหนึ่งจึง
เดินออกจากประตูมารับหน้าพวกเขา

ตอนท
ี่106
ษยพ
์ ี่

ฉินหยุนจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง!” ต้วนเฉียนส่งจดหมายให้แก่ ชายชรา

เข้ามา!” ชายชราพยักหน้ารับและกล่าวกับฉินหยุน ต้วนเฉียนนํ้ามือวางที่
ไหล่ของฉินหยุน

พยายามเข้า เจ้า จะต้องได้เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนอย่าง
แน่นอน!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าถ้ําพร้อมกล่าวลาต้วนเฉียน เหตุผลที่เขา
อยากเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนก็เพื่อเสริม กําลังแก่ตน ตราบเท่าที่
เขาพยายามอย่างหนัก เขาจะสามารถ ได้รับเคล็ดวิชาและเม็ดยา รวมทั้ง
ยังจะได้รับประสบการณ์อีกมากมาย

หลังแยกจากต้วนเฉียน ฉินหยุนเดินตามชายชราในชุดขาวเข้า สู่ด้านในถํ้า

หลังเดินผ่านพ้นถ้ํา พวกเขาตอนนี้อยู่บริเวณหุบเขา สภาพแวดล้อมในหุบ
เขาไม่แย่นัก มันถูกล้อมเอาไว้ด้วยภูเขา ขนาดใหญ่ยักษ์ทั้งสิ้น บ้านไม้
และบ้านหินหลายหลังพบเห็นแก่สายตา นั่นคือสถานที่ ซึ่งบรรดาศิษย์ใช้
อยู่อาศัย ตรงกลางของหุบเขาคือพื้นที่สําหรับ ฝึกวิชายุทธ์ขนาดใหญ่
สถาบันซานเสวียนมีศิษย์ไม่มากนัก มีราวหนึ่งหรือสองร้อยคน ที่อยู่ที่นี่
พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก ระหว่างทาง ชาย
ชรากล่าวถาม

ฉินหยุน สํานักใดที่เจ้าคิดเข้า ร่วม? การตัดสินใจของเจ้าจะส่งผลต่อชีวิต
ในอนาคตระหว่างที่ อยู่ในสถาบันซานเสวียน ฉินหยุนตัดสินใจได้แต่แรก
แล้ว เขาตอบไปโดยทันที

สถาบัน ยุทธ์ชิงเสวียน!” เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรตนถึงตัดสินใจเช่นนี้
ตั้งแต่แรกเริ่มด้วยซํ้า

ชายชรากล่าวต่อ “สถาบันซานเสวียนล้วนมีโอกาสอยู่มากมาย ในภาย
หน้า บรรดาศิษย์จะแบ่งออกเป็นหน่วย หากพวกเขา ผ่านด่านไปได้ หน่วย
นั้นก็จะเข้าร่วมกับสถาบันยุทธ์ระดับ เสวียน และสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนที่
เจ้าเลือกถือว่ามีคนจํานวน เพียงน้อยนิด นอกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
แล้ว ยังมีสถาบัน ยุทธ์ระดับเสวียนอยู่อีกสอง รวมทั้งตําหนักดวงดาว
วิญญาณสี ครามทิศใต้และทิศตะวันตก พวกเขาจะจัดแจงผู้คนส่วนหนึ่ง
มาที่นี่เพื่อชี้แนะบรรดาศิษย์ที่คิดอยากเข้าร่วมกับพวกเขา”

ฉินหยุนทราบแล้ว ว่าการมาถึงของตําหนักดวงดาววิญญาณสี ครามสร้าง
ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง กฎหลายอย่าง ของสถาบันซาน
เสวียนถึงกับแปรเปลี่ยนไปมาก เหตุผลว่าทําไมชายชราถึงบอกต่อเขาถึง
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็ เพื่อต้องการให้เขาพิจารณาให้ดี

ปัจจุบัน ศิษย์ที่คิดเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนมีกี่คนกันหรือ ขอรับ?”
ฉินหยุนหาได้หวั่นเกรงการอยู่คนเดียวไม่ เพราะครั้ง สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง
เขาก็อยู่แต่เพียงผู้เดียว

ใบหน้าของชายชราหนักแน่นขณะกล่าว “สามคน รวมเจ้าแล้ว ก็มีสี่คน!
เมื่อถึงเวลา นอกเหนือจากพวกเจ้าสี่คนแล้ว ที่เหลือ จะมีอาจารย์คอย
ชี้แนะ ทว่าพวกเจ้าสี่คนล้วนไม่มี ดังนั้นแล้ว เมื่อเกิดการแข่งขัน มันอาจ
ทําให้เกิดช่องว่างมหาศาลระหว่าง เจ้าและพวกเขา”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ขอรับ ข้าตัดสินใจเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน”
สําหรับเขาแล้ว การมีคนเพียงสามร่วมทางไปด้วยนับว่าเป็น ตัวเลือกที่ดี
ยิ่ง เขาคาดหวังว่าจะได้ผูกมิตรกับพวกเขาเหล่านั้น และในเมื่อพวกเขาทั้ง
สามต่างเลือกสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน พวกเขาก็น่าจะ มีความคิดอะไรที่
คล้ายกันบ้าง ชายชราพบว่าฉินหยุนแน่วแน่ ดังนั้นจึงไม่กล่าวอื่นใดต่อ
เพิ่ม อีก เขาเร่งรีบนําเอาตรายืนยันตัวตนออกมาและส่งมอบแก่เขา ก่อน
นําไปยังบ้านหินหลังใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของหุบเขา

นับจากนี้ที่นี่คือบ้านพักของเจ้า! เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง เจ้า ต้องไป
รวมตัวที่ลานฝึกฝนวิชายุทธ์ตรงกลางของหุบเขาโดย ทันที” ชายชราชี้มือ
ไปยังบ้านหินและกล่าว

เข้าไปและเลือก ห้องของเจ้า ทําความคุ้นเคยกับสามคนที่อยู่ด้านใน
ด้วย” หุบเขาแห่งนี้ประกอบด้วยภูเขาใหญ่รายล้อมเอาไว้ มันจึงเป็น
ปราการธรรมชาติอย่างหนึ่ง มีเพียงถํ้าแห่งนั้นที่เป็น ทางเข้าออก ดังนั้นจึง
นับว่าที่นี่ปลอดภัยจากสัตว์ปีศาจบินได้ ฝูงใหญ่ที่อาจเข้าโจมตีจากทุก
ทิศทาง หลังฉินหยุนเข้ามา เขาพบชายร่างสูง ผอม และหล่อเหลาอยู่ ใน
โถงหลัก ชายผู้นี้อายุราวยี่สิบปี สวมใส่ชุดสีขาวเรียบง่าย ทั้งยังผมสั้น
และใบหน้าที่เอาการเอางาน ดวงตานั้นค่อนข้างลึกและคมกล้า เมื่อเขา
มองไป เขารู้สึกได้ถึงความคมกล้าราวแสงของดาบทิม แทงเข้ามา

เจ้าคือศิษย์ใหม่หรือ?” ชายในชุดขาวเอ่ยถามขณะสํารวจ มองฉินหยุน

ขอรับ ข้านามฉินหยุน ศิษย์พี่โปรดชี้แนะด้วย!” ฉินหยุนกํา หมัดประสาน
กับอีกมือและกล่าวคํา

นามข้าคือเซี่ยอูเฟิ ง!” แม้บรรยากาศรอบกายชายในชุดขาว จะอหังการ
แต่นํ้าเสียงนี้สุภาพไม่ใช่น้อย ถึงตอนนี้ ชายหัวล้านคนหนึ่งพลันเดิน

ออกมา เขาสวมใส่ชุด ป่ านหยาบกร้านทั้งยังมีรอยยิ้มจริงใจฉายชัดที่
ใบหน้า เมื่อเขา เห็นฉินหยุน เขาจึงยิ้มกล่าวคํา

เจ้า! เด็กใหม่หรือ อ่อนเยาว์ นัก ข้าชื่อฮั่วจง ยินดีแล้ว ยินดีแล้ว”

ฉินหยุนขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวอย่างมีมารยาท ประตูอีกห้องหนึ่งพลัน
เปิดออก ชายหล่อเหลาเส้นผมยาวสง่า พลันก้าวเดินออก อีกฝ่ายสวมใส่
ชุดหรูหราสีนํ้าเงิน ทั้งยังมี รอยยิ้มทรงเสน่ห์ประดับใบหน้า เขาถือพัดคลี่
ออกในมือและถือ มันด้วยท่วงท่าของชนชั้นสูง

ฉินหยุนหรือ? ข้าได้ยินชื่อนี้มาก่อน ศิษย์น้องช่วงนี้เป็น อย่างไรบ้างแล้ว?
ข้ามู่หรงต้าเหริน นับจากนี้ให้ข้าปกป้องเจ้า แล้วกัน หากมีผู้ใดกล้ารังแก
เจ้า จงเอ่ยนามข้า!”

*ผู้แปล : ต้าเหริน ในชื่อของมู่หรงเป็นคําพ้องเสียงกับ ต้าเหริน ที่ใช้เป็นคํา
ยกย่องบุคคล เอาไว้เรียกผู้ที่นับถือหรือผู้ที่ยิ่งใหญ่

ผู้ยิ่งใหญ่มู่หรง?” ฉินหยุนเอ่ยคําเสียงเบา

ต้าเหรินต่างหาก ต้าเหริน!” มู่หรงต้าเหรินหัวเราะกล่าว ฉินหยุนแอบดูถูก
นามนี้ หากเขาเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อแรก คง เป็นเรื่องฝืนใจเกินจะกล่าวแล้ว
เขาจึงเลือกยิ้มกล่าว

ศิษย์พี่มู่ หรง หากท่านมีน้องชาย น้องชายของท่านไม่ใช่มู่หรงต้าอี้
หรือ?”

ผู้แปล : ต้าอี้ หมายความถึง ผู้เที่ยงธรรมที่ยิ่งใหญ่

มู่หรงต้าเหรินหัวเราะเสียงดัง “นี่เจ้าทราบได้อย่างไรกัน? ข้า นั้นมีน้องชาย
และนามว่ามู่หรงต้าอี้จริง ทว่าเขาเสียชีวิตไป เรียบร้อยแล้ว!” เมื่อกล่าวถึง
ความตายของน้องชาย เขากลับยิ้มกล่าวด้วย ความยินดี ทั้งสองคงต้องมี
ความขัดแย้งกันมหาศาลแล้ว

ฉินหยุน นี่เจ้าไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ในสถาบัน
ซานเสวียนหรือ? ท่าทีของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนต่อ การคัดเลือกศิษย์
มักจะเป็น

พวกเขาต้องการหรือ พวกเรา ล้วนไม่ต้องการ พวกเราหาได้สนใจไม่” มู่
หรงต้าเหรินเอ่ยถาม ขณะรินนํ้าชาให้ฉินหยุน ฮั่วจงและเซี่ยอูเฟิ งต่าง
สงสัยว่าเพราะอะไรฉินหยุนถึงอยากเข้า ร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ฉิน
หยุนจึงตอบ

ก่อนข้ามาที่นี่ ข้าก็ตัดสินใจแต่แรกแล้วที่จะ เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิง
เสวียน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็อยาก เลือกเส้นทางนี้” ฮั่วจงถอนหายใจ
กล่าว

ยินดีแล้ว ยินดีแล้ว สี่ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงวันนี้ สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ไม่เคยเห็นข้าในสายตา มาก่อนเลย ข้าอยู่ที่นี่มาทั้งสิ้นสามปีและยังไม่

ผ่านการทดสอบ เหตุผลว่าทําไมข้าถึงอยากเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ก็ เพราะไม่อยากยอมรับเงื่อนไขกดขี่จํานวนมากเหล่านั้น”

มู่หรงต้าเหรินหัวเราะกล่าวเสียงดัง “อย่าได้ห่วงไป พวกเรา ย่อมได้เข้าใน
วันใดวันหนึ่ง! หากไม่ใช่ความจริงที่ตอนแรกเข้า พวกเราโดนกลลวง พวก
เราคงเข้าสู่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเป็น ที่เรียบร้อยแล้ว” จากออร่าที่เขา
สัมผัสได้จากเซี่ยอี้เฟิ ง เขาทราบว่าอีกฝ่าย แข็งแกร่งยิ่ง ฮั่วจงและมู่หรงต้า
เหรินต่างก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า กัน พวกเขาเหล่านี้กลับยังไม่อาจเข้าร่วม
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ได้

เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “กลลวงหรือขอรับ? พวกท่านโดน โกง?” มู่
หรงต้าเหรินเผยใบหน้าเปี่ยมด้วยโทสะขณะก่นด่า

เป็น เพราะไอ้สถาบันยุทธ์เทียนเสวียนกับหลิงเสวียนที่สารเลว!” “ก่อน
หน้างานชุมนุมวีรชน พวกเขาล่อลวงพวกเราให้เข้าร่วม สถาบันยุทธ์ของ
พวกเขา แต่ในภายหลัง พวกเราได้ผ่านการ ทดสอบเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุม

วีรชน พวกเขากลับกล่าวออกมา ว่าพวกเราจําเป็นต้องยอมรับเงื่อนไข
บางอย่าง ในตอนนั้นพวกเราปฏิเสธออกไปโดยทันที ภายหลัง เมื่อพวกเรา
คิดอยากเข้า ร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน พวกเราจึงค่อยทราบว่าที่ปฏิเสธ
ออกไปเป็นเรื่องราวผิดพลาด และพวกเขาจึงต้องการให้พวก เราไปร่วม
การทดสอบอย่างอื่นที่เลวร้ายแทน”

ต้วนเฉียนกล่าวก่อนหน้าว่า หลังเข้าร่วมสถาบันซานเสวียน คนผู้หนึ่งจะมี
โอกาสเพียงครั้งเดียวที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุม วีรชน หากพวกเขา
พลาดโอกาส มันจะกลายเป็นเรื่องยากเย็น อย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมการ
ทดสอบในภายหน้า ฮั่วจงเกาศีรษะล้านเลี่ยนและกล่าวกับฉินหยุน

ตอนนี้ไม่มีงาน ชุมนุมให้เข้าร่วมแล้ว ดังนั้นเจ้าคงต้องฝึกหนักเช่นพวก
เราไป ก่อนแล้ว” มู่หรงต้าเหรินโกรธไม่ใช่น้อย ทั้งยังสบถออกมาไม่หยุด

ไอ้ พวกสารเลวเทียนเสวียนกับหลิงเสวียน.... หากข้าเจอพวกมันที่
หลอกลวงข้า ข้าสาบานจะหักกระดูกพวกมันออกเป็นชิ้น!”

ฉินหยุนนึกถึงเพิ่งเฟยหลิงและชี่เม่ยเหลียน ทั้งสองต่างเลือก เข้าร่วม
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนตั้งแต่แรก ดังนั้นทุกอย่างจึง เป็นไปอย่างลื่นไหล เขา
หันมองทางเซี่ยอูเฟิ ง มีเพียงแต่เขาที่ดื่มชาอย่างสงบ แม้ โดนหลอกหลวง
เขากลับไม่มีทีท่าโกรธแค้นอันใดแม้แต่น้อย

ตอนท
ี่107 หน่วยส
ี่คน

มู่หรงต้าเหรินรินน้ําชาให้ฉินหยุนอีกแก้วขณะกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้า
ตัดสินใจเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนกับพวกเรา พวกเราก็ขอนับเป็น
สหายกันนับแต่นี้! หากพวกเราทําได้สําเร็จ พวกเราทั้งสี่คนก็จะได้เข้า
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนอย่างไร้ซึ่ง ปัญหาอันใด ในภายหน้า พวกเราจะได้
ช่วยกันดูแลกันและกันด้วย”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “พี่ชายทั้งสาม ข้าหวังว่าพวกท่านจะพอ ช่วยชี้แนะ
ข้า”

ฮั่วจงหัวเราะโง่งมขณะกล่าว “แม้พี่ใหญ่เซี่ยจะไม่อาจผ่านการ
ประเมินผลมาหลายปี แต่เขานับว่าแข็งแกร่งยิ่ง ดังนั้นเจ้าไม่ ต้องกังวล
เรื่องถูกรังแกแต่อย่างใด”

มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าว “น้องหยุน เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล! พี่ รองมู่หรงผู้นี้
จะคอยช่วยเหลือเอง! พี่ใหญ่เซี่ยอายุมากที่สุด รองจากนั้นคือข้า ส่วนเจ้า
หัวล้านนี้เป็นพี่สาม ส่วนเจ้านั้นเป็น น้องเล็กของพวกเราแล้ว” เซี่ยอู่เฟิ ง
กล่าว

เดิมทีพวกเรามีพี่น้องหลายคนอยู่ที่นี่ แต่ หลังจากกฏมีการเปลี่ยนแปลง
พวกเขาล้วนจากไป ไม่เช่นนั้น ที่นี่คงคึกคักกว่านี้มากนัก”

พวกมันก็แค่พี่น้องจอมปลอม นับแต่นี้นับว่าเป็นศัตรูของพวก เราแล้ว” มู่
หรงต้าเหรินแค่นเสียง

ไอ้เจ้าสารเลวพวกนั้น พอ คิดว่าพวกเราเคยทําดีด้วยแล้ว กลับจากไป
โดยไม่กล่าวสักคํา มันช่าง...” ฉินหยุนทราบอยู่ก่อนแล้วว่า หากเขาเลือก
เข้าร่วมสถาบันยุทธ์ ชิงเสวียน ที่นั่นจะมีอาจารย์คอยชี้แนะแก่เขา หากเขา
เข้าร่วม สถาบันอื่น ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับคําชี้แนะจากอาจารย์ เขาคง ไม่
มีทางได้ลืมตาอ้าปากแม้จะมีศักยภาพพร้อมเผยให้เห็น เพียงใดก็ตาม

ฮั่วจงยิ้มกล่าวคํา “เรื่องนี้ช่างปะไร หากพวกมันเข้าร่วม สถาบันยุทธ์อื่นใน
ภายหน้า จะเป็นพวกมันเองที่ต้องแบกรับ ความทุกข์ยาก” มู่หรงต้าเหริน
จิบน้ําชาเล็กน้อยและพูดขึ้น

น้องหยุน นามของ เจ้าคือฉินหยุน เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับจักรวรรดิ
เทียนฉิน หรือไม่? เหมือนข้าค่อนข้างคุ้นชื่อนี้นัก พวกเราอยู่ที่นี่มาก หลาย
ปี ดังนั้นจึงแทบไม่ได้ยินว่าภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น บ้าง ในช่วงระหว่าง
นี้ เจ้าเป็นเพียงคนเดียวแล้วที่เพิ่งเข้ามา”

ข้าคือองค์ชายแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน” ฉินหยุนกล่าว

องค์ชายแห่งจักรวรรดิเทียนฉินหรือ? เช่นนั้นรู้จักเยี่ยนชิงหยู และเมิ่งเฟย
หลิงหรือไม่?” มู่หรงต้าเหรินประหลาดใจขณะ กล่าวถาม เซี่ยอู่เฟิ งและยั่ว
จงต่างคล้ายจมสู่ความคิดห้วงลึก พวกเขา

พลันพบชื่อหนึ่ง ฉินหยุน นามนี้คุ้นเคยยิ่ง “ข้ารู้จักเมิ่งเฟยหลิง นางเป็น
ศิษย์พี่ของข้าเอง” ฉินหยุนยิ้ม กล่าว

แม่นางผู้นี้ดึงดูดจนเกินไป เจ้าควรอยู่ให้ห่างจากนางเข้าไว้ เป็นข้าเสีย
ของดีไม่ใช่น้อยให้แก่นาง” มู่หรงต้าเหรินสบถเสียง เบา

ถึงกับกล้ามาหลอกหลวงชายแสนซื่ออย่างข้าได้!” ฮั่วจงหัวเราะขึ้น

ทําไมไม่เห็นพี่ใหญ่เซี่ยกับข้าจะถูกนาง หลอก? ข้าได้ยินว่าผู้มีเจตนาชั่ว
ร้ายกับนางมักจะโดนนาง หลอกลวงเอาสิ่งของมหาศาลไป เรื่องนี้คงเป็น
จริงแล้ว” ฉินหยุนพลันขําในใจ ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มู่หรงต้าเหรินผู้นี้
ไม่คล้ายคนสัตย์ซื่อเลยสักนิด... พร้อมกันนี้ เขาก็ลอบนับถือเพิ่ง เฟยหลิง
เป็นเขาได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่จากนางจนกระทั่ง เข้าสู่สถาบันซาน
เสวียนแห่งนี้ได้ เซี่ยอูเฟิ งพลันกล่าวคําจริงจังขึ้น

ฉินหยุน... ในที่สุดข้าก็นึก ออก เจ้าคือองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนฉินใช่
หรือไม่?” ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินต่างอึ้ง! ฉินหยุนถอนหายใจและส่าย
ศีรษะ

เคยเป็นขอรับ แต่ใน ภายหลังถูกถอดออกจากตําแหน่งแล้ว!”

ฮั่วจงพลันโพล่งขึ้นมา “ข้าจําได้แล้ว เจ้าคือฉินหยุนผู้ซึ่งต้อง สงสัยว่า
ฝึกฝนวิชาปีศาจ ทั้งยังโดนพรากเอาเส้นวิญญาณไปถึง สี่ตะวัน!” มู่หรงต้า
เหรินสูดลมหายใจเข้าลึก

นี่หมายความว่าเจ้าเหลือ เส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน? ทั้งยังก้าวสู่
ขอบเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่หกได้ ทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ด้วย!” ฉินหยุนยิ้ม
เก้กัง

ไม่ขอรับ เป็นเพราะข้าฝึกฝนอย่างหนัก หาก ไม่ใช่เพราะพยายามให้มาก
ข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้ ได้” ศิษย์ภายในสถานที่แห่งนี้นับว่าโดด

เดี่ยวจากโลกภายนอก มี เพียงคนจากโลกภายนอกที่ทราบเรื่องและเล่า
เรื่องราวให้พวก เขาจึงค่อยทราบ หาไม่แล้วพวกเขาก็ไม่มีทางทราบ ดังนั้น
จึง ไม่ค่อยคุ้นกับชื่อของฉินหยุนสักเท่าใดนัก ฮั่วจงสัมผัสศีรษะล้านเลี่ยน
ของตนและยิ้มกล่าว

เช่นนี้ก็ดี พี่ ใหญ่เซียนั้นครอบครองเส้นวิญญาณสองตะวัน ทั้งยังเป็น
องค์ ชาย แต่ตอนนี้ เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว”

ฉินหยุนนึกถึงราชวงศ์ตระกูลเซียขึ้นมา มันเป็นประเทศเล็กก็ใช่ ทว่าก็เป็น
หนึ่งในประเทศเล็กซึ่งแข็งแกร่งที่สุด อย่างกะทันหัน เสียงกริ่งดังขึ้นที่
ภายนอก มู่หรงต้าเหรินจึง โพล่งออก “ได้เวลารวมตัวแล้ว! ไม่รู้ว่าคราวนี้
จะประกาศอะไร อีก แต่ต้องไม่ใช่เรื่องดีอีกแน่!”

ไปก่อน!” ด้วยมือที่ไพล่ไว้ด้านหลัง เซี่ยอู่เฟิ งเดินนําออกไป ด้วยความเร็ว
สูงยิ่ง ฉินหยุนและคณะตามเขาอยู่ด้านหลังไม่ห่าง บริเวณพื้นราบตรง
กลางหุบเขา ตอนนี้มีกลุ่มคนหลายสิบกําลัง ยืนอยู่ พวกเขาเหล่านี้ทั้งหมด

คือศิษย์ที่รวมตัวกันเป็นหน่วย ที่นี่มีคนกว่ายี่สิบรวมตัวกันอยู่ และผู้ที่
มาถึงช้าสุด คือหน่วย ของฉินหยุน

เซี่ยอูเฟิ ง ยินดีด้วยแล้วที่ได้รับตัวถ่วงขั้นเลิศเข้าให้” ชายชุด สีม่วงท่าที
อหังการผู้หนึ่งกล่าวขึ้นทั้งยังหัวเราะเยาะ อาจารย์จากหลายหน่วยต่าง
ทราบเรื่องฉินหยุน ดังนั้นศิษย์ เหล่านี้จึงทราบเช่นเดียวกัน

ระวังปากคําของเจ้าบ้าง!” ร่างสูงใหญ่ของฮั่วจงพลันโกรธ ขณะคําราม
คล้ายเสียงฟ้าร้อง ชายในชุดม่วงหัวเราะเย้ยหยัน

นี่เจ้าไม่รู้หรือ? บุคคลนามฉิน หยุน เขามีพื้นฐานที่ดีเลยทีเดียว ทว่าโชค
ร้าย เขากลับเสียมัน ไปแล้ว!”

เดิมที่เขามีวิญญาณยุทธ์ แต่ไม่กี่วันก่อน วิญญาณยุทธ์ก็ตาย ไปเสีย
อย่างนั้น!”

เจ้าเด็กนี่ไม่บอกเรื่องนี้หรือ? ก็นะ คงกลัวพวกเจ้าจะมองว่า เขาเป็นสวะ
ชั้นต่ําละสิ!” ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ทว่ามัน
ตาย ไปแล้ว! เรื่องนี้เป็นผลให้เซี่ยอู่เฟิ งและสหายแตกตื่นตกใจไม่ใช่ น้อย
และ อาจารย์คนหนึ่งกล่าวขึ้น

พละกําลังของฉินหยุนนับว่าไม่เลว เซี่ยวหลางและเยี่ยนชิงหยูต่างโดน
เขาเล่นงานเสียหมดสภาพ ชี่เสวี้ยและฉินเฟิ งต่างโดนสังหารเพราะเขา
โชคร้ายนัก ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วงแต่คิดไม่พอใจ เขา
พยายามผสานรวมอัคคีร่วงหล่นเพื่อก้าวข้ามขีดจํากัดวิญญาณ ยุทธ์ และ
ก็เผลอทํามันตายเสียอย่างนั้น!”

เชี่ยวหลางและเยี่ยนชิงหยูพิการ! ขี่เสวี่ยและฉินเฟิ งเสียชีวิต ทั้งหมดนี้เป็น
ฉินหยุนลงมือเพียงผู้เดียว! บรรดาศิษย์ทั้งหมดที่นี้สูดลมหายใจเย็นเยือก
เข้าปอด พวกเขา ต่างทราบดีว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นสถาบันยุทธ์ระดับ
เสวียนตั้ง ความคาดหวังเอาไว้มากเพียงใด

อย่าได้พูดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาแล้วเลย! วิญญาณยุทธ์ ไฟระดับ
ทองม่วงของเขาตอนนี้ก็ตายไปแล้ว ทั้งยังไม่มี คุณลักษณะหลงเหลือ”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้น

เซี่ยอูเฟิง หน่วยของเจ้าถึงกับได้ตัวถ่วงเช่นนี้ คงต้องเลิกคิด เรื่องผ่านการ
ทดสอบเสียแล้วละนะ” “เหอะ เดิมทีก็เป็นเรื่องยากสําหรับเจ้าสามคนนี้อยู่
แล้วที่จะตั้ง หน่วยขึ้นมาได้ พอมีอีกคนเข้ามาก็กลายเป็นตัวถ่วงเสียอย่าง
นั้น!”

เซี่ยอูเฟิ งกล่าวยะเยือก “พวกเจ้าล้วนหุบปาก! หากพูดจน พอใจแล้วก็หุบ
ปากกันเสีย ข้าไม่คิดฟังเสียงสุนัขเห่านานนัก!” พอได้ยินเสียงเขาตะโกน
บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างชะงักปาก พวกเขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคําใดแม้ครึ่ง
คํา ผู้อาวุโสชุดขาว เขาคนนี้คือคนที่รับตัวฉินหยุนเข้ามาก่อนหน้า นี้เขา
คือผู้อํานวยการไปแห่งสถาบันซานเสวียน เขาเดินขึ้นบนแท่นเวทีและ
กล่าว

จงเงียบเสียง ถัดจากนี้พวก เราจะเริ่มการทดสอบหน่วย มีสัตว์ร้าย
จํานวนไม่น้อยปรากฏ ตัวในเทือกเขาเมฆมังกรช่วงนี้ หากพวกเจ้าสังหาร
ได้หนึ่ง หน่วยของเจ้าก็จะได้รับหนึ่งพันแต้มเสวียน! แต้มเสวียน สามารถ
ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเม็ดยา อุปกรณ์วิญญาณระดับตํ่า และเคล็ดวิชาได้
แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องมีแต้มเสวียนให้ เพียงพอเสียก่อน” ฉินหยุนลอบ
ยินดี การสังหารสัตว์ร้ายเหล่านั้นเป็นเขา เชี่ยวชาญที่สุดแล้ว

ผู้อํานวยการไปกล่าวต่อ “ระยะเวลามีทั้งสิ้นสิบวัน หน่วยใดที่ สังหารได้
มากที่สุดจะได้รับรางวัลเพิ่มเติมหนึ่งแสนแต้มเสวียน อาจารย์จะไม่ร่วม
ทางไปกับพวกเจ้า จงเตรียมอุปกรณ์มิติเก็บ ของไปกันเอง!”

ผู้อื่นนอกจากฉินหยุน บรรดาศิษย์เหล่านี้หาได้ครอบครอง อุปกรณ์
วิญญาณมิติเก็บของไม่ ทว่า พวกเขามีอาจารย์คอยสนับสนุน เพื่อให้
หน่วยได้รับชัย ชนะ พวกเขาสามารถหยิบยืมอุปกรณ์มิติเก็บของมาได้

ฮ่าฮ่า หน่วยพวกเจ้าลําบากแล้วเพราะไม่มีอุปกรณ์มิติเก็บ ของ ทั้งยังมี
กันแค่สี่คน จะแบกมาได้สักแค่ไหนกันเชียว!” หนึ่ง ในกลุ่มศิษย์ของหน่วย
อื่นหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นสีหน้าน่าเกลียด ของมู่หรงต้าเหริน ฉินหยุนพลัน
กล่าว

ข้ามีอุปกรณ์มิติเก็บของ แต่มันเก็บสัตว์ ปีศาจพวกนั้นได้แค่ราวห้าสิบ
ตัว” พอได้ยินคํานี้เข้า บรรดาศิษย์จากหน่วยอื่นที่กําลังคิดจะ หัวเราะเยาะ
ใส่ กลับต้องเก็บลิ้นกันแทบไม่ทัน!

อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ที่สามารถจุสัตว์ปีศาจได้ห้าสิบตัว หรือ
ใกล้เคียงนั้น นับว่าใหญ่โตยิ่งกว่าที่อาจารย์ของหน่วยให้ พวกเขาหยิบยืม
มาเสียอีก ของพวกเขาอย่างดีก็เก็บได้ราวยี่สิบ ตัวกันเท่านั้น มู่หรงต้าเห
รินที่กังวลยิ่งเมื่อครู่พลันยิ้มกว้าง หลังได้ยินคําพูด ของฉินหยุนเขาจึงเอ่ย
คําออก

น้องหยุน เจ้ารับหน้าที่เก็บ สะสมสัตว์ปีศาจก็แล้วกัน ไปออกล่ากัน
ดีกว่า!”

ตอนท
ี่108
้ไร
ซง
ึ่ ว
ญญาณย
ทธ

การที่ศิษย์ของสถาบันซานเสวียนจะครอบครองอาวุธวิญญาณ ก็ถือว่าไม่
เลวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ เมื่อพวกเขาพบว่า
ฉินหยุนครอบครองอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บ ของ พวกเขาล้วนเผยสายตา
ละโมบออกมา ฉินหยุนเกิดความมั่นใจ ว่าหากตนพบบุคคลพวกนี้ที่
ภายนอก มีโอกาสสูงนักที่เขาจะต้องโดนปล้นสะดมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

จงกลับไปเตรียมตัวกันเสีย จากนั้นพวกเราจะได้เริ่มงานกัน!”
ผู้อํานวยการไปกล่าว

ยามคิดออกจากหุบเขา ประตูหลักจะไม่ เปิดให้พวกเจ้าแต่อย่างใด พวก
เจ้าจําเป็นต้องปืนออกไปด้วยตนเอง!”

หุบเขาแห่งนี้รายล้อมด้วยภูเขาใหญ่มหึมา อย่างน้อยก็สูงหลาย พันเมตร
ทั้งยังมีความชันมหาศาล การปีนออกไปนั้นต้องใช้ เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว

พี่ใหญ่เซี่ย งั้นข้าขอตัวกลับไปเอาไม้คทาก่อน รอข้าที่นี่ละ!” พอชั่วจง
กล่าวคําจบ เขาก็วิ่งราววัวคลั่งกลับไปที่บ้านหิน ร่างของฮั่วจงใหญ่โต แต่
ความเร็วนั้นหาได้ช้าไม่ โดยทันที เขา กลับมาพร้อมกับไม้คทายาวสีดํา
นั่นคงเป็นอาวุธของเขาแล้ว

พี่ใหญ่เซี่ย พี่รองมู่หรง อาวุธของพวกท่านเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

อาวุธของข้าคือพัด!” มู่หรงต้าเหรินโบกพัดให้เห็นตรงหน้าทั้ง รอยยิ้มราว
กับกําลังพูดว่า

ข้าคือผู้สง่างาม!” เซี่ยอูเฟิ งตอบกลับ

ข้าไม่ต้องใช้อาวุธ พวกเราออกเดินทาง ก่อน จะได้ไม่ต้องร่วมทางไปกับ
เจ้าพวกนั้น” หากเกิดการต่อสู้ที่ภายนอก สถาบันซานเสวียนจะไม่ยุ่งเกี่ยว
และไม่รู้เห็นด้วย

ด้วยเหตุนี้ฉินหยุนจึงร่วมทางกับคนทั้งสี่ หากพวกเขาต้อง เผชิญหน้ากับ
หน่วยขนาดใหญ่ที่ภายนอก แบบนั้นคงเกิดความ ยากลําบากไม่ใช่น้อย
แล้ว พวกเขาติดตามเซียอู่เฟิ งเพื่อปีนขึ้นเขา เซี่ยอู่เฟิ งมองยอดเขาและเอ่ย
ถาม “น้องหยุนมีเชือกยาว หรือไม่? ข้าจะได้พาเจ้าบินออกไปในคราว
เดียวเลย!”

ขอรับ!” เซี่ยเฟิ งแท้จริงแล้วบินได้ ทั้งยังสามารถพาคนทั้งสามไปได้ ด้วย?
พละกําลังระดับนี้ออกจะน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว มันทํา เอาเขาแทบไม่
อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับ ที่หก ฉินหยุนนําเชือก
ยาวกว่าสิบเมตรออกมาเส้นหนึ่งจากมิติเก็บ ของ เซี่ยอูเฟิ งคว้ามันเอาไว้
และกล่าว

จับไว้ให้แน่น ไปละ!” กลุ่มคนที่เพิ่งตามมาทันตอนนี้กําลังเริ่มปีนป่ ายขึ้น
ยอดเขา แต่ อย่างกะทันหัน พวกเขาได้เห็นเซี่ยอู่เฟิ งทะยานขึ้นสู่อากาศ
พร้อมมีเชือกยาวรั้งท้าย

ฉินหยุน ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหรินคว้าเชือกนั้นเอาไว้ติดสอย ห้อยตามไป
ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้พวกเต่าคลาน พวกเราไปก่อนละ! ระวังตัวด้วย อย่าได้เผลอ
หล่นลงไปเชียว ฮ่าฮ่าฮ่า!” พอมู่หรงต้าเหรินลอย ขึ้นไปด้านบนจึงกล่าว
เยาะเย้ยกลุ่มคน เป็นผลให้บรรดาศิษย์ที่ เหลือต่างกัดฟันกรอดแน่น

ฉินหยุนสงสัยยิ่งว่าเซี่ยอู่เฟิ งปืนขึ้นฟ้าได้อย่างไร เขาไม่อาจ สัมผัสพลัง
ปราณใดจากตัวเซี่ยอู่เพิ่งได้เลยด้วยซ้ํา หากเขาต้องการบินก็ต้องใช้ก้าว
อัคคีเมฆา ทว่าพลังที่ใช้ออกก็ ค่อนข้างเด่นชัด แต่เซี่ยอูเฟิ งกลับไม่ใช่ เขา
บินกลางอากาศ อย่างเงียบงัน ทั้งยังพาพวกเขาทั้งสามคนไปพร้อมกันได้

พี่ใหญ่เซี่ยช่างน่าทึ่งนัก!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะลอบอุทานต่อเรื่องนี้

เป็นเช่นนั้นแหละ!” มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “ข้าเองก็แข็งแกร่ง เช่นกัน นอกจาก
เรื่องบินได้แล้ว ข้านับว่าไม่ห่างไกลเท่าใด นัก... น้องหยุน เจ้าเองก็ทรง
พลังไม่ใช่น้อย ถึงขั้นจัดการไอ้สาร เลวเชี่ยวหลางกับผู้อื่นได้”

นั่นเป็นเรื่องในอดีตขอรับ!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้มเก้กังกล่าว

ไม่เลย ข้าเองก็เคยสูญเสียวิญญาณยุทธ์ไป พี่ใหญ่เซี่ยเองก็ไม่ สามารถ
ปลุกวิญญาณยุทธ์ขึ้นมาได้ แต่ก็ยังสามารถเข้าร่วม สถาบันซานเสวียน
หากไม่โดนหลอกลวง เขาคงก้าวสู่ขอบเขต กายวรยุทธ์ระดับเจ็ดใน
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไปเรียบร้อยแล้ว”

ฮั่วจงยิ้มขณะกล่าวปลอบฉินหยุน เซี่ยอู่เฟิ งไม่มีวิญญาณยุทธ์ใน
ครอบครอง เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุน ตกใจไม่น้อย มู่หรงต้าเหรินก็ยิ้มกล่าว
เช่นกัน

เพราะแบบนั้นเจ้าก็ไม่ต้อง แตกตื่นไปแต่อย่างใด ไว้ภายหน้าพอมีเวลา
ให้พี่ใหญ่เซีย ชี้แนะเจ้าก็ยังทัน” ในเมื่อเป้าหมายของทุกคนคือเข้าร่วม
สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ฉินหยุนจึงรวมตัวเข้ากับหน่วยของเซี่ยอูเฟิ งได้อย่าง
รวดเร็ว

นอกจากนี้ เขายังได้รับความไว้วางใจจากเซี่ยอู่เฟิ งและคนอื่น เพราะเรื่อง
ที่สามารถล้มเชี่ยวหลางและผู้อื่นได้ หน่วยสี่คนของพวกเขานับว่าถึงยอด
เขาเร็วที่สุด ผู้คนที่อยู่ ด้านล่างเพิ่งปืนกันขึ้นมาได้ราวหนึ่งพันเมตรกันเท่า
นั้นเอง

พวกเราต้องลงมืออย่างเต็มที่เพื่อออกล่าสัตว์ร้ายให้มากที่สุด ภายในสิบ
วัน” เซี่ยอู่เฟิ งพอถึงยอดเขาจึงเริ่มการเคลื่อนที่ลงสู่ พื้นอีกด้านของภูเขา
พวกเขาปีนผ่านแนวเขาของหุบเขามาพ้นแล้ว นับแต่นี้คือ อาณาเขตป่ าที่
อันตรายยิ่งของเทือกเขาเมฆมังกร ฮั่วจงเอ่ยถาม

แล้วพวกเราจะหาตัวสัตว์ร้ายพวกนั้นอย่างไร กันดี? นี่ไม่นับว่าเป็นงานที่
ง่ายนัก!” มู่หรงต้าเหรินขมวดคิ้วพยักหน้ารับ “แม้ช่วงนี้มีสัตว์ร้ายโผล่
หน้ามาเยอะ แต่พวกเราคงไม่บังเอิญเจอพวกมันได้หากไปแบบ ไม่รู้
ทิศทาง”

เข้าไปก่อนเถอะ มาดูกันว่าพอจะหาร่องรอยที่สัตว์ร้าย หลงเหลือไว้ได้
หรือไม่” เซี่ยอู่เฟิ งกล่าวขณะเร่งรีบทะยานกาย ออกไป

พี่ใหญ่เซียรอเดี๋ยว! ข้าสามารถหาสัตว์พวกนั้นได้!” เขาเคย เข้าร่วมการ
แข่งขันล่าสังหารสัตว์ร้ายมาก่อน ดังนั้นเขาจึง สามารถสัมผัสถึงพวกมัน
ได้

จริงหรือ?” เซี่ยอูเฟิ งดูประหลาดใจไม่น้อย

งั้นบอกต่อข้า เจ้าหามันเจอได้อย่างไร?” ฉินหยุนหลับตาและใช้พลังจิต
เพื่อสัมผัส เขากล่าวออกเสียง เบา

พลังจิตของข้าค่อนข้างพิเศษ ข้าสัมผัสถึงสัตว์ร้ายพวก นั้นได้! เพราะ
วิธีการนี้ข้าจึงสามารถสัมผัสถึงสัตว์ร้ายจํานวน มากระหว่างการทดสอบ
ในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงพร้อมเอาชนะ มาได้อย่างขาดลอย” ไม่นานนัก เขา
ก็สัมผัสถึงร่องรอยสัตว์ร้ายตัวหนึ่งได้ จากนั้น เขาจึงเป็นคนออกนําด้วย

การใช้ก้าวอัคคีเมฆาทะยานตัว ออกไป เซี่ยอูเฟิ งและพรรคพวกก็ตามติด
เขาแทบไม่ห่าง

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มเข้าใกล้สัตว์ร้ายตัวหนึ่งแล้ว เซี่ยอูเฟิ ง
กระซิบเสียงเบา “ข้าสัมผัสออร่าสัตว์ร้ายได้แล้ว ข้า จะเข้าไปก่อน น้อง
หยุนยังมีปัญหาเรื่องวิญญาณยุทธ์ไฟระดับ ทองม่วง อย่าเพิ่งสู้น่าจะ
ดีกว่า” กล่าวจบคํา เขาก็หายตัวไปพร้อมเสียงลมดัง

ฟุบ!” ฉินหยุนถึงกับไม่สามารถตามรอยเซี่ยอูเฟิ งได้ ความเร็วนี้ รวดเร็ว
จนเกินไปแล้ว! ในบรรดาวิชาตัวเบาที่เขาพบเจอมา ที่ แข็งแกร่งที่สุด
สมควรต้องยกให้เซี่ยเฟิ ง

ซูม! เสียงคํารามดังมาจากตรงหน้า!

ฮั่วจงกําลังถือไม้คทายาวในมือแน่น เขากําลังบริกรรมอะไรสัก อย่างไปยัง
ทิศทางที่เสียงร้องคํารามปรากฏ มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “อย่างที่เป็นตอนนี้

นับว่าดีเยี่ยม หากเป็น แบบนี้ดําเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ อันดับหนึ่งย่อมตกแก่
พวกเรา! มาดูกันว่าไอ้พวกหน่วยขยะไร้ค่าพวกนั้นจะกล้ามาล้อพวกเรา
เล่นอีกหรือไม่! ที่เป็นแบบนี้ได้ต้องขอบคุณน้องหยุนแล้ว!”

พี่รองมู่หรงไม่เข้าร่วมต่อสู้หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ให้พี่ใหญ่เซี่ยกับน้องฮั่วจัดการก็พอแล้ว ข้าน้อยครั้งจะ เคลื่อนไหวเอง
นอกจากนี้หากข้าเข้าร่วม ใครกันจะปกป้อง เจ้า?” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกว้าง
ให้เห็น ฉินหยุนถึงกับต้องเม้มริมฝีปากด้วยความเหยียดหยัน มู่หรงต้าเห
รินเป็นคนที่พูดเยอะ ทั้งยังชอบอวดโอถึงความ แข็งแกร่งตนเอง แต่แล้ว
ตอนนี้ ในเวลาที่สมควรแสดงฝีมือ เขากลับเอาแต่พูดคุยหยอกล้ออยู่เช่นนี้

เรียบร้อย!” ฮั่วจงตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้นยินดี เขานําร่าง หมาป่ าสี
ดําตัวใหญ่กลับมาพร้อมยิ้มกล่าว

น้องหยุนช่างยอด เยี่ยม ถึงกับสามารถสัมผัสสัตว์ร้ายพวกนั้น จมูกของ
เจ้าดียิ่ง กว่าสุนัขไม่รู้กี่เท่า!”

อีกฝ่ายปัจจุบันอายุสิบเก้าปี และก้าวถึงของเขตกายวรยุทธ์ ระดับที่หก
แล้ว ทั้งยังอยู่ที่นี่มานานถึงสี่ปี เพราะเขาไม่อาจเข้า สถาบันยุทธ์ระดับ
เสวียน เขาจึงต้องติดแหงกอยู่ที่นี่ ไม่ช้าฮั่วจงก็วางหมาป่ าร่างใหญ่กับพื้น
ร่างของมันถูกจัดการ มาเป็นอย่างดี มองเพียงครั้งเดียว เขาก็บอกได้ว่า
เป็นไม้คทา นั่นโจมตีเข้าใส่อย่างแน่นอน ฉินหยุนเก็บร่างนั้นเข้ามิติเก็บ
ของและยิ้มพูดขึ้น

พี่ชายก็ทรง พลังยิ่งนัก กับสัตว์ร้ายระดับที่หก ถึงขั้นสามารถจัดการได้ใน
คราเดียว” “แน่นอนว่า พละกําลังของหน่วยเราเหนือล้ําผู้อื่นนัก!” มู่
หรงต้าเหรินยิ้มรับ หลังเก็บร่างสัตว์ปีศาจเรียบร้อย ฉินหยุนจึงพูดขึ้น

ข้าจะเริ่ม สัมผัสถึงพวกมันต่อไป ตราบเท่าที่สัตว์ร้ายพวกนี้ไม่ได้อยู่ห่าง
จากข้ามากเกินไป ข้าก็ยังสามารถสัมผัสถึงพวกมันได้” เพียงไม่นาน

สัมผัสของสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็นเขา ออกนําหน้าเซียอี้เฟิ ง
และผู้อื่นเช่นเดิม

พวกเขาทั้งสี่ตื่นเต้นยินดีกันไม่น้อยขณะวิ่งออกไป ตอนนี้พวก เขาได้รับ
ความมั่นใจแล้วว่าสามารถเหนือล้ํากว่าหน่วยอื่นที่เข้า ร่วมได้!

ตอนท
ี่109 แรดเกราะหยก

หลังเข้าใกล้สัตว์ร้ายตัวนั้น เซี่ยอู่เฟิ งหาได้เคลื่อนไหวใด กลับ เป็นชั่วจงที่
ฉายเดี่ยวเข้าไปสังหารเสือดาวด้วยไม้คทาในมืออัน ทรงพลังหวดฟาดเข้า
ใส่ ด้วยฉินหยุนทําการค้นหา ตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงฟ้ามืด สัตว์ร้าย ยี่สิบตัว
ถูกสังหาร ในตอนกลางคืน พวกเขาหยุดพักที่บริเวณเชิงเขาสูง ด้วยการ
ขุดถ้ําเข้าไปเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน พวกเขาตั้งกองไฟในถํ้าทั้งยังเริ่ม
ทําอาหารจากเนื้อที่เตรียมไว้

นี่แค่ครึ่งวัน พวกเราได้มาแล้วยี่สิบตัว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราคงเก็บ
พวกมันไว้ในอุปกรณ์วิญญาณของเจ้าได้ไม่ หมด” มู่หรงต้าเหรินกล่าว
เป็นกังวล

เรื่องนี้ค่อยว่ากัน!” เซี่ยอู่เฟิ งมองฉินหยุนและเอ่ยถาม “วิญญาณยุทธ์ไฟ
ระดับทองม่วงของเจ้าเป็นอย่างไรกันแน่? เพราะข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์ ข้า
จึงศึกษาเรื่องของวิญญาณยุทธ์ ไม่ใช่น้อย เมื่อตอนที่วิญญาณยุทธ์ของ

เจ้าหายไป หากเจ้าไม่ได้ รับรู้ถึงความเจ็บปวดรุนแรง นั่นหมายความถึง
มันยังคงอยู่กับ เจ้า” มู่หรงต้าเหรินพลันพูดขึ้น

พี่ใหญ่เซีย วิญญาณยุทธ์ของน้อง หยุนตาย.. กรณีนี้ออกจะแตกต่างไป
บ้างแล้ว” เซี่ยอู่เฟิ งส่ายศีรษะ

ตายก็เหมือนการแยกจาก กระบวนการ แยกจากวิญญาณยุทธ์จะ
ก่อให้เกิดความเจ็บปวดไม่ใช่น้อยเลย ทีเดียว” ฉินหยุนถึงกับชื่นชมเซี่ยอู
เฟิ งอยู่ภายใน เขาพยักหน้าและกล่าว

วิญญาณยุทธ์ของข้าแท้จริงแล้วยังอยู่ในร่าง แต่มันอยู่ใน สถานการณ์ที่
ค่อนข้าง... คล้ายกับว่ามันจําศีลอยู่ขอรับ” ชั่วจงหัวเราะขณะกระดกไวน์
ทั้งเหยือกเข้าไป “นับว่าดีที่มันยังอยู่!”

ฉินหยุนกล่าวพร้อมยิ้มเก้กัง “ตามที่ข้าทําการตรวจสอบ ข้า ต้องใช้พลัง
จํานวนมหาศาลเพื่อปลุกวิญญาณยุทธ์ขึ้นมา ตอนนี้ ข้าทําได้เพียงแต่ชัก
นําพลังภายในธาตุไฟออกมาผ่านพลังจิต เซี่ยอูเฟิ งส่ายศีรษะให้

ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าเจ้าจะใช้พลังไปมาก เพียงใด วิญญาณยุทธ์ของเจ้าก็ไม่
มีทางตื่นขึ้นได้! หากข้าเดา ได้ถูกต้อง วิญญาณยุทธ์ของเจ้าตอนนี้สถานะ
คือว่างเปล่า และ มันกําลังซ่อนคุณลักษณะธาตุไฟไว้ ใช่หรือไม่?” ฉินหยุน
ดูประหลาดใจขณะพยักหน้ารับ เซี่ยอู่เฟิ งขมวดคิ้ว เขามองไปกองไฟขณะ
หมุนไม้เสียบเนื้อที่ ย่างอยู่ เขากล่าวว่า

น้องหยุน วิญญาณยุทธ์ของเจ้าตอนนี้อยู่ ในสภาพที่ดีเยี่ยม นี่
หมายความว่าเจ้าสามารถวิวัฒนาการมัน ได้! ทั้งยังไม่ใช่แค่การเลื่อน
ระดับโดยทั่วไป!” พอฉินหยุนและคณะได้ยินดังนี้ พวกเขาถึงกับไหวหวั่น
พร้อมส่ง สายตามองเซี่ยอู่เฟิ งอย่างแตกตื่น เซี่ยอู่เฟิ งกล่าวต่อ

กล่าวกันว่า ขั้นตอนคล้ายกันนี้ก็เกิดขึ้น ตอนก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
เช่นกัน! แต่เพราะเจ้ากระทําต่อ มันก่อนเวลา หรือก็คือ เมื่อเวลานั้นมาถึง
เจ้าจะวิวัฒนาการ มันได้อีกครั้งหนึ่ง!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวอย่างแตกตื่น

วิวัฒนาการอีกครั้งและอีก ครั้ง นี่ไม่ใช่หมายความว่าวิญญาณยุทธ์นั่นจะ
น่ากลัวมหาศาล เลยหรือ? พี่ใหญ่เซีย กรณีเช่นนี้วิญญาณยุทธ์ของน้อง
หยุนจะ วิวัฒนาการได้อย่างไร?” เซี่ยอูเฟิ งก็คล้ายตื่นเต้นไม่น้อยขณะจ้อง
มองฉินหยุนและกล่าว

เจ้าต้องหาวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งและผสานรวมมันเข้าไป วิญญาณ
ยุทธ์ที่จําศีลอยู่ในตอนนี้มีพื้นฐานของคุณลักษณะธาตุ ไฟ หากเจ้าผสาน
รวมวิญญาณยุทธ์ที่ครอบครองคุณลักษณะ อื่น มันจะกลายเป็นวิญญาณ
ยุทธ์สองคุณลักษณะ!” ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์สั่นไหว หากเขา
ไดร
บั วิญญาณยทุ ธค
ณุ ลกัษณะอ่ื

นจากสตัวป์ี
ศาจ ถ
งตอนนนั้
เขาม
สิทธิ์
ครอบครองวิญญาณยุทธ์พร้อมกันถึงสามคุณลักษณะ เพียงแค่คิดก็ทํา
เอาเขาขนลุกแล้ว

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่อาจรีบร้อน เพราะเจ้ายังต้องหาวิญญาณ ยุทธ์ระดับ
ทองม่วงเป็นอย่างน้อย โดยปกติแล้ววิญญาณยุทธ์ ของสัตว์ปีศาจจะหา
ได้ง่ายกว่า!” เซี่ยอู่เฟิ งกล่าวอีกครั้ง

พี่ใหญ่เซี่ยมั่นใจเรื่องนี้หรือ หากมันไม่ใช่ละ?” มู่หรงต้าเหริน เผยความ
เป็นห่วง

อย่าได้คิดทําร้ายน้องหยุนมากไปกว่านี้ เชียว!” เซี่ยเฟิ งยิ้มอ่อนขณะ
กล่าว

เพราะข้าไม่สามารถปลุก วิญญาณยุทธ์ขึ้นมาได้ ข้าจึงฝึกฝนมาได้จนถึง
ขั้นนี้อย่างไม่ คาดคิด เพราะแบบนั้นวิญญาณยุทธ์ของข้าจึงพิเศษมาก
อย่างไรละ” มู่หรงต้าเหรินที่กําลังจะยกจอกเข้าปาก พลันต้องวางจอก
ดังกล่าวลงพร้อมเผยสีหน้าแตกตื่น ฉินหยุนเชื่อ ว่าเซี่ยอู่เฟิ งย่อมต้อง
เผชิญความทุกข์มาไม่น้อย เพราะเขาพยายามอุตสาหะเพื่อไขว่คว้า
โอกาสเอาไว้จนกระทั่ง ได้มีพลังจนถึงระดับนี้

ฮั่วจงพลันตบเข้าที่ไหล่ของมู่หรงต้าเหรินและเอ่ยถาม

พี่ รองมู่หรง วิญญาณยุทธ์ของเจ้าเล่าคืออันใด? นี่พวกเรายังไม่รู้ เลยนะ!
วิญญาณยุทธ์ของข้าคือวัวระดับแพลทินัม เรื่องนี้พวก เจ้าคงรู้กันอยู่แล้ว”
มู่หรงต้าเหรินหัวเราะออกจากใจ

วิญญาณยุทธ์ของข้าถือเป็น ความลับ! แล้ววิญญาณยุทธ์ของแม่นาง
ปีศาจผู้นั้นเล่า? เจ้า ทราบหรือไม่? กระทั่งครอบครัวของนางยังไม่ทราบ
เลยรู้ หรือไม่? เพราะแบบนั้นนางถึงแข็งแกร่งยิ่ง! วิญญาณยุทธ์ของ ข้า
กระดับนั้นเช่นเดียวกัน ข้าเกรงจะทําพวกเขาขวัญหายกัน หมด!” เขายก
จอกไวน์ขึ้นดื่มขณะมองที่ฉินหยุน จากนั้นจึงเอ่ยถาม

น้องหยุน ข้าจําได้ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานได้หมั้นหมายไว้กับเจ้าใช่ หรือไม่? แม่
นางผู้นั้นถึงกับเป็นคู่หมั้นเจ้า!” ฉินหยุนดื่มไวน์เข้าเต็มปากก่อนจะเงียบไป
พัก จากนั้นจึงถอน หายใจ “จักรวรรดิเทียนเชี่ยวตัดสินใจเปลี่ยนเป็นพิธี

อภิเษก สมรสระหว่างเชี่ยวเย่ว์หลานและฉินเจิ้งเฟิ ง ด้วยเหตุนี้เรื่องของข้า
จึงกลายเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว! ในอีกครึ่งปี พวกเขาจะ เข้าร่วมพิธีอภิเษก
สมรสกันอย่างยิ่งใหญ่ที่จักรวรรดิเทียนฉิน”

ยังมีเวลาอีกครึ่งปี? ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเราต้อง เข้าไปป่ วน
ให้มันอึกทึกเสียหน่อย ปล่อยให้งานดําเนินไปอย่าง ราบลื่นไม่นับว่าดี!” มู่
หรงต้าเหรินกล่าวจบก็หัวเราะเสียงดังตาม

ฉินหยุนเองก็คิดเช่นนั้น ทว่า คิดทําก็ต้องมีพละกําลังถึงระดับ หนึ่ง กระทั่ง
ว่าเขาคิดไปเข้าร่วม เขาก็ไม่มีอํานาจพอที่จะป่ วน งานได้ ตกดึกพวกเขา
ล้วนเข้าพักผ่อน และทันทีเมื่อรุ่งทิวาสาดส่อง แสง พวกเขาก็จะเริ่มออกล่า
สัตว์ร้ายกันอีกครั้ง ฉินหยุนสามารถหาตัวสัตว์ร้ายได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น
พวกเขา จึงมั่นใจยิ่งว่าสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาครองได้ เพียงหนึ่งเดียว
ที่น่าเป็นห่วงคือความจุของอุปกรณ์วิญญาณมิติ เก็บของ มันไม่พอที่จะ
เก็บร่างของสัตว์ให้เพียงพอต่อจํานวนที่ ล่าได้

ฮั่วจงเมื่อครู่เพิ่งสังหารหมาป่ าไปตัวหนึ่ง เขาจึงเอ่ยถามด้วย ความสับสน

ทําไมแถวนี้ถึงมีสัตว์ร้ายมากมายขนาดนี้กัน?” สัตว์ร้ายเหล่านี้กระหาย
เลือดยิ่ง ไม่เพียงแต่โจมตีมนุษย์ก่อน พวกมันยังโจมตีสัตว์ด้วยกันเองด้วย
สัตว์ปีศาจหลายตัวที่กินแต่พืชก็มีเช่นกัน และแม้ว่าสัตว์ปีศาจ พวกนั้น
ล้วนแข็งแกร่ง แต่พวกมันมีความสามารถในการต่อสู้ น้อยนิด พวกมันจึง
มักหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมนุษย์ กับ สัตว์พวกนั้นเขาเลือกไม่เข้าไป
ยุ่งเว้นแต่พวกมันคุกคามก่อน กล่าวได้ว่ามีสัตว์ปีศาจที่มีสติปัญญาและ
ตั้งใจฝึกฝน ที่พวกมัน ฝึกฝนทั้งหมดก็เพื่อทําให้สามารถแปรเปลี่ยนร่าง
เป็นมนุษย์ได้

คิดว่าตั้งแต่ที่ตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามปรากฏ มันยิ่ง ทําให้สัตว์
เหล่านี้ดุร้ายขึ้น เรื่องนี้สมควรต้องมีความเกี่ยงข้อง กันไม่มากก็น้อย” มู่
หรงต้าเหรินยกร่างของสัตว์ร้ายตัวดังกล่าว และส่งมอบให้ฉินหยุน

ขณะที่ฉินหยุนกําลังจะเก็บร่างของมันเข้าอุปกรณ์มิติเก็บของ เขาพลัน
รู้สึกได้ถึงร่องรอยพลังจิตที่ผันแปร มันมาจากสัตว์ ปีศาจ

มีตัวหนึ่งอยู่แถวนี้!” ฉินหยุนกล่าวเสียงลุ่มลึก

ค่อนข้าง แข็งแกร่ง สมควรเป็นสัตว์ปีศาจระดับเจ็ด!”

อย่าได้ห่วง ด้วยพละกําลังของพวกเรา การจัดการสัตว์ปีศาจ ระดับเจ็ด
ไม่ใช่ปัญหา” เซี่ยอู่เฟิ งสงบใจกล่าว ทันทีเมื่อกล่าวคําจบ พื้นเริ่ม
สั่นสะเทือน สัตว์ปีศาจที่กําลังเข้า มาใกล้อย่างรวดเร็วนี้ถึงกับทําเอาต้นไม้
ใหญ่ระหว่างทางล้มระเนระนาด

ด้วยร่างขนาดใหญ่ มันคือแรดเกราะหยก!

แรดเกราะหยก สัตว์ปีศาจระดับเจ็ด!” ฉินหยุนส่งเสียงครวญ ครางดัง
ออกมา เขาได้เห็นรอยแผลบนตัวของแรดตรงหน้า ไม่ใช่น้อย พวกมันเป็น
รอยถูกกัดทั้งสิ้น นี่น่าจะเป็นสัตว์ตัวอื่น กระทําต่อมัน

ขณะที่ฮั่วจงคิดเข้าโจมตี ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนขึ้น

พี่สามชั่ว รอเดี๋ยว อย่าโจมตีมันก่อน!” ฉินหยุนทราบว่ามีสัตว์ปีศาจ
จํานวนมากครอบครอบสติปัญญา จากติงเทียนฉวน นอกจากนี้ หลังจาก
ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับพยัคฆ์ โลหะ เขาก็ยิ่งอ่อนไหวกับสัตว์ปีศาจที่มี
สติปัญญา แรดเกราะหยกตัวนี้มีบาดแผลรุนแรง แต่ในดวงตาของมัน ไม่มี
วี่แววของเจตนาคิดอยากต่อสู้ ฉินหยุนกล่าว

แรดเกราะหยกตัวนี้เป็นสัตว์ปีศาจกินพืช มัน จะไม่โจมตีมนุษย์หรือสัตว์
ตัวอื่นก่อน พวกเราไม่จําเป็นต้อง เคลื่อนไหวอะไร”

น้องหยุน นี่คือแรดเกราะหยกเชียวนะ หากนําไปขายก็ได้เป็น เหรียญ
ผลึกจํานวนมหาศาลแล้ว!” มู่หรงต้าเหลินสํารวจมอง รอบตัวของแรด
เกราะหยกขณะกล่าวตื่นเต้นยินดี “แถมยัง ได้รับบาดเจ็บมาไม่ใช่น้อย
น้องสามชั่วลงมือไม่กี่ทีก็สังหารมัน ได้แล้ว”

ฉินหยุนส่ายหน้าและกล่าว “สัตว์ปีศาจจํานวนหนึ่งสามารถ เข้าใจ
ธรรมชาติของมนุษย์ หากเราไม่ทําอะไร มันก็ไม่ทําอะไร ตอนนี้มันยัง
เลือดออกไม่ใช่น้อย ข้าต้องช่วยมันห้ามเลือด ก่อน!” เป็นเขาได้รับการ
ช่วยเหลือจากพยัคฆ์โลหะถึงสองครั้งก่อน หน้านี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างใจ
ดีกับสัตว์ปีศาจที่มีสติปัญญา ไม่ใช่น้อย ขณะเดินเข้าไป เขานําเอาผงยาสี
ขาวออกมาพร้อมโรยใส่ บาดแผลของแรดเกราะหยก ไม่ช้า เลือดที่
บาดแผลจึงเริ่มหยุด ไหล แรดเกราะหยกครวญครางอยู่หลายครั้ง ไม่
ทราบว่านี่นับเป็น การขอบคุณต่อฉินหยุนหรือไม่แต่อย่างใด มันหันกลับ
ขณะมองไปยังทิศทางหนึ่ง ราวกับเตรียมเข้ารับศึก ใหญ่ที่กําลังจะมาถึง

ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะใช้พลังจิตตรวจสอบทิศทาง ดังกล่าว เขา
กล่าวเสียงแผ่วเบาแต่เพียงพอให้ได้ยิน “เป็นฝูง สัตว์ร้าย! แรดเกราะหยก
ตัวนี้โดนไล่ล่าจากฝูงสัตว์ร้าย!”

ตอนท
ี่110
นาํ สัตวร
์้
าย

เซี่ยอู่เฟิ งถามเสียงลุ่มลึก “สัตว์ร้ายกี่ตัว?”

มีหลายสิบตัวที่อยู่ระดับหก!” ฉินหยุนนําเอาค้อนราชันยักษ์ วิญญาณ
ออกมาและกล่าว

ข้าจะเข้าร่วมศึกนี้!”

ข้าด้วย!” มู่หรงต้าเหรินพลันโบกพัดและกล่าว ก่อนหน้า มีเพียงชั่วจงซึ่ง
ร่างกายใหญ่โตทําการต่อสู้ แต่คราวนี้ พวกเขาทั้งสี่จะร่วมสู้ด้วยกัน!

โอ้!” ฮั่วจงตะโกนดัง เขาเป็นฝ่ายพุ่งกายออกไปก่อน ท่วงท่า ของเขาหา
ได้อ่อนแอกว่าแรดเกราะหยกไม่ หลังพุ่งตัวออกไปหลายสิบเมตร เขาจึงได้

เห็นหมาป่ าร่างใหญ่ พุ่งเข้าหา ไม้คทาในมือพลันฟาดหวดเข้าใส่อย่างเต็ม
แรง

ร่างหมาป่ าหนักนับพันจินพลันลอยลิ่วไปเพราะแรงหวดของไม้ คทา มัน
กระทั่งทําต้นไม้แตกหักยามเมื่อร่างหวดปะทะ ผิวหนัง ของมันกระทั่งปริ
แตกออก แรงดิบของฮั่วจงได้ทําให้ฉินหยุน ต้องทิ้งอีกครั้ง ทางด้านมู่
หรงต้าเหรินที่ไม่ได้สู้นับตั้งแต่แรก ยามนี้ลอยลิ่วตัว เบา เขาโบกพัดในมือ
ยิงออกซึ่งเส้นสายกําลังภายในจํานวน หนึ่งจัดการโค่นเสือดาวตัวหนึ่ง
จากนั้นเขาจึงยิงบอลแสงสีม่วง ออกโจมตีเข้าอย่างแม่นยําที่หัวของเสือ
ดาวตัวนั้นเป็นการปลิด ชีพ

แม้มู่หรงต้าเหรินไม่ได้ดิบเถื่อนอย่างฮั่วจง ทว่าการโจมตีจาก ระยะไกล
ของเขากลับทรงพลังจนสามารถสังหารเสือดาวที่อยู่ ห่างออกไปกว่าร้อย
เมตรได้อย่างไม่ยากเย็น การโจมตีของเซี่ยอูเฟิ งก็น่ากลัวไม่แพ้กัน หลัง
ลอยลิ่วถึงตัว มือ ทั้งสองของเขาพลันโบกสะบัดปล่อยคลื่นพลังออกมา
มัน แม่นยําจนกระทั่งทําลายแขนขาทั้งสี่ของสัตว์ร้าย

ถัดจากนั้นจึงเป็นฮั่วจงพุ่งเข้ามาฟาดหวดศีรษะของสัตว์ร้ายจนตายด้วย
ไม้คทาในมือ ก่อนที่ฉินหยุนและแรดเกราะหยกจะเริ่มโจมตี ฝูงใหญ่
ตรงหน้า ก็โดนฮั่วจงและคณะจัดการไปก่อนแล้ว

ไม่ได้มากมายอะไร!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มกล่าว เขาเพียงสังหาร สัตว์ร้ายไป
ตัวหนึ่ง ชัดเจนว่าเป็นผู้ที่ขี้เกียจที่สุดในคณะแล้ว แรดเกราะหยกก้มศีรษะ
ลงตํ่าหลายครั้ง ทว่าไม่มีผู้ใดทราบว่านี่ หมายความถึงอะไร

น้องสามชั่ว ในเมื่อเจ้ามีวิญญาณยุทธ์วัว สมควรเป็นวงศ์ ตระกูล
เดียวกับแรดตัวนี้แล้ว เข้าใจหรือไม่ว่ามันกล่าวอันใด?” มู่หรงต้าเหรินยิ้ม
เอ่ยถามขณะกระโดดขึ้นบนหลังของตัวแรด

ข้าไม่เข้าใจเลย” ขณะชั่วจงกล่าวคําจบ แรดเกราะหยกก็ เริ่มออกวิ่งไป
แล้ว มู่หรงต้าเหรินหันกลับมายิ้มพูดขึ้นว่า “นี่นับเป็นสัตว์พาหนะที่ ดี ไป
กัน!”

ฉินหยุนเอ่ยคํา “ตามมันไปแล้วค่อยรับชมเรื่องราว ใครจะรู้กัน มันอาจคิด
พาเราไปที่ไหนสักแห่งก็ได้” เซี่ยอูเฟิ งและยั่วจงต่างรู้สึกได้ ว่าแรดเกราะ
หยกตัวนี้มีความ อ่อนน้อม นี่เป็นความรู้สึกที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมา
ก่อนยาม เผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ

หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงสังหารสัตว์ปีศาจ ตรงหน้า
ตั้งแต่แรกพบเห็น “น้องหยุนขึ้นมาเร็ว มีที่ว่างให้เจ้าได้นั่ง!” มู่หรงต้าเหริน
ยิ้ม กล่าว

ฉินหยุนทะยานตัวขึ้นไปนั่งบนหลังของแรดเกราะหยกอย่างไม่ รีรอ แรด
เกราะหยกมีความยาวทั้งตัวกว่าหกหรือเกือบเจ็ดเมตร ทั้ง ยังสูงถึงสาม
เมตร ผิวหนังขาวราวหยกแก้ว มันทั้งเรียบลื่นและ งดงามยามสัมผัส ทั้งยัง
มีนอหยกสีขาวงดงามอยู่บนจมูกถึงสอง ร่างกายส่วนหน้าของมันค่อนข้าง
ใหญ่ ขณะที่ด้านหลังค่อนข้างเล็ก กล่าวกันว่าทั่วทั้งกายของแรดเกราะ
หยกนั้นเปรียบเสมือน สมบัติขุมหนึ่งหากคิดนําขาย ฮั่วจงและเซี่ยอูเฟิ ง
ต่างทะยานขึ้นบนหลังของแรดเกราะหยก เช่นกัน

แรดเกราะหยกมีพลังการฟื้นฟูยอดเยี่ยม หลังเลือดหยุดไหล ของเหลวสี
ขาวก็ไหลออกจากผิวหนังทําการสมานบาดแผล เอาไว้ ความเสียหายที่
แรดเกราะหยกได้รับแต่แรกเริ่มฟื้นคืนสภาพ

หากข้าได้มีสัตว์ปีศาจไว้เป็นพาหนะสักตัว มันจะสง่างามได้ เพียงใดกัน
นะ? เจ้านี่ทั้งใหญ่โตและยังกินแต่พืช น่าจะง่ายเลี้ยง ดูไม่ใช่น้อย” มู่
หรงต้าเหรินที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดยิ้มพูดขึ้น

หากไม่ใช่น้องหยุนช่วยเตือน พวกเราคงไม่รู้ว่าสัตว์ปีศาจก็ สามารถมี
สัมพันธ์กับมนุษย์ได้” ฮั่วจงหัวเราะโง่งม

วิญญาณ ยุทธ์ของข้าคือวิญญาณยุทธ์วัว เพราะแบบนั้นส่วนใหญ่หาก
เลือกได้ข้าก็ไม่อยากลงมือสังหารวัวเช่นกัน”

เซี่ยอูเฟิ งกล่าวคํา “มีสัตว์ร้ายจํานวนมากในบรรดาสัตว์ปีศาจ หากไม่มี
ความเข้าใจต่อสัตว์ร้ายเป็นอย่างดี ก็ไม่อาจตัดสินได้ ว่าสมควรโจมตีมั่น

หรืออย่างไรดี น้องหยุนยังเยาว์เพียงนี้ ข้าไม่ คิดเลยว่าจะมีความรู้ความ
เข้าใจต่อสัตว์ปีศาจถึงระดับนี้ได้” หลังผ่านไปชั่วครู่ ฉินหยุนลอบภูมิใจที่มี
อาจารย์ที่ดีอย่างติง เทียนฉวน ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่มีวันได้เข้าใจเรื่อง
นี้เช่นกัน

อาการบาดเจ็บของแรดตัวนี้ไม่น่าจะใช่เพราะฝูงเมื่อกี้” ฉิน หยุนมอง
บาดแผลและกล่าว

แรดเกราะหยกมีผิวหนังที่หนา ยิ่ง มันไม่ใช่อะไรที่ง่ายต่อการฉีกขาด
เพราะสัตว์ร้ายระดับหก! ข้าคิดว่าแรดเกราะหยกตัวนี้น่าจะอยู่ระดับเจ็ด
หรือไม่ก็ แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น บางทีอาจเป็นผู้นําของสัตว์ปีศาจใน ละแวก
นี้ด้วยซ้ํา”

ฮั่วจงพลันตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่หมายความว่าแรดยักษ์ ตัวนี้จะพา
พวกเราไปหาผู้อื่นหรือ? หากเป็นแบบนั้นก็เยี่ยมไป เลย หากสังหารสัตว์
ร้ายระดับเจ็ดได้ แต้มเสวียนที่จะได้รับก็มหาศาลตามไปด้วย”

แรดเกราะหยกห้อตะบึงกว่าสี่ชั่วโมงไม่หยุด ฉับพลันนี้เอง ฉิน หยุนสัมผัส
ได้ผ่านพลังจิตถึงสัตว์ร้ายที่อยู่ไม่ไกล! สีหน้าฉินหยุนเคร่งเครียดขณะพูด
ขึ้น

น่าจะมีฝูงสัตว์ร้ายอยู่ ทางด้านนั้น!” แรดเกราะหยกเริ่มชะลอฝีเท้าและ
หยุดลงไม่มุ่งหน้าไปต่อ ฉินหยุนและคณะกระโดดลงจากหลังของแรด

ให้ข้าอยู่แนวหน้า พวกเจ้าคอยจัดการสัตว์ร้ายตัวเล็กตัว น้อย” เซี่ยอู่เฟิ ง
หันมองไปยังถ้ําภูเขาตรงหน้า อย่างกะทันหัน ลมเย็นเยือกพลันพัดผ่านป่ า

สัตว์ร้ายกําลังใกล้เข้ามา!” เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน มีสัตว์ ร้ายจํานวน
มากกําลังแห่กันเข้ามาทางด้านนี้

ให้มันเข้ามา ครั้งนี้พวกเราร่วมกันโจมตี! น้องหยุนระวังตัวให้ ดีด้วย!” ฮั่ว
จงพอกล่าวคําจบ เขาพุ่งออกไปเป็นคนแรก พอหันมองไปอีกด้าน เซี่ยอู
เฟิ งไม่อยู่ที่เดิมแล้ว เขาบินลัดผ่าน อากาศขึ้นไป

ฉินหยุนยกค้อนราชันยักษ์วิญญาณขึ้นพร้อมใช้ก้าวอัคคีเมฆา

พุ่งไปทางด้านเดียวกัน ค้อนใหญ่ยักษ์ตอนนี้ฟาดหวดเข้าใส่เสือ ดําที่
กําลังพุ่งคิดเข้าขยํ้าร่างเขา

กระบวนท่าฟ้าคํารามลั่นการโจมตีใส่หัวของเสือดํา พลังภายใน ก่อเกิด
การระเบิด หัวของมันแตกกลายเป็นกองเนื้อไปด้วยการ โจมตีเพียงครั้ง
เดียว สัตว์ร้ายระดับที่หกโดนฉินหยุนสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้ง เดียว!

พละกําลังของเขาที่เผยออกนี้เป็นผลให้มู่หรงต้าเหรินที่ยืนอยู่ ด้านหลัง
ถึงกับตื่นตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าฉินหยุน ผู้ซึ่งมีรูปร่าง ใกล้เคียงตนเองจะ
สามารถระเบิดพลังป่ าเถื่อนเช่นนี้ออกมาได้ เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวของฉิน

หยุนยิ่งมายิ่งว่องไวกว่าฮั่วจง ขณะ หลบเลี้ยงสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้าหาจากทั้ง
สองฟากข้าง เขาสามารถ สังหารพวกมันทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน อย่าง
มาก เขาเพียง ฟาดหวดออกไปสองที่ก็ปลิดชีพพวกมันได้แล้ว แรดเกราะ
หยกเองก็เข้าร่วมศึกนี้

กระทั่งมู่หรงต้าเหรินไม่ได้อยู่ในสนามรบ เขาก็ยังคอย ช่วยเหลือโจมตีใน
ระยะไกล กําลังภายในที่เขายิงออกไปผ่านระยะทางค่อนข้างไกล ถึงกับ
สามารถโจมตีใส่หัวของสัตว์ร้ายได้อย่างแม่นยํา ต่อให้พวกมันไม่ตาย การ
เคลื่อนไหวก็ต้องเชื่องช้า บางตัว กระทั่งล้มกับพื้นก่อนเปิดโอกาสให้ฉิน
หยุนและฮั่วจง เร่งมือเข้า ไปปลิดชีพมันด้วยค้อนไม่ก็ไม้คทา

กล่าวได้ว่าการโจมตีระยะไกลของมู่หรงต้าเหรินช่วยลดแรง กดดันต่อฉิน
หยุนและฮัวจงได้มาก อย่างกะทันหัน เสียงคํารามลั่นดังออกจากถ้ําภูเขา
เสียงนี้ คล้ายเสียงคํารามร้องของมังกร!

พี่ใหญ่เซี่ย เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม ขณะเห็นร่างสี
ขาวลอยลิ่วออกจากปากถ้ํา

เป็นมังกรดําวารี! มันดุร้ายมาก! เมื่อครู่ข้าจัดการมันจนได้รับ บาดเจ็บไป
บ้างแล้ว ตอนนี้ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ก็น่าจะจัดการ มันลงได้!” เซี่ยอู่เฟิ ง
กล่าวหนักแน่น

น้องฮั่ว เข้าโจมตีประชิด ระวังให้ดี อย่าเข้าใกล้มากจนเกินไป! มู่หรง เจ้า
และข้าไป เตรียมตัว ทันทีเมื่อมังกรนํ้าโผล่ออกมา ให้ปล่อยกําลังภายในที่
แข็งแกร่งที่สุดโจมตีใส่มัน!”

น้องหยุน ตามอยู่ด้านหลังน้องฮั่ว รับมือตามสถานการณ์!” เซี่ยอู่เฟิ ง
ทะยานขึ้นสู่อากาศ ขณะที่ฮั่วจงเร่งพุ่งตรงไป

ด้านหน้าพร้อมไม้คทาในมือ ถึงตอนนี้เอง ร่างเงาสีดําขนาดใหญ่มหึมา
พลันทะยานออก เซี่ยอู่เฟิ งตะโกนแทบพร้อมชั่ววินาทีที่มันโผล่ออกมา
ฆ่า!”

ตอนท
ี่111 อุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ

ฉินหยุนตามติดด้านหลังฮั่วจง เขาได้เห็นร่างมังกรดําวารีขนาด ใหญ่ยักษ์
โผล่พรวดออกจากปากถํ้า มันทําเอาเขาหนาวเย็นถึง สันหลัง! ร่างของ
มังกรดําวารีตรงหน้าหนาราวหนึ่งเมตร ยาวร่วมสิบ เมตร เกล็ดสีดําตาม
ร่างของมันปรากฏรูขนาดใหญ่เต็มไปหมด ทั้งยังมีเลือดสีดําไหลออก
บริเวณหัวของมันด้วย เหล่านี้คือการ โจมตีก่อนหน้าของเซี่ยอูเฟิ งและแรด
เกราะหยกที่ร่วมมือกัน

วูบ! วูบ! วูบ! กําลังภายในของมู่หรงต้าเหรินและเซี่ยอู่เฟิ งปรากฏพร้อมกัน
ราวดาบที่ทะยานออกพุ่งตรง คลื่นเสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมเข้า ปะทะกับ
หัวของมังกรดํา

ฮั่วจงทะยานขึ้นกลางอากาศพร้อมไม้คทายาวในมือทอประกาย แสงสี
ทอง เขาปลดปล่อยพลังของวิญญาณยุทธ์วัวระดับทอง เต็มพิกัด! ไม้คทา

ยาวในมือราวหนักอึ้งหลายพันจินขณะฟาดหวดลงไป มันโจมตีใส่หัวของ
มังกรดําวารีอย่างรุนแรง

ตู้ม!

ไม้คทาพอฟาดหวด เสียงดังสนั่นบังเกิด มันกระทั่งสั่นไหว ต้นไม้โดยรอบ
กระทั่งเกิดรอยปริแตกที่เปลือกไม้ด้วยซํ้า!

ฟื้บ ฟับ พี่บ! มู่หรงต้าเหรินและเซี่ยอูเฟิ งปล่อยกําลังภายในอีกระลอกเข้า
โจมตี ทั้งหมดรวมศูนย์กันที่กลางหัวของมังกรดํา!

พี่ฮั่ว ท่านรวบรวมกําลังก่อน ให้ข้าเข้าสนับสนุนเอง!” ฉิน หยุนเมื่อเห็น
มังกรดําคํารามร้องอ้าปากคิดกัดเข้าที่ยั่วจง เขา ทะยานก้าวเข้าหาพร้อม
ใช้ค้อนราชันยักษ์วิญญาณฟาดหวด เข้าใส่ด้วยมังกรหลอมหกกระบวน!

อสนีบาตพลันฟาดเข้าที่ปากของมังกรดําวารี เป็นผลให้ฟัน แหลมคมของ
มันถึงกับหลุดกระเด็น ถัดจากนั้น หมัดทั้งสองของเขาก็เล็งที่ดวงตาทั้ง
สองของมังกร ดํา เป็นผลให้ดวงตาของมันแตกกระจาย ลําแสงของดาบ
พลันโจมตีเข้าที่หัวของมันอีกครั้ง เพราะคลื่น กระแทกรุนแรงสะกดจาก
ด้านบน เป็นผลให้หัวของมันต้องร่วง ลงกับพื้น

ให้ข้าจัดการเอง!” ฮั่วจงกระโดดขึ้นสูงหลายสิบเมตรกลาง อากาศ ไม้
คทายาวของเขาพลันสับลงแนวดิ่งเข้าทะลวงหัวของ มังกรดําวารีแรด
เกราะหยกตอนนี้พุ่งเข้าปะทะนอขนาดใหญ่ยักษ์ของมัน จ้วงแทงลึกเข้าที่
คอของมังกรดําวารีตรงหน้า ชั่วจงดึงเอาไม้คทาของตนออกก่อนฟาดหวด
เข้าใส่อีกครั้ง นี่ไม่ คล้ายว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยแม้สักนิด!

ฉินหยุนก็ร่วมโจมตีด้วยอีกหลายครั้งจนกระทั่งพลังภายในกว่า ครึ่งถูกใช้
งานออก เขาทําได้เพียงเลือกพักและรับชมเรื่องราว จากด้านข้างแล้ว
ท้ายที่สุด มังกรดําวารีก็ตายจากเพราะโดนกระหน่ําโจมตี รุนแรงจากสี่
กําลังผสาน

พละกําลังของเจ้านี่สมควรเป็นสัตว์ร้ายระดับแปด!” ฉินหยุน สํารวจมอง
ร่างที่ตายแล้วของมังกรดําวารี เขาถอนหายใจอย่าง โล่งอก

มังกรดําวารี เดิมตัวมันบาดเจ็บระดับหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ตอน ข้าเข้าไปก็
ลอบโจมตีมันได้สําเร็จครั้งหนึ่ง เพราะทุกคนร่วม ช่วยกันโจมตีรุนแรงถึง
ทําได้สําเร็จ” เซี่ยอูเฟิ งถอนหายใจตาม เช่นกัน

ดูเหมือนว่ามังกรดําวารีตัวนี้จะเป็นผู้นําของสัตว์ร้ายใน ละแวกนี้!” ฉิน
หยุนพูดขึ้น

ไอ้เจ้านี่ยังไม่แปรสภาพเป็นมังกร อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นคงเป็นพวก
เราแล้วที่ตาย”

มังกรดําวารีกําลังอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนร่างจากอสรพิษยักษ์ มันนับว่า
เป็นสัตว์ร้ายที่หาได้ยากยิ่งตัวหนึ่งเลยทีเดียว อีกทางหนึ่ง เพียงเผชิญหน้า

วูบแรก ไม่ว่าใครก็บอกได้ผ่านการ มองเพียงครั้งเดียว ว่ามันต้องกิน
สิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่น้อยแน่

พวกเราเอายังไงกับมันดี?” มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม

กระดูกใน ร่างของมังกรดําตัวนี้นับว่าลํ้าค่า สมควรเป็นวัสดุที่ดีต่อการ
ขัด เกลา น่าจะเอาไปทําเป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงได้นะ!”

ใช่แล้ว!” ฉินหยุนกล่าวเสริม

เจ้านี่เทียบเท่าสัตว์ปีศาจระดับ แปด หากนําไปใช้ในการหลอมจะต้องได้
กระดูกเหล็กกล้าชั้น เลิศด้วยซํ้าอันที่จริงกระดูกสัตว์ปีศาจระดับหกก็
สามารถใช้ขัด เกลาเป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงได้แล้ว”

จํานวนของสัตว์ปีศาจที่เราฆ่าไปก็กว่าห้าสิบตัวแล้ว.... รวม กับที่ฆ่าวันนี้
น่าจะเกือบเก้าสิบตัวได้ พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์ ปีศาจระดับหก พวกเรา
สมควรเป็นอันดับหนึ่งนํามาแล้วละนะ” มู่หรงต้าเหรินถอนหายใจขึ้นขม

แต่ไม่รู้ว่าจะเอาร่าง ทั้งหมดกลับไปอย่างไรดี โดยเฉพาะมังกรดําตัวนี้”

กระดูกของมังกรดําวารีสามารถหลอมได้ และเกล็ดของมันก็ สามารถ
ถลกออกมาได้ พวกเรายังมีเวลาร่วมเจ็ดหรือแปดวัน” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

ช่วงเวลานี้ข้าสามารถหลอมอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของได้จํานวน
หนึ่ง!” เซี่ยอูเฟิ งและคณะถึงกับดึงสติกลับมาแทบไม่ทัน ฉินหยุนถึงขั้น
สามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ ทั้งยังจะสร้างพวก มันได้
หลายชิ้นอีกด้วย! เรื่องนี้สมควรมีแต่ระดับปรมาจารย์จารึกแล้วที่ทําได้!
ขณะพวกเขาสติหลุดลอย แรดเกราะหยกก็พลันเข้าไปในถํ้า ฉินหยุนมอง
รอบและพูดขึ้น
พี่ฮั่ว ข้ารบกวนท่านเก็บกวาด ภายนอกตรงนี้แล้ว ข้าขอตัวเข้าไปดูด้าน
ใน ที่นี่น่าจะเป็นถิ่น เก่าของแรดตัวนี้ แต่ภายหลังน่าจะถูกยึดครองเอาไป”
กว่าแรดเกราะหยกจะเติบโตมาได้ มันต้องมีสถานที่ให้ใช้อยู่ อาศัยมาก่อน

ฉินหยุนและคณะเดินตามแรดเกราะหยกเข้าสู่ภายในถํ้าจนกระทั่งสุดทาง
พวกเขาค่อยตระหนักได้ว่ามันมีบ่อนํ้าที่เรือง แสงด้วยผลึกแก้วส่องแสงสี
ขาวออกมา

นี่เป็นนํ้าพุวิญญาณ!” เซี่ยอู่เฟิ งแตกตื่นกล่าวขึ้นมา “ไม่ แปลกใจเลยว่า
ทําไมพลังวิญญาณถึงหนาแน่นขึ้นตั้งแต่เข้ามา ใกล้แถวนี้ แต่ดูจากแสงที่
ส่องประกายออกจากนํ้าพุวิญญาณ คุณภาพของมันน่าจะตกตํ่าลงไป
ระดับหนึ่งแล้ว” หลังแรดเกราะหยกนํานํ้าพวิญญาณจากบ่อนํ้ารักเข้าใส่
ร่าง บาดแผลที่ตัวของมันก็เริ่มสมานกันด้วยอัตรารวดเร็วยิ่ง

มีนํ้าพุวิญญาณที่นี่ยิ่งดีเยี่ยม มันจะทําให้ข้าสามารถขัดเกลา อุปกรณ์ได้
สะดวกมากขึ้น!” ฉินหยุนนําเอาเตาหลอมออกมา ระหว่างขั้นตอนหลอม

เหล็กวิญญาณ หากใส่ของเหลว วิญญาณเข้าไปเพียงพอ คุณภาพของมัน
จะถูกเสริมขึ้นระดับ หนึ่ง นํ้าพุวิญญาณที่นี่นับเป็นนํ้าพุวิญญาณที่เกิดขึ้น
โดย ธรรมชาติ มันเหมาะสมยิ่งสําหรับนําไปหลอมวัตถุดิบ

ฉินหยุนตอนนี้ไม่มีเหล็กวิญญาณระดับสูงอย่างเพียงพอ ดังนั้น เขาจึงไม่
อาจหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับสูงขึ้นมาตอนนี้ได้ ทว่าเขาสามารถ
หลอมกระดูกสัตว์เอาไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อย หลอมเป็นกระดูกเหล็กกล้า
ในภายหลังเมื่อเงื่อนไขครบถ้วน ด้วยพวกเขาสี่คนร่วมมือกัน กระดูก
เกล็ด และเครื่องในของ มังกรดําวารีจึงถูกแยกส่วนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้
ง่ายต่อการขนย้าย เขาจึงต้องหลอมกระดูกให้กลายเป็น ชิ้นใหญ่เพียง
หนึ่ง

ตอนนี้ข้าจะเริ่มหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ บางทีอาจ มีสัตว์ร้าย
จํานวนหนึ่งเข้ามาระหว่างช่วงเวลานี้ คงต้องรบกวน พวกพี่ชายแล้ว” ฉิน
หยุนนําแท่นหลอมออกมาและกล่าว กับเซี่ยอู่เฟิ ง เซี่ยอูเฟิ งและคณะจะ
คอยเฝ้าระวังที่ปากทางเข้า หากฉินหยุน สามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณ
มิติเก็บของได้จริง พวกเขาก็ คิดอยากซื้อหา!

กระทั่งว่าเป็นผู้รํ่ารวย พวกเขาก็ไม่สามารถซื้อหาอุปกรณ์ วิญญาณมิติ
เก็บของได้โดยง่าย ครั้งตําหนักดวงดาววิญญาณสีครามเคลื่อนคล้อยลง
มา ฉิน หยุนและหยางฉีเย่ว์ได้รับศิลาวิญญาณว่างเปล่ามาสองก้อน พวก
มันคือวัตถุดิบแกนหลักสําหรับหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติ เก็บของ ดังนั้น
เขาจึงเชื่อว่าตนสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณ ดังกล่าวได้!

แค่ใช้กระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่าเพื่อขัดเกลามัน หลังผสาน รวมเข้ากับ
ศิลาวิญญาณว่างเปล่า จากนั้นค่อยแกะสลักผัง สัญญาโลหิตและผังมิติ
เท่านั้นก็น่าจะขัดเกลาขึ้นเป็นอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของได้” ฉินหยุน
นําเอาก้อนหินขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวออกมา เขาหลอมหินดังกล่าวที่ขนาด
ราวเม็ดข้าว รวมเข้ากับกระดูก เหล็กกล้าระดับตํ่า หลังผ่านการหลอม
หลายครั้ง เขาจึงค่อย แยกส่วนประกอบของหินให้รวมเข้ากับกระดูก
เหล็กกล้าและ เริ่มขึ้นรูป

เอาเป็นสร้อยข้อมือก่อนแล้วกัน!” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อน จะเริ่ม
หลอมขึ้นรูปสร้อยข้อมือ ผลที่ได้คือสร้อยข้อมือพื้นผิว ราบเรียบ จากนั้น

คือการสลักผังวิญญาณ ผังสัญญาโลหิตคือแกนหลักที่ใช้เพื่อทดสอบ
เลือด เมื่อมีการทํา สัญญา ผู้อื่นจะไม่มีทางเปิดมิติเก็บของผ่านตั้งสัญญา
โลหิตได้ หากไม่ใช่เจ้าของ

ไม่ใช่ง่ายเลย!” ฉินหยุนมองสร้อยข้อมือขนาดเล็กและเริ่ม แกะสลักผัง
สัญญาโลหิตด้วยมีดแกะสลัก ยิ่งเป็นอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของที่
ละเอียดและบรรจงมาก เพียงใด มูลค่าของมันก็ยิ่งสูงลํ้ามากขึ้นเท่านั้น
อุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของส่วนใหญ่จะเป็นกระเป๋ าหรือกล่องขนาด
เล็ก ไม่ก็เป็นถุงผ้าที่ทําจากหนังสัตว์ ที่ดีที่สุดคือเข็มขัด ตราบเท่าที่
สามารถแกะสลักและทําให้มันดูดกลืนศิลาวิญญาณ ว่างเปล่าเข้าสู่ตัว
อุปกรณ์ ก็เท่ากับเขาสามารถขัดเกลาอุปกรณ์ วิญญาณมิติเก็บของขึ้นมา
ได้

การขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับตํ่าถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ฉินหยุนมี
ความมั่นใจว่าสามารถทําชิ้นงานให้สําเร็จได้ นอกจากนี้มันยังเล็กยิ่ง หาก
นําขาย มันสมควรถูกแข่งขันราคา จนกระทั่งสูงทะลุฟ้า

ศิษย์พี่เพิ่งจองสร้อยข้อมือมิติเก็บของไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นชิ้นนี้ ต้องเป็น
ของนาง” ฉินหยุนบรรจงแกะสลักผังวิญญาณจนลืม เลื่อนกาลเวลาที่ผัน
ผ่าน สองวันผ่านไป ในที่สุดเขาก็ขัดเกลาสร้อยข้อมือในมือได้จน สําเร็จ

ลองหยดเลือดแล้วทดสอบดูดีกว่า!” หลังหยดเลือดลงไป เขาจึงได้เห็นมิติ
ภายในและอดไม่ได้ที่ จะต้องสะดุ้ง แม้ไม่ได้เป็นมิติเก็บของขนาดใหญ่เท่า
สร้อย ข้อมือวิญญาณเทวะเก้าตะวัน แต่มันก็เพียงพอให้ใส่ร่างของ สัตว์
ปีศาจได้อย่างน้อยก็สี่สิบถึงห้าสิบตัว

ดี เริ่มการขัดเกลาชิ้นต่อไปเลย พอมีประสบการณ์แล้วรอบ หนึ่งน่าจะทํา
ได้เร็วขึ้น” ชิ้นงานแรกที่ได้เป็นเขาพึงพอใจไม่น้อย ถึงตอนนี้ เขาแทบลืม
เลือนโลกภายนอกขณะเริ่มทําการ ขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของ
ชิ้นใหม่ การขึ้นรูปของมัน ยังคงเป็นสร้อยข้อมือเช่นเดิม


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น